The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การเลี้ยงปูทะเล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

การเลี้ยงปูทะเล

การเลี้ยงปูทะเล

ก า ร เ ล้ี ย ง

ปทู ะเลในบ‹อดิน
กองวจิ ยั และพัฒนาการเพาะเลย้ี งสัตวน าํ้ ชายฝ›˜ง
กรมประมง

ทป่ี รึกษา ผูอ ํานวยการกองวจิ ัยและพฒั นาการเพาะเลย้ี งสัตวนํา้
ดร.สุทธินี ลิ้มธรรมมหิศร ชายฝง
ผูเ ชี่ยวชาญดานการเพาะเล้ยี งกงุ ทะเล
ดร.พุทธ สองแสงจินดา ผูเช่ียวชาญดานการเพาะเลย้ี งสัตวน้าํ ชายฝง
นายยงยุทธ ปรีดาลมั พะบตุ ร
ผจŒู ัดทาํ หัวหนา กลมุ วจิ ยั เทคโนโลยกี ารเพาะเลีย้ งสัตวนา้ํ ชายฝง
นางสาวจฑุ ารตั น กติ ตวิ านชิ กองวจิ ัยและพัฒนาการเพาะเลีย้ งสตั วนํา้ ชายฝง
นกั วชิ าการประมงชํานาญการ
นางวราภรณ หนดู ี ศนู ยพ ัฒนาประมงพนื้ ที่ลุมน้าํ ปากพนงั
อันเนื่องมาจากพระราชดําริ
นางสาวประภาพร ดีมาก นกั วิชาการประมงปฏบิ ัติการ
กองวจิ ยั และพัฒนาการเพาะเล้ยี งสตั วนํา้ ชายฝง
นางสาวฉัตรนลนิ ยออคั รกลุ นักวิชาการประมงปฏิบตั กิ าร
กองวิจัยและพฒั นาการเพาะเล้ียงสัตวน าํ้ ชายฝง
ขอขอบคณุ
นายเล็ก เดชดี ประธานกลมุ ผเู ลีย้ งปทู ะเลชุมชนปากพนงั ฝง ตะวันตก
จงั หวดั นครศรีธรรมราช

คาํ นาํ

ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณท่ีมอบหมายใหหนวยงาน
ภายใตส งั กดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ ดาํ เนนิ การสง เสรมิ และถา ยทอดเทคโนโลยี
การเกษตร สงเสริมการผลิตสินคาเกษตรใหมีคุณภาพไดมาตรฐาน เพิ่มขีดความ
สามารถในการแขงขนั ของสนิ คาเกษตร และเพม่ิ รายไดของเกษตรกร ตลอดจนดแู ล
คุณภาพชีวิตของเกษตรกร โดยจัดทําโครงการระบบสงเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ
เพื่อใหเกษตรกรสามารถเพ่ิมศักยภาพการผลิต ลดตน ทุนการผลิต เพ่ิมมูลคาสินคา
และเช่อื มโยงสกู ารตลาดไดอยางย่ังยนื

กรมประมงโดยกองวจิ ยั และพฒั นาการเพาะเลย้ี งสตั วน าํ้ ชายฝง ไดด าํ เนนิ งาน
โครงการระบบสง เสริมเกษตรแบบแปลงใหญ กองฯ จึงไดด ําเนินการถอดองคความรู
การเล้ียงปูทะเลของคุณเล็ก เดชดี ซ่ึงเปนเกษตรกรท่ีเขารวมโครงการฯ และ
เปนเกษตรกรท่ีมีประสบการณการเล้ียงปูทะเลจนเปนที่ยอมรับของกลุมเกษตรกร
ซึ่งเอกสารฉบับน้ีจะชวยใหเกษตรกรและผูท่ีสนใจการเลี้ยงปูทะเลสามารถนําไป
ประยุกตใช กอใหเกิดความย่ังยืนในการเล้ียงสัตวนํ้า และหวังวาเอกสารฉบับนี้
จะเปนประโยชนต อหนว ยงานภาครฐั ภาคเอกชน และผูทีส่ นใจท่วั ไป

กองวจิ ัยและพฒั นาการเพาะเลยี้ งสัตวน ้ําชายฝง
กรมประมง

กนั ยายน 2564

สารบัญ

ประวัติความเปนš มา 1
ฟารม ปูทะเล 2

การจัดการการเล้ียงปทู ะเล 3
การเตรียมบ‹อเลย้ี ง 3
การเตรียมนาํ้ 3
การจดั การระหว‹างการเล้ียง 4
การอนบุ าล/การเลี้ยง 5
การใหŒอาหาร 6
วิธตี รวจสอบความแข็งแรงและความสมบรู ณ 6
เทคนิคการเล้ยี งปูทะเลจากลูกพนั ธุทผี่ ลิตไดŒ
จากโรงเพาะฟัก 7

โรคและแนวทางการปอ‡ งกันโรค 8
การเก็บเก่ียวผลผลติ 10
การจดั การผลผลติ และตลาดปูทะเล 11
ปจ˜ จยั ท่มี ผี ลตอ‹ การสญู เสียในขณะขนสง‹ 12

ภาคผนวก 13
คณุ ภาพน้ําที่เหมาะสมต‹อการเลยี้ ง 13

ประวตั ิความเปนš มา

คุณเล็ก เดชดี ประธานกลุมผูเลี้ยงปูทะเลชุมชนปากพนังฝงตะวันตก

ตาํ บลปากพนงั ฝง ตะวนั ตก อาํ เภอปากพนงั จงั หวดั นครศรธี รรมราช คอื หนง่ึ ในเกษตรกร
จากโครงการระบบสงเสรมิ เกษตรแบบแปลงใหญ ทไ่ี ดเขา รวมโครงการฯ ในป 2562
ดวยประสบการณในการเล้ียงปูทะเลมากวา 30 ป จากเดิมที่เคยประกอบอาชีพ
ชาวประมงโดยการจับสัตวน้ําชายฝง ต้ังแตอายุ 12 ป ตอมาเมื่อปริมาณสัตวนํ้า
ตามธรรมชาตทิ เี่ คยจบั ไดเ รมิ่ ลดนอ ยลง จงึ เกดิ แนวคดิ สรา ง “ทะเลสว นตวั ” ดว ยการ
เลย้ี งสตั วน ํา้ แบบผสมผสาน อาทิ ปู ปลา กงุ ในบอ เดยี วกนั เพอ่ื ใหมีผลผลิตสัตวน ้าํ
ท่ีตนเองและครอบครัวสามารถทยอยจับขายไดทั้งป และไดเริ่มเล้ียงปูทะเลต้ังแต
ป 2531 โดยการใชบอเลี้ยงกุงเดมิ ปรับเปล่ยี นมาเปน บอ เลีย้ งปูทะเล

จากแนวคดิ ทจี่ ะสรางทะเลสว นตวั คุณเลก็ เดชดี จงึ เริ่มศึกษาเรียนรูแนวทาง
การเลย้ี งปทู ะเลในบอ ดนิ ดว ยการเขา รว มอบรม/ศกึ ษาดงู าน กบั หนว ยงานทั้งภาครัฐ
และเอกชน อีกทั้งศึกษาเรียนรูดวยตัวเองผานส่ือประชาสัมพันธตางๆ จนสามารถ
สรา งรายไดใหกบั ครอบครวั ตามวิถเี ศรษฐกิจพอเพยี งจากการเลย้ี งปูทะเล ดว ยพ้ืนที่
ฟารมทั้งหมด 36 ไร มีบอเลี้ยงจํานวน 7 บอ ผลผลิตเฉล่ีย 100 กิโลกรัมตอไร
อตั รารอดอยรู ะหวา ง 40 – 50 เปอรเ ซน็ ต ตน ทนุ เฉลย่ี 100 บาท
ตอกิโลกรัม นอกจากนี้ คุณเล็ก เดชดี ยังเนนการเล้ียง
รปู แบบธรรมชาตโิ ดยไมใ ชย าและสารเคมใี นการเลย้ี งสตั วน าํ้
เพอ่ื ใหผ ลผลติ สตั วน าํ้ มคี ณุ ภาพและปลอดภยั ตอ ผูบรโิ ภค

1

ฟารม ปูทะเล

1 ฟารมคณุ เล็ก เดชดี มีพน้ื ทฟี่ ารมทั้งหมด 36 ไร‹ เดมิ เปšนบ‹อเลี้ยงกŒุงกลุ าดาํ
ทม่ี ีประตูเปด – ปดนา้ํ จึงดดั แปลงมาเปนš บอ‹ เล้ียงปูทะเล จํานวน 7 บ‹อ
โดยแบ‹งเปšน

• บอ ขนาดเฉลีย่ 5 ไร จํานวน 5 บอ
• บอขนาดเฉล่ีย 2 ไร จํานวน 2 บอ

2 แหล‹งนํ้า

ฟารม ตงั้ อยใู กลแ หลง นา้ํ ธรรมชาติ ซง่ึ เปน แหลง
น้ํากรอ ย คือ คลองบางแทงเล ทม่ี กี ารขึน้ – ลงของ
น้ําทะเล สามารถเปดใหนํ้าขึ้น – ลงไดเหมือน
ในธรรมชาติ จากการเปด – ปด ประตูน้ําใหน ํ้าทะเล
เขา – ออกไดตลอดเวลา

3 ระดบั นา้ํ ท่ีใชเŒ ลีย้ ง/การเปลย่ี นถ‹ายน้าํ

ฟารมจะเปดประตูใหนํ้าทะเลเขามาในฟารม
ประมาณเดอื นละ 2 ครง้ั (ชว งนา้ํ เกดิ ) โดยจะปลอ ย
ใหน้ําทะเลเขามาในบอเต็มที่ แลวจึงลดระดับนํ้า
ลงใหเหลือประมาณ 70 เซนติเมตร เพ่ือเปน
การเปล่ียนถา ยหมนุ เวยี นน้าํ

4 สภาพดิน/ชนิดดนิ

ฟารม อยใู นพน้ื ทป่ี า ชายเลน ซง่ึ เปน พน้ื ทด่ี นิ เคม็
มลี กั ษณะเปน ดนิ เหนยี วปนโคลน

2

การจัดการการเลยี้ ง

1. การเตรียมบ‹อเลยี้ ง

ในรอบ 1 ป ฟารมจะทําการพักบอ 1 ครั้ง โดยสูบนํ้าออกจนหมดบอ
เพ่ือตากบอและหวานปูนขาวประมาณ 40 กิโลกรัมตอไร แลวตากบอตอไปอีก
ประมาณ 1 สัปดาห จากนัน้ จงึ เปด น้าํ เขาบอ ใหน า้ํ มรี ะดับความลึกประมาณ 1 เมตร
ทง้ั น้ีขึ้นอยกู ับอิทธิพลน้ําข้ึน – ลงในชวงนนั้ ดวย

2. การเตรียมน้ํา

ฟารมเปดนํ้าธรรมชาติเขา – ออกโดยใชอวนไนลอน ทําเปนถุงนําไปกั้น
ที่ประตูน้ําของบอ โดยปลายถุงจะเปดออกใหลูกสัตวน้ําไดเขามาเติบโตในบอ และ
ขณะเดียวกันเม่ือปดปากถุงจะกันไมใหสัตวนํ้าท่ีโตแลวออกไปจากบอ นอกจากน้ี
ควรควบคุมคุณภาพน้ําใหมีความเค็มเฉลี่ย 15 – 30 สวนในพันสวน (part per
thousand : ppt) ตลอดท้ังป ซึ่งถือวา เปนความเค็มทเ่ี หมาะสมในการเล้ียงปทู ะเล

ตากบ‹อและหว‹านปูนขาว อวนไนลอน กน้ั ท่ีประตูนาํ้

3

3. การจดั การระหวา‹ งการเลีย้ ง

คณุ เลก็ เดชดี มกี ารจดั การระหวา งการเลย้ี งดว ยการสงั เกตสขี องนาํ้ ในบอ เลย้ี ง
ถา พบวา

• นํ้ามสี ีเขียวนํ้าทะเล ถือวา ปกติ
• น้ํามีสีนํ้าตาลหรือสีเหลือง ถือวา คุณภาพน้ําไมปกติ ฟารมจะปรับปรุง
คุณภาพน้ําโดยการใสปูนขาวประมาณ 10 กิโลกรัมตอไร เดือนละ 3 คร้ัง หรือ
ที่เกษตรกรเรียกวา “การแตงนํ้า” เม่ือสีนํ้าเปล่ียนเปนสีเขียวนํ้าทะเลแลวจึงหยุด
การแตงน้ํา โดยตลอดระยะเวลาในการเลีย้ ง จะมกี ารเปลี่ยนถา ยนาํ้ อยา งสมํ่าเสมอ
ในชวงท่มี กี ารขนึ้ – ลงของนํ้าตามธรรมชาติ
การทําร้ัวก้ันกันปูหลบหนี : ฟารมใชผาพลาสติก PE เปนแผงก้ันและ
ไมตนกระถินเปนเสา ถาตองการใหคงทนสามารถใชทอ PVC แทนได ขณะเล้ียง
ตองมีการตรวจสอบแนวรั้ว และดูแลวัสดุท่ีใชก้ันบอกันปูหลบหนีใหอยูในสภาพดี
ตลอดระยะเวลาการเลย้ี ง
นอกจากนี้ ฟารมจะเล้ียงปูแบบไมใสวัสดุหลบซอนในบอเล้ียง เนื่องจาก
เกษตรกรเคยทดลองเล้ยี งดว ยการใสว ัสดุหลบซอ น เชน ยางรถยนต ทอ ปนู ทอ PVC
ลงในบอ พบวา อัตรารอดนอยกวา การเลี้ยงแบบไมใ สวสั ดหุ ลบซอ น ทงั้ นี้ เกษตรกร
เช่ือวาตามธรรมชาติปูจะมีพฤติกรรมขุดหลุมฝงตัวตามพ้ืน หรือขุดรูบริเวณขอบบอ
เพือ่ หลบซอนตวั แตหากมกี ารทําทห่ี ลบซอนอาจทาํ ใหป ูกินกนั เองไดง า ยข้ึน เพราะ
ปตู ัวเลก็ จะขุดรูหลบไมทนั หรอื หลบหลกี ยากเนอื่ งจากมสี ิ่งกีดขวาง

ลกั ษณะพนื้ บอ‹

4

4. การอนบุ าล/การเลี้ยง

อัตราปล‹อย เริ่มปลอยลูกปูขนาดประมาณ 0.5 เซนติเมตร (ลูกพันธุจาก
กรมประมง) ในกระชังและใสวัสดุหลบซอนใหเพียงพอเพ่ืออนุบาลลูกปู
กอ นปลอ ยลงบอเลีย้ ง โดยลูกปทู แ่ี ข็งแรงจะทยอยออกจากกระชงั ไปหาทอี่ ยใู น
พ้นื บอเอง หลังจากนัน้ จะทยอยปลอยลกู ปูขนาดประมาณ 3 น้ิว (รับซอ้ื ลกู พนั ธุ
จากชาวประมงในพื้นท่ี) ลงเล้ียงในบอเดียวกัน ซึ่งกําหนดใหมีความหนาแนน
ไมเ กนิ 500 ตัวตอ ไร เพอื่ เพม่ิ ลกู พันธเุ ปนระยะ ๆ แบบหมุนเวียน นอกจากนี้
ยังมีการปลอยลูกกุงกุลาดําจํานวน 5,000 ตัวตอไร ลงในบอเลี้ยงดวย ทั้งน้ี
ในบอจะมีลูกปลา เชน ปลาหมอเทศ ปลากระบอก ปลานิล ซึ่งปนมากับ
นํ้าธรรมชาติท่ีปลอยเขาบอ ซึ่งแนวทางการเลี้ยงของฟารมนี้จะเปนรูปแบบ
การเล้ียงแบบผสมผสานดวยระบบเปด ท่ีมีการเปล่ียนถายน้ําตลอดระยะเวลา
การเล้ียง

5

5. การใหŒอาหาร

ฟารมจะใหอาหารสด โดยนําปลาเปดสดมาสับ
เปนช้นิ เลก็ ๆ และทยอยเพิม่ ปริมาณตามขนาดของปู

• ระยะแรก จะใหอาหารบดละลายน้ํา สาด
ทวั่ บอ วันละ 1 ครง้ั แลวจงึ เพ่ิมปริมาณข้นึ เรื่อยๆ

• เดอื นท่ี 2 ใหปลาสับประมาณ 10 กรมั ตอ ปู
1 ตวั หรอื ประมาณ 5 กโิ ลกรมั ตอ ไร โดยมคี วามถใ่ี นการ
ใหอ าหารแบบวนั เวนวนั

• เดอื นท่ี 3 ใหป ลาสับประมาณ 50 กรัมตอปู
1 ตัว หรือประมาณ 25 กิโลกรัมตอไร โดยมีความถี่
ในการใหอ าหาร 3 วนั ตอ ครัง้

ทั้งน้ีเกษตรกรจะใชวิธีสังเกตพฤติกรรมของปู หากพบวา ปูวายนํ้าท่ัวบอ
แสดงวา อาหารไมเ พียงพอ เกษตรกรจะเพิม่ ความถ่ใี นการใหอาหารใหม ากข้ึน และ
ลดปรมิ าณอาหารในชว งทป่ี มู กี ารลอกคราบ เพอ่ื ปอ งกนั เศษอาหารทเ่ี หลอื เนา เปอ ย
หมกั หมมกน บอ

6. วธิ กี ารตรวจสอบความแข็งแรงและความสมบูรณ

เกษตรกรจะตรวจสอบความแนนของเนื้อปู
โดยใชน้ิวมือกดบริเวณหนาอกสองขางตรงจับปงและ
โคนขา ถา ไมย บุ แสดงวา ปเู นอื้ แนน ถา ยบุ แสดงวา ปเู นอ้ื
ยงั ไมแ นน เกษตรกรจะเลย้ี งตอ ไปอกี นอกจากนย้ี งั สงั เกต
ความแข็งแรงจากการวายน้ําและการเคลื่อนไหวของ
ตาปูที่ขยับไปมา

6

เทคนคิ การเลี้ยงปูทะเล

จากลกู พันธุที่ผลติ ไดจŒ ากโรงเพาะฟัก

• การอนุบาลลูกปขู นาด 0.5 เซนตเิ มตร (ลูกพันธุ
จากโรงเพาะฟ˜ก) จนไดขŒ นาด 1.5 เซนติเมตร ในกระชัง

• การเตรียมกระชงั ตาข‹ายไนลอน (อวนมŒงุ ฟา‡ )
ขนาด 2 × 5 × 1.2 เมตร ลงแขวนไวŒในบอ‹ เลยี้ ง
เพอ่ื อนบุ าลลูกปทู ะเล โดยในกระชังมีการใส‹
เนือ้ อวนไนลอน (อวนทําการประมงปมู Œาทีช่ ํารดุ แลวŒ )
มดั รวมกนั เปนš กระจกุ เพื่อเปนš ที่หลบซอ‹ นป‡องกัน
การกนิ กันเองของลูกปูในช‹วงลอกคราบ
• นาํ ลกู พนั ธุปูทะเล ขนาด 0.5 เซนติเมตร
จากโรงเพาะฟก˜ มาเลีย้ งในกระชังอนุบาล
ทเี่ ตรียมไวŒ ท่คี วามหนาแนน‹
200 ตวั ตอ‹ ตารางเมตร
• ใหŒอาหารกงŒุ ขาวแวนนาไม (เบอร 2) ในอตั ราสว‹ น
100 เปอรเซน็ ตข องน้ําหนกั ตัว วนั ละ 2 มอ้ื
เชŒาและเยน็ อนุบาลเปšนเวลา 2 สัปดาห
• ไดŒลูกปทู ะเลขนาดเฉล่ยี 1.50 เซนตเิ มตร
น้าํ หนกั ประมาณ 0.90 – 1.00 กรมั
อตั รารอด 80 – 85 เปอรเซน็ ต
จากนัน้ นาํ ลกู ปูปล‹อยเลยี้ งต‹อในบ‹อดนิ

อาŒ งอิง : ค‹ูมือการเพาะเลย้ี งปูทะเล,
7 ศูนยวิจัยและพัฒนาการเพาะเลีย้ งสตั วนาํ้ ชายฝง˜› สรุ าษฎรธานี

โรคและแนวทางการป‡องกันโรค

ทผี่ า‹ นมาฟารม ยงั ไมพ‹ บปญ˜ หาเรอ่ื งโรค โดยคณุ เลก็ เดชดี จะเนนŒ เรอื่ ง
แต‹งนํ้า อาหาร อากาศ ในการจัดการเล้ียง เช‹น ในระหว‹างการเล้ียงมีการ
เปลยี่ นถา‹ ยนา้ํ เพอ่ื หมนุ เวยี นนาํ้ มอี ตั ราการปลอ‹ ยไมห‹ นาแนน‹ เฉลย่ี 0.3 ตวั
ต‹อตารางเมตร หรอื 500 ตัวต‹อไร‹ ในขณะท่อี ตั ราการปลอ‹ ยท่ีเหมาะสมคอื
1 ตวั ตอ‹ ตารางเมตร เพอ่ื ลดความเครยี ดและเพม่ิ พน้ื ทใี่ หปŒ หู ลบซอ‹ นตวั ทง้ั น้ี
เม่อื ปูมีสขุ ภาพสมบรู ณ แขง็ แรง จะชว‹ ยลดความเส่ยี งในการเกิดโรค ซง่ึ เปนš
แนวทางการปอ‡ งกันโรคทางอŒอม

แนวทางทั่วไปในการปอ‡ งกันการเกิดโรค

ระบบการจดั การทด่ี ภี ายในฟารม จะสง ผลใหส ตั วน า้ํ มสี ขุ ภาพทดี่ ี ลดความเสย่ี ง
จากการเกิดโรค ขอ คํานึงในการจดั ระบบฟารม ที่ดี

1 การจัดการสง่ิ แวดลŒอมในบ‹ออนบุ าลหรอื บอ‹ เลี้ยง

• ควบคมุ คณุ ภาพนาํ้ ในบอ ใหมคี า ท่เี หมาะสม
กบั การเพาะเลีย้ งสตั วน้าํ

• ปลอยสัตวนาํ้ ในอตั ราความหนาแนน
ที่เหมาะสม

2 การจดั การดาŒ นอาหาร

• ใหอ าหารในปรมิ าณทีเ่ พียงพอ ไมใ หอ าหารมาก
จนเกินไปจนอาหารเหลอื เกิดการหมกั หมมในบอ
หรอื ใหอาหารนอยจนเกนิ ไปจนเกดิ การแยง อาหารกนั

• อาหารท่ีใหต อ งมีคุณภาพดี ใหม สด สะอาด
ปราศจากสง่ิ ปนเปอ นและเช้อื ตา งๆ

8

3 การจดั การระหวา‹ งการเคลื่อนยาŒ ย

ควรทาํ อยา งระมัดระวัง

4 การจัดการหลงั การเล้ยี ง

ตŒองมกี ารปรับปรงุ บ‹อ
เชน มีการใสป นู ขาวหรอื ตากบอ

5 กําจัดพาหะนาํ โรค

เพอ่ื เปนการตดั โอกาสการเกิดโรค

6 การดแู ลรักษาความสะอาดของอปุ กรณ

เคร่อื งมอื เครอื่ งใชแŒ ละอืน่ ๆ
ใหŒสะอาดและปลอดเชอ้ื

อางอิง คมู อื การเพาะเล้ยี งปทู ะเล, ศูนยว จิ ยั และพัฒนาการเพาะเลยี้ งสัตวน้ําชายฝงสุราษฎรธานี

9

การเก็บเกยี่ วผลผลิต

ฟารมใชระยะเวลาในการเลี้ยง
ปทู ะเลประมาณ 110 วนั ซงึ่ จะเร่ิมจับ
ผลผลิตดวยวิธีทยอยจับ โดยการ
นําลอบพับสําหรับจับปูทะเลซึ่งใส
อาหารลอไวลงไปวางไวในบอเล้ียงให
ปเู ขา ลอบ แลว นาํ ปทู จ่ี บั ไดม าคดั เลอื ก
ตวั ทไี่ ดข นาดตามทตี่ ลาดตอ งการ และ
ตรวจดูความสมบูรณของปู ถาปู
มีความสมบูรณ เนื้อแนน (เม่ือกด
บรเิ วณหนา อกตรงบรเิ วณขาเดนิ คทู ี่ 2
จะไมยุบ) เกษตรกรจะจําหนายให
ผรู บั ซอ้ื แตถ า ปไู มส มบรู ณ เนอ้ื ไมแ นน
หรือที่เรียกวา ปูโพรก เกษตรกร
จะปลอยปูกลับลงเล้ียงในบอตอไป
เพ่ือใหปูมีคุณภาพตรงตามความ
ตองการของตลาด และจับข้ึนมา
จาํ หนา ยอกี คร้ัง

สาํ หรบั สตั วน าํ้ ทเ่ี ลย้ี งรว‹ มกบั ปทู ะเลในบอ‹ กงุŒ กลุ าดาํ ใชเŒ วลาเลย้ี งประมาณ 3 – 4 เดอื น
จะเริ่มทยอยจบั ผลผลิตดวŒ ยวิธีหวา‹ นแหหรือเปด – ปดประตูน้าํ ใชŒอวนดักจบั ท่ีประตนู ํา้
สว‹ นสตั วน า้ํ จาํ พวกปลา เชน‹ ปลาหมอเทศ ปลากระบอก ปลานลิ เกษตรกรจะจบั สตั วน า้ํ
เหลา‹ นปี้ ล‚ ะ 1 ครงั้ โดยการจบั หมดบอ‹ ดวŒ ยการเปด นาํ้ ออกจากบอ‹ ใหหŒ มดแลวŒ ใชอŒ วน สวงิ
จบั ปลาขน้ึ มาจาํ หนา‹ ย จากนน้ั กท็ าํ การตากบอ‹ และเตรยี มบอ‹ เพอ่ื เลยี้ งสตั วน า้ํ รอบถดั ไป

10

แกาลรจะดั ตกาลรผาลผดลิตปทู ะเล

ฟารมมีการวางแผนการเก็บเก่ียวและจับปูอย‹างถูกวิธี ทําใหŒกŒามและ

ขาไม‹หลุด มีรยางคครบสมบูรณ เปšนท่ีตŒองการของผูŒซื้อ สามารถขายไดŒราคา
และเพ่อื ใหมŒ ปี ทู ะเลออกวางจําหน‹ายอยา‹ งตอ‹ เนือ่ ง

ผลผลติ ทฟี่ ารมจําหนา ยหลักๆ คือ ปทู ะเลมชี วี ิต กงุ และปลาสด

ตลาดปทู ะเล ในพน้ื ท่ี (ตลาด รา นอาหาร ภตั ตาคาร รา นคาปลกี พอคาคนกลาง
ลกู คา ทัว่ ไป) และนอกพื้นที่ (รานอาหาร ลกู คาท่วั ไป)

การขนสง เมือ่ เกษตรกรคดั แยกขนาดและประเภทของปู (ปเู นอื้ /ปูไข) จะมัด
ตัวปูดวยเชือก แลวนําใสกลองโฟมท่ีรองดวยใบตองหรือกระดาษ
หนังสือพิมพชุบน้ํา พรอมเจาะรูดานขางของกลองโฟมกอนสง
จําหนายใหลูกคาปลายทาง ซ่ึงปูจะสามารถมีชีวิตอยูไดประมาณ
3 – 5 วนั

ราคาปทู ะเลมชี ีวิต • ปเู นือ้ ขนาด 300 – 500 กรมั (2 – 3 ตัวตอ กโิ ลกรัม)
ราคาเฉลี่ย 300 บาทตอ กโิ ลกรัม

• ปไู ข ขนาด 300 กรัม (3 – 4 ตัวตอกโิ ลกรัม)
ราคาเฉล่ยี 450 บาทตอกโิ ลกรัม

• ปูไข ขนาด 500 กรัม (2 ตวั ตอกโิ ลกรมั )
ราคาเฉลีย่ 550 บาทตอกโิ ลกรัม

11

ป˜จจัยท่มี ีผล

ตอ‹ การสูญเสียในขณะขนส‹ง

1 ระยะเวลา : ถา ใชเวลาในการขนสง นาน อาจมีผลทําใหป ตู ายเพ่มิ ข้ึน

2 ลม แสงแดด : ควรปองกันไมใ หป ถู กู ลมหรือถูกแดดในระหวา งการขนสง

เพอ่ื ใหป ูมกี ารสูญเสยี น้ําใหน อ ยที่สุด

3 ความรอŒ น : ควรเกบ็ ปูไวในทีร่ มๆ และใช

กระสอบชบุ นํ้าคลุมเพ่อื รักษา
ความชน้ื สงผลใหปมู ีชวี ิต
และคงความสดนานขนึ้

4 อุณหภมู ิ : ควรควบคุมอณุ หภูมิไมใ หเ กนิ
28 องศาเซลเซยี ส
ซ่ึงปูจะสามารถอยูแ บบแหง ๆ
โดยไมม นี ํ้าไดนานข้ึน

12

ตคอ‹ําแกนาะรนเลํา้ยีคงุณปภมู าพŒานแลา้ํ ทะ เี่ หมาะสม

คณุ ภาพน้าํ ค‹ามาตรฐาน

ความเคม็ : 25 g/kg ถงึ 30 g/kg
ปูมาŒ 15 g/kg ถึง 30 g/kg
ปทู ะเล (ส‹วนในพันส‹วน หรอื ppt)
< 70 mg/l
สารแขวนลอย (Suspended Solids หรอื SS) 30 cm ถึง 40 cm
ความโปรง‹ ใส (โดยใชŒ Secchi disc) 28 oC ถึง 30 oC
อณุ หภมู ิ > 4 mg/l
ออกซิเจนทล่ี ะลายในนาํ้ (Dissolved oxygen : DO) ~ 2 mg/l
บโี อดี (Biological Oxygen Demand : BOD) (เทียบเท‹าคณุ ภาพน้าํ ธรรมชาติ)
< 0.4 mg/l
แอมโมเนียรวม (Total NH3) < 0.1 mg/l
ไนไตรท (NO2-) < 0.02 mg/l
ไฮโดรเจนซัลไฟด (Hydrogen sulfide หรือ H2S) 7.0 ถึง 8.5
ค‹าความเปนš กรด – เบส (pH) 80 mg/l ถึง 150 mg/l
ความเปนš ด‹างรวม (Total Alkalinity) < 0.4 mg/l
ฟอสฟอรัส (Phosphorus)

ทม่ี า : แนวทางปฏิบตั ิทางการเพาะเลยี้ งสตั วน าํ้ ที่ดีสาํ หรับฟารม เลีย้ งปมู าและฟารม เล้ียงปทู ะเล มาตรฐานสนิ คา เกษตร
มกษ.7427(G)–2556, สาํ นักงานมาตรฐานสินคาเกษตรและอาหารแหง ชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ

13


Click to View FlipBook Version