The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทความวิชาการเรื่องมหาวิทยาลัยสงฆ์กับนวัตกรรมการจัดการห้องเรียนในศตวรรษที่ 21-อ.วิรัตน์-อ.พันทิวา-อ.สริญญา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by social study, 2023-05-31 03:41:33

บทความวิชาการเรื่องมหาวิทยาลัยสงฆ์กับนวัตกรรมการจัดการห้องเรียนในศตวรรษที่ 21-อ.วิรัตน์-อ.พันทิวา-อ.สริญญา

บทความวิชาการเรื่องมหาวิทยาลัยสงฆ์กับนวัตกรรมการจัดการห้องเรียนในศตวรรษที่ 21-อ.วิรัตน์-อ.พันทิวา-อ.สริญญา

มหาวิทยาลัยสงฆ์กับนวัตกรรมการจัดการห้องเรียนในศตวรรษที่ 21 THE BUDDHIST UNIVERSITIES AND CLASSROOM MANAGEMENT INNOVATION IN THE 21ST CENTURY 1 วิรัตน์ ทองภู, 2พันทิวา ทับภูมี, 3สริญญา มารศรี 1Wirat Thongpu, 2 Phanthiwa Thabphumee and 3 Sarinya Marasri มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ประเทศไทย Mahaculalongkornrajavidyalaya University, Thailand . [email protected] Received July 10, 2022; Revised November 2, 2022; Accepted December 1, 2022 บทคัดย่อ บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอแนวคิดและเพื่อนำเสนอแนวทางการ จัดการเรียนรู้เพื่อผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ของมหาวิทยาลัยสงฆ์ซึ่งจำเป็นต้องนำนวัตกรรม ทางเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการห้องเรียนมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ ผู้เรียนตอบสนองความต้องการของผู้เรียนที่มีระดับความเร็วในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน สร้าง โอกาสให้ผู้เรียนในการเข้าถึงการศึกษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม อีกทั้งอำนวยความสะดวก ให้แก่ผู้เรียนทุกกลุ่ม ดังนั้นนวัตกรรมการจัดการห้องเรียนในอนาคตจึงควรให้ความสนใจกับ การนำแนวคิดทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการจัดการห้องเรียนที่สำคัญ ได้แก่ การจัดการ 1 อาจารย์, สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น 2 อาจารย์, สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น 3 อาจารย์, สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น


2 | Journal of MCU Ubon Review,Vol.7 No.3 (September-December 2022) ห้องเรียนเสมือน (Virtual classroom) การจัดการห้องเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic classroom) ในรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับทาง (Flipped room) คำสำคัญ : มหาวิทยาลัยสงฆ์, นวัตกรรมการจัดการห้องเรียน, ศตวรรษที่ 21 Abstract This academic paper aims to present concepts and learning management approaches for learners in the 21st century of Buddhist universities which need to use technological innovations as tools in classroom management more. To motivate students to meet the needs of learners with different learning speeds. Create opportunities for learners to have access to education universally and equitably. It also facilitates for all groups of learners. Therefore, future classroom management innovations should pay attention to the application of electronic concepts in classroom management, which are: Virtual classroom and Electronic classroom in the Flipped room. Keywords: The Buddhist universities, Classroom management innovation, the 21st century บทนำ การขยายโอกาสทางการศึกษาของมหาวิทยาลัยสงฆ์โดยการเรียนรู้ผ่านสื่อ อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้โอกาสในการศึกษาของพระภิกษุ-สามเณรเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้พระภิกษุ- สามเณรมีความรู้และทักษะที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อการพัฒนาคณะสงฆ์ ไปสู่โลกยุคใหม่ที่ต้อง ใช้ความรู้และเทคโนโลยีเข้มข้นมากขึ้น อีกทั้งต้นทุนในการจัดการศึกษายังต่ำกว่าการศึกษา ในชั้นเรียน สามารถตอบสนองต่อผู้เรียนได้มากกว่าการจัดการศึกษาในห้องเรียน เนื่องจาก ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลาและทุกคน และไม่ว่าจะทำการศึกษา ณ สถานที่ใด การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์จะยังคงมีเนื้อหาเหมือนกันและมีคุณภาพที่เท่าเทียมกัน


วารสาร มจร อุบลปริทรรศน์ ปีที่ 7 ฉบับที่ 3 (กันยายน-ธันวาคม 2565) | 3 ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตามศักยภาพและความสนใจของผู้เรียน ในอนาคตสื่ออิเล็กทรอนิกส์ จะเป็นแหล่งรวมความรู้จำนวนมหาศาล ผู้เรียนจึงมีช่องทางและวิธีการเรียนรู้ให้เลือกอย่าง หาลากหลาย ดังนั้นนวัตกรรมการจัดการห้องเรียนในอนาคตจึงควรให้ความสนใจกับการนำ แนวคิดทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการจัดการห้องเรียน ได้แก่ การจัดการห้องเรียนเสมือน (Virtual classroom) การจัดการห้องเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic classroom) ใน รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับทาง (Flipped room) เป็นการเสริมสร้างทักษะ สำคัญอีกประการหนึ่งสำหรับผู้เรียนซึ่งเป็นทักษะในศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills) อันได้แก่ ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี และ ทักษะชีวิตและอาชีพ (Partnership for 21st Century Skills-P21 : 2011) ดังนั้นการ จัดการเรียนรู้ในระดับอุดมศึกษาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียน ให้สามารถเรียนรู้การดำรงชีวิตอยู่ในสังคม และการอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นได้อย่างมีความสุข ตลอดจนสามารถนำเอาความรู้ความเข้าใจนั้นไปปรับใช้ให้เข้ากับสภาพสังคมที่แปรเปลี่ยนได้ อย่างเหมาะสม สมดุล และยั่งยืน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่มีบทบาทสำคัญ ในการเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาทั้งในระดับชาติและนานาชาติ ที่มุ่งจัด การศึกษาแก่พระภิกษุสามเณร และคฤหัสถ์ เปิดสอนทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และ ปริญญาเอก โดยมีพันธกิจผลิตบัณฑิต วิจัย และพัฒนา ส่งเสริมพระพุทธศาสนา และบริการ วิชาการแก่สังคม และทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ได้จัดการศึกษาตามแนวพระราชปณิธานของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 องค์พระผู้ทรงสถาปนามหาวิทยาลัยที่ มีพระราชประสงค์ให้มหาวิทยาลัยเป็นแหล่งการศึกษาพระไตรปิฎกและวิชาการชั้นสูงสำหรับ พระภิกษุสามเณร และคฤหัสถ์ โดยการศึกษาหลักธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าให้เข้าใจและเข้าถึงพร้อมทั้งนำศาสตร์สมัยใหม่มายืนยันรับรองความเป็นมณีรัตนะแห่ง พุทธธรรม แล้วเผยแผ่ต่อสังคมในรูปแบบการจัดการความรู้สู่สาธารณะ จากเหตุผลความ เปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ในการจัดการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัยทางพระพุทธศาสนาจึงต้อง ปรับกลยุทธ์เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมโลก โดยเน้นการบูรณาการพระพุทธศาสนา กับวิทยาการ หรือศาสตร์สมัยใหม่ภายใต้ปรัชญาคือ การจัดการศึกษาพระพุทธศาสนา บูรณา การกับศาสตร์สมัยใหม่ พัฒนาจิตใจและสังคม (พระมหาหรรษา นิธิบุณยากร. 2557)


4 | Journal of MCU Ubon Review,Vol.7 No.3 (September-December 2022) บทความนี้ได้นำเสนอแนวคิดและเพื่อนำเสนอแนวทางการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษ ที่ 21 สำหรับมหาวิทยาลัยทางพระพุทธศาสนา ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนา สมรรถนะของผู้เรียนให้สามารถเรียนรู้การดำรงชีวิตอยู่ในสังคม และการอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น ได้อย่างมีความสุข ตลอดจนสามารถนำเอาความรู้ความเข้าใจนั้นไปปรับใช้ให้เข้ากับสภาพ สังคมที่แปรเปลี่ยนได้อย่างเหมาะสม สมดุล และยั่งยืน ห้องเรียนเสมือน (Virtual classroom) ห้องเรียนเสมือน เป็นการจัดสิ่งแวดล้อมในความว่างเปล่า (Space) โดยอาศัย ศักยภาพของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เป็นการจัดประสบการณ์เสมือนจริงแก่ผู้เรียน นอกนจากนั้นยังมีสิ่งสนับสนอื่นๆที่จะช่วยทำให้การมีปฏิสัมพันธ์แบบเผชิญหน้า ที่บางโอกาส อาจจะเป็นไปไม่ได้หรือเป็นไปได้ยากนั้น สามารถกระทำได้เสมือนบรรยากาศพบกันจริงๆ กระบวนการทั้งหมดดังที่กล่าวมานี้มิใช่เป็นการเดินทางไปที่สถานศึกษาหรือมหาวิทยาลัย แต่ จะเป็นการเข้าถึงด้วยการพิมพ์ การอ่านข้อความหรือข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อเข้า กับระบบคอมพิวเตอร์ที่มีซอฟแวร์เพื่อควบคุมการสร้างบรรยากาศแบบห้องเรียนเสมือน การ มีส่วนร่วมจะเป็น แบบภาวะต่างเวลา ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนในระบบห้องเรียนเสมือนสมารถ เชื่อมต่อเข้าไปศึกษาได้ที่ทุกเวลาซึ่งห้องเรียนเสมือนเป็นการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ใน รูปแบบของ Software โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยสนับสนุนให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการ เรียนรู้ โดยสามารถเลือกเวลาและสถานที่ที่จะเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง โดยผ่านเครือข่าย คอมพิวเตอร์ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการจัดห้องเรียนเสมือน คือ ระบบปฏิบัติการของห้องเรียน เสมือนที่ต่างไปจากการเรียนในห้องเรียนปกติ รวมถึงการประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนว่า เป็นไปตาวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้หรือไม่ นอกจากนั้นสิ่งที่การเรียนในห้องเรียนเสมือนมี คือการปฏิสัมพันธ์หรือสังคมระหว่างผู้เรียนด้วยกัน เป็นสิ่งทีต้อวงคิดว่าห้องเรียนเสมือนจะ ทำให้เกิดขึ้นได้อย่างไร จากการเรียนการสอนแบบห้องเรียนปกติมีข้อจำกัดต่าง ๆ ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องมีการ นำแนวคิดห้องเรียนเสมือนมาใช้ในการจัดการศึกษา (มนตรี แย้มกสิกร.2554) ดังนี้ 1) สถานที่จำกัดเฉพาะในห้องเรียน 2) การเรียนรู้จำกัดเฉพาะกับอาจารย์ผู้สอน ผู้เรียน และ


วารสาร มจร อุบลปริทรรศน์ ปีที่ 7 ฉบับที่ 3 (กันยายน-ธันวาคม 2565) | 5 ตำรา 3) การจัดการเรียนการสอนกำหนดช่วงเวลาที่ตายตัวไม่ยืดหยุ่น 4) สถานที่เรียนไม่ เพียงพอกับผู้ประสงค์จะเรียน 5) สัดส่วนของอาจารย์ผู้สอนและนิสิตไม่เหมาะสม อุทัย ภิรมย์รื่น (2540) ได้จำแนกประเภทการเรียนในห้องเรียนแบบเสมือนจริงไว้ 2 ลักษณะ คือ1) จัดการเรียนการสอนในห้องเรียนธรรมดา แต่มีการถ่ายทองสดภาพและเสียง เกี่ยวบทเรียน โดยอาศัยระบบโทรคมนาคมและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไปยงผู้เรียนที่อยู่นอก ห้องเรียน นักศึกษาก็สามารถรับฟังและติดตามการสนของผู้สอนได้จากเครื่องคอมพิวเตอร์ ของตนเอง อีกทั้งยังสามารถโต้ตอบกับอาจารย์ผู้สอน หรือเพื่อนร่วมชั้นเรียนได้ ห้องเรียน แบบนี้ยังอาศัย สิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่เป็นจริง ซึ่งเรียกว่า Physical education environment 2) การจัดห้องเรียนจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์สร้างภาพเสมือนจริง เรียกว่า Virtual reality โดยใช้สื่อที่เป็นตัวหนังสือ (text-based) หรือภาพกราฟิค (Graphical based) ส่งบทเรียนไปยังผู้เรียนโดยผ่านระบบโทรคมนาคมและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ห้ อ งเรีย น ลั กษ ณ ะนี้เรีย ก ว่า Virtual education environment ซึ่ งเป็ น Virtual classroom ที่แท้จริง มนตรี แย้มกสิกร (2554) กล่าวว่าเป้าหมายของห้องเรียนเสมือนเป็นการเปิดโอกาส ให้บุคคลสามารถเข้าถึงแบะได้รับการศึกษาหลังมัธยมศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมาย เหล่านี้สามารถเชื่อมโยงเข้ากับคำกล่าวที่ว่า “คุณไม่ได้เข้าชั้นเรียนบางที่อาจจะทำให้คุณ เรียนได้ไม่มาก” นอกจากนั้นเป้าหมายประการสำคัญ ที่สอดคล้องและเป็นปัจจัยของ ห้องเรียนเสมือน คือ การเรียนแบบร่วมมือ (Collaborative leaning) การจัดการห้องเรียน เสมือนมุดเด่นในประเด็นต่าง ๆ ต่อไปนี้1) ทำเลเป้าหมาย ผู้เรียนอาจจะเลือกเรียนรายวิชา ใดๆ จากผู้สอนคนใดคนหนึ่งทั่วโลกหากมีการเปิดโอกาสให้ลงทะเบียนได้โดยไม่มีขีดจำกัดใน เรื่องพื้นที่ 2) เวลาที่ยืดหยุ่น ผู้เรียนอาจจะมีส่วนร่วมได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือ ลางงคืน การได้รับข้อมูลย้อนกลับจากผู้สอนและเพื่อนที่เรียนร่วมกันจะไม่มีข้อจำกัดเรื่อง เวลา 3) ไม่มีการเดินทาง ผู้เรียนสามารถทำงานและศึกษาอยู่กับบ้านได้อย่างสะดวกสบายซึ่ง อาจจะเป็นข้อดีสำหรับผู้เรียนที่มีอุปสรรค ดันเนื่องมาจากความพิการทำให้ไม่มีความ จำเป็นต้องเดินทางหรือแม้แต่ผู้เรียนที่มี่ภาวะด้านครองครัว ปัจจัยประการนี้นับเป็นโอกาสที่ ทำให้ทุกคนมีทางเลือกและความสะดวกสบาย 4) ประหยัดเวลา ผู้เรียนที่จำเป็นต้องเดินทาง ไปสถานศึกษาถ้าเรียนจากห้องเรียนเสมือนจะประหยัดการเดินทาง 5) ทำงานร่วมกัน ด้วย ภาพทางเทคโนโลยี ทำให้ผู้เรียนสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันได้ง่ายดาย ในขณะที่


6 | Journal of MCU Ubon Review,Vol.7 No.3 (September-December 2022) การแลกเปลี่ยนข้อมูลในห้องเรียนปกติ กระทำได้ยก ผู้เรียนในระบบห้องเรียนเสมือนจะ สามารถอภิปรายปัญหาร่วมกัน แลกเปลี่ยนเค้าโครงงานซึ่งกันและกันได้6) โอกาสมีส่วนร่วม ด้วยระบบสื่อสารด้วยคอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลาง สามารถเปิดโอกาสให้ผู้เรียนทุกคนมีโอกาส เท่าเทียมกันในการถามคำถาม การให้ข้อสังเกตและการทำกิจกรรมร่วมกัน นอกจากจุดเด่นของห้องเรียนเสมือนที่กล่าวมาแล้วนั้นในทางกลับกันห้องเรียน เสมือนก็มีข้อจำกัดในการประเด็นต่างๆ ดังนี้ 1) แหล่งเรียนมีจำกัด ในปัจจุบันยังมีสถาบันที่ เสนอรายวิชาแบบห้องเรียนเสมือนจำกัดมาก ทำให้ยังมีข้อจำกัดเกี่ยวกับแหล่งที่จะเรียนใน ปัจจุบัน 2) เครื่องมือที่จำเป็น ผู้เรียนจะต้องมีเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ และโมเด็มที่บ้าน หรือที่ทำงาน พร้อมที่จะติดต่อเชื่อมเข้ากับโปรแกรมห้องเรียนเสมือน ดังนั้นการเรียนใน ระบบห้องเรียนเสมือน จึงดูคล้ายกับผู้เรียนจะต้องมีฐานะทางเศรษฐกิจดีพอสมควร หรือไม่ก็ จะต้องทำงานในองค์กรที่มีอุปกรณ์เหล่านี้ และพร้อมจะสนับสนุนให้เข้าเรียนได้ 3) การให้ ข้อมูลย้อนกลับล่าช้า การสื่อสารในชั้นเรียนปกติ จะเป็นการสื่อสารแบบประจันหน้า การถาม คำถามจะได้รับคำตอบทันที่ทันใดแต่ในสื่อที่มีการเรียนแบบภาวะต่างเวลาอาจจะต้องรอ ข้อมูลย้อนกลับ อาจจะเป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน ยิ่งไปกว่านั้นบางครั้งผู้สอนอาจจะทำให้ข้อมูล ย้อนกลับแบบเป็นกลุ่มแบรวมๆ มิได้เฉพาะเจาะจงให้กับผู้เรียนคนใดคนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การให้ข้อมูลย้อนกลับทันทีทันใดสำหรับห้องเรียนเสมือนสามารถกระทำได้ ถ้าผู้ที่ร่วมเรียน ทุกคนติดต่อกันแบบอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อม ๆ กัน การพูดคุย การให้ข้อมูลย้อนกลับ กันและกันจะต้องมีการเตรียมข้อความสำเร็จรูป จำทำให้การติดต่อระหว่างกันและกันภายใน กลุ่มรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่โดยส่วนมากและการเรียนแบบห้องเสมือนมักจะนิยมใช้แบบภาวะต่าง เวลา จึงทำให้คำตอบที่ได้รับล่าช้าออกไป 4) ทักษะเอกสาร ผู้เรียนที่จะเรียนในระบบ ห้องเรียนเสมือน จะต้องมีทักษะในการอ่านและการเขียนเป็นอย่างดี เพราะผู้เรียนต้องใช้ ทักษะในการใช้เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เพื่อการติดต่อสื่อสาร การใช้ซอฟแวร์ ตลอดจนการ แก้ไขปัญหาข้อข้องใจจากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เบื้องตนได้ การออกแบบห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom) สามารถออกแบบให้มีลักษณะ (มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 2554) ดังนี้1) Learning is fun โดยนำเทคโนโลยีจอง JAVA มา เสริมในการเรียนรู้แบบสนุกสนานและไม่เครียด นิสิตจะได้เล่นเกมทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และรายวิชาอื่น ๆ ก็สามารถออกแบบในลักษณะนี้ได้2) Multimedia นิสิตจะ เรียนรูบทเรียนจากภาพและเสียง สามารถควบคุมขั้นตอนของการเรียนรู้ได้ด้วยปลายนิ้ว


วารสาร มจร อุบลปริทรรศน์ ปีที่ 7 ฉบับที่ 3 (กันยายน-ธันวาคม 2565) | 7 สัมผัสของตนเอง 3) Asynchronous learning หมายถึงการเรียนที่ไม่จำเป็นจะต้องมี อาจารย์ผู้สอนผู้สอนอยู่กับนิสิตในเวลาและสถานที่เดียวกัน อาจารย์ผู้สอนจะจัดทำ/รวบรวม “บทเรียนออนไลน์” ซึ่งใช้เรียนที่ไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้ 4) Electronic library เป็นห้องสมุด อิเล็กทรอนิกส์ นิสิตสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ทั่วโลกได้โดยใช้ Search engine นอกจากนี้จังมีบริการให้ค้นหาหนังสือจากห้องสมุดของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ค้นหาคำศัพท์และอื่น ๆ จาก Web Site ต่าง ๆ Information on demand นิสิตสามารถ เรียกดูข้อมูลสารสนเทศตามที่ต้องการได้จากข้อมูลตามคำสั่ง ซึ่งได้แก่ ข่าว และสารพัน ความรู้จากภาพในอนาคตที่ปรากฏลักษณะของ Virtual classroom ผนวกกับกระแสความ เจริญทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และความต้องการเห็นสังคมไทยเป็นสังคมแห่งการ เรียนรู้ การพัฒนกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนโดยการจัดการห้องเรียนแบบ Virtual classroom หรือห้องเรียนที่เป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักการศึกษา อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสการ เรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนทุกเพศทุกวัย และยังสนับสนหุนแนวคิดการศึกษาตลอดชีวิตอีกด้วย ห้องเรียนอิเล็กทรอนิกส์(Electronic Classroom) ห้องเรียนอิเล็กทรอนิกส์ คือห้องเรียนที่จัดทำขึ้น เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอน ขนองอาจารย์ผู้สอนผู้สอน ที่มีสื่อประกอบการเรียนการสอนที่หลากหลาย มีอุปการณ์ โสตทัศนูปกรณ์ที่ทันสมัยประจำห้อง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องโปรเจคเตอร์ช่วย สอน (Visual presentation) ตบอดจนอุปกรณ์เครื่องเล่น DVD ที่เป็นสื่อการสอนแทนการ ใช้กระดานดำหรือ Whiteboard ในขณะทีตัวนิสิตเองก็จะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เป็น เครื่องมือหนึ่งในการเรียนแทนการใช้ปากกาและสมุด (บุญเกื้อ ควรหาเวช.2554) ใน ห้องเรียน Electronic Classroom นี้นิสิตจะสามารถพัฒนาการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้นและจะได้ อะไรที่มากกว่าปกติ ตัวอาจารย์ผู้สอนผู้สอนเองก็จะมีเครื่องมือที่พร้อมต่อการดึงสิ่งที่เป็น ประโยชน์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสื่อการเรียนการสอนไปยังนิสิต ซึ่งห้องเรียน Electronic Classroom เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการจัดการห้องเรียน ซึ่งจัดขึ้นเพื่อตองสนองต่อรูปแบบ การสอน ที่เน้นการใช้สื่อเทคโนโลยีและสื่ออิเลคทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต กานสอนแบบ Online ตลอดจนการใช้ระบบ Electronic Classroom ในการควบคุม กระบวนการเรียนการสอน หรือการนำ-เสนอบทเรียน แบบฝึกต่างๆ โดยการจัดการเรียน


8 | Journal of MCU Ubon Review,Vol.7 No.3 (September-December 2022) สอนนี้เป็นระบบการจัดการเรียนสอนสอนที่มุ่งอาศัยคอมพิวเตอร์เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ผ่านทางระบบเครือข่าอินเทอร์เน็ต (Web base Learning) โดยไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็น วิชาหนึ่งวิชาใด อีกทั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอน และกระตุ้นให้ผู้เรียนใช้ อินเทอร์เน็ตในการสืบค้นข้อมูล และติดต่อสื่อสารกับอาจารย์ผู้สอนผู้สอนอย่างต่อเนื่อง โดย นอกจากโครงสร้างในการจัดเนื้อหารายวิชาบนเครือข่ายแล้ว Electronic Classroom ยังมี เครื่องมือช่วยสอนต่าง ๆ ที่น่าสนใจอีก เช่น ห้องสนทนนา คำถามที่ถูกถามบ่อย กระดาน ถาม–ตอบ แบบทดสอบ เอกสารการสอน ประกาศข่าว ปฏิทิน และเว็บลิ้งค์ ดังนั้น อรรถประโยชน์พื้นฐานของ Electronic Classroom ก็คือ ให้ผู้เรียนได้รับ เนื้อหาวิชาที่เป็นปัจจุบันได้ในทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน สถานศึกษา หรือสถานที่อื่น และยังช่วยประหยัดเวลาของอาจารย์ผู้สอนผู้สอนในการที่จะขยายขอบเขตของเนื้อหา หรือ อธิบายเพิ่มเติมในส่วนที่เป็นประโยชน์แก่ผู้เรียน ด้วยประสิทธิ์ภาพของห้องเรียน Electronic Classroom ที่กล่าวมาข้างต้น จึงเป็นที่คาดหวังว่า ห้องเรียน Electronic Classroom จะ เป็นเครื่องมือที่สามารถกระตุ้นให้ผู้เรียนสนใจมากขึ้น ห้องเรียนกลับทาง (Flipped room) จากการศึกษาหนังสือ “อาจารย์ผู้สอนเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง” ของ วิจารณ์ พานิช (2556) สามารถสรุปแนวคิดเกี่ยวกับห้องเรียนกลับทางได้ดังนี้ ห้องเรียนกลับ ทางมีกำเนิดขึ้นเมือประมาณ 5 ปีมาแล้ว จากความคิดของอาจารย์ผู้สอนสอนวิชาเคมีชั้น มัธยมในสหรัฐอเมริกา 2 คน คือ Jonathan Bergman และ Aaron Sams ที่ต้องการช่วย นิสิตที่มีปัญหาตามชั้นเรียนไม่ทันเพราะต้องขาดเรียนไปเล่นกีฬาหรือไปทำกิจกรรม หรือ เพราะเขาเรียนรู้ได้ช้า โดยอาจารย์ผู้สอนทำวิดีโอสอนวิชาไปแขวนไว้บนอินเทอร์เน็ต ให้ศิษย์ ที่ขาดเรียนเข้าไปเรียนได้ ศิษย์ที่เรียนช้าก็เข้าไปทบทวนได้อีก ไม่ต้องพึ่งการจดผิด ๆ ถูก ๆ ตก ๆ หล่น ๆ อีกต่อไป แต่คุณค่าของวิดีโอบทเรียนที่แขวนไว้บนอินเทอร์เน็ตไม่ได้หยุดอยู่แค่ นั้น มันนำไปสู่การกลับทางการเรียนรู้ของศิษย์ วิดีโอบทเรียนที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต ช่วยให้รัก เรียนไม่จำเป็นต้องใช้เวลาที่สถานศึกษาในการเรียนเนื้อหาวิชา แต่ใช้เวลาให้เกิดคุณค่าต่อ ตนเองมากกว่านั้น คือ เรียนวิชาที่บ้าน ทำการบ้านที่สถานศึกษา ไม่ใช่นิสิตเท่านั้นที่เรียนรู้ กลับทาง อาจารย์ผู้สอนก็สนกลับทางด้วย คือ แทนที่จะสอนวิชาหน้าชั้นเรียน กลับสอนหน้า


วารสาร มจร อุบลปริทรรศน์ ปีที่ 7 ฉบับที่ 3 (กันยายน-ธันวาคม 2565) | 9 กล้องวิดีทัศน์ แล้วใช้เวลาเรียนที่สถานศึกษาของศิษย์ทำหน้าที่อาจารย์ผู้สอนฝึก (Coach) ให้ นิสิตฝึกแปลงวิชาหรือประยุกต์ใช้วิชา ซึ่งในกระบวนการนั้นนิสิตต้องสร้างความรู้ความเข้าใจ ของตนขึ้นมาในสมองและหัวใจ ก่อนจะประยุกต์ใช้ความรู้ในกิจกรรมหรือโจทย์แบบฝึกหัด เป็นการฝึกฝนเรียนรู้ที่แท้จริง โดยการจัดการเรียนการสอนนี้มีจุดมุ่งหมาย 1) เพื่อเปลี่ยน วิธีการสอนของอาจารย์ผู้สอน จากบรรยายหน้าชั้น หรือเป็นอาจารย์ผู้สอนสอน ไปเป็น อาจารย์ผู้สอนฝึก ฝึกการทำแบบฝีกหัดหรือกิจกรรมอื่น ๆ ในชั้นเรียนหรืออาจเรียกว่าเป็น อาจารย์ผู้สอนติวเตอร์2) เพื่อใช้เทคโนโลยีการเรียนที่นิสิตสมัยใหม่ชอบ คือ ไอซีที หรืออาจ เรียกว่าเป็นการนำโลกของนิสิต คือโลกดิจิตอล 3) ช่วยนิสิตที่มีงานยุ่ง นิสิตสมัยนี้ธุระมาก กิจกรรมมาก การมีบทสอนด้วยวีดิทัศน์อยู่อินเทอร์เน็ต ช่วยให้นิสิตเหล่านี้เรียนไว้ล่วงหน้า 4) ช่วยนิสิตเรียนอ่อนที่ขนขวายในห้องเรียนปกติ นิสิตเหล่านี้จะถูกทอดทิ้ง แต่ในห้องเรียนกลับ ทาง นิสิตเหล่านี้จะได้รับความเอาใจใส่จากอาจารย์ผู้สอนมากที่สุด คือ อาจารย์ผู้สอนเอาใจ ใส่นิสิตที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดโดยอัตโนมัติ5) ช่วยนิสิตที่มีความสามารถแตกต่าง กันให้ก้าวหน้าในการเรียนตามความสามารถของตน เพราะนิสิตสามารถฟังวิดิทัศน์กี่รอบก็ได้ 6) ช่วยให้นิสิตจัดเวลาเรียนตามที่ตนเองพอใจ เบื่อก็หยุดพักได้ แบ่งเวลาดูวีดิทัศน์เป็นช่วง ๆ ได้ 7) ช่วยให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างนิสิตกับอาจารย์ผู้สอนเพิ่มขึ้น ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เรียกว่า การเรียนออนไลน์ การกลับทางห้าองเรียนยังคงเป็นการเรียนแบบนิสิตมาสถานศึกษา 8) ช่วยเปลี่ยนหรือเพิ่มบทบาทของอาจารย์ผู้สอนให้เป็นทั้งพี่เลี้ยง (Mentor) เพื่อนบ้าน (Neighbor) และผู้เชี่ยวชาญ (Expert) 9) ช่วยให้อาจารย์ผู้สอนรู้จักนิสิตดีขึ้น หน้าที่ของคูไม่ เพียงช่วยให้ศิษย์ได้วิชาหรือเนื้อหา แต่ต้องกระตุ้นแรงบันดาลใจ (Inspire) ให้กำลังใจ รับฟัง และช่วยส่งเสริมให้นิสิตฝันถึงอนาคตของตน 10) ช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนนิสิต กันเอง จากเรียนเพื่อทำตามคำสั่งอาจารย์ผู้สอน หรือทำงานเพื่อให้เสร็จตามกำหนด เป็น เรียนเพื่อตนเอง เพื่อการเรียนรู้ของตน ไม่ใช่เพื่อคนอื่น มีผลให้นิสิตเอาใจในการเรียน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างนิสิตในห้องเรียน เกี่ยวกับการเรียน จะเพิ่มขึ้น โดยอัตโนมัติ นิสิตที่เข้าใจ ทำแบบฝึกหัดได้ จะช่วยเหลือเพื่อน สร้างไมตรีจิตระหว่างกัน 11) ช่วยให้เห็นคุณค่าของ ความแตกต่าง ซึ่งโดยธรรมชาติ นิสิตในชั้นเรียนเดียวกันมีความแตกต่างกันมาก มีความถนัด และความชอบที่แตกต่างกัน การกลับทางชั้นเรียนช่วยให้อาจารย์ผู้สอนเห็นขุดเข็งแชะ จุดอ่อนของนิสิตแต่ละคน เพื่อนนิสิตด้วยกันก็เห็น และช่วยเหลือกันด้วยจุดแข็งของแต่ละคน 12) เป็นการเปลี่ยนการจัดการห้องเรียน ปัญหานิสิตเบื่อการเรียน ก่อกวนชั้นเรียน หรือหลบ


10 | Journal of MCU Ubon Review,Vol.7 No.3 (September-December 2022) ไปนั่งใช้สมาร์ทโฟนแช็ทกับเพื่อน รวมทั้งสิ่งพึงประสงค์ในชั้นเรียนอื่น ๆ จะหมดไป เนื่องจาก ในห้องเรียนกลับทางนิสิตเป็นผู้ลงทอปฏิบัติ ไม่ใช่เป็นผู้รับถ่ายทอดอย่างในห้องเรียนแบบเดิม ไม่มีอาจารย์ผู้สอนมายืนสอนปาว ๆ หน้าชั้นให้น่าเบื่อหน่ายอีกต่อไป 13) เปลี่ยนคำสนทนา กับผู้ปกครองนิสิต จากถามว่านิสิตอยู่ในโอวาทของอาจารย์ผู้สอนหรือไม่ ไปเป็นถามว่านิสิต ได้เรียนรู้หรือไม่ หากนิสิตคนไหนไม่ได้เรียนรู้เท่าที่ควร ผู้ปกครองและอาจารย์ผู้สอนจะ ร่วมกันช่วยให้นิสิตเรียนรู้ได้อย่างไร 14) ช่วยให้การศึกษาแก่ผู้ปกครองและคนในครอบครัว ผู้ปกครองนิสิตบางคนดูวิดีทัศน์ไปพร้อมกับลูก บางบ้านดูกันทั้งบ้านก็มี ทำให้ผู้ใหญ่ก็ได้เรียน วิชานั้นไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัวที่ด้วยโอกาส 15) ช่วยให้เกิดความโปร่งใน การศึกษา ในสหรัฐอเมริกามีปัญหาคนไม่ศรัทธาเชื่อมั่นในระบบการศึกษา การกลับทาง ห้องเรียนเอาคำสอนในวีดิทัศน์ไปไว้บนอินเทอร์เน็ต เป็นการเปิดเผยเนื้อหาสาระของการเยน แก่สาธารณะชน ใครๆ ก็เข้าไปดูได้ จากการจัดการเรียนนี้มีข้อพึงตระหนักในการนำแนวคิดห้องเรียนกลังทางมาใช้ ดังนี้ 1) ก่อนจะคิดใช้วิดีทัศน์ ในการเรียนที่บ้านของนิสิต ให้ไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อนว่าจะ เป็นประโยชน์แก่ผู้เรียนจริงหรือไม่ 2) เมื่อตัดสินใจใช้วิดีทัศน์ก็ต้องคิดต่อว่าจะใช้ของคนอื่นที่ มีอยู่แล้ว หรือคิดจะทำขึ้นใช้เอง ทั้ง 2 แนวทางต่างก็มีข้อเสีย 3) การทำวีดิทัศน์ต้องมีการ วางแผนบทเรียน แล้วจึงถ่ายทำ ตามความการตกแต่งแก้ไข แล้วจึงนำวิดีทัศน์ออกเผยแพร่ให้ นิสิตเข้าดูได้ 4) อาจารย์ผู้สอนต้องไม่หลงเข้าใจผิดว่า ส่วนที่สำคัญที่สุดในการเรียนแบบกลับ ทางห้องเรียนอยู่ทิ่วีดิทัศน์ ตรงกันข้ามเวลาสำคัญที่สุดของการเรียนแบบนี้อยู่ที่เวลาเรียน ใน ห้องเรียนอาจารย์ผู้สอนจะต้องประเมินคุณค่าของเวลาช่วงนี้และออกแบบแล้วปรับปรุง เพื่อให้เป็นเวลาที่มีคุณค่าต่อการเรียนรู้ สูงสุดของนิสิต คือเกิดการเรียนรู้ในมิติที่ลึกและ เชื่อมโยงมากกว่าการเรียนแบบเดิมโดยห้องเรียนกลับทางส่งเสริมให้นิสิตได้เรียนรู้แบบรู้จริง (Mastery Learning) โดยสร้างความรู้ขึ้นในสมองของตนหรือการเรียนแบบรู้จริง (Mastery Learning) หลักการสำคัญของการเรียนแบบรู้จริง คือ ให้นิสิตได้เรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ชุด หนึ่งตามอัตราเร็วของการเรียนรู้ของตน ไม่ใช่ต้องเรียนตามอัตราเร็วของอาจารย์ผู้สอนหรือ ชั้นเรียนกำหนด โดยองค์ประกอบของห้องเรียนกลับทางเพื่อส่งเสริมการเรียนให้รู้จริง ประกอบด้วย 1) กำหนดวัตถุประสงค์ของการเรียนให้ชัดเจน 2) ไตร่ตรองว่าวัตถุประสงค์ ส่วนไหนควรเรียนแบบลงมือทำหรือ Inquiry ส่วนไหนควรเรียนแบบรับถ่ายทอด 3) ให้แน่ใจ


วารสาร มจร อุบลปริทรรศน์ ปีที่ 7 ฉบับที่ 3 (กันยายน-ธันวาคม 2565) | 11 ว่านิสิตเข้าถึงวีดิทัศน์เพื่อสาระวิชา 4) สร้างกิจกรรมให้นิสิตลงมือทำเพื่อเรียนรู้ในชั้นเรียน 5) สร้างวิธีสอบหลายวิธีเพื่อพิสูจน์ว่านิสิตบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ในแต่ละบทเรียน ห้องเรียนกลับทางมีลักษณะที่สำคัญ ดังนี้ 1) สอนให้นิสิตรับผิดชอบการเรียนของ ตนเองในห้องเรียนแบบกลับทางนิสิตรับผิชอบต่อการเรียนของตนเอง การเรียนไม่ใช่สิ่งที่ กระทำต่อนิสิต แต่กลายเป็นสิ่งที่นิสิตเป็นเจ้าของ เป็นผู้กระทำ และเป็นทักษะที่ติดตัว ตลอดไป 2) ทำให้ห้องเรียนเต็มไปด้วยกิจกรรทที่หลากหลาย ห้องเรียนกลับทางเป็นวิธีที่ทำ ให้เป็นกิจกรรมเฉพาะตัวของนิสิตแต่ละคน ทีมีกิจกรรเรียนรู้แตกต่างกันในห้องเรียนเดียวกัน เวลาเดียวกัน และนิสิตแต่ละคนเรียนด้วยอัตราเร็วที่แตกต่างกัน และอาจารย์ผู้สอนก็ดูแล นิสิตด้วยมาตรฐานที่แตกต่างกัน 3) การเรียนรู้เป็นศูนย์กลางของห้องเรียนในห้องเรียนแบบ เก่าอาจารย์ผู้สอนเป็นจุดสนใจของห้องเรียน แต่ในห้องเรียนกลับทางจุดสนใจอยู่ที่สิ่งที่นิสิต ได้เรียนรู้หรือยังไม่รู้ ในห้องเรียนแบบนี้นิสิตมาเข้าห้องเรียนพร้อมกับเป้าหมายของการ เรียนรู้ อาจารย์ผู้สอนเป็นผู้จัดสิ่งของนิสิตและสิ่งอำนวยความสดพวกต่อการเรียนรวมทั้งชวย แนะนำให้นักเยนวางแผนการเรียนรู้ของตน 4) ห้องเรียนเปลี่ยนจากที่รับถ่ายทอด (ความรู้) มาเป็นที่พูดคุยแลกเปลี่ยนเพื่อการเรียนรู้ นิสิตอยู่ในสภาพเป็นเจ้าของกระบวนการเรียนรู้ ไม่ใช่เพียงผู้รับถ่ายทอดสาระห้องเรียน (Classroom) เป็นพื้นที่สำหรับการเรียนรู้ (Learning Space) 5) ให้บริการ Feedback แก่นิสิตในทันทีและลดเอกสารที่อาจารย์ผู้สอนต้องทำการ ประเมินอย่างไม่เป็นทางการ การเรียนรู้แบบกลับทางจะให้Feedback แก่นิสิตในทันทีที่ นิสิตทำกิจกรรมในห้องเรียน ช่วยให้นิสิตได้รู้ความก้าวหน้ามรการเรียนของตนทันที และ อาจารย์ผู้สอนก็ไม่ต้องตรวจการบ้านกองโต นิสิตจะเอาชิ้นผลงานมาคุยกับอาจารย์ผู้สอน เกี่ยวกับวัตถุประสงค์และประเด็นหลักของการเรียน อาจารย์ผู้สอนจะตรวจสอบความเข้าใจ และความเข้าใจผิดของนิสิตไปพร้อม ๆ กัน อาจารย์ผู้สอนให้คะแนนได้ในชั่วโมงเรียน และ สามารถปรึกษาหรือวางแผนการเรียนที่จำเป็นขั้นต่อไป เพื่อช่วยให้เข้าใจชัดขึ้นหรือเพื่อขจัด ความเข้าใจผิด 6) ช่วยให้นิสิตมีโอกาสได้เรียนเสริมในชั้นเรียนตามปกติ มีนิสิตบางคนไม่ผ่าน การทดสอบในรอบแรก ซึ่งหากเป็นชั้นเรียนตามปกติ การสอนก็ดำเนินต่อไป และนิสิตที่เรียน ไม่ทันก็จะค่อย ๆ ล้าหลังยิ่งขึ้น ๆ จนเบื่อเรียน แต่ให้เรียนแบบกลับทางานิสิตจะเรียนเรื่อง เดิมใหม่ จนกว่าจะรู้จริง และอาจารย์ผู้สอนก็จะรู้ว่าจะต้องช่วยเหลือนิสิตคนใด ในเรื่องใด คืออาจารย์ผู้สอนเอาใจใส่นิสิตเป็นรายคน เมื่อนิสิตที่เรียนอ่อนเหล่านี้ได้แก้ความเข้าใจผิด ของตน ก็จะสามารถเรียนบทเรียนต่อไปได้คล่องแคล่วขึ้น 7) เปิดช่องให้นิสิตเรียนรู้สาระด้วย


12 | Journal of MCU Ubon Review,Vol.7 No.3 (September-December 2022) หลากหลายวิธีในการจัดการเรียนรู้แบบกลับทางเปิดโอกาสให้นิสิตได้เลือกเรียนด้วยวิธีที่ตน ถนัดที่สุด เช่น บางคนชอบเรียนจากวีดิทัศน์ บางชอบเรียนจากตำราเรียน บางคนชอบค้น จากอินเทอร์เน็ต เป็นต้น อาจารย์ผู้สอนก็ส่งเสริมทำให้นิสิตรู้สึกมีอิสระ และรู้สึกว่าการเรียน เป็นเรื่องของตนเอง เป็นความรับผิดชอบต่อตนเอง 8) เปิดช่องให้นิสิตแสดงภูมิรู้ได้ หลากหลายแบบ นิสิตบางคนอาจแสดงความรู้ความเข้าใจได้ดีโดยการตอบข้อสอบตามปกติ แต่บางคนอาจแสดความเข้าใจได้ดีกว่า โดยการอภิปรายด้วยวาจากับอาจารย์ผู้สอน หรือบาง คนชอบการทดสอบโดยนำเสนอด้วย PowerPoint หรือบางคนอาจเขียนเรียงความอธิบาย ความเข้าในที่ตื่นตาตื่นใจที่สุด 9) เปลี่ยนบทบาทของอาจารย์ผู้สอนได้ใช้เวลาให้เกิดคุณค่าต่อ ศิษย์มากที่สุด เพื่อช่วยให้เวลาในห้องเรียนเป็นเวลาที่ศิษย์เกิดการเรียนรู้แบบรู้จริง 10) นิสิต เห็นคุณค่าของการเรียนไม่ใช่รับจ้างมาสถานศึกษา โดยทั่วไปนิสิตมาสถานศึกษาโดยหวังได้ เกรด ผ่านการท่องจำเนื้อวิชา ไม่ใช่หวังได้เรียนรู้ นิสิตในชั้นเรียนแบบกลังทางจะเริ่มต้นด้วย ความไม่พอใจวิธีเรียนแบบใหม่ที่ไม่ถ่ายทอดวิชาให้โดยตรง แต่ในที่สุดนิสิตเหล่านี้จะค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นนิสิตที่มีทักษะการเรียนรู้ 11) จัดซ้ำง่าย ขยายชั้นเรียนง่ายและจัดให้เหมาะสม ต่อนิสิตเป็นรายคนได้ง่าย 12) ช่วยเพิ่มเวลาพบหน้าระหว่างอาจารย์ผู้สอนกับศิษย์ 13) ช่วย ให้นิสิตทุกคนอยู่กับการเรียน 14) ผู้ทำงานคือนิสิต 15) ช่วยให้นิสิตติดตามการสาธิตของ อาจารย์ผู้สอนอย่างใกล้ชิด 16) เปิดโอกาสให้อาจารย์ผู้สอนช่วยเหลือนิสิต ห้องเรียนกลับทางมีวิธีดำเนินการ ดังนี้ 1) อธิบายประโยชน์ของการเรียนแบบใหม่ และให้นิสิตดูวีดิทัศน์ที่อธิบายวิธีเรียนแบบนี้ 2) แจ้งให้ผู้ปกครองนิสิตทราบเรื่องการเรียน แบบใหม่ 3) สอนวิธีดูและจัดการวีดิทัศน์ให้แก่นิสิต 4) กำหนดให้นักรเยนตั้งคำถามที่ น่าสนใจ โดยนักเยนแต่ละคนต้องตั้งคำถามมาคนละ 1 คำถาม ต่อวีดิทัศน์ 1 ตอน 5) วาง รูปแบบห้องเรียนแบบกลับทาง โดยห้องเรียนเปลี่ยนจาก Classroom เป็น Studio คือ กลายเป็นห้องทำงาน เป็นห้องที่จุดสนใจคือการเรียนของตนเอง เรียนโดยกรลงมือทำ ไม่ใช่ โดยการฟังอาจารย์ผู้สอนสอนในห้องเรียนแบบเก่า เครื่องใช้ต่าง ๆ ในห้องต้องเน้นการใช้งาน เพื่อการเรียนของนิสิต และเพื่อการเรียนแบบมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันของนิสิต ไม่ใช่เพื่อการ สอนของอาจารย์ผู้สอนอย่างแต่ก่อน 6) ให้นิสิตได้จัดการเวลาและงานของตนเองมใน ห้องเรียนกลับทาง นิสิตสามารถเรียนไว้ล่วงหน้า เรียนวิชาบางวิชาให้จบเร็ว สามารถสอบไล่ ก่อนเวลา และใช้เวลาของวิชาที่เรียนจบเร็วเรียนวิชาอื่น นกเรียนที่เรียนช้าก็สามารถใช้เวลา เรียนซ้ำช่วงที่ต้องการได้ สอบส่วนใดไม่ผ่านก็สอบใหม่ได้เสมอ 7) ส่งเสริมให้นิสิตช่วยเหลือ


วารสาร มจร อุบลปริทรรศน์ ปีที่ 7 ฉบับที่ 3 (กันยายน-ธันวาคม 2565) | 13 กันเอง ห้องเรียนคือ Learning Hub (ไม่ใช่ Teaching Hub) จุดสนใจคือนิสิตเรียนด้วย ตนเอง ไม่ใช่อาจารย์ผู้สอน นิสิตจะตระหนักในความจริงข้อนี้และเรียนรู้ร่วมกัน และ ช่วยเหลือกัน จะรวมตัวกันเองเป็นกลุ่มเพื่อเรียนรู้ร่วมกัน 8) สร้างระบบประเมินที่เหมาะสม ระบบประเมินที่ประเมินความเข้าใจขอวงนิสิตอย่างแม่นยำ 9) การประเมินเพื่อปรับปรุง (Formative Assessment) อาจารย์ผู้สอนที่มีประสบการณ์สูงจะสามารถบอกได้ทันทีว่านิสิต คนไหนยังไม่เข้าใจเรื่องอะไร โดยเมื่ออาจารย์ผู้สอนเดินไปรอบ ๆ ห้องเรียนอาจารย์ผู้สอนจะ สอบถามบางคำถามแกนิสิตบางคน และรีบแก้ความเข้าใจผิดทันที 10) ถามคำถามที่ถูกต้อง ในการทดสอบแบบ Formative คำถามที่อาจารย์ผู้สอนถามศิษย์ตีละคนจึงแตกต่างกันเป็น รายคน เป็นไปตามสถานการณ์ แตกต่างกันไป ตามระดับความเข้าใจ เป็นคำถามที่ช่วยให้ อาจารย์ผู้สอนรู้ว่านิสิตคนนั้น ๆ มีความก้าวหน้าในบทเรียนนั้นไปถึงไหนแล้ว และนิสิต ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่อย่างไร 11) การสอบแบบได้ – ตก (Summative Evaluation) นี่คือการสอบเพื่อดูว่านิสิตบรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้หรือไม่ โดยที่ อาจารย์ผู้สอนต้องกำหนดว่าเกณฑ์สอบ ผ่าน – ไม่ผ่าน คืออะไร 12) ความซื่อสัตย์ในการ สอบ อาจารย์ผู้สอนต้องหาวิธีป้องกันนิสิตโกงสอบโดยการสอบที่นิสิตโกงไม่ได้หรือได้ยาก 13) ใช้เครื่องช่วยการสอบเพื่อผลได้ – ตก เครื่องช่วยนี้คือ Computer – Generated Exam ทีการออกข้อสอบและให้คะแนนทำโดยคอมพิวเตอร์ โดยอาจารย์ผู้สอนเป็นผู้ออก ข้อสอบใส่ไว้ในคอมพิวเตอร์ (อาจารย์ผู้สอนต้องลงแรงออกข้อสอบมากข้อขึ้น) ทำให้นิสิตแต่ ละคนได้รับข้อสอบคนละชุด และอาจารย์ผู้สอนสามารถปรับความยากง่ายของการสอบแต่ ละครั้งได้14) ทำงานในวัฒนธรรมให้เกรด A – F อาจารย์ผู้สอนต้องไตร่ตรองว่าการให้ผล สอบ A – F ในห้องเรียนแบบกลับด้านมีความหมายอย่างไร แตกต่างจาก A – F โดยทั่วไป อย่างไร บทสรุป การจัดการห้องเรียนในศตวรรษที่ 21 จำเป็นต้องนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาใช้ เป็นเครื่องมือในการจัดการห้องเรียนมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้เรียนตอบสนองความ ต้องการของผู้เรียนที่มีระดับความเร็วในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน สร้างโอกาสให้ผู้เรียนในการ เข้าถึงการศึกษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม อีกทั้งอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เรียนทุกกลุ่ม


14 | Journal of MCU Ubon Review,Vol.7 No.3 (September-December 2022) ดังนั้นเมื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการห้องเรียน บทบาทของอาจารย์ผู้สอนจะเปลี่ยนจาก การสอนมาเป็นผู้อำนวยความสะดวก ห้องเรียนจะเปลี่ยนสภาพเป็น Studio ที่มีเครื่องมือ อุปกรณ์พร้อมให้นิสิตนำความรู้ที่ได้ศึกษามาแปลงเป็นชิ้นงานต่าง ๆ การเรียนรู้จะเปลี่ยนจาก การเรียนเพื่อสอบให้ได้คะแนนดีๆ เป็นการเรียนเพื่อให้รู้จริง ดังนั้นอาจารย์ผู้สอนในฐานะ ผู้จัดการความรู้ต้องปรับเปลี่ยน เตรียมตัวเองให้มากขึ้นเพื่อจะได้เป็นผู้จัดการความรู้ที่มี ประสิทธิภาพตามแนวทางของการจัดการเรียนรู้แบบ“ห้องเรียนกลับด้าน” ซึ่งเป็นนวัตกรรม และมุมมองหนึ่งของตัวอย่างจากประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นในวงการศึกษา เป็นวิธีการใช้ ห้องเรียนให้เกิดคุณค่าแก่นิสิตโดยใช้ฝึกประยุกต์ความรู้ในสถานการณ์ต่างๆเพื่อให้เกิดการ เรียนรู้แบบ“รู้จริง (Mastery Learning)”และเป็นวิธีจัดการเรียนรู้เพื่อยกระดับและคุณค่า ของการจัดการศึกษาที่ปรับเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้อีกรูปแบบหนึ่งให้เกิดขึ้นผ่านสื่อเทคโนโลยีที่ นำมาใช้ได้อย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ เอกสารอ้างอิง บุญเกื้อ ควรหาเวช. (2554). นวัตกรรมการศึกษา. Online Available: http://www.st.ac.th/av/inno_eclass.htm. พระมหาหรรษา นิธิบุณยากร. (2557). พระพุทธศาสนากับวิทยาการสมัยใหม่. พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. มนตรี แย้มกสิกร. (2554). แนวคิดเกี่ยวกับห้องเรียนเสมือน. Online available: http://www.csjoy.com/storynet/vclass.htm. มหาวิทยาลัยขอนแก่น. (2554). การจัดห้องเรียนเสมือนจริง (Virtual Classroom Online) Online Available: http://std.kku.ac.th/4974500126/sara5.html. วิจารณ์ พานิช. (2556). อาจารย์ผู้สอนเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: บริษัท เอส.อาร์.พริ้นติ้ง แมสโปรดักส์ จำกัด. อุทัย ภิรมย์รื่น (2540). โฉมหน้ามหาวิทยาลัยในศตวรรษที่ 21. สารศรีปทุม. (กุมภาพันธ์ – พฤษภาคม). 21-30. Partnership for 21st Century Skills-P21. (2011). Framework for 21st Century Learning. Online available: http://www.p21.org.


Click to View FlipBook Version