คู่มือประชำสัมพนั ธ์
กำรจดั รำยกำรวทิ ยุกระจำยเสียง
กล่มุ อำนวยกำร
สำนักงำนเขตพื้นทกี่ ำรศึกษำประถมศึกษำนรำธิวำส เขต 2
สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พื้นฐำน กระทรวงศึกษำธิกำร
คำนำ
ส่อื วทิ ยุกระจายเสียง เปน็ สอ่ื ทเ่ี ขา้ ถึงกลมุ่ ผู้ฟงั เปา้ หมายได้อยา่ งรวดเรว็ และส่อื สารไปถึงผู้ฟงั ได้
ทุกกล่มุ เป้าหมาย ผา่ นผจู้ ดั รายการ ท่มี ีความรอบรใู้ นการส่ือสาร โดยมีกระบวนการผลติ รายการทีเ่ ป็นระบบ
เพ่อื นำสารไปสู่ผู้ฟังได้อย่างมีประสิทธภิ าพ ตามประเภทรายการทีต่ รงกับกลุ่มผู้ฟงั เป้าหมาย เช่น รายการเพลง
รายการสนทนา รายการสารคดี รายการนิตยสารทางอากาศ รายการอภิปราย รายการกีฬา เป็นตน้
กระบวนการผลิตรายการวทิ ยุกระจายเสียง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ เพ่ือให้ผู้จัดรายการ สามารถ
สื่อสารไปสู่ผฟู้ ังได้อยา่ งมีคณุ ค่า และสรา้ งการรบั รอู้ ยา่ งสมานฉันท์ นำไปสู่การเสริมสรา้ งความเขา้ ใจของคน
ในสงั คม งานประชาสัมพันธ์ กลุ่มอำนวยการ สำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษานราธิวาส เขต ๒
จึงได้จดั ทำคู่มือ การผลติ รายการวทิ ยุกระจายเสียง เพ่ือใหเ้ ปน็ ข้อมูลในวิธีการปฏบิ ตั ิงานดา้ นการผลิตรายการ
วทิ ยกุ ระจายเสยี ง ให้เกดิ ประโยชน์ ตอ่ ประชาชนทีร่ บั ฟังรายการ และให้เปน็ ประโยชน์ตอ่ ผู้สนใจทจี่ ะนำวธิ กี าร
ผลติ รายการวิทยุ ไปเปน็ แนวทางในการศึกษาต่อไป
บุญศรี รกั การงาน
นกั จดั การงานทัว่ ไปปฏบิ ตั ิการ
ทำหน้าทป่ี ระชาสัมพันธ์
สำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต ๒
๒๙ มนี าคม ๒๕๖๔
๑
บทท่ี 1
รปู แบบรายการวทิ ยกุ ระจายเสยี ง
1. รูปแบบรายการ (Format) การจดั และผลิตรายการวทิ ยุกระจายเสยี งสามารถแบ่งรปู แบบ
ของรายการออกเป็นประเภทตา่ ง ๆ ได้ 9 ประเภท
1.1 รายการขา่ ว (News Programme) หมายถึง รายการท่ีจัดทำข้นึ เพื่อรายงานเหตุการณ์
สำคัญ ๆ ทเ่ี กิดขนึ้ แลว้ ให้ผ้ฟู งั ได้รู้วา่ ใคร ทำอะไร ท่ีไหน เม่ือไร ทำไม และอยา่ งไร การรายงานเหตกุ ารณ์ท่ี
เกดิ ขึ้น เรียกวา่ "News Reporting"
วทิ ยกุ ระจายเสียงเป็นเคร่ืองมือส่งข่าวสารได้ดีท่ีสดุ เพราะมีความรวดเร็วกวา่ ส่ืออ่นื สามารถ
สง่ ข่าวดว่ น หรือรายงานเหตกุ ารณ์ทีเ่ กดิ ข้ึนไปส่ปู ระชาชนอยา่ งรวดเรว็ และกวา้ งไกล แม้นผ้รู ับจะอยู่ที่ไหนก็มี
โอกาสรบั ขา่ วสารนนั้ ได้ ฉะนั้นวิทยุกระจายเสยี งจึงเปน็ สื่อที่เหมาะสมกับการส่งสง่ ขา่ วสารและรายงาน
เหตกุ ารณ์อยา่ งยงิ่ เพราะผูร้ บั สามารถรบั ได้ทนั ที รวดเรว็ ทำใหท้ ันเหตุการณต์ ลอดเวลา
รายการขา่ วทางวิทยกุ ระจายเสยี งควรมีลักษณะส้ัน ๆ ชดั เจน เขา้ ใจงา่ ย มหี วั ขอ้ นำให้รูว้ ่าเปน็
เรอ่ื งอะไร และมีรายละเอียดครอบคลุมให้ชัดเจนว่า ทำอะไร ทีไ่ หน เมื่อไร ทำไม และอย่างไรรายการขา่ วอาจ
แยกยอ่ ยลงไดห้ ลายประเภท เชน่ ข่าวการเมอื ง ข่าวอาชญากรรม ข่าวตา่ งประเทศ ขา่ วเศรษฐกจิ ขา่ วสงั คม
ข่าวกีฬา ขา่ วการศึกษา และบนั เทงิ เป็นต้น
รายการขา่ ว เปน็ การ นำเสนอขา่ วสาร เหตุการณ์สำคัญ มกี ารรายงานข่าวผา่ นรายการ
รายการขา่ วแยกเป็นรายการย่อยได้อีก คอื
1.1.1 รายการเลา่ ขา่ ว เชน่ รายการคยุ คุ้ยขา่ ว รายการเสยี งนกเสียงกา
1.1.2 รายการขา่ วจราจร เชน่ ข่าวจราจร จส.100
1.2.3 รายการขา่ วทางการ เช่น ขา่ วของวิทยุกระจายเสียงแหง่ ประเทศไทย
1.2 รายการสนทนา (Talk) รายการสนทนาเป็นรายการพดู คุย แตก่ ารพดู คยุ โดยตรงกบั ผู้ฟงั
หากแตเ่ ปน็ การสนทนาระหว่างผู้ร่วมรายการ ตงั้ แต่ 2 คนข้ึนไป โดยมคี นใดคนหนง่ึ เป็นผู้ดำเนนิ รายการ ทำ
หนา้ ท่คี วบคมุ ใหก้ ารสนทนาใหอ้ ย่ใู นขอบเขต และคอยนำการสนทนาจากเรื่องหน่งึ ไปสู่เร่ืองหน่ึง อย่างมี
ระเบยี บเปน็ ขัน้ เปน็ ตอน และผู้ดำเนินรายการสนทนาร่วมออกความคดิ เห็นไปกบั ผรู้ ่วมรายการด้วย นอกจากนี้
ยังทำหนา้ ทเ่ี ชอ่ื มโยงการสนทนา และพูดคุยโดยตรงกับผู้ฟังด้วย เชน่ การขึ้นตน้ การสรปุ ข้อความการสนทนา
และรปู แบบจะเปน็ การแสดงความคดิ เหน็ การวิเคราะห์ข้อมลู ขา่ วสาร ในรายการเป็นตน้ รายการสนทนายัง
สามารถแยกย่อยเปน็ รายการอ่ืนๆ ได้อกี คือ
1.2.1 รายการแพทย์ รายการตอบปญั หาสุขภาพ
1.2.2 รายการสตรี เชน่ รายการ ผูห้ ญงิ ผหู้ ญิง
1.3 รายการสัมภาษณ์ (Interview) รายการท่ีมีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขนึ้ ไปมาซักถามเรื่องราว
ปญั หา ขอ้ ขอ้ งใจใหผ้ ู้รับฟัง โดยมีผสู้ มั ภาษณ์ 1 คน ทำหน้าทเ่ี ป็นผซู้ ีกถาม ส่วนผู้ใหค้ ำสัมภาษณ์ท่ีเป็นผตู้ อบ
๒
คำถามคอื ผู้ถูกสมั ภาษณ์ สุดแล้วแตค่ วามเหมาะสมของเวลาในรายการและเนอ้ื หา ท่ีจะสัมภาษณ์ว่าควรจะเชิญ
ใครมาสัมภาษณ์
รายการสมั ภาษณ์จัดไดว้ ่าเป็นรายการพดู คุย แต่เป็นการพูดคยุ ทางออ้ มมใิ ช่พดู โดยตรงการ
พูดคยุ กันระหว่างผ้สู มั ภาษณ์กับผู้ถูกสัมภาษณจ์ ะให้ประโยชนแ์ กผ่ ูฟ้ ังโดยตรง
รายการสมั ภาษณ์มีข้อแตกต่างจากรายการสนทนา คอื ผู้สัมภาษณ์มหี นา้ ทใี่ นการปอ้ นคำถาม
ถามอย่างเดียว ไม่มหี นา้ ท่ตี อบคำถามเอง ไมเ่ หมือนกับผู้ดำเนินรายการสนทนาทส่ี ามารถรว่ มสนทนาด้วยใน
บางโอกาส หนา้ ท่ีของผูส้ ัมภาษณ์คือพยายามป้อนคำถามที่ใหผ้ ถู้ กู สัมภาษณต์ อบ หรืออธิบายใหม้ ากท่สี ดุ สง่ิ ที่
ผ้สู ัมภาษณจ์ ะทำได้นอกจากน้ันคอื สรปุ ให้เข้าใจชดั เจนยิ่งข้ึนหรือเพิ่มเตมิ เพือ่ ให้เข้าใจได้ดีข้ึนเท่าน้นั การ
สมั ภาษณน์ ัน้ ทำได้ท้งั ในหอ้ งส่งกระจายเสียงและนอกห้องส่ง
รายการสัมภาษณเ์ นน้ เนือ้ หาไปทผี่ ู้ถกู สมั ภาษณ์ ซ่ึงเกีย่ วขอ้ งกบั อำนาจหนา้ ท่ี เร่อื งความเหน็
สว่ นตวั หรือเรอื่ งอื่น ๆ ซึง่ เป็นการใหข้ ้อมูลแต่ฝ่ายเดียว รายการสัมภาษณ์ แบ่งเปน็ ดังน้ี
1.3.1 การสมั ภาษณ์อยา่ งเปน็ ทางการ (Formal Interview ) เช่น การเชิญบคุ คลสำคัญ
หรอื ผู้ท่ีมชี ือ่ เสียงมาสัมภาษณ์ โดยมีการนดั แนะวนั เวลาและสถานท่ีทส่ี ัมภาษณ์ อย่างเป็นทางการ และมี
จุดประสงคท์ ี่แน่นอน
1.3.2 การสมั ภาษณ์อย่างไม่เปน็ ทางการ (Informal Interview) เช่น สัมภาษณค์ นเดนิ
ถนนมักเป็นการถามคำถามโดยไมไ่ ด้เตรียมมาก่อน ถามปัญหาเฉพาะหนา้ ถามความคิดเห็น ความร้สู กึ หรือ
สมั ภาษณผ์ ู้พบเห็นเหตุการณ์นา่ ตน่ื เต้น เปน็ ต้น
1.4 รายการอภปิ ราย (Panel Discussion) เปน็ รายการพดู คยุ อีกลักษณะหน่ึง คือ ไมใ่ ช่เปน็
การพดู คยุ กับผู้ฟังโดยตรง แต่เปน็ การพูดคยุ ออกความคิดเหน็ ในหวั ขอ้ ใดหวั ข้อหนึ่ง หรือเรื่องใดเรือ่ งหนง่ึ แต่ผู้
รว่ มอภิปรายต่างแสคงความคิดเห็นตา่ งทศั นะกนั โดยเป็นการแสดงความคิดเหน็ ไปทลี ะคน อยา่ งมีระเบียบ
โดยมผี ู้ทด่ี ำเนินการอภิปรายเป็นผคู้ วบคุมให้รายการดำเนนิ ไปตามแนวและขอบเขตทไี่ ดว้ างไว้ ผูด้ ำเนินการ
อภิปรายจะทำหน้าที่เพียงนำอภปิ ราย และท่หี น้าทส่ี รุปความคิดเหน็ ของผรู้ ่วมอภิปราย แตไ่ มร่ ่วมอภปิ ราย
เหมือนรายการสนทนา ส่วนใหญแ่ ล้ววตั ถุประสงค์ของการอภปิ ราย คือ ต้องการทีจ่ ะฟังความคิดเหน็ จากบคุ คล
ต่าง ๆ ในเรอื่ งใดเร่ืองหนึง่ ซงึ่ บุคคลเหลา่ นัน้ อาจมคี วามคดิ เหน็ ไม่ตรงกนั หรือมีความเห็นตรงกัน รายการ
อภิปรายในแต่ละครงั้ ไม่ควรเชิญผรู้ ่วมอภปิ รายมากเกินไป และไมค่ วรเกนิ 4 คน เพราะถ้าพดู เรอ่ื งใดเรื่องหน่งึ
มากเกนิ ไปผฟู้ ังอาจเบือ่ ได้
การอภิปรายอาจทำได้หลายลักษณะ และมกั เรยี กชอ่ื รายการตามลักษณะการอภิปรายคอื
อภิปราย โต๊ะกลม อภปิ รายเปน็ คณะ (Group Discussion) การอภปิ รายเปน็ แผง (Panel Discussion )
รายการอภปิ รายอีกรูปแบบหน่ึงกค็ ือ "Talk Show" หมายถงึ การเชญิ ผู้รว่ มรายการมาพูดคุยในรายการ โดยมีผู้
ดำเนนิ รายการ ทำหนา้ ทพี่ ดู คุยคล้ายกบั การอภิปราย แต่เน้ือหาสาระในรายการ จะเปน็ เรื่องเบา ๆ สนุก ไม่
เป็นวชิ าการ บางครัง้ อาจคยุ กันในเร่อื งตลก ส่วนใหญ่จะอยู่ในรายการของโทรทัศน์มากกว่า
1.5 รายการสารคดี (Feature หรอื Documentary ) รปู แบบรายการเปน็ การนำเสนอเพยี ง
เนอ้ื หาเพยี งเน้ือหาเดียว เชน่ การนำเสนอเรื่องสัตว์ ก็จะมีแต่เร่ืองสตั ว์ หากเป็นเพลงท่จี ะเปิดในรายการก็
๓
จะตอ้ งเปน็ เพลงท่เี กี่ยวกับสัตว์ การสมั ภาษณ์ต้องพูดเร่อื งสัตว์ การสนทนาก็ต้องเปน็ เรื่องทีเ่ ก่ยี วกับสตั ว์ จึง
เรยี กรปู แบบรายการนี้ว่า รายการสารคดี
1.6 รายการนิตยสารทางอากาศ ( Magazine) รปู แบบรายการเปน็ การนำเสนอ ท่มี ีความ
หลายหลาย ทั้งเน้ือหา และรูปแบบ ในรายการอาจจะมที ั้งเพลง บทสัมภาษณ์ ข่าว Phone in การตอบคำถาม
ฯลฯ รายการนติ ยสารทางอากาศยงั สามารถแยกย่อยเปน็ รายการอน่ื ๆ ได้อีกหลายรายการคอื
1.6.1 รายการเดก็
1.6.2 รายการผหู้ ญิง
1.6.3 รายการเศรษฐกิจ การเงนิ
1.7 รายการละคร (Drama) รูปแบบรายการจะเป็นละครวิทยุ มรี ูปแบบเหมือนกับละคร
โทรทศั น์ เปน็ เรอ่ื งราวทีจ่ ะให้ความบันเทงิ สาระ ข่าวสาร มตี ัวละครแสดง โดยการนำเสนอจะเป็นบทสนทนา
ที่สอดคล้องกบั การดำเนินชวี ิตจรงิ เช่น การนำเสนอเรือ่ งไขห้ วัดนก ในบทก็จะมีการพูดถงึ เรอื่ งไขห้ วัดนก ใน
บทอาจจะมกี ารกำหนดให้มสี ัตว์แพทย์ เป็นตัวแทนให้ข้อมูล โดยตวั ละครจะถูกสมมตุ ิข้นึ เป็นต้น
1.8 รายการเพลงหรือรายการบันเทงิ ( Light Entertainment) รูปแบบรายการจะเนน้ การ
ให้ความบนั เทงิ เป็นห ลกั โดยในรายการจะมกี ารเปิดเพลงสลบั การใหข้ อ้ มูลขา่ วสาร การจดั รายการเพลง
จะตอ้ งคำนกึ กลุม่ เปา้ หมายดว้ ย การทำรายการใหก้ ลมุ่ ผู้ฟงั ต้องคำนึงถงึ อายุ การเลือกเพลงจะต้องใหเ้ ขา้ กับ
อายุ ซึ่งเพลงทีจ่ ะเปิดต้องอยู่ในวยั ทใ่ี กลเ้ คยี งกับผู้ฟังกลุ่มเป้าหมาย สาระหรอื ข้อมลู ข่าวสาร กจ็ ะต้องมีความ
น่าเชอื่ ถอื เปน็ ประโยชน์ตอ่ ผู้ฟัง และผดู้ ำเนนิ รายการต้องอยใู่ นวยั ท่ใี กลเ้ คยี งกบั คนฟัง ในรายการนอกจากจะมี
เพลง ควรจะมีสปอร์ต ท่ีสร้างความหลากหลาย เพื่อเป็นการดึงดูดใจคนฟงั การ Phone In ให้ผู้ฟงั ทางบ้าน
โทรศพั ท์เขา้ มาของฟงั เพลง หรือเลน่ เกมส์ ตอบปญั หา โดยผจู้ ัดอาจจะมรี างวัลมอบให้กับผชู้ นะ ซง่ึ จะเป็น
วิธีการหน่ึงทีเ่ ป็นการดงึ คนฟัง
1.9 รายการกีฬา (Sport) เป็นรายการทม่ี เี น้ือหาทเ่ี กีย่ วข้องกบั การกีฬา เปน็ หลัก ทง้ั การ
สมั ภาษณ์กจ็ ะเกย่ี วข้องกับการกฬี า หรอื แวดวงกีฬา
2. ลักษณะรายการวทิ ยุกระจายเสียงท่ดี ี
2.1 ตอ้ งมีวตั ถุประสงค์ที่แน่ชัด สามารถา่ ยทอดข้อมลู ข่าวสารไดโ้ ดยตรงตามวัตถปุ ระสงค์
2.2 ต้องมีความน่าสนใจทจ่ี ะตดิ ตามฟังโดยตลอด
2.3 ตอ้ งมีความต่อเน่ือง ไม่ขาดหายไป
2.4 ต้องอยู่ในเวลาทีก่ ำหนดแนน่ อน
2.5 ต้องมีความเหมาะสมกับกาลเทศะและตรงกับความต้องการของผูฟ้ ัง
2.6 ตอ้ งมสี ่วนช่วยในการพัฒนาสังคมและผูฟ้ ัง
3. ชว่ งเวลาท่ีออกอากาศจะต้องคำนงึ ถงึ
3.1 กลุ่มผูฟ้ งั เป้าหมาย อาชีพ
3.2 อายุ วัย ของผู้ฟัง
3.3 เนื้อหาสาระของรายการ
๔
3.4 เวลาออกอากาศทเ่ี หมาะสม
3.5 รูปแบบรายการ
4. การวิเคราะห์ผฟู้ ังรายการ
ผูจ้ ัดรายการ จะต้องวิเคราะหท์ ัศนคติของผู้ฟังรายการโดยอาศัยแนวทาง ดังน้ี
4.1 ผฟู้ ังประเภทมากด้วยราคะจรติ ผูฟ้ งั ท่ีพอใจในความงาม ความดี ความออ่ นโยน ผ้ฟู ัง
กลมุ่ นค้ี วรใช้คำสภุ าพ ไพเราะ ถ้าจะตำหนติ ้องสภุ าพ
4.2 ผู้ฟงั ประเภทโมหะจริต เปน็ ผ้ฟู งั ทีห่ ลงเชอ่ื งา่ ย มีแต่ความข่นุ มวั ในอารมณ์ ควรใช้ถ้อยคำ
ทม่ี เี หตุผล ให้เข้าใจง่ายและชัดเจน
4.3 ผฟู้ งั ประเภทโทสะจริต มักโกรธง่ายควรใช้ถ้อยคำ ปลอบโยน ใหค้ ำชมเชย ยกย่อง
4.4 ผฟู้ งั ประเภทวติ กจรติ มแี ต่ความกงั วล ลงั เลใจเช่อื คร่ึงไม่เชอ่ื คร่งึ ควรใชถ้ ้อยคำทีช่ ่วยให้
ผู้ฟังเกดิ กำลังใจ และม่นั ใจตัวเอง เชอื่ หูตวั เองว่าฟงั มาอย่างไร ก็จะเช่ืออย่างนน้ั
4.5 ผ้ฟู ังประเภทศรัทธาจรติ คอื เปน็ ผทู้ ่เี ชื่องา่ ย ควรใชถ้ ้อยคำประเภททสี่ อน หรือแนะนำให้
รูจักมีเหตุผล
4.6 ผฟู้ งั ประเภทพุทธจรติ ผมู้ ีปญั ญา มคี วามรู้ ควรใช้ถ้อยคำที่แสดงถงึ ความใหเ้ กียรติผู้ตชิ ม
รายการ
5. คุณสมบตั ขิ องนักจัดรายการวิทยุกระจายเสยี ง
5.1 ผู้จดั รายการ (ผสู้ ่งสาร)จะตอ้ งมจี ิตใจกว้างขวางและยอมรบั ในข้อผิดพลาดของตนเอง
และเปิดใจกว้าง ท่ีจะรบั การตอบโตก้ ลับ ด้วยการตชิ ม วจิ ารณ์แนะนำจากผูฟ้ ัง (ผ้รู ับสาร) ตลอดเวลาและให้
เกยี รติ ผู้ทต่ี ิชมรายการ
5.2 ผู้จัดรายการ (ผู้ส่งสาร) ต้องใหเ้ กียรติผฟู้ งั (ผรู้ บั สาร) เสมอเพราะเราจะรอบรู้ไปทุกเร่อื ง
คงเป็นไปไม่ได้ เมื่อมีผฟู้ ังเสนอแนะช้ีแจง ผจู้ ัดรายการ จะต้องรบั ฟงั
5.3 ผจู้ ัดรายการ ตอ้ งยอมรับในสถานภาพ และฐานะหน้าที่ของผจู้ ดั รายการ เชน่ ภาษา
ขนบธรรมเนียมประเพณี ประสบการณ์ เชน่ ผ้ชู ายไมเ่ คยคลอดลูก จะรู้ได้อย่างไรวา่ เวลาคลอดมีความเจบ็ ปวด
อย่างไร
5.4 มคี วามรบั ผดิ ชอบผลติ รายการอย่างตอ่ เน่ือง และต้องมีความรับผดิ ชอบต่อรายการและ
ผูฟ้ ัง
5.5 เปน็ ผ้ทู ่มี ปี ฏภิ าณไหวพริบดี รู้จักเลือกเรื่องทจี่ ะนำเสนอ รวมทงั้ การปรุงแตง่ ใหเ้ หมาะสม
และนา่ สนใจ
5.6 เปน็ ผูม้ ีมนุษย์สมั พันธ์ สามารถทำงานเป็นทีมและสามารถทจ่ี ะตดิ ตอ่ สรา้ งความสัมพันธท์ ี่
ดีกับบุคคลท่วั ไป
5.7 ตอ้ งร้จู ักควบคมุ อารมณใ์ ห้คงที่
5.8 ผู้จัดรายการต้องไม่หลงระเรงิ ต่อคำชม และตอ้ งไม่หวน่ั ไหวหรือโต้ตอบ กับคำตชิ มของ
ผฟู้ งั
๕
5.9 ตอ้ งมีความเสียสละ และทุ่มเทในการจดั และพฒั นารายการทีร่ ับผดิ ชอบ
5.10 ต้องมีความตื่นตัว กระตือรือร้นอยเู่ สมอ
5.11 ตอ้ งเปน็ นักฟังทดี่ ี
6. บทวิทยุที่ดี
6.1 คิดเสยี กอ่ นวา่ กำลงั เขียนบทวทิ ยุ เพือ่ จัดใหใ้ ครฟัง เชน่ เด็ก ผู้ใหญ่ ผชู้ าย ผู้หญงิ
6.2 จงเขยี นบทรายการ ใหเ้ หมือนท่านพดู แล้วพดู ตาม บททีเ่ ขยี นจะต้องเขียนใหเ้ ข้าใจง่าย
ประโยคสนั้ ๆ กะทดั รัด
6.3 เขยี นบทวิทยุให้เหมือนเขียนจดหมาย ถึงใครคนหนึง่
6.4 การใชส้ รรพนามท่ฟี งั แล้ว ใหผ้ ฟู้ งั มีความรสู้ ึกใกลช้ ดิ และมลี กั ษณะเหมือนผ้ฟู งั เข้าไปรว่ ม
รายการด้วย
6.5 มที ศั นคตทิ ด่ี ตี ่อผู้ฟงั เคารพผู้ฟัง ใหเ้ กียรตผิ ูฟ้ งั
6.6 อย่ายดั เยยี ด สาระใหม้ ากเกินไปในเวลาอันจำกดั
6.7เน้นจุดสำคัญและซำ้ ประโยคหรอื คำท่สี ำคัญบ่อยๆสมเหตสุ มผลตรงเปา้ หมาย
6.8 ไมค่ วรเลน่ สำนวน อุทาหรณ์ โคลงกลอน มากเกนิ ไป
6.9 ทกุ ประโยคทุกคำท่ีพดู ท่เี ขยี นจะต้องมีความหมายชัดเจน อยา่ ปล่อยให้ผู้ฟังคดิ เปน็
ปริศนา
6.10 ไม่ใช้ตวั เลขท่ียุ่งยากในการจำ การฟัง เช่น การบอกเบอร์โทรศพั ท์
6.11 อย่าใช้ศัพท์ทางวชิ าการ หรอื คำสงู ๆ มากเกนิ ไปถ้าจำเปน็ ควรอธิบายให้ชัดเจน
6.12 การผกู ตวั อย่าง หรอื เปรียบเทยี บ จะต้องเขา้ เร่ืองราวท่กี ำลงั เขียน
6.13 การต้งั เปา้ หมายของรายการจะต้องชัดเจนและก่อนจบรายการ จะต้องสรปุ อีกคร้งั หน่งึ
6.14 ผเู้ ขียนบทวทิ ยุจะตอ้ งมีเวลาเพยี งพอและข้อมูล พรอ้ มทจี่ ะเขียน
7. ศลิ ปะในการอ่านบทวิทยุกระจายเสียง
7.1 การอา่ นบทวทิ ยจุ ะต้องมีลลี า และใหอ้ า่ นเหมือนพดู พูดใหเ้ หมอื นคยุ กบั ผู้ฟงั เหมือนกบั
ผู้ฟงั อยใู่ นห้องสง่ ด้วย เพอื่ ให้ผู้ฟังมีจินตนาการว่า เขากำลังคุยอยูก่ ับคนในครอบครัวหรือเพื่อร่วมงาน
7.2 การออกตัวดว้ ยคำวา่ ขอโทษวา่ เสียงไมด่ ี เป็นหวดั หรือบน่ วา่ เจบ็ ไข้ไมส่ บาย หรือบ่นว่า
มีอปุ สรรคอย่างน้ันอยา่ งน้ี จะทำใหผ้ ฟู้ ังไมม่ นั่ ใจ ในข้อมลู ท่ีผู้จดั รายนำเสนอ
7.3 ตอ้ งรจู้ ักแบ่งเวลา หรือจัดเวลาใหผ้ ู้ฟงั ได้ขบคดิ หรือทำความเข้าใจ หรือยอ่ ขอ้ ความทเ่ี รา
พดู
7.4 ทดลองอา่ นบทวิทยุทบทวนเหมือนจัดรายการจรงิ ๆ แล้ววางตวั เป็นกลาง ถามตวั เองว่า
เขา้ ทา่ น่าฟงั หรอื ไม่ ถ้าตนเองรู้สกึ วา่ ไมน่ า่ ฟังก็อยา่ ไดห้ วังเลยวา่ เราจะจูงใจใหผ้ ฟู้ ังมองเห็นภาพดว้ ยหู
นกั จดั รายการวทิ ยุ คือผู้ท่สี ามารถใชค้ ำพูด บรรยายใหผ้ ู้ฟังมองเห็นภาพด้วยหู ผ้จู ดั รายการคอื ตา
**********
๖
บทที่ 2
รายการนิตยสารทางอากาศ (Magazine Program)
นิตยสารทางอากาศคำว่านติ ยสาร หรือ Magazine มาจากภาษาอาระบคิ คือ "Makhazan"
หมายความว่าท่ีซึ่งเก็บรวบรวมส่งิ ต่าง ๆ หลายอยา่ งหลายชนดิ ไวด้ ้วยกนั หรือเรยี กทับศัพทว์ า่ "สโตร์" (Store)
จากความหมายนี้ Magazine จงึ มีความหมายรวมถึง "นติ ยสาร"คอื ส่งิ พิมพท์ ีร่ วบรวมเร่ืองราวในหัวขอ้ เร่ือง
ตา่ ง ๆ โดยนกั เขียนหลาย ๆ คน ดงั น้ันความหมายของคำว่า "นติ ยสารทางอากาศ" จึงหมายถึงรายการท่บี รรจุ
เรอ่ื งต่าง ๆ ไว้ในลกั ษณะต่าง ๆ ผสมกันไป เช่น ในรายการจะมีบทความสัน้ ๆ ที่เป็นเร่ืองทีส่ นใจ อาจจะมีโครง
กลอน นิยาย เพลง บทสมั ภาษณ์ แต่ไม่ไดห้ มายความวา่ ในการทำรายการนิตยสารทางอากาศ จะบรรจุอะไรที่
นักจดั รายการปรารถนา ใส่ลงไปใหเ้ ตม็ ในรายการ แต่การทำรายการท่ีดี มีความจำเป็นที่จะต้องทำอยา่ ง
พถิ ีพิถัน และมหี ลักเกณฑ์
คำวา่ "Magazine Programme" ศพั ทานุกรมส่ือสารมวลชนได้ใหค้ วามหมายไวว้ า่ "รายนิตยสาร
คือรายการวทิ ยุทใ่ี ชร้ ปู แบบในการเสนอแบบนิตยสาร นั่นคือ ในรายการเดียวกันจะประกอบด้วย เรือ่ งย่อย ต่าง
ๆ หลายเรอ่ื ง โดยเรอื่ งต่างต่าง จะเป็นแนวเดยี วกนั หรือต่างแนวกันกไ็ ด้ ถ้าเปน็ แนวเดยี วมกั เรยี กวา่
Specialized Magazine เช่น นิตยสารขา่ ว นติ ยสารผู้หญิง ถา้ เปน็ เรื่องทวั่ ๆ ไปเรยี กวา่ General Magazine
จุดสำคัญคือความสามารถในการเชื่อมโยง ให้หัวข้อท่ตี ่างกันเข้ามาเปน็ รายการเดียวได้อยา่ งสอดคล้องกนั "
รายการสารคดกี ับรายการนิตยสารทางอากาศ มลี ักษณะระแตกต่างกัน คือ รายการนติ ยสารมหี ลายเร่ืองใน
รายการเดยี วกัน Several Topic In One Programme แตร่ ายการสารคดีมเี พียงเร่ืองเดยี ว One Topic in
One Programme ซึง่ จะต้องทำให้มคี วามหลากหลายในรายการเดียว
การทำรายการนติ ยสารทางอากาศเปน็ รายการเบา ๆ ทจี่ ดั ข้นึ เพื่อใหท้ ้งั ความรู้ ความเพลิดเพลนิ
บางคร้งั ก็สอดแทรกข่าวสารน่ารู้ การทผ่ี ู้จดั รายการจะบรรจุอะไรลงในรายการ จะต้องมีการวางแผนการทำ
รายการให้ดีเสียก่อน การวางแผนทำรายการต้องคำนงึ ถงึ ว่า รายการทผี่ ลติ ออกอากาศจะให้อะไรกับผูฟ้ ัง และ
ต้องคำนึงถึงความต้องการของกลมุ่ ผู้ฟังเปา้ หมาย เม่ือมีการวางแผนรายการแลว้ ตอ้ งคดิ ตอ่ ไปวา่ จะนำเสนอ
รายการในรูปแบบใดบา้ ง ซึ่งในขนั้ ตอนน้ีจะตอ้ งพิถีพิถัน ในการเลือกแนวเร่อื ง หัวข้อเรอ่ื ง เนื้อเรอ่ื ง และ
วัตถุดิบที่จะนำมาทำรายการนนั้
การเก็บรวบรวมวัตถดุ ิบ ต้องมีการเกบ็ ข้อมลู ไว้ โดยการจดบันทึก โดยการแยกประเภทหัวขอ้
เรือ่ งไวเ้ พอื่ ไมใ่ หส้ บั สน หรอื บางครั้งเม่ือฟังเพลงอะไรที่ตรงกับเน้อื หาของรายการกบ็ นั ทึกไว้เพ่ือจะไดน้ มาใช้ใน
รายการ หรอื เก็บรวบรวมข้อมูลเช่นน้ที ุกวนั ซง่ึ จะทำให้ผจู้ ัดรายการมวี ตั ถุดิบ มาทำรายการนติ ยสารทาง
อากาศได้มากการจดบันทึกท่ีไดอ้ า่ นมานนั้ จะต้องบันทึกด้วยวา่ ใครเป็นผูเ้ ขียนหัวขอ้ เร่ือง อยู่ในหนงั สือเล่มใด
พมิ พท์ ีส่ ำนกั ไหน เมื่อไหร่ ใครเปน็ ผพู้ ิมพ์ สง่ิ เหล่านีเ้ ป็นมรรยาท ท่นี กั จดั รายการไมค่ วรเพิกเฉย แม้ในเมืองไทย
จะไม่เข้มงวดในเรอื่ งลิขสทิ ธิ์ แตต่ ามมารยาทและเปน็ การใหเ้ กียรตแิ ก่เจา้ ของเรอื่ ง มีความจำเป็นตอ้ งบอกให้
ผ้ฟู ังทราบถึงทีม่ าด้วย
๗
สาระทอ่ี ยู่ในนติ ยสารทางอากาศ สงิ่ ท่จี ะนำมาบรรจใุ นรายการนติ ยสารทางอากาศ สามารถท่ีจะ
นำรายการต่อไปนม้ี าใช้ผสมกัน คอื
- การสัมภาษณ์บคุ คลท่นี ่าสนใจ มีผลงานดเี ด่น
- การสมั ภาษณบ์ คุ คลที่จะให้ความรู้แปลก ๆ ใหม่ ๆ แกผ่ ฟู้ ัง
- บางส่วนของคำกลา่ วสุนทรพจนท์ นี่ ่าสนใจของบุคคลท่มี ีช่ือเสียงโดยตัดตอนเฉพาะส่วนที่สำคญั
จรงิ ๆ
- บทความสั้น ๆ ท่ีผ้เู ขียน เขียนข้ึน บทความท่นี ำมาจากหนงั สอื พิมพ์ นิตยสารสิ่งพิมพ์ ต่าง ๆ
อาจจะนำมาเพียงตอนใดตอนหนึ่ง
- โคลงกลอน
- เพลง ทีม่ ีความหมายกับรายการทผี่ ลติ เช่นเรอ่ื งไฟฟ้า ก็เปิดเพลงทเ่ี กย่ี วกับไฟฟ้า
- เร่ืองส้นั
- ละครสั้น
- การรายงานเรื่องตา่ ง ๆ หรอื ส่งิ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ซึง่ คิดว่าผู้ฟังสนใจ หรอื น่าจะไดร้ ายงานใหผ้ ูฟ้ ังได้
ทราบ
- การบนั ทึกเสยี งจริงจากเหตุการณต์ า่ ง ๆ ทีเ่ กดิ ขน้ึ หรอื บนั ทึกเสียงบรรยากาศจากงานฉลอง
เทศกาลต่าง ๆ ทน่ี ่าสน
กลุ่มเปา้ หมาย นติ ยสารทางอากาศ
การทำรายการนิตยสารทางอากาศ อันดบั แรกตอ้ งคำนึงถึง คือ ผูฟ้ งั ต้องประเมนิ วา่ ผฟู้ งั ต้องการ
ทจ่ี ะฟังรายการวทิ ยุอะไร ประเภทไหน ซงึ่ ข้อมูลเหลา่ น้ีอาจจะไดม้ าจากการสงั เกตหรือการวิจยั เมือ่ ได้ข้อมลู
แลว้ ก็มกี ารวางแผนจดั รปู แบบรายการให้เป็นไปตามความตอ้ งการของผู้ฟังส่วนใหญ่ ได้ตามเปา้ หมายทีก่ ำหนด
ไว้
เทคนิคการผลติ นิตยสารทางอากาศ
เทคนิคการผลติ รายการนิตยสารทางอากาศมีลักษณะเดยี วกับรายการเพลง คือมีความ
หลากหลาย (Variety) และมีการนำเสนอที่มเี นื้อหาสารท่ีหลากหลายเพ่ือไม่ให้ กลมุ่ ผฟู้ ังเป้าหมาย เบอ่ื รายการ
เพราะการทำรายการที่มีแบบอย่างเดยี ว แนวเดียว ไมต่ ่นื เต้นเรา้ ใจผ้ฟู ังก็ไมส่ นใจที่จะฟงั ดังนัน้ การผลิต
รายการนติ ยสารทางอากาศ มีขอ้ แนะนำว่าต้องมีแนวทางของรายการก่อน คือเกิดแนวความคิด หรอื Idea วา่
จะใหร้ ายการทผ่ี ลติ ไปในแนวทางไหน ต่อจากนน้ั กจ็ ะกำหนดหวั ขอ้ ออกมาหลายเรือ่ ง เพื่อที่จะให้แตล่ ะเร่ืองมี
การเกยี่ วโยงกนั ต่อเนอ่ื งกัน เม่ือฟงั รายการแล้วมีความรสู้ ึกว่าจบั เอาเร่ืองอะไรสกั ชดุ หนงึ่ กล่มุ หนึง่ ซงึ่ ไมไ่ ด้มี
ความผูกพนั มารวมกันไวด้ ้วยกัน แต่รปู แบบรายการทง้ั หมดจะตอ้ งมคี วามหลากหลาย
หลังจากทไี่ ดแ้ นวของรายการแล้ว ใหท้ ำบัญชีรายการทีร่ วบรวมไว้ เม่ือไดบ้ ัญชหี ัวขอ้ เรอ่ื ง ให้
เลอื กมา 2-3 หัวขอ้ เร่ือง ท่ผี จู้ ัดรายการเหน็ ว่าเป็นเรอื่ งท่ีนา่ สนใจ จากน้ันให้เลือกเอาเรื่องท่ีสำคญั มาเผยแพร่
ผสมผสานกันกันไป
๘
การผลิตรายการนิตยสารทางอากาศ หากมีการบนั ทึกรายการไวจ้ ะเปน็ วธิ ที ่ีดี เพราะการผลิต
รายการที่ดี จะตอ้ งมกี ารตัดต่อทีต่ ้องใช้ความพิถีพิถัน เพราะจะมีการนำเทปเสียงสมั ภาษณ์ บทความ สุนทร
พจน์ เพลง เสียง Sound Effect มาใส่ไว้ในรายการ ซึง่ ต้องใชว้ ิธกี ารตัดตอ่ เพอ่ื ให้รายการดำเนนิ ไปอย่าง
ราบรน่ื กอ่ นท่ีจะมีการตดั ต่อรายการ ผจู้ ัดรายการจะต้องฟังรายการทงั้ หมดเสยี ก่อน โดยฟังอย่างตั้งใจ แลว้ จด
บนั ทกึ สิ่งทส่ี ำคัญของแต่ละตอนเอาไว้ ตอ่ จากนัน้ กเ็ ขยี นแนวความคิดหรอื หาสาระทผี่ จู้ ัดรายการเหน็ วา่ มคี วาม
เกยี่ วพัน แล้วลองอ่านเร่ืองท้ังหมดอีกที วา่ เราเกบ็ ความสำคัญท่เี ก่ียวขอ้ งกบั หัวเร่อื งไวท้ ั้งหมด แลว้ จึงเร่มิ ตัด
ต่อรายการตามที่เราได้จดบันทกึ หรอื การทำ Out Line เอาไว้ ทงั้ นี้เพื่อจะให้แน่ใจวา่ จะไดไ้ ม่ตดั ส่วนใดส่วน
หนึ่งออกไป
การนำเรอื่ งมาจากเอกสารหรอื หนังสือ ผู้จัดรายการควรนำมาทำบทใหม่ อยา่ อา่ นจากตน้ ฉบับ
เพราะภาษาเขยี นกับภาษาท่ีใชส้ ำหรับผ้ฟู ังต่างกนั นอกจากนั้นในการทำรายการใด ๆ กต็ าม ผู้จดั รายการควร
ทำข้ึนดว้ ยตัวเอง ดว้ ยความคิดของตนเอง ส่ิงท่ีจดบันทกึ ไว้ผจู้ ดั รายการนำมาเป็น ข้อมลู ในการจดั รายการ
เทา่ นนั้
การทำ Out Line
เมอ่ื มกี ารเก็บหัวขอ้ เรื่องได้แล้ว ให้ทำโครง หรือ Out Line เช่นการเริ่มต้นเรือ่ งควรจะเร่ิมตน้ ดว้ ย
อะไร ที่คดิ วา่ เป็นการดึงความสนใจของผู้ฟังรายการ โดยปกติแล้วตอนตน้ รายการควรเนน้ เรื่องส้ัน ที่ควรคา่ แก่
การสนใจ ทง้ั นเ้ี พ่อื ดึงดูดใจให้ตดิ ตามรายการตอ่ ไป ส่วนการปดิ ทา้ ยรายการจะต้องสรา้ งความประทับใจ
พอที่จะให้ผู้ฟงั ฟังแลว้ ไม่อยากให้จบ หรอื ผฟู้ ังอยากจะติดตามฟังใหม่ในคราวหนา้ สว่ นตอนกลางของรายการ
ไมต่ ้องพิถีพิถันเท่ากบั ตอนเรมิ่ ตน้ รายการและท้ายรายการ แตอ่ ะไรกต็ ามท่หี ามาบรรจใุ ห้เตม็ ในรายการตอ้ ง
คำนึงถงึ ความหลากหลาย ท้ังด้านเนอ้ื หา วิธกี ารนำเสนอรายการ
การทำ Out Line ตอ้ งคำนงึ ถงึ ความยาวของเรื่องทนี่ ำเสนอในช่วงนน้ั ๆ และตอ้ งคิดตลอดเวลา
วา่ ระยะเวลาความสนใจของผู้ฟัง อยู่ไมน่ าน ดงั นั้นอย่าให้แต่ละเรื่องนำเสนอนานเกนิ ไป แต่กอ็ ย่าตัดมาก
เกินไปจนไม่เหลือความสำคัญ
ตัวอยา่ ง Out Line
ลำดับ เร่ือง หมายเหตุ
1. เรอ่ื งท่ีนา่ สนใจ มากที่สดุ
2. เรอ่ื งทีน่ ่าสนใจ ลองลงมาไม่เด่น
3. เร่ืองที่นา่ สนใจ ทจี่ ะทำให้ ผูฟ้ ังอยากตดิ ตามต่ออกี
การเชื่อมโยง ระหว่างตอนในรายการนติ ยสารทางอากาศ
การเช่ือมโยงระหวา่ งแต่ละตอน ของรายการนติ ยสารทางอากาศ เรียกว่า Continuity ซ่ึงจะทำให้รายการฟงั
แล้วรื่นหู จากตอนหนึง่ ไปสู่อีกตอนหนง่ึ โดยไมม่ ีความร้สู กึ วา่ การนำเสนอมีความขาดตอนเลย การทำ
Continuity ผู้จัดรายการตอ้ งแน่ใจว่าเขียนไดเ้ หมาะสมกับเน้อื หาของรายการที่เลือดมาบรรจุไว้ Continuity
จะช่วยโยงความรู้สกึ ของผู้ฟังจากเรอ่ื งหน่งึ ไปสู่เรื่องหน่งึ บางครง้ั Continuity จะช่วยอธิบายอะไรบางอย่าง
เมอ่ื จำเป็น หรือเพิ่มเตมิ เนื้อหาสาระ การเช่ือรายการน้ัน ใช้ดนตรีเชอ่ื มก็ได้ แต่ทุกคร้ังท่จี ะใชด้ นตรีเชอ่ื ม
๙
จะตอ้ งมีจุดประสงค์ท่ีจรงิ จัง มใิ ชจ่ ะใช้ดนตรีเชอ่ื มเมื่อใดก็ได้ หรือไม่ใช่จะใสด่ นตรีเช่อื มใหร้ ายการเต็มครบตาม
เวลาท่กี ำหนดเทา่ น้ัน การใชด้ นตรใี ห้ใชใ้ หน้ ้อยท่ีสดุ
รายการนติ ยสารทางอากาศ ถ้าใช้เสียงพดู หลายเสยี ง จะชว่ ยให้รายการนา่ สนใจกวา่ การใชเ้ สียง
เดียว เพราะการเปลีย่ นเสียงย่อมตรึงความสนใจของผูฟ้ ังดกี ว่า และทำให้รายการมคี วามหลากหลายมากยง่ิ ขึน้
**************
๑๐
บทที่ 3
รายการสารคดี
รายการสารคดี
รายการสารคดี Documentary หรอื Feature หนังสือศพั ทานุกรมสื่อมวลชน ไดใ้ หค้ วามหมาย
ของสารคดีว่า "รายการสารคดี Documentary หมายถึง รายการท่ีทำในลกั ษณะการเล่าเร่อื งหรอื บรรยาย
ความรู้ การเล่าเร่ืองประวตั ิวรรณคดี หรอื บทประพนั ธ์ทีส่ รา้ งเป็นแบบละคร
"ส่วนรายการสารคดี คำน้มี กั ใช้สลับกบั คำ Feature แต่ในบางแหง่ ได้กำหนดลักษณะตา่ งกนั บ้าง
แตล่ ักษณะทเ่ี ดน่ คลา้ ยกันของ Documentary และ Feature คือ 1.ตอ้ งเป็นเร่ืองจริงหรืออ้างอิง จากของจรงิ
เสนอหวั ข้อเรื่องนั้นอย่างละเอียดในหลาย ๆ แง่มมุ เท่าท่ีจะเสนอได้ ลกั ษณะบางประการที่จะแตกต่างกัน คือ
Documentary ตอ้ งใช้เสยี งจรงิ ๆ ของบุคคลจริง ๆ จากเหตกุ ารณ์ในหัวข้อทีจ่ ะเสนอFeature สามารถใช้
เสียงสมมตุ ขิ องคนอืน่ แสดงแทน เชน่ การเสนอเรื่องราวในประวัตศิ าสตร์ ออกมาในเชิงสารคดี เปน็ ต้น
รายการสารคดี นกั วิทยุกระจายเสยี งเรียกรายการประเภทสารคดี วา่ เป็นรายการวิทยุที่แทจ้ รงิ
(Real Radio) เพราะรายการสารคดีเป็นรปู แบบของวิทยุกระจายเสียงทผ่ี ลติ ข้ึนเพ่ือนำเสนอเร่ืองราว เรื่องใด
เรอ่ื งหน่งึ (One Subject หรือ One Topic ) ที่ใช้เทคนิคของเสียงทางวิทยุอันเป็นการยุถงึ ความเป็นจรงิ ของ
เหตุการณ์ โดยใช้เสยี งประกอบและเสยี งของผคู้ นทเ่ี กย่ี วข้องในเร่อื งนน้ั ๆ จรงิ ๆ มารวมอยู่ในรายการสารคดี
น้นั รายการสารคดี ทำให้มีความหลากหลายได้ (Variety) แตต่ อ้ งมีความเป็นอันหนงึ่ อนั เดียวกัน หรอื เปน็
เอกภาพ (Unity) เชน่ การสัมภาษณ์ก็จะต้องเปน็ เรื่องเดียวกนั หากมสี ปอต ก็จะตอ้ งเป็นเนอ้ื หาเดียวกัน จงึ จะ
เป็นเอกภาพท่เี รียกว่ารายการสารคดี
รายการสารคดี สรา้ งเหตุการณท์ างประวตั ศิ าสตร์
รายการสารคดี วจิ ารณต์ ่อสภาพการณ์ทางสงั คมตา่ ง ๆ
รายการสารคดี เสนอเร่ืองราว ชวี ประวตั ิบุคคล
รายการสารคดี ผสมผสานความคดิ เหน็ หลาย ๆ ความคิดต่อเรอ่ื งใดเรอ่ื งหนง่ึ
รายการสารคดี เสนอคำอธบิ ายท่เี ปน็ ข้อเทจ็ จรงิ ตอ่ เรื่องใดเรอ่ื งหนึง่
รายการสาคดี นำผู้ฟังไปทอ่ งเทย่ี วยงั สถานทต่ี า่ ง ๆ
รายการสารคดี สามารถใชเ้ ทคนคิ ในการบอกเลา่ แกผ่ ู้ฟงั ได้หลายแบบ เชน่ วธิ กี ารบอกเล่า
บรรยาย สัมภาษณ์ อภิปราย การให้คำวจิ ารณ์ของผเู้ ชี่ยวชาญ คำวจิ ารณ์ของคนเดนิ ถนน คำอธบิ ายของ
ผเู้ ห็นเหตุการณ์ การแสดงในแบบละคร และการใชเ้ พลงและเสียงประกอบ เป็นตน้ อย่างไรก็ตามการใชเ้ ทคนิค
ในการบอกเล่าแบบไหน ขนึ้ อยู่กบั
1.เน้อื เรอ่ื งทีจ่ ะเสนอต่อผู้ฟัง
2.วัตถุดิบทมี่ ีอยู่
3.วัตถุประสงค์
๑๑
รายการสารคดที ่ีดีที่สุด คือ รายการท่มี เี สียงพูด หรอื เสียงประกอบจากเหตุการณ์จริง ๆ มากท่ีสุด
โดยมีคำบรรยายน้อยทส่ี ุด รวมถึงการผสมผสานอย่างกลมกลืนและได้ส่วนสัด ระหวา่ งคะพดู กบั เสียงเพลงหรือ
เสยี งประกอบ
ขอบเขตของรายการสารคดี
1. สารคดที ีม่ งุ่ ให้ขา่ วสาร (Information Documentary) เปน็ รายการสารคดีท่ีมุง่ หมายทจี่ ะให้
ข้อเท็จจรงิ ต่าง ๆ ซึง่ ถอื เป็นแบบฉบบั ของการได้ข่าวสารทดี่ กี ว่าแบบอ่นื ๆ
2. สารคดีแบบหนังสอื พิมพ์ (Journalism Documentary) รปู แบบรายการมุ่งหมายท่ีจะเจาะลกึ
ไปถงึ รูปแบบตา่ งๆ ของเรื่องใดเร่ืองหนงึ่ เหมือนกบั เปน็ บทความช้นิ หนง่ึ แตเ่ ปลย่ี นรปู แบบมาเป็นหนงั สือพมิ พ์
ทางเสยี งแทน นำเสนอเรอื่ งใดเรือ่ งหนงึ่ อาจจะเป็นเร่ืองการเมอื ง เร่ืองทางเศรษฐกิจ เรือ่ งทางสังคม การผลติ
รายการสารคดีแบบนี้จะเปน็ ไปในแบบของการตอบคำถามในใจของผู้ฟงั เช่น ใคร อะไร ทไี่ หน เมื่อไหร่
อย่างไร อย่างไร ซ่ึงเปน็ การนำเสนออยา่ งเป็นทางการ และสมดลุ ทง้ั สองด้าน
3. สารคดีแบบเสนอชวี ประวัตขิ องบุคคล (Personal Fortran) เปน็ รายการสารคดีทีน่ ำเสนอ
ชวี ประวัตบิ ุคคลสำคัญหรอื บุคคลท่ีน่าสนใจไดอ้ ย่างละเอียด มจี ดุ ม่งุ หมายในการนำเสนอ รายการสารคดีแบบน้ี
เพ่อื ก่อให้เกิดความรสู้ กึ ท่เี ช่ือถอื เห็นอกเห็นใจ หรือเพยี งเป็นการสนองความอยากรอู้ ยากเห็นเกยี่ วกับบุคคลที่มี
ช่ือเสยี งต่าง ๆ เช่น โมฮมั หมัดอาลี เป็นตน้
4. สารคดแี บบเสนอข่าวจากผู้เหน็ เหตกุ ารณ์ (Eye-Witness Documentary) นำเสนอเรื่องราวท่ี
น่าสนใจ คือ เรอ่ื งของคนท่ีอยู่ในสถานการณ์ที่ผิดปกตธิ รรมดาตา่ ง ๆ เชน่ อยูใ่ นเหตุการณท์ น่ี า่ ตืน่ เตน้ นา่ เหน็
ใจ เช่น เหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ เหตกุ ารณ์ตากใบ เป็นต้น
5. สารคดแี บบเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ (Historical Documentary) นำเสนอรูปแบบ
เร่อื งราวทเ่ี กิดขนึ้ ในอดีต ซงึ่ วิธนี ที้ ำได้แต่ต้องเป็นการวิจยั หาขอ้ มลู ต่าง ๆ แล้วจงึ นำมาเล่าใหม่ ในรูปของการ
บอกเล่าทางวทิ ยุกระจายเสียง
6. สารคดแี บบท่ีเล่าโดยใช้เสยี ง (Sound - Picture) รายการสารคดีแบบนเ้ี ปน็ การอธบิ ายถึง
สถานท่ี เหตกุ ารณ์ หรือยคุ สมัย โดยไดเ้ นอื้ เรือ่ งหรอื ความรู้สึก ไม่มีการแสดงออกมาโดยผ่านทางเสยี งจริง ๆ
และเสียงพูด ซึ่งโดยปกตแิ บบน้จี ะไม่ใชผ้ ูบ้ รรยายประกอบ เปน็ สารคดีทใ่ี หผ้ ฟู้ ังใชม้ โนภาพเอาเอง
7. สารคดแี บบทแี่ ต่งข้ึนมาเอง (Creative Feature) เปน็ สารคดีที่มรี ูปแบบที่คดิ ขึ้นมาเองตาม
ความคิดฝนั ท้ังน้ตี ้องมีการเขียนบทขน้ึ มาเอง อาจจะเป็นรูปแบบของละคร โดยมเี พลงประกอบเสียงเขา้ ช่วย
การวางแผนจดั ทำสารคดี
1. การวางแผนเกย่ี วกับเนื้อหาโดยสรปุ พิจารณาถงึ จดุ มุ่งหมายของผจู้ ดั รายการและพยายามทำ
ใหเ้ ป็นไปตามนน้ั โดยพิจารณาวา่ ผ้ผู ลติ จะมโี อกาสครอบคลมุ ทุกอยา่ งท่ีต้องการได้เพียงใด
2. ตัดสนิ ใจเรือ่ งเนื้อหา พจิ ารณาเร่ืองเนื้อหาและคำบรรยาย รวมทั้งส่งิ ทีจ่ ะใชใ้ นรายการ เชน่
เสียงสัมภาษณ์ วตั ถดุ บิ รวมท้ังเสียงประกอบต่าง ๆ ท่ีตอ้ งการ
3. การทำวิจยั คน้ คว้า ได้แก่ข้อมลู ทต่ี ้องการสำหรบั สัมภาษณ์ ขอ้ เทจ็ จรงิ ตา่ ง ๆ บคุ คลท่ีควรขอ
คำปรึกษา บุคคลท่ีควรสมั ภาษณ์ รวมทั้งวจิ ยั เร่อื งตา่ ง ๆ
๑๒
4. เลือกผทู้ ีจ่ ะเข้าร่วมในรายการ ควรเลือกผู้ทร่ี ้เู รื่องในเรื่องนัน้ ๆ และมเี วลาว่างท่จี ะมาให้
สมั ภาษณจ์ รงิ ๆ
5. บันทึกเสียงลงเทป บนั ทึกเสียงโดยคำนึงถึงความต้องการของเราและเผื่อไว้สำหรับตดั ต่อ ถา้
เรามีสงิ่ น้ีไว้ในใจแลว้ การเรยี บเรียงและการเช่อื มโยงก็จะทำได้ง่าย เสยี งท่ตี ้องการ ควรมีการบันทกึ เสยี งท่ี
ต้องการตา่ ง ๆ ลงเทปโดยบันทึกให้ได้คณุ ภาพดี และบนั ทึกเผอื่ ไว้ยาว ๆเพ่ือการตัดต่อเสียงอีกครงั้ ซึง่ จะอยใู่ น
ขัน้ ตอนการบันทึกเสยี งทั้งรายการ ซึง่ รวมทัง้ เสียงเพลงด้วย
6. การตัดตอ่ ครั้งที่1ใหต้ ดั ส่ิงท่ีรูว้ ่าไมต่ ้องการออกไปอยา่ เสียดายจากน้นั ตรวจสอบโดยการฟงั อีก
ครงั้ เพื่อหาจดุ ทด่ี ีทส่ี ุดที่จะเชื่อมโยงกันไดอ้ ย่างดที สี่ ดุ ระหวา่ งวตั ถุดิบกบั บทบรรยายและพร้อมทีจ่ ะหาวตั ถดุ ิบ
เพิม่ เติม หากจดุ ที่เช่ือมต่อระหว่างวัตถกุ ับบทบรรยายยังไม่เชื่อมโยงกนั ดีพอ ลอกวัตถุดิบทง้ั หมดลงบนเทป
ตามลำดบั โดยเวน้ ชว่ งหน้าชว่ งหลงั ของแต่ละช่วงไว้ให้พอดี
7. เตรียมการเขียนบททจ่ี ะใช้ ถงึ ขนั้ นี้ควรมีการตกลงใจแล้ววา่ จะใช้อะไรแทรกตรงไหน
ขณะเดยี วกนั บทบรรยายต้องพรอ้ ม และจะใช้วัตถดุ บิ ก่นี าที ท่ีจะเฟรดตรงไหนเพลงจะเริ่มท่ตี รงไหน จบ
ตรงไหน ควรมกี ารจบเวลาใหแ้ น่นอน
8. การเรยี บเรยี งเรือ่ ง หรือการบันทึกเสยี ง วัตถุดิบทั้งหมดจะได้มกี ารนำมาผสมผสานกันตามท่ี
ได้วางแผนไว้ เพ่ือใหร้ ายการดำเนนิ ไปด้วยความราบร่ืน ลองซ้อมดูอกี ครั้งว่าการเรียบเรียงอยา่ งนเี้ ป็นอยา่ งไร
ถา้ ยังไม่ดีพออาจใช้การตัดตอ่ แก้ไข เพ่มิ เตมิ ได้อีก
เทคนิคผลติ รายการสารคดี (Documentary Techniques)
รายการสารคดีมีโครงสร้าง 2 ประการ คือ
1. มผี ูบ้ รรยาย เปน็ ผูเ้ ล่าประกอบกับเทปแทรก ที่ไดม้ ีการบันทกึ ไว้ก่อนแลว้
2. โดยการเลา่ เรอื่ ง ดว้ ยการใชเ้ ทปแทรกต่อเน่ืองกนั ไป ไมไ่ ด้ใช้ผบู้ รรยาย
2.1 เทปแทรก ได้แก่ คำพูด หมายถึงขา่ วสาร เรอ่ื งราว ทอี่ าจจะตดิ ต่อมาจากคำใหส้ ัมภาษณ์ท่ี
เกยี่ วข้องกบั สารคดีทผ่ี ลิต
2.2 คำใหส้ มั ภาษณ์ ต้องให้มกี ารเชื่อมโยงทีด่ ี และให้เหมาะสมกับการนำเสนอรายการใน
รูปแบบสารคดี คำสมั ภาษณ์ไมค่ วรยาวเพราะจะเป็นรายการสมั ภาษณ์ได้
2.3 คำอภิปราย เปน็ เสยี งของผู้อภิปรายตัง้ แตส่ องคนข้ึนไป หรือใหค้ วามคิดเหน็ ทีโ่ ต้แย้งกัน
2.4 เสยี งประกอบจริง (Actuality Sounds) หมายถงึ เสียงทีเ่ กดิ ข้ึนจริง ๆ ขณะน้นั ควรบันทกึ
จากสถานท่ีจรงิ ๆ
2.5 เสียงประกอบ (Sound Effects) เป็นเสยี งท่ีผลิตจากอีเลกโทรนิกส์ เพ่ือนำมาใชใ้ ห้เกิดการ
เช่ือมโยงกัน ระหว่างเนื้อหา
2.6 ดนตรี (Music) เพอ่ื ช่วยเช่อื มโยงเทปสัมภาษณ์ กบั คำบรรยาย
2.7 เสยี งบุคคลทีเ่ ก่ยี วข้องในเหตกุ ารณ์ ใช้เสียงของบุคคลในเหตุการณ์จริง เชน่ เสียงรายงาน
ขา่ วจากสถานทจ่ี ริง เสยี งผ้ทู เ่ี หน็ เหตุการณ์จรงิ เสียงนกั บินอวกาศ
๑๓
หลกั สำคญั ในการดำเนนิ เรื่อง
1. ให้มคี วามน่าสนใจท้งั เนื้อหาและเทคนิค พึงระลกึ วา่ เนื้อหาคือหลักสำคัญอย่าคำนึงถึงแตด่ ้าน
เทคนิค จนลืมความสำคัญของเน้ือ หรือทำใหผ้ ฟู้ ังหันเหความสนใจไปจากเนอื้ หา
2. บทเช่อื มโยง ควรทำใหร้ าบเรียบและต่อเน่ือง
3. พยายามนำเร่ืองน่าฟัง มีชีวิตชวี า แมน้ จะเป็นเรอ่ื งหนัก ๆ แตก่ ส็ ามารถทำให้มีชวี ิตชวี า
น่าสนใจได้
4. ทำให้ผู้ฟงั ค่อยๆ เรม่ิ สนใจเรอื่ งทเี่ ราเสนอจนต้องตัง้ ฟังจนจบ
การสัมภาษณ์เพ่ือนำมาประกอบรายการสารคดี
การสมั ภาษณเ์ พ่ือประกอบรายการสาคดีส่วนมากจะใช้แค่เสียงสัมภาษณข์ องผู้ให้สมั ภาษณม์ าประกอบเท่านั้น
ดังนัน้ การสมั ภาษณเ์ พ่ือจะนำมาประกอบสารคดี ควรจะสมั ภาษณ์โดยถามคำถามให้ตรงจุดท่ีเราต้องการเปน็
เรือ่ ง ๆ ไป และคำตอบท่ีได้ก็ควรจะเกบ็ ท้ังหมด จนกวา่ จะได้มีการตัดสนิ ใจตัดต่อใชเ้ ฉพาะสว่ นทีต่ อ้ งการ
บทบรรยายสำหรับรายการสารคดี
บทบรรยายสำหรับรายการสารคดี ไม่ควรเนน้ ให้ละเอยี ดมากเกินไป ไม่ว่าจะดา้ นข่าวสาร ตวั เลข
หรอื สถติ ิใด ๆ ท้ังนเ้ี พราะเราสามารถจะนำวัตถดุ ิบ เชน่ คำสัมภาษณ์ให้รายละเอียดท่ีดีกว่า นอกจากนนั้ บท
บรรยายกค็ วรใช้ให้นอ้ ย และใช้เท่าที่จำเป็น
บทบรรยายไม่จำเป็นต้องเชอื่ มโยงทุก ๆเทป อาจใชด้ นตรหี รอื เสยี งประกอบแทนบทบรรยายได้
หากเป็นการให้ความหมายได้อยา่ งชัดเจนแก่ผู้ฟังช่ือหรือตำแหนง่ ผใู้ ห้สัมภาษณใ์ นรายการสารคดี เมือ่ ได้มีการ
พดู ไปแล้วอย่างละเอียดในตอนแรก ก็ไม่จำเปน็ ต้องพูดโดยละเอยี ดทกุ ครั้ง เชน่ อาจพูดถึงเฉพาะชอื่ หรือ
ตำแหน่ง
ข้อควรทราบ
1. ไมค่ วรใชเ้ ทปแทรกยาวมากในแตล่ ะครง้ั ถา้ จำเปน็ ควรแบ่งเป็น 2 หรือ 3 ชว่ ง โดยใชค้ ำ
บรรยายแทรกระหว่างชว่ ง
2. การเริ่มตน้ รายการควรใชถ้ ้อยคำที่ดงึ ดดู ความสนใจ หรือใช้เสียงดนตรีที่ไพเราะ หรือแม้นแต่
ใช้เสยี งประกอบที่น่าสนใจ เพ่ือดงึ ความสนใจผฟู้ ังเป็นเร่ืองแรก
3. ผู้บรรยาย ควรจะนง่ั ในห้องส่งตลอดเวลา ท่บี ันทึกเสยี งหลังออกอากาศและฟงั เทปแทรกทุก
ช่วงอยา่ งตัง้ ใจ เพื่อให้นำ้ เสยี งและจงั หวะของคำพูดสอดคล้องกนั กับเทปแทรกน้นั ๆ ทุกชว่ งตอน
4. เรือ่ งระดบั เสยี ง ควรระมัดระวงั ใหส้ ม่ำเสมอท้ังเสียงบรรยายและเทปแทรก อยา่ งไรก็ตาม ถา้
เป็นเสียงดนตรี ควรใหเ้ บากว่าเสยี งบรรยาย เพราะถา้ ดังเท่ากัน เวลาออกอากาศเสยี งดนตรีจะดงั กวา่
5. การเชือ่ มต่อระหว่างเทปแทรกและคำบรรยาย ควรหยุดพักหายใจ ตามธรรมชาติ เพื่อให้ผู้ฟัง
รูส้ กึ วา่ ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาตอิ ย่างแทจ้ รงิ
6. เสียงของผบู้ รรยายควรให้สอดคล้องกบั เนื้อหาและเทปแทรก เชน่ ถ้าเทปแทรกจบลงด้วย
ความเศรา้ โศก กไ็ มค่ วรบรรยายต่อดว้ ยเสยี งรื่นเริง หรือถา้ เทปแทรกจบลงด้วยถ้อยคำขำ ๆ ก็ควรยมิ้ แลว้ ก็
๑๔
บรรยายตอ่ ด้วยเสียงยิม้ ๆ ผู้ฟังจะรสู้ ึกได้เองวา่ เราขำ ไม่ควรถึงกับหวั เราะออกมา ซึ่งจะเป็นการแสดงออกมาก
ไป เปน็ ต้น
*************
๑๕
บทท่ี 3
หลกั การผลิตรายการวิทยุกระจายเสียง
แนวคิด
เป็นการวางแผนการผลติ รายการวิทยุกระจายเสียงใหเ้ ป็นไปตามวตั ถปุ ระสงค์ท่ีกำหนดและวาง
แนวทาง การเขยี นบทวทิ ยุแนวทางปฏิบัติ แมน้ กระทง่ั การหลอมความคดิ เห็นของทีมงานใหไ้ ปในจุดประสงค์
เดียวกนั ซ่งึ จะนำไปส่คู วามสำเร็จสูเ่ ป้าหมาย คือ ผ้ฟู ังรายการ
การจดั รายการวทิ ยุกระจายเสียง มกี ารกล่าวนั ว่า "เทคนิค คือ หวั ใจ" "รายการคือ ใบหน้า" การ
ส่งกระจายเสยี งทุกคร้ังจึงต้องคำนึงถึงคณุ ภาพท้งั ด้านเทคนิค คือคุณภาพของเสียงท่ีออกอากาศและคณุ ภาพ
ของรายการ ควบคู่กันไป หากขาดด้านใดดา้ นหนึง่ แล้ว ผฟู้ ังย่อมปฏิเสธทีจ่ ะรบั ฟัง ซ่ึงหมายถงึ วา่ ความหมาย
ของการกระจายเสียงจะหมดไปทนั ที เพราะขาดปจั จยั ที่สำคญั ของการสื่อสาร คือ ผรู้ ับ
การจัดรายการวทิ ยุกระจายเสียง หากมองอย่างผวิ เผนิ นา่ จะเป็นเรอื่ งงา่ ย แต่ความจรงิ แล้ว การ
จัดรายการวทิ ยุกระจายเสยี งเพอื่ ให้เปน็ ทนี่ ยิ มของผู้ฟงั สามารถสือ่ สารข้อมลู ขา่ วสาร ได้อย่างตรงเป้าหมาย
และมีส่วนช่วยในการพัฒนาสังคมและพัฒนาผู้ฟงั ด้วย เปน็ ส่งิ ที่ยาก ซง่ึ จะต้องมีการวางแผนและดำเนนิ การ
อยา่ งรดั กุม ต่อเน่ือง
รายการวิทยุกระจายเสยี งแต่ละชว่ งเวลาการออกอากาศน้ัน จะต้องมีการวางแผนของผู้บริหาร
สถานี โดยมีการแบง่ ชว่ งเวลา ซงึ่ นยิ มแบง่ เป็นช่วงละคร่ึงชั่วโมงหรือ หนงึ่ ชวั่ โมง (คอื แต่ละช่วงจะลงทา้ ยด้วย
00 หรอื 30 ) เพราะเปน็ การสะดวกต่อผู้ฟัง จากนนั้ กจ็ ะพิจารณาว่าในแต่ละชว่ งจะเสนอรายการประเภทใดให้
เหมาะสมกบั กลุ่มผู้ฟงั เป็นหลัก พร้อมทง้ั มกี ารกำหนดนโยบายและเปา้ หมายใหผ้ ูจ้ ัดรายการที่เหมาะสม
รับผดิ ชอบไปดำเนนิ การ ซ่งึ ส่ิงทผี่ ู้จัดรายการจะต้องคำนึงถึงมีหลายประการดว้ ยกนั คือ
- ผู้ฟงั
- แหลง่ ข้อมูลและการรวบรวมข้อมลู
- เนอ้ื หา
- การมอบหมายและแบ่งงานกันทำ
- เวลาออกอากาศ -การประเมนิ ผล
- รูปแบบรายการ
- ช่ือเร่ือง และการตั้งช่ือรายการ
- เคร่ืองมอื ผลิตรายการ
- วัตถุประสงค์ของรายการ
- การประสานงานและความรว่ มมอื
รายการวทิ ยุประดว้ ยส่วนสำคญั 3 ส่วน คือ
1. บทพูด หรือ เนื้อหา (Content
2. ดนตรีหรือเพลง (Music)
๑๖
3. เสยี งประกอบ (Sound Effect)
ขั้นตอนการจัดรายการวิทยุ
1. วตั ถุประสงค์
1.1เพอื่ ใหค้ วามรู้ความเข้าใจวธิ ีการวางแผนการผลติ รายการวิทยกุ ระจายเสยี งโดยนำความรู้
พน้ื ฐานมาเป็นแนวทางสร้างสรรค์
1.2 เพอ่ื ให้สามารถนำเทคนคิ ต่าง ๆ มาใช้ในการผลิตรายการวิทยุ
1.3 เพือ่ ใหส้ ามารถผลติ รายการวิทยุกระจายเสยี งเพอ่ื การพฒั นาการ ดา้ นต่าง ๆ ได้อยา่ ง
เหมาะสม
2. หลักการผลิตรายการวิทยุ
หลกั การผลติ รายการวิทยุถา้ จะให้ได้ผลจะต้องยึดหลกั ต่อไปนี้
2.1 จะตอ้ งมีวตั ถปุ ระสงค์ว่า จะทำรายเพ่อื การอะไร
2.2 วตั ถปุ ระสงคข์ องรายการ
2.3 ต้องรจู้ ักผฟู้ งั ว่าเป็นประเภทใด มีเปา้ หมาย เช่น อายุ อาชีพ การศึกษา เพศ ศาสนา
วฒั นธรรม ประเพณี ต้องตระหนักเสมอวา่ วทิ ยไุ มค่ วรนำเสนอเร่อื งราวท่ีสลบั ซบั ซ้อน
2.4 ตัวอยา่ งท่ียกมาประกอบ จะต้องให้ผฟู้ งั หันมาฟังจะตอ้ งเปน็ เร่ืองใกล้ตวั
2.5 การจัดรายการตอ้ งยดึ ความถูกต้องเป็นเกณฑ์
2.6 การจัดรายการให้สอดคล้องกับธรรมชาติของประเภทรายการ
3. องค์ประกอบการผลติ รายการวทิ ยุ
3.1 กลุ่มผ้ฟู ัง เปา้ หมาย ความเช่อื ถอื ความสนใจระดบั ความรู้ ความสามารถ อาชีพ
3.2 วัตถุประสงคข์ องรายการ ต้องกำหนดวตั ถปุ ระสงคใ์ ห้ชัดเจน (กรมประชาสัมพันธ์ คือ การ
นำเสนอข้อเทจ็ จริง เช่อื ถือได้) ตอ้ งกำหนดใหช้ ัดเจนว่า ผ้ฟู งั ได้เรยี นร้อู ะไรบ้าง เปล่ียนแปลงพฤติกรรมทางไหน
แต่ละรายการใหก้ ำหนดวัตถุประสงคเ์ พียง 1 หรือ 2 วัตถุประสงคเ์ ท่าน้นั โดยมีการกำหนดขอ้ เท็จจริงมาเป็น
แนวคิดเพื่อกำหนดเนื้อหาของรายการ
3.3 วธิ ีการนำเสนอ ทำอย่างไรให้คนสนใจ โดยไม่จำเป็นท่จี ะต้องเนน้ เร่ืองความรู้มากนัก
3.4 มสี อ่ื สนบั สนุน เชน่ เพลงหรอื โฆษณา
3.5 การมีสว่ นร่วมกับผูฟ้ งั ทำให้ผู้ฟงั มปี ฏกิ ิรยิ าตอบสนอง
3.6 การประเมินผล ประเมนิ ดวู า่ รายการทำไดด้ ีมากน้อยแค่ไหน โดยใชแ้ บบทดสอบ
สมั ภาษณห์ รอื โทรศัพท์ จดหมาย เพ่ือนำมาปรับปรุงรายการให้ดียง่ิ ขน้ึ
4. การเตรยี มผลิตรายการวทิ ยุ
4.1 ข้นั เตรียมการ โดยมจี ดุ ประสงค์วา่ จะผลติ รายการประเภทใดรูปแบบของรายการ สรปุ ได้
ดังน้ี
4.1.1 รายการสนทนา ตัง้ แต่ 2 คนขึน้ ไป
4.1.2 รายการสมั ภาษณ์ ต้ังแต่ 2 คนขึ้นไป ผู้ถกู สัมภาษณ์อยา่ งน้อย 1 คน
๑๗
4.1.3 รายการอภิปราย มีหลายคน
4.1.4 รายการสารคดี
4.1.5 รายการนติ ยสารทางอากาศ มขี ่าว -เพลง-สารคด-ี สมั ภาษณ์
4.1.6 รายการขา่ ว รายงานข่าวเหตกุ ารณท์ ่ีเกดิ ขนึ้ รวดเรว็ สั้นชัดเจน
4.1.7 รายการบรรยายเหตกุ ารณ์นอกสถานท่จี ากจดุ ทเ่ี กิดเหตุ
4.1.8 รายการเพลง
4.1.9 รายการละคร
4.1.10 รายการปกิณกะ เกรด็ ความรู้ ไมจ่ ำเปน็ ต้องเชื่อมโยงกัน
4.2 การเตรยี มการต้องมีการวางแนวการผลติ ประชมุ วางแผนว่าจะจัดอย่างไร
4.2.1 ขน้ั ศึกษาเน้ือหา ผ้เู ขียนบทจะต้องศึกษาอยา่ งถอ่ งแท้ เพ่ือเตรียมตวั ในการเขียนบท
4.2.2 ขนั้ ลงมือเขยี นบท ตามท่วี างแนวเอาไว้ มกี ารแก้ไขพิมพ์บทให้เพอ่ื นร่วมงานเตรียม
วัสดใุ นการผลติ รายการตามบทท่ีเขยี นไว้
4.2.3 จองหอ้ งบนั ทึกเสยี ง มี 2 ขนั้ ตอน
-ข้ันซกั ซ้อม มีการซ้อมแหง้ ใหม้ ีความคนุ้ เคยก่อนทจี่ ะซ้อมกับไมโครโฟน และซ้อมในห้องบันทกึ เสยี ง
-ขน้ั ลงมอื ผลิต มีการบันทกึ รายการ ผรู้ ว่ มงานต้องมาก่อนเวลา การตรวจสอบคิว เม่ือบนั ทึกรายการเสรจ็ แลว้
จะตอ้ งตรวจสอบดูก่อนว่า จะตอ้ งแกไ้ ขอะไรบา้ ง
*************
๑๘
บทที่ 4
หลักการจัดรายการวิทยุกระจายเสยี ง
การจัดรายการวทิ ยุกระจายเสียงให้มีคุณภาพ ควรยดึ หลักดังน้ี
1. หลกั การจดั วิทยกุ ระจายเสยี ง
การทำหน้าทต่ี อ่ ส่ือมวลชนท่ดี ี คอื การมีความรับผิดชอบต่อสังคม และถา้ หากต้องการเปน็ นัก
จดั รายทด่ี ี กอ่ นทีจะพดู เพ่อื กระจายเสยี งผา่ นสื่อวิทยุทุกครั้งตอ้ ง "ย้มิ กับไมโครโฟน"
สื่อวทิ ยุกระจายเสยี งเป็นส่ือที่สำคัญในกระบวนการสื่อสาร คอื
1.1 การให้ข่าวสาร
1.2 การทำหนา้ ท่ถี ่ายทอดมรดกทางสังคม
1.3 การให้การศึกษา
1.4 การให้ความบันเทิง
2. การจัดรายการวทิ ยกุ ระจายเสยี ง ตอ้ งมี 3 ต้อง คือ
2.1 ตอ้ งมอี งคค์ วามรู้ (Body of know Ledge)
2.2 ต้องมีทักษะ (Skill)
2.3 ตอ้ งมศี ลิ ปะ (Art full)
3. หลักแห่งความสำเร็จ การจดั รายการคอื
3.1 ผรู้ ู้ ผจู้ ัดรายการต้องรู้เร่ืองราวท่ีตวั เองจะนำไปพูดในรายการอย่างละเอยี ด และต้องทำ
ความเขา้ ใจเน้ือหาท่จี ะพดู อย่างลึกซึง้ สามารถทจ่ี ะพูดออกมาได้อย่างต่อเนื่องและเปน็ ระบบ โดยไม่ต้องดบู ท
เป็นหลกั
3.2 ผตู้ ืน่ ผจู้ ดั รายการต้องมีความตนื่ ตวั ตลอดเวลาท่เี ขา้ ไปจัดรายการ และตอ้ งรูว้ ่าตวั เองพูด
อะไรออกไป และตอ้ งคำนึงด้วยวา่ คำพดู กับตัวเองมีผลกระทบกับใคร และตอ้ งคดิ เสมอว่าคำพูดน้ัน ผฟู้ ังรบั รู้
(Perception) และได้อะไรบ้าง
3.3 ผู้เบกิ บาน ผู้จัดรายการ เมอ่ื เขา้ ไปอยใู่ นห้องสง่ จะต้องเป็นผเู้ บิกบาน แจ่มใส พูดแตส่ ิ่งทดี่ ี
ๆ สร้างสรรค์ ไม่ตรึงเครยี ดกับผูฟ้ งั แตไ่ มถ่ ึงกบั ร่าเรงิ จนเกินเหตุ ไม่ควรพูด 2 แง่ 2 ง่าม
4. การจัดรายการวทิ ยกุ ระจายเสียงต้องทำงานดว้ ย หลัก 6T และ 3H
4.1 Topic คือ ต้องมวี ัตถุประสงค์ หวั ข้องเร่ืองทช่ี ัดเจน แจ่มชัด ในการ ทำงาน
4.2 Target คอื การจดั รายการวิทยุกระจายเสียงตอ้ งร้จู ักกลุ่มเป้าหมายของเรา
4.3 Team คือ การทำงานดา้ นส่ือสารมวลชน ต้องมี Team ซึ่งเหมือนกบั งานอ่นื ๆ เช่นกัน
4.4 Tactic คอื ต้องมีกลยทุ ธ์ ในการนำเสนอ ตอ้ งมีกลยทุ ธ์ในการดงึ ดูดใจ
4.5 Time คอื ผู้จดั รายการวิทยุกระจายเสียงตอ้ งรจู้ ัก "เวลา" "กาลเทศะ" รจู้ ักใช้ทรัพยากร
ของ เวลา ใหเ้ ปน็ ประโยชน์ให้มากท่ีสุด
๑๙
4.6 Technology คือ นักจัดรายการวทิ ยุตอ้ งรู้จักจักเทคโนโลยี เพื่อการเสาะหาแหลง่ ความรู้
รจู้ ักใชเ้ ทคโนโลยี เพ่อื การประหยัด เชน่ Internet เป็นต้น
5. ปัจจยั ท่กี ารดึงดดู ผู้ฟงั ให้ฟังรายการ 3H
5.1 Head คอื ต้องทำงานด้วยสมองสติปัญญาพจิ ารณาด้วยความรอบ คอบรอบรู้
5.2 Hand คอื ทำงานด้วยฝีมืออันประณีต บรรจง ละเอยี ด สวยงามนา่ ชน่ื ชม
5.3 Heart คอื การทำงานด้วยใจ ใฝใ่ จ ใจรัก มีนำ้ ใจ เอ้ือเฟ้ือ เมตตา อดทน พากเพียร
พยายาม
การทำงานด้านสือ่ มวลชน ต้องรู้จักกับคำวา่ จรรยาบรรณ คอื ข้อควรปฏิบตั ิในการประกอบ
อาชพี ด้านส่ือมวลชน ท่ีผ้จู ัดรายการจำเปน็ ต้องมีจรรยาบรรณแห่งวิชาชพี ของตนเอง ตอ้ งมวี ินัย (Discipline)
คือ ต้องรจู้ ักหน้าท่ที ต่ี ้องปฏิบัติ นอกจากนน้ั ต้องมี ศีลธรรม เปน็ ข้อเตือนใจอยเู่ สมอในกรอบของสงั คม (Social
Culture) อย่ดู ว้ ย มกี รอบแห่งวฒั นธรรมยังไม่พอต้องรู้จักกรอบแหง่ กฎหมาย (Law) ที่ทำหน้าทเี่ ป็นข้อปฏบิ ตั ิ
ของส่ือมวลชนทีด่ ี แต่ถา้ ทำไม่ดีก็จะถกู ลงโทษตามกฎหมายบา้ นเมอื ง
6. ขอ้ ควรปฏบิ ตั ใิ นการจัดรายการวิทยกุ ระจายเสยี ง
การจัดรายการที่ดี จำเปน็ ตอ้ งมที ้งั ความรู้และศิลปะ นอกจากนน้ั ยงั มีองค์ประกอบอื่น ๆ ดังนี้
6.1 กลุ่มผฟู้ งั เป้าหมาย หมายถงึ กลุ่มผู้ฟงั ทผี่ ้ผู ลตริ ายการต้องการจะสง่ ข้อมูลขา่ วสารตา่ ง ๆ
ไปถึงไมว่ า่ จะเป็นข่าวสาร ความรูค้ วามบันเทิง ผจู้ ดั รายการตอ้ งทราบถึงภูมหิ ลัง ของผู้ฟังเช่น อายุ เพศ
สถานภาพทางสงั คม เศรษฐกิจ แนวคดิ คา่ นยิ ม
6.2 การพูด มคี วามสมั พนั ธ์กับวัย และระดบั การศึกษาของผู้ฟงั อยา่ งมาก การใชภ้ าษาให้
เหมาะสมตลอดจนจงั หวะจะโคน และศิลปะของการพูด ต้องเปน็ สือ่ ในความหมายต่อกลุ่มแมน้ ความแตกตา่ ง
ในสังคม ประเพณี ศาสนา ไม่ควรพดู ศัพทแ์ สลงต่าง ๆ จะทำใหค้ นฟังไดภ้ าษาผดิ ๆ จนตดิ ปาก ในเรือ่ งของ
ภาษานน้ั ต้องคำนึงถึงภาษาถิ่นตา่ ง ๆ ด้วย เพราะจะทำใหร้ ายการประสบความสำเรจ็ มากขน้ึ
6.3 ลีลา การพูด การพดู ทางวทิ ยุกระจายเสยี ง ไมค่ วรพดู เหมอื นการอ่านหนงั สอื แตค่ วรพูด
เหมือนกบั การสนทนาในหมู่เพ่ือนฝงู หรือไม่ใชพ่ ูดเหมือนกับการปราศรยั ลีลาการพดู แต่ละคนมีลลี าเปน็ แบบ
ฉบบั ของตนเอง ขอ้ ทตี่ ้องคำนึงถงึ คือ นำเสียงจะตอ้ งแสดงถึงความจริงใจไมแ่ สดงอาการดูถกู ต่าง ๆ ออกมา
6.4 เพลง เพลงประจำรายการ ที่เรียกว่า "Title" หรือ Introduction หรอื บางทีกเ็ รียกเพลง
นำรายการ จะใช้เพลงบรรเลง หรือ เพลงที่มีเน้ือหาคล้ายกับรายการ กไ็ ด้
- เพลงค่นั รายการ เพลงค่ันรายการจะชว่ ยให้รายการที่มเี นื้อหาหนกั (รายการท่เี นน้ ทาง
วชิ าการ) จะทำให้รายการมีการผ่อนคลาย
- การสรา้ งบรรยากาศของรายการ จะชว่ ยทำใหบ้ รรยากาศในการฟังดขี ้ึน เพลงท่ีนำ
ประกอบน้นั ควรเลือกสรรให้ตรงกับเรื่องทจี่ ะพดู เป็นการสร้างจนิ ตนาการไปกับส่ิงท่พี ดู ได้ดี
6.5 ความหลาก เปน็ วธิ ีหรือเทคนิคในการจัดรายการวทิ ยกุ ระจายเสียงเพื่อท่อดงึ ดูดความ
สนใจจากกลมุ่ ผู้ฟังเพ่ือแข่งขนั กับสถานวี ิทยุอ่ืน ๆ เพ่ือให้กลุ่มผูฟ้ งั สนใจดังน้ันวิธนี ำเสนอรายการ ตอ้ งเสนอใหม้ ี
๒๐
ความหลากหลาย ในความหลากทจี่ ะเกิดขนึ้ มีท้ัง เรื่องภาษา การพูด ลีลาการพูด เพลงประกอบ ในความหลาก
ไม่มีกฎตายตวั ผูจ้ ดั รายการต้องมีการปรับให้สอดคลอ้ งกับวตั ถปุ ระสงค์และสภาพแวดล้อมต่าง ๆ
7. กระบวนการผลติ รายการวิทยุกระจายเสียง
การผลติ รายการวทิ ยุกระจายเสียง มีขัน้ ตอนตา่ ง ๆดงั นี้
1. ขน้ั การเตรียมการ
1.1 ข้ันการวางแผนการผลิต คือ การกำหนดหวั ขอ้ ว่าจะจดั รายการในเรือ่ งอะไรบา้ ง มี
เนื้อหาอย่างไร จะเสนอรายการในรูปแบบไหน ผฟู้ ังคือใคร ออกอากาศเวลาไหน
1.2 การเขียนบท เปน็ การนำเอาความคดิ ในขัน้ การวางแผนมาขยาย และเขียน
รายละเอียดโดยอาศยั จนิ ตนาการของผู้เขียน ประกอบกบั การคน้ หาข้อมลู ท่เี กี่ยวขอ้ งตา่ ง ๆ มาเขียนในรปู ของ
บทวิทยกุ ระจายเสียง
1.3 การเตรยี มการด้านอปุ กรณ์ทางเทคนิค เช่นการหาวัตถดุ บิ เรื่องตา่ ง ๆ ตวั บุคคล
สถานทเ่ี สยี งประกอบการเขียนบทวทิ ยุ เทปบนั ทึกเสียง แผ่นซีดี ไมโครโฟน
2. การซอ้ มก่อนออกอากาศ
การซ้อมก่อนออกอากาศ เปน็ การนำสิง่ ตา่ ง ๆ มารวมกันและจดั ลำดับตามบททเ่ี ขียน แล้วทำการซกั ซ้อมจัด
รายการทงั้ หมด พร้อมท้ังปรับปรงุ แก้ไขสิง่ บกพร่องใหเ้ หมาะสมย่งิ ขึน้ โดยการซอ้ มใหก้ ระทำเพยี งครา่ ว ๆ
3. ขั้นออกอากาศ
เป็นขนั้ ตอนทีท่ ุกส่ิงทุกอย่างผ่านการแก้ไขเสร็จเรยี บร้อยแล้ว รายการตา่ ง ๆ อยู่ในสภาพทสี่ มบรู ณ์และนำ
ออกอากาศ
4. ขัน้ การประเมิน
หลังจากท่ีราการได้ออกอากาศแลว้ กระบวนการผลติ จะเสรจ็ สน้ิ ลง ก็ตอ้ งมีการประเมนิ ผลรายการ ทจี่ ดั ทำไป
นนั้ ประสบความสำเร็จเพยี งใด ดจู ากการท่ีได้รบั ความสนใจจากกลมุ่ ผฟู้ ัง หากรายการได้รบั การตอบสมนอง
จากผู้ฟงั ในลักษณะถูกใจผู้ฟัง นั่นคอื ความสำเรจ็ วิธีการประเมนิ วัดจาก จดหมาย ไปรษณียบัตร โทรศพั ท์
หรือคำติชมจากเพื่อนร่วมงาน ท่ีมีโอกาสไดพ้ ดู คุย การประเมินแบบน้เี ป็นการประเมินขั้นพ้นื ฐาน
หากเปน็ การประเมินตามหลกั วชิ าการจะต้องมีการสำรวจการรบั ฟงั โดยใหห้ น่วยงานทเ่ี ชื่อถือได้เป็น
ผู้ดำเนินการ คอื สำนักงานสถิตจิ ังหวัด มหาวทิ ยาลยั ทอ่ี ยใู่ นพ้นื ที่ การประเมินในลกั ษณะน้ี จะเปน็ การสำรวจ
การรบั ฟัง ของรายการท่ีออกอากาศท้งั หมด เพราะการสำรวจแตล่ ะครัง้ จะใชง้ บประมาณมาก แตผ่ ลการ
ประเมินจะมีความเช่ือถือมากกวา่ การทีไ่ ดร้ บั จดหมาย หรือ โทรศัพท์ เพราะเป็นการประเมนิ ผลทางวิชาการ
*************
๒๑
บทท่ี 5
บทวิทยกุ ระจายเสียง
บทวิทยกุ ระจายเสยี ง หมายถึง ขอ้ ความท่บี อกความเป็นไปของรายการนัน้ ๆ ตั้งแต่เร่ิมต้นจนจบ
รายการ เพื่อทจ่ี ะให้รายการดำเนินไปอย่างมที ิศทางในขอบเขตของรปู แบบทว่ี างไว้บทวทิ ยกุ ระจายเสียง มี
หนา้ ทดี่ ังน้ี
1. บทวทิ ยจุ ะเป็นแนวทางให้ผ้รู ่วมรายการ ทราบว่าใครมีหน้าท่ีอะไรจะต้องทำตอนไหน
2. บทวิทยุจะต้องช้ถี งึ เน้ือหาสาระตา่ ง ๆ รายละเอียดและรปู แบบของรายการได้เปน็ อย่างดี
3. บทวทิ ยุจะเปน็ คู่มอื ในการเตรียมตวั ล่วงหนา้ สำหรบั ผทู้ เี่ กยี่ วขอ้ งต่าง ๆ
4. บทวทิ ยุจะเป็นเคร่ืองกำหนด หน้าท่ใี นการประสานงานกับทุกฝ่ายของบุคคลที่ร่วมกันผลิต
รายการ
ประเภทของบทวทิ ยกุ ระจายเสยี ง มี 3 ประเภท
1. บทวทิ ยุประเภทแสดงเค้าโครง มลี ักษณะเปน็ การร่าง ลำดับเน้ือหา หรือลำดบั การทำงาน ให้
ผู้รว่ มงานได้เขา้ ใจกนั แสดงไว้ในบทเฉพาะส่วน ทีส่ ำคัญเท่านั้น
2. บทวิทยปุ ระเภทกึ่งสมบรู ณ์ มีรายละเอยี ดเนือ้ หาขัน้ ตอนไว้ชัดเจน แต่จะมบี างตอน เว้นไว้
เพอื่ ใหพ้ ดู เองตามความเหมาะสม
3. บทวิทยุ ประเภทเตม็ รูปแบบ ทมี ีรายละเอียดทุกอริยะบท ทุกคำพูดทีจ่ ะออกอากาศ
ลกั ษณะของบทวิทยุกระจายเสียงมี 4 ส่วนคือ
1. สว่ นหวั ของรายการ
1.1 ช่อื รายการ.......................
1.2 ชอ่ื เร่ือง...........................
1.3 ชือ่ สถาน.ี ........................
1.4 วันเวลาทอี่ อกอากาศ.........
1.5 ความยาวของรายการ........
2. ส่วนท่บี อกหน้าทผี่ รู้ ว่ มงาน วัสดุในการประกอบการแสดง
2.1 ชือ่ ผรู้ ว่ มงาน...................
2.2 ผใู้ หเ้ สียงประกอบ..........
2.3 เพลงที่ตอ้ งใช.้ ................
2.4 ผ้คู วบคุมรายการ............
2.5 ผดู้ ำเนนิ รายการ.............
3. สว่ นของเนอ้ื หา จะบอกผ้เู กี่ยวข้องและสิง่ ท่ีกำหนดให้ทำ
4. สว่ นปดิ ท้าย เป็นส่วนทแ่ี สดงสญั ลักษณ์ว่า รายการจะจบ ประกาศขอบคณุ
๒๒
จุดเรม่ิ ต้นในการเขยี นบทวิทยุกระจายเสียง
1. รเิ รมิ่ ใหเ้ กดิ แนวคดิ
2. นำเอาแนวคิดไปไตรต่ รองดูความเหมาะสม
3. พฒั นาแนวคิดให้มีความผสมกลมกลนื
4. เรมิ่ เขียนบท
สว่ นประกอบของบทวิทยุกระจายเสียง มี 4 ส่วน
1. ส่วนเริ่มรายการ เป็นการเรง่ ความสนใจให้คนฟัง ใชเ้ วลา 10 %
2. ส่วนของรปู แบบรายการ เปน็ การนำผู้ฟังเข้าส่รู ายการใช้เวลา 30 %
3ใ สว่ นประทบั ใจใช้เวลา 50 % ของเวลาทง้ั หมด
4. ส่วนสรปุ คอื สรุปเนอ้ื หาท้งั 3 ส่วน ทีก่ ล่าวมาแลว้ ใชเ้ วลา 10%
ลกั ษณะของรายการวิทยกุ ระจายเสยี งท่ดี ี
1. ตอ้ งมวี ตั ถุประสงค์ท่ีแน่ชัดและสามารถถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารไดต้ รง ตามวตั ถุประสงค์
2. ตอ้ งมีความนา่ สนใจท่ีจะตดิ ตามรับฟังโดยตลอด
3. ตอ้ งมีความตอ่ เน่ืองไม่ขาดสาย
4. ต้องอยใู่ นเวลาทีก่ ำหนด โดยปกติรายการท่จี ัดจะต้องเผ่ือไว้สำหรบั ประกาศรายการ 1-2 นาที
5. ต้องมคี วามเหมาะสมกบั กาลเทศะ ตรงกับความตอ้ งการของผู้ฟงั
6. การออกเสยี งภาษาไทยตอ้ งชัดเจนถูกต้อง
7. ไมข่ ัดต่อความเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของชาติ
8. ตอ้ งมีสว่ นชว่ ยในการพฒั นาสงั คมและผู้ฟัง
ลกั ษณะของนักจัดรายการท่ีดี
1. มคี วามรบั ผดิ ชอบในการจัดรายการอยา่ งต่อเน่ือง และต้องมีความรับผิดชอบต่อรายการและ
ผู้ฟงั
2. เปน็ ผูม้ ปี ฏภิ าณไหวพริบ รจู้ ักเลือกเรื่องที่จะนำเสนอ รวมท้งั การปรุงแต่งใหเ้ หมาะสมและ
น่าสนใจ
3. เปน็ ผู้มรี สนยิ มดี
4. เปน็ ผูม้ ีมนษุ ย์สมั พันธ์ดี สามารถทำงานเป็นทมี สามารถติดต่อและสรา้ งความสัมพนั ธ์อนั ดตี ่อ
บคุ คลทัว่ ไป
5. ต้องรจู้ กั ควบคมุ อารมณ์ตัวเองให้คงที่ เพราะตอ้ งเผชิญท้งั ชมและคำด่า ผจู้ ดั รายการท่ีดีจะไม่
หลงระเริงกับคำชม ตอ้ งไม่หวั่นต่อคำติของผู้ฟัง
6. ตอ้ งมีความเสียสละ ทุ่มเทเวลา เพื่อการจัดและพัฒนารายการที่ตนรับผิดชอบอยตู่ ลอดเวลา
7. ตอ้ งมีความต่ืนตวั และกระตือรือรน้ อยู่เสมอ
8. ตอ้ งเปน็ นกั ฟังทด่ี ี
9. ต้องเปน็ คนชอบอ่านหนังสือ ค้นควา้ เร่ืองราวต่าง ๆ และสนใจขา่ วสารรอบดา้ น
๒๓
ตวั อยา่ งบทวทิ ยกุ ระจายเสยี ง
ของ สำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษานราธิวาส เขต ๒
บทวิทยุ คุยกนั ภาษาบา้ นเรา
ออกอากาศวันจันทร์-องั คาร เวลา ๑๐.๑๐ -๑๑.๐๐ น. ความยาว ๕๐ นาที
ทาง สถานีวิทยกุ ระจายเสียงแหง่ ประเทศไทยสุไหงโก-ลก
ระบบ FM.๑๐๖.๕ Mhz
ดำเนนิ รายการ โดย นางบญุ ศรี รกั การงาน
1. เพลงไตเตลิ้ เพลงสดดุ ีจอมราชา/เพลงนราธิวาส เขต ๒ เราต้องเป็น๑
ผู้ดำเนนิ รายการ
สวสั ดี คณุ ผูฟ้ ังพบกบั รายการคุยกันภาบา้ นเรา กบั พ่นี ำ้ ใส ทมี่ คี วามมนั ในตวั เอง มีความคดิ แปลกใหมใ่ นการนำ
สงิ่ ดี ๆ และท่สี ำคัญต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกบั ยาเสพติดด้วยนะคะ และแนน่ อนคะวนั นีร้ ายการ คุยกันภาบ้านเราก็นำ
เรือ่ งราวที่เกย่ี วกบั ยาเสพติดที่น่ารู้และกจิ กรรมโครงการของสำนกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาประถมศึกษา
นราธวิ าส เขต ๒มาเลา่ ใหผ้ ฟู้ ัง ไดร้ ับฟงั กันนะคะ คนคงจะใหค้ ำนิยาม คำจำกดั ความยาเสพติดแตกต่างกันไป
นะคะ ยาเสพติดสำหรบั แปง้ หมายถึงยาหรือสารที่เสพเข้าสู่ร่างกายแลว้ มผี ลกระทบทร่ี ้ายแรงตอ่ สุขภาพ
ร่างกายและจิตใจ แปง้ ว่าหลาย ๆ คน คงคดิ เช่นเดยี วกันกบั แป้งใช่ไหมคะ วา่ โทษของมันร้ายแรงค่าไหน เปน็
เรอื่ งท่ีคุณครจู ะต้องใหค้ วามรกู้ บั เดก็ และเยาวชนอย่างสม่ำเสมอนะคะ
2. ผูด้ ำเนนิ รายการ เนอ้ื หา เวลา
๒๔
บทที่ 6
แนวคดิ ทั่วไปเกีย่ วกับเสียง
เสยี ง
เสียงเปน็ ส่ิงสำคัญอย่างยงิ่ ยวดในการสอื่ สารโทรคมนาคม และเพ่ือเปน็ การตดิ ต่อใน
ชวี ิตประจำวนั ของมวลมนุษยชาติ เพือ่ ท่จี ะใหเ้ กดิ สือ่ ความหมายในแง่ของเน้ือหาและในแง่ของอารมณ์
ความรสู้ ึกต่าง ๆ จงึ มกี ารแบ่งเสยี งออกเปน็ 4 รูปแบบ คือ
1. คำพดู
2. เสียงธรรมชาติ
3. เสยี งดนตรี
4. เสียงพเิ ศษ
1.คำพูด เป็นสอื่ โดยตรงทีใ่ ห้ความหมายในแง่ของเนอื้ หาทเี่ ก่ยี วกบั ความคดิ หรอื เร่ืองราวต่าง ๆ
คำพดู อาจจะอยใู่ นรูปแบบตา่ ง ๆ เชน่ คำสนทนา การบอกเล่า หรอื คำบรรยาย เปน็ บทร้องหรอื บทเพลง
2. เสียงตามธรรมชาติ เสยี งทเี่ กดิ ตามธรรมชาตนิ อกเหนือจากทีเ่ ปน็ คำพดู เช่นเสียงนก เสียงน้ำ
ไหล เสยี งลม เสียงฟ้าร้อง เป็นตน้
3.เสียงดนตรี เสยี งเฉพาะอยา่ ง ซ่ึงเกดิ จากการประดษิ ฐ์ของมนษุ ย์ เพื่อทำใหเ้ กดิ ผลทางอารมณ์
ความรูส้ ึกทางอารมณ์ ความรู้สึกสูง ๆ ตำ่ ๆ ของระดบั เสยี ง จงั หวะและลักษณะตา่ ง ๆ ของเสยี งจากเครอ่ื ง
ดนตรีนานาชนิด
4. เสยี งพเิ ศษ เป็นเสยี งท่ีไม่จัดอยู่ในลกั ษณะใดใน 3 ข้อทก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ เปน็ เสียงทปี่ ระดิษฐ์
ขนึ้ มาเพือ่ สรา้ งความรสู้ กึ ทางอารมณ์โดยเฉพาะเช่นเสียงเอ๊กโค่ เปน็ ต้น
ประเภทของเสียง
1.เสียงหลกั ตามเนอ้ื หา หมายถึง เสยี งใด ๆ กต็ ามท่ีนำเสนอเนอื้ หาของเนื้อเรอ่ื ง ไมว่ า่ จะโดยตรง
หรือโดยออ้ มก็ตาม เชน่ เสียงคนพดู
2.เสยี งประกอบ เพ่ือประกอบความสมจรงิ หมายถึง เสียงอันเกดิ ขน้ึ ตามธรรมชาติของสง่ิ ตา่ ง ๆ
ทำให้เกิดความรูส้ ึกทส่ี มจริง เชน่ เมอ่ื เห็นภาพแกว้ ตกมาแตกกจ็ ะต้องมีเสยี งแก้วแตกให้ไดย้ นิ ด้วย
3.ดนตรีประกอบ หมายถึง เสียงดนตรีท่นี ำมาประกอบเพ่อื ให้เกิดความสมจริงและสรา้ ง
บรรยากาศทางอารมณ์คล้อยตาม เสยี งประกอบมอี ิทธพิ ลเชงิ จิตวิทยาสงู มาก เปน็ ตวั ลดความขดั แย้งทีเ่ กิดข้นึ
ของเน้ือหา
4.เสยี งประกอบพเิ ศษ หมายถงึ การสร้างเสียงทจี่ งใจเพอื่ ผลทางจิตวทิ ยาโดยตรง เพื่อเป็น
สญั ลักษณแ์ ทนบางสงิ่ บางอย่าง เช่น เณรน้อยเจา้ ปัญญา มีการเคาะไม้กะโหลก และพอคิดออกกจ็ ะมีเสยี ง
"ปิ้ง" ออกมา เป็นตน้
๒๕
วตั ถุประสงคข์ องการใชเ้ สยี ง
เสยี งเป็นองค์ประกอบหนง่ึ ในการนำเสนอ ฉะนั้นการนำเสนอให้เกดิ ความสมบูรณ์ และเป็นการ
เสรมิ สรา้ งการดำเนนิ เร่ืองราวต่าง ๆให้สมจรงิ การโน้มน้าวอารมณ์ ความรู้สกึ ไปในทิศทางทีต่ ้องการ โดยแบ่ง
การใชเ้ สยี งออกเปน็ 3 ประการ
1. การนำเสนอเนื้อหา หมายถึง การนำเสนอสว่ นที่เป็นสาระ เช่น เหตผุ ล เหตกุ ารณ์ เร่อื งราว
ความรู้ ความคดิ การนำเสนอเนื้อหาด้วยเสยี งนนั้ มรี ูปแบบหลัก ๆ อยู่ ได้แก่
1.1 การบรรยาย เชน่ การบรรยายสารคดี
1.2 การสนทนา เช่น พธิ กี รพูดกับผู้ฟัง
1.3 เสยี งส่งิ ของต่าง ๆ ที่เป็นส่วนของเนื้อหาท่ไี ม่ใช่เสียงพูด เช่น เครอื่ งดนตรี
1.4 เสียงของบรรยากาศ ส่ิงแวดลอ้ มในขณะน้ันเช่น เสียงที่ช่วยบอกว่าในขณะนนั้ ตวั ละครอยู่
ทีไ่ หน คือ คล่นื ทะเล เสียงนำ้ ตก เปน็ ตน้
2. การสง่ เสริมอารมณ์ ความร้สู กึ จินตนาการ คือการส่งเสรมิ เนอ้ื หาให้เกิดอารมณ์ความร้สู ึกและ
จนิ ตนาการเป็นองค์ประกอบสำคญั ในการถ่ายทอดการรับรู้ของมนุษย์ เชน่ เม่ือ ฟังไพเราะ กจ็ ะทำให้อยากฟงั
3.การตกแต่งรายการ เป็นเรื่องของการดำเนนิ รายการโดยเฉพาะไม่เก่ยี วข้องโดยตรงกบั เนอ้ื หา
เชน่ การประกอบเสยี งเปดิ รายการและปิดรายการ
องค์ประกอบของเสียงในเชงิ จิตวิทยา
1. ความดงั
2. การเปลี่ยนแปลงความหนักเบาของเสียง
3. ท่วงทำนองของเสียงที่มีผลตอ่ อารมณแ์ ละความรู้สึก
4. ความชัดเจนและการมีความหมาย
5. ลลี าและการนำเสนอ
6. ความกลมกลืนและการขดั แย้งกับองคป์ ระกอบต่าง ๆ
ความสมั พันธ์ของเสียงกับเน้อื หาและภาพ
ในแงข่ องการนำเสนอถือได้ว่าภาพและเสียงเปน็ องคป์ ระกอบหลักท่ีจะใหเ้ นื้อหาสาระอารมณ์
ความรสู้ ึก สุนทรียภาพและจินตนาการ เสยี งจงึ เข้าไปมีบทบาทอยทู่ ุกสว่ นในลักษณะต่าง ๆกันด้วยเสียงใน
หลายๆ ประเภท
ความสมั พนั ธ์ของเสยี งกับเนื้อหา
นอกจากเสียงหลกั แลว้ ยังมีในกรณีเสยี งประกอบอน่ื ๆ เพื่อสร้างความสมั พนั ธ์ให้เขา้ กบั เนื้อหาท่ี
นำเสนอ มจี ดุ ประสงค์และสง่ เสรมิ ใหส้ ิง่ ทขี่ าดหาย เกดิ ความชัดเจนขน้ึ เช่นเสียงประกอบพเิ ศษ เปน็ ตน้
ความสัมพนั ธ์ระหว่างเสยี งกับภาพ
ในฐานะท่ีเสียงและภาพเป็นสื่อในการเสนอเนื้อหาสาระเพ่อื ให้เกิดอารมณ์ ความรสู้ กึ ข้อสำคัญ
ในการพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างเสยี งกบั ภาพ คือ
๒๖
1. เน้ือหาหลกั จะถ่ายทอดเป็นภาพหลกั
2. เสยี งประกอบอน่ื ๆ จะนำเขา้ มาพจิ ารณาเป็นลำดับถัดไป ในลักษณะเตมิ ส่วนที่ขาดใหไ้ ด้ 100
%
*************
๒๗
บทที่ 7
ศิลปะการพูดทางวิทยกุ ระจายเสยี ง
การพดู ทางวิทยกุ ระจายเสยี ง ประกอบด้วย
1. เสียง การพดู ทางวิทยุกระจายเสียงนับวา่ เปน็ ศิลปะ อย่างหน่ึงท่ีจะต้องประกอบดว้ ยความรู้
ความชำนาญ การพูดทางวิทยุกระจายเสยี ง เป็นการพูดระหว่างผู้พูดกับผูฟ้ ังท่ีไม่ได้เห็นหนา้ กัน ไม่ไดเ้ หน็ แวว
ตาหรอื กิรยิ าอาการซึง่ กันและกัน ผู้พูดจงึ มีแตเ่ สียงและคำพูดของตนเทา่ นั้นท่เี ปน็ เครื่องมือ สอ่ื ถึงและชกั จูง
ผฟู้ งั ให้ตดิ ตามรบั ฟังการพูดน้ัน ๆ ไปโดยตลอดดังนน้ั ความจำเป็นในเบอ้ื งต้นของผ้พู ดู วทิ ยุกระจายเสยี งท่ี
เอาชนะจิตใจของผู้ฟังจงึ เปน็ เรอ่ื งของเสยี ง โดยมีข้อแนะนำว่า เสยี งหรือนำ้ เสียงทีเ่ ปลง่ ออกมาจะต้องเป็นเสยี ง
ท่แี สดงความมน่ั ใจ ม่นั คง ปราศจากอาการลงั เล ไม่แนใ่ จ ทง้ั นดี้ ้วยเหตผุ ลท่ีว่าถา้ หากผู้ฟงั จับได้ว่า แม้นแต่ตวั ผู้
พูดเองกย็ ังไม่แน่ใจ ขาดความเชือ่ มน่ั มคี วามลงั เลในสิง่ ที่พูดออกมา ผู้ฟังย่อมขาดความเล่ือมใส ทจ่ี ะฟงั ทันที
2. อารมณ์ ส่วนประกอบทีส่ ำคญั ประการหนง่ึ ในการพดู ทางวิทยุกระจายเสยี งก็คือ อารมณ์ โดย
ธรรมชาตแิ ลว้ อารมณจ์ ะมีส่วนสมั พนั ธอ์ ย่างลึกซึง้ กับเสยี งหรือน้ำเสยี งท่เี ปล่งออกมาเสมอ เช่น เวลาโกรธ
เสียงหรอื นำ้ เสยี งทจี่ ะพดู ออกมาจะเปน็ อีกอย่างหน่งึ เวลาที่มคี วามเศร้าเสยี ใจกจ็ ะเป็นอีกอย่างหนง่ึ หรอื ยามที่
มอี ารมณ์ตนื่ เต้นดีใจ น้ำเสียงทเ่ี ปล่งออกมากจ็ ะเปน็ ไปในอีกลกั ษณะหน่ึง เป็นตน้ จงึ มีคำเปรยี บเทียบเก่ยี วกับ
เสยี งและอารมณ์ของผู้พูด ในด้านวทิ ยกุ ระจายเสียงวา่ เสียงที่เปล่งออกมานัน้ เปน็ ประดจุ กระจกเงา ทส่ี ะท้อน
ให้เหน็ อารมณ์ของผู้พดู อยา่ พดู ในขณะทก่ี ำลังเหน่ือย ก่อนพูดอย่างรบั ประทานอาหารให้อม่ิ แปล้ เพราะจะทำ
ใหอ้ ึดอัด หรอื ง่วงนอน ตอ้ งทำตนใหก้ ระฉับกระเฉง ปรบั อารมณใ์ ห้เบิกบานแจ่มใส เตรียมพร้อมที่จะพูดใน
เร่อื งทเ่ี ตรียมไว้ แล้วรายการท่ีผลติ เสยี งและคำพูดท่ีพดู ออกอากาศไปจะพลอยทำให้ผฟู้ ังมอี ารมณแ์ จม่ ใสเบิก
บาน และติดตามรบั ฟังการพูดของนักจัดรายการได้อยา่ งเพลิดเพลนิ โดยใหค้ ำนึกตลอดเวลาคือ "ยิม้ เสมอเม่อื
พดู " หรอื "จงย้มิ กับไมคเ์ สมอ"
3. ภาษาพูดหรือคำพูด การพูดทางวทิ ยกุ ระจายเสียงเป็นศิลปะอยา่ งหนึ่ง และเป็นศิลปะทีจ่ ะต้อง
ประกอบด้วยความรูค้ วามชำนาญ ที่เปน็ จะส่วนสนบั สนุนส่งเสรมิ และนำ้ เสยี งท่ีใชเ้ ป็นสิง่ ดึงดูดใจผฟู้ ังใน
เบอื้ งตน้ แลว้ ภาษาท่ีใชห้ รอื คำพูด ก็นบั เป็นส่งิ สำคญั ยง่ิ ถึงแมน้ วา่ ผู้พดู จะเปน็ คนท่ีมีเสียงไพเราะ และภาษาที่
ใช้พูดดว้ ยว่าเหมาะสมกบั การทจ่ี ะนำมาใช้สำหรับงานวิทยกุ ระจายเสียงหรือไม่เพยี งใด
คำวา่ ภาษาทใี่ ช้พูดในท่ีนี้ก็มิได้หมายความว่าภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ ภาษาท้องถน่ิ หรือภาษากลางแต่
อย่างใด หากหมายถึงคำพูดท่ีใชส้ อ่ื ถึงกนั ระหว่างผู้พูดกับผู้ฟังทางวิทยุกระจายเสียงเท่าน้ัน คือจะต้องคำนงึ ว่า
จะพดู อย่างไร ใช้คำพูดอยา่ งไรคนฟงั ถึงจะชอบฟัง ฟงั แลว้ เขา้ ใจได้โดยงา่ ยหรือไม่ ภาษาทเ่ี ราใช้กนั อยู่ตามปกติ
มสี องภาษา คือ
3.1 ภาษาเขยี น
3.2 ภาษาพดู ผ้พู ดู ทางวิทยุกระจายเสยี งท่ดี จี ะต้องมคี วามเข้าใจเรอ่ื งนอ้ี ย่างมาก เพราะต้อง
พยายามใหภ้ าษาทน่ี ำมาใช้พูดทางวิทยุกระจายเสียงนัน้ เป็นภาษาท่ีเขา้ ใจง่าย ฟงั เป็นกนั เอง แต่ไดค้ วามหมาย
๒๘
ท่ีแจ่มชัดสำหรับผ้ฟู ังด้วย โดยมีหลกั งา่ ย ๆ คือการใชภ้ าษาทใ่ี ช้กนั เปน็ ปกติธรรมดาที่สุด ฟงั เข้าใจง่าย
ตรงไปตรงมา ดงั นี้
3.2.1 ใชภ้ าษาทฟ่ี งั แล้วเข้าใจงา่ ยท่ีสุดเท่าทจี่ ะทำได้ พยายามหาถ้อยคำหรือประโยคส้ัน
ๆ ง่าย ๆ ฟงั แลว้ เขา้ ใจทันที
3.2.2 การพูดทุก ๆ ตอน จะต้องแสดงความหมายในแง่เดยี ว ไมม่ ีการขดั แย้งกันเองหรอื
ลงั เลใจ
3.2.3 ใชภ้ าษาสุภาพน่าฟงั การพูดทางวิทยุกระจายเสียงตอ้ งพูดอย่างให้เกยี รตแิ ละยก
ยอ่ งผู้ฟงั อยา่ ทำใหผ้ ูฟ้ งั รูสึกว่า ผูพ้ ดู ดถู กู เห็นผู้ฟังเปน็ คนโง่ ดังน้ันภาษาหรือถอ้ ยคำท่ีใช้นอกจากจะฟังงา่ ยได้
ใจความแล้ว ยงั ตอ้ งเป็นคำสภุ าพและไม่ยกตนอยเู่ หนือผู้ฟังด้วย
3.2.4 ไมพ่ ูดนอกเรอ่ื งโดยไม่จำเป็น ความจริงการมีอารมณข์ ันนน้ั เปน็ สง่ิ ท่ดี สี ำหรับนัก
กระจายเสยี ง หรอื นักจดั รายการมาก เพราะเป็นเครื่องประกอบอยา่ งหนึ่งของศลิ ปในการพูดแต่ต้องระมดั ระวัง
ไม่นำมาปะปนกบั การพดู ตลก
การพูดทางวิทยุกระจายเสียง จะตอ้ งเริ่มต้นด้วยการเตรียมพร้อมท้งั กายและใจ คอื ก่อนพดู ต้อง
ไมเ่ หนื่อย ไมง่ ่วงนอน ทำตวั ให้กระฉับกระเฉง มีความกระตอื รอื ร้นทจี่ ะพดู ปรับอารมณ์ใหเ้ บิกบานแจ่มใส มี
ความเช่ือมน่ั ความจรงิ ใจ และมคี วามรเู้ ก่ียวกบั เร่ืองทจ่ี ะพูดเป็นอย่างดี และเมื่อนั่งต่อหนา้ ไมโครโฟนแล้วต้อง
นึกวา่ กำลงั พูดอยู่กบั ใครคนใดคนหน่ึง
วธิ ีการพดู และน้ำเสียงจะต้องฟังเป็นกันเอง และนุ่มนวลมากกวา่ จะนึกว่ากำลังพดู อยู่กบั คนเป็น
จำนวนมาก ๆ การพูดควรพูดให้เปน็ ธรรมชาติมากท่สี ุด ใชเ้ สียงของผู้จัดโดยธรรมชาติ ประกอบกบั ภาษาหรือ
คำพูดทง่ี า่ ย ๆ ได้ข้อความพยายามให้
กะทัดรดั ทส่ี ดุ ใส่ความรูส้ ึกนกึ คดิ ไปตามเรื่องราวทพ่ี ูดไว้ แล้วพยายามตะลอ่ มเขา้ หาจดุ โดยเรว็ ท่ีสุด โดยการ
ยกตัวอย่างให้กระจ่างก่อน แลว้ จงึ พดู เรื่องอืน่ ต่อไป ไม่พูดนอกเรื่องหรอื วกไปวนมา และข้อสำคญั อีกอยา่ งหนงึ่
คอื ทุก ๆ ประโยค ทุก ๆ ถ้อยคำ ทีไ่ ด้พูดออกไปนน้ั จะต้องแสดงถงึ ความร้แู ละความมนั่ ใจของผู้จดั รายการด้วย
การอา่ นขา่ วและบทความทางวทิ ยกุ ระจายเสียง
การอ่านข่าวและบทความทางวิทยกุ ระจายเสียง ต้องคำนึงถึงความถูกต้องตามหลกั เกณฑ์ หรือ
อักขรวธิ ี ถึงแมน้ วา่ จะเคยใช้ในชวี ิตประจำวนั อย่กู ต็ าม แต่การทจี่ ะเป็นนกั พูดหรือผู้อา่ นขา่ วทาง
วทิ ยกุ ระจายเสียงท่ดี ีไดจ้ ะต้องไมน่ ิง่ เฉย ต้องหม่นั คน้ ควา้ ศึกษาเพม่ิ เติมอยู่เสมอ ควรมีคู่มือในการออกเสียงไว้
ใช้ เช่น พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน และเอกสารอื่นท่ใี หค้ วามรเู้ กี่ยวกับภาษาไทย โดยเฉพาะเร่ืองการ
อา่ นออกเสยี งตา่ ง ๆ ประกอบกับวธิ กี ารหรอื ที่เรียกวา่ ลีลาการอา่ น ซึ่งเปน็ เรือ่ งสำคัญสำหรบั นัก
วทิ ยกุ ระจายเสียงมาก ถึงแม้นจะอ่านหนงั สือได้ถกู ตอ้ งตามอักขระวธิ ีท้งั หมดไม่ผิดพลาด แต่ลลี าการอ่านไมด่ ี
ผ้ฟู งั กจ็ ะไม่เขา้ ใจ หรือฟงั เพยี งผ่าน ๆ ไมด่ ึงดดู ใจผู้ฟัง บางครงั้ การอ่านลลี าไม่ดี ก็จะทำให้เรอ่ื งที่อา่ นขาด
ความสำคัญหรือขาดความไพเราะตามเนื้อหาไปได้ ลีลาการอา่ นท่ดี ีจึงเป็นคณุ สมบตั ทิ ี่สำคญั ของผทู้ ี่อา่ นหนังสอื
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอา่ นทางวิทยกุ ระจายเสยี ง ไม่วา่ จะเปน็ บทความหรือการอ่านขา่ ว หรือคำประพันธใ์ ด ๆ
ก็ตาม
๒๙
ส่วนเรือ่ งการออกเสียงดังหรอื ไมด่ งั เพยี งใด ทเี่ รียกว่า ระดับเสียง ในการอา่ นออกเสียงนัน้ พระ
ยาอุปกติ ติศิลปะสาร อาจารย์ภาษาไทย เคยสอนว่า "ตอ้ งอ่านใหช้ ัดและดงั พอทีจ่ ะไดย้ ินทวั่ ถึงกัน แต่กไ็ ม่ดงั
เกนิ ไปจนเป็นร้องขายขนม "
ดงั นั้น การอา่ นข่าวและบทความทางวทิ ยุกระจายเสยี งจงึ ประกอบด้วย 2 ประการ คอื
1. ความถกู ต้องตามอักขระวิธี หรือ หลกั การอ่านภาษาไทย
2. มลี ีลาการอ่านท่ีดี
ข้อแนะนำบางประการในการประกาศและการเสนอรายการ
1. หากทา่ นเป็นผูป้ ระกาศ จงคิดและเตรยี มเรอื่ งทีท่ ่านกำลังจะพูด
2. พดู หรือ ประกาศดว้ ยเสียงทจ่ี รงิ จงั และจงเปน็ ผู้รอบรู้ จงอย่าแสดงความละเลยหรือเบ่ือหนา่ ย
ตอ่ เหตกุ ารณ์ใด ๆ
3. จงมสี มาธอิ ยา่ งเต็มทต่ี ่อสง่ิ ทีท่ า่ นกำลงั จะพดู
4. อย่าประกาศข้อความใด ๆ ทย่ี าวเกนิ ไป
5. ให้ตรวจสอบนาฬิกาต่าง ๆ ตรงดแี ล้วหรือ เมื่อแจง้ เวลา จงตรวจสอบเวลาเหลา่ นนั้ ว่าเทยี่ งตรง
หรอื ไม่
6. อย่าขอโทษ ท่ยี ืดยาวเกนิ ไป เพราะผู้ฟังลมื เรว็
7. เตรียมเพลง 1 เพลง เพอ่ื เตรียมพร้อมตลอดเวลา และจงใชเ้ พื่อแก้ปญั หาตา่ ง ๆ เพ่ือช่วยให้
การนำเสนอราบร่ืน
8. อยา่ ใชภ้ าษาพูดท่ีไมส่ ภุ าพในหอ้ งสง่ หรอื ในบรเิ วณห้องบันทกึ เสยี ง ท่านอาจจะพดู บางสิ่ง
บางอย่างท่ีไมส่ ุภาพขณะท่ีไมโครโฟนเปิดอยู่
9. อย่าพดู เรว็ นัก จงพดู ด้วยความเร็วท่ีต่างกนั หยดุ ระหว่างเรอื่ งและย่อหน้า
10. เตรยี มบทท่ีจะอ่านไว้ใหพ้ รอ้ ม เช่นคำเตือนเร่อื งแผ่นดินไหว หรอื คำแถลงของรฐั บาล หรือ
ประกาศภาวะฉุกเฉิน
11. ให้บันทกึ เสียงของตนเองแลว้ หาคนมาวจิ ารณ์
12. ต้องจรงิ ใจ และเปน็ ตวั ของตวั เอง อย่าพยายามเลียมแบบใคร เพราะจะไม่เป็นธรรมชาติ
13. ตรงต่อเวลาในการออกอากาศ (แต่ต้องมาเตรียมตวั กอ่ นออกอากาศ)
14. เม่ือไมม่ ีอะไรจะพูด จงเงียบ
*************
๓๐
บทที่ 8
ยทุ ธศาสตรก์ ารผลติ ขา่ วและรายการ
ยทุ ธศาสตรก์ ารผลิตขา่ วและรายการบนพ้นื ฐานของความแตกตา่ ง
การเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพน้ื ที่ 3 จังหวดั ชายแดนภาคใต้ และพน้ื ท่ี 4 อำเภอของจงั หวัด
สงขลา บางสว่ น มีตน้ ตอของปญั หาหลายอย่างทีเ่ ปน็ สาเหตุของความไม่สงบ คือ ปัญหาเศรษฐกจิ ปญั หาความ
ยากจน ปัญหาการศกึ ษา ปัญหาภาษาและการส่ือสาร ปัญหาวัฒนธรรม ปญั หาวถิ ชี วี ติ ปัญหาสังคม ปญั หาการ
แบง่ แยกดนิ แดน ปญั หาการไมย่ อมรบั จากปัญหาท่ีมีอยู่อย่างมากมาย แต่ความไม่สงบในพืน้ ท่ี 3 จงั หวัด
ชายแดนภาคใต้ กลับไมม่ ีปัญหาความขดั แย้งทางศาสนา แตอ่ ย่างใด ทง้ั น้ี องคก์ าร OIC หรอื Organization
islamic Conference ได้นำเสนอข้อมลู วา่ ปญั หาความขัดแยง้ ในพื้นที่ 3 จงั หวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใชป่ ัญหา
ความขัดแย้งทางศาสนา แต่อยา่ งใด ตรงกนั ขา้ ม OIC ระบวุ ่ารัฐบาลไทยได้ให้การสนบั สนุนและทำนุบำรุง
ศาสนา เปน็ อยา่ งดี
การแกป้ ัญหาในพ้นื ทใี่ หป้ ระสบความสำเรจ็ ผู้สอ่ื ข่าวและผู้จดั รายการจะต้องรู้ปัญหาท่ีมีอยู่
มากมาย เพอ่ื หาข้อมูลและสาเหตุ ทจี่ ะนำไปสวู่ ธิ ีการแก้ไขปญั หา ท่ถี ูกต้อง และตรงกบั ข้อเท็จจริงของปญั หาที่
เกิดขนึ้ เหตกุ ารณ์ความไม่สงบ 3 จงั หวัดชายแดนภาคใต้ เกดิ จากปญั หาท่ีหลากหลาย และทุกปญั หาล้วนเปน็
ต้นเหตุ การทผี่ สู้ ่อื ขา่ วหรือผู้ผลิตรายการ รบั รปู้ ัญหา จะทำให้มีแนวทางในการแก้ไขปัญหา ได้อยา่ งตรงจุด
และปัญหาทีเ่ กิดขึ้นมีดงั น้ี คือ
ปญั หาเศรษฐกจิ
ในพื้นท่ี จังหวดั ชายแดนภาคใต้ เป็นพืน้ ที่ที่พรมแดนติดประเทศมาเลเซยี มกี ารตดิ ต่อคา้ ขายมี
มลู ค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล โดยมีการค้าขายตามแนวชายแดนท้งั ในเรื่องนำ้ มัน ท่ีมาเลเซีย มีราคาถูกกวา่ ไทย
ทำใหม้ ีการลกั ลอบนำ้ มนั เข้ามาขายยงั ฝง่ั ไทย รวมทั้งสนิ คา้ ลักลอบหนีภาษี การอพยพไปใช้แรงงานของคนไทย
ในมาเลเซยี เพราะโดยภาพรวมเศรษฐกิจของมาเลเซยี ดีกวา่ ฝ่งั ไทย ทำให้ประชากรไทยที่อยู่ตามแนวชายแดนมี
ความรู้สึกว่า รฐั บาลไทยไม่ให้การดแู ล ท้ังในเรื่องความเป็นอยู่ การพฒั นาด้านเศรษฐกิจ เช่น การทำการ
ประมงทจี่ ังหวัดปัตตานี มีโรงงานปลากระป๋อง ผลติ แล้วส่งออกไปขายยังต่างประเทศ ทำใหค้ นในท้องถ่นิ มี
ความร้สู กึ วา่ ไม่ไดป้ ระโยชนจ์ ากทรพั ยากร ทเี่ ปน็ ของทอ้ งถ่ิน ซึ่งผจู้ ดั รายการและผู้ส่ือข่าวต้องสะท้อน
ข้อเทจ็ จรงิ ของการใหป้ ระโยชนข์ องบริษทั ทเี่ ข้ามาทำการประมงในพ้ืนที่ เป็นตน้
ปญั หาความยากจน
ปญั หาความยากจน ในพน้ื ท่ีมีสาเหตุมาจาก ประชากรส่วนใหญ่ มลี ูกมาก เมือ่ มลี ูกมากก็ดแู ลไม่
ทวั่ ถงึ การมีรายไดเ้ ขา้ มาสคู่ รอบครัวก็ไม่พอกนิ ซึ่งประชากรสว่ นใหญม่ อี าชพี ในการทำเกษตรกรรม ทำให้มี
รายไดน้ อ้ ย และพนื้ ท่ีเกษตรส่วนใหญ่ถูกทง้ิ ร้าง เนื่องจากเกิดความไมส่ งบท่เี กดิ ขนึ้ ในพื้นท่ี ปัญหาดนิ เคม็
ปญั หาแหลง่ นำ้ ที่ไมเ่ พยี งพอ กับการทำเกษตรกรรม
๓๑
ปัญหาการศึกษา
การจดั การศกึ ษาทไ่ี ม่เป็นเอกภาพ เพราะ มี โรงเรียนตาดกี า โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม
โรงเรยี นสามญั สถานศกึ ษาปอเนาะ ซ่ึงประชากรส่วนใหญ่ใชภ้ าษามลายูท้องถิ่นเปน็ ภาษาทใ่ี ชใ้ นการสื่อสาร
แตก่ ารเรยี นการสอนในโรงเรียนสามญั ไม่มกี ารการสอนภาษามลายู ทำให้การศึกษาไมป่ ระสบความสำเรจ็
อย่างไรก็ตามปัญหาน้กี ำลงั ได้รบั การแก้ไข โดยจดั ให้มีการเรยี นการสอนดว้ ยระบบสองภาษา คือภาษาไทยกบั
ภาษามลายทู ้องถน่ิ
ปญั หาภาษาและการส่อื สาร
ประชากรใน 3 จังหวดั ภาคใต้ ส่วนใหญ่ ใช้ภาษามลายทู อ้ งถ่ิน ติดตอ่ สื่อสาร การที่จะสรา้ งความ
เขา้ ใจใหค้ นในพื้นท่รี ับทราบข้อมลู ขา่ วสาร และสื่อใหถ้ ึงประชาชนกจ็ ะต้องใช้ภาษามลายูท้องถ่ินควบคู่กบั
ภาษาไทย จงึ จะสามารถส่ือถึงผ้ฟู งั และผู้ชมเป้าหมายได้ ซ่ึงจะทำให้เกดิ ประสิทธิภาพ ในการสอ่ื สารท่ีจะใช้ใน
การสร้างความเขา้ ใจ
ปัญหาวัฒนธรรม ศาสนา
ในพื้นท่ี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากจะมีภาษาที่แตกตา่ งแล้ว เร่ืองวัฒนธรรมยังมีความ
แตกต่างกนั โดย วัฒนธรรมมีความสมั พันธ์อยา่ งเหนียวแนน่ กับศาสนาอิสลาม เชน่ การแต่งกายของผู้หญิงท่ีตอ้ ง
แตง่ ชุดฮิญาบ ผชู้ ายสวมหมวกกปิเยาะฮ์ ทำใหค้ นนอกวัฒนธรรม มองถงึ ความแตกต่าง จนคิดวา่ เป็นปัญหา
เม่อื ชว่ งสมัยหน่ึง ใหผ้ ้ชู ายสวมหมวก ในยุคสมัยมาลานำไทย และผหู้ ญิงห้ามแต่งชดุ ฮิญาบ ทำให้เกิดความ
ขัดแยง้ ข้นึ ในพ้นื ที่ และนำไปสกู่ ระแสความขดั แยง้ ของคนในสังคม
๓๒
บรรณานกุ รม
1.อจั ฉรา หสั บำเรอ , ศิลปะการพดู ทางวิทยุกระจายเสยี ง เอกสารประกอบการบรรยายของโรงเรียนการ
ประชาสัมพันธ์ , 2527
2.นภาภรณ์ อจั รยิ ะกุล , นิตยสารทางอากาศ เอกสารประกอบคำบรรยายของโรงเรยี นการประชาสมั พันธ์ ,
2527
3.สรุ นิ ทร์ แปลงประสบโชค , หลักการจัดรายการวทิ ยุกระจายเสียง เอกสารประกอบคำบรรยายของโรงเรียน
การประชาสัมพันธ์ , 2527
4.ธานี แม้นญาติ รายการสารคดี , เอกสารประกอบคำบรรยายของโรงเรยี นการประชาสัมพันธ์ , 2527
5.อชัถยา ช่นื นิรันดร์ , หลักการผลติ รายการวิทยุ , เอกสารประกอบคำบรรยาย สถาบนั ราชภัฏภูเก็ต , 2540
6.นงลักษณ์ สทุ ธิวัฒนพนั ธ์ , กลยทุ ธก์ ารประชาสมั พันธ์ , กรุงเทพมหานคร : สำนักพมิ พ์ อลั ฟ่า พบั ลชิ ชิ่ง ,
2545 จำนวน หนา้ 216
7.พศิ ษิ ฐ์ ชวาลาธวัช , ว่ิงไปกบั ข่าว ก้าวไปกบั โลก ,กรงุ เทพมหานคร : อนิ ฟอรม์ เี ดีย บุ๊คส์, 2546
8.สโุ ขทัยธรรมาธิราช , มหาวทิ ยาลัย . สาขาวชิ านเิ ทศศาสตร์ . เอกสารการสอนชดุ วิชาความรเู้ บอ้ื งต้นเกี่ยวกับ
วิทยแุ ละโทรทัศน์ (Introduction to Radio and Television) ,2537
***********
บญุ ศรี รักการงาน สำนักงานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต ๒ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
83000: อเี มล์ :[email protected]