Physics : Electromagnetism By P’Nut
แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ (Electromagnetism)
1. แม่เหลก็ และสนามแม่เหล็ก (Magnet and Magnetic Field)
แม่เหล็ก (Magnet) คือ วัตถุที่สามารถออกแรงดงึ ดูดเหล็กได้ และสารที่แม่เหล็กส่งแรงกระทำเรียกวา่
สารแม่เหล็ก (Magnetic Substance) ถ้าทำการทดลองโดยนำแม่เหล็กไปวางไว้ในบริเวณที่มีผงตะใบเหล็กจะ
พบว่าบริเวณปลายแม่เหล็กทั้งสองด้านจะมผี งตะใบเหล็กหนาแน่น เรียกว่า ขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole) และ
สงั เกตผงตะใบเหล็กโดยรอบจะพบว่าผงตะใบเหลก็ มีการเรียงตัวเปน็ เส้นอันเนอื่ งจากถกู แม่เหล็กออกแรงกระทำ
เรียกบรเิ วณนั้นวา่ สนามแมเ่ หล็ก (Magnetic Field)
ขอ้ ควรจำ !!! สนามแมเ่ หลก็ จะมที ศิ พงุ่ ออกจากขว้ั เหนอื และพงุ่ เขา้ ขวั้ ใต้
EX1. จงเขียนทศิ ทางของสนามแม่เหล็กเมอื่ วางแมเ่ หล็กในลกั ษณะต่าง ๆ ดงั น้ี
NS NS SN NS
NS
SN
Physics : Electromagnetism By P’Nut
2.ฟลักซ์แมเ่ หลก็ และความเข้มของสนามแมเ่ หลก็ (Flux and Magnetic Field)
ฟลักซแ์ มเ่ หลก็ (Magnetic Flux ; ∅) คือจำนวนเสน้ แรงแม่เหลก็ ทท่ี ะลผุ า่ น
พื้นผิวหนึ่งในแนวต้งั ฉากกบั ผิวนนั้ มหี นว่ ยเปน็ เวเบอร์ (Wb)
B= = BAsin
A
ความเขม้ ของสนามแมเ่ หลก็ (Magnetic Field ; B) คอื จำนวนเสน้ แรงแมเ่ หลก็
หรือฟลักซ์แม่เหลก็ ต่อพนื้ ที่ ๆ หน่ึง มีหนว่ ยเป็น เวเบอร์ตอ่ ตารางเมตร
(Wb/m2) หรือ เทสลา (T)
EX2. จากการวัดฟลักซ์แม่เหล็กที่ตกกระทบ EX3. ปล่อยสนามแม่เหล็กสม่ำเสมอขนาด 4 T
พื้นที่ 4 ตารางเมตร ในแนวตั้งฉากได้ 20 Wb ลงบนพื้นผิววงกลมทีม่ ีรัศมี 7 cm ในแนวทำมมุ
สนามแม่เหลก็ บนพืน้ ท่นี ี้มคี ่าเท่าใด 30o กับพื้นท่ีผวิ จงหาฟลกั ซ์แม่เหลก็
_______________________________________ _______________________________________
_______________________________________ _______________________________________
_______________________________________ _______________________________________
_______________________________________ _______________________________________
EX4. เมื่อมีสนามแม่เหล็กขนาด 410−2 T พุ่ง
ลงบนโลหะที่เหลี่ยมกว้าง 50 cm ยาว 60 cm _______________________________________
ในแนวทำมุม 60o กับแนวดิ่ง จงหาฟลักซ์ _______________________________________
แม่เหล็กที่ผ่านโต๊ะตัวน้มี ีค่าเทา่ ใด
_______________________________________
_______________________________________
_______________________________________
Physics : Electromagnetism By P’Nut
3. แรงทส่ี นามแมเ่ หลก็ กระทำตอ่ ประจไุ ฟฟา้
อนุภาคทม่ี ีประจุ +q เคลื่อนทดี่ ้วยความเรว็ v เขา้ ไปในสนามแมเ่ หลก็ ที่มคี วามเขม้ ⃑ จะทำให้เกดิ แรง
กระทำตอ่ ประจนุ น้ั ด้วย สามารถหาแรงได้ดงั น้ี โดยทศิ ทางของแรงเปน็ ไปตาม กฏมอื ขวา
V
F = qV B F = qVBsin
กรณีประจเุ คลื่อนทตี่ ั้งฉากกบั สนามแมเ่ หลก็ (θ = 90°)
เมอื่ ประจไุ ฟฟา้ เคล่ือนทตี่ งั้ ฉากกับสนามแมเ่ หล็ก จะได้ว่าแรงแม่เหล็กท่ีกระทำตอ่ ประจจุ ะต้งั
ฉากกับความเรว็ ของประจตุ ลอดเวลาทำใหป้ ระจมุ กี ารเคลอื่ นแบบเปน็ วงกลม
R = mv
qB
EX5. จงหาทิศทางการเคลือ่ นท่ขี องประจเุ มอื่ เคลื่อนท่เี ขา้ บรเิ วณท่ีมสี นามแม่เหล็กทศิ ทางที่กำหนด
สนามแมเ่ หล็กพ่งุ ออกจากกระดาษ สนามแม่เหลก็ พงุ่ เข้าหากระดาษ
Physics : Electromagnetism By P’Nut
EX5. จงหาทิศทางการเคลือ่ นทขี่ องประจุเมอ่ื เคล่อื นทเ่ี ขา้ บริเวณทมี่ สี นามแม่เหล็กทศิ ทางที่กำหนด
สนามแมเ่ หลก็ ทิศขนึ้ ดา้ นบนกระดาษ สนามแมเ่ หลก็ ทศิ ลงดา้ นลา่ งกระดาษ
EX6. อเิ ลก็ ตรอนตัวหนึ่งว่ิงดว้ ยความเรว็ 106 m/s เข้าไปในทิศทางท่ตี งั้ ฉากกบั สนามแมเ่ หล็ก
สมำ่ เสมอ 0.2 เทสลา ถ้าอิเล็กตรอนมีประจุ 1.6 x 10-19 C แลtมีมวล 9 x 10-31 Kg
6.1 แรงแม่เหลก็ ท่ีกระทำต่อประจุ 6.2 รัศมคี วามโค้งของการเคล่ือนทปี่ ระจุ
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
EX7. โปรตอนตัวหนึง่ เข้ามาในสนามแม่เหล็กขนาด 1.5 T ด้วยความเร็ว 2 x 107 m/s โปรตอนเปน็
อนุภาคมีประจุไฟฟ้า 1.6 x 10-19 C มีมวล 1.6 x 10-27 Kg ถ้าโปรตอนเคลื่อนที่ทํามุม 30 องศากับ
สนามแม่เหลก็
7.1 แรงแมเ่ หลก็ ทก่ี ระทำตอ่ โปรตอน 7.2 รัศมีความโคง้ ของการเคลอ่ื นท่ีของโปรตอน
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
Physics : Electromagnetism By P’Nut
4. แรงทก่ี ระทำตอ่ ลวดตวั นำทมี่ กี ระแสไหลผา่ นและอยใู่ นสนามแมเ่ หลก็
เมอื่ ปลอ่ ยกระแสไฟฟ้าเขา้ ไปในลวดตัวนำซึ่งลวดนั้นวางในบริเวณท่มี ีสนามแม่เหล็ก จะพบวา่
มแี รงกระทำตอ่ เส้นลวดตัวนำนนั้ ซง่ึ ทศิ ทางของแรงเป็นไปตามกฎมอื ขวา
= × ⃑
=
EX8. จงหาทิศทางการเคลอ่ื นท่ขี องประจุเมอ่ื เคลื่อนทเี่ ข้าบรเิ วณทีม่ สี นามแม่เหล็กทศิ ทางท่กี ำหนด
สนามแม่เหล็กพงุ่ เข้ากระดาษ สนามแม่เหลก็ ทิศพุ่งข้นึ ดา้ นบนกระดาษ
EX9. ลวดตัวนำเส้นหนึ่งยาว 0.5 m วางอยู่ EX10. เสน้ ลวดตัวนำยาว 60 cm มีกระแสไฟฟ้า
บริเวณที่มีสนามแม่เหล็กสม่ำเสมอ 1.0 T ไหลผ่านเสน้ ลวดนี้ขนาด 10 A โดยเส้นลวดวาง
จากนั้นปล่อยกระแสไฟฟ้าขนาด 1 A เข้าไปใน ทำมุม 30o กับทิศของสนามแม่เหล็กขนาด 1.5
เส้นลวด จงหาขนาดของแรงที่กระทำต่อเส้น เทสลา จงหาขนาดของแรงท่ีกระ ทำ ต่อ
ลวด ถ้าวางลวดในแนวตั้งฉากกบั สนามแมเ่ หลก็ เสน้ ลวดตวั นำ
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
Physics : Electromagnetism By P’Nut
EX11. ถ้าต้องกำรให้เส้นลวดตัวนำยาว 20 cm
มวล 0.1 Kg ลอยนิ่งอยู่ใน สนามแม่เหล็กที่มี ______________________________
ขนาด 1.0 T และมที ศิ ทาง ดงั ในรูป จะตอ้ งปลอ่ ย ______________________________
กระแสไฟฟา้ เข้าไปยงั ขดลวดเทา่ ใด และทิศทาง
______________________________
ใดจึงจะทำให้เส้นลวดลอยน่งิ
______________________________
______________________________
______________________________
การประยกุ ต์ : มอเตอรไ์ ฟฟา้
มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนจากพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล มีหลักการทำงานคือ
ปล่อยกระสไฟฟ้าเข้าไปในขวดลวดท่ีอยู่ในบรเิ วณท่ีมสี นามแมเ่ หล็ก จากนั้นจะมีแรงแม่เหลก็ กระทำ
ตอ่ ขดลวดและทำให้ขดลวดเกิดการหมุน
โมเมนตข์ องแรงคู่ควบคำนวณไดจ้ าก =
EX12. ขดลวดมีพื้นที่ 24 cm2 ขดไว้จำนวน 25 ______________________________
รอบ วางไวอ้ ยู่ในสนามแม่เหลก็ ขนาด 2 T โดย ______________________________
______________________________
วางขนานกับแนวของสนามแม่เหลก็ จงหา ______________________________
โมเมนตข์ องแรงคู่ควบ ______________________________
Physics : Electromagnetism By P’Nut
5. สนามแมเ่ หลก็ เนอ่ื งจากการไหลของกระแสไฟฟา้
เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าไปยังเส้นลวดตัวนำจะทำให้เกิดสนามแม่เหล็ก ซึ่งสามารถทำการ
ทดลองได้โดยนำเขม็ ทิศไปวางไว้รอบ ๆ ลวดตัวนำ ซึ่งเขม็ ทิศจะแสดงทศิ ทางของสนามแม่เหล็ก หรือ
จากกฎของมอื ขวา
สนามแม่เหลก็ ท่เี กิดจากการไหลของกระแสคำนวณไดจ้ าก = 2 × 10−7
EX12. ลวดตัวนำยาว 1 m มกี ระแสไหลในลวด EX13. ลวดตวั นำยาว 0.5 m มกี ระแสไฟฟา้ ไหล
ตัวนำ 5 A อยากทราบว่า ณ ตำแหนง่ ที่ห่างจาก ผา่ นและสามารถวดั ความเขม้ ของสนามไฟฟ้า ณ
ลวดตวั นำ 10 cm จะมคี ่าสนามไฟฟา้ เทา่ ใด ตำแหนง่ ท่อี ยหู่ ่างจากลวด 5 cm ได้เท่ากับ 2 x
10-6 T จงหากระแสในลวดน้ี
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
แรงระหวา่ งลวดคขู่ นานทม่ี กี ระแสไหลผา่ น
Physics : Electromagnetism By P’Nut
กรณกี ระแสไหลทางเดยี วกนั
กรณกี ระแสไหลสวนทางกนั
6. การเหน่ียวนำทางแมเ่ หล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Induction)
ถ้าทดลองโดยการนำขดลวดต่อเข้ากับแอมป์มิเตอร์ดังรปู และนำแท่งแม่เหลก็ เคลื่อนทีไ่ ปมา
ใกลๆ้ ปรากรฏว่า เข็มทแ่ี สดงบนแอมปม์ ิเตอรน์ ั้นเกดิ การเบนข้นึ ซึง่ แสดงวา่ เกดิ ไฟฟา้ เกดิ ข้ึนจากการ
เคลอ่ื นทีข่ องแมเ่ หลก็ เรียกวา่ กระแสเหน่ยี วนำและเกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนย่ี วนำ
Physics : Electromagnetism By P’Nut
กฎของฟาราเดย์ “ถา้ มฟี ลกี ซแ์ มเ่ หลก็ ที่มีคา่ เปลย่ี นแปลงผา่ นขดลวดตัวนำ จะมแี รงเคลอื่ นไฟฟ้า
เหนย่ี วนำเกิดข้ึนในขดลวดตวั นำนัน้ ”
กฎของเลนส์ (Lenz’s Law) “แรงเคล่อื นไฟฟา้ เหน่ยี วนำในขดลวดจะทำให้เกิดกระแสไฟฟา้
เหนี่ยวนำในทศิ ทจ่ี ะทำใหเ้ กดิ ฟลกั ซ์แมเ่ หล็กใหมข่ น้ึ มาต้านการเปลีย่ นแปลงของฟลักซแ์ ม่เหล็กเดิมที่
ตดั ผ่านขดลวดนน้ั ”
EX12. ในการทดลองงสงั เกตกระไฟฟ้า
เหน่ยี วนำตามกฎของเลนส์ ถา้ ทดลองโดยการ
เคลื่อนที่แทง่ แม่เหล็กขวั้ ใต้ ซึ่งเดิมอยูภ่ ายในวง
ของลดลวดให้เคลอ่ื นทอี่ อกจากขวดลวด จงวาด
ภาพการทดลองแสดงให้เห็นกระแสเหนย่ี วนำ
Physics : Electromagnetism By P’Nut
EX13. จงหาทศิ ทางของกระแสไฟฟา้ เหน่ยี วนำต่อไปน้ี
NS
เคร่ืองกำเนิดไฟฟา้ (Generator) การทำงานของเคร่ืองกำเนิดไฟฟา้ หรือ ไดนาโม เป็นการ
นำกฎของฟาราเดย์และเลนซ์มาประยกุ ต์ใช้งาน โดยทำให้แมเ่ หล็กเคล่ือนที่ตัดผ่านกับขวดลวด จึงจำ
ใหเ้ กดิ ประจุภายในขดลวดเกดิ การเคลอื่ นท่ีและเกิดกระแสไฟฟ้าเหนีย่ วนำข้ึน
DC Generator AC Generator
กราฟแรงเคลอื่ นไฟฟา้ เหนยี่ วนำจาก AC Generator
Physics : Electromagnetism By P’Nut
เครอื่ งกำเนดิ ไฟฟา้ ชนดิ 3 เฟส
ความแตกตา่ งระหวา่ งไฟฟา้ กระแสตรงและไฟฟ้ากระแสสลบั
_______________________________________________________________
_______________________________________________________________
ข้อดีของไฟฟ้ากระแสสลบั
_______________________________________________________________
_______________________________________________________________
ระบบสง่ กำลงั ไฟฟา้ และจำหนา่ ยกำลงั ไฟฟา้
Physics : Electromagnetism By P’Nut
7. หม้อแปลงไฟฟา้ (Transformer)
หม้อแปลงเป็นอุปกรณ์ทางไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่ใช้สำหรับแปลงความต่างศักย์ไฟฟ้าให้สูงขน้ึ
หรอื ตำ่ ลง สว่ นประกอบหลักมขี ดลวดปฐมภมู ิ (Primary Coil) ขดลวดทุตยิ ภูมิ (Secondary Coil) และ
แกนเหลก็ ทำงานโดยใชค้ วามสัมพันธ์กันระหวา่ งการเกดิ สนามแม่เหล็กและกระแสไฟฟ้า
Flux Change Induced
Secondary coil
Primary Coil (Input) Secondary Coil
(Output)
❖ แปลงขน้ึ จำนวนรอบของลวดทุติยภมู มิ ากกว่าลวดปฐมภมู ิ
❖ แปลงลง จำนวนรอบของลวดปฐมภูมมิ ากกวา่ ลวดทตุ ยิ ภูมิ
V1 = N1 ประสิทธภิ าพ (Eff) = P2 100 % = I2V2 100%
V2 N 2
P1 I1V1
EX14. หม้อแปลงเครื่องหนึ่งประกอบด้วย EX15. หม้อแปลงเครื่องหนึ่งสามารถแปลง
ขดลวดปฐมภูมิ ทพ่ี ันแกนเหล็กจำนวน 100 รอบ ไฟฟ้าท่ีมคี วามต่างศกั ย์ 1,000 V ใหเ้ หลือ 200 V
และมีจำนวนขดลวดทุติยภูมิพันที่แกนเหล็ก โดยหม้อแปลงนี้สร้างโดยมีขดลวดปฐมภิที่พัน
จำนวน 200 รอบ จงหาว่า ถ้ามีกระแสไฟฟา้ ที่มี รอบแกนเหล็ก จำนวน 500 รอบ จงหาจำนวน
ความต่างศักย์ 400 V เข้ามาแปลงที่หม้อแปลง รอบที่ลวดทุติยภูมิพันอยู่ในแกนของเหล็ก
นี้ จะไดก้ ระแสไฟทม่ี คี วามต่างศักยเ์ ท่าใด ภายในหม้อแปลงนี้
______________________________ ______________________________
______________________________ __________________________________
______________________________ __________________________________
______________________________ __________________________________
______________________________ __________________________________
Physics : Electromagnetism By P’Nut
8. ไฟฟา้ กระแสสลบั (Alternating current)
ไฟฟ้ากระแสสลบั เปน็ กระแสไฟฟา้ ท่เี กดิ จากการเคลือ่ นที่ของอเิ ล็กตรอนจากแหลง่ จ่ายไฟไป
ยังอุปกรณ์ไฟฟ้าใด ๆ โดยมีการเคลื่อนที่กลับไปกลับมา ทำให้ทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้าก็จะ
เปลย่ี นสลบั ไปมาจากบวก-ลบ และจากลบ-บวก อย่ตู ลอดเวลา
= sin( ) = sin( )
ไฟฟ้ากระแสสลับในประเทศไทย : __________________________________________
9. คา่ สงู สดุ และคา่ ยงั ผล (Max and RMS)
ไฟฟา้ กระแสสลับจะมคี คา่ แรงดันไฟฟ้าและค่าของกระแสมกี ารสลบั ไปมา แต่จะมีจดุ ยอดเป็น
ชว่ ง ๆ เรียกวา่ คา่ สูงสุด ( Im หรอื Vm ) และค่ากระแสเฉลี่ยเทา่ กบั ศนู ยซ์ ึ่งไมม่ ีความหมายทางฟ้า แต่
จะมีค่าเฉลี่ยชนิดหนึ่งที่เรียกว่าค่ารากที่สองของกำลังสองเฉลี่ย (root-mean-square) ซึ่งเป็นค่าที่
อา่ นได้จากมเิ ตอร์ความสัมพนั ธ์ดงั นี้
=
√2
=
√2
Physics : Electromagnetism By P’Nut
EX17. เครอ่ื งกำ เนดิ ไฟฟ้ากระแสสลับผลิตกระแสไฟฟา้ ได้สูงสดุ 20 A ความต่างศกั ย์สงู สุด 300 V
ความถีก่ ระแสไฟฟ้า 50 Hz จงหากระแสไฟฟ้า ณ เวลา 1/600 s หลงั จากเปิดเครื่อง
17.1 ปรมิ าณทีเ่ กีย่ วข้อง 17.2 กระสไฟฟา้ และความต่างศกั ย์
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
EX18. ในวงจรไฟฟา้ กระแสสลบั ถ้าความสมั พนั ธข์ องความต่างศกั ย์ของแหล่งกําเนดิ แปรกับเวลา
t ใด ๆ ตามความสมั พันธ์ = 20 sin 100 V จงหาค่า
18.1 เมอ่ื นำโวลตม์ เิ ตอรม์ าวดั ความตา่ งศักย์ 18.2 ความถี่
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
EX19. โวลต์มเิ ตอรต์ วั หน่ึงอ่านคา่ ความตา่ งศกั ย์ EX20. แหล่งจ่ายไฟฟ้ากระแสสลับวัดความตา่ ง
ของไฟบา้ นซ่ึงเปน็ ไฟฟา้ กระแสสลบั 50 Hz ได้ ศักย์และกระแสไฟฟ้าโดยใช้มัลติมิเตอร์ได้ 0.5
200 V ถา้ V เป็นคา่ ความต่างศักย์ระหว่างคสู่ าย A และ 220 V ตามลำดับ จงหาความต่างศักย์
ท่เี วลา t ใด ๆ หาความสมั พนั ธ์ระหว่าง V และ t และกระแสสงู สดุ ของแหล่งจ่ายไฟฟ้านี้
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
Physics : Electromagnetism By P’Nut
10. อุปกรณ์ทางไฟฟา้ ในวงจรกระแสสลับ RLC
ตวั ตา้ นทาน (Resistor) ตวั เกบ็ ประจุ (Capacitor) ตวั เหนยี่ วนำ (Inductor)
Resistance Capacitive resistance Inductive resistance
R= L
XC = 1 ; = 2f X L =L; = 2f
A C
IL มเี ฟสตาม VL อยู่ 90 องศา
IR มีฟสตรงกับ VR IC มเี ฟสนำ VC อยู่ 90 องศา
แผนภาพ Phasor แสดงเฟสของความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้า
Physics : Electromagnetism By P’Nut
EX 21. แหล่งกำเนิดไฟฟา้ มคี วามถี่ 10 Hz จงหาความต้านทานของอุปกรณ์ไฟฟา้ ต่อไปนี้
21.1 ความถ่เี ชงิ มมุ 21.2 ตวั ตา้ นทาน 20 โอหม์
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
21.3 ตัวเกบ็ ประจขุ นาด 0.5 F 22.4 ขดลวดเหน่ียวนำ 10 H
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
11. วงจร RLC (RLC – Circuit)
Series RLC Circuit Parallel RLC Circuit
กระแสท่ีไหลผ่านอุปกรณไ์ ฟฟา้ แตล่ ะตวั มีคา่ แรงดันไฟฟ้าตกคร่อมอปุ กรณไ์ ฟฟา้ แตล่ ะตวั
เท่ากัน เทา่ กัน
Vm = VR2 + (VL −VC )2 Im = IR2 + (IL2 − IC2)
หรอื จาก V = IR จาก I = V ; Im = Vm 2 +Vm 1 − 1 2
จะได้ว่า Vm = (ImR)2 + Im (X L2 − XC2 ) R XL XC
R
Vm = Im (R2 + (X L2 − X C 2 )
หรอื Im = Vm 1 2 + 1 − 1 2
Impedance Z = (R2 + (X L2 − XC2 ) R XL XC
Impedance 1 = 1 2 + 1 − 1 2
R XL XC
Z
Physics : Electromagnetism By P’Nut
Ex22. เครือ่ งกำเนิดไฟฟ้าใหแ้ รงเคลอ่ื นไฟฟ้าสงู สุด 30 V มีความถี่ 50 Hz ถ้าแหลง่ กำเนดิ นีต้ อ่ เข้า
กบั วงจรไฟฟ้าที่มีความตา้ นทาน 10 Ω จงหากระแสไฟฟ้าสูงสดุ ที่ไหลผ่านในวงจนี้
24.1 กระแสไฟฟ้า 24.2 กระแสไฟฟ้าสงู สดุ
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
Ex23. ความต่างศักย์คร่อมตัวเก็บประจุมีค่าก่ี Ex24. ตัวเก็บประจุความจุ 70 μF ต่อกับ
โวลต์ จึงจะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้า 3.14 mA ใน แหล่งกำเนิดไฟฟ้าสลับที่มีค่ายังผลของ
วงจรตวั เกบ็ ประจทุ ี่มคี วามจุ 0.5 μF เมอ่ื ความถ่ี แรงเคลื่อนไฟฟ้า 50 V มีความถี่ 50 Hz จงหา
ของกระแสไฟฟ้าเปน็ 50 Hz กระสไฟฟา้ ที่ไหลผา่ นตวั เกบ็ ประจุนี้
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
Ex25. ตัวเหนี่ยวนำ 0.07 H ต่อเป็นวงจรกับ Ex 26. วงจรกระแสไฟฟ้าสลับมีกระแส i เป็น i
แหล่งกำเนิดไฟฟ้าความต่ำงศกั ย์ 220 V 50 Hz = 5 sin 1000 t A ไหลผ่านตวั เหนี่ยวนำขนาด 20
จะเกดิ กระแสไฟฟ้าไหลในวงจรเทำ่ ไร mH หาความต่างศักย์ตกคร่อมตวั เหนยี่ วนำ
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
Physics : Electromagnetism By P’Nut
Ex 27. วงจรไฟฟา้ กระแสสลับประกอบด้วยตัวต้านทาน 30 Ω และตัวเกบ็ ประจุขนาด 500 μF ต่อ
กันแบบอนกุ รมแหลง่ จา่ ยมแี รงดันไฟฟา้ 220√2 sin 100
27.1 แผนภาพ Phasor 27.2 ความต้านทานรวมในวงจร
______________________________
______________________________
______________________________
______________________________
______________________________
27.3 กระแสไฟฟ้ายังผล 27.4 ความตา่ งศักยท์ ่ตี กคร่อมอุปกรณแ์ ตล่ ะตวั
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________
______________________________ ______________________________