แบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยที่ 3
อปุ กรณ์ระบบเครือขา่ ย
คำชแี้ จง ให้เลือกคำตอบที่ถูกต้องทสี่ ุดเพียงคำตอบเดยี ว
1. ข้อใดคือความหมายของ Wireless Access Point
ก. เปน็ เครอ่ื งทบทวนสญั ญาณข้อมูลในการส่งสญั ญาณขอ้ มลู ในระยะทางไกล ๆ
ข. มลี กั ษณะเปน็ สายกลม คล้ายสายโทรทัศน์
ค. มลี ักษณะเปน็ สายเกลยี ว คล้ายสายโทรศพั ท์
ง. เป็นอปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกอย่างหน่งึ ทีช่ ่วยในการสอ่ื สารข้อมูลคอมพวิ เตอร์
จ. อปุ กรณใ์ นเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ ท่ชี ่วยใหอ้ ปุ กรณ์ไร้สายสามารถเช่อื มตอ่ กับเครือขา่ ยแบบมีสาย
ได้โดยการใชเ้ ทคโนโลยีของแลนไร้สาย
2. ขอ้ ใดไม่ใช่อุปกรณ์ในการต่ออินเทอรเ์ นต็ ไร้สาย
ก. Wireless Modem Router ข. Bridge
ค. Access Point (AP) ง. Wireless Router
จ. Modem
3. ขอ้ ใดเปน็ อปุ กรณ์ท่ีใช้เช่อื มเครือขา่ ยสองระบบเขา้ ดว้ ยกนั
ก. Router ข. Connectrator
ค. HUB ง. Connecter
จ. Bridge
4. HUB หมายถึงข้อใด
ก. อุปกรณ์ท่ีใชป้ ิดสญั ญาณหัวทา้ ยเครอื ข่ายเพื่อป้องกนั สัญญาณรวั่
ข. เปน็ อุปกรณ์ที่ใช้ต่อหัวเข้ากับสาย
ค. อุปกรณ์ศนู ยก์ ลางของสายส่งสัญญาณรับทางเดียวออกหลายทาง หรือรบั หลายทางออกทางเดียว
ง. แผงวงจรท่ีเสียบกับเครอ่ื งเพ่ือเชื่อมสายต่อเป็นเครือขา่ ย
จ. อุปกรณท์ ใ่ี ช้ปดิ สญั ญาณหัวทา้ ยเครอื ข่ายเพื่อป้องกันสัญญาณล่าช้า
5. หากระบบเครือขา่ ยที่มีความแตกต่างกันอยา่ งสน้ิ เชิง จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใดท่ีทำใหร้ ะบบนน้ั สามารถ
เชอื่ มโยงกนั ได้
ก. Repeater ข. Bridge
ค. Router ง. Gateway
จ. HUB
6. รพี ีตเตอร์ (Repeater) เป็นอุปกรณ์ท่ีมไี ว้ทำอะไร
ก. ชว่ ยใหร้ ะบบทม่ี ีโปรโตคอลตา่ งกนั สามารถสื่อสารและทำงานรว่ มกัน
ข. ชว่ ยให้ระบบต่าง ๆ สามารถทำงานรว่ มกนั ได้
ค. เปน็ อปุ กรณ์ท่ีดกั สญั ญาณรบกวนภายในเครอื ขา่ ย
ง. ชว่ ยให้ระบบสามารถชว่ ยยดื ระยะทางไปได้ไกลกว่าเดิม
จ. เปน็ อปุ กรณท์ ่ีขยายสญั ญาณในเครือข่าย
7. อุปกรณใ์ นขอ้ ใดทีเ่ ปน็ ฮาร์ดแวร์ทีท่ ำหนา้ ท่ีแปลงสัญญาณอนาล็อกใหเ้ ปน็ สญั ญาณดิจิทัล
ก. Gateway ข. Router
ค. Modem ง. Repeater
จ. Tree
8. อปุ กรณ์ในขอ้ ใดทำงานคล้ายเคร่อื งตรวจตำแหน่งของข้อมูล
ก. Modem ข. Bridge
ค. Repeater ง. Gateway
จ. Tree
9. สาย UTP (Unshied Twisted Pair) สามารถสง่ สัญญาณได้ไกลประมาณก่ีเมตร
ก. 350 เมตร ข. 300 เมตร
ค. 200 เมตร ง. 150 เมตร
จ. 100 เมตร
10. สาย UTP เป็นสายสำหรับการด์ อะไร
ก. การ์ด LAN ข. การ์ด BNC
ค. การด์ WAN ง. การ์ด MAN
จ การ์ด NIC
หน่วยที่ 3
อปุ กรณร์ ะบบเครอื ขา่ ย
หวั ขอ้ เรอ่ื ง (Topics)
3.1 แอคเซสพอยต์ (Wireless Access Point)
3.2 ฮบั (Hub)
3.3 เราเตอร์ (Router)
3.4 โมเต็ม (Modem)
3.5 การ์ดเครือข่าย (Network Adapter) หรอื การด์ แลน (Lan Card)
3.6 เกตเวย์ (Gateway)
3.7 บริดจ์ (Bridge)
3.8 รีพีตเตอร์ (Repeater)
3.9 สายสญั ญาณ
แนวคดิ สำคญั (Main Idea)
เครือข่ายงานคอมพวิ เตอร์ คือ เครอื ขา่ ยกาะสอื่ สารโทรคมนาคมระหว่างคอมพวิ เตอร์จำนวนตัง้ แต่
2 เครอ่ื งขน้ึ ไป สามารถแลกเปล่ยี นข้อมูลกันเด้ การเช่ือมต่อระหว่างอุปกรณค์ อมพิวเตอร์ต่าง ๆ ในเครอื ขา่ ย
(โหมดเครอื ข่าย) จะใชส้ ่อื ท่ีเป็นสายเคเบิลหรือสอื่ ไร้สาย เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ทรี่ จู้ ักกันดี คือ อินเทอรเ์ น็ต
การท่รี ะบบเครือยายมีบทบทสำคญั มากขน้ึ ในปัจจบุ นั เพราะมีการใชง้ านคอมพิวเตอร์อยา่ งแพร่หลาย จึงเกิด
ความตอ้ งการท่จี ะเช่ือมตอ่ คอมพวิ เตอรเ์ หลา่ น้ันถงึ กัน เพ่ือเพมิ่ ความสามารถของระบบให้สงู ขึน้ และลดตนั ทุน
ของระบบโดยรวมลง การโอนย้ายข้อมลู ระหว่างกันในเครือขา่ ยทำให้ระบบมขี ดี ความสมารถเพ่ิมมากขึน้ การ
แบง่ การใชท้ รัพยากร เชน่ หน่วยประมวลผล หน่วยความจำ หน่วยจดั เก็บขัดล โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และ
อปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ทม่ี รี าคาแพง และไม่สารถจัดหามให้ทกุ คนได้ เชน เครอ่ื งพมิ พ์ เครื่องกราดภาพ Scanneri) ทำให้
ลดตันทุนของระบบลงไต้ อุปกรณเ์ ครือข่ายจึงนับวา่ มคี วามสำคญั โดยทส่ี ร้างข้อมูลส่งมาตามเส้นทาง และ
บรรจบข้อมลู จะเรียกวา่ โหมดเครอื ข่ายโหมดประกอบด้วยโชสต์ เช่น เซริ ์ฟเวอร์ คอมพิวเตอรส์ ว่ นบุคคล และ
ฮารด์ แวร์ของระบบเครือขา่ ย อปุ กรณส์ องตัวจะกล่าววา่ เป็นเครือข่ายได้กต็ ่อเม่ือกระบวนการในเครื่องหนงึ่
สามารถท่จี ะแลกเปลีย่ นข้อมูลกบั กระบวนการในอกี อปุ กรณ์หนีงได้ โดยเครอี ขา่ ยจะสนับสนนุ แปพลิเคขนั เชน่
การเขา้ ถึงเวลิ ตไรค์เวบี การใชง้ านรว่ มกนั ของแอปพลิเศชัน การใช้เซิร์ฟเวอร์สำหรบั เก็บข้อมูลรว่ มกัน การใช้
เครือ่ งพมิ พแ์ ละเคร่ืองแฟกซ์ร่วมกัน และการใชอ้ ีเมล และโปรแกรมส่งข้อความโด้คอบแบบทันทีร่วมกัน ซ่ึงใน
หนว่ ยนีจ้ ะกล่าวถงึ อุปกรณ์ครือข่าย เพ่ือเป็นแนวทางในการเลอื กใชอ้ ปุ กรณ์เครือขา่ ยให้สมารถรองวบั การใช้
งานในองค์กรได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพสูงสดุ
สมรรถนะยอ่ ย (Element of Competency)
แสดงความรเู้ กีย่ วกับอุปกรณ์ระบบเครือขา่ ย
จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม (Behavioral Objectives)
1. อธบิ ายแอคเซสพอยต์ (Wireless Access Point) ได้
2. อธิบายฮบั (Hub) ได้
3. อธิบายเราเตอร์ (Router) ได้
4. อธิบายโมเดม็ (Modem) ได้
5. อธบิ ายการด์ เครือขา่ ย (Network Adapter) หรอื การ์ดแลน (Lan Card) ได้
6. อธิบายเกตเวย์ (Gateway) ได้
7. อธบิ ายบริดจ์ (Bridge) ได้
8. อธบิ ายรีพตี เตอร์ (Repeater) ได้
9. อธบิ ายสายสัญญาณได้
เนอื้ หาสาระ (Content)
3.1 แอคเซสพอยต์ (Wireless Access Point)
แอคเซสพอยต์ไรส้ าย หรอื WAP หรอื เรยี กสน้ั ๆ ว่า AP คอื อปุ กรณ์ในเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ ท่ีชว่ ย
ใหอ้ ุปกรณไ์ ร้สายสามารถเช่ือมต่อกบั เครือขา่ ยแบบมสี ายได้โดยการใช้เทคโนโลยีของแลนไร้สาย หรือ
มาตรฐานอ่ืน ๆ ทเ่ี กย่ี วข้อง AP มักจะเชื่อมต่อกับเราเตอร์ด้วยสายเคเบิล ผา่ นเครือข่าย แบบมสี าย ซง่ึ อาจเป็น
อุปกรณ์แยกต่างหาก หรือเป็นสว่ นหนงึ่ ของเราเตอร์น้นั
รปู ที่ 3.1 Wireless Access Point
(ท่ีมา : https://qrgo.page.link/aQHBr)
การเชอ่ื มต่ออนิ เทอร์เน็ตไร้สายนัน้ จำเป็นตอ้ งมีอุปกรณใ์ นการเชื่อมต่อสญั ญาณอนิ เทอรเ์ นต็ ซงึ่ อปุ กรณ์ที่นยิ ม
ใช้งานกนั ในปัจจบุ ันน้ีมีอยู่ 3 ชนดิ ด้วยกัน คือ
1. Access Point (AP)
2. Wireless Router
3. Wireless Modem Router
Access Point (AP) คอื อุปกรณ์ทม่ี ีหน้าที่ในการกระจายสัญญาณไวรเ์ ลส เป็นอุปกรณ์พื้นฐานตัวหนง่ึ
ทสี่ ามารถสรา้ งเครือข่ายไร้สายจากระบบเครอื ข่ายแลนได้ง่ายที่สดุ แอคเซสพอยต์ทำหน้าท่ีกระจายสัญญาณ
ออกไปยงั เครอ่ื งลกู ข่ายที่อยู่ในรัศมกี ารกระจายสญั ญาณโดยรอบ ซง่ึ ลกั ษณะของตวั แอคเซสพอยต์นั้นจะมี
ลักษณะท่ีแตกตา่ งกันอยู่กบั ผู้ผลิตจะดไี ซนใ์ ห้มรี ปู ร่างหนา้ ตาแบบไหน แต่ท่ีเหมือนกนั ก็คือ AP จะมีชอ่ งเสยี บ
สายแลนเพยี งชอ่ งเดียวเท่านั้น ชอ่ งดงั กล่าวจะเปน็ ชอ่ งที่รับสัญญาณอนิ เทอร์เน็ต หรือใชเ้ ช่ือมตอ่ กับเน็ตเวิรค์
จากเครือขา่ ยแลนเข้ากับเคร่ืองลกู ข่ายทเ่ี ชื่อมต่อแบบไร้สาย การทำงานของ AP จะทำงานภายใต้มาตรฐานของ
IEEE802.11 ซ่งึ ทำใหอ้ ุปกรณ์ทมี่ ีมาตรฐานนีส้ ามารถใชง้ าน AP ได้อยา่ งเต็มประสิทธภิ าพ
โดยมากแลว้ แอคเซสพอยต์จะมีเสาสัญญาณเพียง 1 เสาเทา่ นั้น การเลอื กซ้ือถา้ ต้องการสญั ญาณทม่ี ี
คุณภาพดีข้ึนควรเลือกใช้แอคเซสพอยต์ท่มี ีมากกวา่ 2 เสาขึ้นไป เพื่อใหก้ ารกระจายสญั ญาณของ AP สามารถ
กระจายสัญญาณไดม้ ีคุณภาพมากยิ่งข้ึน ซง่ึ พ้ืนฐานของ AP นัน้ จะมไี ฟแสดงสถานะมาตรฐานอยู่ 3 สถานะ คอื
1. ไฟ Power สถานะนี้จะข้นึ แสดงเม่อื มีไฟฟ้ามาเลยี้ งทตี่ ัว AP ถ้าไฟดวงน้ีไมต่ ิดควรตรวจสอบปลกั๊ วา่
มกี ารเสียบปลกั๊ ดหี รือเปล่า
2. ไฟ Link ไฟสถานะน้จี ะเป็นไฟแสดงสถานะของสายแลนว่ามีการเช่อื มต่อทสี่ มบูรณ์หรือเปล่า ถ้าไฟ
สถานะ Link ไม่ติด ใหต้ รวจดทู ีส่ ายแลนวา่ มีการเช่ือมตอ่ ไว้หรอื เปลา่ ถ้ามีการเชอื่ มต่อแลว้ ตอ้ งไปดทู ี่ปลายสาย
ว่ามกี ารเชอื่ มต่อที่ถกู ต้องหรือเปลา่ เช่นกนั เพราะถ้ามีการเชือ่ มตอ่ ทถี่ ูกต้องแล้ว ไฟสถานะ Link จะขน้ึ แสดงท่ี
ตวั อุปกรณ์ AP เสมอ
3. ไฟสถานะ ACT ไฟดวงนี้จะเป็นตัวบง่ ชี้วา่ มีการส่งข้อมูลผา่ นตัวอุปกรณ์ AP ซงึ่ เป็นการส่งข้อมลู
ระหวา่ งเครื่องลูกข่ายกับ AP ส่วนมากแลว้ จะมกี ารกะพริบอยตู่ ลอดเม่ือมีการใช้งานท้ังนี้ ไฟสถานะทั้ง 3
สถานะ ทกี่ ล่าวมาแล้วข้างต้นนั้นเปน็ เพยี งไฟสถานะเบื้องต้นเท่านน้ั ซง่ึ ผผู้ ลติ แต่ละรายอาจมีการเพมิ่ ไฟสถานะ
มากกวา่ 3 สถานะน้ีกไ็ ด้ โดยสามารถดูความหมายของไฟสถานะต่าง ๆ ได้จากคู่มือของอุปกรณ์ท่ที างผู้ผลิตได้
มมี าให้พร้อมกบั ตัวอุปกรณ์ AP
3.1.1 โหมดการทำงานของ Access Point (AP)
การใชง้ าน AP เปน็ เรือ่ งทงี่ ่ายมากถ้าเทยี บกับอุปกรณ์ไวร์เลสชนิดอื่น ๆ เพราะการใชง้ าน AP น้นั ไม่ต้องมี
การต้งั ค่าอะไรมากมาย เพียงเสยี บสายแลน และตง้ั IP ให้อย่วู งเดียวกบั ตัวโมเดม็ ก็จะสามารถใช้งานไดแ้ ลว้ แต่
ถงึ กระนน้ั ก็ควรรถู้ ึงระบบการทำงานของ AP ว่าสามารถทำงานในโหมดแบบไหนไดบ้ า้ ง
1. โหมด Access Point เปน็ โหมดพน้ื ฐานทส่ี ุดเพราะถา้ ไม่มกี ารต้ังค่าอะไรเลย AP จะอยใู่ นโหมดนี้
สำหรบั โหมดน้เี หมาะกับการใชง้ านในเครือข่ายไรส้ ายที่ไม่ใหญม่ าก และสามารถตัง้ คา่ ความปลอดภัยไดห้ ลาย
ระดับต้งั แต่ป้องกนั ดว้ ยรหัสผา่ นบนมาตรฐาน WEP หรือ WPA หรือปอ้ งกนั ด้วยการกรอง MAC เพื่อเชื่อมตอ่
อนิ เทอรเ์ น็ตในแต่ละคร้ัง นอกจากนน้ั AP บางตวั ยังมีความสามารถอ่นื ๆ ท่ีสามารถปรับแต่งได้มากกว่าน้ี เช่น
การแบง่ Traffic ของผ้ใู ช้งานออกจากกัน
2. โหมด Client Bridge เปน็ โหมดทเี่ ปล่ียน AP เป็นเคร่ืองรับซ่งึ จะทำตัวเองเปน็ ลกู ข่าย มหี น้าทใ่ี น
การรับสญั ญาณอินเทอรเ์ นต็ จาก AP ที่สง่ มาอกี ทอดหนึง่ ซง่ึ ระบบนี้จะเน้นในการใช้งานกบั AP ทอ่ี ยู่ใน
ระยะไกล หรอื อปุ กรณ์ที่ไม่มีตัวรบั สญั ญาณอนิ เทอร์เน็ต โหมด Client Bridge จะช่วยเข้ามาแก้ปญั หาตรงน้ีได้
3. โหมด Client Router เปน็ โหมดทีท่ ำงานคลา้ ยคลึงกับโหมด Client Bridge อยา่ งมาก เพียงแต่มี
ขอ้ แตกต่างทอ่ี ปุ กรณ์ท่ีเพิ่มเข้ามาคือ NAT (Network Address Translation) อุปกรณ์น้ีจะมีหน้าทีแ่ ปลง
Private IP ใหเ้ ป็น IP ท่สี ามารถใช้งานบนระบบอนิ เทอร์เน็ตได้ พร้อมกนั น้นั ยังมีการใช้งานฟงั ก์ชัน DHCP ท่ี
สามารถแจก IP Address ใหก้ บั เคร่ืองลกู ข่ายได้อีกด้วย
4. โหมด Wireless Router โหมดนีส้ ามารถแปลง AP ให้มีการทำงานเหมือนกบั Wireless Router
ทุกประการเพียงเสียบสายแลนเขา้ ที่ช่อง WAN จะใช้งานไดท้ ันที
5. โหมด WDS Bridge เปน็ โหมดที่มีการสง่ ผ่านข้อมูลระหว่าง AP กบั AP ขอ้ ดีของระบบนีค้ อื เม่ือ AP1
ที่ส่งสัญญาณอินเทอรเ์ นต็ ให้กับ AP2 AP1 กจ็ ะสง่ ค่า MAC Address ของเครอ่ื งลูกขา่ ยท้ังหมดผ่านไปยงั เคร่ือง
AP ตัวท่ี 2 ดว้ ยซ่ึงถอื วา่ เปน็ เรอ่ื งทีส่ ะดวกมากสำหรบั ผู้ให้บรกิ าร โดยผใู้ หบ้ ริการไม่ต้องไปใส่ MAC Address
ของผใู้ ช้งานกับ AP ทกุ ตวั
6. โหมด WDS AP ถ้าใช้งานโหมดน้ี AP จะกลายเป็น Repeater หรอื การขยายสัญญาณให้ แรงขน้ึ
กอ่ นจะสง่ สัญญาณไปยังเครือ่ งลกู ข่ายที่เช่ือมต่ออยู่ แตข่ ้อเสียของโหมดน้ีก็คือ การเพ่ิม AP ที่มหี น้าทีเ่ ปน็
Repeater มากขนึ้ เทา่ ไร ความเรว็ ในการส่งผ่านข้อมูลก็จะชา้ ลงตามไปด้วยเช่นกนั
7. โหมด Universal Repeater จะทำงานคลา้ ยกบั โหมด WDS AP แตแ่ ตกตา่ งกันที่โหมด Universal
Repeater สามารถเชื่อมตอ่ กบั AP ตัวไหนกไ็ ด้อยใู่ นรัศมี และสามารถขยายสญั ญาณไปใหกับ้ เครื่องลูกข่ายได้
เลย ซง่ึ ผิดกับ โหมด WDS AP ทีต่ ้องเชือ่ มต่อและขยายสญั ญาณกับ AP ทต่ี ้งั ค่าไวเ้ ท่านนั้ โดยสว่ นมากแลว้ จะ
นิยมใช้งานโหมด Universal Repeater มากกว่า โหมด WDS AP
3.1.2 ประโยชนข์ อง Access Point
ประโยชนใ์ นการใชง้ าน Access Point นั้นกค็ อื ความสะดวกสบายของผใู้ ชง้ านและผู้ติดตัง้ ซงึ่ ความ
สะดวกสบายของผใู้ ชง้ านนัน้ ก็คอื เราสามารถนำอุปกรณ์ที่รับสญั ญาณ Wireless ไปใช้งานตรงไหนก็ไดท้ ี่ AP
อยโู่ ดยไม่ต้องเดินสายแลนไปเชื่อมต่อกับอุปกรณน์ ้ัน ๆ ซ่ึงจะชว่ ยในการประหยดั คา่ ใช้จา่ ยในการเดินสายอีก
ดว้ ย สำหรับความสะดวกสบายของผตู้ ิดต้ังนนั้ ก็คือ Access Point นั้นมกี ารตดิ ต้ังทง่ี ่ายเพียงเลอื ก
โหมดทตี่ ้องการใช้ตามลักษณะงานที่ไปตดิ ตัง้ พร้อมกนั นนั้ ก็ต้ัง IP ใหอ้ ยใู่ นวงเดยี วกันกส็ ามารถ
ใชง้ านกระจายสัญญาณอินเทอร์เนต็ ได้แลว้
3.2 ฮบั (Hub)
ฮบั เป็นอุปกรณ์ชว่ ยกระจายสัญญาณไปยังเครื่องตา่ ง ๆ ทอ่ี ยใู่ นระบบ หากเป็นระบบเครอื ข่ายท่มี ี2
เครอ่ื ง ก็ไมจ่ ำเปน็ ต้องใช้ฮับ สามารถใช้สายสญั ญาณเชื่อมต่อถงึ กันได้โดยตรง แต่หากเป็นระบบทีม่ ีมากกวา่ 2
เครอ่ื ง จำเปน็ ต้องมฮี บั เพ่ือทำหน้าท่ีเปน็ ตวั กลาง ในการเลอื กซื้อฮบั ควรเลือกฮบั ที่มคี วามเรว็ เทา่ กบั ความเร็ว
ของการด์ เช่น การ์ดมีความเร็ว 100 Mbps ก็ควรเลือกใช้ฮับท่มี ีความเรว็ เปน็ 100 Mbps ดว้ ย ควรเป็น ฮับท่ี
มจี ำนวนพอร์ตสำหรบั ต่อสายท่ีเพียงพอกบั เครื่องใชใ้ นระบบ หากจำนวนพอร์ตตอ่ สายไม่เพียงพอกส็ ามารถตอ่
พ่วงได้ แนะนำว่าควรเลอื กซื้อฮบั ทสี่ ามารถต่อพ่วงได้ เพ่ือรองรบั การขยายตวั ในอนาคต
รปู ที่ 3.2 ฮับ (Hub)
(ทีม่ า : https://qrgo.page.link/YRS8U)
3.3 เราเตอร์ (Router)
เราเตอร์ เป็นอปุ กรณ์ในระบบเครอื ข่ายทีท่ ำหน้าท่เี ปน็ ตวั เชอ่ื มโยงใหเ้ ครือขา่ ยท่มี ขี นาดหรอื มาตรฐาน
ในการสง่ ข้อมูลตา่ งกนั สามารถตดิ ตอ่ แลกเปลีย่ นข้อมูลระหวา่ งกันได้ เราเตอร์จะทำงานอย่ชู นั้ Network
หน้าที่ของเราเตอรก์ ค็ ือ ปรับโปรโตคอล (Protocol) (โปรโตคอลเปน็ มาตรฐานในการสื่อสารข้อมลู บนเครือข่าย
คอมพวิ เตอร์) ทีต่ ่างกนั ให้สามารถสอ่ื สารกนั ได้
รปู ท่ี 3.3 เราเตอร์ (Router)
(ทม่ี า : https://qrgo.page.link/umxXP)
3.4 โมเด็ม (Modem)
โมเดม็ เปน็ ฮารด์ แวรท์ ่ที ำหนา้ ทแ่ี ปลงสัญญาณแอนะลอ็ กใหเ้ ป็นสญั ญาณดิจทิ ัล เม่ือข้อมลู ถูกส่งมายัง
ผรู้ บั จะแปลงสัญญาณดิจทิ ัลใหเ้ ป็นแอนะล็อก เมื่อต้องการสง่ ขอ้ มูลไปบนช่องสื่อสาร กระบวนการท่ีโมเด็ม
แปลงสญั ญาณดจิ ิทัลใหเ้ ป็นสัญญาณแอนะล็อกเรียกวา่ มอดูเลชัน (Modulation) โมเดม็ ทำหน้าที่ มอดเู ลเตอร์
(Modulator) กระบวนการทีโ่ มเด็มแปลงสญั ญาณแอนะล็อกให้เปน็ สญั ญาณดจิ ิทัล เรยี กวา่ ดมี อดูเลชนั
(Demodulation) โมเด็มทำหนา้ ท่ี ดมี อดเู ลเตอร์ (Demodulator) โมเด็มทใี่ ชก้ นั อย่างแพร่หลายในปัจจบุ ันมี
2 ประเภท โมเด็มในปจั จุบนั ทำงานเป็นท้ังโมเดม็ และเคร่ืองโทรสาร เราเรยี กว่า Faxmodem
รปู ท่ี 3.4 โมเด็ม (Modem)
(ทีม่ า : https://qrgo.page.link/VkxLA)
3.5 การด์ เครอื ขา่ ย (Network Adapter) หรอื การด์ แลน (Lan card)
การด์ เครอื ข่าย หรอื การ์ดแลน เป็นอปุ กรณ์ทำหนา้ ที่ส่ือสารระหวา่ งเครื่องตา่ งกันได้ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งเปน็
รุน่ หรือยีห่ ้อเดยี วกัน แต่หากซอื้ พร้อม ๆ กันแนะนำใหซ้ ื้อรุ่นและย่ีห้อเดยี วกนั จะดีกว่าและควรเปน็ การ์ดแบบ
PCI เพราะสามารถสง่ ข้อมลู ได้เรว็ กวา่ แบบ ISA และเมนบอรด์ รนุ่ ใหม่ ๆ มกั จะไม่มี Slot ISA ควรเปน็ การด์ ทีม่ ี
ความเร็วเปน็ 100 Mbps จะมรี าคามากกว่าการด์ แบบ 10 Mbps ไม่มากนัก แตส่ ่งข้อมูลไดเ้ ร็วกว่า นอกจากนี้
ควรคำนงึ ถงึ ขั้วต่อหรือคอนเน็กเตอร์ของการด์ ด้วย โดยท่วั ไปคอนเน็กเตอรข์ องการด์ แลนจะมีหลายแบบ เชน่
BNC, RJ–45 เปน็ ตน้ ซง่ึ คอนเน็กเตอร์แต่ละแบบจะใช้สายท่แี ตกต่างกนั
รปู ที่ 3.5 การด์ เครอื ขา่ ย (Network Adapter) หรือ การ์ดแลน (Lan Card)
(ทม่ี า : https://qrgo.page.link/m8dLF)
3.6 เกตเวย์ (Gateway)
เกตเวย์ เปน็ อุปกรณอ์ ิเล็กทรอนิกสอ์ ีกอยา่ งหนง่ึ ที่ชว่ ยในการส่ือสารข้อมลู คอมพิวเตอร์ หนา้ ที่หลกั คือ
ชว่ ยใหเ้ ครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ 2 เครอื ข่ายหรอื มากกว่าซ่ึงจะมลี กั ษณะไมเ่ หมือนกนั สามารถตดิ ตอ่ ส่ือสารกันได้
เหมอื นเปน็ เครอื ข่ายเดียวกัน
รปู ที่ 3.6 เกตเวย์ (Gateway)
(ท่มี า : https://qrgo.page.link/8QgES)
3.7 บรดิ จ์ (Bridge)
บริดจ์ มลี กั ษณะคลา้ ยเครอื่ งขยายสญั ญาณ บริดจจ์ ะทำงานอยู่ในชั้น Data Link บริดจท์ ำงานคล้าย
เคร่ืองตรวจตำแหน่งของข้อมูล โดยบรดิ จจ์ ะรบั ขอ้ มูลจากต้นทางและส่งให้กับปลายทาง โดยท่บี ริดจ์จะไมม่ กี าร
แกไ้ ขหรอื เปลย่ี นแปลงใด ๆ แก่ข้อมลู บริดจท์ ำใหก้ ารเช่อื มตอ่ ระหว่างเครือขา่ ยมีประสิทธิภาพลดการชนกนั
ของขอ้ มูลลง บรดิ จ์จึงเป็นสะพานสำหรับข้อมูลสองเครอื ขา่ ย
รปู ที่ 3.7 บรดิ จ์ (Bridge)
(ที่มา : https://qrgo.page.link/umxXP)
3.8 รพี ีตเตอร์ (Repeater)
รพี ตี เตอร์ เปน็ เคร่อื งทบทวนสัญญาณข้อมูลในการส่งสญั ญาณข้อมูลในระยะทางไกล ๆ สำหรับ
สัญญาณแอนะล็อกจะต้องมกี ารขยายสัญญาณข้อมลู ทเ่ี ร่ิมเบาบางลงเน่อื งจากระยะทาง และสำหรับสญั ญาณ
ดจิ ิทลั ก็จะต้องมีการทบทวนสญั ญาณเพ่อื ป้องกนั การขาดหายของสญั ญาณเน่ืองจากการส่งระยะทางไกล ๆ
เช่นกันรพี ีตเตอรจ์ ะทำงานอยู่ในชน้ั Physical
รปู ท่ี 3.8 รพี ีตเตอร์ (Repeater)
(ท่มี า : https://qrgo.page.link/og2Rn)
3.9 สายสญั ญาณ
สายสญั ญาณ เปน็ สายสำหรบั เชอื่ มต่อเคร่ืองคอมพิวเตอรต์ ่าง ๆ ในระบบเข้าด้วยกนั หากเป็นระบบที่
มีจำนวนเครอื่ งมากกว่า 2 เครอื่ ง ก็จะต้องต่อผา่ นฮบั อีกทีหนึง่ โดยสายสัญญาณสำหรับเชื่อมต่อเครื่องในระบบ
เครือข่ายจะมีอยู่ 2 ประเภท คอื
1. สาย Coaxial มลี ักษณะเป็นสายกลม คล้ายสายโทรทัศน์ ส่วนมากจะเปน็ สีดำ สายชนดิ นจี้ ะใชก้ บั
การ์ด LAN ทใ่ี ชค้ อนเน็กเตอร์แบบ BNC สามารถสง่ สญั ญาณได้ไกลประมาณ 200 เมตร สายประเภทนี้จะต้อง
ใชต้ วั T Connector สำหรบั เช่อื มตอ่ สายสญั ญาณกบั การ์ด LAN ต่าง ๆ ในระบบ และต้องใช้ตัว Terminator
ขนาด 50 โอห์ม สำหรับปดิ หัวและทา้ ยของสาย
รปู ท่ี 3.9 สาย Coaxial
(ทม่ี า : https://qrgo.page.link/F5EVn)
2. สาย UTP (Unshied Twisted Pair) เปน็ สายสำหรับการ์ด LAN ท่ใี ชค้ อนเน็กเตอร์แบบ RJ–45
สามารถส่งสญั ญาณได้ไกลประมาณ 100 เมตร หากใช้สายแบบนีจ้ ะต้องเลอื กประเภทของสายอกี โดยทัว่ ไป
นิยมใช้ 2 รุ่น คอื CAT3 กับ CAT5 ซึ่งแบบ CAT3 จะมีความเร็วในการส่งสญั ญาณ 10 Mbps และแบบ CAT 5
จะมีความเรว็ ในการสง่ ข้อมูลท่ี 100 Mbps แนะนำว่าควรเลือกแบบ CAT5 เพื่อการอัปเกรดในภายหลังจะได้ไม่
ตอ้ งเดินสายใหม่ ในการใชง้ านสายนี้ สาย 1 เสน้ จะต้องใช้ตัว RJ–45 Connector จำนวน 2 ตัว เพื่อเปน็ ตวั
เชือ่ มตอ่ ระหว่างสายสญั ญาณจากการด์ LAN ไปยังฮบั หรือเครือ่ งอ่ืน เชน่ เดียวกบั สายโทรศพั ท์ ในกรณีเปน็ การ
เชอ่ื มตอ่ เคร่ือง 2 เคร่ือง สามารถใชต้ อ่ ผา่ นสายเพียงเส้นเดียวได้ แต่ถ้ามากกว่า 2 เคร่ือง ก็จำเปน็ ต้องต่อผ่าน
ฮบั
รปู ที่ 3.10 สาย UTP (Unshied Twisted Pair)
(ทมี่ า : https://qrgo.page.link/fTSbz)
สรปุ สาระสำคญั
แอคเซสพอยต์ไรส้ าย (Wireless Access Point) หรอื WAP หรอื เรยี กสน้ั ๆ ว่า AP คือ อุปกรณใ์ น
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ท่ีชว่ ยใหอ้ ปุ กรณ์ไร้สายสามารถเชื่อมต่อกบั เครอื ขา่ ยแบบมสี ายไดโ้ ดยการใชเ้ ทคโนโลยี
ของแลนไร้สายหรือมาตรฐานอ่นื ๆ ทเ่ี กยี่ วข้อง AP มักจะเชื่อมต่อกับเราเตอร์ด้วยสายเคเบิล ผ่านเครือขา่ ย
แบบมีสาย ซ่ึงอาจเปน็ อุปกรณแ์ ยกตา่ งหากหรือเป็นส่วนหน่ึงของเราเตอรน์ น้ั
การเชื่อมต่ออนิ เทอร์เน็ตไร้สายน้ันจำเปน็ ตอ้ งมีอุปกรณใ์ นการเชอ่ื มต่อสญั ญาณอนิ เทอรเ์ นต็ ซง่ึ อุปกรณ์
ท่นี ิยมใชง้ านกันในปจั จุบนั นม้ี ีอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน คอื
1. Access Point (AP)
2. Wireless Router
3. Wireless Modem Router
ฮบั (Hub) เปน็ อปุ กรณช์ ว่ ยกระจายสญั ญาณไปยงั เครือ่ งตา่ ง ๆ ท่ีอยู่ในระบบ หากเป็นระบบเครือขา่ ย
ท่มี ี 2 เครื่อง กไ็ ม่จำเปน็ ต้องใชฮ้ บั สามารถใชส้ ายสัญญาณเชือ่ มต่อถงึ กนั ไดโ้ ดยตรง แต่หากเป็นระบบที่มี
มากกวา่ 2 เคร่อื งจำเปน็ ตอ้ งมีฮบั เพ่อื ทำหน้าทเ่ี ปน็ ตวั กลาง ในการเลือกซ้ือฮับควรเลอื กฮับท่มี ีความเร็วเทา่ กบั
ความเร็วของการ์ด เชน่ การ์ดมคี วามเร็ว 100 Mbps ก็ควรเลอื กใช้ฮับที่มคี วามเร็วเปน็ 100 Mbps ดว้ ย ควร
เปน็ ฮบั ทมี่ ีจำนวนพอร์ตสำหรับต่อสายท่ีเพยี งพอกับเครื่องใชใ้ นระบบ หากจำนวนพอรต์ ต่อสายไมเ่ พยี งพอก็
สามารถตอ่ พว่ งได้ แนะนำว่าควรเลือกซ้ือฮบั ท่สี ามารถต่อพว่ งได้ เพื่อรองรบั การขยายตัวในอนาคต
เราเตอร์ (Router) เป็นอปุ กรณ์ในระบบเครือขา่ ยท่ีทำหนา้ ทเี่ ปน็ ตวั เช่อื มโยงให้เครือข่ายทมี่ ขี นาดหรือ
มาตรฐานในการสง่ ขอ้ มลู ต่างกัน สามารถตดิ ต่อแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ระหวา่ งกันไดเ้ ราเตอร์จะทำงานอยชู่ ้ัน
Networkหน้าทขี่ องเราเตอร์คือ ปรับโปรโตคอล (Protocol) (โปรโตคอลเป็นมาตรฐานในการส่ือสารข้อมลู บน
เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์) ท่ีต่างกันให้สามารถสื่อสารกันได้
โมเดม็ (Modem) เป็นฮารด์ แวร์ที่ทำหน้าทีแ่ ปลงสญั ญาณแอนะล็อกใหเ้ ป็นสัญญาณดจิ ิทัล เมือ่ ข้อมูล
ถูกส่งมายังผู้รบั จะแปลงสญั ญาณดิจิทลั ให้เป็นแอนะลอ็ ก เมื่อตอ้ งการสง่ ข้อมูลไปบนชอ่ งสื่อสาร กระบวนการท่ี
โมเด็มแปลงสัญญาณดิจทิ ลั ให้เปน็ สัญญาณแอนะล็อก เรยี กวา่ มอดูเลชัน (Modulation) โมเด็มทำหนา้ ทม่ี อ
ดเู ลเตอร์ (Modulator) กระบวนการที่โมเด็มแปลงสัญญาณแอนะล็อกให้เปน็ สัญญาณดิจิทลั เรยี กวา่ ดีมอดเู ล
ชนั (Demodulation) โมเด็มทำหนา้ ทดี่ ีมอดูเลเตอร์ (Demodulator) โมเด็มทำท่ีใชก้ นั อย่างแพรห่ ลายใน
ปัจจบุ นั มี 2 ประเภท โมเด็มในปัจจบุ ันทำงานเป็นทั้งโมเดม็ และเคร่ืองโทรสาร เรียกวา่ Faxmodem
การด์ เครอื ขา่ ย (Network Adapter) หรือ การ์ดแลน (Lan Card) เป็นอุปกรณ์ทำหน้าทีส่ ือ่ สาร
ระหวา่ งเคร่ืองตา่ งกนั ได้ ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งเปน็ รนุ่ หรือยห่ี อ้ เดียวกัน แต่หากซื้อพร้อม ๆ กนั กแ็ นะนำใหซื้อรนุ่ และ
ยห่ี อ้ เดยี วกนั จะดีกว่าและควรเป็นการด์ แบบ PCI เพราะสามารถสง่ ข้อมูลได้เรว็ กวา่ แบบ ISA และเมนบอรด์ รนุ่
ใหม่ ๆ มกั จะไม่มี Slot ISA ควรเป็นการด์ ท่ีมีความเรว็ เป็น 100 Mbps ซ่งึ จะมรี าคามากกวา่ การด์ แบบ 10
Mbps ไม่มากนกั แต่ส่งขอมลู ไดเ้ ร็วกวา่ นอกจากนี้ ควรคำนงึ ถึงขั้วต่อหรือคอนเนก็ เตอร์ของการด์ ด้วย
โดยทั่วไปคอนเน็กเตอรข์ องการ์ด LAN จะมีหลายแบบ เชน่ BNC, RJ–45 เป็นตน้ ซงึ่ คอนเน็กเตอรแ์ ตล่ ะแบบ
จะใชส้ ายท่แี ตกต่างกนั
เกตเวย์ (Gateway) เปน็ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกสอ์ ีกอยา่ งหน่ึงท่ีชว่ ยในการสอื่ สารข้อมูลคอมพวิ เตอร์ หนา้ ที่หลัก
คือชว่ ยใหเ้ ครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 2 เครือขา่ ยหรอื มากกวา่ ซ่ึงจะมีลักษณะไมเ่ หมือนกนั สามารถติดต่อสือ่ สารกัน
ได้เหมือนเป็นเครือข่ายเดยี วกัน
บรดิ จ์ (Bridge) มีลักษณะคล้ายเคร่ืองขยายสญั ญาณ บริดจ์จะทำงานอยู่ในชั้น Data Link บริดจ์
ทำงานคล้ายเครือ่ งตรวจตำแหนง่ ของข้อมลู โดยบริดจจ์ ะรบั ข้อมลู จากตน้ ทางและส่งใหก้ บั ปลายทาง โดยที่
บรดิ จจ์ ะไม่มีการแก้ไขหรือเปล่ยี นแปลงใด ๆ แกข่ ้อมูล บรดิ จ์ทำให้การเชอ่ื มต่อระหวา่ งเครือข่ายมี
ประสิทธิภาพ ลดการชนกนั ของข้อมลู ลง บรดิ จจ์ งึ เปน็ สะพานสำหรับข้อมูลสองเครือขา่ ย
รพี ตี เตอร์ (Repeater) เป็นเครื่องทบทวนสัญญาณข้อมลู ในการสง่ สญั ญาณขอ้ มลู ในระยะทางไกล ๆ
สำหรับสญั ญาณแอนะล็อกจะตอ้ งมีการขยายสัญญาณขอ้ มูลที่เร่มิ เบาบางลงเนื่องจากระยะทาง และสำหรบั
สญั ญาณดิจทิ ลั กจ็ ะต้องมีการทบทวนสัญญาณเพื่อปอ้ งกันการขาดหายของสญั ญาณเน่ืองจากการส่งระยะ
ทางไกล ๆ เช่นกนั รีพตี เตอร์จะทำงานอยู่ในช้ัน Physical
สายสญั ญาณ เป็นสายสำหรับเช่อื มต่อเครอื่ งคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ในระบบเข้าด้วยกัน หากเปน็ ระบบท่ี
มีจำนวนเครื่องมากกว่า 2 เครื่อง ก็จะต้องต่อผ่านฮบั อีกทีหนึง่ โดยสายสัญญาณสำหรบั เช่ือมต่อเครอื่ งในระบบ
เครือข่าย จะมีอยู่ 2 ประเภท คอื
1. สาย Coaxial มีลกั ษณะเปน็ สายกลม คล้ายสายโทรทัศน์ สว่ นมากเป็นสดี ำ สายชนิดนี้ใชก้ บั การด์
แลนทใ่ี ชค้ อนเน็กเตอร์แบบ BNC สามารถส่งสัญญาณได้ไกลประมาณ 200 เมตร สายประเภทน้จี ะต้องใชต้ ัว T
Connector สำหรบั เชื่อมตอ่ สายสญั ญาณกบั การด์ LAN ต่าง ๆ ในระบบ และต้องใชต้ ัว Terminator ขนาด 50
โอห์ม สำหรบั ปดิ หัวและท้ายของสาย
2. สาย UTP (Unshied Twisted Pair) เป็นสายสำหรับการ์ด LAN ทใ่ี ช้คอนเน็กเตอร์แบบ RJ–45
สามารถสง่ สญั ญาณได้ไกลประมาณ 100 เมตร หากคุณใช้สายแบบนี้จะต้องเลือกประเภทของสายอกี โดยท่วั ไป
นิยมใช้กัน 2 รุ่น คอื CAT3 กับ CAT5 ซง่ึ แบบ CAT3 จะมีความเรว็ ในการส่งสญั ญาณ 10 Mbps และแบบ
CAT5 จะมีความเรว็ ในการสง่ ข้อมูลที่ 100 Mbps แนะนำวา่ ควรเลอื กแบบ CAT5 เพ่ือการอัปเกรดในภายหลัง
จะได้ไม่ต้องเดินสายใหม่ ในการใช้งานสายน้ี สาย 1 เส้น จะตอ้ งใช้ตัว RJ–45 Connector จำนวน 2 ตวั เพ่ือ
เปน็ ตัวเช่ือมต่อระหว่างสายสัญญาณจากการด์ LAN ไปยงั ฮบั หรอื เคร่อื งอนื่ เชน่ เดยี วกับสายโทรศพั ท์ ในกรณี
เปน็ การเช่อื มต่อเครอ่ื ง 2 เคร่ือง สามารถใชต้ ่อผ่านสายเพียงเสน้ เดยี วได้ แต่ถา้ มากกวา่ 2 เครอ่ื ง ก็จำเปน็ ต้อง
ตอ่ ผ่านฮบั
แบบฝกึ หดั หนว่ ยที่ 3
อุปกรณร์ ะบบเครอื ขา่ ย
คำชแ้ี จง จงตอบคำถามตอ่ ไปนี้
จากภาพต่อไปน้ี ใหน้ ักศึกษาบอกช่ืออปุ กรณร์ ะบบเครือขา่ ยพรอ้ มอธบิ าย
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
.......................................................................................... ..
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
........................................................................................ ....
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
แบบทดสอบหลงั เรยี นหน่วยท่ี 3
อปุ กรณ์ระบบเครอื ข่าย
คำชแ้ี จง ให้เลอื กคำตอบท่ถี ูกต้องทสี่ ุดเพียงคำตอบเดยี ว
1. ขอ้ ใดคือความหมายของ Wireless Access Point
ก. มลี ักษณะเป็นสายกลม คล้ายสายโทรทัศน์
ข. เปน็ เครื่องทบทวนสัญญาณข้อมูลในการสง่ สัญญาณขอ้ มูลในระยะทางไกล ๆ
ค. อุปกรณ์ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ท่ชี ่วยให้อุปกรณ์ไร้สายสามารถเช่อื มตอ่ กับเครือข่ายแบบมสี าย
ไดโ้ ดยการใชเ้ ทคโนโลยีของแลนไรส้ าย
ง. เป็นอปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนิกสอ์ ีกอยา่ งหนง่ึ ทช่ี ่วยในการสอ่ื สารข้อมูลคอมพวิ เตอร์
จ. มีลกั ษณะเป็นสายเกลยี ว คล้ายสายโทรศัพท์
2. ขอ้ ใดไม่ใช่อุปกรณ์ในการต่ออินเทอร์เนต็ ไร้สาย
ก. Access Point (AP) ข. Wireless Router
ค. Wireless Modem Router ง. Bridge
จ. Modem
3. ข้อใดเปน็ อปุ กรณท์ ีใ่ ชเ้ ชือ่ มเครือขา่ ยสองระบบเขา้ ดว้ ยกนั
ก. HUB
ข. Connecter
ค. Router
ง. Connectrator
จ. Bridge
4. HUB หมายถึงข้อใด
ก. เปน็ อุปกรณ์ทใี่ ชต้ ่อหัวเขา้ กบั สาย
ข. อุปกรณ์ท่ใี ช้ปดิ สัญญาณหวั ทา้ ยเครอื ข่ายเพ่ือป้องกนั สัญญาณร่ัว
ค. แผงวงจรที่เสยี บกบั เคร่ืองเพ่ือเชื่อมสายต่อเปน็ เครือข่าย
ง. อุปกรณ์ศนู ย์กลางของสายสง่ สญั ญาณรับทางเดยี วออกหลายทาง หรอื รับหลายทางออกทางเดียว
จ. อุปกรณ์ท่ีใช้ปิดสญั ญาณหัวท้ายเครือข่ายเพื่อป้องกันสัญญาณล่าชา้
5. หากระบบเครือข่ายที่มีความแตกตา่ งกนั อย่างสน้ิ เชงิ จำเป็นต้องใช้อปุ กรณ์ใดที่ทำให้ระบบน้นั สามารถ
เช่อื มโยงกนั ได้
ก. Router ข. Geteway
ค. Repeater ง. Bridge
จ. HUB
6. รีพีตเตอร์ (Repeater) เป็นอปุ กรณ์ทมี่ ีไวท้ ำอะไร
ก. ช่วยให้ระบบต่าง ๆ สามารถทำงานรว่ มกันได้
ข. ชว่ ยให้ระบบท่มี ีโปรโตคอลตา่ งกนั สามารถส่ือสารและทำงานร่วมกัน
ค. ชว่ ยให้ระบบสามารถช่วยยดื ระยะทางไปได้ไกลกว่าเดมิ
ง. เปน็ อุปกรณ์ทด่ี กั สัญญาณรบกวนภายในเครือขา่ ย
จ. เป็นอปุ กรณ์ท่ีขยายสญั ญาณในเครือขา่ ย
7. อุปกรณใ์ นขอ้ ใดทีเ่ ปน็ ฮาร์ดแวรท์ ่ีทำหนา้ ที่แปลงสญั ญาณอนาล็อกใหเ้ ปน็ สัญญาณดจิ ิทลั
ก. Modem ข. Repeater
ค. Gateway ง. Router
จ. Tree
8. อุปกรณ์ในข้อใดทำงานคล้ายเครอื่ งตรวจตำแหนง่ ของข้อมูล
ก. Repeater ข. Gateway
ค. Modem ง. Bridge
จ. Tree
9. สาย UTP (Unshied Twisted Pair) สามารถส่งสญั ญาณได้ไกลประมาณก่ีเมตร
ก. 100 เมตร ข. 150 เมตร
ค. 200 เมตร ง. 300 เมตร
จ. 350 เมตร
10. สาย UTP เปน็ สายสำหรับการ์ดอะไร
ก. การด์ WAN ข. การ์ด MAN
ค. การ์ด LAN ง. การ์ด BNC
จ. การ์ด NIC