The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การแสดงเต้นกำรำเคียว เป็นการแสดงของภาคกลาง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sawarin Worawong, 2023-01-19 20:43:49

นาฏศิลป์ภาคกลาง

การแสดงเต้นกำรำเคียว เป็นการแสดงของภาคกลาง

Keywords: เต้นกำรำเคียว

การแสดงพื้นเมืองภาคกลาง ชุดการแสดง เต้นกำ รำ เคียว จัดทำ โดย นางสาวสวรินทร์ วรวงษ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา


การละเล่น หมายถึง การเล่นดนตรี การเล่นเพลง การเล่นรำ การเล่นที่ต้องร่วมกันตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไป เรียกว่า มหรสพหรือศิลปะ การแสดง พื้นเมือง หมายถึง สิ่งที่อยู่ในท้องถิ่นนั้น ๆ การละเล่นพื้นเมือง หมายถึง การแสดงใด ๆ อันเป็นประเพณี นิยมในท้องถิ่นและเล่นกันใน ระหว่างประชาชน เพื่อความสนุกสนาน รื่นเริงตามฤดูกาล การแสดงต้องเป็นไปอย่างมีวัฒนธรรม มีความ เรียบร้อย ใช้ถ้อยคำ สุภาพ แต่งกายสุภาพถูกต้องตามความนิยมและ วัฒนธรรม เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น สถานที่ก็ต้องจัดให้เหมาะสม กับโอกาสที่จะแสดง ซึ่งการละเล่นพื้นเมือง จะไม่เป็นอาชีพหรือเพื่อ หารายได้ จะมีดนตรีหรือการขับร้อง หรือการฟ้อนรำ ประกอบก็ได้ การละเล่นพื้นเมือง แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1.การแสดงพื้นเมือง 2.เพลงพื้นเมือง การแสดงพื้นเมือง / การละเล่นพื้นเมือง


• การแสดงพื้นเมือง หมายถึง การละเล่นที่มีการแสดง การร่ายรำ มี เพลงดนตรีประกอบ ที่ได้วางเป็นแบบแผน และนิยมเล่นหรือถ่ายทอด สืบต่อกันมาจนแพร่หลาย การแสดงพื้นเมือง อาจเกิดจากการบูชา บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น ขอให้สิ่งที่ตนนับถือประทานสิ่งที่ตน ปรารถนา หรือขจัดปัดเป่าสิ่งที่ไม่ปรารถนา นอกจากนี้ ก็เป็นการแสดง เพื่อความบันเทิงรื่นเริง • เพลงพื้นเมือง หมายถึง เพลงที่ชาวบ้านในท้องถิ่นนั้น ๆ ประดิษฐ์ แบบแผนการร้องเพลง ไปตามความนิยม และสำ เนียงภาษาพูดในท้อง ถิ่นของตน นิยมร้องเล่นกันในเทศกาลหรืองานที่มีการชุมนุมรื่นเริง เช่น ตรุษ สงกรานต์ ขึ้นปีใหม่ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า และในการลงแขกเกี่ยว ข้าว นวดข้าว เป็นการเล่นที่สืบต่อกันมา เนื้อความของเพลงพื้นเมืองที่นิยมร้องกัน มักจะเป็นการเกี้ยว พาราสีระหว่างชายหญิง ปะทะคารมกัน ในด้านสำ นวนโวหาร สิ่งสำ คัญ ของการร้องคือ การด้นกลอนสด ร้องแก้กันด้วยปฏิภาณไหวพริบ ทำ ให้ เกิดความสนุกสนานทั้งสองฝ่า


ภาคกลางมีภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำ หลายสาย เหมาะ แก่การกสิกรรม ทำ นา ทำ สวน ประชาชนอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ จึงมี การเล่นรื่นเริงในโอกาสต่าง ๆ มากมาย ทั้งตามฤดูกาล ตามเทศกาล และตามโอกาสที่มีงานรื่นเริง ภาคกลางเป็นที่รวมของศิลปวัฒนธรรม การแสดงจึงมีการ ถ่ายทอดสืบต่อกัน และพัฒนาดัดแปลงขึ้นเรื่อยๆ จนบางอย่างกลาย เป็นการแสดงนาฏศิลป์แบบฉบับไปก็มี เช่น รำ วง และเนื่องจากเป็น ที่รวมของศิลปะนี้เอง ทำ ให้คนภาคกลางรับการแสดงของท้องถิ่นใกล้ เคียงเข้าไว้หมด แล้วปรุงแต่งตามเอกลักษณ์ของภาคกลาง คือการร่าย รำ ที่ใช้มือ แขนและลำ ตัว เช่นการจีบมือ ม้วนมือ ตั้งวง การอ่อนเอียง และยักตัว ภาคกลาง เป็นศิลปะการรำ และการละเล่นของชนชาวพื้นบ้านภาคกลาง ซึ่งส่วน ใหญ่มีอาชีพเกี่ยวกับเกษตรกรรม ศิปะการแสดงจึงมีความสอดคล้องกับ วิถีชีวิตและเพื่อความบันเทิงสนุกสนาน เป็นการพักผ่อนหย่อนใจจากการ ทำ งาน หรือเมื่อเสร็จจากเทศกาลฤดูเก็บเกี่ยว เช่น การเล่นเพลงเกี่ยวข้าว เต้นกำ รำ เคียว รำ โทนหรือรำ วง รำ เถิดเทิง หรือรำ กลองยาว เป็นต้น มีการ แต่งกาย ตามวัฒนธรรมของท้องถิ่น และใช้เครื่องดนตรีพื้นบ้าน เช่น กลองยาว กลองโทน ฉิ่ง ฉาบ กรับ และโหม่ง การละเล่นพื้นเมืองภาคกลาง


• การแสดงพื้นเมืองภาคกลาง ได้แก่ รำ วง รำ เหย่ย เต้นกำ รำ เคียว เพลงเกี่ยวข้าว รำ ชาวนา เพลงเรือ เถิดเทิง เพลงฉ่อย รำ ต้นวรเชษฐ์ เพลงพวงมาลัย เพลงอีแซว เพลงปรบไก่ รำ แม่ศรี • ดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง ได้แก่ วงปี่พาทย์ • เพลงพื้นเมืองภาคกลาง เช่น เพลงเหย่อย เพลงเทพทอง เพลง ฉ่อย เพลงอีแซว เพลงเรือ เพลงเกี่ยวข้าว เพลงสงฟาง เพลงพิษฐาน เพลง เต้นกำ เพลงรำ เคียว เพลงพวงมาลัย เพลงชาวไร่ เพลงระบำ เพลงบ้านนา เพลงปรบไก่ เพลงสวรรค์ เพลงแอ่วซอ เพลงพื้นเมืองบางอย่างได้วิวัฒนาการมาเป็นการแสดงที่มีศิลปะ มี ระเบียบแบบแผน เช่น เพลงทรงเครื่อง คือ เพลงฉ่อย ที่แสดงเป็นเรื่อง ได้แก่ เรื่องขุนช้างขุนแผน หรือเรื่องที่แต่งขึ้นมาใหม่ ลักษณะการแสดง เริ่มด้วยการไหว้ครู แล้ว่าประ แก้กันอย่างเพลงฉ่อยตาม ประเพณี แล้วก็แสดงเป็นเรื่องอย่างละคร ร้องดำ เนินเรื่องด้วยเพลงฉ่อย และเพลงอื่นแทรกบ้าง ใฃ้วงปี่พาทย์รับการร้องส่งบ้างหรือบรรเลงเพลงหน้า พาทย์ประกอบกิริยาของตัวละครบ้าง


ประวัติความเป็นมาของการเล่น เพลงเต้นกำ รำ เคียว การแสดงเต้นกำ รำ เคียว เป็นการละเล่นพื้นเมืองที่เก่าแก่แบบ หนึ่งของชาวชนบทในภาคกลางของไทย แถบจังหวัดนครสวรรค์ ที่ อำ เภอพยุหะคีรี ซึ่งแต่เดิมประชาชนส่วนมากยึดอาชีพการทำ นาเป็น หลักและด้วยนิสัยรักสนุก ประกอบกับการเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน ของไทยด้วย จึงได้เกิดการเต้นกำ รำ เคียวขึ้น ซึ่งในเนื้อเพลงแต่ละ ตอนจะสะท้อนให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านอย่าง ชัดเจน ลักษณะการรำ ไม่อ่อนช้อยเช่นการรำ ไทยทั่ว ๆ ไป จะถือเอาความ สนุกเป็นใหญ่ จะมีทั้ง “เต้น” และ “รำ ” ควบคู่กันไป ส่วนมือทั้งสอง ของผู้รำ ข้างหนึ่งจะถือเคียว อีกข้างหนึ่งถือต้นข้าวที่เกี่ยวแล้ว จึงได้ชื่อ ว่า “ เต้นกำ รำ เคียว” จะแบ่งผู้เล่นเป็น 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายชายและฝ่ายหญิง สำ หรับ ฝ่ายชายเรียกว่า “พ่อเพลง” ฝ่ายหญิงจะเรียกว่า “แม่เพลง” เริ่ม ด้วยพ่อเพลงร้องชักชวนแม่เพลงให้ออกมาเต้นกำ รำ เคียวโดยร้อง เพลงและเต้น ออกไปรำ ล่อฝ่ายหญิง และแม่เพลงก็ร้องและรำ แก้กัน ไป ซึ่งพ่อเพลงนี้อาจเปลี่ยนไปหลายๆ คน ช่วยกันร้องจนกว่าจะจบ เพลง ส่วนผู้ที่ไม่ได้เป็นพ่อเพลงแม่ก็ต้องเป็น “ลูกคู่” ปรบมือและ ร้องเฮ้ เฮ้วให้จังหวะ ลักษณะการแสดง


โอกาสที่ใช้แสดง การแต่งกาย การเต้นกำ รำ เคียวจะเล่นกันในฤดูเกี่ยวข้าว ซึ่งเมื่อถึงฤดูเกี่ยวข้าว ชาวนามักมีการเอาแรงกันโดยต่างฝ่ายต่างไปช่วยกัน เกี่ยวข้าวจะไม่มี การว่าจ้างกัน ขณะที่มีการเกี่ยวข้าวนั้น เขามักจะมีการร้องเพลงเกี่ยวข้าว กันไปด้วย โดยร้องแก้กันระหว่างฝ่ายชายและฝ่ายหญิง และเมื่อหยุด พักการเกี่ยวข้าว ประมาณตะวันบ่ายคล้อยแล้วการเต้นกำ รำ เคียวจึงเริ่ม เล่น ฝ่ายชายจะนุ่งกางเกงขาก๊วยและเสื้อกุยเฮงสีดำ มีผ้าขาวม้าคาด พุง สวมงอบและไม่สวมรองเท้า ฝ่ายหญิงจะนุ่งโจงกระเบนและเสื้อแขน กระบอกสีดำ ทั้งชุดเช่นกัน ทัดดอกไม้ที่หูขวาและไม่สวมรองเท้าผู้แสดง ทุกคนต้องถือเคียวในมือขวาและถือ รวงข้าวในมือซ้ายด้วย


ดนตรีที่ใช้ในการแสดง สถานที่แสดง จำ นวนผู้เเสดง ตามแบบฉบับของชาวบ้านเดิม ไม่มีดนตรีประกอบเพียงแต่ลูกคู่ ทุกคนจะตบมือและร้องเฮ้ เฮ้วให้จังหวะ แต่เมื่อกรมศิลปากรนำ ไป ดัดแปลง ก็ใช้ระนาดเป็นเสียงดนตรีประกอบในท่าเดินเข้า-ออก เดิมแสดงกลางแจ้งบริเวณท้องนาที่เกี่ยวข้าวกันปัจจุบันมีผู้สนใจ การแสดงชนิดนี้มากขึ้นจึงนำ มาแสดงบนเวที ชายหญิงจับคู่กันเล่นเป็นคู่ ซึ่งเดิมนั้นไม่จำ กัดคู่ผู้เล่น แต่ กรมศิลปากรได้จำ กัดผู้เล่นเพียง 5 คู่ เพื่อให้ครบทำ นองและเนื้อ เพลงที่เล่นและไม่เต็มเวที


บทร้องเพลงเต้นกำ รำ เคียว เพลงมา ชาย : มา กันเถิดนางเอย (กรู้...) เอ๋ยรา แม่มา มารึมา แม่มา (ซ้ำ ) มาเถิดแม่นุช น้อง พี่จะเป็นฆ้องให้น้อง เป็นปี่ ต้อยตะริดติ๊ดตอด น้ำ แห้งน้ำ หยอดที่ตรงลิ้นปี่ มาเถิดนะแม่มามารึมาแม่มา มาเต้นกำ ย่ำ หญ้ากันใน นานี้เอย (ลูกคู่รับท้าย) หญิง : มากันเถิดนายเอย (กรู้...) เอ๋ยรา พ่อมา มารึมาพ่อมา ฝนกระจายปลายนา แล้วน้องจะ มาอย่างไรเอย (ลูกคู่รับท้าย) เพลงไป ชาย : ไปกันเถิดนางเอย (กรู้...) เอ๋ยรา แม่ไป ไปรึไปแม่ไป ไปชมนกกันที่ในป่า ไปชมพฤกษากันที่ในไพร ไปชม ชะนีผีไพร กันเล่นที่ในดงเอย (ลูกคู่รับท้าย) หญิง : ไปกันเถิดนายเอย(กรู้...) เอ๋ยรา พ่อไป ไปรึไปพ่อไป น้องเดินขยิกจิก ไหล่ตามก้นพี่ชายไปเอย(ลูกคู่ รับท้าย) เพลงเดิน ชาย : เดิน กันเถิดนางเอย(กรู้...) เอ๋ยรา แม่เดิน เดินรึเดิน แม่เดิน ย่างเท้าขึ้นโคก เสียงนกโพระดกมันร้องเกริ่น(ซ้ำ )จะชวนหมู่น้องไปท้องพะเนิน ชมเล่นให้เพลินใจ เอย (ลูกคู่ รับท้าย) หญิง : เดินกันเถิดนายเอย(กรู้...) เอ๋ยรา พ่อเดิน เดินรึเดิน พ่อเดิน หนทางก็รกระ หกระเหิน แล้วน้องจะเดินอย่างไรเอย(ลูกคู่ รับท้าย) เพลงรำ ชาย : รำ กันเถิดนางเอย(กรู้...) เอ๋ยรา แม่รำ รำ รึรำ แม่รำ ใส่เสื้อเนื้อดีแม่ห่มแต่ สีดอกขำ (ซ้ำ ) น้อยหรือแน่แม่ช่างรำ แม่เชื้อระบำ เก่าเอย(ลูกคู่ รับท้าย) หญิง : รำ กันเถิดนายเอย (กรู้...) เอ๋ยรา พ่อรำ รำ รึรำ พ่อรำ มหาหงส์ลงต่ำ ต่าง คนต่างรำ ไปเอย


เพลงร่อน ชาย : ร่อน กันเถิดนางเอย(กรู้...) เอ๋ยรา แม่ร่อน ร่อนรึร่อน แม่ร่อน (ชะฉ่า ชะฉ่า ชา ชา ๆ ๆ) ร่อนหรือร่อนแม่ร่อน รูปร่างเหมือนนางระบำ แม่เอ๋ยช่างรำ แม่คุณ ช่างร่อน(ซ้ำ ...รูปร่าง) อ้อนแอ้นแขนอ่อนรูปร่างเหมือนมอญรำ เอย(ลูกคู่ รับท้าย) หญิง : ร่อนกันเถิดนายเอย (กรู้...) เอ๋ยรา พ่อร่อน ร่อนรึร่อน พ่อร่อน สีนวลอ่อน อ่อนร่อน แต่ลมบนเอย(ลูกคู่ รับท้าย) เพลงบิน ชาย : บิน กันเถิดนางเอย (กรู้...) เอ๋ยรา แม่บิน บินรึบิน แม่บิน สองตีนกระทืบ ดินใคร เลยจะบินไปได้อย่างเจ้า (ซ้ำ ...สองตีน) ใส่งอบขาว ๆ รำ กันงามเอย (ลูกคู่ รับท้าย) หญิง : บินกันเถิดนายเอย (กรู้...) เอ๋ยรา พ่อบิน บินรึบิน พ่อบิน มหาหงส์ทรง ศีลบินไปตามลมเอย(ลูกคู่ รับท้าย) เพลงยัก ชาย : ยัก กันเถิดนางเอย (กรู้...) เอ๋ยรา แม่ยัก ยักรึยัก แม่ยัก (เอาวา โจ๊ะ ติง ติงทั่ง ติง ติง ๆ ๆ วัวขี่ควาย กระต่ายขี่ลิง) ยักรึยัก แม่ยัก ยักตื้นติดกึก เอาละว่า ยักลึกติดกัก ยักตื้นยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก หงส์ทองน้องรักยักให้หมดวงเอย (ลูกคู่ รับท้าย) หญิง : ยักกันเถิดนายเอย (กรู้...) เอ๋ยรา พ่อยัก ยักรึยัก พ่อยัก อย่าเข้ามาใกล้ น้องนักจะโดนเคียวควักตาเอย (ลูกคู่ รับท้าย) เพลงย่อง ชาย : ย่อง กันเถิดนางเอย (กรู้...) เอ๋ยรา แม่ย่อง ย่องรึย่อง แม่ย่อง บุกดงอะไร แกรก แกรกสองมือก็แหวกนัยน์ตาก็มอง บุกดงอะไร แกรก แกรกสองมือก็ แหวกนัยน์ตาก็มองพบฝูงอีก้อง พวกเราก็ย่องยิงเอย (ลูกคู่ รับท้าย) หญิง : ย่องกันเถิดนายเอย (กรู้...) เอ๋ยรา พ่อย่อง ย่องรึย่อง พ่อย่อง ฝูงละมั่ง กวางทองย่อง มากินถั่วเอย (ลูกคู่ รับท้าย)


เพลงเเถ เพลงถอง ชาย : แถกันเถิดนางเอย (กรู้...) เอ๋ยรา แม่แถ แถรึแถ แม่แถ จะลงที่หนองไหน พี่จะไปหนองนั้นแน่ (ซ้ำ ..จะลง) นกกระสา ปลากระแห แถให้ติดดินเอย (ลูกคู่ รับท้าย) หญิง : แถกันเถิดนายเอย (กรู้...) เอ๋ยรา พ่อแถ แถรึแถ พ่อแถ นกกระสา ปลากระแห แถมาลงหนองเอย (ลูกคู่ รับท้าย) เพลงย่าง ชาย : ย่างกันเถิดนางเอย (กรู้...) เอ๋ยรา แม่ย่าง ย่างรึย่าง แม่ย่าง ย่าง เถิด ย่างเถิด แม่ย่างย่าง รึย่างแม่ย่าง เจอะเสือพี่ก็จะยิง เจอะกระทิงพี่ก็ จะย่าง เจอะเสือพี่ก็จะยิง เจอะกระทิง พี่ก็จะย่าง ไม่ว่าเนื้อเสือเนื้อช้างย่าง มาฝากน้อยเอย (ลูกคู่ รับท้าย) หญิง : ย่างกันเถิดนายเอย (กรู้...) เอ๋ยรา พ่อย่าง ย่างรึย่าง พ่อย่าง ไม่ว่าเนื้อเสือ เนื้อช้างย่างไปฝากเมียเอย (ลูกคู่ รับท้าย) ชาย : ถองกันเถิดนางเอย (กรู้...) เอ๋ยรา แม่ถอง ถองรึถอง แม่ถอง ถองเถิด ถองเถิด แม่ถอง ถองรึถอง แม่ถอง ค่อยขยับจับจ้อง ถองให้ถูกนางเอย (ลูกคู่ รับท้าย) หญิง : ถองกันเถิดนายเอย (กรู้...) เอ๋ยรา พ่อถอง ถองรึถอง พ่อถอง (ชะฉ่า ชะฉ่า ชา ชา ๆ ๆ) ถองรึถอง พ่อถองกล้าดีก็เข้ามาลอง จะโดนกระบองตีเอย (ลูกคู่ รับท้าย


อ้างอิง ที่มา : http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge _detail.php?mul_content_id=388&mul_source_id= ที่มา : http://www.silpathai.com


Click to View FlipBook Version