1
2 การเพิ่ มประสิทธิภาพการบร�หารจัดการสถานศึกษาด้วยเทคโนโลยีเพื่อพัฒนา กระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เร�ยน ภายใต้ระบบคุณภาพ PDCA โรงเร�ยน นาคําราษฎร์รังสรรค์ โครงการ Innovation For Thai Education นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา จังหวัดนครพนม ป�งบประมาณ พ.ศ. 2566 ผู้จัดทํา นางสาวประไพศร� ไพศาล รองผู้อํานวยการสถานศึกษา โรงเร�ยนนาคําราษฎร์รังสรรค์ อําเภอศร�สงคราม จังหวัดนครพนม สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครพนม รายงานนวัตกรรมการพัฒนารูปแบบ/แนวทางการยกระดับคุณภาพการศึกษา
3 ชื่อนวัตกรรม การเพิ่มประสิทธิภาพการบร�หารจัดการสถานศึกษาด้วยเทคโนโลยีเพื่อพัฒนา กระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เร�ยน ภายใต้ระบบคุณภาพ PDCA โรงเร�ยน นาคําราษฎร์รังสรรค์ โครงการ Innovation For Thai Education นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา จังหวัดนครพนม ป�งบประมาณ พ.ศ. 2566 ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป 1. ชื่อสถานศึกษา โรงเร�ยนนาคําราษฎร์รังสรรค์ อําเภอ ศร�สงคราม จังหวัดนครพนม 2.สังกัด สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครพนม 3.ผู้อํานวยการสถานศึกษา ว่าที่ร้อยโทวุฒิชัย ไปปลอด หมายเลขโทรศัพท์ 06-4794-6251 4.รองผู้อํานวยการสถานศึกษา 4.1 นางสาวประไพศร� ไพศาล หมายเลขโทรศัพท์ 09-6339-1929 5.ผู้รับผิดชอบโครงการ.............................-.....................หมายเลขโทรศัพท์...................-................ 6.เป�ดทําการสอนในระดับชั้น มัธยมศึกษาป�ที่ 1 ถึงระดับชั้น มัธยมศึกษาป�ที่ 6 7.ข้อมูลครูและบุคลากรทางการศึกษา จํานวนทั้งหมด 11 คน ชาย 5 คน หญิง 6 คน (ข้าราชการครู 11 คน พนักงานราชการ - คน อัตราจ้าง - คน อื่นๆ - คน) ตอนที่ 2 แนวทางในการยกระดับคุณภาพการศึกษา 2.1 ความเป�นมาและสภาพป�ญหา โรงเร�ยนนาคําราษฎร์รังสรรค์เป�นโรงเร�ยนขนาดกลาง ตั้งอยู่เลขที่ 133 หมู่ 5 ตําบลนาคํา อําเภอศร�สงคราม จังหวัดนครพนม มีป�ญหาเร�่องของจํานวนครูน้อย ไม่ครบสาขาว�ชาเอก ทําให้ระบบการบร�หารสถานศึกษาเร�่องของการจัดการเร�ยนการสอนและการบร�หาร จัดการชั้นเร�ยนค่อนข้างมีป�ญหา สิ่ งที่น่าสนใจและเป�นประเด็นท้าทายในการบร�หาร คือ แนวทางการ บร�หารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล เป�นการดําเนินการต่างๆ ตามพันธกิจหร�อภารกิจของสถานศึกษาทางด้าน ว�ชาการ งบประมาณ บร�หารงานบุคคลและบร�หารงานทั่วไป โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป�นหลัก หร�อให้เข้ามามีส่วนร่วม ในการบร�หาร เพื่อให้การจัดการศึกษามีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ในเร�่องการจัดการเร�ยนรู้ที่เป�นประเด็นสําคัญของสถานศึกษา ควรตระหนักในประเด็นนี้ให้มาก อีกทั้ง ผู้บร�หารควรบร�หารจัดการเพื่อส่งเสร�ม สนับสนุน การจัดการเร�ยนรู้และยกระดับคุณภาพการศึกษาใน ศตวรรษที่ 21 โดยยึดหลักธรรมาภิบาลเป�นสําคัญ ทั้งนี้ การบร�หารจัดการที่ดีต้องเกิดจากการรับรู้และ ร่วมมือ ของบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาทั้งหมด เพื่อสร้างความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน ทําให้ เกิดความร่วมมือและความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของผู้บร�หารสถานศึกษา ครูและบุคลากร ทางการศึกษา ผู้เร�ยนผู้ปกครองและผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด นอกจากดําเนินตามหลักการดังกล่าวข้างต้น แล้วควรต้องมีการบร�หารจัดการเพื่อเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาการบร�หารเทคโนโลยีสําหรับสถานศึกษา การกํากับนิเทศติดตามประเมินผลและส่งเสร�มการใช้เทคโนโลยีพร้อมกัน เพื่อให้เกิดระบบการบร�หาร จัดการที่ดี มีประสิทธิภาพ ซึ่งแนวทางในการแก้ไขป�ญหาดังกล่าวคือการศึกษาบร�บทของ สถานศึกษา ว�เคราะห์องค์กร (SWOT) เพื่อหาจุดแข็งจุดอ่อน โอกาส อุปสรรคต่างๆในการบร�หารจัดการ สถานศึกษา และนํารูปแบบการบร�หารสถานศึกษาที่มีระบบการบร�หารจัดการที่ดี มีประสิทธิภาพ เป�ด โอกาสให้ เพื่อให้ บุคลากรครูได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มประสิทธิภาพและนักเร�ยนเป�นบุคคลที่มี ลักษณะที่ดีและมี
4 คุณภาพทางการเร�ยนการบร�หารดังกล่าวยังไม่ครอบคลุม และสอดคล้องกับการบร�หารจัดการจะต้องมี กระบวนการอีกหลายประการ ในการพัฒนาสนับสนุนและส่งเสร�มให้เกิดการบร�หารจัดการศึกษา ของ สถานศึกษาและการพัฒนาคุณภาพผู้เร�ยนให้มีมาตรฐานซึ่งมีรูปแบบ การบร�หารจัดการศึกษาโดยการ บร�หารโรงเร�ยนด้วยนวัตกรรมทางการบร�หารสถานศึกษาแนวใหม่ ผู้จัดทําจึงมีความประสงค์ที่จะ จัดสร้างนวัตกรรม การเพิมประสิทธิภาพการบร�หารจัดการสถานศึกษาด้วยเทคโนโลยีเพื่อพัฒนา ่ กระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เร�ยน ภายใต้ระบบคุณภาพ PDCA ขึ้น เพื่อให้เป�นนวัตกรรมที่นํามา แก้ป�ญหาด้าน การบร�หารจัดการสถานศึกษา ให้มีรูปแบบการบร�หารสถานศึกษาที่เหมาะสมกับบร�บทของ โรงเร�ยน และมีระบบการบร�หารจัดการที่ดี มีประสิทธิภาพมากยิ่ งขึ้น 2.2 แนวทางการแก้ไขป�ญหาและการพัฒนา การบร�หารการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา การบร�หารเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาใน สถานศึกษายุคดิจิทัล มีประเด็นสําคัญดังนี้ 1) การกําหนดนโยบายและส่งเสร�มสนับสนุน ผู้บร�หารสถานศึกษา กําหนดนโยบายและ ส่งเสร�มสนับสนุนงบประมาณสําหรับ สถานศึกษาเพื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสําหรับการ บร�หารจัดการให้ครอบคลุมภารกิจของสถานศึกษาทั้ง 4 ด้าน คือด้านงบว�ชาการ ด้านงบประมาณการ บร�หารงานบุคคลและบร�หารทั่วไป 2) การเสร�มสร้างพัฒนาภาวะผู้นํา ผู้บร�หารสถานศึกษาควรมีการส่งเสร�มและพัฒนาภาวะผู้นํา ทางด้านเทคโนโลยีของครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมไปถึงผู้ปกครอง เพื่อนําไปสู่การส่งเสร�มพัฒนา ผู้เร�ยนในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการเร�ยนรู้ในยุคดิจิตอล ได้อย่างราบร�่นและมี ประสิทธิภาพ 3) การสร้างวัฒนธรรมสถานศึกษาที่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลง ผู้บร�หารสถานศึกษาควรสร้าง บรรยากาศและสิ่ งแวดล้อมให้เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมไปสู่การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร ในการบร�หารจัดการและส่งเสร�มการเร�ยนรู้ทั้งนี้การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อการ เปลี่ยนแปลงนี้ผู้บร�หาร ควรทํางานร่วมกับครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาเพราะเมื่อมีการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคนในสถานศึกษามีความเห็นและทํางานร่วมกัน มั่งสู่เป�าหมายเดียวกันจะทําให้การ ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมของสถานศึกษาเป�นไปอย่างราบร�่น 4) การส่งเสร�มให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาสร้างชุมชนแห่งการเร�ยนรู้ทางว�ชาชีพ ผู้บร�หาร สถานศึกษาควรส่งเสร�มและเชื่อมโยงความรู้กับการทํางานตามภารกิจของครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้สอดคล้องกับบร�บทสภาพป�ญหาและความต้องการของครูและบุคลากรทางการศึกษา สนับสนุนให้เป�น การเร�ยนรู้แบบทีม ก่อให้เกิดพลังในการเปลี่ยนแปลง และส่งเสร�มการแบ่งป�นความเชื่อและความเข้าใจ เสร�มสร้างปฏิสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน มีท่าทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน ตระหนักถึงมุมมองของแต่ละคนและกลุ่มที่เห็นต่าง การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนอย่างมี ความหมาย 5) การจัดการความรู้ในสถานศึกษา ผู้บร�หารสถานศึกษา ควรกระตุ้นและส่งเสร�มสนับสนุนให้ มีการจัดการความรู้ในสถานศึกษาเพื่อทําให้สถานศึกษาเป�นองค์กรแห่งการเร�ยนรู้สามารถนําองค์กรสู่การ เป�นผู้นําโดยพัฒนาความรู้และสร้างนวัตกรรมในการปฏิบัติงาน เพื่อพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่ จะเกิดขึ้นในอนาคต การจัดการความรู้มีความสําคัญในการสร้างความรู้สึกร่วมของคนในสถานศึกษาทําให้ คนในสถานศึกษาเกิดความภาคภูมิใจในการทํางานกระตุ้นการทํางานเป�นทีม ทําให้ความสําเร็จเป�นของ ทุกคน 6) การทํางานเป�นเคร�อข่าย การบร�หารการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาในยุคดิจิทัล จําเป�นต้อง
5 สร้างเคร�อข่ายความร่วมมือเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างองค์กรผลักดันให้มีการจัดการศึกษาที่มี ประสิทธิภาพ รวมถึงการทํางานร่วมกับองค์กรอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ประกอบการ ผู้ปกครอง เป�นต้น เพื่อ เตร�ยมให้ผู้เร�ยนสามารถวางเป�าหมายของตนเอง ได้อย่างตรงจุดและพร้อมให้ผู้เร�ยนเข้าสู่การทํางานและ การศึกษาต่อ การบร�หารเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสําหรับสถานศึกษา การบร�หารเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสําหรับสถานศึกษายุคดิจิทัลมีประเด็นสําคัญ ดังนี้ 1) การยอมรับเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลง ภารกิจที่สําคัญของการบร�หารสถานศึกษาใน ยุคดิจิทัล ของผู้บร�หารสถานศึกษาคือ การเข้าใจแนวคิดและยอมรับเทคโนโลยีนวัตกรรมและการ เปลี่ยนแปลงทั้งในระดับบุคคล ระดับองค์กร ด้วยการยอมรับระดับบุคคลนี้มีการยอมรับที่ไม่เท่ากัน มี ความแตกต่างกันในหลายมิติเช่น อายุ ภูมิหลัง หร�อแม้แต่ความสนใจของแต่ละบุคคล และมีขั้นตอนของ การเข้าใจที่แตกต่างกัน 2) การเข้าถึงเทคโนโลยีการบร�หารเทคโนโลยีสําหรับสถานศึกษายุคดิจิทัลที่สําคัญคือการที่ ผู้บร�หารสถานศึกษาสามารถส่งเสร�มและสนับสนุนให้ครูนําเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการเร�ยนการสอน พร้อมทั้งให้ครูใช้เทคโนโลยีมาใช้เป�นเคร�่องมือในการค้นคว้าและพัฒนาความรู้ของตนและของนักเร�ยนไป พร้อมกันรวมทั้งสามารถนําเทคโนโลยีมาใช้ในการบร�หารจัดการสถานศึกษา กําหนดว�สัยทัศน์พันธกิจและ จุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษาของโรงเร�ยน รวมทั้งมีแผนงานที่ชัดเจน มีการวางโครงสร้างพื้นฐาน เกี่ยวข้องกับสถานที่ อุปกรณ์และการพัฒนาบุคลากรอย่างเป�นระบบ 3) การเสร�มสร้างวัฒนธรรมการเร�ยนรู้ด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผู้บร�หารสถานศึกษาควรส่งเสร�มให้ครูพัฒนาตนเองในเร�่องของ ICT และ นํา ICT มาเป�นเคร�่องมือใน การจัดการเร�ยนรู้ เพื่อเพิ่ มประสิทธิภาพในการเร�ยนรู้ของตนเองและของผู้เร�ยน ผู้บร�หาร มีการจัดอบรม และแลกเปลี่ยนเร�ยนรู้เกี่ยวกับการจัดการเร�ยนรู้ในรูปแบบที่หลากหลายโดยใช้สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ เป�นตัวกลาง แล้วนํามาประยุกต์ใช้ในบร�บทของตน 4) การใช้เทคโนโลยีดิจิตอลในการจัดการเร�ยนการสอนของครูและ การศึกษาค้นคว้าของ ผู้เร�ยนผู้บร�หารควรส่งเสร�มให้ครูมีการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลในการศึกษาค้นคว้าหร�อเป�นเคร�่องมือในการ สืบค้นข้อมูลการติดต่อสื่อสารและการสร้างผลงานทางว�ชาการ ส่งเสร�มให้ครูและนักเร�ยนมีการใช้สื่อ เทคโนโลยีในการตอบโต้ระหว่างกัน กล่าวได้ว่าเป�นสําคัญในการบร�หารเทคโนโลยีสําหรับสถานศึกษา ได้แก่ การยอมรับการ เปลี่ยนแปลงในเร�่องของเทคโนโลยี การพัฒนาเร�่องการเข้าถึงเทคโนโลยีของครูและบุคลากรทางการ ศึกษารวมถึงผู้เร�ยนและผู้ปกครองให้สามารถเข้าถึงสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศและการศึกษา
6 การเพิ่มประสิทธิภาพการบร�หารจัดการสถานศึกษาด้วยเทคโนโลยีเพื่อพัฒนา กระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เร�ยน ภายใต้ระบบคุณภาพ PDCA School คือ โรงเร�ยนที่มีบรรยากาศ สภาพแวดล้อมที่ดี มีความปลอดภัย มีระเบียบว�นัย โดย การส่งเสร�มให้เกิดระเบียบว�นัยคือการสร้างบรรยากาศของสังคมซึ่งให้ความรักและเอาใจใส่ในชั้นเร�ยน การฝ�กว�นัยมิใช่มุ่งเน้นการลงโทษ แต่เป�นการเป�ดโอกาสให้เด็กกําเนิดกฎเกณฑ์ร่วมกับโรงเร�ยนและ พร้อมที่จะปฏิบัติตาม มีการใช้ระบบประชาธิปไตยภายใต้กฎซึ่งอยู่ในบรรยากาศของความรักกดซึ่งตั้งอยู่ บนหลักการของคุณธรรมและเคารพผู้อื่น มีทรัพยากรและลักษณะทางกายภาพที่เอื้อต่อการเร�ยนรู้ของ ผู้เร�ยน ที่สําคัญโรงเร�ยนต้องมีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาเพื่อเป�นกลไกในการ ควบคุม ภาคการศึกษาให้เกิดการพัฒนาและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สังคม ชุมชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง Teacher คือ ผู้ที่ร่วมกันดําเนินงานอย่างเป�นระบบตามแผนที่ได้กําหนดไว้ตามเป�าหมาย โดย การแบ่งหน้าที่การในการปฏิบัติชัดเจนและถูกต้อง เน้นการมีส่วนร่วม ทําตามลําดับขั้นตอน เน้นการมี ส่วนร่วมของผู้เร�ยน โดยครูเป�นผู้อํานวยความสะดวกในการขับเคลื่อน และให้คําปร�กษาแก่ ผู้เร�ยน และ กํากับติดตาม ร่วมถึงให้กําลังใจในการทํางาน โดยการส่งเสร�มให้นักเร�ยนได้เร�ยนรู้เต็มศักยภาพ รวมถึง ให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผล โดยใช้กระบวนการจัดการเร�ยนการสอนที่เร�ยนผู้เร�ยนเป�นสําคัญ ดังนี้ 1. การจัดการเร�ยนรู้ผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติจร�ง และสามารถนําไปประยุกต์ใช้ในชีว�ต ได้ 2. การใช้สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศและแหล่งเร�ยนรู้ที่เอื้อต่อการเร�ยนรู้ 3. มีการบร�หารจัดการชั้นเร�ยนเชิงบวก 4. ตรวจสอบและประเมินผู้เร�ยนอย่างเป�นระบบ และนําผลมาพัฒนาผู้เร�ยน 5. มีการแลกเปลี่ยนเร�ยนรู้ ให้ข้อมูลสะท้อนกลับเพื่อพัฒนา และปรับปรุงการจัดการเร�ยนรู้
7 Principal คือ ผู้บร�หารโรงเร�ยน เป�นผู้ก่อให้เกิดการร่วมกันกําหนดเป�าหมายและวางแผนใน การบร�หารจัดการ โดยเร�มจากการประชุมคณะครู และผู้ปกครอง เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกั ่บว�สัยทัศน์ พันธกิจ แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา จุดเน้นเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา ให้เกิดความสอดคล้องกัน ในการปฏิบัติงาน โดยมีแนวทางการปฏิบัติดังนี้ กระบวนการบร�หารและการจัดการ 1. มีเป�าหมายว�สัยทัศน์และพันธกิจที่สถานศึกษากําหนดชัดเจน 2. มีระบบบร�หารจัดการคุณภาพของสถานศึกษา 3. การดําเนินงานพัฒนาว�ชาการที่มีคุณภาพผู้เร�ยนรอบด้านตามหลักสูตรสถานศึกษาและ ทุกกลุ่มเป�าหมาย 4. พัฒนาครูและบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญทางว�ชาชีพ 5. จัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสังคมที่เอื้อต่อการจัดการเร�ยนรู้ 6. จัดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการบร�หารจัดการและการจัดการเร�ยนรู้ Student คือ ผู้เร�ยนที่จะต้องได้รับการจัดการเร�ยนรู้ที่เน้นผู้เร�ยนเป�นสําคัญหร�อผู้เร�ยนเป�น ศูนย์กลางการเร�ยนรู้ (Child centered) เป�นการจัดประสบการณ์การเร�ยนรู้ที่มุ่งพัฒนาคนและชีว�ตให้ เกิดประสบการณ์การเร�ยนรู้เต็มตามความสามารถ เพื่อให้เกิดคุณภาพผู้เร�ยน ซึ่งผลการเร�ยนรู้ที่เป�น คุณภาพของผู้เร�ยนทางด้านว�ชาการประกอบด้วย ความสามารถในการอ่าน การเขียน การสื่อสาร การคิด คํานวณ และคิดประเภทต่างๆการสร้างนวัตกรรม การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ผลสัมฤทธิทางการเร�ยนตามหลักสูตร คือการมีความรู้ทักษะพื้นฐานและเจตคติที่ดีต่อว�ชาชีพ และด้าน ์ ลักษณะอันพึงประสงค์ ที่เป�นค่านิยมที่ดีตามที่สถานศึกษากําหนด มีความภูมิใจในท้องถิ่ นและความเป�น ไทย การยอมรับที่จะมีความแตกต่างและหลากหลายรวมทั้งสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคม หลักการ พัฒนาตามวงจรคุณภาพ PDCA PDCA (Plan-Do-Check-Act) เป�นกิจกรรมพื้นฐานในการพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพ ของการ ดําเนินงาน ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอน 4 ขั้น คือวางแผน – ปฏิบัติ – ตรวจสอบ – ปรับปรุง การ ดําเนินกิจกรรม PDCA อย่างเป�นระบบให้ครบวงจรอย่างต่อเนื่อง หมุนเว�ยนไปเร�่อย ๆ ย่อมส่งผลให้การ ดําเนินงานมี ประสิทธิภาพ และมีคุณภาพเพิ่ มขึ้น โดยตลอดวงจร PDCA นี้ได้พัฒนาขึ้นโดย ดร.ชิวฮาร์ท ต่อมา ดร.เดมมิ่ ง ได้นํามาเผยแพร่จนเป�นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ขั้นตอนแต่ละขั้นของวงจร PDCA มี รายละเอียดดังนี้ 1. Plan (วางแผน) หมายความรวมถึง การกําหนดเป�าหมาย / วัตถุประสงค์ในการ ดําเนินงาน ว�ธีการ และขั้นตอนที่จําเป�นเพื่อให้การดําเนินงานบรรลุเป�าหมาย ในการวางแผนจะต้องทําความ เข้าใจ กับเป�าหมาย / วัตถุประสงค์ให้ชัดเจน เป�าหมายที่กําหนดต้องเป�นไปตามนโยบาย ว�สัยทัศน์ และพันธ กิจ ขององค์กรเพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาที่เป�นไปในแนวทางเดียวกันทั่วทั้งองค์กร การวางแผนในบางด้าน อาจ จําเป�นต้องกําหนดมาตรฐานของว�ธีการทํางานหร�อเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ ไปพร้อมกันด้วย ข้อกําหนด ที่เป�น มาตรฐานนี้จะช่วยให้การวางแผนมีความสมบูรณ์ยิ่ งขึ้น เพราะใช้เป�นเกณฑ์ในการตรวจสอบได้ว่า การ ปฏิบัติงานเป�นไปตามมาตรฐานที่ได้ระบุไว้ในแผนหร�อไม่ 2. DO (ปฏิบัติ) หมายถึงการปฏิบัติให้เป�นไปตามแผนที่ได้กําหนดไว้ซึ่งก่อนที่จะปฏิบัติงาน ใด ๆ จําเป�นต้องศึกษาข้อมูลและเง�่อนไขต่างๆ ของสภาพงานที่เกี่ยวข้องเสียก่อน ในกรณีที่เป�นงานประจําที่ เคยปฏิบัติหร�อเป�นงานเล็กอาจใช้ว�ธีการเร�ยนรู้ ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง แต่ถ้าเป�นงานใหม่ หร�องานใหญ่
8 ที่ ต้องใช้บุคลากรจํานวนมาก อาจต้องจัดให้มีการฝ�กอบรม ก่อนที่จะปฏิบัติจร�ง การปฏิบัติจะต้อง ดําเนินการไป ตามแผน ว�ธีการ และขั้นตอนที่ได้กําหนดไว้ และจะต้องเก็บรวบรวม และบันทึกข้อมูลที่ เกี่ยวข้องกับการ ปฏิบัติงานไว้ด้วย เพื่อใช้เป�นข้อมูลในการดําเนินงานในขั้นตอนต่อไป 3. Check (ตรวจสอบ) เป�นกิจกรรมที่มีขึ้นเพื่อประเมินผลว่า มีการปฏิบัติงานตามแผน หร�อไม่ มีป�ญหาเกิดขึ้นในระหว่างการปฏิบัติงานหร�อไม่ ขั้นตอนนี้มีความสําคัญ เนื่องจากในการดําเนินงานใด ๆ มักจะเกิดป�ญหาแทรกซ้อนที่ทําให้การดําเนินงานไม่เป�นไปตามแผนอยู่เสมอ ซึ่งเป�นอุปสรรคต่อ ประสิทธิภาพและคุณภาพของการทํางาน การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินป�ญหาจึงเป�นสิ่ ง สําคัญ ที่ต้องกระทําควบคู่ไปกับการดําเนินงาน เพื่อจะได้ทราบข้อมูลที่เป�นประโยชน์ ในการปรับปรุง คุณภาพ ของ การดําเนินงานต่อไป ในการตรวจสอบ และการประเมินการปฏิบัติงาน จะต้องตรวจสอบ ด้วยว่า การปฏิบัติ นั้น เป�นไปตามมาตรฐานที่กําหนดไว้หร�อไม่ ทั้งนี้เพื่อเป�นประโยชน์ต่อการพัฒนา คุณภาพของงาน 4. Act (การปรับปรุง) เป�นกิจกรรมที่มีขึ้นเพื่อแก้ไขป�ญหาที่เกิดขึ้นหลังจากได้ทําการ ตรวจสอบแล้ว การปรับปรุงอาจเป�นการแก้ไขแบบเร่งด่วน เฉพาะหน้า หร�อการค้นหาสาเหตุที่แท้จร�ง ของ ป�ญหา เพื่อป�องกันไม่ให้เกิดป�ญหาซ�ารอยเดิม การปรับปรุงอาจนําไปสู่การกําหนดมาตรฐานของ ว�ธีการ ทํางานที่ต่างจากเดิมเมื่อมีการดําเนินงานตามวงจร PDCA ในรอบใหม่ข้อมูลที่ได้จากการปรับปรุง จะช่วยให้ การวางแผนมีความสมบูรณ์ และมีคุณภาพเพิ่ มขึ้นได้ด้วย ตอนที่ 3 ขั้นตอน/ว�ธีดําเนินงาน 3.1 วัตถุประสงค์ 3.1.1 เพื่อส่งเสร�มให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สามารถใช้ เทคโนโลยีเป�นส่วนหนึ่งในการการช่วยเหลืองานด้านการบร�หารจัดการสถานศึกษา 3.1.2 เพื่อพัฒนารูปแบบการบร�หารสถานศึกษาให้มีระบบการบร�หารจัดการที่ดี มี ประสิทธิภาพ ส่งผลให้นักเร�ยนพัฒนาศักยภาพ มีคุณภาพเป�นที่ยอมรับของสังคม 3.2 เป�าหมาย/กลุ่มเป�าหมาย กลุ่มเป�าหมายคือ ครูโรงเร�ยนนาคําราษฎร์รังสรรค์ จํานวน 9 คน ผู้ปกครองนักเร�ยนโรงเร�ยน นาคําราษฎร์รังสรรค์จํานวน 150 คน ในโรงเร�ยนนาคําราษฎร์รังสรรค์สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษานครพนม รวมทั้งสิ้ นจํานวน 159 คน 3.2.1 เชิงปร�มาณ 1) ครูและบุคลากรทางการศึกษา และผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการบร�หารสถานศึกษา ในระดับ มาก ขึ้นไป 2) ครูและบุคลากรทางการศึกษาลดภาระและขั้นตอนการปฏิบัติงานด้านเอกสารได้ ร้อยละ 80 3) ผู้เร�ยนมีผลสัมฤทธิทางการเร�ยนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์สูงขึ้น ร้อยละ ์80 3.2.2 เชิงคุณภาพ โรงเร�ยนมีรูปแบบการบร�หารสถานศึกษาที่ดี คณะครูและบุคลากรทางการศึกษา มี นวัตกรรมสําหรับใช้อํานวยความสะดวกและลดภาระงานด้านเอกสาร ส่งผลให้มีเวลาในการจัดการเร�ยน อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ผู้เร�ยนมีคุณภาพ เพิ่ มขึ้น
9 3.3 ขั้นตอน/กิจกรรม/ว�ธีการดําเนินงาน 1) กําหนดว�สัยทัศน์คือการมองภาพอนาคตของผู้นําและสมาชิกในองค์กร และกําหนด จุดหมายปลายทางที่เชื่อมโยงกับภารกิจ ค่านิยม และความเชื่อเข้าด้วยกัน แล้วมุ่งสู่จุดหมายปลายทางที่ ต้องการจุดหมายปลายทางที่ต้องการ จุดหมายปลายทางดังกล่าวต้องชัดเจน ท้าทาย มีพลังและมีความ เป�นไปได้ 2) การมีส่วนร่วมของบุคลากร คือการมีส่วนร่วมของคนในองค์กร ตลอดจนการให้ความร่วมมือ กับองค์กรในทุกๆ ด้านอย่างสมัครใจและเต็มใจ ความหมายในวงที่กว้างขึ้นนั้นยังหมายถึงความผูกพันต่อ องค์กร และความรู้สึกเป�นส่วนหนึ่งขององค์กรอย่างแท้จร�งด้วย ตลอดจนความรู้สึกในการเป�นเจ้าของ องค์กรร่วมกัน ซึ่งนั่นจะนํามาสู่ความภักดีต่อองค์กรได้ในที่สุด 3) การพัฒนาบุคลากร คือการเพิ่ มประสิทธิภาพด้านทักษะ ความชํานาญในการทํางาน ตลอดจนปรับเปลี่ยนทัศนคติของบุคลากรทุกระดับให้เป�นไปในทิศทางเดียวกัน การเพิ่ มประสิทธิภาพ บุคลากรสามารถทําได้ด้วยว�ธีการฝ�กอบรม ปฐมนิเทศ ศึกษาดูงาน ร่วมสัมมนาทั้งในและนอกสถานที่ฯลฯ เพื่อบุคลากรนั้นๆ จะสามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ และมุ่งไปสู่ความสําเร็จตามเป�าหมายของ องค์กร 4) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน คือการพัฒนาโครงสร้างทางกายภาพและโครงสร้างหลักของ สถานศึกษาให้รองรับกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี 5) การเข้าถึงเทคโนโลยีคือการส่งเสร�มและพัฒนาให้นักเร�ยน ผู้ปกครอง ครูและบุคลากร ทางการศึกษาสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ โครงสร้างพื้นฐานของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศได้ 6) การติดตามและประเมินผล คือการกํากับ ติดตาม ระบบการทํางานทั้งระบบของระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างเป�นระบบ และนําผลไปวางแผนใหม่ 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล/ว�เคราะห์ข้อมูล 1) ว�เคราะห์ข้อมูลทั่วไปของบร�บทการปฏิบัติงานของครูภายในโรงเร�ยน 2) ว�เคราะห์สภาพการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบร�หารสถานศึกษา 4 ด้าน คือ 1. ด้านการบร�หารว�ชาการ 2. ด้านการบร�หารงบประมาณ 3. ด้านการบร�หารงานบุคคล 4. ด้าน การบร�หารทั่วไป 3) นําผลการว�เคราะห์การปฏิบัติงานและรูปแบบการดําเนินงานมาหาเคร�่องมือเพื่อปรับ ประยุกต์ใช้ในงานทั้ง 4 ด้านให้มีประสิทธิภาพมากยิ่ งขึ้นโดยใช้เคร�่องมือด้านเทคโนโลยี 4) ทดลองใช้งานระบบแอปพลิเคชันสําหรับงานด้านต่างๆเพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว คล่องตัว และเพิ่ มประสิทธิภาพการบร�หารจัดการในสถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในยุคการพัฒนา อย่างรวดเร็วที่เร�ยกว่าศตวรรษที่ 21 ตอนที่ 4 ผลที่เกิดจากการพัฒนา 4.1 ผลที่เกิดขึ้นกับสถานศึกษา/ผู้บร�หาร 4.1.1 ผู้บร�หารมีความรู้ความสามารถบร�หารจัดการศึกษาสู่แนวการปฏิบัติตามมาตรฐาน การศึกษาของชาติที่มีคุณลักษณะในการสร้าง ผู้เร�ยนสู่ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ 4.1.2 ผู้บร�หารมีการบร�หารจัดการศึกษาโดยนํานวัตกรรมการจัดการ หร�อรูปแบบการ บร�หารการศึกษาของสถานศึกษามาขับเคลื่อนพัฒนานักเร�ยนด้วยการบร�หารแบบมีส่วนร่วมโดยครูและ บุคลากรทางการศึกษา นักเร�ยนผู้ปกครองและชุมชนสถานประกอบการส่งผลทําให้เกิดการพัฒนา คุณภาพการศึกษาและเกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติได้
10 4.1.3 ผู้บร�หารมีการพัฒนาตนเองและว�สัยทัศน์ที่ดีมีความรู้ ความสามารถในการบร�หาร จัดการทําให้จัดการศึกษาใด้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในป�จจุบัน 4.1.4 ผู้บร�หารแสดงบทบาทเป�นผู้นําทางการศึกษาได้จากการทํางานร่วมกับผู้อื่นจะทําให้ มั่นใจได้ว่าจุดมุ่งหมายความต้องการนโยบายและแผน ได้รับการกําหนดและจัดทําขึ้นในกระบวนการ นโยบายผู้บร�หารสามารถแสดงบทบาทเป�นผู้ร�เร�มนโยบายเป�นนักประสานงานนักจูงใจและ นักเผยแพร่ ่ ข้อมูลสารสนเทศ 4.1.5 ผู้บร�หารแสดงภาวะผู้นําในการทํางานร่วมกับผู้อื่นและโดยผู้อื่นจะช่วยสร้าง วัฒนธรรมในการทํางานของโรงเร�ยนสู่ความเป�นเลิศได้ 4.1.6 สถานศึกษามีการกระจายอํานาจสร้างผู้นําผู้ตาม ในการปฏิบัติงานการมีส่วนร่วมใน การร่วมคิดร่วมตัดสินใจร่วมปฏิบัติงาน และร่วมรับผิดชอบในการพัฒนางานทําให้เกิดความไว้วางใจใน สังคม การทํางานเป�นทีมส่งผลให้การดําเนินงานบรรลุเป�าหมายและวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ 4.2 ผลที่เกิดขึ้นกับกับครู 4.2.1 ครูใช้นวัตกรรมในการบร�หารจัดการศึกษาทําให้มีกระบวนการทํางานอย่างเป�นระบบ 4.2.2 ครูเข้าใจในการจัดการเร�ยนรู้ของแต่ละหน่วยการเร�ยนรู้ครูนํารูปแบบว�ธีการสอน เทคนิคหร�อนวัตกรรมบร�หารจัดการเร�ยนรู้ให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ต่อผู้เร�ยน 4.2.3 ครูเข้าใจบทบาทหน้าที่ในการบร�หารงานการจัดการเร�ยนรู้ มีส่วนร่วมในกระบวนการ ตัดสินใจทําให้การกําหนดนโยบายและแผนงาน สอดคล้องกับเวลาและศักยภาพของครูได้และเกิดความ ชัดเจนในบทบาทหน้าที่ 4.2.4 ครูมีระบบการนํานโยบายไปปฏิบัติที่ดีมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนจุดมุ่งหมายและ นโยบายของโรงเร�ยนนําไปปฏิบัติได้และ มีส่วนร่วมช่วยลดป�ญหาความขัดแย้งระหว่างคุณครู 4.2.5 ครูใช้นวัตกรรมการบร�หารจัดการเพื่อใช้อํานวยความสะดวกและลดภาระงานของ ตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลต่อการปฏิบัติงานที่ดี 4.3 ผลที่เกิดขึ้นกับนักเร�ยน 4.3.1 ผู้เร�ยนมีสมรรถภาพผู้เร�ยนตามคุณภาพผู้เร�ยนที่ได้รับ การพัฒนาคุณลักษณะอันพึง ประสงค์และพัฒนาด้านว�ชาการตามหลักสูตร ของโรงเร�ยน 4.3.2 ผู้เร�ยนมีการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ปรับตัวเข้ากับสังคม มีจิตอาสาช่วยเหลือ ผู้อื่นรู้คุณค่าและเข้าใจจาร�ตประเพณีคุณความดี มีการสร้างสรรค์อัตลักษณ์ของตนเองและองค์กรพร้อม ดําเนินชีว�ตได้ อย่างสันติสุข 4.3.3 ผู้เร�ยนเป�นผู้ที่รู้เท่าทันเทคโนโลยีต่างๆใช้ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ ในการสืบค้น ข้อมูลสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อรู้จักเลือกรับข้อมูลข่าวสาร อย่างมีว�จารณญาณสามารถนําข้อมูลมาใช้ ประโยชน์ในการเร�ยน การทํากิจกรรมและการดํารงชีว�ตในสังคม 4.3.4 ผู้เร�ยนรู้จักทํางานร่วมกันเป�นทีมรู้จักแสดงความคิดเห็นและ รับฟ�งความคิดเห็น ของผู้อื่นอย่างมีเหตุผลผลัดกันเป�นผู้นําแสดงออก ถึงน�าใจเอื้อเฟ�้อเผื่อแผ่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อกันมี ว�นัยและรับผิดชอบ เป�นส่วนหนึ่งของการมีว�ถีการดํารงชีว�ตในสังคมประชาธิปไตย 4.3.5 ผู้เร�ยนได้รับการฝ�กให้มีความเข้าใจและมีทักษะการอยู่ร่วมกัน ในสังคมที่มีความ หลากหลายทางวัฒนธรรมมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่งในสังคมโลกยุคป�จจุบันทุกคนจะต้องปรับตน ให้เข้ากับสังคมและ วัฒนธรรมที่หลากหลายและมีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันเพื่อการอยู่ร่วมกัน อย่าง สันติสุข
11 4.3.6 ผู้เร�ยนมีการปรับพฤติกรรมด้านต่างๆ ที่เป�นเชิงลบ พัฒนาได้ดีขึ้น เนื่องจากนวัติ กรรมการบร�หารจัดการมีการรายงานผลถึงผู้ปครองแบบเร�ยลไทม์ 4. ป�ญหา/อุปสรรค การดําเนินการจัดทํานวัติกรรมที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการบร�หารจัดการค่อนข้าง มีความจํากัดและสามารถใช้งานได้ไม่ครอบคลุมกับกลุ่มงาน เนื่องจากการเชื่อมโยงของระบบ รูปแบบการ ทํางานในกูเกิลฟอร์ม การเขียนโค้ดในแอพสคร�ปต์ที่มีความซับซ้อน ส่งผลให้การทํางานยังไม่หลากหลาย ทางด้านการใช้งาน ต้องอาศัยผู้ที่มีความชํานาญหร�อเชี่ยวชาญโดยตรงจึงจะสามารถสร้างนวัตกรรมการ ช่วยเหลือที่เป�นเทคโนโลยีหลักในการทํางานได้อย่างสมบูรณ์ยิ่ งขึ้น 5. ข้อเสนอแนะ พัฒนาระบบการจัดทํานวัตกรรมการบร�หารจัดการเพื่อใช้ในการพัฒนางานทั้ง 4 ฝ�ายได้ ครบสมบูรณ์จะช่วยให้ระบบงานภายในโรงเร�ยนมีความสมบูรณ์และช่วยให้การทํางานมีขั้นตอนที่รวดเร็ว สะดวกต่อการใช้งานได้ในอนาคต
12 ภาคผนวก
13 แอปพลิเคชั่น (application) สําหรับรายงานผลข้อมูล และการบันทึกข้อมูลการบร�หารจัดการงาน ด้านต่างๆภายในโรงเร�ยน
14 แอปพลิเคชั่น (application) สําหรับลงเวลาปฏิบัติราชการ รายงานผลข้อมูลการมาปฏิบัติราชการ และการบันทึกข้อมูลการบร�หารจัดการงานด้านบุคลากรภายในโรงเร�ยน
15 แอปพลิเคชั่น (application) สําหรับยื่นคําร้องขอใบรับรอง รายงานผลข้อมูลการประชุม อบรม และ การรายงารนผลการจัดกิจกรรมการเร�ยนรู้สําหรับผู้เร�ยน เพื่อให้อํานวยความสะดวกและประมวลผล ได้รวดเร็วสําหรับบุคลากรภายในโรงเร�ยน
16 ไฟล์รายงานผลการจัดกิจกรรมต่างๆเมื่อกรอกผ่านฟอร์มจะประมวลผลออกมาโดยอัตโนมัติ
17 แอปพลิเคชั่น (application) สําหรับรายงานข้อมูลการมาเร�ยนของนักเร�ยนในช่วงเช้าและก่อนกลับ บ้าน และประมวลผลรายงานส่งเข้าระบบไลน์แจ้งเตือนอัตโนมัติ
18 แอปพลิเคชั่น (application) สําหรับรายงานข้อมูลการเข้าเร�ยนของนักเร�ยนรายชั่วโมงในแต่ละวัน และประมวลผลรายงานส่งเข้าระบบไลน์แจ้งเตือนอัตโนมัติ พร้อมจัดเก็บข้อมูลในฐานข้อมูล
19 การประมวลผลข้อมูลและส่งรายงานเข้าระบบไลน์แจ้งเตือนอัตโนมัติ พร้อมจัดเก็บข้อมูลในฐานข้อมูล