อารยธรรมอินเดีย เริ่มกำ เนิดขึ้นในบริเวณที่อยู่ระหว่างแม่น้ำ สินธุและแม่น้ำ คงคา ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า “อนุทวีป”หรือเอเชียใต้อารยธรรมเกิดจากการหล่อหลอม ผสมผสานความเจริญของชนชาติต่างๆที่เข้าครอบครอง บริเวณนี้จนเกิดเป็นอารยธรรมของอินเดียที่เป็นเอกลักษณ์ และเป็นต้นแบบของอารยธรรมในภูมิภาคอื่นๆของเอเชีย อารยธรรมอินเดีย อยู่ระหว่างแม่น้ำ สินธุและแม่น้ำ คงคา ชนชาติที่มีบทบาทสำ คัญในการพัฒนาอารยธรรมของ อินเดีย ได้แก่ พวกดราวิเดียน (Dravidian)หรือทราวิฑหรือมิลักขะ เป็นชนพื้นเมืองเจ้าถิ่นเดิม อาศัยอยู่ก่อน มีผิวดำ รูป ร่างเตี้ย จมูกกว้าง ริมฝีปากหนา เชื่อว่าเป็นเจ้าของอารยธรรมสมัยสินธุ ต่อมาพ่ายแพ้ต่อผู้รุกรานชาวอารยันจึงถูกนำ ลง เป็นทาส ที่ในภาษาสันสกฤตเรียกว่า “ทัสยุ” (Dasyus) เป็นที่ดูถูกในหมู่อารยันว่ามีรูปร่างหน้าตาน่าเกลียด หยาบคาย และป่าเถื่อน อารยธรรมอินเดีย ประวัติ วัติ อารยธรรมอินเดีย
อินเดียเป็นสังคมที่มีความหลากหลายด้านเชื้อชาติ ภาษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยมีศาสนา วรรณะ และภาษา เป็นปัจจัย หลักกำ หนดรูปแบบสังคมและการเมือง อินเดียมีภาษาราชการกว่า 22 ภาษา ซึ่งฮินดีเป็นภาษาประจำ ชาติที่ใช้กันมากที่สุด และ ใช้ภาษาอังกฤษในวงราชการและธุรกิจ แม้ว่าประชากรกว่าร้อยละ 82 นับถือศาสนาฮินดู แต่มีประชากรที่นับถือศาสนามุสลิม (13.4%) ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากอินโดนีเซีย และปากีสถาน อีกทั้งยังมีผู้นับถือศาสนาอื่น เช่น คริสเตียน ซิกข์ พุทธ และเชน การจัดลำ ดับชั้นทางสังคมและอาชีพในอินเดียเป็นการสะท้อนอิทธิพลของระบบวรรณะ ตั้งแต่สมัยโบราณ วรรณะที่สำ คัญมี 4 วรรณะ คือ 1) วรรณะพราหมณ์ ได้แก่ นักบวช ปัจจุบันอาจตีความไปถึงนักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์และนักการเมือง 2) วรรณะกษัตริย์ ได้แก่ นักรบ ซึ่งอาจรวมไปถึงข้าราชการ 3) วรรณะแพศย์ ได้แก่ พ่อค้า นักธุรกิจ 4) วรรณะศูทร ได้แก่ ผู้ใช้แรงงาน ชาวนา กรรมกร และคนยากจน ซึ่งสามวรรณะแรกเป็นชนชั้นผู้ปกครอง วรรณะสุดท้ายเป็นผู้ ถูกปกครองแม้ว่าวรรณะเหล่านี้เป็นที่เข้าใจทั่วไปในอินเดีย ด้านวัฒ วั นธรรม
ในดินแดนลุ่มน้ำ สินธุยังพบวัฒนธรรมด้านภาษา คือ ตัวอักษรโบราณของอินเดีย ซึ่งเป็นอักษรดั้งเดิมที่ยังไม่มีนัก วิชาการอ่านออก อักษรโบราณนี้ปรากฏในดวงตราต่างๆมากกว่า 1,200 ชิ้น โดยในดวงตราจะมีภาพวัว ควาย เสือ จระเข้ และช้าง ปรากฏอยู่ด้วย พวกอารยันใช้ภาษาสันสกฤตซึ่งเป็นภาษาที่ใช้เขียนคัมภีร์ศาสนา เช่น คัมภีร์พระเวท เมื่อประมาณ 1,000 ปีมาแล้ว วรรณกรรมทื่สำ คัญได้แก่ มหากาพย์มหาภารตยุทธ ซึ่งเป็นเรื่องการสู้รบในหมู่พวก อารยันและมหากาพย์รามเกียรติ์ เป็นเรื่องการสู้รบระหว่างพวกดราวิเดียนกับพวกอารยัน ด้านภาษา
วรรณกรรม อินเดียที่มีอิทธิพล ได้แก่ รามายณะ มหาภารตะ คัมภีร์ปุราณะและเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับธรรมเนียม กษัตริย์ การสืบราชวงศ์ตามแบบธรรมเนียมโบราณของราชวงศ์ในลุ่มแม่น้ำ คงคา วรรณกรรมอินเดียมีอิทธิพลต่อชีวิต ชาวบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย โดยการเล่า การอ่านนิทานแสดงเกี่ยวกับเนื้อเรื่องในวรรณกรรม การแสดงหุ่น กระบอก หนัง ละครที่มีเนื้อหาของวรรณกรรม รามายณะ มหากาพย์ และชาดก ด้านวรรณกรรม
ความเชื่อของชาวฮินดูและวัฒนธรรมมีบทบาทต่อวิวัฒนาการของอาหารอินเดียแต่ในภาพรวม อาหาร ทั่วประเทศอินเดียพัฒนามาจากปฏิสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมทั้งจากชาวมองโกลและยุโรปทำ ให้ได้อาหารที่เป็น เอกลักษณ์ของตนเอง การค้าเครื่องเทศระหว่างอินเดียและยุโรปเป็นตัวเร่งหลักสำ หรับการค้นพบอินเดียของ ชาวยุโรปยุคอาณานิคมได้ทำ ให้เกิดการผสมผสานระหว่างอาหารยุโรปกับอาหารอินเดียเพิ่มความยืดหยุ่น ทำ ให้เกิดความหลากหลายมากขึ้น อาหารอินเดียมีอิทธิพลต่ออาหารทั่วโลกโดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหมู่เกาะแคริบเบียน ด้านอาหาร
หลักการของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู คือ เชื่อว่าศูนย์กลางของจักรวาลอยู่ที่พระพรหมและมีการนับถือพระวิษณุ และพระศิวะ ส่วนพระพุทธศาสนาในสมัยพ่อขุนรามคำ แหงมหาราชได้นิมนต์พระสงฆ์นิกายเถรวาทมาสั่งสอน ประชาชน ทำ ให้นิกายนี้เป็นที่ยอมรับมาจนถึงปัจจุบันหลักการของพระพุทธศาสนา คือ หลักในการการดำ เนินชีวิต ส่วนความเชื่อทั้ง 2 ศาสนามีความกลมกลืนกันในวิถีชีวิตชาวบ้าน ด้านศาสนาและความเชื่อ
แหล่งอารยธรรมลุ่มแม่น้ำ สินธุนับเป็นแหล่งอารยธรรมเริ่มแรกของอินเดีย อยู่บริเวณดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของอินเดีย ที่แม่น้าสินธุไหลผ่าน อาณาเขตลุ่มแม่น้ำ สินธุครอบคลุมบริเวณกว้างกว่าลุ่มแม่น้ำ ไนล์แห่งอียิปส์โดยทุกๆปีกระ แส น้ำ ได้ไหลท่วมท้นฝั่งทำ ให้ดินแดนลุ่มแม่น้ำ สินธุอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การทำ กสิกรรมนักประวัติศาสตร์บางคนเรียก อารยธรรมในดินแดน นี้ว่าวัฒนธรรมฮารัปปา ลุ่มแม่น้ำ สินธุแบ่งได้เป็น ๒ พวก คือ 1. พวกดราวิเดียน หลักฐานทางโบราณคดี และการศึกษาเรื่องชาติพันธุ์ทำ ให้สันนิษฐานได้ว่าพวกราวิเดียนคือชนพื้น เมืองดั้งเดิม ที่ตั้งถิ่นฐานบริเวณลุ่มแม่น้ำ สินธุราว ๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว พวกนี้มีรูปร่างเตี้ย ผิวคล้ำ และจมูกแบนคล้ายกับคน ทางตอนใต้ในอินเดียบางพวกในปัจจุบัน 2. พวกอารยัน เป็นพวกที่อพยพเคลื่อนย้ายจากดินแดนเอเชียกลาง ลงมายังตอนใต้กระจายไปตั้งถิ่น ฐานในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งอุดมสมบูรณ์และมีภูมิอากาศอบอุ่นกว่าพวกอารยันส่วนหนึ่งได้เคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในลุ่มแม่น้ำ สินธุและขับไล่ พวกดราวิเดียน ให้ถอยร่นลงไปหรือจับตัวเป็นทาส พวกอารยันมีรูปร่างสูงใหญ่ผิวขาว จมูกโด่ง คล้ายกับชาวอินเดียที่อยู่ ทางตอนเหนืออาร ยันเหล่านี้รับวัฒนธรรมชนพื้นเมือง แล้วนำ มาผสมผสานเป็นวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตน อารยธรรมลุ่มน้ำ สินธุ
อารยธรรมอินเดีย แพร่ขยายออกไปสู่ภูมิภาคต่างๆทั่วทวีปเอเชีย โดยผ่านทางการค้า ศาสนา การเมือง การทหาร และได้ ผสมผสานเข้ากับอารยธรรมของแต่ละประเทศจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมสังค มนั้นๆ ในเอเชียตะวันออก พระพุทธศาสนามหายานของอินเดียมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อชาวจีนทั้งในฐานะ ศาสนาสำ คัญ และใน ฐานะที่มีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ศิลปะของจีน ภูมิภาคเอเชียกลาง อารยธรรมอินเดียที่ ถ่ายทอดให้เริ่มตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 7 เมื่อพวกมุสลิมอาหรับ ซึ่งมีอำ นาจใน ตะวันออกกลางนำ วิทยาการ หลายอย่างของอินเดียไปใช้ ได้แก่ การแพทย์ คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ เป็นต้น ขณะเดียวกันอินเดียก็ รับ อารยธรรมบางอย่างทั้งของเปอร์เชียและกรีก โดยเฉพาะด้านศิลปกรรม ประติมากรรม เช่น พระพุทธรูปศิลปะ คันธาระซึ่งเป็น อิทธิพลจากกรีก การถ่ายทอดอารยธรรมอินเดีย