The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

01 51-01-0182 แผนฯ วิทยาศาสตร์ ป.1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by phimpinit, 2022-10-19 10:15:26

01 51-01-0182 แผนฯ วิทยาศาสตร์ ป.1

01 51-01-0182 แผนฯ วิทยาศาสตร์ ป.1

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 ก

คู่มอื ครู แผนการจดั การเรียนรู้

กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์

วทิ ยาศาสตร์ ป. 1

ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551

ฉบับปรับปรุงใหม่ 2560

ค่มู อื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ ออกแบบการจดั การเรียนรู้ม่งุ เน้น ผู้เรียบเรียง
• ยดึ หลกั ว่าผ้เู รียนมคี วามสาคญั มากทส่ี ุด ดร.บญั ชา แสนทวี กศ.บ., ค.ม., กศ.ด.
• ใช้แนวคดิ Backward Design ผสมผสานกบั แนวคดิ
ทฤษฎกี ารเรียนรู้ต่าง ๆ อย่างหลากหลาย ชนิกานต์ นุ่มมีชยั กศ.บ., กศ.ม.
• ใช้มาตรฐานการเรียนรู้ และตวั ช้ีวดั ช้ันปี เป็ นเป้ าหมาย วรี ะพงษ์ ก๋าอินตา วท.บ., วท.ม.
• เสริมสร้างสมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียนในการส่ือสาร
การคดิ การแก้ปัญหา การใช้ทกั ษะชีวติ และการใช้เทคโนโลยี บรรณาธิการ
• สร้างเสริมพหุปัญญาและความเข้าใจทค่ี งทนของผ้เู รียน สุระ ดามาพงษ์ กศ.บ., กศ.ม.
• สร้างเสริมทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ นริสรา ศรีเคลือบ วท.บ., วท.ม.
• แบ่งแผนการจดั การเรียนรู้เป็ นรายชั่วโมง สะดวก
ในการใช้ วารี โตพนั ธ์ วท.บ.
• ตามแนวทางการจดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้ของสถานศึกษา
ทมี่ อี งค์ประกอบครบถ้วน
• นาไปพฒั นาเป็ นผลงานทางวชิ าการเพอ่ื เลอ่ื นวทิ ยฐานะได้

ผลิตและจดั จาหน่ายโดย บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
วฒั นาพานิช สาราญราษฎร์

216–220 ถนนบารุงเมือง แขวงสาราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
โทร. 02 222 9394 • 02 222 5371–2 FAX 02 225 6556 • 02 225 6557
email: [email protected]

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 ข

คู่มอื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์ ป. 1
ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551
ฉบบั ปรับปรุงใหม่ 2560

สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย
ห้ามละเมิด ทาซา้ ดดั แปลง เผยแพร่
ส่วนหนึ่งส่วนใด เว้นแต่จะได้รับอนุญาต
คณะผ้เู ขียน
ดร.บญั ชา แสนทวี ชนิกานต์ นุ่มมีชยั วีระพงษ์ ก๋าอินตา
บรรณาธิการ
สุระ ดามาพงษ์ นริสรา ศรีเคลือบ วารี โตพนั ธ์

ISBN 978-974-18-5817-0

พมิ พ์ที่ บริษัท โรงพมิ พ์วัฒนาพานิช จากดั นายเริงชยั จงพิพฒั นสุข กรรมการผจู้ ดั การ

สื่อการเรียนรู้ ป. 1–ป. 6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551

 หนงั สือเรียน (ศธ. อนุญาต)  หนงั สือเรียน รายวชิ าเพมิ่ เตมิ  แบบฝึ กหดั /แบบฝึ กทกั ษะ  ฉบับสมบูรณ์แบบ

 แผนฯ (CD)  Audio CD  คู่มอื การสอน  PowerPoint

หนงั สือเรียน • แบบฝึกหัด • ฉบบั สมบูรณแ์ บบ • แผนฯ (CD) • คู่มือการสอน • PowerPoint ภาษาไทย ป. ๑–๖ เล่ม ๑–๒........................................สุระ ดามาพงษ์ และคณะ
หนงั สือเรียน • คู่มือการสอน หลกั การใช้ภาษาไทย ป. ๑–๖........................................................................................................................................สุระ ดามาพงษ์ และคณะ
หนงั สือเรียน • แบบฝึกหดั • ฉบบั สมบูรณแ์ บบ • แผนฯ (CD) • คูม่ ือการสอน • PowerPoint คณติ ศาสตร์ ป. 1–6 เล่ม 1–6......ดร.สุวรรณา จุย้ ทอง • ประทุมพร ศรีวฒั นกูล
หนงั สือเรียน • แบบฝึกทกั ษะ • ฉบบั สมบรู ณ์แบบ • แผนฯ (CD) • คู่มือการสอน • PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ป. 1–6.........................................ดร.บญั ชา แสนทวี และคณะ
หนงั สือเรียน • แบบฝึกทกั ษะ • ฉบบั สมบูรณ์แบบ • แผนฯ (CD) • คู่มือการสอน • PowerPoint สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป. 1–6............สุเทพ จิตรช่ืน และคณะ
หนงั สือเรียน • แบบฝึกทกั ษะ • ฉบบั สมบูรณ์แบบ • แผนฯ (CD) • คูม่ ือการสอน • PowerPoint สุขศึกษาและพลศึกษา ป. 1–6........................ผศ.เชาวลิต ภูมิภาค และคณะ
หนงั สือเรียน • แบบฝึกทกั ษะ • ฉบบั สมบูรณ์แบบ • แผนฯ (CD) • คูม่ ือการสอน • PowerPoint ศิลปะ ป. 1–6.........................................................ทวีศกั ด์ิ จริงกิจ และคณะ
หนงั สือเรียน • แบบฝึกทกั ษะ • ฉบบั สมบูรณแ์ บบ • แผนฯ (CD) • คูม่ ือการสอน • PowerPoint การงานอาชีพและเทคโนโลยี ป. 1–6...........................อรุณี ลิมศิริ และคณะ
หนงั สือเรียน • แบบฝึกทกั ษะ • ฉบบั สมบูรณ์แบบ • แผนฯ (CD) • คู่มือการสอน • PowerPoint เทคโนโลยีสารสนเทศ ป. 1–6..........................................ณฐั กานต์ ภาคพรต
หนงั สือเรียน • แบบฝึกทกั ษะ • แผนฯ (CD) • คูม่ ือการสอน • PowerPoint ประวัติศาสตร์ ป. 1–6 ................................................................รศ. ดร.ไพฑรู ย์ มีกุศล และคณะ
หนงั สือเรียน • แบบฝึกทกั ษะ • แผนฯ (CD) • คู่มือการสอน • PowerPoint พระพทุ ธศาสนา ป. 1–6 ....................................................รศ. ดร.จรัส พยคั ฆราชศกั ด์ิ และคณะ
หนงั สือเรียน รายวชิ าเพิ่มเติม • แผนฯ (CD) อาเซียนศึกษา ป. 1–6 .........................................................................................................................สมพร อ่อนนอ้ ม และคณะ
หนงั สือเรียน รายวชิ าเพม่ิ เติม • แผนฯ (CD) • PowerPoint หน้าทพ่ี ลเมือง ๑–๖ ป. ๑–๖ ..........................................................................................สมพร อ่อนนอ้ ม และคณะ

หนงั สือเรียน • แบบฝึกหัด • แผนฯ (CD) • Audio CD TOPS ป. 1–6.............................................................................................................Rebecca York Hanlon และคณะ
หนงั สือเรียน • แบบฝึกหดั • แผนฯ (CD) • Audio CD Gogo Loves English ป. 1–6................................................................................................Stanton Procter และคณะ

ส่ือการเรียนรู้ ฉบบั สมบูรณ์แบบ • แผนฯ (CD) ภาษาองั กฤษ ป. 1–6............................................................................................................ดร.ประไพพรรณ เอมชู และคณะ
กจิ กรรม ลูกเสือ–เนตรนารี ฉบบั สมบรู ณ์แบบ • แผนฯ (CD) • PowerPoint ป. 1–6...........................................................................................ดร.อานาจ ช่างเรียน และคณะ
กจิ กรรม ยุวกาชาด ฉบบั สมบรู ณ์แบบ • แผนฯ (CD) • PowerPoint ป. 1–6........................................................................................................ดร.อานาจ ช่างเรียน และคณะ

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 ค

คานา

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1–6 ชุดน้ีเป็นสื่อการเรียนรู้ที่จดั ทาข้ึนโดยยึด
แนวทางการจดั การเรียนรู้ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551สาหรับนกั เรียน
ช่วงช้ันท่ี 1–2 โดยออกแบบการจดั การเรียนรู้ที่เน้นผูเ้ รียนเป็ นศูนย์กลางผสมผสานกบั แนวคิดของ
Backward Design (BwD) โดยถือว่าผเู้ รียนสาคญั ที่สุด คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ชุดน้ี
ส่งเสริมนกั เรียนใหม้ ีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ท้งั เป็นรายบุคคลและรายกลุ่ม เนน้ กระบวนการคิด
วิเคราะห์ สงั เคราะห์ และสามารถสร้างองคค์ วามรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง ส่งเสริมนกั เรียนใหเ้ ช่ือมโยงความรู้ท้งั
ในและต่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ในเชิงบูรณาการดว้ ยวิธีการที่หลากหลาย สร้างสถานการณ์การเรียนรู้ท้งั
ในและนอกห้องเรียน โดยครูมีบทบาทหน้าท่ีในการเอ้ืออานวยความสะดวกให้แก่นกั เรียนเพื่อให้
นกั เรียนมีคุณภาพตามสาระ มาตรฐานการเรียนรู้ และตวั ช้ีวดั ช้นั ปี รวมท้งั พฒั นานกั เรียนใหม้ ีสมรรถนะ
สาคญั และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคต์ ามที่หลกั สูตรกาหนด เพื่อใหน้ กั เรียนสามารถดารงชีวิตอย่รู ่วมกบั
ผอู้ ื่นในสงั คมไทยและสงั คมโลกไดอ้ ยา่ งมีความสุข

การจดั ทาคู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ชุดน้ีไดจ้ ดั ทาตรงตามหลกั สูตรแกนกลาง
การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551ซ่ึงครอบคลุมทุกสาระการเรียนรู้ ภายในเล่มไดน้ าเสนอแผนการ
จัดการเรียนรู้เป็ นรายช่ัวโมงตามหน่วยการเรียนรู้ เพ่ือครูนาไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้สะดวก
นอกจากน้ีแต่ละหน่วยการเรียนรู้ยงั มีการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ท้งั 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นความรู้
ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และจิตวิทยาศาสตร์ และดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ ทาใหท้ ราบผลสัมฤทธ์ิของ
นกั เรียนแต่ละหน่วยการเรียนรู้ไดท้ นั ที

ค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1–6 ชุดน้ีนาเสนอเน้ือหาแบ่งเป็น 3 ตอน คือ
ตอนท่ี 1 แนวทางการจดั แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ประกอบดว้ ย
แนวทางการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ แนวคิด หลกั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design
(BwD) แนวทางการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตารางวิเคราะห์ความสอดคลอ้ งของ
เน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้กบั สาระ มาตรฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และตวั ช้ีวดั ช้นั ปี และโครงสร้าง
การแบ่งเวลารายชว่ั โมงในการจดั การเรียนรู้
ตอนท่ี 2 แผนการจัดการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1 ไดเ้ สนอแนะแนวทางการ
จดั การเรียนรู้แต่ละหน่วยการเรียนรู้ในส่ือการเรียนรู้ สมบูรณ์แบบ และหนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ซ่ึง
แบ่งเป็นแผนยอ่ ยรายชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนรู้แต่ละแผนมีองคป์ ระกอบครบถว้ นตามแนวทางการ
จดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้ของสถานศึกษา
ตอนท่ี 3 เอกสาร/ความรู้เสริมสาหรับครู ประกอบดว้ ยแบบทดสอบต่าง ๆ และความรู้เสริม
สาหรับครูซ่ึงบนั ทึกลงในซีดีรอม (CD-ROM)
หวงั เป็นอยา่ งยงิ่ วา่ ค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1–6 ชุดน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อ
การนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจดั การเรียนรู้ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ มของนกั เรียนต่อไป

คณะผู้จดั ทา

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 ง

สารบัญ

ตอนที่ 1 แนวทางการจดั แผนการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์....................................1
1. แนวทางการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้...........................................................................................2
2. แนวคิด หลกั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design (BwD)...............................7
3. แนวทางการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลาง
การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551....................................................................................20
4. ตารางวเิ คราะห์ความสอดคลอ้ งของเน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้กบั
สาระ มาตรฐานการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และตวั ช้ีวดั ช้นั ปี กลมุ่ สาระการเรียนรู้
วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1……………………………………………….............…..27
5. โครงสร้างการแบ่งเวลารายชวั่ โมงในการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1................................................................................................................29

ตอนท่ี 2 แผนการจัดการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1.......................................................36
แผนการจดั การเรียนรู้ปฐมนิเทศ………………………………................................................37

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ส่ิงมีชีวติ และส่ิงไม่มีชีวติ ................................................................................41
ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการจดั การเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน..................................................41
ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design.........................................................42
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 การจาแนกสิ่งมีชีวิตและส่ิงไมม่ ีชีวติ .................................................44
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2 การเคล่ือนไหวของสิ่งมีชีวติ .............................................................50

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 พชื ในสวน.......................................................................................................55
ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการจดั การเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน..................................................55
ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design.........................................................56
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 โครงสร้างของพืช.............................................................................59
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 4 โครงสร้างและหนา้ ที่ของรากและลาตน้ ...........................................64
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 โครงสร้างและหนา้ ที่ของใบ.............................................................69
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 6 โครงสร้างและหนา้ ท่ีของดอก..........................................................74
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 7 โครงสร้างและหนา้ ที่ของผล.............................................................79
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 8 ประโยชนข์ องพืช..............................................................................85
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 9 พืชในทอ้ งถ่ิน....................................................................................90
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 10 การจาแนกพืชในทอ้ งถ่ิน................................................................95

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารวจสัตว์รอบตวั ........................................................................................100
ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการจดั การเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน................................................100
ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design.......................................................101
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 11 โครงสร้างภายนอกของสตั ว.์ ........................................................103

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 จ

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 12 จานวนขาของสตั ว.์ .......................................................................108
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 13 อวยั วะท่ีใชใ้ นการเคลื่อนท่ีของสัตว.์ ............................................113
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 14 ลกั ษณะรูปร่างและแหล่งท่ีอย่อู าศยั ของสตั ว.์ ................................118
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 15 สตั วใ์ นทอ้ งถิ่น..............................................................................123
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 16 การจดั กลุ่มสตั วใ์ นทอ้ งถ่ิน............................................................128
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 17 ประโยชนข์ องสตั ว.์ .......................................................................133
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ตวั เราน่ารู้......................................................................................................139
ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการจดั การเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน................................................139
ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design.......................................................140
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 18 โครงสร้างส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย................................................142
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 19 การมองเห็นและการไดย้ นิ ............................................................147
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 20 การดมกลิ่นและการรับรส.............................................................152
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 21 การสมั ผสั .....................................................................................157
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 22 การดแู ลรักษาตา หู และจมกู .........................................................162
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 23 การดูแลรักษาปากและฟัน............................................................168
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 24 การดแู ลรักษาร่างกาย....................................................................173
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ของเล่นแสนสนุกและของใช้ใกล้ตวั ..............................................................178
ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการจดั การเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน................................................178
ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design.......................................................179
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 25 ของเล่นและของใช.้ ......................................................................181
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 26 ลกั ษณะของของเลน่ และของใช.้ ...................................................187
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 27 วสั ดุท่ีใชท้ าของเลน่ และของใช.้ ...................................................192
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 28 สมบตั ิของวสั ดุที่ใชท้ าของเล่นและของใช.้ ..................................198
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 29 การแบ่งกลมุ่ ของเล่นและของใช.้ ..................................................203
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 แรง................................................................................................................208
ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการจดั การเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน................................................208
ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design.......................................................209
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 30 ลกั ษณะของแรง............................................................................211
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 31 แรงดึงและแรงผลกั .......................................................................216
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 32 ผลของแรง....................................................................................221
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 33 แรงทาใหว้ ตั ถุบางชนิดเปลี่ยนแปลงรูปร่าง...................................225
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 สารวจพนื้ ดนิ ................................................................................................230
ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการจดั การเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน................................................230
ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design.......................................................231

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 ฉ

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 34 ส่วนประกอบของดิน....................................................................233
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 35 น้าในดิน.......................................................................................237
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 36 อากาศในดิน.................................................................................241
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 37 สมบตั ิทางกายภาพของดิน............................................................246
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 38 ประโยชนข์ องดิน..........................................................................251
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ท่องไปในท้องฟ้ า............................................................................................257
ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการจดั การเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน................................................257
ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design.......................................................258
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 39 ทอ้ งฟ้ าในเวลากลางวนั และกลางคืน.............................................260
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 40 ดวงอาทิตย.์ ...................................................................................265
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 41 ดวงจนั ทร์......................................................................................271
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 42 ดวงดาว.........................................................................................276
บรรณานุกรม..........................................................................................................................................281

ตอนที่ 3 เอกสาร/ความรู้เสริมสาหรับครู................................................................................................282
– มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี และสาระการเรียนรู้แกนกลาง
กลุม่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1...............................................................................283
– กระบวนการจดั การเรียนรู้ท่ีใชใ้ นกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์....................................286
– แฟ้ มสะสมผลงาน (Portfolio) ..............................................................................................292
– ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design....................................................296
– รูปแบบแผนการจดั การเรียนรู้รายชว่ั โมง..............................................................................297
– ใบกิจกรรม วิทยาศาสตร์ ป. 1..............................................................................................298
– แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน ประจาหน่วยการเรียนรู้..............................................356
– เครื่องมือวดั และประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และจิตวิทยาศาสตร์...........384
– เครื่องมือวดั และประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ...........................................392
– เคร่ืองมือวดั และประเมินสมรรถนะทางวิทยาศาสตร์และภาระงาน
ของนกั เรียนโดยใชม้ ิติคุณภาพ (Rubrics) .............................................................................400

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 1

ตอนท่ี 1
แนวทางการจดั แผนการจัดการเรียนรู้

กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 2

1. แนวทางการใช้แผนการจัดการเรียนรู้

1.1 องค์ประกอบของคู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์เล่มน้ีจดั ทาข้ึนเพื่อเป็นแนวทางให้ครูใชป้ ระกอบการจดั การ
เรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1 ระดบั ประถมศึกษา ตามหลกั สูตรแกนกลาง
การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ในคู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้เล่มน้ีแบ่งเน้ือหาเป็น 8 หน่วย ซ่ึงแต่ละ
หน่วยจดั แบ่งการจดั การเรียนรู้เป็ นรายชั่วโมง สามารถใชค้ วบคู่กบั สื่อการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ สมบูรณ์แบบ
ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 และหนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 ประกอบดว้ ย
หน่วยการเรียนรู้ ดงั น้ี
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 สิ่งมีชีวิตและส่ิงไมม่ ีชีวิต
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 พืชในสวน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 สารวจสตั วร์ อบตวั
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 ตวั เราน่ารู้
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 ของเล่นแสนสนุกและของใชใ้ กลต้ วั
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 แรง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 สารวจพ้ืนดิน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 ท่องไปในทอ้ งฟ้ า
รูปแบบของค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์เล่มน้ีแบ่งเน้ือหาเป็น 3 ตอน คือ
ตอนที่ 1 แนวทางการจดั แผนการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
ตอนน้ีเป็นส่วนท่ีนาเสนอภาพกวา้ ง ๆ ของคู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ท้งั เล่ม ซ่ึงประกอบดว้ ย
1) แนวทางการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้
2) แนวคิด หลกั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design (BwD)
3) แนวทางการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั
พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
4) ตารางวิเคราะหค์ วามสอดคลอ้ งของเน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้กบั สาระ มาตรฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
และตวั ช้ีวดั ช้นั ปี กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1
5) โครงสร้างการแบ่งเวลารายชว่ั โมงในการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถม
ศึกษาปี ที่ 1

ตอนท่ี 2 แผนการจดั การเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1
ตอนน้ีเป็นส่วนที่นาเสนอแผนการจดั การเรียนรู้รายหน่วยการเรียนรู้ ซ่ึงเป็นแนวทางการจดั การเรียนรู้อยา่ ง
ละเอียดตามเน้ือหาของแต่ละหน่วยการเรียนรู้ ซ่ึงแผนการจดั การเรียนรู้แต่ละแผนมีองคป์ ระกอบครบถว้ นตามแนว
ทางการจดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้ของสถานศึกษา

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 3

หน่วยการเรียนรู้แต่ละหน่วยมีรายละเอียด ซ่ึงประกอบดว้ ย

1. ผงั มโนทัศน์เป้ าหมายการจดั การเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน
2. ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design เป็นกรอบแนวคิดของการจดั การเรียนรู้
ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ แบ่งเป็น 3 ข้นั ไดแ้ ก่

ข้นั ที่ 1 ผลลพั ธป์ ลายทางท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียน
ข้นั ท่ี 2 ภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ ซ่ึงเป็นหลกั ฐานที่แสดงวา่ นกั เรียนมีผลการเรียนรู้
ตามท่ีกาหนดไวอ้ ยา่ งแทจ้ ริง
ข้นั ท่ี 3 แผนการจดั การเรียนรู้ ซ่ึงใชแ้ นวคิดการจดั การเรียนรู้แบบ WHERETO ผสมผสานกบั การ
จดั การเรียนรู้ท่ีสอดคลอ้ งกบั ธรรมชาติของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ท้งั น้ีไดร้ ะบุว่าในหน่วยการเรียนรู้น้ี
แบ่งแผนการจดั การเรียนรู้ไวก้ ี่แผน และแต่ละแผนใชเ้ วลาในการจดั กิจกรรมก่ีชวั่ โมง
3. แผนการจดั การเรียนรู้รายชั่วโมง เป็นแผนการจดั การเรียนรู้แบบเรียงหวั ขอ้ ซ่ึงประกอบดว้ ย
3.1 ชื่อแผนการจดั การเรียนรู้ ประกอบดว้ ยลาดบั ที่ของแผน ชื่อแผน เวลาเรียน สาระที่ ช้นั และหน่วย
การเรียนรู้ เช่น แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 การจาแนกส่ิงมีชีวติ และส่ิงไม่มีชีวิต เวลา 2 ชวั่ โมง สาระที่ 1 ส่ิงมีชีวิตกบั
กระบวนการดารงชีวิต ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 สิ่งมีชีวติ และส่ิงไม่มีชีวิต
3.2 สาระสาคัญ เป็นความคิดรวบยอดของเน้ือหาท่ีนามาใชจ้ ดั การเรียนรู้ในแต่ละแผนการจดั การ
เรียนรู้
3.3 ตวั ชีว้ ดั ช้ันปี เป็นตวั ช้ีวดั ที่ใชต้ รวจสอบนกั เรียนหลงั จากเรียนจบเน้ือหาที่นาเสนอในแต่ละแผน
การจดั การเรียนรู้น้นั ๆ ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้ของหลกั สูตร
3.4 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เป็นส่วนท่ีบอกจุดมุ่งหมายท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนแก่นกั เรียนภายหลงั จากการ
เรียนจบในแต่ละแผน ท้งั ในดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และจิตวิทยาศาสตร์ (A) ดา้ นทกั ษะ/
กระบวนการ (P) ซ่ึงสอดคลอ้ งสมั พนั ธ์กบั ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี และเน้ือหาในแผนการจดั การเรียนรู้น้นั ๆ
3.5 การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้ เป็นการตรวจสอบผลการจดั การเรียนรู้วา่ หลงั จากจดั การ
เรียนรู้ในแต่ละแผนการจดั การเรียนรู้แลว้ นกั เรียนมีพฒั นาการ มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนตามเป้ าหมายที่คาดหวงั ไว้
หรือไม่ และมีส่ิงที่จะตอ้ งไดร้ ับการพฒั นาปรับปรุงส่งเสริมในดา้ นใดบา้ ง ดงั น้นั ในแต่ละแผนการจดั การเรียนรู้จึง
ไดอ้ อกแบบวิธีการและเครื่องมือในการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นต่าง ๆ ของนกั เรียนไวอ้ ยา่ งหลากหลาย
เช่น การทาแบบทดสอบ การตอบคาถามส้ัน ๆ การตรวจผลงาน การสังเกตพฤติกรรมท้งั ที่เป็นรายบุคคลและกลุ่ม
เป็นตน้ โดยเนน้ การปฏิบตั ิใหส้ อดคลอ้ งและเหมาะสมกบั ตวั ช้ีวดั และมาตรฐานการเรียนรู้ วิธีการและเครื่องมือใน
การวดั และประเมินผลการเรียนรู้เหลา่ น้ี ครูสามารถนาไปใชป้ ระเมินนกั เรียนได้ ท้งั ในระหวา่ งการจดั การเรียนรู้และ
การทากิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจนการนาความรู้ไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั
3.6 สาระการเรียนรู้ เป็นหวั ขอ้ ยอ่ ยที่นามาจดั การเรียนรู้ในแต่ละแผนการจดั การเรียนรู้ ซ่ึงสอดคลอ้ ง
กบั สาระการเรียนรู้แกนกลาง

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 4

3.7 แนวทางการบูรณาการ เป็นการเสนอแนะแนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ในเร่ืองที่เรียนรู้ของ
แต่ละแผนการจดั การเรียนรู้ใหเ้ ช่ือมโยงสมั พนั ธก์ บั สาระการเรียนรู้อื่น ๆ ไดแ้ ก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา
ศาสนา และวฒั นธรรม สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี และภาษาต่างประเทศ ท้งั น้ี
เพ่ือใหน้ กั เรียนไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ อยา่ งกวา้ งขวางและสร้างองคค์ วามรู้ไดเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพของแต่ละคน

3.8 กระบวนการจัดการเรียนรู้ กระบวนการจดั การเรียนรู้เป็ นการเสนอแนวทางการจดั กิจกรรมการ
เรียนรู้แต่ละเรื่อง มีข้นั ตอนหลกั 3 ข้นั ไดแ้ ก่ 1. ข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน 2. ข้นั จดั กิจกรรมการเรียนรู้ และ 3. ข้นั สรุป
โดยข้นั จดั กิจกรรมการเรียนรู้เนน้ การจดั การเรียนรู้โดยการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ท่ีประกอบดว้ ย
ข้นั ตอนหลกั 5 ข้นั ตอน ไดแ้ ก่ ข้นั สร้างความสนใจ ข้นั สารวจและคน้ หา ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรุป ข้นั ขยายความรู้
และข้นั ประเมิน ซ่ึงรายละเอียดของการจดั กระบวนการเรียนรู้ดงั กล่าว ครูสามารถศึกษาไดจ้ ากแนวทางการจดั
กระบวนการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 ในตอนต่อไป

3.9 กิจกรรมเสนอแนะ เป็ นกิจกรรมเสนอแนะสาหรับใหน้ กั เรียนไดพ้ ฒั นาเพ่ิมเติมในดา้ นต่าง ๆ
นอกเหนือจากที่ไดจ้ ดั การเรียนรู้มาแลว้ ในชว่ั โมงเรียน กิจกรรมเสนอแนะมี 2 ลกั ษณะ คือ กิจกรรมสาหรับผทู้ ่ีมี
ความสามารถพิเศษและตอ้ งการศึกษาคน้ ควา้ ในเน้ือหาน้นั ๆ ใหล้ ึกซ้ึงกวา้ งขวางย่ิงข้ึน และกิจกรรมสาหรับผทู้ ่ียงั
ไมเ่ ขา้ ใจเน้ือหา หรือยงั ไม่เกิดการเรียนรู้ตามเป้ าหมาย ซ่ึงมีลกั ษณะเป็นการเรียนซ้าหรือซ่อมเสริม

3.10 สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ เป็นรายชื่อสื่อการเรียนรู้ทุกประเภทที่ใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ ซ่ึงมีท้งั ส่ือ
ธรรมชาติ ส่ือส่ิงพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และสื่อบุคคล เช่น หนงั สือ เอกสารความรู้ รูปภาพ เครือข่ายอินเทอร์เนต็
วีดิทศั น์ ปราชญช์ าวบา้ น เป็นตน้

3.11 บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ เป็นส่วนท่ีใหค้ รูบนั ทึกผลการจดั การเรียนรู้วา่ ประสบความสาเร็จ
หรือไม่ มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรเกิดข้ึนบา้ ง ไดแ้ กไ้ ขปัญหาและอุปสรรคน้นั อยา่ งไร และขอ้ เสนอแนะสาหรับ
การจดั การเรียนรู้คร้ังต่อไป

ตอนที่ 3 เอกสาร/ความรู้เสริมสาหรับครู
ประกอบดว้ ยแบบทดสอบต่าง ๆ และความรู้เสริมสาหรับครู ไดบ้ นั ทึกลงในซีดีรอม โดยมิไดพ้ ิมพไ์ วใ้ น
เล่มค่มู ือครู เพ่ือความสะดวกของครูในการนาไปใชป้ ระกอบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ซ่ึงประกอบดว้ ย

1) มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชี้วดั ช้ันปี และสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ป. 1
ประกอบดว้ ย

(1) มาตรฐานการเรียนรู้ เป็นขอ้ กาหนดคุณภาพของนกั เรียนดา้ นความรู้ ความคิด ทกั ษะ/กระบวนการ
เรียนรู้ คุณธรรม จริยธรรม และจิตวทิ ยาศาสตร์ เมื่อจบการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน

(2) ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี เป็นตวั ระบุสิ่งที่นกั เรียนพึงรู้และสามารถปฏิบตั ิได้ รวมถึงคุณลกั ษณะของนกั เรียน
ในแต่ละระดบั ช้นั ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้ของหลกั สูตร

(3) สาระการเรียนรู้ ประกอบดว้ ย องคค์ วามรู้ ทกั ษะหรือกระบวนการเรียนรู้ และคุณลกั ษณะอนั พึง
ประสงค์ ซ่ึงกาหนดใหน้ กั เรียนทุกคนในระดบั การศึกษาข้นั พ้ืนฐานจาเป็นตอ้ งเรียนรู้ ซ่ึงกลุ่มวิทยาศาสตร์แบ่งเป็น
8 สาระ

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 5

2) กระบวนการจดั การเรียนรู้ทใี่ ช้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เป็นวิธีการหรือเทคนิคที่นามาใชใ้ น
กระบวนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

3) แฟ้ มสะสมผลงาน (Portfolio) เป็นการเกบ็ รวบรวมผลงานของนกั เรียน โดยแสดงข้นั ตอนในการจดั ทา
แฟ้ มสะสมผลงาน และวิธีการคดั เลือกผลงานเพื่อเกบ็ ในแฟ้ มสะสมผลงาน

4) ผังการออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Backward Design เป็นแบบฟอร์มเพื่อใหค้ รูสามารถปรับปรุง
แผนการจดั การเรียนรู้ใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพความพร้อมของนกั เรียนและสถานการณ์เฉพาะหนา้ รวมท้งั ใชเ้ ป็นผล
งานเพื่อเลื่อนวิทยฐานะได้ แผนการจดั การเรียนรู้น้ีไดอ้ านวยความสะดวกให้ครู โดยไดพ้ ิมพโ์ ครงสร้างแผนการ
จดั การเรียนรู้ที่ออกแบบการเรียนรู้แบบ Backward Design ใหค้ รูเพิ่มเติมเฉพาะส่วนท่ีครูปรับปรุงเองไวด้ ว้ ยแลว้

5) รูปแบบแผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมง เป็นรูปแบบการเขียนแผนการจดั การเรียนรู้ท่ีบอกรายละเอียด
ในแต่ละหวั ขอ้ ที่ปรากฏอยใู่ นแต่ละแผนการจดั การเรียนรู้รายชว่ั โมง

6) ใบกิจกรรม วิทยาศาสตร์ ป. 1 เป็นกิจกรรมที่ฝึ กใหน้ กั เรียนไดป้ ฏิบตั ิจริง เพ่ือใหเ้ กิดการเรียนรู้ดว้ ย
ตนเอง ซ่ึงแบ่งเป็น กิจกรรมทดลอง กิจกรรมสงั เกต กิจกรรมสารวจ และกิจกรรมสืบคน้ ขอ้ มลู

7) แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน เป็นแบบทดสอบแบบปรนยั และอตั นยั เพ่ือวดั ความรู้ของนกั เรียน
ก่อนเรียนและหลงั เรียน

8) เครื่องมอื วดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านคุณธรรม จริยธรรม และจิตวิทยาศาสตร์ เป็นเครื่องมือท่ีใช้
ประเมินดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และจิตวิทยาศาสตร์ มีลกั ษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการและแบบมาตรประมาณ
ค่า โดยใชว้ ธิ ีสงั เกต สอบถาม หรือสมั ภาษณ์ ซ่ึงครูสามารถนาไปใชป้ ระเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องนกั เรียน
ได้ ท้งั ในระหวา่ งการจดั การเรียนรู้และการปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ซ่ึงไดใ้ ชต้ วั บ่งช้ีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ อง
จิตวิทยาศาสตร์

9) เคร่ืองมอื วดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านทกั ษะ/กระบวนการ เป็นเคร่ืองมือที่ใชป้ ระเมินดา้ นทกั ษะ/
กระบวนการ มีลกั ษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการและแบบมาตรประมาณค่า โดยใชว้ ิธีการสังเกต สอบถาม หรือ
สมั ภาษณ์ ซ่ึงครูสามารถนาไปใชป้ ระเมินทกั ษะ/กระบวนการของนกั เรียนได้ ท้งั ในระหวา่ งการจดั การเรียนรู้และ
การปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ซ่ึงไดใ้ ชต้ วั บ่งช้ีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องจิตวทิ ยาศาสตร์

10) เคร่ืองมอื วดั และประเมนิ สมรรถนะทางวทิ ยาศาสตร์และภาระงานของนักเรียนโดยใช้มิติคุณภาพ (Rubrics)
เป็ นเคร่ืองมือในการประเมินผลตามสภาพจริง ที่ประกอบดว้ ยรายการในการประเมินหรือเกณฑใ์ นการพิจารณา และ
คาอธิบายระดบั คุณภาพ มีตวั อย่างเคร่ืองมือในการประเมินหลายประเภท ไดแ้ ก่ การสังเกต การสารวจ การทดลอง การ
สืบคน้ ขอ้ มลู โครงงานวิทยาศาสตร์ โครงงานทว่ั ไป แฟ้ มสะสมผลงาน

1.2 วธิ ีการใช้แผนการจัดการเรียนรู้
การจดั การเรียนรู้ครูควรศึกษาค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 และศึกษาสื่อการเรียนรู้ที่จะ
ใชป้ ระกอบการจดั การเรียนรู้ หลงั จากน้นั จึงวางแผนเตรียมจดั กิจกรรมการเรียนรู้กจ็ ะช่วยใหก้ ารจดั การเรียนรู้ของ
ครูเป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 6

การจดั การเรียนรู้ตามแนวทางของคู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 เล่มน้ีจะมีประสิทธิภาพ
และประสิทธิผลอยา่ งสูงสุดกต็ ่อเม่ือครูไดเ้ ตรียมการล่วงหนา้ และเลือกวิธีการจดั การเรียนรู้ใหเ้ หมาะสมกบั นกั เรียน
ท่ีสาคญั สถานศึกษาแต่ละแห่งมีสภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้และสภาพนกั เรียนที่แตกต่างกนั จึงเป็นไปไม่ไดท้ ี่คู่มือครู
แผนการจดั การเรียนรู้เล่มใด ๆ จะเหมาะสมและดีเย่ียมสาหรับสถานศึกษา ครู และนกั เรียนทุกคน ดงั น้นั จึงเป็น
หนา้ ท่ีของครูท่ีจะตอ้ งเตรียมการจดั การเรียนรู้ พิจารณาปรับและเลือกสรรแผนการจดั การเรียนรู้ใหเ้ หมาะสมกบั
สภาพการเรียนรู้จริงของนกั เรียนและสถานศึกษา

1.3 สัญลกั ษณ์กระบวนการเรียนรู้
สญั ลกั ษณ์ต่าง ๆ ท่ีกาหนดไวท้ ่ีกิจกรรมน้นั มีจุดมุ่งหมายและจุดเนน้ ที่แตกต่างกนั ตามลกั ษณะของกระ-
บวนการเรียนรู้ท่ีตอ้ งการใหน้ กั เรียนไดเ้ รียนรู้ ซ่ึงมีความสอดคลอ้ งกบั ธรรมชาติของกลมุ่ สาระการเรียนรู้และจุดเนน้
ของหลกั สูตร ดงั น้นั สัญลกั ษณ์จึงเป็นแนวทางที่เอ้ือประโยชนต์ ่อนกั เรียนที่จะศึกษาหาความรู้ตามรายละเอียดของ
กิจกรรม ในค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์เลม่ น้ีไดก้ าหนดสญั ลกั ษณ์ไวเ้ ป็น 2 กลุม่ ดงั น้ี
สัญลกั ษณ์หลกั ของกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์

การสืบค้นข้อมลู เป็นกิจกรรมที่กาหนดใหน้ กั เรียนสืบคน้ ขอ้ มลู จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ แลว้ ใช้
ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เช่น การลงสรุปขอ้ มลู เพื่อใหเ้ กิดองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเอง

การสารวจ เป็นกิจกรรมท่ีกาหนดใหน้ กั เรียนสารวจปรากฏการณ์ต่าง ๆ ตามความคิดรวบยอดของ
แต่ละหวั เร่ือง แลว้ ใชท้ กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การสงั เกต การจดั กระทาและสื่อ
ความหมายขอ้ มลู การลงสรุปขอ้ มลู เพ่ือใหเ้ กิดองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเอง

การทดลอง เป็นกิจกรรมท่ีกาหนดใหน้ กั เรียนไดป้ ฏิบตั ิการทดลองเพ่ือพิสูจน์ความคิดรวบยอดท่ี
เรียนรู้ โดยการออกแบบการทดลอง ดาเนินการทดลอง และสรุปผลการทดลอง แลว้ ใชท้ กั ษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การสังเกต การพยากรณ์ การจดั กระทาและส่ือความหมาย
ขอ้ มลู การลงสรุปขอ้ มลู เพื่อใหเ้ กิดองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเอง

การสังเกต เป็นกิจกรรมที่กาหนดใหน้ กั เรียนสงั เกตปรากฏการณ์ต่าง ๆ ตามความคิดรวบยอดของ
แต่ละหวั เร่ือง แลว้ ใชท้ กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การจาแนก การลงสรุปขอ้ มูล
เพ่ือใหเ้ กิดองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเอง

สัญลกั ษณ์เสริมของกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์

โครงงาน เป็นกิจกรรมโครงงานคดั สรรที่นาหลกั การ แนวคิดของความคิดรวบยอดในหัวเรื่องที่
เรียนรู้มาใชแ้ กป้ ัญหา

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 7

การพัฒนากระบวนการคิด เป็ นกิจกรรมที่กาหนดให้นักเรียนไดใ้ ชก้ ระบวนการคิดเพ่ือเพิ่มพูน
ทกั ษะการคิดของตนเอง

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน เป็ นกิจกรรมท่ีกาหนดให้นกั เรียนตอ้ งนาหลกั การแนวคิดของ
ความคิดรวบยอดในหวั เรื่องที่เรียนรู้มาใชแ้ กป้ ัญหาในสถานการณ์จริงของชีวติ ประจาวนั

การทาประโยชน์ให้สังคม เป็นกิจกรรมที่กาหนดใหน้ กั เรียนนาความรู้ที่ไดจ้ ากการเรียนรู้ไปปฏิบตั ิ
เพ่ือใหต้ ระหนกั ในการทาประโยชนใ์ หส้ งั คม

การปฏิบัติจริง/ฝึ กทักษะ เป็ นกิจกรรมที่กาหนดให้นักเรียนไดฝ้ ึ กปฏิบตั ิเพ่ือให้เกิดและเพ่ิมพูน
ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

ความคิดสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่กาหนดใหน้ กั เรียนไดใ้ ชค้ วามคิดสร้างสรรคใ์ นการสร้างสรรค์
ภาระงานเพื่อเพ่ิมพนู ทกั ษะการคิดของตนเอง

2. แนวคดิ หลกั การออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Backward Design (BwD)

การจดั การเรียนรู้หรือการสอนเป็นงานที่ครูทุกคนตอ้ งใชก้ ลวิธีต่าง ๆ มากมาย เพื่อใหน้ กั เรียนสนใจท่ีจะ
เรียนรู้และเกิดผลตามท่ีครูคาดหวงั การจดั การเรียนรู้จดั เป็นศาสตร์ท่ีตอ้ งใชค้ วามรู้ความสามารถตลอดจนประสบ-
การณ์อยา่ งมาก ครูบางคนอาจจะละเลยเรื่องของการออกแบบการจดั การเรียนรู้หรือการออกแบบการสอน ซ่ึงเป็น
งานที่ครูจะตอ้ งทาก่อนการเขียนแผนการจดั การเรียนรู้

การออกแบบการจดั การเรียนรู้ทาอย่างไร ทาไมจงึ ต้องออกแบบการจดั การเรียนรู้
ครูทุกคนผ่านการศึกษาและไดเ้ รียนรู้เก่ียวกบั การออกแบบการจดั การเรียนรู้มาแลว้ ในอดีตการออกแบบ
การจดั การเรียนรู้จะเร่ิมตน้ จากการกาหนดจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การวางแผนการจดั การเรียนรู้ การดาเนินการ
จดั การเรียนรู้ และการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ปัจจุบนั การเรียนรู้ไดม้ ีการเปล่ียนแปลงไปตามสภาพแวดลอ้ ม
เศรษฐกิจ และสงั คม รวมท้งั การเปล่ียนแปลงดา้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เขา้ มามีบทบาทต่อการเรียนรู้ของ
นกั เรียน ซ่ึงนกั เรียนสามารถเรียนรู้ไดจ้ ากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ท่ีมีอยรู่ อบตวั ดงั น้นั การออกแบบการ
จดั การเรียนรู้จึงเป็นกระบวนการสาคญั ที่ครูจาเป็นตอ้ งดาเนินการใหเ้ หมาะสมกบั ศกั ยภาพของนกั เรียนแต่ละบุคคล

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 8

วิกกินส์และแมกไท นกั การศึกษาชาวอเมริกนั ไดเ้ สนอแนวคิดเก่ียวกบั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ ซ่ึง
เขาเรียกว่า Backward Design ซ่ึงเป็นการออกแบบการจดั การเรียนรู้ท่ีครูจะตอ้ งกาหนดผลลพั ธ์ปลายทางที่ตอ้ งการ
ใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียนก่อน โดยเขาท้งั สองใหช้ ื่อวา่ ความเขา้ ใจท่ีคงทน (Enduring Understandings) เมื่อกาหนด
ความเขา้ ใจท่ีคงทนไดแ้ ลว้ ครูจะตอ้ งบอกใหไ้ ดว้ ่าความเขา้ ใจท่ีคงทนของนกั เรียนน้ีเกิดจากอะไร นกั เรียนจะตอ้ งมี
หรือแสดงพฤติกรรมอะไรบา้ ง ครูมีหรือใชว้ ิธีการวดั อะไรบา้ งท่ีจะบอกวา่ นกั เรียนมีหรือแสดงพฤติกรรมเหล่าน้นั
แลว้ จากน้นั ครูจึงนึกถึงวธิ ีการจดั การเรียนรู้ท่ีจะทาใหน้ กั เรียนเกิดความเขา้ ใจที่คงทนต่อไป

แนวคิดของ Backward Design
Backward Design เป็นการออกแบบการจดั การเรียนรู้ท่ีใชผ้ ลลพั ธ์ปลายทางเป็นหลกั ซ่ึงผลลพั ธ์ปลายทาง
น้ีจะเกิดข้ึนกบั นกั เรียนก็ต่อเมื่อจบหน่วยการเรียนรู้ ท้งั น้ีครูจะตอ้ งออกแบบการจดั การเรียนรู้โดยใชก้ รอบความคิด
ท่ีเป็ นเหตุเป็ นผล มีความสัมพนั ธ์กนั จากน้นั จึงจะลงมือเขียนแผนการจดั การเรียนรู้ขยายรายละเอียดเพ่ิมเติมใหม้ ี
คุณภาพและประสิทธิภาพต่อไป
กรอบความคิดหลกั ของการออกแบบการจดั การเรียนรู้โดย Backward Design มีข้นั ตอนหลกั ท่ีสาคญั 3
ข้นั ตอน คือ
ข้นั ท่ี 1 กาหนดผลลพั ธ์ปลายทางที่ตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียน
ข้นั ที่ 2 กาหนดภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ ซ่ึงเป็นหลกั ฐานที่แสดงวา่ นกั เรียนมีผลการเรียนรู้
ตามท่ีกาหนดไวอ้ ยา่ งแทจ้ ริง
ข้นั ที่ 3 วางแผนการจดั การเรียนรู้
ข้ันท่ี 1 กาหนดผลลพั ธ์ปลายทางท่ตี ้องการให้เกดิ ขนึ้ กบั นกั เรียน
ก่อนที่จะกาหนดผลลพั ธ์ปลายทางท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียนน้นั ครูควรตอบคาถามสาคญั ต่อไปน้ี
– นกั เรียนควรจะมีความรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถทาสิ่งใดไดบ้ า้ ง
– เน้ือหาสาระใดบา้ งท่ีมีความสาคญั ต่อการสร้างความเขา้ ใจของนกั เรียน และความเขา้ ใจที่คงทน
(Enduring Understandings) ท่ีครูตอ้ งการจดั การเรียนรู้ใหแ้ ก่นกั เรียนมีอะไรบา้ ง
เม่ือจะตอบคาถามสาคญั ดงั กลา่ วขา้ งตน้ ใหค้ รูนึกถึงเป้ าหมายของการศึกษา มาตรฐานการเรียนรู้ดา้ น
เน้ือหาระดบั ชาติที่ปรากฏอยใู่ นหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 รวมท้งั มาตรฐานการ
เรียนรู้ระดบั เขตพ้ืนท่ีการศึกษาหรือทอ้ งถ่ิน
การทบทวนความคาดหวงั ของหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 เน่ืองจาก
มาตรฐานแต่ละระดบั จะมีความสัมพนั ธ์กบั เน้ือหาสาระต่าง ๆ ซ่ึงมีความแตกต่างลดหลนั่ กนั ไป ดว้ ยเหตุน้ีข้นั ท่ี 1
ของ Backward Design ครูจึงตอ้ งจดั ลาดบั ความสาคญั และเลือกผลลพั ธ์ปลายทางของนกั เรียน ซ่ึงเป็นผลการเรียนรู้
ท่ีเกิดจากความเขา้ ใจท่ีคงทนต่อไป

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 9

ความเข้าใจทค่ี งทนของนกั เรียน
ความเขา้ ใจที่คงทนคืออะไร ความเขา้ ใจที่คงทนเป็นความรู้ที่ลึกซ้ึง ไดแ้ ก่ ความคิดรวบยอด ความสมั พนั ธ์
และหลกั การของเน้ือหาและวิชาท่ีนกั เรียนเรียนรู้ หรือกล่าวอีกนยั หน่ึงเป็นความรู้ท่ีอิงเน้ือหา ความรู้น้ีเกิดจากการ
สะสมขอ้ มลู ต่าง ๆ ของนกั เรียน และเป็นองคค์ วามรู้ที่นกั เรียนสร้างข้ึนดว้ ยตนเอง
การเขียนความเข้าใจทีค่ งทนในการออกแบบการจดั การเรียนรู้
ถา้ ความเขา้ ใจท่ีคงทนหมายถึงสาระสาคญั ของส่ิงที่จะเรียนรู้แลว้ ครูควรจะรู้วา่ สาระสาคญั หมายถึงอะไร
คาวา่ สาระสาคญั มาจากคาวา่ Concept ซ่ึงนกั การศึกษาของไทยแปลเป็นภาษาไทยวา่ สาระสาคญั ความคิดรวบยอด
มโนทศั น์ มโนมติ และสงั กปั ซ่ึงการเขียนแผนการจดั การเรียนรู้นิยมใชค้ าวา่ สาระสาคญั
สาระสาคญั เป็นขอ้ ความท่ีแสดงแก่นหรือเป้ าหมายเก่ียวกบั เรื่องใดเรื่องหน่ึง เพื่อใหไ้ ดข้ อ้ สรุปรวมและขอ้
แตกต่างเก่ียวกบั เรื่องใดเร่ืองหน่ึง โดยอาจครอบคลุมขอ้ เท็จจริง กฎ ทฤษฎี ประเด็น และการสรุปสาระสาคญั และ
ขอ้ ความท่ีมีลกั ษณะรวบยอดอยา่ งอื่น
ประเภทของสาระสาคัญ
1. ระดบั กวา้ ง (Broad Concept)
2. ระดบั การนาไปใช้ (Operative Concept หรือ Functional Concept)
ตัวอย่างสาระสาคัญระดบั กว้าง

– สุขภาพของตวั อ่อนในครรภข์ ้ึนอยกู่ บั การปฏิบตั ิตนของมารดา
– พืชมีหลายชนิด มีประโยชนต์ ่างกนั
ตวั อย่างสาระสาคัญระดับการนาไปใช้
– สุขภาพของตวั อ่อนในครรภข์ ้ึนอยกู่ บั การปฏิบตั ิตนของมารดาในดา้ นการรับประทานอาหาร การ
เคล่ือนไหว และการรักษาสุขภาพจิต
– พืชมี 2 ประเภท คือ พืชลม้ ลกุ และพืชยนื ตน้ พืชมีประโยชนใ์ นการทาใหม้ ีความสมดุลทาง
ธรรมชาติ เป็นที่อยอู่ าศยั เป็นยารักษาโรค เป็นเคร่ืองนุ่งห่ม และทาใหโ้ ลกสวยงาม
แนวทางการเขยี นสาระสาคัญ
1. ใหเ้ ขียนสาระสาคญั ของทุกเร่ือง โดยแยกเป็นขอ้ ๆ (จานวนขอ้ ของสาระสาคญั จะเท่ากบั จานวนเร่ือง)
2. การเขียนสาระสาคญั ท่ีดีควรเป็นสาระสาคญั ระดบั การนาไปใช้
3. สาระสาคญั ตอ้ งครอบคลุมประเดน็ สาคญั ครบถว้ น เพราะหากขาดส่วนใดไปแลว้ จะทาใหน้ กั เรียนรับ
สาระสาคญั ที่ผดิ ไปทนั ที
4. การเขียนสาระสาคญั ท่ีจะใหค้ รอบคลุมประเดน็ สาคญั วธิ ีการหน่ึงคือ การเขียนแผนผงั สาระสาคญั

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 10

ตัวอย่างการเขียนแผนผังสาระสาคัญ ลกั ษณะของสตั วท์ ี่นามา
ดา้ นการใชแ้ รงงาน ใชแ้ รงงาน

ประโยชนข์ องสตั ว์ ดา้ นการใชเ้ ป็นอาหาร ตวั อยา่ งสตั วท์ ่ีนามาใช้
แรงงานแต่ละดา้ น
ส่วนต่าง ๆ ของสตั วท์ ี่นามา
ใชเ้ ป็นอาหาร

คุณค่าทางอาหารท่ีไดร้ ับจาก
การบริโภคเน้ือสตั ว์

ดา้ นการเล้ียงไวด้ เู ล่น ลกั ษณะของสตั วท์ ี่เล้ียงไวด้ ูเลน่
ตวั อยา่ งของสตั วท์ ่ีเล้ียงไวด้ ูเลน่

สาระสาคัญของประโยชน์ของสัตว์: ประโยชนข์ องสตั วแ์ บ่งเป็น 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นการใชแ้ รงงาน ดา้ นการ

ใชเ้ ป็นอาหาร และดา้ นการเล้ียงไวด้ ูเล่น

5. การเขียนสาระสาคญั เก่ียวกบั เรื่องใดควรเขียนลกั ษณะเด่นท่ีมองเห็นไดห้ รือนึกไดอ้ อกมาเป็นขอ้ ๆ แลว้

จาแนกลกั ษณะเหล่าน้นั เป็นลกั ษณะจาเพาะและลกั ษณะประกอบ

6. การเขียนขอ้ ความท่ีเป็นสาระสาคญั ควรใชภ้ าษาที่มีการขดั เกลาอยา่ งดี เลี่ยงคาที่มีความหมายกากวมหรือ

ฟ่ มุ เฟื อย

ตวั อย่างการเขียนสาระสาคัญเร่ืองแมลง

แมลง ลกั ษณะจาเพาะ ลกั ษณะประกอบ

มีสี – 

มี 6 ขา  –

มีพิษ – 

ร้องได้ – 

มีปี ก  –

ลาตวั เป็นปลอ้ ง –

มีหนวดคลาทาง 2 เสน้ –

เป็ นอาหารได้ –

ไม่มีกระดกู สนั หลงั –

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 11

สาระสาคัญของแมลง: แมลงเป็นสัตวไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั ลาตวั เป็น 3 ปลอ้ ง มี 6 ขา มีหนวดคลาทาง 2
เสน้ มีปี ก 2 ปี ก ตวั มีสีต่างกนั บางชนิดร้องได้ บางชนิดมีพิษ และบางชนิดเป็นอาหารได้

ข้นั ที่ 2 กาหนดภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ซ่ึงเป็ นหลกั ฐานที่แสดงว่านักเรียนมผี ลการเรียนรู้
ตามที่กาหนดไว้อย่างแท้จริง

เม่ือครูกาหนดผลลพั ธป์ ลายทางท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียนแลว้ ก่อนที่จะดาเนินการข้นั ต่อไปขอใหค้ รู
ตอบคาถามสาคญั ต่อไปน้ี

– นกั เรียนมีพฤติกรรมหรือแสดงออกในลกั ษณะใด จึงทาใหค้ รูทราบว่านกั เรียนบรรลุผลลพั ธ์ปลายทาง
ตามท่ีกาหนดไวแ้ ลว้

– ครูมีหลกั ฐานหรือใชว้ ธิ ีการใดที่สามารถระบุไดว้ า่ นกั เรียนมีพฤติกรรมหรือแสดงออกตามผลลพั ธ์
ปลายทางท่ีกาหนดไว้

การออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามหลกั การของ Backward Design เนน้ ใหค้ รูรวบรวมหลกั ฐานการวดั และ
ประเมินผลการเรียนรู้ท่ีจาเป็นและมีหลกั ฐานเพียงพอที่จะกลา่ วไดว้ า่ การจดั การเรียนรู้ทาใหน้ กั เรียนเกิดผลสมั ฤทธ์ิ
แลว้ ไม่ใช่เรียนแค่ใหจ้ บตามหลกั สูตรหรือเรียนตามชุดของกิจกรรมการเรียนรู้ที่ครูกาหนดไวเ้ ท่าน้นั วิธีการของ
Backward Design ตอ้ งการกระตุน้ ใหค้ รูคิดล่วงหนา้ วา่ ครูควรกาหนดและรวบรวมหลกั ฐานเชิงประจกั ษอ์ ะไรบา้ ง
ก่อนท่ีจะออกแบบหน่วยการเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลกั ฐานดงั กล่าวควรเป็ นหลกั ฐานท่ีสามารถใชเ้ ป็นขอ้ มูล
ยอ้ นกลบั ท่ีมีประโยชน์สาหรับนักเรียนและครูได้เป็ นอย่างดี นอกจากน้ีครูควรใช้วิธีการวดั และประเมินผล
แบบต่อเนื่องอย่างไม่เป็ นทางการและเป็ นทางการตลอดระยะเวลาท่ีครูจดั กิจกรรมการเรียนรู้ให้แก่นกั เรียน ซ่ึง
สอดคลอ้ งกบั แนวคิดที่ตอ้ งการใหค้ รูทาการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ที่เรียกวา่
สอนไปวดั ผลไป

จึงกล่าวไดว้ า่ ข้นั น้ี ครูควรนึกถึงพฤติกรรมหรือการแสดงออกของนกั เรียน โดยพิจารณาจากผลงานหรือ
ชิ้นงานท่ีเป็นหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ซ่ึงแสดงใหเ้ ห็นว่านกั เรียนเกิดผลลพั ธ์ปลายทางตามเกณฑท์ ่ีกาหนดไวแ้ ลว้ และ
เกณฑท์ ่ีใชป้ ระเมินควรเป็นเกณฑค์ ุณภาพในรูปของมิติคุณภาพ (Rubrics) อยา่ งไรกต็ าม ครูอาจจะมีหลกั ฐานหรือใช้
วิธีการอื่น ๆ เช่น การทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน การสัมภาษณ์ การศึกษาคน้ ควา้ การฝึ กปฏิบตั ิขณะเรียนรู้
ประกอบดว้ ยกไ็ ด้

การกาหนดภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ซึ่งเป็ นหลกั ฐานท่ีแสดงว่านักเรียนมผี ลการเรียนรู้ตาม
ผลลพั ธ์ปลายทางทก่ี าหนดไว้แล้ว

หลงั จากท่ีครูไดก้ าหนดผลลพั ธป์ ลายทางท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียนแลว้ ครูควรกาหนดภาระงานและ
วิธีการประเมินผลการเรียนรู้ ซ่ึงเป็ นหลกั ฐานที่แสดงว่านกั เรียนมีผลการเรียนรู้ตามผลลพั ธ์ปลายทางที่กาหนด
ไวแ้ ลว้

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 12

ภาระงาน หมายถึง งานหรือกิจกรรมท่ีกาหนดใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิ เพื่อใหบ้ รรลุตามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้/
ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี /มาตรฐานการเรียนรู้ท่ีกาหนดไว้ ลกั ษณะสาคญั ของงานจะตอ้ งเป็นงานท่ีสอดคลอ้ งกบั ชีวิตจริงใน
ชีวติ ประจาวนั เป็นเหตุการณ์จริงมากกวา่ กิจกรรมท่ีจาลองข้ึนเพ่ือใชใ้ นการทดสอบ ซ่ึงเรียกว่า งานท่ีปฏิบตั ิเป็นงาน
ที่มีความหมายต่อนกั เรียน (Meaningful Task) นอกจากน้ี งานและกิจกรรมจะตอ้ งมีขอบเขตท่ีชดั เจน สอดคลอ้ งกบั
จุดประสงค์การเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี / มาตรฐานการเรียนรู้ท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียน ท้งั น้ีเม่ือไดภ้ าระงาน
ครบถว้ นตามที่ตอ้ งการแลว้ ครูจะตอ้ งนึกถึงวิธีการและเครื่องมือที่จะใชว้ ดั และประเมินผลการเรียนรู้ของนกั เรียน
ซ่ึงมีอยมู่ ากมายหลายประเภท ครูจะตอ้ งเลือกใหเ้ หมาะสมกบั ภาระงานท่ีนกั เรียนปฏิบตั ิ

ตวั อยา่ งภาระงาน/ผลงาน/ชิ้นงานเร่ือง อาหารหลกั 5 หมู่ และสารอาหารในอาหารหลกั 5 หมู่ รวมท้งั การ
กาหนดวิธีการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ของนกั เรียน ดงั ตาราง

ตวั อย่างภาระงาน/ผลงาน/ชิน้ งาน แผนการจดั การเรียนรู้เร่ือง อาหารหลกั 5 หมู่และสารอา

สาระท่ี 1: สิ่งมชี ีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ

มาตรฐาน ว 1.1: เขา้ ใจหน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวติ ความสมั พนั ธ์ของโครงสร้างและหนา้ ท

สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนาความรู้ไปใชใ้ นการดารงชีวติ ของตนเองและดูแลสิ่งมีชีวติ

ตวั ชี้วดั ช้ันปี สาระ ภาระงาน/ การวดั และการประเม
การเรียนรู้ ผลงาน/ วธิ ีการ เคร่ืองมอื
ชิ้นงาน

วิเคราะห์ อาหารหลกั 5 หมู่ รายงานเร่ือง – ซกั ถาม – แบบสมั ภาษณ์

สารอาหารและ ความหมายและ อาหารหลกั 5 หมู่ ความรู้

อภิปรายความ ประเภทของ และสารอาหารใน – ตรวจ – แบบตรวจ

จาเป็นท่ีร่างกาย สารอาหาร อาหารหลกั 5 หมู่ ผลงาน สอบผลงาน

ตอ้ งไดร้ ับ – สงั เกตการ – แบบสงั เกต

สารอาหารใน รายงาน การทางานกลุ่ม

สดั ส่วนท่ี – สงั เกตการ – แบบประเมิน

เหมาะสมกบั ทางาน พฤติกรรม

เพศและวยั กลมุ่ การปฏิบตั ิ

กิจกรรมเป็ น

รายบุคคล

และเป็ นกลุม่

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 13

าหารในอาหารหลกั 5 หมู่

ท่ีของระบบต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตที่ทางานสมั พนั ธ์กนั มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้

มนิ ผล กจิ กรรม สื่อการเรียนรู้
เกณฑ์ การเรียนรู้

– เกณฑ์ คุณภาพ การสารวจ 1. ภาพอาหารต่าง ๆ
4 ระดบั สารอาหารที่ 2. ภาพเดก็ ที่มีสุขภาพร่างกายแขง็ แรงและไมแ่ ขง็ แรง
– เกณฑ์ คุณภาพ ไดใ้ นแต่ละวนั 3. แผนภมู ิพีระมิดอาหาร
4 ระดบั 4. แบบบนั ทึกขอ้ มลู การสร้างคาถามของนกั เรียนจาก
– เกณฑ์ คุณภาพ ประเดน็ ปัญหาที่ศึกษา
4 ระดบั 5. แบบบนั ทึกขอ้ มูลการอภิปรายจากประเดน็ ปัญหาที่
– เกณฑ์ คุณภาพ ศึกษา
4 ระดบั 6. แบบบนั ทึกความรู้
7. ใบงานท่ี 1 สารวจสารอาหารท่ีไดใ้ นแต่ละวนั
8. ใบกิจกรรมที่ 1 เร่ือง สารอาหารในอาหารหลกั 5 หมู่
9. ใบกิจกรรมท่ี 2 การสารวจสารอาหารในอาหารหลกั
5 หมู่
10. แบบทดสอบ เรื่อง สารอาหารในอาหารหลกั 5 หมู่

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 14

ความเขา้ ใจท่ีคงทนจะเกิดข้ึนได้ นกั เรียนจะตอ้ งมีความสามารถ 6 ประการ ไดแ้ ก่
1. การอธิบาย ชี้แจง เป็นความสามารถท่ีนกั เรียนแสดงออกโดยการอธิบายหรือช้ีแจงในส่ิงที่เรียนรู้ไดอ้ ยา่ ง
ถกู ตอ้ ง สอดคลอ้ ง มีเหตุมีผล และเป็นระบบ
2. การแปลความและตคี วาม เป็นความสามารถที่นกั เรียนแสดงออกโดยการแปลความและตีความไดอ้ ย่างมี
ความหมาย ตรงประเดน็ กระจ่างชดั และทะลุปรุโปร่ง
3. การประยกุ ต์ ดดั แปลง และนาไปใช้ เป็นความสามารถท่ีนกั เรียนแสดงออกโดยการนาสิ่งที่ไดเ้ รียนรู้ไปสู่
การปฏิบตั ิไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิผล มีประสิทธิภาพ และคลอ่ งแคลว่
4. การมมี ุมมองที่หลากหลาย เป็นความสามารถที่นกั เรียนแสดงออกโดยการมีมมุ มองที่น่าเช่ือถือ เป็นไป
ได้ มีความลึกซ้ึง แจ่มชดั และแปลกใหม่
5. การให้ความสาคัญและใส่ใจในความรู้สึกของผู้อนื่ เป็นความสามารถที่นกั เรียนแสดงออกโดยการมีความ
ละเอียดรอบคอบ เปิ ดเผย รับฟังความคิดเห็นของผอู้ ื่น ระมดั ระวงั ท่ีจะไมใ่ หเ้ กิดความกระทบกระเทือนต่อผอู้ ่ืน
6. การรู้จกั ตนเอง เป็นความสามารถท่ีนกั เรียนแสดงออกโดยการมีความตระหนกั รู้ สามารถประมวลผล
ขอ้ มลู จากแหลง่ ท่ีหลากหลาย ปรับตวั ได้ รู้จกั ใคร่ครวญ และมีความเฉลียวฉลาด
นอกจากน้ีหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ไดก้ าหนดสมรรถนะสาคญั ของ
นกั เรียนหลงั จากสาเร็จการศึกษาตามหลกั สูตรไว้ 5 ประการ ดงั น้ี
1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถของนกั เรียนในการถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความเขา้ ใจ
ความรู้สึก และทศั นะของตนเอง เพื่อแลกเปลี่ยนขอ้ มลู ข่าวสารและประสบการณ์ อนั จะเป็นประโยชนต์ ่อการพฒั นา
ตนเองและสังคม รวมท้งั การเจรจาต่อรองเพื่อประนีประนอม การเลือกท่ีจะรับและไม่รับขอ้ มูลข่าวสารดว้ ยหลกั
เหตุผลและความถกู ตอ้ ง ตลอดจนการเลือกใชว้ ิธีการส่ือสารท่ีมีประสิทธิภาพ โดยคานึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเอง
และสงั คม
2. ความสามารถในการคิด เป็ นความสามารถของนกั เรียนในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด
อย่างมีวิจารณญาณ การคิดอยา่ งสร้างสรรค์ การคิดเชิงคุณธรรม และการคิดอย่างเป็นระบบ เพ่ือนาไปสู่การสร้าง
องคค์ วามรู้หรือสารสนเทศ เพ่ือการตดั สินใจเก่ียวกบั ตนเองและสงั คมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถของนกั เรียนในการแกป้ ัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่
เผชิญไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลกั เหตุผล คุณธรรมและขอ้ มลู สารสนเทศ เขา้ ใจความสัมพนั ธ์และ
การเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสงั คม ประยกุ ตค์ วามรู้มาใชใ้ นการป้ องกนั และแกไ้ ขปัญหา และมีการ
ตดั สินใจท่ีมีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบท่ีเกิดข้ึนต่อตนเอง สงั คม และส่ิงแวดลอ้ ม
4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดาเนินชีวติ เป็นความสามารถของนกั เรียน
ในดา้ นการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใชใ้ นการดาเนินชีวิตประจาวนั การทางานและการอย่รู ่วมกนั ในสังคมดว้ ยการ
สร้างเสริมความสัมพนั ธ์อนั ดีระหว่างบุคคล การจดั การและหาทางออกที่เหมาะสมดา้ นความขดั แยง้ และความ
แตกต่างระหวา่ งบุคคล การปรับตวั ใหท้ นั กบั การเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดลอ้ ม การสืบเสาะหาความรู้
และการรู้จกั หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไมพ่ ึงประสงคซ์ ่ึงจะส่งผลกระทบต่อตนเองและผอู้ ่ืน

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 15

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถของนกั เรียนในการเลือกใชเ้ ทคโนโลยีดา้ นต่าง ๆ
ท้งั ดา้ นวตั ถุ แนวคิด และวิธีการในการพฒั นาตนเองและสังคมดา้ นการเรียนรู้ การสื่อสาร การทางาน การแกป้ ัญหา
และการอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสมและมีคุณธรรม

นอกจากสมรรถนะสาคญั ของนกั เรียนหลงั จากสาเร็จการศึกษาตามหลกั สูตรท่ีกล่าวแลว้ ขา้ งตน้ หลกั สูตร
แกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ไดก้ าหนดคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องนกั เรียนหลงั จากสาเร็จ
การศึกษาตามหลกั สูตรไว้ 8 ประการ ดงั น้ี

1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณลกั ษณะในฐานะพลเมืองไทย ตอ้ งรู้คุณค่า หวงแหน และเทิดทูนสถาบนั
สูงสุดของชาติ

2. ซื่อสัตย์สุจริต เป็นคุณลกั ษณะที่นกั เรียนมีจิตสานึก ค่านิยม และมีคุณธรรม จริยธรรมในการอย่รู ่วมกนั
กบั ผอู้ ื่นในสงั คมอยา่ งมีความสุข

3. มีวินัย เป็ นคุณลกั ษณะของนกั เรียนดา้ นการประพฤติปฏิบตั ิตามกฎระเบียบของสังคมอย่างมีความ
รับผดิ ชอบและความซื่อสตั ยต์ ่อตนเองและผอู้ ่ืน

4. ใฝ่ เรียนรู้ เป็นคุณลกั ษณะของนกั เรียนดา้ นความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ อยากรู้ อยากเรียน
รักการอ่าน การเขียน การฟัง รู้จกั ต้งั คาถามเพ่ือหาเหตุผล ท้งั ดว้ ยตนเองและร่วมกบั ผอู้ ื่นดว้ ยความขยนั หมนั่ เพียร
และอดทน และเปิ ดรับความคิดใหม่ ๆ

5. อยู่อย่างพอเพยี ง เป็นคุณลกั ษณะของนกั เรียนในการดารงชีวิตอย่างมีความพอประมาณ ใชส้ ่ิงของอยา่ ง
ประหยดั พอใจในส่ิงท่ีตนมีอยบู่ นหลกั เหตุผล และมีภมู ิคุม้ กนั ที่ดี

6. มุ่งมั่นในการทางาน เป็ นคุณลกั ษณะของนกั เรียนที่มีจิตสานึกในการใช้ บริหารงานและทรัพยากร
อยา่ งคุม้ ค่าและยงั่ ยนื ในการทางานตามความคิดสร้างสรรค์ มีทกั ษะและมุง่ มนั่ ต่อความสาเร็จของงาน

7. รักความเป็ นไทย เป็ นคุณลกั ษณะของนักเรียนที่รู้จกั หวงแหน อนุรักษ์พฒั นาวิถีชีวิตของคนไทย
ประพฤติตามวฒั นธรรมไทยใหค้ งอยคู่ ่ไู ทย

8. มจี ติ สาธารณะ เป็นคุณลกั ษณะท่ีนกั เรียนไดท้ าประโยชนต์ ามความสามารถ ความถนดั และความสนใจ
ในลกั ษณะอาสาสมคั ร เพื่อแสดงความรับผดิ ชอบ ความเสียสละ มีจิตม่งุ ทาประโยชนต์ ่อครอบครัว ชุมชน สงั คม

ดงั น้นั การกาหนดภาระงานใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิ รวมท้งั การเลือกวิธีการและเครื่องมือประเมินผลการเรียนรู้
น้นั ครูควรคานึงถึงความสามารถของนกั เรียน 6 ประการ ตามแนวคิดของ Backward Design สมรรถนะสาคญั และ
คุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องนกั เรียนหลงั จากสาเร็จการศึกษาตามหลกั สูตรที่ไดก้ ล่าวไวข้ า้ งตน้ เพื่อใหภ้ าระงาน
วธิ ีการ และเครื่องมือวดั และประเมินผลการเรียนรู้ครอบคลุมสิ่งที่สะทอ้ นผลลพั ธ์ปลายทางท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั
นกั เรียนอยา่ งแทจ้ ริง

นอกจากน้ี การออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคิดของ Backward Design ในข้นั ที่ 2 น้ี ครูจะตอ้ ง
คานึงถึงภาระงาน วิธีการ เครื่องมือวดั และประเมินผลการเรียนรู้ที่มีความเที่ยงตรง เช่ือถือได้ มีประสิทธิภาพ ตรง
กบั สภาพจริง มีความยืดหยนุ่ และใหค้ วามสบายใจแก่นกั เรียนเป็นสาคญั

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 16

ข้นั ท่ี 3 วางแผนการจดั การเรียนรู้
เมื่อครูมีความรู้ความเขา้ ใจที่ชดั เจนเกี่ยวกบั การกาหนดผลลพั ธ์ปลายทางท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียน
รวมท้งั กาหนดภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ ซ่ึงเป็ นหลกั ฐานท่ีแสดงว่านกั เรียนมีผลการเรียนรู้ตามท่ี
กาหนดไวอ้ ยา่ งแทจ้ ริงแลว้ ข้นั ต่อไปครูควรนึกถึงกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่จะจดั ใหแ้ ก่นกั เรียน การที่ครูจะนึกถึง
กิจกรรมต่าง ๆ ท่ีจะจดั ใหน้ กั เรียนไดน้ ้นั ครูควรตอบคาถามสาคญั ต่อไปน้ี
– ถา้ ครูตอ้ งการจะจดั การเรียนรู้ใหน้ กั เรียนเกิดความรู้เก่ียวกบั ขอ้ เท็จจริง ความคิดรวบยอด หลกั การ และ
ทกั ษะ/กระบวนการต่าง ๆ ท่ีจาเป็ นสาหรับนกั เรียน ซ่ึงจะทาใหน้ กั เรียนเกิดผลลพั ธ์ปลายทางตามที่กาหนดไว้
รวมท้งั เกิดเป็นความเขา้ ใจที่คงทนต่อไปน้นั ครูสามารถจะใชว้ ธิ ีการง่าย ๆ อะไรบา้ ง
– กิจกรรมการเรียนรู้ที่จะช่วยเป็นสื่อนาใหน้ กั เรียนเกิดความรู้และทกั ษะท่ีจาเป็นมีอะไรบา้ ง
– สื่อและแหลง่ การเรียนรู้ท่ีเหมาะสมและดีท่ีสุด ซ่ึงจะทาใหน้ กั เรียนบรรลตุ ามมาตรฐานของหลกั สูตรมี
อะไรบา้ ง
– กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ท่ีกาหนดไวค้ วรจดั กิจกรรมใดก่อน และควรจดั กิจกรรมใดภายหลงั
– กิจกรรมต่าง ๆ ออกแบบไวเ้ พื่อตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลของนกั เรียนหรือไม่ เพราะเหตุ
ใด
การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ เพ่ือใหน้ กั เรียนเกิดผลลพั ธ์ปลายทางตามแนวคิดของ Backward Design
น้นั วิกกินส์และแมกไทไดเ้ สนอแนะใหค้ รูเขียนแผนการจดั การเรียนรู้โดยใชแ้ นวคิดของ WHERETO (ไปท่ีไหน)
ซ่ึงมีรายละเอียดดงั น้ี
W แทน กิจกรรมการเรียนรู้ที่จดั ใหน้ ้นั จะตอ้ งช่วยใหน้ กั เรียนรู้ว่าหน่วยการเรียนรู้น้ีจะดาเนินไปในทิศทาง
ใด (Where) และส่ิงที่คาดหวงั คืออะไร (What) มีอะไรบา้ ง ช่วยใหค้ รูทราบวา่ นกั เรียนมีความรู้พ้ืนฐานและความ
สนใจอะไรบา้ ง
H แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรดึงดูดความสนใจนกั เรียนทุกคน (Hook) ทาใหน้ กั เรียนเกิดความสนใจใน
สิ่งท่ีจะเรียนรู้ (Hold) และใชส้ ่ิงที่นกั เรียนสนใจเป็นแนวทางในการจดั การเรียนรู้
E แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรส่งเสริม และจดั ให้ (Equip) นกั เรียนไดม้ ีประสบการณ์ (Experience) ใน
แนวคิดหลกั /ความคิดรวบยอด และสารวจ (Explore) รวมท้งั วนิ ิจฉยั ในประเดน็ ต่าง ๆ ท่ีน่าสนใจ
R แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนไดค้ ิดทบทวน (Rethink) ปรับ (Revise) ความเขา้ ใจ
ในความรู้และงานท่ีปฏิบตั ิ
E แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนไดป้ ระเมิน (Evaluate) ผลงานและสิ่งท่ีเก่ียวขอ้ งกบั
การเรียนรู้
T แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรออกแบบ (Tailored) สาหรับนกั เรียนเป็นรายบุคคลเพื่อใหส้ อดคลอ้ งกบั
ความตอ้ งการ ความสนใจ และความสามารถที่แตกต่างกนั ของนกั เรียน
O แทน การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ใหเ้ ป็นระบบ (Organized) ตามลาดบั การเรียนรู้ของนกั เรียน และ
กระตุน้ ใหน้ กั เรียนมีส่วนร่วมในการสร้างองคค์ วามรู้ต้งั แต่เร่ิมแรกและตลอดไป ท้งั น้ีเพ่ือการเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิผล

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 17

อย่างไรก็ตาม มีขอ้ สังเกตว่าการวางแผนการจดั การเรียนรู้ที่มีการกาหนดวิธีการจดั การเรียนรู้ การลาดบั
บทเรียน รวมท้งั สื่อและแหล่งการเรียนรู้ที่เฉพาะเจาะจงน้นั จะประสบผลสาเร็จไดก้ ็ต่อเม่ือครูไดม้ ีการกาหนด
ผลลพั ธ์ปลายทาง หลกั ฐาน และวิธีการวดั และประเมินผลที่แสดงวา่ นกั เรียนมีผลการเรียนรู้ตามที่กาหนดไวอ้ ยา่ ง
แทจ้ ริงแลว้ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้เป็นเพียงส่ือท่ีจะนาไปสู่เป้ าหมายความสาเร็จท่ีตอ้ งการเท่าน้นั ดว้ ยเหตุน้ีถา้ ครู
มีเป้ าหมายที่ชดั เจนกจ็ ะช่วยทาใหก้ ารวางแผนการจดั การเรียนรู้และการจดั กิจกรรมการเรียนรู้สามารถทาใหน้ กั เรียน
เกิดผลสมั ฤทธ์ิตามที่กาหนดไวไ้ ด้

โดยสรุปจึงกล่าวไดว้ ่า ข้นั น้ีเป็ นการคน้ หาสื่อการเรียนรู้ แหล่งการเรียนรู้ และกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี
สอดคลอ้ งเหมาะสมกบั นกั เรียน กิจกรรมที่กาหนดข้ึนควรเป็นกิจกรรมที่จะส่งเสริมใหน้ กั เรียนสามารถสร้างและ
สรุปเป็นความคิดรวบยอดและหลกั การที่สาคญั ของสาระที่เรียนรู้ ก่อใหเ้ กิดความเขา้ ใจที่คงทน รวมท้งั ความรู้สึก
และค่านิยมที่ดีไปพร้อม ๆ กบั ทกั ษะความชานาญ

เมื่อครูไดเ้ รียนรู้เก่ียวกบั กระบวนการและข้นั ตอนตามแนวคิดแบบ Backward Design แลว้ วิธีการท่ีจะช่วย
ใหค้ รูสามารถตรวจสอบความคิดโดยภาพรวมของตนเองเกี่ยวกบั ข้นั ตอนต่าง ๆ ตามแนวคิดแบบ Backward Design
ไดก้ ็คือ การกาหนดผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคิดแบบ Backward Design (Backward Design
Template) ครูจะใชผ้ งั น้ีในการออกแบบการจดั การเรียนรู้หน่วยการเรียนรู้ท่ีจะเนน้ ความเขา้ ใจท่ีคงทนของนกั เรียนได้

ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ 1 หนา้ ประกอบดว้ ยคาถามสาคญั ที่แยกแยะตามข้นั ตอนตามแนวคิดแบบ
Backward Design ผงั น้ีจะแนะนาใหค้ รูทราบถึงองคป์ ระกอบที่สาคญั ของการออกแบบการจดั การเรียนรู้เพื่อความ
เขา้ ใจที่คงทนของนกั เรียน ถึงแมว้ ่าผงั 1 หนา้ น้ี จะไม่ไดแ้ สดงรายละเอียดท้งั หมดของการจดั การเรียนรู้ แต่ผงั น้ีกม็ ี
ความสาคญั หลายประการ คือ

1. บรรยายภาพรวมข้นั ตอนท้งั หมดตามแนวคิดแบบ Backward Design
2. ครูสามารถตรวจสอบไดอ้ ยา่ งรวดเร็วเก่ียวกบั ขอบเขตการวดั และการประเมินผลการเรียนรู้ประจาหน่วย
การเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอน และเป้ าหมายการเรียนรู้ท่ีตอ้ งการ
3. ครูสามารถใช้ผงั น้ีทบทวนสิ่งต่าง ๆ ท่ีปรากฏในหน่วยการเรียนรู้ ซ่ึงครูและหน่วยงานในทอ้ งถิ่น
สามารถนาไปปรับปรุงและพฒั นาได้
4. ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ 1 หนา้ เป็นเพียงขอบเขตเริ่มตน้ ของการออกแบบการจดั การเรียนรู้
เท่าน้นั ครูสามารถขยายรายละเอียดของการวางแผนการจดั การเรียนรู้ใหม้ ากข้ึนหลาย ๆ หนา้ ได้
จุดประสงค์ของการสร้างแบบฟอร์มของผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ก็เพ่ือนาเสนอการออกแบบ
หน่วยการเรียนรู้ที่กะทดั รัด เพราะส่วนประกอบของผงั แต่ละส่วนจะเป็นแนวทางการออกแบบการจดั การเรียนรู้ให้
ครู เมื่อครูออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามผงั น้ีเสร็จเรียบร้อยแลว้ ครูสามารถนาผงั ไปใชส้ าหรับการประเมินตนเอง
หรือใหเ้ พื่อนครูประเมินเก่ียวกบั การจดั การเรียนรู้ รวมท้งั ครูสามารถนาผงั การจดั การเรียนรู้ของหน่วยการเรียนรู้ท่ี
ออกแบบไวอ้ ยา่ งสมบรู ณ์แลว้ ไปแลกเปล่ียนเพ่ือเรียนรู้กบั คนอ่ืน ๆ ไดอ้ ีกดว้ ย
วกิ กินส์และแมกไทไดน้ าเสนอผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ (Backward Design Template) และคาถาม
สาคญั สาหรับครูที่จะทาการออกแบบการจดั การเรียนรู้โดยใชผ้ งั น้ีไวเ้ ป็นตวั อยา่ ง ดงั น้ี

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 18

ตวั อย่างผงั การออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Backward Design
หน่วยการเรียนรู้ท_่ี ____________________

ข้นั ที่ 1 ผลลพั ธ์ปลายทางทีต่ ้องการให้เกดิ ขึน้ กบั นักเรียน

ตวั ชีว้ ดั ช้ันปี

1. __________________________________________________________________________________

2. __________________________________________________________________________________

ความเข้าใจทคี่ งทนของนักเรียน คาถามสาคญั ทที่ าให้เกดิ ความเข้าใจทคี่ งทน

นักเรียนจะเข้าใจว่า...

1. ________________________________________ 1. ________________________________________

2. ________________________________________ 2. ________________________________________

ความรู้ของนักเรียนที่นาไปสู่ความเข้าใจท่ีคงทน ทักษะ/ความสามารถของนักเรียนที่นาไปสู่ความเข้าใจ

นกั เรียนจะรู้ว่า... ท่ีคงทน นักเรียนจะสามารถ...

1. ________________________________________ 1. ________________________________________

2. ________________________________________ 2. ________________________________________

3. ________________________________________ 3. ________________________________________

ข้ันที่ 2 ภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ซึ่งเป็ นหลกั ฐานท่ีแสดงว่านกั เรียนมผี ลการเรียนรู้
ตามท่ีกาหนดไว้อย่างแท้จริง

1. ภาระงานท่ีนกั เรียนต้องปฏิบัติ
– _____________________________________________________________________________________
– _____________________________________________________________________________________

2. วธิ ีการและเคร่ืองมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้

วธิ ีการประเมนิ ผลการเรียนรู้ เคร่ืองมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้

– _______________________________________ – _______________________________________

– _______________________________________ – _______________________________________

3. ส่ิงที่มุ่งประเมนิ

– _____________________________________________________________________________________

– _____________________________________________________________________________________

ข้ันท่ี 3 แผนการจดั การเรียนรู้

– _____________________________________________________________________________________
– _____________________________________________________________________________________

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 19

เม่ือครูออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design แลว้ ครู

สามารถเขียนแผนการจดั การเรียนรู้เป็นรายชวั่ โมงไดโ้ ดยใชร้ ูปแบบของแผนการจดั การเรียนรู้แบบเรียงหวั ขอ้ ซ่ึงมี

รายละเอียดดงั น้ี

ชื่อแผน...(ระบุช่ือและลาดบั ท่ีของแผนการจดั การเรียนรู้)

ช่ือเรื่อง...(ระบุชื่อเร่ืองท่ีใชจ้ ดั การเรียนรู้)

สาระที่...(ระบุสาระที่ใชจ้ ดั การเรียนรู้)

เวลา...(ระบุระยะเวลาท่ีใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ต่อ 1 แผน)

ช้ัน...(ระบุช้นั ที่จดั การเรียนรู้)

หน่วยการเรียนรู้ที.่ ..(ระบุชื่อและลาดบั ท่ีของหน่วยการเรียนรู้)

สาระสาคัญ...(เขียนความคิดรวบยอดหรือมโนทศั นข์ องหวั เร่ืองที่จะจดั การเรียนรู้)

ตวั ชี้วดั ช้ันปี ...(ระบุตวั ช้ีวดั ช้นั ปี ที่ใชเ้ ป็นเป้ าหมายของแผนการจดั การเรียนรู้)

จุดประสงค์การเรียนรู้...(กาหนดให้สอดคลอ้ งกบั สมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของ

นกั เรียนหลงั จากสาเร็จการศึกษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ซ่ึงประกอบดว้ ย

ดา้ นความรู้ (Knowledge: K)

ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และจิตวิทยาศาสตร์ (Affective: A)

ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (Performance: P))

การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้...(ระบุวิธีการและเคร่ืองมือวดั และประเมินผลท่ีสอดคลอ้ งกับ

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ท้งั 3 ดา้ น)

สาระการเรียนรู้...(ระบุสาระและเน้ือหาท่ีใชจ้ ดั การเรียนรู้ อาจเขียนเฉพาะหวั เร่ืองกไ็ ด)้

แนวทางการบูรณาการ...(เสนอแนะและระบุกิจกรรมของกลุ่มสาระอ่ืนที่บูรณาการร่วมกนั )

กระบวนการจดั การเรียนรู้...(กาหนดใหส้ อดคลอ้ งกบั ธรรมชาติของกลมุ่ สาระและการบรู ณาการขา้ มสาระ)

กจิ กรรมเสนอแนะ...(ระบุรายละเอียดของกิจกรรมที่นกั เรียนควรปฏิบตั ิเพ่ิมเติม)

ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้...(ระบุสื่อ อปุ กรณ์ และแหล่งการเรียนรู้ที่ใชใ้ นการจดั การเรียนรู้)

บนั ทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้...(ระบุรายละเอียดของผลการจดั การเรียนรู้ตามแผนท่ีกาหนดไว้ อาจ

นาเสนอขอ้ เด่นและขอ้ ดอ้ ยใหเ้ ป็นขอ้ มลู ท่ีสามารถใชเ้ ป็นส่วนหน่ึงของการทาวจิ ยั ในช้นั เรียนได)้

ในส่วนของการเขียนแผนการจดั การเรียนรู้น้นั ใหค้ รูเขียนโดยนาข้นั ตอนหลกั ของเทคนิค วิธีการของการ

จดั การเรียนรู้ท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นศูนยก์ ลาง เช่น การเรียนแบบแกป้ ัญหา การศึกษาเป็นรายบุคคล การอภิปรายกลุ่มยอ่ ย/

กลุ่มใหญ่ การฝึ กปฏิบตั ิการ การสืบคน้ ขอ้ มูล ฯลฯ มาเขียนในข้นั การจดั การเรียนรู้ โดยใหค้ านึงถึงธรรมชาติของ

กลุ่มสาระการเรียนรู้

การใชแ้ นวคิดของการออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคิดของ Backward Design จะช่วยใหค้ รูมีความ

มน่ั ใจในการจดั การเรียนรู้และใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ของ ในการจดั การเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ

ต่อไป

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 20

3. แนวทางการจัดการเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551

วิทยาศาสตร์ทาใหค้ นไดพ้ ฒั นาชีวิต ท้งั ความคิดเป็ นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มี
ทกั ษะที่สาคญั ในการคน้ ควา้ หาความรู้ มีความสามารถในการแกป้ ัญหาอยา่ งเป็ นระบบ สามารถตดั สินใจโดยใช้
ขอ้ มลู ที่หลากหลายและประจกั ษพ์ ยานที่ตรวจสอบได้ วิทยาศาสตร์เป็นวฒั นธรรมของโลกสมยั ใหม่ ซ่ึงเป็นสงั คม
แห่งความรู้ (Knowledge-Based Society) ทุกคนจึงจาเป็นตอ้ งไดร้ ับการพฒั นาใหร้ ู้วทิ ยาศาสตร์
(Scientific Literacy for All) เพ่ือที่จะมีความรู้ความเขา้ ใจโลกธรรมชาติและเทคโนโลยีท่ีมนุษยส์ ร้างสรรคข์ ้ึน และ
นาความรู้ไปใชอ้ ยา่ งมีเหตุผล สร้างสรรค์ มีคุณธรรม ความรู้วิทยาศาสตร์ไม่เพียงแต่นามาใชใ้ นการพฒั นาคุณภาพ
ชีวิตที่ดี แต่ยงั ช่วยให้คนมีความรู้ความเข้าใจธรรมชาติอย่างสมดุลและยงั่ ยืน และท่ีสาคญั อย่างยิ่งคือ ความรู้
วิทยาศาสตร์ช่วยเพ่ิมขีดความสามารถในการพฒั นาเศรษฐกิจ สามารถแข่งขนั กบั นานาประเทศและดาเนินชีวิตอยู่
ร่วมกนั ในสังคมโลกไดอ้ ย่างมีความสุข การที่จะสร้างความเขม้ แขง็ ทางดา้ นวิทยาศาสตร์น้นั องคป์ ระกอบท่ีสาคญั
ประการหน่ึงคือ การจดั การศึกษาเพื่อเตรียมคนให้อยู่ในสังคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็ นท้งั ผูผ้ ลิตและ
ผบู้ ริโภคที่มีประสิทธิภาพ

วิทยาศาสตร์เป็ นกลุ่มสาระการเรี ยนรู้หลักในโครงสร้างหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สูตรและการจดั การเรียนรู้ ตลอดจนการวดั และประเมินผลการเรียนรู้มีความสาคญั อย่างย่ิงใน
การวางรากฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของนกั เรียนแต่ละระดบั ช้นั ใหต้ ่อเนื่องเชื่อมโยงต้งั แต่ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1
ถึงมธั ยมศึกษาปี ท่ี 6 ดงั น้นั จึงจาเป็นที่จะตอ้ งจดั หลกั สูตรแกนกลางที่มีการเรียงลาดบั ความยากง่ายของเน้ือหาสาระ
ในแต่ละระดบั ช้ัน การเชื่อมโยงความรู้กบั กระบวนการการจดั การเรียนรู้ท่ีจะทาให้นักเรียนพฒั นาความคิด
ท้งั ความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มีทกั ษะท่ีสาคญั ในการคน้ ควา้ และสร้างองคค์ วามรู้
ดว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นระบบ สามารถตดั สินใจโดยใชข้ อ้ มูลหลากหลาย
และประจกั ษพ์ ยานที่ตรวจสอบได้ มีทกั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยีในการสืบคน้ ขอ้ มูลและการจดั การ รวมถึงมีการ
พฒั นาทกั ษะสาหรับการดารงชีวิตในโลกแห่งศตวรรษที่ 21 ที่เรียกว่า ทักษะในศตวรรษท่ี 21 โดยเนน้ การคิด
วเิ คราะห์ การแกป้ ัญหา การร่วมมือ และการส่ือสาร ซ่ึงนกั เรียนจะไดฝ้ ึ กฝนและเรียนรู้จากการลงมือทางานเป็นทีม
มากกวา่ การท่องจาขอ้ มลู และยงั ไดฝ้ ึ กฝนเกี่ยวกบั การสื่อสารโดยการรับฟังผอู้ ่ืนและถ่ายทอดความคิดใหผ้ อู้ ื่นเขา้ ใจ
ไดอ้ ยา่ งชดั เจน การอ่านขอ้ มลู จากแหล่งขอ้ มลู ต่าง ๆ รวมท้งั การเขียนหรืออธิบายผ่านวิธีการต่าง ๆ ที่หลากหลายได้
อยา่ งชดั เจน ซ่ึงเป็นทกั ษะท่ีนกั เรียนจาเป็นตอ้ งมีสาหรับการทางานใหป้ ระสบความสาเร็จ

การจดั การเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เนน้ กระบวนการท่ีนกั เรียนเป็นผคู้ ิดลงมือปฏิบตั ิ ศึกษา
คน้ ควา้ อย่างมีระบบดว้ ยกิจกรรมท่ีหลากหลาย ท้งั การปฏิบตั ิกิจกรรมภาคสนาม การสังเกต การสารวจตรวจสอบ
การทดลองในหอ้ งปฏิบตั ิการ การสืบคน้ ขอ้ มลู จากแหล่งขอ้ มลู ปฐมภูมิและทุติยภูมิ การทาโครงงานวิทยาศาสตร์
การศึกษาจากแหล่งการเรียนรู้ในทอ้ งถิ่น โดยคานึงถึงวุฒิภาวะ ประสบการณ์เดิม ส่ิงแวดลอ้ ม และวฒั นธรรมท่ี
ต่างกนั ท่ีนกั เรียนรับรู้มาแลว้ ก่อนเขา้ สู่หอ้ งเรียน การเรียนรู้ของนกั เรียนจะเกิดข้ึนระหว่างที่นกั เรียนมีส่วนร่วม

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 21

โดยตรงในการทากิจกรรมการเรียนรู้เหลา่ น้นั จึงจะมีความสามารถในการสืบเสาะหาความรู้ มีความสามารถในการ
แกป้ ัญหาดว้ ยวธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ ไดพ้ ฒั นากระบวนการคิดข้นั สูง และคาดหวงั วา่ กระบวนการเรียนรู้ดงั กล่าวจะ
ทาใหน้ กั เรียนไดร้ ับการพฒั นาจิตวทิ ยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรมในการใชว้ ิทยาศาสตร์อย่างสร้างสรรค์ มีเจตคติ
และค่านิยมท่ีเหมาะสมต่อวิทยาศาสตร์ รวมท้งั สามารถส่ือสารและทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ

การจดั การเรียนรู้ครูตอ้ งศึกษาเป้ าหมายและปรัชญาของการจดั การเรียนรู้ใหเ้ ขา้ ใจอย่างถ่องแท้ ทาความ
เขา้ ใจหลกั การ ทฤษฎีการเรียนรู้ต่าง ๆ ตลอดจนกระบวนการเรียนรู้ท่ีเนน้ กระบวนการและถือว่านกั เรียนมี
ความสาคญั ท่ีสุด แลว้ พิจารณาเลือกนาไปใช้ ออกแบบกิจกรรมที่หลากหลายใหเ้ หมาะสมกบั เน้ือหาสาระ เหมาะกบั
สภาพแวดลอ้ มของโรงเรียน แหล่งการเรียนรู้ทอ้ งถิ่น และที่สาคญั คือศกั ยภาพของนกั เรียนดว้ ย ดงั น้นั ในเน้ือหา
สาระเดียวกนั ครูแต่ละโรงเรียนยอ่ มจดั การเรียนการสอนและใชส้ ่ือการเรียนการสอนที่แตกต่างกนั ไดด้ ว้ ยเหตุผลที่
กล่าวขา้ งตน้

วธิ ีการหรือเทคนิคการจดั การเรียนรู้ท่ใี ช้ในกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
วิธีการหรือเทคนิคท่ีนามาใชใ้ นกระบวนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มีอย่มู ากมายหลายวิธี ซ่ึงแต่ละวิธีจะมี
ประสิทธิผลในการสร้างความรู้ ทกั ษะ ประสบการณ์ และการให้โอกาสนกั เรียนไดแ้ สดงบทบาทแตกต่างกนั
ออกไป ดงั น้นั ในการพิจารณาเลือกวิธีการใดมาใช้ ครูตอ้ งวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ก่อนว่าตอ้ งการใหน้ กั เรียนเกิด
พฤติกรรมใด ในระดบั ใด จึงจะนามาปรับใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั นกั เรียน ท้งั น้ีเพ่ือใหก้ ารเรียนรู้ของนกั เรียนบรรลุตาม
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ที่กาหนด
ในคู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้เล่มน้ี เป็ นการจดั การเรียนรู้แบบบูรณาการความรู้กบั เทคนิคการจดั การ
เรียนรู้ท่ีหลากหลายเขา้ ดว้ ยกนั ซ่ึงมีรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี
การจดั การเรียนรู้โดยใช้สมองเป็ นฐาน (Brain-Based Learning: BBL)
การจดั การเรียนรู้โดยใช้สมองเป็ นฐานเป็ นการจดั การเรียนรู้ท่ีอิงผลการวิจยั ทางประสาทวิทยา ซ่ึงได้
เสนอแนะวา่ ตามธรรมชาติน้นั สมองเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งไร โดยไดก้ ล่าวถึงโครงสร้างท่ีแทจ้ ริงของสมองและการทางาน
ของสมองมนุษยท์ ่ีมีการเปล่ียนแปลงไปตามข้นั ของการพฒั นา การจดั การเรียนรู้แบบน้ีจึงเนน้ การเรียนรู้ที่ตอ้ งใชท้ ุก
ส่วนของร่างกายไปพร้อม ๆ กนั ท้งั การคิด ความรู้สึก และการลงมือปฏิบตั ิ ซ่ึงการจดั การเรียนรู้สามารถออกแบบ
ใหอ้ ย่ใู นรูปของคาถามหรือกิจกรรมท่ีนาไปใชเ้ ป็นกิจกรรมนาเขา้ สู่บทเรียนหรือระหว่างการจดั การเรียนรู้ เพ่ือให้
นกั เรียนเกิดการเช่ือมโยงความรู้สู่การปฏิบตั ิจริง โดยม่งุ พฒั นาศกั ยภาพสูงสุดในการเรียนรู้ของนกั เรียน
การจดั การเรียนรู้แบบกลบั ด้านช้ันเรียน (Flipped Classroom)
การจดั การเรียนรู้แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียนเป็นการปรับรูปแบบการเรียนการสอนซ่ึงจากเดิมครูเป็นผบู้ รรยาย
เน้ือหาในช้นั เรียน แลว้ ใหน้ กั เรียนกลบั ไปทาส่ิงที่ครูมอบหมายที่บา้ น เปล่ียนมาเป็นนกั เรียนกลบั ไปคน้ ควา้ ความรู้
ดว้ ยตนเองที่บา้ น แลว้ นาขอ้ สงสยั ต่าง ๆ มาซกั ถามพร้อมกบั นาสิ่งท่ีไดร้ ับมอบหมายใหไ้ ปทาท่ีบา้ นมาทาท่ีช้นั เรียน
โดยมีครูคอยแนะนาแทน การจดั การเรียนรู้แบบกลบั ดา้ นช้ันเรียนน้ี การบรรยายของครูจะถูกบนั ทึกเป็ นวิดีโอ
เพ่ือใหน้ กั เรียนนาไปศึกษาลว่ งหนา้ ท่ีบา้ น เมื่อมาเขา้ ช้นั เรียนในวนั รุ่งข้ึนนกั เรียนจะซกั ถามขอ้ สงสัยต่าง ๆ จากการ
ดวู ิดีโอกบั ครู แลว้ จึงใหน้ กั เรียนทางานท่ีไดร้ ับมอบหมายและปฏิบตั ิกิจกรรมโดยมีครูคอยตอบขอ้ สงสัยและแนะนา

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 22

ช่วยเหลือ ซ่ึงการจดั การเรียนการสอนแบบน้ี เป็นการปรับบทบาทและความสาคญั ในช้นั เรียนจากครูผสู้ อนไปให้
ความสาคญั ที่ตวั นกั เรียนมากข้ึน และทาให้ครูไดใ้ ชเ้ วลาในการมีปฏิสมั พนั ธ์กบั นกั เรียนแทนการบรรยายหนา้ ช้นั
เรียนเพียงอยา่ งเดียวอีกดว้ ย

จากหลกั การดงั กล่าว เพ่ือเป็ นการช่วยให้ครูไดน้ าหลกั การจดั การเรียนรู้แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียนไปใชไ้ ด้
สะดวกยิ่งข้ึน และเป็นการสนองนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ในคู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้เล่มน้ี จึงไดม้ ี
การประยกุ ตก์ ารจดั การเรียนรู้แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน โดยไดป้ รับการบรรยายของครูโดยการบนั ทึกเป็นวดิ ีโอ มาเป็น
การมอบหมายงานให้นกั เรียนไปอ่านและศึกษาคน้ ควา้ หรือปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ดว้ ยตนเองล่วงหนา้ ที่บา้ นแทน
แลว้ ในวนั รุ่งข้ึนจึงใหน้ ักเรียนนาขอ้ สงสัยท่ีไดจ้ ากการอ่าน ศึกษาคน้ ควา้ หรือจากการปฏิบตั ิกิจกรรมมาซักถาม
อภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู้กนั ในช้นั เรียน จากน้นั จึงใหน้ กั เรียนทางานที่ไดร้ ับมอบหมายและปฏิบตั ิกิจกรรมในช้นั
เรียน เพ่ือใหเ้ กิดการเรียนรู้ร่วมกนั อยา่ งยง่ั ยนื ต่อไป

กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process)
นอกจากการจดั การเรียนรู้ในรูปแบบต่าง ๆ ท่ีกล่าวมาแลว้ ในคู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้เล่มน้ี ยงั เนน้
วิธีการหรือเทคนิคที่นามาใช้ในกระบวนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยมีการจดั การเรียนรู้ท่ีเน้นกระบวนการสืบ
เสาะหาความรู้ท่ีสอดคล้องกับแนวทางของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
กระทรวงศึกษาธิการ ซ่ึงกระบวนการสืบเสาะหาความรู้เป็นเทคนิคการจดั การเรียนรู้ท่ีกระตุน้ ใหน้ กั เรียนไดส้ ืบคน้
หรือคน้ หาคาตอบในเร่ืองหรือประเด็นท่ีกาหนดข้ึน เนน้ ใหน้ กั เรียนรู้จกั รับผิดชอบกระบวนการเรียนรู้ของตนเอง
โดยท่ีครูมีบทบาทในการใหค้ วามกระจ่างและเป็นผอู้ านวยความสะดวก ซ่ึงจะช่วยใหน้ กั เรียนสามารถคน้ พบขอ้ มูล
และจดั ระบบความหมายของขอ้ มูลของตนเอง นกั เรียนตอ้ งผา่ นการฝึ กทกั ษะและกระบวนการสืบเสาะหาความรู้
จากครู ก่อนที่จะทาการสืบค้นขอ้ ความรู้ หัวขอ้ หรือประเด็นที่นกั เรียนศึกษาน้ันควรสัมพนั ธ์กบั หลกั สูตรและ
สอดคลอ้ งกับพฒั นาการของนกั เรียน ครูต้องตระหนักเสมอว่าต้องเน้นกระบวนการมากกว่า “ผลท่ีได้จาก
กระบวนการ” และตอ้ งตรวจสอบว่าไดจ้ ดั ส่ิงอานวยความสะดวก ส่ือ และแหล่งการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมท่ีจะ
เอ้ืออานวยใหน้ กั เรียนประสบความสาเร็จในการเรียน
ขนั้ ตอนกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ประกอบด้วย 5 ขัน้ ตอนหลกั ดังนี้
1) สร้างความสนใจ

การสร้างความสนใจเป็นการนาเขา้ สู่บทเรียนหรือเร่ืองท่ีสนใจ โดยท่ีครูจดั สถานการณ์หรือเร่ืองราวท่ี
น่าสนใจเพื่อกระตุน้ ใหน้ กั เรียนสังเกต สงสัยในเหตุการณ์หรือเร่ืองราว หรืออาจเร่ิมจากความสนใจของตวั นกั เรียน
เอง เรื่องท่ีน่าสนใจอาจมาจากขอ้ สงสัยท่ีไดจ้ ากการอ่าน ศึกษาคน้ ควา้ หรือจากการปฏิบตั ิกิจกรรมท่ีนกั เรียนไป
ปฏิบตั ิล่วงหนา้ จากการจดั การเรียนรู้แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน หรือเหตุการณ์ท่ีกาลงั เกิดข้ึนในช่วงเวลาน้นั หรือเป็ น
เรื่องที่เช่ือมโยงกบั ความรู้เดิมท่ีเรียนรู้มาแลว้ จะเป็นตวั กระตุน้ ใหน้ กั เรียนสร้างคาถาม กาหนดประเดน็ ที่จะศึกษา
เมื่อไดป้ ระเด็นที่ตอ้ งการศึกษา ท้งั ครูและนกั เรียนร่วมกนั กาหนดขอบเขตและแจกแจงรายละเอียดของเรื่องท่ีจะ
ศึกษาใหม้ ีความชดั เจนยิ่งข้ึน

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 23

2) สารวจและค้นหา
หลงั จากทาความเขา้ ใจในประเด็นหรือคาถามท่ีสนใจจะศึกษาแลว้ นกั เรียนวางแผนกาหนดแนว

ทางการสารวจตรวจสอบ ต้งั สมมตุ ิฐาน และกาหนดทางเลือกท่ีเป็นไปไดแ้ ลว้ ลงมือปฏิบตั ิเพ่ือเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
ขอ้ สนเทศ หรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ วิธีการตรวจสอบอาจทาไดห้ ลายวิธี เช่น การทดลอง การทากิจกรรมภาคสนาม
การศึกษาหาขอ้ มลู จากเอกสารอา้ งอิงหรือแหล่งขอ้ มลู ต่าง ๆ เพ่ือใหไ้ ดข้ อ้ มูลอย่างเพียงพอ สรุปส่ิงที่คาดว่าจะเป็น
คาตอบของปัญหาหรือสมมตุ ิฐานน้นั

3) อธิบายและลงข้อสรุป
นกั เรียนนาขอ้ มลู ขอ้ สนเทศท่ีไดว้ ิเคราะห์ แปลผล สรุปผล และนาเสนอผลในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การ

บรรยายสรุป การสร้างตาราง เป็นตน้ ซ่ึงการคน้ พบในข้นั น้ีอาจสนบั สนุนหรือโตแ้ ยง้ กบั สมมุติฐานท่ีต้งั ไว้ หรือไม่
เกี่ยวขอ้ งกบั ประเดน็ ท่ีกาหนดไว้ แต่ไม่ว่าผลจะอย่ใู นรูปใดก็ตาม กส็ ามารถสร้างความรู้และช่วยใหเ้ กิดความรู้ได้
เช่นกนั

4) ขยายความรู้
เป็นข้นั ตอนท่ีนกั เรียนนาความรู้ท่ีสร้างข้ึนไปเช่ือมโยงกบั ความรู้เดิม หรือแนวคิดท่ีไดค้ น้ ควา้ เพ่ิมเติม

หรือขอ้ สรุปที่ไดไ้ ปอธิบายเหตุการณ์อื่น ๆ
5) ประเมิน
ครูประเมินการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการต่าง ๆ วา่ นกั เรียนมีความรู้อะไรบา้ ง อยา่ งไร และมากนอ้ ย

เพียงใด จากข้นั น้ีจะนาไปสู่การนาความรู้ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นเร่ืองหรือสถานการณ์อื่น ๆ
ข้นั การจดั การเรียนรู้ในค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้เล่มน้ีไดบ้ ูรณาการกระบวนการสืบเสาะหาความรู้กบั

เทคนิค วธิ ีการจดั การเรียนรู้อ่ืน ๆ ท่ีนิยมใชส้ าหรับจดั การเรียนรู้ตามธรรมชาติของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
เช่น กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Process) การทดลอง (Experiment) การฝึ กปฏิบตั ิการ (Practice) การ
อภิปรายกลมุ่ ยอ่ ย (Small Group Discussion) กระบวนการแกป้ ัญหา (Problem Solving Process) กระบวนการเรียนรู้
แบบร่วมแรงร่วมใจ (Cooperative Learning) และโครงงาน (Project Work) ซ่ึงไดร้ วบรวมรายละเอียดบนั ทึกไวใ้ น
ซีดีรอม

อยา่ งไรกต็ าม ครูควรศึกษาธรรมชาติของวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ความยากง่ายของเน้ือหาสาระ ความรู้ความ
สามารถของนกั เรียน สภาพความพร้อมดา้ นสื่อ อุปกรณ์ และแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ของโรงเรียน เพื่อท่ีจะไดน้ า
วิธีการจดั การเรียนรู้และเทคนิคต่าง ๆ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจดั การเรียนรู้ ครูสามารถใชห้ ลาย ๆ วิธีผสมผสานกนั
เพื่อสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ และท่ีสาคญั ครูควรประเมินผลการจดั การเรียนรู้และบนั ทึกขอ้ มูลไวเ้ พื่อนาไป
ปรับปรุง และพฒั นาแผนการจดั การเรียนรู้หรือทาวิจยั ในช้นั เรียนต่อไป

การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้
การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้เป็นข้นั ตอนของการตรวจสอบผลการจดั การเรียนรู้ว่าก่อนการจดั การ
เรียนรู้ ระหวา่ งการจดั การเรียนรู้ และหลงั จากจดั การเรียนรู้แลว้ นกั เรียนมีพฒั นาการ มีความสามารถ มีความสาเร็จ
ทางการเรียนหรือบรรลุผลการเรียนตามที่คาดหวงั หรือไม่ และมีผลการเรียนรู้อย่ใู นระดบั ใด ในคู่มือครู แผนการ

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 24

จดั การเรียนรู้เล่มน้ี ไดอ้ อกแบบวิธีการและเครื่องมือสาหรับการวดั และการประเมินผลการเรียนรู้ของนกั เรียนไว้
ดงั น้ี

1. กจิ กรรมฝึ กทกั ษะ ไดอ้ อกแบบไวท้ ้งั ท่ีเป็นแบบทดสอบแบบปรนยั และอตั นยั เพื่อพฒั นาทกั ษะดา้ นการ
คิดวิเคราะห์ การเขียน การอ่าน การแสดงความคิดเห็น ซ่ึงครูสามารถเลือกกิจกรรมที่เห็นวา่ สาคญั มาเป็นเคร่ืองมือ
ในการประเมินผลการเรียนรู้ของนกั เรียนได้

2. กิจกรรมสะเตม็ ศึกษา (STEM Education) ไดอ้ อกแบบไวเ้ ป็นกิจกรรมเสนอแนะ ครูสามารถนาไปใช้
จดั กิจกรรมเสริมนอกเวลาเรียนได้ สะเต็มศึกษาเป็ นแนวทางใหม่ในการจดั การเรียนรู้ท่ีบูรณาการวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์เขา้ ดว้ ยกนั เพ่ือนาความรู้เหล่าน้ีไปใชแ้ กป้ ัญหา พฒั นานวตั กรรม และ
สร้างสรรคช์ ิ้นงานที่เป็นประโยชนใ์ นชีวติ จริง ช่วยใหน้ กั เรียนไดใ้ ชก้ ระบวนการคิด การแกป้ ัญหา การเช่ือมโยง
ความสมั พนั ธก์ บั สิ่งต่าง ๆ รอบตวั และส่งเสริมการพฒั นาทกั ษะในศตวรรษที่ 21

3. แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ไดอ้ อกแบบไวเ้ ป็นแบบทดสอบแบบปรนยั เพื่อความสะดวกของ
ครูในการตรวจสอบความกา้ วหนา้ ทางการเรียนรู้ของนกั เรียน อน่ึง แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนน้ี ครูอาจ
นาไปใชส้ าหรับการวจิ ยั ในช้นั เรียนได้

4. การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ไดอ้ อกแบบการวดั และการประเมินผลการเรียนรู้ไว้ 3 ดา้ น ดงั น้ี
4.1 ด้านความรู้ ไดอ้ อกแบบไวเ้ ป็ นแบบทดสอบแบบปรนยั ตามตวั ช้ีวดั ช้นั ปี ของแต่ละหน่วยการ

เรียนรู้ที่สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้และสาระแกนกลาง ท้งั น้ีเพื่อเป็ นการตรวจสอบความรู้ ความคิดของ
นกั เรียนเกี่ยวกบั เรื่องที่ไดเ้ รียนรู้ไปแลว้

4.2 ด้านคุณธรรม จริยธรรม และจติ วทิ ยาศาสตร์ ไดอ้ อกแบบไวเ้ ป็นแบบตรวจสอบรายการและแบบ
มาตรประมาณค่า โดยใชว้ ิธีการสังเกต สอบถาม หรือสัมภาษณ์ ซ่ึงครูสามารถนาไปใชป้ ระเมินคุณลกั ษณะอนั พึง
ประสงคข์ องนกั เรียนได้ ท้งั ในระหวา่ งการจดั การเรียนรู้และการปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ซ่ึงไดใ้ ชต้ วั บ่งช้ีคุณลกั ษณะ
อนั พึงประสงคข์ องจิตวทิ ยาศาสตร์ ซ่ึงแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เจตคติทางวิทยาศาสตร์และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์

1) เจตคติทางวิทยาศาสตร์ เป็ นลกั ษณะนิสัยของนกั เรียนท่ีคาดหวงั ว่าจะไดร้ ับการพฒั นาในตวั
นกั เรียนโดยผา่ นกระบวนการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ คุณลกั ษณะของเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ ประกอบดว้ ย

(1) ความสนใจใฝ่ รู้หรือความอยากรู้อยากเห็น
(2) ความม่งุ มนั่ อดทน รอบคอบ
(3) ความซื่อสตั ย์
(4) ความประหยดั
(5) ความใจกวา้ ง ร่วมแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดของผอู้ ื่น
(6) ความมีเหตุผล
(7) การทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์
2) เจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์ เป็นความรู้สึกท่ีนกั เรียนมีต่อการทากิจกรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ดว้ ย
กิจกรรมที่หลากหลาย คุณลกั ษณะของเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ ประกอบดว้ ย

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 25

(1) พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เก่ียวกบั วิทยาศาสตร์
(2) ศรัทธาและซาบซ้ึงในผลงานทางวทิ ยาศาสตร์
(3) เห็นคุณค่าและประโยชนข์ องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(4) ตระหนกั ในคุณและโทษของการใชเ้ ทคโนโลยี
(5) เรียนหรือเขา้ ร่วมกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์อยา่ งสนุกสนาน
(6) เลือกใชว้ ิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ในการคิดและปฏิบตั ิ
(7) ต้งั ใจเรียนวชิ าวิทยาศาสตร์
(8) ใชค้ วามรู้ทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยา่ งมีคุณธรรม
(9) ใชค้ วามรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยโี ดยใคร่ครวญ ไตร่ตรองถึงผลดีและผลเสีย
4.3 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ ไดอ้ อกแบบไวเ้ ป็นแบบตรวจสอบรายการ และแบบมาตรประมาณค่า โดยใช้
วิธีการสงั เกต สอบถาม หรือสมั ภาษณ์ ซ่ึงครูสามารถนาไปใชป้ ระเมินทกั ษะ/กระบวนการของนกั เรียนได้ ท้งั ใน
ระหวา่ งการจดั การเรียนรู้และการปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจนการนาความรู้ไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ซ่ึงไดใ้ ชต้ วั
บ่งช้ีท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทกั ษะการคิด ทกั ษะการเรียนรู้ ทกั ษะการแกป้ ัญหา และ
ทกั ษะกระบวนการทางานกลมุ่ ดงั น้ี
1) พฤติกรรมในการปฏิบัติกจิ กรรม (เป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่ม) เช่น ความรับผิดชอบ ความรอบคอบ
ความมีระเบียบวนิ ยั ความขยนั หมนั่ เพียร ความซ่ือสตั ย์ ความสนใจ ความต้งั ใจ เป็นตน้
2) ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ทกั ษะการสังเกต การลงความเห็นจากขอ้ มูล การจาแนก
ประเภท การวดั การใชต้ วั เลข การส่ือความหมาย การพยากรณ์ การต้งั สมมุติฐาน การกาหนด และควบคุมตวั แปร
การทดลอง การกาหนดนิยามเชิงปฏิบตั ิการของตวั แปร การหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปซกบั เวลา และการตีความ
หมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรุป
3) ทักษะการคิด ไดแ้ ก่ ความสามารถในการสรุปความคิด การแปลความ การวเิ คราะหห์ ลกั การ การนาไป
ใช้ และการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ
4) ทักษะการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ ความสามารถในการแสวงหาขอ้ มลู ความรู้โดยการอ่าน การฟังและการสงั เกต
ความสามารถในการสื่อสารโดยการพดู การเขียนและการนาเสนอ ความสามารถในการตีความ การสร้างแผนภูมิ
แผนท่ี ตาราง เวลา และการจดบนั ทึก ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยแี ละสารสนเทศต่าง ๆ
5) ทักษะกระบวนการกลุ่ม ไดแ้ ก่ ความสามารถในการเป็นผนู้ าและผตู้ ามในการปฏิบตั ิงานกลุ่ม การมีส่วน
ร่วมในการกาหนดเป้ าหมายในการทางานกลุม่ การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีตามที่ไดร้ ับมอบหมายจากกล่มุ ดว้ ยความรับผิดชอบ
ความสามารถในการสร้างสรรคผ์ ลงานกล่มุ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ และความภาคภูมิใจในผลงานของกลมุ่
6) ทักษะการแก้ปัญหา ไดแ้ ก่ ความสามารถในการต้งั คาถามและการต้งั สมมุติฐานอยา่ งมีระบบ การรวบ
รวมขอ้ มูล การวิเคราะห์ขอ้ มูล การทดสอบสมมุติฐาน การแปลความหมายของขอ้ มลู การนาเสนอขอ้ มูล และการ
สรุปผล

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 26

อยา่ งไรกต็ าม การจดั การเรียนรู้และการวดั และการประเมินผลการเรียนรู้จะเกิดประสิทธิผลและมีประสิทธิ
ภาพไดก้ ็ต่อเม่ือครูไดเ้ ตรียมการสอนล่วงหนา้ การฝึ กทกั ษะในกิจกรรมต่าง ๆ ครูควรเปิ ดโอกาสให้นกั เรียนได้
สืบคน้ ขอ้ มลู ดว้ ยตนเอง ดาเนินการวดั และการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง ท้งั น้ีเนื่องจากโรงเรียนแต่ละแห่ง
มีสภาพแวดลอ้ มทางการเรียนรู้และสภาพนกั เรียนท่ีแตกต่างกนั ดว้ ยเหตุน้ีครูจึงตอ้ งเตรียมการจดั การเรียนรู้และ
เคร่ืองมือวดั และประเมินผลการเรียนรู้ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพของนกั เรียนและสภาพแวดลอ้ มของโรงเรียนของตน

4. ตารางวเิ คราะห์ความสอดคล้องของเนือ้ หาในหน่วยการเรียนรู้กบั
กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1

เนอื้ หา 1.1
12
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ส่ิงมชี ีวติ และส่ิงไม่มชี ีวติ *
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พชื ในสวน
ตอนท่ี 1 ลกั ษณะของพืช *
ตอนท่ี 2 พืชใกลต้ วั
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 สารวจสัตว์รอบตวั *
ตอนที่ 1 ลกั ษณะของสตั ว์
ตอนท่ี 2 สตั วใ์ กลต้ วั
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 ตวั เราน่ารู้
ตอนที่ 1 ร่างกายของเรา
ตอนที่ 2 การดูแลตวั เรา

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 27

บสาระ มาตรฐานการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ และตัวชี้วดั ช้ันปี

สาระท่ี

1 3 467 8

มฐ.ว

1.2 3.1 4.1 6.1 7.1 8.1

ตวั ชี้วดั ช้ันปี

31 1 2 1 1 1 1 2 3 4 5 6 7

*******

*******
* *******

*******
* *******

* *******
* *******

เนอื้ หา 1.1
12
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ของเล่นแสนสนุกและของใช้ใกล้ตวั
ตอนท่ี 1 ของเลน่ และของใช้
ตอนที่ 2 การแบ่งกลมุ่ ของเล่นของใช้
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 แรง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 สารวจพนื้ ดนิ
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 ท่องไปในท้องฟ้ า

หมายเหตุ สาระท่ี 1 สิ่งมีชีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ สาระที่ 3 สารและสมบตั ิข
สาระท่ี 6 กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก สาระที่ 7 ดาราศาสตร์และ

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 28

สาระท่ี

1 3 467 8

มฐ.ว

1.2 3.1 4.1 6.1 7.1 8.1

ตวั ชีว้ ดั ช้ันปี

31 1 2 1 1 1 1 2 3 4 5 6 7

* *******
* *******
* *******
* *******
********

ของสาร สาระท่ี 4 แรงและการเคลื่อนที่
ะอวกาศ สาระที่ 8 ธรรมชาติของวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

5. โครงสร้างการแบ่งเวลารายช่ัวโมงในการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียน

หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้

แผนการจดั การเรียนรู้ปฐมนิเทศ (1 ชวั่ โมง) ชว่ั โมงท
ชวั่ โมงท
หน่วยที่ 1 แผนท่ี 1 การจาแนกส่ิงมีชีวติ และสิ่งไมม่ ีชีวิต
1. สิ่งม
ส่ิงมชี ีวติ และส่ิงไม่มีชีวติ (2 ชวั่ โมง) 2. สิ่งไ
ชว่ั โมงท
(2 แผน) 1. สิ่งม
ชว่ั โมงท
แผนที่ 2 การเคลื่อนไหวของส่ิงมีชีวติ 1. โคร

(2 ชว่ั โมง) ชวั่ โมงท
1.1 รา
หน่วยที่ 2 แผนท่ี 3 โครงสร้างของพืช 1.2 ลา

พชื ในสวน (1 ชว่ั โมง) ชวั่ โมงท
1.3 ใบ
ตอนที่ 1 โครงสร้างของพชื แผนที่ 4 โครงสร้างและหนา้ ที่ของรากและ
ชวั่ โมงท
(6 แผน) ลาตน้ 1.4 ดอ

(2 ชว่ั โมง)

แผนที่ 5 โครงสร้างและหนา้ ที่ของใบ

(2 ชว่ั โมง)

แผนท่ี 6 โครงสร้างและหนา้ ท่ีของดอก

(2 ชว่ั โมง)

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 29

นรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1 หมายเหตุ

ช่ัวโมงที่

ท่ี 1 ปฐมนิเทศและขอ้ ตกลงในการเรียน
ท่ี 2–3 การจาแนกสิ่งมีชีวติ และส่ิงไม่มีชีวติ
มีชีวติ
ไมม่ ีชีวติ
ที่ 4–5 การเคลื่อนไหวของส่ิงมีชีวิต
มีชีวติ
ที่ 6 โครงสร้างของพืช
รงสร้างของพืช
ท่ี 7–8 โครงสร้างและหนา้ ท่ีของรากและลาตน้
าก
าตน้
ท่ี 9–10 โครงสร้างและหนา้ ท่ีของใบ

ที่ 11–12 โครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของดอก
อก

หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ ชวั่ โมงท
1.5 ผล
ตอนท่ี 2 พชื ใกล้ตวั แผนที่ 7 โครงสร้างและหนา้ ท่ีของผล
(2 แผน) (2 ชว่ั โมง) ชว่ั โมงท
แผนที่ 8 ประโยชนข์ องพืช 2. ประ
หน่วยท่ี 3 (1 ชว่ั โมง)
สารวจสัตว์รอบตวั แผนท่ี 9 พืชในทอ้ งถิ่น ชว่ั โมงท
ตอนท่ี 1 ลกั ษณะของสัตว์ (2 ชวั่ โมง) 1. พืชใ
(4 แผน) แผนที่ 10 การจาแนกพืชในทอ้ งถิ่น
(2 ชว่ั โมง) ชวั่ โมงท
แผนที่ 11 โครงสร้างภายนอกของสตั ว์ 2. การ
(2 ชวั่ โมง)
แผนท่ี 12 จานวนขาของสตั ว์ ชวั่ โมงท
(2 ชว่ั โมง) 1. โคร
แผนท่ี 13 อวยั วะที่ใชใ้ นการเคล่ือนที่ของสตั ว์
(2 ชวั่ โมง) ชวั่ โมงท
แผนที่ 14 ลกั ษณะรูปร่างและแหล่งท่ีอยอู่ าศยั 1. โคร
ของสตั ว์
(2 ชวั่ โมง) ชวั่ โมงท
2. อวยั

ชว่ั โมงท
2. อวยั

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 30

ชั่วโมงที่ หมายเหตุ

ที่ 13–14 โครงสร้างและหนา้ ท่ีของผล

ท่ี 15 ประโยชนข์ องพืช
ะโยชนข์ องพืช
ที่ 16–17 พืชในทอ้ งถ่ิน
ในทอ้ งถ่ิน
ที่ 18–19 การจาแนกพืชในทอ้ งถ่ิน
รจาแนกพืชในทอ้ งถิ่น
ที่ 20–21 โครงสรา้ งภายนอกของสตั ว์
รงสร้างภายนอกของสตั ว์
ที่ 22–23 จานวนขาของสตั ว์
รงสร้างภายนอกของสตั ว์
ที่ 24–25 อวยั วะท่ีใชใ้ นการเคล่ือนที่ของสัตว์
ยวะที่ใชใ้ นการเคลื่อนท่ีของสตั ว์
ท่ี 26–27 ลกั ษณะรูปร่างและแหล่งที่อยอู่ าศยั ของสตั ว์
ยวะท่ีใชใ้ นการเคลื่อนที่ของสตั ว์

หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ ชวั่ โมงท
1. สตั ว
ตอนท่ี 2 สัตว์ใกล้ตวั แผนที่ 15 สตั วใ์ นทอ้ งถ่ิน
(3 แผน) (2 ชว่ั โมง) ชวั่ โมงท
แผนท่ี 16 การจดั กลมุ่ สตั วใ์ นทอ้ งถ่ิน 2. การ
(2 ชวั่ โมง)

หน่วยท่ี 4 แผนที่ 17 ประโยชนข์ องสตั ว์ ชว่ั โมงท
ตวั เราน่ารู้ (2 ชวั่ โมง) 3. ประ
ตอนที่ 1 ร่างกายของเรา แผนที่ 18 โครงสร้างส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
(4 แผน) (2 ชว่ั โมง) ชวั่ โมงท
แผนท่ี 19 การมองเห็นและการไดย้ ิน 1. ส่วน
(2 ชว่ั โมง)
ชว่ั โมงท
แผนที่ 20 การดมกล่ินและการรับรส 2. อวยั
(2 ชวั่ โมง) 2.1 ตา
2.2 หูก
แผนท่ี 21 การสมั ผสั
(2 ชวั่ โมง) ชว่ั โมงท
2.3 จม
2.4 ลิน้

ชว่ั โมงท
2.5 ผิว

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 31

ช่ัวโมงท่ี หมายเหตุ

ท่ี 28–29 สตั วใ์ นทอ้ งถ่ิน
วใ์ นทอ้ งถิ่น
ท่ี 30–31 การจดั กลมุ่ สตั วใ์ นทอ้ งถิ่น
รจดั กลุ่มสตั วใ์ นทอ้ งถ่ิน

ที่ 32–33 ประโยชนข์ องสตั ว์
ะโยชนข์ องสตั ว์
ท่ี 34–35 โครงสรา้ งส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
นต่าง ๆ ของร่างกาย
ที่ 36–37 การมองเห็นและการไดย้ ิน
ยวะรับรู้
ากบั การมองเห็น
กบั การไดย้ ิน
ท่ี 38–39 การดมกล่ินและการรับรส
มกู กบั การดมกล่ิน
นกบั การรับรส
ที่ 40–41 การสมั ผสั
วหนงั กบั การสมั ผสั

หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ ชวั่ โมงท
1. การ
ตอนท่ี 2 การดูแลตวั เรา แผนที่ 22 การดแู ลรักษาตา หู และจมกู 1.1 กา
(3 แผน) (2 ชว่ั โมง) 1.2 กา
1.3 กา
แผนที่ 23 การดแู ลรักษาปากและฟัน
(2 ชวั่ โมง) ชว่ั โมงท
แผนที่ 24 การดูแลรักษาร่างกาย 1.4 กา
(1 ชว่ั โมง)
ชวั่ โมงท
ทดสอบกลางปี 1.5 กา
(1 ชวั่ โมง)
ชวั่ โมงท
หน่วยท่ี 5 ของเล่นแสน แผนที่ 25 ของเล่นและของใช้
สนุกและของใช้ใกล้ตวั (2 ชวั่ โมง) ชว่ั โมงท
ตอนท่ี 1 ของเล่นและ แผนท่ี 26 ลกั ษณะของของเล่นและของใช้ 1. ลกั ษ
ของใช้ (2 ชว่ั โมง)
(4 แผน) แผนที่ 27 วสั ดุท่ีใชท้ าของเลน่ และของใช้ ชว่ั โมงท
(2 ชว่ั โมง) 1. ลกั ษ

ชวั่ โมงท
1. ลกั ษ

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 32

ช่ัวโมงที่ หมายเหตุ

ที่ 42–43 การดูแลรักษาตา หู และจมกู ปรับเปลี่ยนชว่ั โมง
รดูแลรักษาตวั เรา ทดสอบตามความ
ารดแู ลรักษาตา เหมาะสม
ารดแู ลรักษาหู
ารดแู ลรักษาจมกู
ท่ี 44–45 การดูแลรักษาปากและฟัน
ารดูแลรักษาปากและฟัน
ที่ 46 การดูแลรักษาร่างกาย
ารดแู ลรักษาร่างกาย
ที่ 47 ทดสอบกลางปี

ท่ี 48–49 ของเลน่ และของใช้
ษณะของของเล่นและของใช้
ที่ 50–51 ลกั ษณะของของเล่นและของใช้
ษณะของของเล่นและของใช้
ท่ี 52–53 วสั ดุท่ีใชท้ าของเล่นและของใช้
ษณะของของเล่นและของใช้

หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ ชว่ั โมงท
2. วสั ด
ตอนท่ี 2 การแบ่งกลุ่ม แผนท่ี 28 สมบตั ิของวสั ดุที่ใชท้ าของเลน่ และ
ของเล่นและของใช้ ของใช้ ชว่ั โมงท
(1 แผน) (2 ชวั่ โมง) 1. เกณ
หน่วยที่ 6 แรง แผนที่ 29 การแบ่งกลุ่มของเล่นและของใช้
(4 แผน) (2 ชว่ั โมง)

หน่วยที่ 7 แผนท่ี 30 ลกั ษณะของแรง ชว่ั โมงท
สารวจพนื้ ดนิ (2 ชวั่ โมง) 1. ลกั ษ
แผนที่ 31 แรงดึงและแรงผลกั
(2 ชวั่ โมง) ชว่ั โมงท
แผนท่ี 32 ผลของแรง 2. แรง
(2 ชว่ั โมง)
แผนที่ 33 แรงทาใหว้ ตั ถบุ างชนิดเปลี่ยนแปลง ชวั่ โมงท
รูปร่าง 3. ผลข
(2 ชวั่ โมง)
แผนท่ี 34 ส่วนประกอบของดิน ชว่ั โมงท
(2 ชว่ั โมง) 3. ผลข

ชว่ั โมงท
1. สิ่งต

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 33

ช่ัวโมงที่ หมายเหตุ

ที่ 54–55 สมบตั ิของวสั ดุท่ีใชท้ าของเล่นและของใช้
ดุที่ใชท้ าของเล่นและของใช้

ท่ี 56–57 การแบ่งกลมุ่ ของเล่นและของใช้
ณฑใ์ นการแบ่งกล่มุ

ท่ี 58–59 ลกั ษณะของแรง
ษณะของแรง
ที่ 60–61 แรงดึงและแรงผลกั
งดึงและแรงผลกั
ที่ 62–63 ผลของแรง
ของแรง
ที่ 64–65 แรงทาใหว้ ตั ถุบางชนิดเปลี่ยนแปลงรูปร่าง
ของแรง

ที่ 66–67 ส่วนประกอบของดิน
ต่าง ๆ ที่รวมเป็นดิน

หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ ชว่ั โมงท
(5 แผน) 1. ส่ิงต
แผนที่ 35 น้าในดิน
หน่วยที่ 8 (1 ชว่ั โมง) ชวั่ โมงท
ท่องไปในท้องฟ้ า แผนท่ี 36 อากาศในดิน 1. สิ่งต
(4 แผน) (1 ชว่ั โมง)
แผนท่ี 37 สมบตั ิทางกายภาพของดิน ชวั่ โมงท
(2 ชวั่ โมง) 2. สมบ
แผนที่ 38 ประโยชนข์ องดิน
(2 ชว่ั โมง) ชวั่ โมงท
แผนท่ี 39 ทอ้ งฟ้ าในเวลากลางวนั และกลางคืน 3. ประ
(1 ชว่ั โมง)
แผนท่ี 40 ดวงอาทิตย์ ชวั่ โมงท
(2 ชวั่ โมง) 1. ทอ้ ง

แผนที่ 41 ดวงจนั ทร์ ชวั่ โมงท
(2 ชว่ั โมง) 2. ส่ิงต
แผนท่ี 42 ดวงดาว 2.1 ดว
(1 ชวั่ โมง)
ชว่ั โมงท
2.2 ดว

ชวั่ โมงท
2.3 ดว

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 34

ช่ัวโมงที่ หมายเหตุ

ท่ี 68 น้าในดิน
ต่าง ๆ ที่รวมเป็นดิน
ท่ี 69 อากาศในดิน
ต่าง ๆ ที่รวมเป็นดิน
ที่ 70–71 สมบตั ิทางกายภาพของดิน
บตั ิทางกายภาพของดิน
ท่ี 72–73 ประโยชนข์ องดิน
ะโยชนข์ องดิน
ที่ 74 ทอ้ งฟ้ าในเวลากลางวนั และกลางคืน
งฟ้ าในเวลากลางวนั และกลางคืน
ที่ 75–76 ดวงอาทิตย์
ต่าง ๆ บนทอ้ งฟ้ า
วงอาทิตย์
ท่ี 77–78 ดวงจนั ทร์
วงจนั ทร์
ที่ 79 ดวงดาว
วงดาว

หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้

ทดสอบปลายปี ชว่ั โมงท
(1 ชว่ั โมง)


Click to View FlipBook Version