๑
1.ช่อื เรอ่ื ง การเรยี นการสอนวิทยาการคำนวณ (Coding)
2. สภาพปญั หา
การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานจะต้องสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม
สภาพแวดล้อม และความรทู้ างวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ทเ่ี จริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อพฒั นา และ
เสริมสร้างศักยภาพคนของชาติ ให้สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยการ
ยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนร้ใู หม้ ีคณุ ภาพและมาตรฐานระดบั สากล สอดคลอ้ งกบั ประเทศไทย
4.0 และโลกในศตวรรษที่ 21 วิชาวิทยาการคำนวณเป็นวิชาที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดทักษะด้านการคิด
วิเคราะห์ เพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการค้นหา
ประเมิน จดั การ พรอ้ มทงั้ นำเอาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจำวันได้อย่างสร้างสรรค์ ซ่ึงท้ังหมดนี้คือ
ทักษะขั้นพื้นฐานในการนำเอาความรู้ท่ีได้ไปตอ่ ยอดกับอีกหลากหลายวิชา และถือได้ว่าเป็นทักษะสำคญั
สำหรับเด็กไทยที่ก้าวเข้าสู่โลกยุค Digital Age อย่างเต็มรูปแบบด้วย Coding ซึ่งเป็นภาษาแห่งอนาคต
เพื่ออนาคต โดยมองภาพกว้างของการศกึ ษาไทยยคุ น้ีท่ไี ม่สามารถหลีกหนี ไดเ้ พราะความเป็น Coding ได้
เริ่มแทรกซึมไปในระบบการศึกษาไทย และยิ่งได้รับการสนับสนุนทั้งจากระดับนานาชาติ บุคลากรในวง
การศึกษา และกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศเปน็ นโยบายหลกั ทำให้การเรียนการสอนวทิ ยาการคำนวณ
(Coding) จงึ เปน็ ศาสตรท์ ่มี ีความจำเปน็ ตอ่ ยคุ ไทยแลนด์ 4.0
จุดเริ่มต้นการเรียนการสอนวิทยาการคำนวณโคด้ ดิง้ ในไทยนั้น เกิดจากนโยบายทนั สมัยทันโลก
ของทา่ น คุณหญิงกลั ยา โสภณพนชิ รัฐมนตรชี ่วยวา่ การกระทรวงศึกษาธิการ ที่จะผลกั ดันให้เด็กไทยต้อง
เรียน 3 ภาษาเปน็ อยา่ งน้อย คอื ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาคอมพวิ เตอร์ ทเ่ี รยี กวา่ โค้ดดงิ้ ซึง่ เปน็
ทกั ษะใหมแ่ ห่งยุคในอนาคตโลกดิจทิ ลั เปน็ ภาษาคอมพวิ เตอรท์ เี่ ราจะสือ่ สารกบั เครือ่ งในอนาคต โดยจะให้
เด็กสามารถเรียนรู้ได้ต้ังแตเ่ ดก็ นกั เรยี นระดับอนบุ าล และตอ่ มากระทรวงศกึ ษาธิการประกาศให้โค้ดด้งิ
เป็นหลกั สตู รทน่ี ักเรยี นท่วั ประเทศต้องเรียนอย่างเปน็ ทางการ (National Standards)
จากการที่โค้ดดิ้ง เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ ทำให้คนส่วนใหญ่มีแนวคิดว่าเป็นเรื่องที่ยาก หรือเรว็
เกินไปท่ีจะให้เดก็ ไทยเรมิ่ เรยี นโค้ดดิ้งต้ังแตเ่ ด็ก และเมอื่ พิจารณาจากความหมายทม่ี ีการบัญญัติไว้ว่า โค้ด
ดิ้ง (CODING) คือ การเขียนชุดคำสั่งของโปรแกรมคอมพิวเตอรด์ ้วย “โค้ด (Code)” เพื่อให้โปรแกรมทำ
ตามคำส่ัง ซึ่งสามารถอธิบายใหเ้ ข้าใจโดยงา่ ย คือ การสั่งงานคอมพวิ เตอร์ใหท้ ำตามท่ีต้องการ โดยการใช้
ภาษาของคอมพวิ เตอร์ เช่น C++,PHP,Java หรือ Python ซึ่งเป็นสิง่ ที่ทำใหร้ ับรู้ได้ว่า การผลักดนั ให้เกดิ
การเรยี นการสอน โค้ดดงิ้ เป็นเรอื่ งท่ีไม่งา่ ย สำหรบั สงั คมไทยที่คอ่ นขา้ งมีความเหล่ือมล้ำเชิงโครงสร้างใน
การเขา้ ถงึ เทคโนโลยสี ารสนเทศ (Digital Divide) ทางการศึกษา หรอื แม้แตเ่ รือ่ งครู
๒
การเรยี นการสอนวิทยาการคำนวณ เพอื่ พฒั นาใหผ้ ู้เรยี นมที ักษะในศตวรรษท่ี 21 และมีมาตรฐาน
ในระดบั ชาติ และระดบั สากลเป็นทกั ษะท่ชี ่วยใหเ้ ดก็ คดิ ทุกเร่อื งอย่างเป็นเหตเุ ปน็ ผล ตามตวั แบบ CODING
ดังต่อไปนี้
C : Creative Thinking ส่งเสริมความคดิ สรา้ งสรรค์
O : Organized Thinking คดิ วเิ คราะห์อย่างเปน็ ระบบ
D : Digital Literacy เข้าใจภาษาดิจิทลั
I : Innovation กอ่ เกิดนวัตกรรม
N : Newness สนับสนนุ การริเริม่ ส่งิ ใหม่ๆ
G : Globalization เข้าสยู่ คุ โลกาภวิ ัตน์
ประเทศที่พัฒนาแล้วได้กำหนดให้วิชา Coding ตั้งแต่ชั้นเริ่มต้น ดังเช่น ประเทศอังกฤษนั้นได้
บังคับให้เรียนในชั้นเรียนประถมศึกษาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 แล้ว และประเทศญี่ปุ่นก็ได้ประกาศให้วิชา
เขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ (Computer Programming) เป็นวิชาบงั คบั ในระดบั ประถมศกึ ษาทัว่ ประเทศ
เริ่มที่ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 5 โดยให้นักเรียนวาดรูปทรงเหลี่ยมด้วยระบบดิจทิ ลั และเขียนคำสัง่ ง่ายๆ ให้
หลอดไฟ กระพริบ เป็นต้น เป้าหมายของการสอนเขียนโค้ด ยังมีมากกว่าการเข้าใจเทคโนโลยี เพราะถือ
เป็นการสอนเรื่องการคิดอย่างมีตรรกะให้กับเด็ก ๆ ผ่านการลองผิดลองถูก ในปัจจุบันการพัฒนาด้าน
เทคโนโลยคี อมพวิ เตอรแ์ ละการสอ่ื สารไดน้ ำมาใชเ้ ป็นเครื่องมอื ช่วยในการทำงาน การศกึ ษา การเรยี นรู้ ให้
มีประสิทธภิ าพและสะดวกสบายมากขนึ้
การเรียนการสอนวิชาวิทยาการคำนวณนับได้ว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับครูไทย เรียกได้ว่าประเดน็
ปัญหาคือ ครยู ังมีความกังวลถงึ วิธีในการจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน ความไมเ่ ขา้ ใจในเรื่องหลักสูตร
วิชาวิทยาการคำนวณ มีความสับสนวา่ ครูในสาระวิชาใดจะเป็นครูผู้สอนในวิชานี้ รวมไปถึงปัญหาสื่อการ
เรยี นการสอนทจ่ี ะทำใหผ้ ู้เรยี นสามารถตอบวัตถุประสงค์และตัวช้วี ดั ของวิชาวทิ ยาคำนวณได้ และโรงเรียน
ในพื้นทหี่ ลายโรงเรยี นยังมีการเรียนการสอนรูปแบบเดิมเฉพาะวิชาคอมพวิ เตอรเ์ ท่านัน้ เนอ่ื งจากวชิ าน้ีเป็น
วิชาที่ต้องเรียนรู้ในรูปแบบ Active Learning โดยผู้เรียนต้องได้ คิด และปฏิบัติ ผ่านสื่อการเรียนรู้ที่
หลากหลาย ลองผิดลองถูก หาข้อผิดพลาด และแก้ไขชิ้นงานได้แบบเปน็ รูปธรรม อันประกอบไปด้วย 2
ส่วน คือ สว่ นของภาคเน้ือหา โดยเชอ่ื มโยงเอาแนวคิดกับหลกั การนำไปใช้งานและปฏิบัติได้จริง และส่วน
ของภาคปฏิบัติ คือ การลงมือทำให้เห็นผลแบบเป็นรูปธรรม และจับต้องได้ ผ่านการฝึกฝนการแกป้ ญั หา
และกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ สิ่งเหล่าน้ีครูผู้สอนวิทยาการคำนวณ จำเป็นตอ้ งได้รับการสนับสนุน
และเพ่ิมพูนทักษะความรู้เพื่อท่จี ะสามารถนำไปถ่ายทอดประสบการณต์ ่อได้ในห้องเรียน
๓
3. วธิ กี ารแก้ปัญหาของสำนักงานเขตพ้ืนที่
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลา เขต 1 ได้ศึกษา วิเคราะห์ สภาพปัญหา การจัด
กิจกรรมการเรียนการสอนในประเด็นปัญหาทีพ่ บคือ ด้านครู ยังมีความกังวลถึงวธิ ีในการจัดการเรียนการ
สอนในห้องเรียน ขาดเข้าใจในเรื่องหลกั สูตรวิชาวิทยาการคำนวณ ยังมีความสับสนในสาระวิชาใดจะเปน็
ครูผู้สอนในวิชานี้ ด้านสื่ออุปกรณ์ และเทคนิควิธีการการเรียนการสอนที่จะท ำให้ผู้เรียนสามารถตอบ
วัตถปุ ระสงคแ์ ละตัวชี้วดั ของวิชาวทิ ยาคำนวณได้ และโรงเรยี นในพื้นทห่ี ลายโรงเรยี นยังมีการเรียนการสอน
รูปแบบเดิมเฉพาะวิชาคอมพิวเตอร์เท่านั้น เพื่อกำหนดแนวทางกระบวนการพัฒนา ตามนโยบายของ
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร โดยให้เรียนรผู้ า่ นการปฏบิ ัติทสี่ ง่ เสรมิ ให้ผเู้ รยี นพฒั นาความคดิ อีกทง้ั เพ่อื ใชเ้ ป็นกรอบ
และทิศทางในการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน และเพื่อให้กระบวนการนำหลกั สูตรไปสู่การปฏิบัติ
อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งร่วมกันรับผิดชอบและทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยจัดทำและพัฒนา
หลักสูตรตามแนวคิดหลักสูตรอิงมาตรฐาน คือ กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายในการพัฒนา
ผเู้ รยี นเพ่อื ให้ผเู้ รียนมีคณุ ภาพตามมาตรฐานการเรยี นรู้ทีก่ ำหนดในหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
มุ่งพัฒนาผเู้ รยี นทุกคนใหม้ ีความสมดุลท้ังดา้ นรา่ งกาย ความรู้ คณุ ธรรม มีจติ สำนกึ ในความเปน็ พลเมอื งไทย
และพลเมอื งโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข มี
ความรแู้ ละทกั ษะพ้นื ฐาน รวมท้งั เจตคติท่จี ำเปน็ ตอ่ การศึกษา ต่อการประกอบอาชพี และการศึกษาตลอด
ชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรยี นเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เตม็
ศักยภาพ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลา เขต 1 มีแนวทางการพฒั นาการเรยี นการสอน
การวิทยาการคำนวณ (Coding) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ฉบับปรับปรุง
พ.ศ. 2560 ดงั น้ี
1. การบริหารจดั การการศึกษา
การใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โรงเรียนในสังกัด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลา เขต 1 ปีการศึกษา 2562 ได้ดำเนินการส่งเสริม
สนับสนนุ ให้มกี ารปรับปรุงหลกั สตู รสถานศกึ ษา ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช
2551 และเอกสารประกอบหลักสูตรขึ้น ที่มุ่งเน้นให้มีองค์ความรู้ที่เป็นสากลเทียบเท่านานาชาติ ปรบั
มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชี้วดั ใหม้ ีความชัดเจน ลดความซ้ำซอ้ น สอดคล้องและเชื่อมโยงกันภายในกลมุ่
สาระการเรียนรู้ ระหว่างกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ตลอดจนเชอ่ื มโยงองคค์ วามรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
และเทคโนโลยเี ขา้ ด้วยกนั โดยให้เรยี นรู้ผา่ นการปฏิบตั ิ เพอื่ ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทกั ษะการคดิ และ
มีสว่ นร่วมในการเรยี นรู้ทกุ ข้ันตอน รวมท้ังสง่ เสรมิ ให้ผู้เรียนเกดิ จิตวทิ ยาศาสตร์ และเจตคติที่ดีต่อการเรียน
วิทยาศาสตร์
๔
2. การพฒั นาบคุ ลากร
มุ่งพัฒนาครูและบุคลากรเพื่อสร้างคุณภาพการศึกษาการในการจัดการเรียนการสอน
วิทยาการคำนวณ รว่ มกบั สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนกั พมิ พ์อักษรเจริญ
ทัศน์ ฝึกอบรมครูแกนทำให้เป็นต้นแบบและครูผู้สอนให้มีองค์ความรูแ้ ละทกั ษะในการจดั กิจกรรมเพื่อให้
ผู้เรียนมีผลการเรียนรู้ และทักษะกระบวนการคิดการใช้เหตุผล (Computing science) มุ่งเน้นการเรยี น
การสอนให้เด็กสามารถคิดเชิงคำนวณ (Computational thinking) การออกแบบ (Information
Communication technology) มีประสิทธิภาพ (Digital Literacy) และมีพัฒนาการตามตวั ชี้วดั ทีก่ ำหนด
ไว้ ซง่ึ ต้องอาศัยการวัดและประเมนิ ผลท่ีสอดคล้องกบั ตวั ชวี้ ัดท่กี ำหนดไว้ องคป์ ระกอบของการสอนทง้ั สาม
ส่วนมคี วามสมั พันธก์ ัน ดงั ภาพ
หลกั สตู รและตวั ช้ีวดั
การเรยี นรู้
กจิ กรรมการเรยี น การวดั ละประเมนิ ผล
การสอน การเรยี นรู้
ภาพที่ 1 องคป์ ระกอบของการจดั การเรยี นการสอน
ดา้ นการจดั การเรยี นการสอนวิทยาการคำนวณ (Computing science)
ปจั จบุ นั การพัฒนาดา้ นเทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์และการส่อื สารได้นำมาใช้เป็นเคร่ืองมือ
ช่วยในการทำงาน การศึกษา การเรียนรู้ ให้มีประสิทธิภาพและสะดวกสบายมากขึ้น การเรียนรูเ้ กี่ยวกับ
เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารท่ีผ่านมาอาจไม่เพยี งพอสำหรบั การดำเนนิ ชีวิตในยุคเศรษฐกิจดจิ ิทลั ที่
ต้องมีพื้นฐานความรู้และทักษะเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตจริงหรือพัฒนานวัตกรรม และใช้ทรัพยากรด้าน
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารในการสร้างองค์ความรู้หรือสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นได้อย่างสร้างสรรค์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนา
ทักษะของผู้เรียนให้ดำรงชวี ิตอยู่ไดอ้ ย่างมีคณุ ภาพในศตวรรษที่ 21 จึงได้ปรับเปลีย่ นหลกั สูตรเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสารไปส่หู ลกั สูตรวิทยาการคำนวณท่ีมงุ่ เน้นให้ผเู้ รียนได้พัฒนาทกั ษะการคิดวเิ คราะห์
แกป้ ญั หาอย่างเป็นขัน้ ตอนและเปน็ ระบบ มีทกั ษะการคดิ เชิงคำนวณ และเปน็ ผูท้ ี่มีคุณธรรม จริยธรรม และ
๕
ค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ การจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาการ
คำนวณมีเป้าหมายท่ีสำคัญในการพัฒนาผู้เรียนกลา่ วคอื เพื่อให้ผู้เรียนมีความสามารถใชท้ กั ษะการคิดเชงิ
คำนวณ ในการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบมีทักษะในการค้นหาข้อมูลหรือ
สารสนเทศประเมิน จัดการ วิเคราะห์ สังเคราะห์ และนำสารสนเทศไปใช้ในการแก้ปัญหา สามารถ
ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์สื่อดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการ
แกป้ ญั หาในชวี ติ จริง การทำงานรว่ มกันอยา่ งสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ตอ่ ตนเองหรือสงั คม และสามารถใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างปลอดภัย รู้เท่าทนั มีความรับผดิ ชอบมจี รยิ ธรรม ซึ่งในระดับชั้น
มัธยมตอนต้น จะเป็นการเรยี นการสอนท่ีเน้นการออกแบบและการเขียนโปรแกรมอย่างง่าย เพื่อฝึกแกไ้ ข
ปัญหาทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ไปพร้อม ๆ กัน ส่วนในระดับชั้นมัธยมตอนปลาย จะเป็นการ
ประยกุ ตใ์ ชแ้ นวคดิ เชงิ คำนวณ เพอื่ นาไปใช้ในการ บูรณาการกบั โครงงานวิชาอนื่ ๆ อย่างสรา้ งสรรค์และมี
ประสิทธิภาพมากท่ีสดุ
ดา้ นขอบเขตของวิชาวิทยาการคำนวณ
การกาหนดขอบเขตการเรียนการสอนของวชิ าวิทยาการคำนวณมี 3 องค์ความรู้ ดังนี้
1. การคิดเชิงคำนวณ (computational thinking) เป็นวิธีการคิดและแก้ปัญหาเชิง
วเิ คราะห์ สามารถใชจ้ นิ ตนาการมองปัญหาดว้ ยความคิดเชงิ นามธรรม ซึง่ จะทำให้เราสามารถเห็นแนวทาง
ในการแก้ปัญหาอยา่ งเป็นขน้ั ตอนและมลี ำดับวิธคี ิดได้ โดยวธิ ีคิดแบบวทิ ยาการคำนวณน้ี ไมใ่ ช่เพียงแค่การ
เขียนโปรแกรม เพราะภาษาโปรแกรมมีการเปล่ยี นแปลงตลอดเวลา แต่จุดประสงคท์ สี่ ำคญั กว่าคือการสอน
เริ่มต้นให้เด็กได้ฝึกทักษะการคิดและเชื่อมโยงปญั หาต่าง ๆ เป็นจนสามารถแกป้ ัญหาได้อย่างเป็นระบบ
(Digital un plugged)
2. พื้นฐานความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ( Information Communication
Technology) เปน็ การสอนให้รจู้ กั เทคนิควธิ กี ารต่างๆ เกีย่ วกบั เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั โดยเฉพาะในยคุ ไทยแลนด์
4.0 จะเน้นในด้านระบบอัตโนมัติ (Automation) ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเกษตร
อตุ สาหกรรม หรอื คมนาคม ให้เด็ก ๆ ได้เรยี นรู้อยา่ งรอบดา้ น และนำมาประยุกต์ใช้งานได้อยา่ งเหมาะสม
3. พื้นฐานการรู้เท่าทันสื่อและข่าวสาร (media and digital literacy) เป็นทักษะ
เกี่ยวกับการรู้เท่าทันสื่อและเทคโนโลยีดิจิทัล แยกแยะได้ว่าข้อมูลใดเป็นความจริงหรือความคิดเห็น
โดยเฉพาะขอ้ มลู บนสอื่ สงั คมออนไลน์ นอกจากน้ยี ังเป็นเร่อื งของความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ รู้กฎหมาย
และลิขสทิ ธ์ทิ างปัญญาต่าง ๆ เพ่อื ให้เดก็ ใชช้ ่องทางน้ีได้อย่างรเู้ ทา่ ทันและปลอดภยั มากทีส่ ดุ
การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ สามารถกำหนดวิธีการและเครื่องมือ
สำหรับวัดและประเมินผลภายใต้กรอบของตัวชี้วัด วิธีวัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ที่สำคญั
ไดแ้ ก่ การสอบ การสงั เกต การสมั ภาษณแ์ ละการประเมินช้นิ งาน สาหรับเครอ่ื งมือที่ใช้ ไดแ้ ก่ แบบทดสอบ
แบบสังเกต และแบบประเมินคุณภาพ ตามลำดับ การสร้างเครื่องมือ และเกณฑ์การประเมินทำได้โดย
วิเคราะห์ตัวชว้ี ัด
๖
๓. การจัดการเร่อื งสอื่ เทคโนโลยี และแหลง่ เรียนรู้
ได้ดำเนินการคัดเลอื กเพื่อพัฒนาเป็นโรงเรยี นต้นแบบ ของสำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษา
ประถมศึกษาสงขลา เขต 1 เพ่ือพัฒนาจัดกจิ กรรมการเรียนรผู้ า่ นพน้ื ที่พฒั นานักประดษิ ฐด์ จิ ิทัล (Learning
with DYMSD) จำนวน 2 โรงเรยี น โรงเรยี นวัดแมเ่ ปยี ะ และโรงเรียนบา้ นมว่ งพุ่ม โดยไดร้ บั การสนับสนุน
สื่ออุปกรณ์ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาวิทยาการคำนวณ ได้จัดกิจกรรมการเรยี นการสอนที่เนน้
ผู้เรยี นเป็นสำคญั ใหผ้ ู้เรียนเรียนรูจ้ ากการฝึกปฏบิ ตั จิ รงิ และได้นำทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาใช้
ในการทำกิจกรรมกลุ่มของผู้เรียน โดยฝึกให้ผู้เรียนรู้จักสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว และการสืบค้นจากสอื่
เทคโนโลยีที่หลากหลาย แลว้ นำมาประมวลเปน็ ความคิด ใหไ้ ดอ้ งค์ความรู้ทช่ี ดั เจน เพือ่ นำมาทำสิง่ ประดิษฐ์
ในรปู แบบต่าง ๆ เชน่ การใชข้ ้อต่อและหลอดประดษิ ฐ์เปน็ รูปตุ๊กตาหิมะ ลกู บอล กงั หนั ลูกขา้ งไฟกระพรบิ
ยีราฟ ผีเสื้อ หุ่นยนต์โบกมือ รูปตึกและใช้วิธีการวัดผลประเมินผลทีห่ ลากหลาย เช่น ทำแบบทดสอบ ทำ
ช้นิ งาน การสังเกตพฤตกิ รรม และใหผ้ เู้ รยี นไดแ้ ลกเปลยี่ นอภปิ รายผลงานของแตล่ ะกลมุ่ นอกจากนไ้ี ดม้ กี าร
บนั ทึกหลงั สอน เพอ่ื ใหผ้ ลสะทอ้ นกลบั หลงั จากจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ แลว้ นำผลไปพัฒนาและปรับปรุงการ
เรยี นการสอนให้มปี ระสทิ ธภิ าพมากยง่ิ ข้นึ ทั้งนี้จะมกี ารรายงานผลผเู้ รยี น ให้กับครูประจำชน้ั ผ้บู รหิ าร และ
ผปู้ กครองทราบเพอ่ื รว่ มกนั แกป้ ัญหาและพัฒนาต่อไป สง่ ผลให้ผ้เู รยี นมีความสนใจในการเรียน มีความสุข
ในการเรยี น ภาคภมู ใิ จในผลงานของตน ในด้านตา่ ง ๆ ดงั น้ี
ด้านความพร้อมของหอ้ งและอปุ กรณต์ า่ ง ๆ (Preparedness for Equipment)
โรงเรยี นวดั แมเ่ ปยี ะ ได้จดั เตรยี มความพร้อมของห้องและอปุ กรณต์ า่ ง ๆ โดยมผี ้บู ริหาร
ที่เป็นผู้นำ ซึ่งได้เล็งเห็นความสำคัญของการจัดห้องเรียนรู้นวัตกรรม สร้างสรรค์นักประดิษฐ์ดิจิทัล ได้
มอบหมายให้ครู คือ นางสาวศิรดา จันทร์ประดิษฐ์ เป็นผู้ดูแลระบบและบารงุ รักษาห้องพื้นที่พัฒนานัก
ประดษิ ฐ์ดิจทิ ัล และอุปกรณ์ประกอบการเรยี นรู้ ทีม่ ีความพร้อมในการใช้จดั การเรียนการสอนตลอดเวลา มี
การจัดทำทะเบียนสื่อทช่ี ัดเจน และมกี ารซ่อมบารุงสอ่ื ทส่ี ามารถซอ่ มได้ เพ่ือใหค้ รูท่ีรบั ผิดชอบการสอนวิชา
วิทยาการคำนวณ เขา้ มาใช้บริการห้อง ทไ่ี ด้รบั ความสะดวกในการหยิบใช้สือ่ ต่าง ๆ ไปใช้ในการจัดกิจกรรม
การเรยี นการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกดิ ประสิทธิผล
ภาพท่ี 2 การบริหารจดั การพื้นที่ ส่อื อปุ กรณโ์ รงเรยี นวัดแมเ่ ปยี ะ
สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาสงขลา เขต 1
๗
ดา้ นผลงานของผเู้ รยี น (Student success)
ครูผู้รับผิดชอบการจัดการเรียนการสอนร่วมกับผู้เรียน ได้นำผลงานท่ีเกดิ จากการทำ
กิจกรรมการเรียนรู้จากใบงาน ใบกิจกรรม ต่าง ๆ ไปจัดแสดงผลงานในโซนที่ 3 ของห้อง และยังได้นำ
ผลงาน ท่ีเกดิ จากความคดิ สร้างสรรค์ของผเู้ รยี น ไปจดั แสดงนิทรรศการ ห้องเรยี นรู้นวตั กรรม สร้างสรรค์
นักประดิษฐด์ จิ ทิ ลั ในงานทักษะวิชาการ ครง้ั ที่ 2 เม่อื วนั ที่ 15 กนั ยายน 2562 ณ โรงเรยี นอนุบาลสงขลา
โดยมีทา่ น ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และ
ดร.ประสิทธิ หนูกุ้ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลาเขต 1 และคณะ
ศึกษานิเทศก์ ผู้บริหาร คณะครูจากโรงเรียนต่าง ๆ เข้าเยี่ยมชม ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดความภาคภูมิใจใน
ผลงานของตนเอง
ภาพที่ 3 กจิ กรรมการเรยี นการสอนวิทยาการคำนวณ
4. การนเิ ทศกำกบั ตดิ ตาม
เพื่อให้การดำเนินตามงานตามภารกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสัมฤทธิ์ผลตาม
เป้าหมาย จึงได้กำหนดวธิ ีการปฏิบัติตามหลัก DOME (โดม) คือ หลัก 1 แยก 3 ยก (หลัก 4 ยอ) เพื่อให้
การดำเนนิ งานตามภารกจิ เป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพและสมั ฤทธิ์ผลตามความคาดหวงั จงึ กำหนดหลักการ
ทำงานมุ่งสู่เป้าหมายความสำเร็จตามหลัก DOME (โดม) หมายถึง หลังคากลม หรือยอดกลมของอาคาร
แสดงถึงเป้าหมายของหลักการพัฒนามุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดที่มีความแตกต่างที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด ตาม
ลกั ษณะ ของ DOME โดยยดึ หลกั 4 ประการ ดงั นี้
D (Distinguish) หมายถึง แยกแยะ โดยการจำแนก การทำใหเ้ รารถู้ งึ ขอ้ แตกต่าง การ
วินจิ ฉัย โดยการนำขอ้ มูลสารสนเทศมาใช้ประโยชนใ์ นการจำแนก วินิจฉยั การทำใหเ้ หน็ ข้อแตกตา่ งรวมถึง
การจัดกล่มุ เพ่ือให้การดำเนนิ การบรรลเุ ปา้ หมาย
O (Overhaul) หมายถึง ยกเครื่อง โดยการปรับปรุงใหม่ การชำระ สะสาง ปรับโฉม
ใหม่ แก้ไขใหม่ ซึ่งในความหมายคือ แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด วิธีการทำงาน การปรับปรุงวิธีการ
ทำงาน กำหนดรูปแบบ วิธีการทางานแบบใหม่
๘
M (More the troops) หมายถึง ยกทัพ โดยการเคลื่อนที่ เคลื่อนไหวสู่จุดหมาย
ปลายทางของกล่มุ คน หมู่คน การรวมกลุ่ม การรวมพลงั ของหม่คู นในองคก์ รเพอ่ื การเคลอื่ นท่ี เคลื่อนไหว
เคลื่อนตัวไปส่จู ุดหมายปลายทาง เพ่อื การนิเทศตดิ ตามประเมินผล
E (Esteem) หมายถงึ ยกย่อง โดยการเชิดชู ชมเชย ชนื่ ชม สรรเสริญ การเคารพ
การสร้างขวัญกำลังใจกบั ผลงานท่สี ำเรจ็ บรรลุเป้าหมายของบุคคล หน่วยงาน องคก์ ร
4. การวิเคราะห์ขอ้ มูล
การศึกษารายกรณี (Case study) เรื่อง การจัดการเรียนการสอนวิทยาการคำนวณ โรงเรียนในสังกดั
สำนกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาสงขลา เขต 1 ไดศ้ ึกษาเอกสารและสัมภาษณผ์ ทู้ ่ีเกยี่ วข้อง พบวา่
ด้านเอกสารหลักสูตรสถานศึกษามีการปรับปรุง แก้ไขตามที่กำหนด ที่ต้องแก้ไขเพิ่มเติมในด้านเรื่อง
ออกแบบแผนการจดั การเรียนรใู้ หส้ อดคล้องกับหลักสตู ร ด้านการนำหลกั สตู รไปใช้ โรงเรยี นยังใชร้ ูปแบบ
การเรียนการสอนเฉพาะสาระคอมพวิ เตอร์ จำเปน็ ต้องมีการเปล่ียนแปลงกระบวนการเรยี นการสอนที่เน้น
ผู้เรียนเปน็ สำคัญในสาระการเรียนรู้เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และมีทักษะการคิด
เชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ โดยประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการ
คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร ในการแกป้ ญั หาที่พบในชีวติ จริงไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ
ใน 3 สาระหลกั ดังน้ี
วิทยาการคอมพิวเตอร์ (computer Science) ได้แก่ ทักษะการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนและ
เปน็ ระบบ การใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปญั หาในชีวิตประจาวัน การบูรณาการกบั วิชาอืน่ การเขียน
โปรแกรม การคาดการณ์ผลลัพธ์ การตรวจหาข้อผิดพลาด การพัฒนาแอปพลิเคชันหรือพฒั นาโครงงาน
อย่างสร้างสรรค์เพอื่ แก้ปญั หาในชวี ติ จรงิ
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information Communication Technology) ได้แก่
ทักษะการรวบรวมขอ้ มูล การประมวลผล การประเมนิ ผลการนำเสนอขอ้ มูลหรอื สารสนเทศเพื่อแก้ปัญหา
ในชวี ติ จริง การคน้ หาขอ้ มลู และแสวงหาความรู้บนอินเทอรเ์ นต็ การประเมินความน่าเชือ่ ถอื ของขอ้ มลู การ
เลือกใชซ้ อฟต์แวรห์ รือบริการบนอนิ เทอร์เน็ต ข้อตกลงและข้อกำหนดในการใช้สื่อหรือแหลง่ ข้อมูลต่าง ๆ
หลกั การทำงานของคอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยีการสอ่ื สาร
การรู้ดิจิทัล digital literacy) ได้แก่ ทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่าง
ปลอดภัย การจดั การอัตลกั ษณ์ การรู้เท่าทันสอ่ื กฎหมายเกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ การใชล้ ขิ สทิ ธ์ขิ องผู้อ่ืนโดย
ชอบธรรม นวัตกรรมและผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารต่อการดำเนินชีวิต อาชีพ
สงั คม และวัฒนธรรม
สรปุ ผลการศกึ ษาพบว่า ทักษะการ coding นเี้ ป็นทักษะพืน้ ฐานที่เดก็ ไทยทกุ คนสามารถนำไปใช้ได้
กับทกุ สถานการณใ์ นการดำรงชีวิต ซ่งึ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม วชิ าวิทยาการคำนวณไม่ไดส้ อนเพือ่ ให้เด็ก
๙
ทุกคนทเ่ี รยี นตอ้ งเปน็ โปรแกรมเมอร์ หรอื นกั วิทยาศาสตร์คอมพวิ เตอร์ แต่ต้องการใหเ้ ดก็ มีทกั ษะการคดิ
อย่างมวี ิจารณญาณ และสามารถสร้างแนวทางการแก้ปญั หาไดอ้ ย่างเปน็ ระบบ
5. ขอ้ เสนอแนะของผศู้ กึ ษาดงู าน
เมื่อผู้เรียนฝึกทักษะการคิดแบบมีตรรกะในลักษณะการ coding จนคุ้นเคย พร้อมกับค่อยๆ เรียนรู้
วิธีการเขยี นโปรแกรม เชน่ ทำความร้จู กั กบั คำสง่ั รปู แบบตา่ ง ๆ และนำทง้ั สองอยา่ งนม้ี าใช้ร่วมกัน ในการ
แก้ปญั หาจนสำเรจ็ กถ็ อื ว่าบรรลผุ ล ดังน้นั การเรียนเขียนโค๊ดในระยะเร่ิมตน้ โดยไมม่ คี อมพวิ เตอร์ จึงไม่ใช่
เร่อื งท่ยี ากโดยเฉพาะตัวอย่างที่เปน็ รูปธรรมของการเรยี นการสอนแบบ “ปล๊ัก อนิ ” (Plug in) การเรียนการ
สอนผ่านโปรแกรม CODEMONKEY เป็นนวัตกรรมการเรียนการสอนสมยั ใหม่ที่ส่งเสริมทักษะศตวรรษที่
21 ให้กับเด็กไทยยุค 4.0 ซึ่งจะช่วยพัฒนาสมอง ความคิดสร้างสรรค์ ความคิดเชิงคำนวณและตรรกะ
รวมถึงการทำงานเป็นทีม โดยนำเสนอในรูปแบบของสื่อการเรียนการสอนที่ออกแบบมาในลักษณะเกม
การศกึ ษา โดยเปน็ 1 ใน 5 เกมการศกึ ษาท่ีไดร้ ับการยอมรับว่ายอดเย่ยี มทจ่ี ะทาให้ coding สมั ฤทธ์ิผลได้
เป็นอยา่ งดี
กระบวนการเรียนรู้ดังกล่าว สามารถที่จะอธิบายความเกี่ยวข้องระหว่างองค์ประกอบต่าง ๆ ได้
ชัดเจนมากขึ้น ดงั น้ี
CODEMONKEY CODING คนในศตวรรษท่ี 21
หนงึ่ ในหลากหลายนวตั กรรม ภาษาแห่งอนาคต (3R8C)
การเรยี นการสอนสมยั ใหม่
ภาพที่ 4 กระบวนการเรยี นการสอนวทิ ยาการคำนวณ (Coding)
บทสรปุ ของการเรียนการสอนวิทยาการคำนวณ (Coding) เพ่อื การยกระดบั ทรพั ยากรมนุษย์ส่กู าร
เป็น “CODING Citizen” จำเปน็ ตอ้ งอาศยั “CODING Network Teacher” เครอื ข่ายครู ผบู้ รหิ าร
สถานศกึ ษา และบคุ ลากรทางการศึกษาอ่ืน ในการขับเคล่ือนเพอื่ ใหป้ ระสบผลสำเรจ็
๑๐
แหล่งทม่ี า
แคมป์ปสั . วิทยาการคำนวณ วชิ าใหม่ของนักเรียนไทย. สบื ค้นเมอ่ื 6 สิงหาคม 2561
จาก https://campus.campus-star.com/education/62881.html
รศ.ยนื ภู่วรวรรณ. วทิ ยาการคำนวณ คอื อะไร?. สบื คน้ เม่อื 6 สิงหาคม 2561.
จาก https://school.dek-d.com/blog/kidcoding/computational-science/
ยุทธคม ภมรสพุ รวชิ ิต และ ปรชั ญา เปรมมะ. (2561) เอกสารแนวทางการจัดการเรยี นการสอนตาม
มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชวี้ ัด กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ( ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560)
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์
บุรนิ ทร์ รจุ จนพันธ์ุ. วทิ ยาการคานวณ (Computing science) คอื อะไร. สบื ค้นเม่ือ 6 สงิ หาคม
2561 . จาก http://www.thaiall.com/computingscience/
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย.ี (2561). ค่มู อื รายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้ีวดั กล่มุ สาระการเรียนรู้
วทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช
2551. กรุงเทพฯ : สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2561). คมู่ อื การใชห้ ลกั สูตรรายวิชาพ้นื ฐาน
วทิ ยาศาสตร์ ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้วี ัด กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง
พ.ศ.2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 สาระเทคโนโลยี
(วทิ ยาการคำนวณ) ระดับประถมศกึ ษาและมัธยมศึกษา. กรงุ เทพฯ : สถาบนั สง่ เสรมิ การสอน
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร.
วิทยาจารย์. (2652) วารสารเพอ่ื การพัฒนาวิชาชีพครู ปที ่ี 118 ฉบบั ท่ี 11เดอื นกันยายน 2562 กรุงเทพฯ :
สำนกั งำนเลขำธกิ ำรครุ ุสภำ.