The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้เคมี5_65

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Anocha Utumsakulrat, 2022-09-24 04:31:57

แผนการจัดการเรียนรู้เคมี5_65

แผนการจัดการเรียนรู้เคมี5_65

 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (เลอื กเฉพาะข้อทเ่ี กิดในหนว่ ยการเรียนรนู้ ี้)

 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  2. ซื่อสตั ย์สุจริต
 3. มวี นิ ัย  4. ใฝเ่ รยี นรู้
 5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มุง่ มน่ั ในการทำงาน
 7. รักความเปน็ ไทย  8. มีจติ สาธารณะ
7. ดา้ นคณุ ลกั ษณะของผ้เู รยี นตามหลักสูตรมาตรฐานสากล

 1. เปน็ เลิศวชิ าการ  2. สอื่ สารสองภาษา  3. ลำ้ หนา้ ทางความคิด

 4. ผลิตงานอยา่ งสรา้ งสรรค์  5. รว่ มกนั รับผิดชอบตอ่ สงั คมโลก
8. ทักษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คือการเรยี นรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อ่านออก)  R2-(W) Ringting (เขยี นได)้  R3- (A) Rithmetics (คดิ เลขเป็น)
 ทกั ษะด้านการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณและทักษะในการแกไ้ ขปัญหา (Critical Thinking and Problem
Solving)

 ทักษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)

 ทกั ษะดา้ นความเข้าใจความตา่ งวฒั นธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural Understanding)

 ทักษะด้านความรว่ มมือ การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and Leadership)
 ทกั ษะดา้ นการส่อื สาร สารสนเทศและรเู้ ทา่ ทันสือ่ (Communications, Information, and Media Literacy)

 ทักษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT Literacy)
 ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้ (Career and Learning)

9. บูรณคากวาามรตมาีเมมตหตลากั (ปวรนิ ัชยั ญคาุณขธอรงรเมศรจษรฐยิ กธิจรรพมอเ(พCoยี mง passion)

1. หลักความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชิกในกลุ่มใหเ้ หมาะสมกับจำนวนสมาชิกในห้องเรยี นคือ

ประมาณกลุ่มละ 4 – 6 คน

2. หลักความมเี หตผุ ล : ให้นักเรียนสรา้ งสรรคผ์ ลงานและเกิดทกั ษะการปฏิบตั ิ

3. หลกั ภมู ิค้มุ กัน : ใหน้ ักเรียนเกิดทกั ษะการทำงานกลมุ่ และกล้าแสดงออก

4. เงอื่ นไขความรู้ : การวางแผนงานทจี่ ะทำก่อนแล้วค่อยลงมือทำอย่างระมัดระวงั , เขียนสมการการ

เปล่ียนแปลงจากการทดลอง

5. เงื่อนไขคณุ ธรรม : อดทนท่จี ะทำงาน และมคี วามขยนั ทีจ่ ะทำงานใหอ้ อกมาไดด้ ีทีส่ ุด , มีวินยั ในการทำ

แบบฝกึ หัด

10. ช้นิ งาน/ภาระงานรวบยอด

ผลการ ชน้ิ งาน ภาระงาน
เรยี นรู้

12 รายงานการทดลอง 13.1 การทดสอบการ - การอภปิ รายผลการทดลอง

เปลย่ี นแปลงของพอลิเมอรเ์ มอื่ ไดร้ ับความ

รอ้ น

11. การวัดประเมินผล
11.1การวดั และประเมินผลชิน้ งาน/ภาระงานรวบยอด

36

วธิ กี าร

1.การสงั เกตการณ์

2.การใชช้ ุดกิจกรรมวทิ ยาศาสตรร์ ่องรอยบง่ ชี้ 3.การวัดประเมนิ การปฏิบตั ิ

เครื่องมอื

1. แบบสงั เกตการณ์

2. ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์

3. แบบวดั ประเมนิ การปฏิบัติ

เกณฑ์

1.การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics)

2.การประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ผ่านตั้งแต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผ่าน 1

รายการถือวา่ ไม่ผ่าน

11.2การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (ประเมนิ จากแผนการจดั การเรยี นรู้ของ

หนว่ ยการเรยี นรนู้ ้ี)

สง่ิ ทีต่ อ้ งการวัด วธิ ีวัดผล เครอ่ื งมือวดั ผล เกณฑ์การประเมนิ

1. ความรูเ้ ก่ียวกับ -การสอบถาม ซกั ถาม - แบบประเมนิ การ - นกั เรยี นไดค้ ะแนน

- โครงสรา้ งและสมบตั ิของพอ ความคิดเหน็ อภปิ รายแสดงความ 12 คะแนนข้นึ ไป

ลเิ มอร์ -การตอบคำถาม คดิ เห็น หรอื รอ้ ยละ 80

-การตรวจผลงาน ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์

นักเรยี น - แบบประเมนิ การ - นักเรียนได้คะแนน

ตรวจผลงานนักเรียน ประเมนิ ผลงาน

13 คะแนนขึ้นไป

หรอื รอ้ ยละ 80

ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์

2.ทกั ษะกระบวนการคิด และ - การอภปิ รายแสดง - แบบประเมินการ -นกั เรยี นได้คะแนน

ทกั ษะกระบวนการกลุม่ ความคิดเหน็ อภิปรายแสดงความ 12 คะแนนข้นึ ไป

คิดเหน็ หรือร้อยละ 80 ถือวา่

- สงั เกตพฤตกิ รรมการ - แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์

ทำงานกลุ่ม พฤติกรรมการ

ทำงานกลุ่ม

3. คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ - สงั เกตค่านยิ มในการ - แบบประเมิน - นักเรียนไดค้ ะแนน

และสมรรถนะผู้เรยี น ทำงานร่วมกบั ผอู้ ื่น คุณลกั ษณะอันพงึ ประเมินคุณลกั ษณะ

- มวี ินยั ในการทำงานกลุม่ และการทำงานใน ประสงค์ อนั พงึ ประสงค์

- นกั เรียนเหน็ ความสำคญั ระบบกลุ่ม - แบบประเมิน 26 คะแนนขึน้ ไป

ของการทำงานร่วมกับผู้อื่นและ อภปิ ราย แสดงความ สมรรถนะผูเ้ รยี น หรอื รอ้ ยละ 80

การทำงานในระบบกลุ่ม คิดเหน็ เกยี่ วกับผลการ -แบบทดสอบ ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์

- ยอมรบั ความคดิ เหน็ ซ่ึงกัน ทดลอง Rubin’s Self - นกั เรียนได้คะแนน

และกนั มีความเสยี สละและ Esteem Scale การประเมนิ สมรรถนะ

อดทน 29 คะแนนขน้ึ ไป

37

- นกั เรยี นมีการเหน็ คณุ ค่าใน หรือรอ้ ยละ 80
ตนเอง (Self-esteem) ถอื ว่าผ่านเกณฑ์

12. กจิ กรรมการเรยี นรู้

ชั่วโมงที่ 1
1. ขนั้ ตั้งประเดน็ ปญั หา/สมมติฐาน (Hypothesis Formulation)
1.1 ครูให้นักเรยี นพจิ ารณาเปรยี บเทียบโครงสรา้ งของพอลิเมอร์แบบเสน้ แบบกง่ิ และแบบรา่ งแห ดงั

รายละเอยี ดในชดุ กิจกรรม แล้วอภปิ รายรว่ มกนั ว่าโครงสรา้ งทัง้ สามแบบแตกตา่ งกนั อยา่ งไร เพอื่ ให้ได้ข้อสรุป
ว่า โครงสร้างแบบรา่ งแหมีสว่ นที่เชื่อมระหว่างสายโซ่หลกั มากกว่า 1 สาย สว่ นโครงสรา้ งแบบกิ่งมีสายโซ่ด้าน

ข้างแยกออกมาจากสายโซห่ ลัก โดยไมเ่ ช่ือมกบั สายโซ่หลกั อ่ืนโครงสร้างแบบเส้นไมม่ ีสายโซด่ ้านขา้ งแยกออกมา
1.2 ครูใช้คำถามนำวา่ นักเรยี นคดิ ว่าโครงสร้างของพอลิเมอร์ส่งผลต่อสมบตั อิ ย่างไร และรว่ มทำกิจกรรม

เรือ่ ง ความหนาแนน่ และโครงสรา้ งของพอลิเมอร์ เพือ่ ศกึ ษาสมบัตแิ ละโครงสรา้ งของพอลิเมอร์

ชั่วโมงที่ 2-3

2. ข้นั สืบคน้ ความรู้ (Searching for Information)
2.1 ครใู ช้คำถามนำวา่ นักเรยี นคดิ ว่าโครงสร้างของพอลิเมอรส์ ง่ ผลต่อสมบัตอิ ย่างไร
2.2 ครูให้นกั เรียนทำกิจกรรมเพ่ือศึกษาสมบัติและโครงสรา้ งของพอลิเมอร์

ชว่ั โมงท่ี 4-5
3. ขัน้ สรปุ องค์ความรู้ (Knowledge Formation)

- ใช้เทคนคิ การสอนแบบ ระดมสมอง (Brainstorming)
3.1 ครใู ช้คำถามว่า โครงสร้างของพอลิเมอร์มผี ลต่อแรงยึดเหนย่ี วระหวา่ งโมเลกุลและสมบตั ิบาง
ประการ เช่น ความหนาแน่น จุดหลอมเหลว ความแข็ง ความเหนียว ของพอลเิ มอร์อย่างไร จากนน้ั อภิปราย

รว่ มกันเพื่อใหไ้ ดข้ อ้ สรุปเกี่ยวกับสมบัตขิ องพอลิเมอร์แบบเสน้ แบบกง่ิ และแบบรา่ งแหโดยใช้ตวั อย่างจากรูป
3.2 ครใู ห้นักเรียนตอบคำถามตรวจสอบความเข้าใจและคำถามชวนคดิ

ชั่วโมงที่ 6
4. ขนั้ การสอื่ สารและนำเสนอ (Effective Communication)

4.1 นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั สรปุ วา่ มอนอเมอรบ์ างชนดิ หากทำปฏิกิรยิ าการเกดิ พอลิเมอรโ์ ดยใช้

ภาวะทีต่ า่ งกันจะเกดิ พอลิเมอร์ทมี่ ีโครงสร้างต่างกัน โดยใชต้ วั อย่าง LDPE และ HDPE ตามรายละเอยี ดในชุด
กจิ กรรม

5. ขน้ั การบรกิ ารสังคมและสาธารณะ (Public Service)
5.1 ครอู ธิบายว่า สมบัติของพอลเิ มอร์นอกจากข้ึนกับโครงสร้างแบบเส้น แบบก่ิง และแบบรา่ งแห

แล้ว ยังขึ้นกับมวลโมเลกุลและหมฟู่ ังกช์ นั ของพอลิเมอร์ตามรายละเอียดในหนงั สือเรียน

5.2 ครูและนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยคำถามท้ายบทเรียน

13. ส่อื การเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้
12.1ส่อื การเรียนรู้

38

- ชดุ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคดิ โยนโิ สมนสิการ เร่ืองพอลิเมอร์ (โครงสรา้ งและสมบัตขิ องพอลิ

เมอร์)

- สื่อ power point

12.2แหลง่ เรยี นรู้

1) อินเตอร์เนต็ 2) หอ้ งสมุด

14. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้

ผลการสอน รายละเอียด

1. ดา้ นความรู้ : ...............................................................................................

- ความหมายของมอนอเมอรแ์ ละพอลเิ มอร์ ...............................................................................................

ประเภทของปฏิกิริยาการเกดิ พอลิเมอร์ ...............................................................................................

- โครงสร้างและสมบตั ิของพอลิเมอร์ ...............................................................................................

2. ด้านกระบวนการ : ...............................................................................................

- ทักษะกระบวนการคิด ...............................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม ...............................................................................................

3. ด้านคุณธรรมจรยิ ธรรมและค่านยิ ม ...............................................................................................

อันพึงประสงค์ : ...............................................................................................

- มีวนิ ัย - ใฝเ่ รียนรู้ ...............................................................................................

- อยู่อย่างพอเพียง ...............................................................................................
- รักความเป็นไทย
...............................................................................................

4. ปัญหาการสอน

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

5. วิธีแกป้ ญั หา ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

ลงชื่อ........................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...........................................หวั หน้ากลุ่มสาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกลุ รตั น์..) (นางกณกิ าร์ พฒั รากลุ )

ลงชอื่ ...........................................
(นางรพีพร คำบุญมา)

รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ

ลงชอื่ ........................................................
(นายสรุ ิยนั ต์ เหลา่ มะลึก)

ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นสวุ รรณารามวิทยาคม

39

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 8
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี………..2……….....เรื่อง……….พอลิเมอร์…..(การปรบั ปรุงสมบัตขิ องพอลิเมอร์).......................

รายวชิ า……..............เคมี…5........ ............รหสั วิชา…..............ว 30225......................ชั้นมธั ยมศึกษาปที .ี่ ...6.....
กลุ่มสาระการเรียนรู้..วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.. ปีการศกึ ษา… 2565...ภาคเรียนที.่ .1...เวลา...6.ช่ัวโมง……
ผู้สอน.........................นางสาวอโนชา...อุทมุ สกุลรตั น์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ (รายวิชาพื้นฐานมีทง้ั มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชว้ี ดั

รายวชิ าเพิ่มเติมมีเฉพาะมาตรฐานการเรยี นร้แู ละผลการเรยี นร)ู้

1.1 มาตรฐานการเรียนรู้

สาระเคมี 1 : เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจดั เรยี งธาตใุ นตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมแี ละ

สมบัติของสาร แกส๊ และสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบตั ขิ อง สารประกอบอินทรีย์และพอลิเมอร์ รวมทง้ั การ

นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

1.2 ผลการเรียนรู้

14. อธบิ ายผลของการปรับเปลีย่ นโครงสร้าง และการสังเคราะห์พอลเิ มอรท์ มี่ ตี ่อสมบตั ขิ องพอลเิ มอร์

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตัวช้ีวัดทใ่ี ช้ในหนว่ ยการเรียนรู้นีเ้ ขียนเป็นแบบความเรยี ง)

พอลิเมอรแ์ ตล่ ะชนิดสามารถปรับเปลี่ยนสมบตั ิได้ เช่น PVC สามารถนำมาเติมสารเติมแต่งแลว้ ทำเป็น

ฟลิ ์มยืดห่ออาหารได้ ผลิตภัณฑแ์ ต่ละประเภทอาจทำมาจากพอลเิ มอร์ได้หลากหลายประเภท เช่นแก้วพลาสติก

แบบใสอาจทำมาจาก PS PP หรือ PLA พอลเิ มอร์บางชนิดสามารถทำให้นำไฟฟา้ ได้ซึ่งในปัจจุบนั มีการนำพอลิเม

อร์นำไฟฟ้ามาใช้ประโยชน์ในอปุ กรณอ์ ิเลก็ ทรอนกิ ส์

3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรียนร้แู กนกลาง/สาระการเรียนรู้เพ่ิมเตมิ (รายวิชาเพิ่มเตมิ )

• การปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรอื การสงั เคราะห์พอลเิ มอร์ เชน่ วลั คาไนเซชัน การสงั เคราะห์โคพอลิ

เมอร์ การสังเคราะหพ์ อลิเมอรน์ ำไฟฟ้าเปน็ การปรับปรงุ คุณภาพของพอลิเมอร์ เพ่อื ใหไ้ ด้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถ

นำไปใชป้ ระโยชน์ได้อยา่ งเหมาะสมและหลากหลายมากข้ึน

3.2 สาระการเรยี นรู้ท้องถิ่น (ถ้าในคำอธิบายรายวชิ าพูดถึงหลักสูตรท้องถิ่นให้ใส่ลงไปดว้ ย

...............................................................-...........................................................................................

4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

อธบิ ายผลของการปรบั ปรงุ สมบัติของพอลิเมอร์โดยการเตมิ สารเติมแตง่ การปรับเปลีย่ นโครงสร้างของ

พอลิเมอร์ การสงั เคราะห์โคพอลิเมอร์ และการสังเคราะหพ์ อลิเมอรน์ ำไฟฟ้า

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น (เลือกเฉพาะขอ้ ท่ีเกิดในหนว่ ยการเรยี นรู้น้ี)

 1. ความสามารถในการส่ือสาร  2. ความสามารถในการคดิ
 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา  4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (เลอื กเฉพาะขอ้ ทีเ่ กิดในหน่วยการเรยี นรนู้ ้)ี

 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์  2. ซ่ือสัตย์สจุ ริต
 3. มีวนิ ยั  4. ใฝ่เรยี นรู้
 5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มุ่งม่ันในการทำงาน
 7. รกั ความเป็นไทย  8. มจี ิตสาธารณะ

40

7. ด้านคุณลักษณะของผเู้ รยี นตามหลักสูตรมาตรฐานสากล

 1. เปน็ เลิศวิชาการ  2. สื่อสารสองภาษา  3. ลำ้ หนา้ ทางความคดิ

 4. ผลิตงานอยา่ งสร้างสรรค์  5. รว่ มกันรับผดิ ชอบต่อสงั คมโลก
8. ทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 คอื การเรยี นรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อา่ นออก)  R2-(W) Ringting (เขียนได)้  R3- (A) Rithmetics (คดิ เลขเป็น)
 ทักษะด้านการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณและทักษะในการแกไ้ ขปญั หา (Critical Thinking and Problem
Solving)

 ทกั ษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
 ทกั ษะดา้ นความเข้าใจความตา่ งวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ (Cross-cultural Understanding)

 ทักษะดา้ นความรว่ มมอื การทำงานเปน็ ทมี และภาวะผูน้ ำ (Collaboration, Teamwork and Leadership)
 ทกั ษะด้านการสอ่ื สาร สารสนเทศและรเู้ ทา่ ทันส่ือ (Communications, Information, and Media Literacy)

 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร (Computing and ICT Literacy)
 ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้ (Career and Learning)

9. บูรณคากวาามรตมาเี มมตหตลากั (ปวรนิ ัชยั ญคาุณขธอรงรเมศรจษรฐยิ กธิจรรพมอเ(พCoียmง passion)

1. หลกั ความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชิกในกลมุ่ ใหเ้ หมาะสมกับจำนวนสมาชิกในห้องเรียนคือ

ประมาณกลุ่มละ 4 – 6 คน

2. หลกั ความมเี หตุผล : ให้นกั เรียนสรา้ งสรรคผ์ ลงานและเกดิ ทักษะการปฏิบตั ิ

3. หลกั ภูมคิ ุ้มกนั : ให้นกั เรยี นเกิดทักษะการทำงานกลุม่ และกล้าแสดงออก

4. เง่อื นไขความรู้ : การวางแผนงานที่จะทำกอ่ นแล้วค่อยลงมอื ทำอยา่ งระมดั ระวงั , เขียนสมการการ

เปลย่ี นแปลงจากการทดลอง

5. เง่ือนไขคณุ ธรรม : อดทนทจ่ี ะทำงาน และมคี วามขยนั ท่จี ะทำงานให้ออกมาไดด้ ที ี่สดุ , มีวนิ ยั ในการทำ

แบบฝึกหัด

10. ชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด

ผลการ ช้ินงาน ภาระงาน
เรียนรู้

14 - - ตอบคำถามเกี่ยวกับ อธิบายผลของการ

ปรบั ปรุงสมบตั ิของพอลิเมอร์โดยการเตมิ

สารเตมิ แต่ง

- ตอบคำถามเกีย่ วกบั การปรับเปล่ียน

โครงสรา้ งของพอลเิ มอร์ การสังเคราะห์โคพอ

ลเิ มอร์ และการสังเคราะห์พอลเิ มอร์นำไฟฟา้

11. การวัดประเมนิ ผล

11.1การวัดและประเมนิ ผลชน้ิ งาน/ภาระงานรวบยอด

วธิ ีการ

1.การสงั เกตการณ์

2.การใช้ชุดกิจกรรมวทิ ยาศาสตรร์ อ่ งรอยบง่ ชี้ 3.การวดั ประเมินการปฏบิ ัติ

เครอื่ งมอื

41

1. แบบสังเกตการณ์

2. ชุดกจิ กรรมวทิ ยาศาสตร์ 3. แบบวัดประเมนิ การปฏบิ ตั ิ

เกณฑ์

1.การประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrics)

2.การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผ่านตั้งแต่ 2 รายการ ถือว่า ผา่ น ผ่าน 1

รายการถือวา่ ไม่ผ่าน

11.2การวดั และประเมนิ ผลระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (ประเมนิ จากแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง

หนว่ ยการเรียนรนู้ ี)้

สิ่งทีต่ ้องการวัด วิธวี ดั ผล เครอ่ื งมอื วัดผล เกณฑ์การประเมิน
- นักเรยี นได้คะแนน
1. ความรู้เกี่ยวกบั -การสอบถาม ซักถาม - แบบประเมินการ 12 คะแนนขึ้นไป
หรอื รอ้ ยละ 80
- ผลของการปรับปรุงสมบตั ิของ ความคดิ เห็น อภิปรายแสดงความ ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์
- นักเรียนไดค้ ะแนน
พอลเิ มอรโ์ ดยการเตมิ สารเตมิ -การตอบคำถาม คดิ เห็น ประเมนิ ผลงาน
13 คะแนนขึน้ ไป
แตง่ -การตรวจผลงาน หรอื ร้อยละ 80
ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
- การปรับเปลี่ยนโครงสร้างของ นักเรียน - แบบประเมินการ -นกั เรียนได้คะแนน
12 คะแนนข้นึ ไป
พอลิเมอร์ ตรวจผลงานนักเรยี น หรือร้อยละ 80 ถอื วา่
ผ่านเกณฑ์
- การสังเคราะหโ์ คพอลเิ มอร์
- นักเรียนได้คะแนน
การสังเคราะห์พอลเิ มอร์นำ ประเมนิ คุณลักษณะ
อันพงึ ประสงค์
ไฟฟ้า 26 คะแนนข้ึนไป
หรือรอ้ ยละ 80
2.ทกั ษะกระบวนการคิด และ - การอภปิ รายแสดง - แบบประเมินการ ถือวา่ ผ่านเกณฑ์
- นักเรียนไดค้ ะแนน
ทกั ษะกระบวนการกลมุ่ ความคดิ เห็น อภปิ รายแสดงความ การประเมนิ สมรรถนะ
29 คะแนนขน้ึ ไป
คดิ เห็น หรอื รอ้ ยละ 80
ถือว่าผ่านเกณฑ์
- สงั เกตพฤตกิ รรมการ - แบบประเมิน
42
ทำงานกลมุ่ พฤติกรรมการ

ทำงานกลมุ่

3. คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ - สังเกตค่านิยมในการ - แบบประเมิน

และสมรรถนะผู้เรียน ทำงานร่วมกับผูอ้ ืน่ คุณลกั ษณะอันพึง

- มีวินัยในการทำงานกล่มุ และการทำงานใน ประสงค์

- นักเรยี นเหน็ ความสำคญั ระบบกลุม่ - แบบประเมิน

ของการทำงานร่วมกับผอู้ ่ืนและ อภปิ ราย แสดงความ สมรรถนะผ้เู รยี น

การทำงานในระบบกลุ่ม คดิ เห็นเกย่ี วกับผลการ -แบบทดสอบ

- ยอมรับความคดิ เห็นซึ่งกนั ทดลอง Rubin’s Self

และกันมคี วามเสียสละและ Esteem Scale

อดทน

- นกั เรียนมีการเหน็ คุณค่าใน

ตนเอง (Self-esteem)

12. กิจกรรมการเรียนรู้

ชว่ั โมงท่ี 1-2

1. ขน้ั ต้ังประเด็นปญั หา/สมมตฐิ าน (Hypothesis Formulation)
1.1 ครยู กตัวอย่างผลิตภณั ฑ์ท่ีผลติ จากพอลิเมอรช์ นิดเดยี วกนั เชน่ ทอ่ น้ำ ฉนวนห้มุ สายไฟฟา้ ฟิล์มยดื
หอ่ อาหาร จากนั้นให้นกั เรยี นอภิปรายสมบตั ิทางกายภาพของผลติ ภัณฑ์พอลิเมอร์แต่ละชนดิ ร่วมกัน และ
ช้ใี หเ้ หน็ ว่ามีสมบตั ทิ างกายภาพแตกตา่ งกัน จากนั้นครอู ธบิ ายว่าผลิตภัณฑ์พอลเิ มอร์ท้ังสามชนิดเป็นพอลไิ วนิล
คลอไรด์เหมือนกนั แตม่ กี ารปรบั ปรุงให้มี สมบัตแิ ตกต่างกัน เพือ่ นำเขา้ สูเ่ ร่ืองการปรับปรุงสมบัตขิ องพอลเิ มอร์
1.2 ครูอธิบายเก่ยี วกบั การปรับปรงุ สมบัติของพอลิเมอร์โดยการเตมิ พลาสตไิ ซเซอร์ ซึ่งเป็นสารเติมแตง่ ที่
ไมท่ ำปฏกิ ิริยาเคมีกบั สายพอลิเมอร์ ตามรายละเอียดในชดุ กิจกรรม โดยใช้รปู ประกอบการอธบิ าย
ชั่วโมงที่ 3-4
2. ข้นั สืบค้นความรู้ (Searching for Information)

2.1 นักเรียนแบ่งเปน็ กลมุ่ กลุ่มละ 5 – 6 คน จำนวน 6 กล่มุ โดยแต่ละกลุ่มจะต้องคละกนั
ระหวา่ งเพศชายและหญิง และคละกันระหว่างนกั เรียนทม่ี ผี ลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนสูงกบั ตำ่

2.2 ครูให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั ศกึ ษาคน้ ควา้ หาความร้ใู นเรือ่ งเก่ียวกบั การปรบั ปรงุ สมบตั ิของ
พอลิเมอรโ์ ดยการเตมิ สารเตมิ แต่งท่ีทำปฏกิ ิรยิ าเคมโี ดยใชต้ วั อยา่ งกระบวนการวัลคาไนเซชันของยาง

2.3 ครูให้นักเรยี นแต่ละกลุม่ ร่วมกันวิเคราะหใ์ นประเด็นของกลุม่ ตนเอง จากนัน้ นำความรทู้ ่ีได้จาก
การค้นควา้ และศกึ ษาวเิ คราะหร์ ะหวา่ งภายในกล่มุ มาเขียนสรปุ เป็นผังมโนทศั น์

ชั่วโมงท่ี 5-6
3. ขน้ั สรปุ องคค์ วามรู้ (Knowledge Formation)

3.1 ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ เกยี่ วกบั ครอู ธิบายเกยี่ วกับการปรบั เปล่ียนโครงสร้างโดยอาศัยปฏิกริ ยิ าเคมี
ตามรายละเอยี ดในชุดกิจกรรม โดยใช้รูป ประกอบการอธบิ าย

3.2 ครูยกตวั อยา่ งเกย่ี วกับโฮโมพอลิเมอร์และโคพอลเิ มอร์ ตามรายละเอียดในตามรายละเอยี ดใน
ชุดกจิ กรรม โดยใชร้ ปู ประกอบการอธบิ าย

4. ขั้นการสอื่ สารและนำเสนอ (Effective Communication)
4.1 ครูให้แต่ละกลมุ่ สบื ค้นเกี่ยวกับกลไกการนำไฟฟา้ ของพอลิอะเซทลิ ีน ซงึ่ แสดงการคล่อื นที่

ของอิเล็กตรอน จากพนั ธะคู่ไปยงั ประจุบวก และ สบื คน้ เก่ยี วกบั พอลเิ มอรน์ ำไฟฟ้าชนิดอนื่ โดยให้สังเกต
โครงสรา้ งทมี่ พี ันธะคสู่ ลบั กบั พันธะเด่ยี ว จากแหล่งการเรยี นรตู้ า่ งๆสง่ ตวั แทนออกมาอธิบายหนา้ ชน้ั อีกครง้ั
เพือ่ ใหน้ กั เรยี นกลุ่มอ่ืนได้รับฟังดว้ ยนำเสนอหน้าช้ันเรยี น

5. ข้ันการบรกิ ารสังคมและสาธารณะ (Public Service)
5.1 นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ตอบคำถามทา้ ยบทเรียนตามรายละเอียดในชุดกิจกรรม
5.2 ครูและนกั เรยี นรว่ มกันเฉลยคำถามท้ายบทเรียน

13. ส่ือการเรยี นรู้/แหลง่ เรียนรู้
13.1ส่อื การเรียนรู้
- ชดุ กิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ตามแนวคดิ โยนิโสมนสิการ เร่ืองปโิ ตรเลี่ยม
- สอ่ื power point
13.2แหลง่ เรยี นรู้
1) อนิ เตอร์เนต็ 2) ห้องสมดุ

43

14. บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู้

ผลการสอน รายละเอยี ด

1. ความรเู้ กยี่ วกบั ...............................................................................................

- ผลของการปรบั ปรงุ สมบัติของพอลเิ มอร์ ...............................................................................................

โดยการเติมสารเติมแต่ง ...............................................................................................

- การปรับเปลี่ยนโครงสร้างของพอลิเมอร์ ...............................................................................................

- การสงั เคราะห์โคพอลิเมอร์ ...............................................................................................

การสังเคราะห์พอลเิ มอรน์ ำไฟฟา้

2. ดา้ นกระบวนการ : ...............................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการคดิ ...............................................................................................

- ทักษะกระบวนการกล่มุ ...............................................................................................

...............................................................................................

3. ดา้ นคุณธรรมจริยธรรมและคา่ นยิ ม ...............................................................................................

อนั พงึ ประสงค์ : ...............................................................................................

- มีวนิ ยั ...............................................................................................

- ใฝเ่ รยี นรู้ ...............................................................................................

- อยู่อย่างพอเพียง ...............................................................................................

- รกั ความเป็นไทย ...............................................................................................

...............................................................................................

4. ปญั หาการสอน

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

...............................................................................................

5. วิธีแก้ปัญหา ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

ลงช่ือ........................................ครูผู้สอน ลงช่ือ...........................................หวั หน้ากลุ่มสาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อุทุมสกุลรัตน์..) (นางกณกิ าร์ พัฒรากลุ )

ลงชื่อ...........................................

(นางรพีพร คำบญุ มา)
รองผู้อำนวยการกล่มุ บริหารวชิ าการ

ลงช่ือ ........................................................
(นายสรุ ยิ นั ต์ เหลา่ มะลึก)

ผอู้ ำนวยการโรงเรียนสุวรรณารามวทิ ยาคม

44

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 9
หน่วยการเรียนรูท้ ี่………..2…….....เรอื่ ง……….พอลเิ มอร์…..(การแก้ปัญหาขยะจากพอลิเมอร์).......................
รายวชิ า……..............เคมี…5........ ............รหัสวชิ า…..............ว 30225......................ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี.่ ...6.....
กลมุ่ สาระการเรียนรู้..วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.. ปกี ารศกึ ษา… 2565...ภาคเรียนท.่ี .1...เวลา...4.ช่ัวโมง……
ผสู้ อน.........................นางสาวอโนชา...อทุ ุมสกุลรัตน์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ (รายวชิ าพื้นฐานมีท้ังมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชวี้ ัด
รายวชิ าเพ่มิ เติมมีเฉพาะมาตรฐานการเรยี นร้แู ละผลการเรียนรู)้

1.1 มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระเคมี 1 : เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรยี งธาตใุ นตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พนั ธะเคมีและ

สมบัตขิ องสาร แก๊สและสมบัตขิ องแก๊ส ประเภทและสมบัติของ สารประกอบอินทรีย์และพอลเิ มอร์ รวมทงั้ การ
นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์

1.2 ผลการเรยี นรู้
15. สืบคน้ ข้อมูล และนำเสนอตัวอย่างผลกระทบจากการใชแ้ ละการกำจัดผลติ ภัณฑพ์ อลิเมอรแ์ ละ

แนวทางแก้ไข
2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตัวชี้วดั ทใ่ี ช้ในหนว่ ยการเรียนรนู้ ี้เขียนเปน็ แบบความเรยี ง)

การกำจัดขยะที่มีพอลิไวนิลคลอไรด์เป็นส่วนประกอบด้วยวิธีการเผาอาจก่อให้เกดิ แก๊สพิษหลายชนิด
เชน่ ไฮโดรเจนคลอไรด์ ไดออกซิน ฟรู าน ฟอสจีน ทอ่ี าจสะสมในรา่ งกายและเป็นอนั ตรายต่อสขุ ภาพ
การป้องกันอันตรายที่เกิดจากพอลิไวนิลคลอไรด์ อาจทำได้โดยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เช่น ต้องรับการ
รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และควรแยกขยะพอลิไวนิลคลอไรด์เพื่อทำการกำจัดด้วย
วิธกี ารเหมาะสมหรือนำกลบั มารไี ซเคลิ

การใชถ้ ุงพลาสติกส่วนใหญ่เป็นการใช้แบบคร้ังเดียว ทำใหข้ ยะจากถุงพลาสตกิ เกิดขึ้นเป็นปรมิ าณมาก
นอกจากนี้การย่อยสลายของพอลิเอทิลีน ในธรรมชาติใช้เวลานานและเกิดขึ้นได้ยาก ทำให้ขยะพอลิเอทิลีน
ตกค้างอยูใ่ นสิ่งแวดล้อมเป็นจำนวนมากและกลายเป็นปัญหาต่อสง่ิ มีชวี ิต เชน่ การที่สัตวเ์ จบ็ ป่วยหรือตายจาก
การกินขยะพลาสติกท่ีตกค้างในส่ิงแวดล้อมการลดปัญหาขยะถุงพลาสติกที่มีปริมาณมากและตกค้างใน
สิ่งแวดลอ้ ม อาจทำไดโ้ ดย

1. ลดการใชถ้ ุงพลาสติกด้วยการนำถงุ พลาสตกิ กลบั มาใชใ้ หม่หรือการใช้ถงุ ผา้
2. ทำการแยกขยะพอลเิ อทลิ ีนเพ่ือสามารถนำกลับมารไี ซเคลิ
3. ใช้ถุงพลาสติกท่ีทำจากวัสดุท่ีย่อยสลายได้ในธรรมชาติ เช่น ถุงพลาสติกที่ทำจากพอลิบิวทิลีนแอดิ
เพตเทเรฟแทเลต (poly(butylene adipate terephthalate), PBAT)
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง/สาระการเรยี นรู้เพมิ่ เติม (รายวิชาเพิม่ เติม)
• การใช้และการกำจดั ผลติ ภัณฑพ์ อลิเมอร์ อาจสง่ ผลกระทบต่อสิง่ มชี ีวิตและสิ่งแวดลอ้ ม จึงควร
ตระหนักถงึ ผลกระทบทเ่ี กิดขนึ้ และแนวทางแก้ไข
3.2 สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ (ถ้าในคำอธบิ ายรายวชิ าพดู ถึงหลักสูตรท้องถ่นิ ให้ใส่ลงไปด้วย
...............................................................-...........................................................................................

45

4. จุดประสงค์การเรยี นรู้

สบื คน้ ขอ้ มลู และนำเสนอตัวอยา่ งผลกระทบจากการใชแ้ ละการกำจัดผลติ ภัณฑ์พอลิเมอร์พรอ้ มทงั้ แนว

ทางแก้ไข

5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น (เลือกเฉพาะข้อท่ีเกิดในหนว่ ยการเรียนรูน้ ี้)

 1. ความสามารถในการสอื่ สาร  2. ความสามารถในการคิด
 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา  4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (เลือกเฉพาะข้อที่เกิดในหน่วยการเรยี นรนู้ ี้)

 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์  2. ซ่อื สตั ย์สุจรติ
 3. มวี ินยั  4. ใฝเ่ รยี นรู้
 5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
 7. รกั ความเปน็ ไทย  8. มจี ิตสาธารณะ
7. ด้านคุณลักษณะของผเู้ รียนตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล

 1. เป็นเลิศวิชาการ  2. สื่อสารสองภาษา  3. ลำ้ หนา้ ทางความคิด

 4. ผลิตงานอยา่ งสร้างสรรค์  5. ร่วมกนั รับผดิ ชอบต่อสงั คมโลก
8. ทกั ษะของคนในศตวรรษที่ 21 คอื การเรียนรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อ่านออก)  R2-(W) Ringting (เขยี นได้)  R3- (A) Rithmetics (คดิ เลขเปน็ )
 ทกั ษะดา้ นการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปัญหา (Critical Thinking and Problem
Solving)

 ทกั ษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
 ทกั ษะด้านความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural Understanding)

 ทกั ษะดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and Leadership)
 ทักษะดา้ นการสอ่ื สาร สารสนเทศและรู้เท่าทันส่ือ (Communications, Information, and Media Literacy)
 ทกั ษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร (Computing and ICT Literacy)

 ทกั ษะอาชพี และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and Learning)

9. บูรณคากวาามรตมาเี มมตหตลาัก(ปวรนิ ัชัยญคาุณขธอรงรเมศรจษรฐิยกธิจรรพมอเ(พCoยี mง passion)

1. หลกั ความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชกิ ในกลมุ่ ใหเ้ หมาะสมกับจำนวนสมาชกิ ในหอ้ งเรียนคอื

ประมาณกล่มุ ละ 4 – 6 คน

2. หลักความมีเหตุผล : ใหน้ กั เรียนสร้างสรรค์ผลงานและเกดิ ทกั ษะการปฏิบตั ิ

3. หลักภมู ิค้มุ กนั : ให้นักเรยี นเกดิ ทักษะการทำงานกลุ่ม และกล้าแสดงออก

4. เงื่อนไขความรู้ : การวางแผนงานท่ีจะทำก่อนแลว้ ค่อยลงมอื ทำอย่างระมัดระวงั , เขยี นสมการการ

เปลย่ี นแปลงจากการทดลอง

5. เงอื่ นไขคุณธรรม : อดทนท่ีจะทำงาน และมคี วามขยันที่จะทำงานใหอ้ อกมาไดด้ ที ่สี ุด , มีวนิ ัยในการทำ

แบบฝึกหัด

46

10. ชน้ิ งาน/ภาระงานรวบยอด

ผลการ ชิ้นงาน ภาระงาน
เรียนรู้

15 -โครงการลดขยะพลาสตกิ - อภปิ รายร่วมกนั ถึงปัญหาสิ่งแวดลอ้ มและ

ผลกระทบต่อสขุ ภาพทเ่ี กิดจากขยะพอลเิ มอร์

ที่เป็นข่าวหรอื เป็นเรื่องทีส่ นใจในชมุ ชน

- ยกตัวอย่างขยะพลาสติกในชีวติ ประจำวนั

และเขียนวธิ ีการลดปัญหาขยะพลาสตกิ

ดงั กล่าวลงในกระดาษคนละ 1 วิธี

11. การวัดประเมนิ ผล

11.1การวดั และประเมนิ ผลช้ินงาน/ภาระงานรวบยอด

วธิ กี าร

1.การสังเกตการณ์

2.การใชช้ ดุ กิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ร่องรอยบง่ ชี้ 3.การวัดประเมินการปฏิบัติ

เครอื่ งมือ

1. แบบสังเกตการณ์

2. ชุดกจิ กรรมวิทยาศาสตร์ 3. แบบวดั ประเมนิ การปฏบิ ตั ิ

เกณฑ์

1.การประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrics)

2.การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผา่ นต้ังแต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผ่าน 1

รายการถือวา่ ไมผ่ ่าน

11.2การวัดและประเมนิ ผลระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (ประเมินจากแผนการจัดการเรียนร้ขู อง

หน่วยการเรียนรนู้ ้ี)

ส่งิ ทตี่ ้องการวดั วธิ ีวัดผล เครือ่ งมอื วัดผล เกณฑก์ ารประเมิน

1. ความรู้เกยี่ วกบั -การสอบถาม ซกั ถาม - แบบประเมนิ การ - นกั เรยี นได้คะแนน

- ผลกระทบจากการใชแ้ ละการ ความคดิ เห็น อภปิ รายแสดงความ 12 คะแนนขึ้นไป

กำจัดผลิตภณั ฑพ์ อลิเมอร์ -การตอบคำถาม คิดเหน็ หรอื ร้อยละ 80

พร้อมทั้งแนวทางแก้ไข -การตรวจผลงาน ถอื ว่าผ่านเกณฑ์

นักเรียน - แบบประเมนิ การ - นกั เรียนได้คะแนน

ตรวจผลงานนักเรยี น ประเมินผลงาน

13 คะแนนขึน้ ไป

หรือรอ้ ยละ 80

ถือว่าผา่ นเกณฑ์

2.ทกั ษะกระบวนการคดิ และ - การอภิปรายแสดง - แบบประเมินการ -นักเรยี นได้คะแนน

ทกั ษะกระบวนการกลมุ่ ความคิดเหน็ อภิปรายแสดงความ 12 คะแนนข้ึนไป

คิดเหน็ หรือรอ้ ยละ 80 ถือวา่

- สังเกตพฤติกรรมการ - แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์

ทำงานกลมุ่ พฤตกิ รรมการ

47

ทำงานกลุม่

3. คณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ - สังเกตค่านยิ มในการ - แบบประเมิน - นกั เรียนไดค้ ะแนน

และสมรรถนะผูเ้ รียน ทำงานร่วมกับผูอ้ ่ืน คุณลกั ษณะอันพงึ ประเมนิ คุณลักษณะ

- มีวินัยในการทำงานกลุม่ และการทำงานใน ประสงค์ อนั พึงประสงค์

- นักเรยี นเหน็ ความสำคัญ ระบบกลุม่ - แบบประเมิน 26 คะแนนขน้ึ ไป

ของการทำงานร่วมกับผูอ้ นื่ และ อภปิ ราย แสดงความ สมรรถนะผู้เรยี น หรอื ร้อยละ 80

การทำงานในระบบกลุ่ม คดิ เหน็ เก่ยี วกับผลการ -แบบทดสอบ ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

- ยอมรบั ความคดิ เหน็ ซ่ึงกนั ทดลอง Rubin’s Self - นกั เรียนได้คะแนน

และกันมคี วามเสียสละและ Esteem Scale การประเมนิ สมรรถนะ

อดทน 29 คะแนนขนึ้ ไป

- นกั เรียนมีการเห็นคณุ ค่าใน หรอื รอ้ ยละ 80

ตนเอง (Self-esteem) ถือว่าผ่านเกณฑ์

12. กจิ กรรมการเรยี นรู้

ชว่ั โมงท่ี 1-2

1. ขัน้ ตงั้ ประเดน็ ปัญหา/สมมติฐาน (Hypothesis Formulation)

1.1 ครูยกตัวอยา่ งปัญหาส่ิงแวดล้อมและผลกระทบตอ่ สุขภาพทเี่ กิดจากขยะพอลเิ มอร์ท่ีเป็นขา่ วหรือเปน็

เรอ่ื งท่สี นใจในชมุ ชน เพอ่ื ใหน้ ักเรียนเกิดความตระหนัก

1.2 นักเรยี นยกตัวอย่างขยะพลาสติกในชีวติ ประจำวันและเขยี นวธิ ีการลดปญั หาขยะพลาสติกดังกลา่ วลง

ในกระดาษคนละ 1 วิธี ในรปู แบบโครงการโดยครูอาจกระตุ้นให้นกั เรยี นยกตวั อยา่ งขยะทม่ี าจากพลาสติกท่ี

แตกต่างกัน

2. ข้นั สืบค้นความรู้ (Searching for Information)

2.1 นักเรียนแบ่งเปน็ กลมุ่ กลมุ่ ละ 5 – 6 คน จำนวน 6 กลุ่ม โดยแต่ละกลมุ่ จะตอ้ งคละกนั

ระหว่างเพศชายและหญิง และคละกันระหว่างนกั เรยี นที่มีผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นสงู กับตำ่

2.2 นักเรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกันสืบคน้ เก่ียวกับวธิ กี ารลดปญั หาขยะพลาสติก

ชัว่ โมงท่ี 3-4

3. ขนั้ สรุปองคค์ วามรู้ (Knowledge Formation)

3.1 นักเรยี นแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการสบื ค้นนำกระดาษที่เขียนไว้มาจัด กลมุ่ ตามประเภทของวธิ ีการ

ลดปญั หาขยะพลาสตกิ ซ่งึ ได้แก่ การลดการใช้ การรไี ซเคลิ และการใช้พอลิเมอรย์ อ่ ยสลายได้

3.2 นักเรียนทงั้ หมดรว่ มกนั ทำกิจกรรม สบื ค้นข้อมลู นำเสนอผลกระทบจากการใช้และการกำจัด

ผลิตภัณฑพ์ อลิเมอร์ และแนวทางแกไ้ ข (ครูอาจใหน้ ักเรียนทำการสืบค้นขอ้ มลู ลว่ งหน้า และนำเสนอสงิ่ ที่

นกั เรียนสบื ค้นข้อมลู ในช้ันเรยี น)

4. ขัน้ การส่อื สารและนำเสนอ (Effective Communication)

4.1 แต่ละกลุ่มเสนอแนวคิดการป้องกันอนั ตรายที่เกดิ จากพอลิไวนลิ คลอไรด์

5. ขน้ั การบรกิ ารสงั คมและสาธารณะ (Public Service)

5.1 นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั ตอบคำถามทา้ ยบทเรียนตามรายละเอียดในชุดกิจกรรม

5.2 ครูและนักเรียนรว่ มกนั เฉลยคำถามท้ายบทเรียน

12. สือ่ การเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้

12.1สอ่ื การเรยี นรู้

48

- ชดุ กจิ กรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคดิ โยนโิ สมนสิการ เรอ่ื งพอลิเมอร์ (การแกป้ ญั หาขยะจากพอลิ

เมอร์)

- สื่อ power point

12.2แหลง่ เรียนรู้

1) อนิ เตอรเ์ นต็ 2) หอ้ งสมุด

13. บันทึกหลงั การจัดการเรียนรู้

ผลการสอน รายละเอียด

1. ด้านความรู้ : ...............................................................................................

- ผลกระทบจากการใชแ้ ละการกำจดั ...............................................................................................

ผลติ ภัณฑ์พอลเิ มอร์ ...............................................................................................

พรอ้ มท้งั แนวทางแกไ้ ข ...............................................................................................

2. ด้านกระบวนการ : ...............................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการคดิ ...............................................................................................

- ทักษะกระบวนการกลุม่ ...............................................................................................

...............................................................................................

3. ดา้ นคุณธรรมจริยธรรมและค่านยิ ม ...............................................................................................

อันพึงประสงค์ : ...............................................................................................

- มีวนิ ัย - ใฝ่เรยี นรู้ ...............................................................................................

- อยู่อย่างพอเพียง ...............................................................................................

- รกั ความเปน็ ไทย ...............................................................................................

4. ปญั หาการสอน

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

5. วิธแี กป้ ญั หา …………………………………………………………………………………..

………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………..

………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………

ลงชื่อ........................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...........................................หวั หน้ากลุ่มสาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกลุ รตั น.์ .) (นางกณกิ าร์ พัฒรากลุ )

ลงชอื่ ...........................................

(นางรพพี ร คำบุญมา)
รองผู้อำนวยการกลมุ่ บริหารวชิ าการ

ลงชอื่ ........................................................
(นายสุริยนั ต์ เหล่ามะลึก)

ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นสวุ รรณารามวิทยาคม

49

เครอ่ื งมือวดั และประเมนิ ผล

50

แบบประเมินการอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็
วชิ า .......................................................................................................... ชั้น ………………………………

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ..............................กจิ กรรม ……………………………………………………………………….…

คำชแี้ จง : ใหป้ ระเมนิ จากการสังเกตการรว่ มอภิปรายในระหวา่ งเรียน และการปฏบิ ัติกิจกรรมกลมุ่

โดยใหร้ ะดับคะแนนลงในตารางที่ตรงกับพฤติกรรมของผเู้ รียน

เกณฑ์การให้คะแนน 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ต้องปรบั ปรงุ

รวม สรุปผลการ

รายการประเมิน 15 ประเมนิ
คะแน

เลขท่ี ช่อื -นามสกลุ น

การแสดงความ คะแนน ผ่าน ไม่
ิคดเ ็หน ทที่ ำได้ ผ่าน
ยอมรับฟังความ
ิคดเ ็หนของ ู้ผ ่ือน
ตรงประเ ็ดน
สมเห ุตสมผล
มีความเ ื่ชอมั่นใน
การแสดงออก

ลงช่ือ ................................................................................. ผ้ปู ระเมิน
เกณฑ์การประเมิน : นกั เรยี นได้คะแนน 12 คะแนนขึน้ ไป ถอื ว่าผ่านเกณฑ์

51

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

คำชแ้ี จง : ให้สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ ลงในช่องที่ตรง
กับระดับคะแนน

คุณลักษณะอันพึง รายการท่ีประเมิน ระดับคะแนน
ประสงคด์ ้าน 321

3.1 ตรงต่อเวลา

1. มวี นิ ัย 3.2 ปฏิบัติงานเรยี บร้อยเหมาะสม
3.3 ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง
4.1 กระตอื รือร้นในการแสวงหาข้อมูล

2. ใฝเ่ รียนรู้ 4.2 มีการจดบันทกึ ความรอู้ ย่างเปน็ ระบบ

4.3 สรุปความรู้ได้อยา่ งมเี หตุผล
5.1 ใช้วสั ดุ สิ่งของ เคร่อื งใช้ อย่างประหยดั

3. อย่อู ย่างพอเพียง 5.2 ใช้อุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยดั และร้คู ุณค่า

4. รกั ความเปน็ ไทย 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยัดและมกี ารเกบ็ ออม
7.1 มีจติ สำนกึ ในการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมและภูมิปัญญาไทย
7.2 เหน็ คณุ ค่าและปฏิบัติตนตามวฒั นธรรมไทย

ลงชื่อ ................................................................................. ผู้ประเมิน
/ /......................... ......................... .............................

เกณฑ์การให้คะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤตกิ รรมท่ปี ฏิบตั ิชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมทปี่ ฏิบัตชิ ัดเจนและบอ่ ยครงั้
- พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั บิ างครั้ง

52

แบบประเมนิ ผลงานผเู้ รยี น

ชือ่ - นามสกุล .................................................................................. ชั้น …………………........
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ................................ กิจกรรม ……………….………………......................

คำชแ้ี จง: ให้ผปู้ ระเมนิ ขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน

ประเดน็ ทีป่ ระเมิน ผู้ประเมิน

ตนเอง เพื่อน ครู

432143214321

1. ตรงจดุ ประสงค์ท่กี ำหนด

2. มคี วามถกู ตอ้ งสมบูรณ์

3. มคี วามคดิ สร้างสรรค์

4. มีความเปน็ ระเบียบ

รวม
รวมทกุ รายการ

เฉลีย่

ผู้ประเมนิ (ตนเอง)........................................................... ผ้ปู ระเมิน .......................................................... (เพ่อื น)

ผปู้ ระเมนิ ................................................................ (คร)ู

53

เกณฑก์ ารให้คะแนนผลงาน

ประเด็นท่ปี ระเมนิ คะแนน

1. ผลงานตรงกบั 4 3 2 1
จุดประสงค์ท่ีกำหนด
ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคล้อง ผลงานไม่
2. ผลงานมีความถกู ต้อง กบั จดุ ประสงค์ กับจดุ ประสงค์ กับจดุ ประสงค์ สอดคลอ้ งกบั
สมบูรณ์ ทกุ ประเด็น เปน็ สว่ นใหญ่ บางประเด็น จุดประสงค์
เนือ้ หาสาระของ เน้ือหาสาระของ เน้อื หาสาระของ
3. ผลงานมคี วามคิด เนือ้ หาสาระของ ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานถูกตอ้ งเป็น ผลงานไมถ่ ูกตอ้ ง
สร้างสรรค์ ผลงานถกู ตอ้ ง เป็นสว่ นใหญ่ บางประเด็น เปน็ สว่ นใหญ่
ครบถ้วน ผลงานมีแนวคดิ ผลงานมีความ ผลงานไม่แสดง
4. ผลงานมีความเปน็ แปลกใหม่แตย่ ัง น่าสนใจ แตย่ ัง ไม่ แนวคิดใหม่
ระเบียบ ผลงานแสดงออก ไม่เป็นระบบ มีแนวคดิ แปลก
ถึงความคดิ ใหม่ ผลงานส่วนใหญ่
สร้างสรรค์ ผลงานสว่ นใหญม่ ี ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ
แปลกใหม่ ความเป็น ผลงานมคี วาม และมขี อ้
และเปน็ ระบบ ระเบียบแต่ยงั มี เปน็ ระเบยี บแตม่ ี บกพรอ่ งมาก
ขอ้ บกพรอ่ ง ขอ้ บกพร่อง
ผลงานมคี วามเปน็ เล็กน้อย บางสว่ น
ระเบียบแสดงออก
ถงึ ความประณตี

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

นักเรียนได้คะแนน 13 คะแนนข้นึ ไป หรือร้อยละ 80 ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์

54

แบบประเมินพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

กลุ่ม ..........................................................................................................

สมาชกิ ในกลุ่ม 1. 2....................................................................... ......................................................................

3. 4....................................................................... ......................................................................

5. 6....................................................................... ......................................................................

คำชี้แจง: ใหน้ ักเรียนทำเคร่ืองหมาย ✓ ในชอ่ งท่ีตรงกบั ความเป็นจรงิ

พฤติกรรมทสี่ งั เกต คะแนน 1
32

1. มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเหน็
2. มีความกระตือรือรน้ ในการทำงาน
3. รบั ผิดชอบในงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
4. มขี ั้นตอนในการทำงานอยา่ งเปน็ ระบบ
5. ใช้เวลาในการทำงานอย่างเหมาะสม

รวม

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

พฤตกิ รรมท่ที ำเป็นประจำ ให้ 3 คะแนน
พฤตกิ รรมที่ทำเป็นบางครัง้ ให้ 2 คะแนน
พฤติกรรมที่ทำนอ้ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
13-15 ดี
8-12 ปานกลาง

5-7 ปรับปรุง

55

แบบประเมนิ สมรรถนะผู้เรียน 5 ดา้ น

คำชแ้ี จง : ใหส้ งั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ ลงในช่องทต่ี รง
กับระดบั คะแนน

สมรรถนะที่ประเมิน ระดับคะแนน
321
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
1.1 มคี วามสามารถในการรับ – สง่ สาร
1.2 มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจของตนเอง
โดยใชภ้ าษาอย่างเหมาะสม
1.3 ใช้วิธกี ารสือ่ สารทเี่ หมาะสม

2. ความสามารถในการคิด
2.1 มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เพ่อื การสร้างองค์ความรู้
2.2 มคี วามสามารถในการคดิ เป็นระบบ เพื่อการสรา้ งองคค์ วามรู้

3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
3.1 แก้ปัญหาโดยใช้เหตุผล
3.2 แสวงหาความรมู้ าใช้ในการแก้ปัญหา
3.3 ตัดสนิ ใจโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อตนเองและผู้อืน่

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
4.1 ทำงานและอยู่ร่วมกับผอู้ ่ืนด้วยความสัมพันธ์อนั ดี
4.2 มวี ธิ แี ก้ไขความขัดแยง้ อยา่ งเหมาะสม

5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5.1 เลือกใช้ขอ้ มูลในการพฒั นาตนเองอย่างเหมาะสม
5.2 เลือกใช้ขอ้ มลู ในการทำงานและอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ ่นื อยา่ งเหมาะสม

ลงช่ือ ................................................................................. ผูป้ ระเมิน
/ /........................ ......................... .............................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยคร้งั
- พฤติกรรมที่ปฏิบัตบิ างคร้งั

56

แบบทดสอบ Rubin’s Self Esteem Scale

คำช้แี จง แบบสอบถามทงั้ หมดมี 3 ตอน โปรดอา่ นคำช้แี จงแต่ละตอนอยา่ งถ่ีถว้ น คำตอบไมม่ กี ารตัดสนิ

วา่ ถูกหรอื ผดิ เพราะเป็นความรู้สึกของคนแต่ละคนไม่จำเปน็ จะตอ้ งเหมือนกบั ผู้อนื่ โปรดตอบทกุ ๆข้อ

ตอนที่ 1 โปรดอา่ นแตล่ ะประโยคอยา่ งระมัดระวัง ถา้ ประโยคไหนเหมอื นตวั คณุ เองกต็ อบวา่ ใช่

ถา้ เห็นว่าไม่เหมอื นก็ตอบวา่ ไมใ่ ช่ โดยกาเครอื่ งหมาย X ทบั คำตอบน้ัน

1. ฉันทำส่งิ ทไ่ี ม่ดมี ามาก ใช่ ไม่ใช่

2. ฉันเปน็ คนไม่เชื่อฟงั เวลาท่ีอยบู่ ้าน ใช่ ไมใ่ ช่

3. ฉนั เคยไดร้ บั ความลำบากเสมอ ใช่ ไม่ใช่

4. ฉันคิดไปในดา้ นอกุศลเสมอ ใช่ ไมใ่ ช่

5. ฉันเปน็ คนทไี่ วใ้ จได้ ใช่ ไมใ่ ช่

6. ฉันเปน็ คนเรียนดี ใช่ ไม่ใช่

7. ฉันเป็นคนฉลาด ใช่ ไม่ใช่

8. ฉันไม่ค่อยจะรู้เรอ่ื งอะไรเลย ใช่ ไม่ใช่

9. ฉันเปน็ นกั อ่านท่ดี ี ใช่ ไม่ใช่

10. ฉนั เรียนอะไรแลว้ ก็ลมื หมด ใช่ ไม่ใช่

11. ฉนั เป็นคนหน้าตาดี ใช่ ไม่ใช่

12. ฉันมหี นา้ ตาแจ่มใสเสมอ ใช่ ไมใ่ ช่

13. ฉนั มีรูปร่างไม่ดี ใช่ ไมใ่ ช่

14. ฉันเป็นคนแข็งแรง ใช่ ไมใ่ ช่

15. ฉนั เปน็ ผ้นู ำในการเลน่ และการกฬี า ใช่ ไม่ใช่

16. ฉนั รอ้ งไหเ้ กง่ ใช่ ไมใ่ ช่

17. ฉนั เปน็ คนชอบวติ กกงั วล ใช่ ไมใ่ ช่

18. ฉันหวาดหลัวบ่อย ๆ ใช่ ไมใ่ ช่

19. ฉันจะวา้ วุน่ ใจเม่อื มคี นเรียกฉัน ใช่ ไม่ใช่

20. ฉันเปน็ คนขี้ตกใจ ใช่ ไม่ใช่

21. คนมักเลอื กฉนั ในการเล่นเกมตา่ ง ๆ ใช่ ไม่ใช่

22. ฉนั เป็นคนสดุ ท้ายทไ่ี ดร้ บั เลือกให้เล่นเกม ใช่ ไมใ่ ช่

23. ฉันลำบากใจท่ีจะเป็นเพือ่ นกับใคร ใช่ ไมใ่ ช่

24. ฉันมเี พ่อื นมาก ใช่ ไม่ใช่

25. ฉนั เปน็ คนทถี่ กู ลืม ใช่ ไมใ่ ช่

26. ฉนั เป็นคนทมี่ คี วามสุข ใช่ ไมใ่ ช่

27. ฉันเปน็ คนท่มี ีความสุข ใช่ ไม่ใช่

28. ฉนั พอใจในสภาพตวั เองขณะนี้ ใช่ ไม่ใช่

29. ฉนั อยากเปน็ อย่างอืน่ ทไ่ี ม่ใชต่ วั ฉันตอนนี้ ใช่ ไมใ่ ช่

30. ฉนั เป็นคนร่าเรงิ ใช่ ไม่ใช่

57

ตอนที่ 2 โปรดอา่ นแตล่ ะข้อต่อไปนีอ้ ย่างระมัดระวัง แล้วเลือกทำเคร่ืองหมาย ¡ ล้อมรอบ ขอ้ ก. หรือ ข.

หรือ ค. หรอื ง.ตามท่ีคณุ เหน็ ว่าตรงกบั ความรู้สึกของคณุ มากที่สุดเพยี งข้อเดยี ว

ก. เหน็ ดว้ ยอย่างยิง่ ข. เห็นดว้ ย ค. ไมเ่ ห็นดว้ ย ง. ไม่เห็นดว้ ยอย่างย่งิ

31. ฉนั เปน็ คนมีคณุ ค่าทดั เทียมกบั ผูอ้ นื่ กขคง

32. ฉันเป็นคนมีคุณสมบตั ิที่ดหี ลายอยา่ ง กขคง

33. ฉันรู้สึกวา่ ฉนั ทำอะไรไมส่ ำเรจ็ เลย กขคง

34. ฉันมคี วามสามารถทำส่งิ ต่าง ๆ ไดด้ ีเท่าผู้อ่นื กขคง

35. ฉันมคี วามภาคภูมิใจในตนเองนอ้ ยเหลือเกนิ กขคง

36. ฉนั คดิ ถงึ ตวั เองในทางท่ีดี กขคง

37. โดยท่ัวไปแลว้ ฉนั มคี วามพอใจในตัวเอง กขคง

38. ฉนั หวังวา่ ฉนั สามารถนับถือตวั เองได้มากกว่าน้ี กขคง

39. ขณะนฉ้ี นั รสู้ กึ ว่าตนเองเป็นคนไร้ประโยชน์ กขคง

40. บางครั้งฉันคดิ วา่ ฉนั ไม่มอี ะไรดีเลย กขคง

ตอนที่ 3 โปรดอ่านขอ้ ความต่อไปนตี้ ามลำดบั อย่างถถ่ี ว้ น แลว้ ทำเคร่อื งหมาย  ลอ้ มรอบ

ตวั เลข 1 หรอื 2 หรือ 3 หรอื 4 หรือ 5 ซ่ึงตรงกับรูส้ ึกของคณุ มากที่สุดเพียงข้อเดียว

1. ไม่เคยเลย 2. ไมบ่ ่อยนกั 3. บางครง้ั 4. บ่อยครงั้ 5. ตลอดมา

41. ฉันเปน็ เพ่ือนกบั ทกุ ๆ คน 12345

42. ฉันมคี วามสุข 12345

43. ฉันมคี วามกรุณา 12345

44. ฉนั เปน็ คนกลา้ 12345

45. ฉนั เปน็ คนซ่ือสตั ย์ 12345

46. คนทั่ว ๆ ไปชอบฉัน 12345

47. ฉันเป็นคนที่ไวใ้ จได้ 12345

48. ฉนั เป็นคนดี 12345

49. ฉนั ภาคภมู ใิ จในตัวฉนั 12345

50. ฉนั เปน็ คนเกยี จคร้าน 12345

51. ฉันใหค้ วามรว่ มมอื กบั ทุกคนเสมอ 12345

52. ฉนั เปน็ คนร่าเรงิ แจ่มใส 12345

53. ฉนั เปน็ คนมีความคิด 12345

54. ฉันเป็นทร่ี จู้ กั ของคนทวั่ ไป 12345

55. ฉนั เปน็ คนอ่อนโยน 12345

56. ฉันเปน็ คนขี้อิจฉา 12345

57. ฉันเปน็ คนที่ไม่ด้อื ดึง 12345

58. ฉันเป็นคนสุภาพ 12345

59. ฉันเป็นคนขอ้ี าย 12345

60. ฉนั เป็นคนสะอาด 12345

58

61. ฉันเป็นคนทมี่ ปี ระโยชนต์ อ่ ผู้อืน่ 12345
62. ฉนั เปน็ คนมีความกตญั ญู 12345

การตรวจและการแปลผลแบบทดสอบ (Rubin’s Self Esteem Scale)
แบบทดสอบนีเ้ ป็นแบบวดั ท่ใี ห้รายงานตวั เองประกอบด้วยข้อความ 62 ขอ้ แบง่ ออกเปน็ 3 ตอน ดังนี้

ตอนที่ 1 เป็นข้อความเกี่ยวกบั อัตมโนทศั น์ (Self Concept) จำนวน 30 ขอ้ เปน็ แบบเลอื กรบั หรอื ปฏเิ สธ ตอบ
โดยกาเคร่อื งหมาย  (กากบาท) ลงกบั คำว่า “ใช”่ หรอื “ไมใ่ ช่” ข้อละเครื่องหมาย
ในแตล่ ะขอ้ มีการตรวจให้คะแนนแตกต่างกนั ตามลกั ษณะของขอ้ ความ ดงั นี้

เม่อื ข้อความมลี กั ษณะทางบวก
ถ้าตอบ “ใช่” ได้ 2 คะแนน

ถ้าตอบ “ไมใ่ ช”่ ได้ 1 คะแนน
ได้แก่ ขอ้ 5, 6, 7, 9, 11, 12, 14, 15, 21, 24, 26, 28 และ 30
เมือ่ ข้อความมลี ักษณะทางลบ

ถ้าตอบ “ใช”่ ได้ 1 คะแนน
ถ้าตอบ “ไมใ่ ช่” ได้ 2 คะแนน

ได้แก่ ขอ้ 1, 2, 3, 4, 8, 10, 13, 16, 17, 18, 19, 20, 22, 23, 25, 27 และ 29

ตอนท่ี 2 เป็นแบบวดั ความรู้สกึ เห็นคุณค่าในตนเอง (Self – Esteem Scale) จำนวน 10 ข้อ

เปน็ แบบ rating scale 4 ระดบั (ก - ง) ตอบโดยการทำเครือ่ งหมาย  (วงกลม) ล้อมรอบตัวอักษร
ทแ่ี สดงวา่ “เหน็ ดว้ ยอยา่ งย่งิ ” “เหน็ ดว้ ย” “ไม่เหน็ ดว้ ย” หรอื “ไมเ่ ห็นด้วยอย่างยง่ิ ”

ข้อละ 1 เครือ่ งหมาย ในแต่ละขอ้ มกี ารตรวจให้คะแนนแตกตา่ งกันตามลกั ษณะของขอ้ ความ ดงั นี้
เมอ่ื ขอ้ ความมลี กั ษณะทางบวก
ถา้ ตอบ “ก” หรือ “ข” ได้ 2 คะแนน

ถา้ ตอบ “ค” หรือ “ง” ได้ 1 คะแนน
ได้แก่ ข้อ 31, 32, 34, 36 และ 37
เม่ือขอ้ ความมีลักษณะทางลบ
ถ้าตอบ “ก” หรอื “ข” ได้ 1 คะแนน
ถ้าตอบ “ค” หรอื “ง” ได้ 2 คะแนน

ไดแ้ ก่ ข้อ 33, 35, 38, 39 และ 40

ตอนท่ี 3 เปน็ การประเมนิ อตั มโนทศั น์ (Self Concept Rating) จำนวน 22 ขอ้ เปน็ แบบ rating scale
5 ระดับ (1-5) ใหต้ อบโดยการทำเครอื่ งหมาย  (วงกลม) ล้อมรอบตัวอักษรทีแ่ สดงวา่ “ไม่เคยเลย”
“ไมบ่ ่อยนัก” “บางครั้ง” หรอื “ตลอดมา” และในแตล่ ะขอ้ มกี ารตรวจใหค้ ะแนนแตกตา่ งกนั ตามลักษณะ

ของข้อความ ดงั นี้
เม่อื ข้อความมีลักษณะทางบวก

ถ้าตอบ “1” จะได้ 1 คะแนน
ถ้าตอบ “2” จะได้ 2 คะแนน
ถา้ ตอบ “3” จะได้ 3 คะแนน

59

ถ้าตอบ “4” จะได้ 4 คะแนน
ถ้าตอบ “5” จะได้ 5 คะแนน
ได้แก่ขอ้ 41, 42, 43, 44, 45, 46, 47, 48, 49, 51, 52, 53, 54, 55, 57, 58, 60, 61 และ 62
เม่อื ข้อความมลี กั ษณะทางลบ
ถ้าตอบ “1” จะได้ 5 คะแนน
ถา้ ตอบ “2” จะได้ 4 คะแนน
ถา้ ตอบ “3” จะได้ 3 คะแนน
ถ้าตอบ “4” จะได้ 2 คะแนน
ถ้าตอบ “5” จะได้ 1 คะแนน
การคิดคะแนนรวม
คะแนนรวมคิดโดยการรวมคะแนนท้ัง 62 ข้อ ของผตู้ อบแบบทดสอบเข้าดว้ ยกนั
เป็นคะแนนความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเองของผู้ตอบแบบทดสอบแต่ละคนซ่ึงมีช่วงคะแนนโดยทฤษฎี
(Theoretical Range of Scores) ต้ังแต่ 62 – 190
ในการแบง่ ระดับของคะแนนความรูส้ กึ เห็นคุณคา่ ในตนเอง มีเกณฑก์ ารแบง่ ต่อไปนี้
ถา้ ไดค้ ะแนนตง้ั แต่ 159 - 190 ถอื ว่าเปน็ ผูท้ ี่มีความรูส้ ึกเหน็ คณุ ค่าในตนเอง ในระดับสูง
ถา้ ได้คะแนนต้ังแต่ 95 - 158 ถือว่าเป็นผูท้ ่ีมีความร้สู ึกเหน็ คณุ ค่าในตนเอง ในระดบั ปานกลาง
ถ้าได้คะแนนตงั้ แต่ 62 - 94 ถือว่าเป็นผทู้ ม่ี ีความรู้สึกเหน็ คณุ คา่ ในตนเอง ในระดบั ต่ำ
ทม่ี า : คู่มอื พัฒนาทกั ษะการดำเนนิ ชีวิต ระดบั มธั ยมศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร

60


Click to View FlipBook Version