The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Anocha Utumsakulrat, 2020-08-13 22:26:45

วิชาวิทย์สร้างสรรค์2

วิชา ว 31282

หลกั สตู รรายวชิ า
และแผนการจัดการเรยี นรู้

รหัสวิชา ว 31282
รายวิชาเพิ่มเติม
วิทยาศาสตร์สรา้ งสรรค์..2
จำนวน 0.5 หน่วยกติ 1 คาบ/สัปดาห์
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2

ปีการศึกษา 2562

จัดทำโดย

นางสาวอโนชา อทุ ุมสกลุ รตั น์

ตำแหนง่ ครูชำนาญการ
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์
โรงเรยี นสุวรรณารามวิทยาคม
แขวงศริ ริ าช เขตบางกอกน้อย

กรุงเทพมหานคร

สำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาการมธั ยมศึกษา เขต 1
สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

หลกั สตู รรายวชิ า

(Course Development)

รหัสวิชา.... ว 31282 ...รายวชิ า....วทิ ยาศาสตรส์ รา้ งสรรค์..2.......
จำนวน....0.5.... หนว่ ยกติ ....1..... คาบ/ สปั ดาห์
ภาคเรยี นที่ ...2... ปีการศึกษา …2562…..

จดั ทำโดย

.........นางสาวอโนชา...อุทมุ สกลุ รตั น.์ ........

ตำแหนง่ ....ครูชำนาญการ...........

กล่มุ สาระการเรยี นรู้.....วทิ ยาศาสตร์......

โรงเรียนสุวรรณารามวิทยาคม แขวงศริ ริ าช เขตบางกอกน้อย กรงุ เทพมหานคร
สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาการมธั ยมศกึ ษา เขต 1

สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

คำนำ

หลกั สตู รรายวิชาฉบับน้ีจัดทำขึ้นเพื่อเตรยี มการในการจดั การเรยี นรู้รายวชิ าวทิ ยาศาสตรส์ รา้ งสรรค์ 1รหัส
วชิ า ว 31281 โดยครูผู้สอนได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.
2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ตามสาระและมาตรฐานการเรียนรู้
ตัวชี้วดั /ผลการเรียนรู้ และจัดทำคำอธิบายรายวิชา โครงสรา้ งรายวชิ า กำหนดเวลาเรียน น้ำหนักคะแนน กำหนด
ทักษะกระบวนการในการเรียนการสอนตลอดจนการวัดและประเมินผลการเรยี นการสอนของครู

ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้และยกระดับผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรียนของผูเ้ รยี นโรงเรียนสวุ รรณารามวิทยาคม สำนกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาการมธั ยมศกึ ษา เขต 1 ต่อไป

นางสาวอโนชา อทุ ุมสกลุ รัตน์
ชื่อผจู้ ดั ทำ

สารบญั หน้า

คำนำ 1
1. หลกั การและจุดมงุ่ หมายของหลกั สตู รการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน 2551 1
1
หลกั การ 2
จดุ หมาย 2
2. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 3
3. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 3
4. วิสยั ทศั นข์ องโรงเรียน 3
พันธกจิ 4
เป้าประสงค์ 4
5. การกำหนดโครงการสอน 5
คำอธิบายรายวชิ า (ดรู ายละเอยี ดจากหลักสตู ร)
สาระ/มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด (แกนกลาง) 5
มาตรฐานการเรยี นรู้ (ดูรายละเอยี ดจากหลักสตู ร) 6
ตัวชี้วดั หรือผลการเรียนรู้ (ดรู ายละเอยี ดจากหลกั สูตร) 7
6. ตารางโครงสรา้ งรายวชิ า 7
7. การกำหนดโครงการสอนและกจิ กรรมตลอดภาคเรียน 7
8. แผนการวัดผลและภาระงาน 7
แนวการวดั ผล
แผนการวัดผล
การกำหนดภาระงานนกั เรียน

1. หลักการและจดุ มุ่งหมายของหลักสูตรการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน 2551 1

หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน มงุ่ พฒั นาผูเ้ รียนทกุ คน ซ่ึงเปน็ กำลังของชาตใิ ห้เป็นมนษุ ย์ท่ีมคี วาม

สมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมอื งไทยและเป็นพลโลก ยึดม่นั ในการปกครองตาม

ระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้ง เจตคติ ท่ีจำเป็นต่อ

การศกึ ษาตอ่ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเนน้ ผูเ้ รียนเปน็ สำคัญบนพ้นื ฐานความเชอื่ ว่า

ทกุ คนสามารถเรยี นรู้และพฒั นาตนเองไดเ้ ตม็ ตามศักยภาพ

หลักการ
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน มีหลักการทีส่ ำคญั ดังนี้
1. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพ่ือความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เป็น

เป้าหมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพ้ืนฐานของความเป็นไทย
ควบคู่กบั ความเป็นสากล

2. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาค และมี
คุณภาพ

3. เป็นหลักสูตรการศึกษาท่ีสนองการกระจายอำนาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ให้
สอดคลอ้ งกับสภาพและความต้องการของทอ้ งถิ่น

4. เป็น หลักสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นท้ั งด้าน สาระการเรียนรู้ เวลาและการจัด
การเรยี นรู้

5. เป็นหลกั สตู รการศกึ ษาที่เน้นผเู้ รียนเป็นสำคญั
6. เป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุก
กลมุ่ เปา้ หมาย สามารถเทยี บโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์

จุดหมาย
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน มุ่งพัฒ นาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญ ญ า มีความสุข

มศี ักยภาพในการศกึ ษาตอ่ และประกอบอาชีพ จงึ กำหนดเป็นจุดหมายเพ่อื ให้เกิดกับผู้เรียน เมือ่ จบการศกึ ษาข้ัน
พ้ืนฐาน ดงั น้ี

1. มีคุณธรรมจริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มี วินัยและปฏิบัติตนตาม
หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาท่ีตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

2. มคี วามรู้ ความสามารถในการสือ่ สาร การคดิ การแก้ปัญหา การใชเ้ ทคโนโลยี และมีทกั ษะชีวิต
3. มสี ุขภาพกายและสขุ ภาพจติ ทีด่ ี มีสขุ นิสัย และรกั การออกกำลงั กาย
4. มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดม่ันในวิถชี ีวติ และการปกครองตาม
ระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุข
5. มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาส่ิงแวดล้อม มีจิต
สาธารณะท่มี ุ่งทำประโยชน์และสรา้ งส่ิงท่ีดงี ามในสงั คม และอยรู่ ่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข

2. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 2

หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน ม่งุ ให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคญั 5 ประการ ดงั น้ี

1. ความสามารถในการส่ือสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา

ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารและ

ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสงั คม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพ่ือขจัดและลดปัญหา

ความขัดแย้งต่างๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้

วธิ ีการสื่อสาร ทม่ี ีประสทิ ธภิ าพโดยคำนงึ ถึงผลกระทบทม่ี ตี ่อตนเองและสงั คม

2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง

สรา้ งสรรค์ การคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ และการคดิ เปน็ ระบบ เพ่ือนำไปสู่การสร้างองคค์ วามรู้หรือสารสนเทศเพื่อ

การตดั สนิ ใจเกย่ี วกบั ตนเองและสังคมได้อยา่ งเหมาะสม

3. ความสามารถในการแก้ปญั หา เปน็ ความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ทเี่ ผชิญได้อย่าง

ถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ

เปล่ียนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา

และมกี ารตดั สนิ ใจทมี่ ปี ระสิทธภิ าพโดยคำนึงถงึ ผลกระทบท่เี กดิ ขึน้ ตอ่ ตนเอง สังคมและสงิ่ แวดลอ้ ม

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่างๆ ไปใชใ้ นการดำเนิน

ชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการ

สร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ อย่างเหมาะสม การปรับตวั ให้

ทนั กบั การเปล่ียนแปลงของสังคมและสภาพแวดลอ้ ม และการร้จู ักหลีกเล่ยี งพฤตกิ รรมไมพ่ งึ ประสงค์ทีส่ ง่ ผลกระทบ

ตอ่ ตนเองและผูอ้ ่นื

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่างๆ และมี

ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การส่ือสาร การทำงาน การ

แก้ปญั หาอย่างสร้างสรรค์ ถกู ต้อง เหมาะสม และมคี ณุ ธรรม

3. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน มุง่ พัฒนาผู้เรยี นให้มคี ุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ เพื่อใหส้ ามารถ
อย่รู ่วมกับผูอ้ ่ืนในสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดังน้ี

1. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
2. ซ่อื สตั ย์สจุ ริต
3. มีวนิ ัย
4. ใฝเ่ รียนรู้
5. อยอู่ ย่างพอเพยี ง
6. มงุ่ มั่นในการทำงาน
7. รักความเปน็ ไทย
8. มจี ิตสาธารณะ

4. วสิ ัยทศั น์ของโรงเรียน 3

โรงเรียนสวุ รรณารามวทิ ยาคม เป็นโรงเรยี นส่งเสรมิ ทักษะการคิด เพ่ือพฒั นาผเู้ รยี นใหม้ ีความรู้
คคู่ ุณธรรม บนพนื้ ฐานความเปน็ ไทยและหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

พนั ธกิจ
1) จัดการเรียนการสอนเพื่อพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น
2) พัฒนาครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา
3) การบรหิ ารจัดการสถานศึกษา
4) พฒั นาชมุ ชน สังคม ธำรงสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

เป้าประสงค์
1) ผู้เรียนมีคุณสมบัติตามมาตรฐานนักเรียนโรงเรียนสุวรรณารามวิทยาคม 10 ข้อ ได้แก่ ทดแทน

บุญคุณบิดามารดา มาโรงเรียนเช้า เข้าห้องเรียนเสมอ พบเจอครูเคารพ คบหาเพ่ือนดี สามัคคีหมู่คณะ ละเลิกสิ่ง
ชว่ั ประพฤติตัวดี มนี ้ำใจ ให้เกียรติกนั และมคี ุณลกั ษณะอันพึงประสงคต์ ามหลักสตู ร

2) ผเู้ รียนมีสว่ นร่วมในการสบื สาน อนรุ ักษ์ ประเพณี และวฒั นธรรมไทย
3) ผเู้ รียนนำหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใชใ้ นการดำเนนิ ชวี ิต
4) ผู้เรียนมีความเป็นเลิศทางวิชาการ ส่ือสารได้อย่างน้อย 2 ภาษา ล้ำหน้าทางความคิด ผลิตผลงาน
สรา้ งสรรค์ และร่วมกันรบั ผิดชอบสังคม
5) ผู้เรียนมีสุขภาพพลานามัยแขง็ แรง จิตใจร่าเรงิ แจ่มใส มีสุขภาพจิตท่ีดี ปลอดจากส่ิงเสพติด อบายมุข
และโรคเอดส์
6) ครูออกแบบและจัดการเรียนรู้ท่ีตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสติปัญญา
ตามศกั ยภาพ
7) ครูและบคุ ลากรมีความรู้และจรยิ ธรรม มศี กั ยภาพในหน้าท่ีของตน
8) สถานศกึ ษามสี ภาพแวดล้อมและการบรกิ ารทเี่ อ้อื ตอ่ การเรียนรู้
9) สถานศกึ ษามกี ารบรหิ ารจดั การดว้ ยระบบคณุ ภาพ
10) มีการประสานงานกับคณะกรรมการสถานศึกษาฯ สมาคมศิษย์เก่า เครือข่ายผู้ปกครอง และ
หนว่ ยงานอนื่ ๆท่เี กี่ยวข้อง เนน้ การมีสว่ นรว่ มของผเู้ กย่ี วขอ้ งทุกฝา่ ยในการพฒั นาโรงเรียน

5. การกำหนดโครงการสอน/คำอธิบายรายวชิ า

โครงการสอนรายวิชา 4
รหสั วิชา.... ว 31282 ...รายวิชา....วิทยาศาสตรส์ ร้างสรรค์..2.......
จำนวน....0.5.... หนว่ ยกติ ....1..... คาบ/ สปั ดาห์ ภาคเรียนท่ี ...2... ปกี ารศกึ ษา …2562…..

สาระ/มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั (แกนกลาง)
สาระเคมี

1. เขา้ ใจโครงสร้างอะตอม การจดั เรียงธาตใุ นตารางธาตุ สมบตั ิของธาตุ พนั ธะเคมีและสมบัติของ
สาร แก๊สและสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบตั ิของสารประกอบอินทรีย์ และพอลิเมอร์ รวมทั้งการนำความรไู้ ป
ใชป้ ระโยชน์
ผลการเรยี นรู้ ขอ้ ที่ 11.ระบุประเภทของปฏกิ ิรยิ าการเกิดพอลิเมอร์จากโครงสรา้ งของมอนอเมอร์หรือพอลเิ มอร์
ผลการเรยี นรู้ ข้อที่ 12. วิเคราะห์ และอธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งโครงสร้างและสมบตั ิของพอลเิ มอร์ รวมทง้ั
การนำไปใชป้ ระโยชน์
ผลการเรียนรู้ ข้อท่ี 13. ทดสอบ และระบุประเภทของพลาสตกิ และผลิตภัณฑย์ าง รวมทงั้ การนำไปใชป้ ระโยชน์
ผลการเรยี นรู้ ข้อท่ี 14. อธิบายผลของการปรบั เปลย่ี นโครงสรา้ ง และการสังเคราะหพ์ อลิเมอร์ทมี่ ีตอ่ สมบตั ขิ อง
พอลเิ มอร์
ผลการเรยี นรู้ ข้อที่ 15. สืบคน้ ข้อมลู และนำเสนอตัวอยา่ งผลกระทบจากการใชแ้ ละการกำจัดผลิตภณั ฑ์พอลิ
เมอร์และแนวทางแก้ไข

สาระการเรยี นรู้เพม่ิ เตมิ
พอลิเมอรเ์ ปน็ สารทมี่ โี มเลกุลขนาดใหญ่ซ่งึ ประกอบด้วยหน่วยยอ่ ยท่ีเรยี กวา่ มอนอเมอร์ เชือ่ มต่อกัน

ด้วยพันธะโคเวเลนต์ โดยมีท้ังพอลิเมอรธ์ รรมชาติและพอลเิ มอร์สังเคราะห์ ปฏิกริ ยิ าการเกิดพอลิเมอร์ อาจเปน็
ปฏกิ ิริยาแบบควบแนน่ หรือปฏิกิรยิ าแบบเตมิ ขึ้นอยกู่ บั หม่ฟู ังกช์ นั และโครงสร้างของมอนอเมอร์

พอลิเมอร์มีโครงสร้างตา่ งกนั อาจเปน็ โครงสร้าง แบบเส้น แบบก่งิ หรอื แบบร่างแห ข้นึ อย่กู บั ชนิด
ของมอนอเมอร์และภาวะของปฏิกิริยาการเกดิ พอลิเมอร์ ซ่งึ โครงสรา้ งของพอลิเมอร์สง่ ผลต่อจดุ หลอมเหลว ความ
หนาแน่น ความเปราะ ความเหนียว ความยืดหยุ่น จงึ สามารถนำไปประยกุ ต์ใชไ้ ด้อย่างหลากหลาย

พอลเิ มอร์ที่ให้ความรอ้ นแล้วสามารถนำกลบั มา ข้ึนรูปใหมไ่ ด้ เรียกวา่ พอลิเมอร์เทอร์มอพลาสตกิ
ส่วนใหญม่ ีโครงสร้างแบบเส้นและแบบกง่ิ สว่ นพอลิเมอร์ท่ีให้ความรอ้ นแลว้ ไม่ออ่ นตวั จึงไม่สามารถนำกลบั มาขนึ้
รปู ใหม่ได้ เรียกว่าพอลเิ มอร์เทอรม์ อเซต มโี ครงสร้างแบบร่างแห พลาสติกมีท้งั ท่เี ป็นพอลเิ มอร์เทอร์มอพลาสติก
และพอลเิ มอรเ์ ทอร์มอเซต ผลิตภัณฑ์ยางเปน็ พอลิเมอร์เทอรม์ อเซต ซง่ึ ทำให้มีสมบัติและการนำไปใชป้ ระโยชน์
ต่างกนั

การปรบั เปลยี่ นโครงสรา้ งหรือการสังเคราะห์พอลิเมอร์ เชน่ วลั คาไนเซชนั การสังเคราะห์โคพอลิ
เมอร์ การสงั เคราะห์พอลเิ มอร์นำไฟฟา้ เป็นการปรบั ปรุงคุณภาพของพอลิเมอร์ เพ่อื ใหไ้ ดผ้ ลติ ภัณฑ์ทสี่ ามารถ
นำไปใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมและหลากหลายมากขึ้น

5

การใช้และการกำจัดผลติ ภัณฑพ์ อลิเมอร์ อาจส่งผลกระทบตอ่ สิง่ มีชวี ติ และส่งิ แวดล้อม จึงควร
ตระหนักถึงผลกระทบทีเ่ กิดขึ้น และแนวทางแก้ไข

คำอธบิ ายรายวิชา (ดรู ายละเอียดจากหลักสูตร)
การศกึ ษาวิเคราะห์ ชนิดและปฏิกริ ิยาของพอลเิ มอร์ ชนิด สมบัติและประโยชน์ของพลาสติก เส้นใย

ยาง ซิลิโคน รวมท้ังมลพิษที่อาจเกิดข้ึนและแนวทางในการป้องกัน ศึกษาความก้าวหน้าของผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์
สังเคราะห์ ท้ังนี้ โดยใช้การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และ
ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย และวิเคราะห์สาเหตุหรือปัจจัยท่ีส่งผลต่อ
ปญั หาหรอื ความตอ้ งการ รวบรวมวเิ คราะห์ข้อมูลและแนวคิดท่เี กี่ยวข้อง กบั ปัญหา ออกแบบวธิ ีการแกป้ ัญหา โดย
วิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลท่ีจำเป็น นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นเข้าใจ วางแผน
และดำเนินการแก้ปัญหา ทดสอบ ประเมินผล และระบุข้อบกพร่อง ท่ีเกิดขึ้น พร้อมท้ังหำแนวทางการปรับปรุง
แก้ไข เพ่อื แก้ปัญหาและใชเ้ ทคโนโลยีได้อย่างถูกตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภยั

เพ่ือใหเ้ กิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ
การแก้ปัญหา การนำความรู้ไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และค่ำนยิ มท่เี หมาะสม

มาตรฐานการเรียนรู้ (ดรู ายละเอียดจากหลกั สตู ร)
-

ตวั ช้วี ัด หรอื ผลการเรยี นรู้ (ดูรายละเอียดจากหลักสูตร)
1. ระบุประเภทของปฏกิ ิริยาการเกิดพอลเิ มอร์จากโครงสรา้ งของมอนอเมอรห์ รือพอลิเมอร์
2. วิเคราะห์ และอธิบายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งโครงสรา้ งและสมบตั ิของพอลิเมอร์ รวมทง้ั การนำไปใชป้ ระโยชน์
3. ทดสอบ และระบปุ ระเภทของพลาสตกิ และผลิตภณั ฑ์ยาง รวมทง้ั การนำไปใชป้ ระโยชน์
4. อธบิ ายผลของการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง และการสังเคราะหพ์ อลิเมอรท์ ่ีมตี อ่ สมบัติของพอลเิ มอร์
5. สบื ค้นขอ้ มูล และนำเสนอตวั อยา่ งผลกระทบจากการใชแ้ ละการกำจัดผลิตภณั ฑพ์ อลิเมอร์และแนวทางแก้ไข
6. วเิ คราะห์แนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยี ความสัมพนั ธ์กบั ศาสตรอ์ ่นื โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือคณติ ศาสตร์
รวมทั้งประเมนิ ผลกระทบทจี่ ะเกดิ ขน้ึ ตอ่ มนุษย์ สังคม เศรษฐกิจ และสงิ่ แวดล้อม เพ่ือเป็นแนวทางในการพัฒนา
เทคโนโลยีชุมชน

6. ตารางโครงสรา้ งรายวชิ า

ลำดบั ที่ ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ ตวั ชว้ี ัด หรอื วิธีการประเมิน เวลา นำ้ หนัก
1 มหศั จรรยพ์ อลิเมอร์ ผลการเรยี นรู้ (ช่วั โมง) คะแนน
1. ชุดกจิ กรรมวิทยาศาสตร์
1-4 2. สืบคน้ ขอ้ มลู /อภปิ รายกล่มุ 7 30

สอบกลางภาค 1 6
11 20
2 ข้าวพอง : ภมู ิปัญญา 5-6 1. ชุดกจิ กรรมวิทยาศาสตร์ 1
ไทย 2. สบื คน้ ข้อมูล/อภปิ รายกลมุ่ - 30
20 20
สอบปลายภาค -
100
จติ พิสยั

รวม

อตั ราส่วนคะแนน

คะแนนเกบ็ ระหวา่ งภาค : คะแนนปลายภาค = 80 : 20

K : P : A = 40 : 60 : …..

รวม 100 คะแนน

คะแนนเก็บกอ่ นสอบกลางภาค = 30 คะแนน

สอบกลางภาค = 20 คะแนน

คะแนนเก็บก่อนสอบปลายภาค = 30 คะแนน

คณุ ลักษณะ / จิตพิสัย = - คะแนน

สอบปลายภาค = 20 คะแนน

รวม 100 คะแนน

7. การกำหนดโครงการสอนและกจิ กรรมตลอดภาคเรยี น

สปั ดาห/์ หนว่ ยการเรียนร/ู้ เนือ้ หา ตวั ชว้ี ัด/ กจิ กรรม / เวลา
แผนการ ผลการเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้ (ชว่ั โมง)
เรียนร้ทู ี่
2
1 พอลเิ มอร์ 1 1.การเกิดพอลิเมอร์ 6

2.เกมสอ์ กั ษรไขว้ 7

1 ชนิดของพอลิเมอร์ 2-4 1.เกมปรศิ นา...คำทาย

2.เขยี นความสมั พันธโ์ ดยใชแ้ ผนผัง

ความคิด (Mind Map)

3. กิจกรรม ฝกึ คิด

4. กิจกรรมท่ี 1 สืบเสาะ ค้นหา 1.1

การใช้ประโยชนจ์ ากเส้นใย

5. กจิ กรรมท่ี 1 สืบเสาะ ค้นหา 1.2

สมบตั ทิ างเคมบี างประการของแป้ง

6.กิจกรรมที่ 1 สืบเสาะ คน้ หา 1.3

พฤติกรรมแปลกๆ ของแปง้

7.กิจกรรมที่ 2 การจัดระบบความรู้

การสร้างโมเดลพอลเิ มอร์

2 ขา้ วพอง : ภูมิปญั ญาไทย 5 1. อาหาร: พอลเิ มอร์ 5

(ตอนท่ี 1) 2. การเดือดของนำ้

3. การถ่ายโอนความรอ้ น

4. เกม..สนกุ กับการหาคำ

5.กิจกรรมที่ 3 การปฏบิ ัติ พฒั นา

องค์ความรู้ บทสัมภาษณ์ผรู้ .ู้ ...ครภู มู ิ

ปญั ญาในทอ้ งถ่ิน

2 ขา้ วพอง : ภูมิปัญญาไทย 6 1.กิจกรรมที่ 3.1 สรุปวธิ กี ารทำข้าว 7

(ตอนที่ 2) พองจากบทสัมภาษณ์ผู้ทรงภูมปิ ญั ญา

ไทย

2.กิจกรรมท่ี 3.2 รว่ มกนั สรา้ งสรรค์

ผลงาน

3.โปสเตอรข์ ้าวพองภมู ปิ ัญญาไทยทาง

วิทยาศาสตร์

4.นิทรรศการพอลิเมอร์ : ข้าวพองภูมิ

ปัญญาไทยทางวทิ ยาศาสตร์

8. แผนการวดั ผลและภาระงาน

แนวการวัดผล อตั ราส่วน คะแนนระหว่างภาค : คะแนนปลายภาค = ...80.... : ....20.....

อัตราส่วน คะแนน K : P : A = ....40... : ...60... : ............

แผนการวัดผล

การประเมนิ คะแนน วธิ ีวัด ชนดิ ของเครอื่ งมอื ตัวช้ีวัด/ผล เวลาทใ่ี ช้
การเรียนรู้ข้อที่ (นาที/คร้งั )

ก่อนกลางภาค 30 1.สืบคน้ ข้อมูล ชดุ กิจกรรม 1-4 50 นาที/ครง้ั

2.อภปิ รายกลมุ่ วทิ ยาศาสตร์

กลางภาค 20 สอบ แบบประเมนิ ทักษะ 1-4 60 นาท/ี ครั้ง

การจดั การความรู้

หลังกลางภาค 30 1.สืบคน้ ข้อมูล ชดุ กิจกรรม 5-6 50 นาท/ี ครง้ั

2.อภปิ รายกลมุ่ วทิ ยาศาสตร์

คุณลกั ษณะ / - - - - ตลอด
จิตพิสยั ภาคเรยี น 8

ปลายภาค 20 สอบ 1.แบบทดสอบความรู้ 5-6 60 นาที/ครั้ง

ความคดิ ทาง

วิทยาศาสตร์

2.แบบสอบถามคา่ นยิ ม

ตอ่ ภมู ิปญั ญาไทยทาง

วิทยาศาสตร์

รวม 100 คะแนน

การกำหนดภาระงานนักเรียน

ในการเรยี นรายวิชา..วทิ ยาศาสตร์สรา้ งสรรค.์ .1..ได้กำหนดใหน้ กั เรียนทำกจิ กรรม/ ปฏบิ ัติงาน

(ช้ินงาน)….8....ชนิ้ ดังนี้

ท่ี ช่ืองาน ตัวช้ีวัด/ผลการ ประเภทงาน กำหนดส่ง
เรยี นรู้ข้อท่ี กลุ่ม เด่ยี ว วัน/เดือน/ปี

1 เกมส์อกั ษรไขว้ 1  31 ต.ค. 62

2 เกมปริศนา...คำทาย 2  7 พ.ย. 62

3 แผนผังความคิด 2-3  28 พ.ย. 62

4 กจิ กรรม ฝกึ คดิ 2-3  12 ธ.ค. 62

5 รายงานการใช้ประโยชน์จากเสน้ ใย 4  26 ธ.ค. 62

6 รายงาน สมบัตทิ างเคมบี างประการของ 4  9 ม.ค. 63

แป้ง

7 เกม..สนกุ กบั การหาคำ 5 6 ก.พ. 63

8 สรุปวธิ ีการทำขา้ วพองจากบทสมั ภาษณ์ 6  20 ก.พ. 63

ผู้ทรงภูมิปญั ญาไทย

9 นทิ รรศการพอลเิ มอร์ : ขา้ วพองภมู ิ 6 28 ก.พ. 63

ปญั ญาไทยทางวิทยาศาสตร์

หากนักเรยี นขาดสง่ งาน...3...ชิน้ หรือขาดสง่ ชน้ิ งานที่ ...9... จะไดร้ ับผลการเรยี น “ร” ในรายวชิ าน้ี

ลงช่อื ........................................ครูผสู้ อน ลงช่ือ...........................................หัวหน้ากลุ่มสาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อุทุมสกุลรัตน์..) (นายสรุ จักร์ิ แก้วมว่ ง.)

ลงชอื่ ........................................... ลงช่ือ...........................................
(.นางสาวอโนชา...อุทมุ สกลุ รัตน์..) (..นายศิวาวฒุ ิ รตั นะ..)

หวั หน้างานนิเทศ หวั หน้ากลมุ่ บรหิ ารวิชาการ

ลงชอ่ื ........................................................
(...นายจงจัด จนั ทบ...)

ผ้อู ำนวยการโรงเรียนสวุ รรณารามวทิ ยาคม

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี…………...1....................เรื่อง..........................มหศั จรรย์พอลเิ มอร์...........................................
รายวชิ า……......วทิ ยาศาสตรส์ รา้ งสรรค์……..2.......รหัสวิชา…......ว 31282..............ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท.่ี ...4.....
กลุ่มสาระการเรยี นร.ู้ ...........วิทยาศาสตร์..........ปีการศกึ ษา.... 2562.......ภาคเรียนที่..1...เวลา...8..ชัว่ โมง……
ผ้สู อน.........................นางสาวอโนชา...อทุ ุมสกุลรัตน์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรียนรู้ (รายวชิ าพืน้ ฐานมที ้งั มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชวี้ ัด
รายวิชาเพ่มิ เตมิ มเี ฉพาะมาตรฐานการเรียนรู้และผลการเรยี นรู้)

1.1 มาตรฐานการเรียนรู้
สาระเคมี
1. เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรยี งธาตุในตารางธาตุ สมบตั ิของธาตุ พันธะเคมแี ละ
สมบตั ิของสาร แกส๊ และสมบตั ขิ องแก๊ส ประเภทและสมบตั ขิ องสารประกอบอนิ ทรยี ์ และพอลิเมอร์
รวมท้ังการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์

1.2 ผลการเรยี นรู้
1. ระบปุ ระเภทของปฏกิ ิรยิ าการเกดิ พอลเิ มอรจ์ ากโครงสร้างของมอนอเมอร์หรือพอลิเมอร์
2. วเิ คราะห์ และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างโครงสรา้ งและสมบตั ขิ องพอลิเมอร์ รวมท้ัง การ
นำไปใช้ประโยชน์
3. ทดสอบ และระบปุ ระเภทของพลาสตกิ และผลิตภัณฑย์ าง รวมทัง้ การนำไปใชป้ ระโยชน์
4. อธบิ ายผลของการปรับเปลย่ี นโครงสรา้ ง และการสังเคราะห์พอลเิ มอร์ที่มีตอ่ สมบัติของพอลิ
เมอร์

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตัวช้ีวัดที่ใช้ในหน่วยการเรียนรนู้ เ้ี ขียนเปน็ แบบความเรียง)
พอลเิ มอร์ เป็นสารอินทรยี ท์ ี่มีมวลโมเลกุลสูง เกดิ จากโมเลกุลพนื้ ฐานทเ่ี รยี กวา่ มอนอเมอร์ จำนวน

มากมาเชือ่ มต่อกนั ด้วยพันธะโคเวเลนซ์ พอลิเมอรส์ ามารถสังเคราะห์ขึ้นไดโ้ ดยใช้กระบวนการสงั เคราะหพ์ อลิ
เมอร์ พอลิเมอร์ในธรรมชาติ ไดแ้ ก่ แปง้ เซลลโู ลส โปรตีน กรดนิวคลีอิก และยางพารา
3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง/สาระการเรยี นรู้เพิ่มเติม (รายวชิ าเพ่มิ เตมิ )
พอลิเมอรเ์ ปน็ สารทีม่ ีโมเลกุลขนาดใหญ่ซึ่งประกอบดว้ ยหนว่ ยย่อยทเ่ี รียกว่า มอนอเมอร์

เชื่อมตอ่ กันดว้ ยพนั ธะโคเวเลนต์ โดยมีทง้ั พอลเิ มอรธ์ รรมชาติและพอลเิ มอรส์ งั เคราะห์ ปฏิกริ ิยาการเกิดพอลิ
เมอร์ อาจเป็นปฏกิ ริ ิยาแบบควบแน่นหรอื ปฏิกิรยิ าแบบเติม ข้ึนอย่กู บั หมฟู่ ังก์ชันและโครงสร้างของมอนอเมอร์

1

พอลิเมอรม์ ีโครงสรา้ งต่างกันอาจเป็นโครงสร้าง แบบเสน้ แบบกิง่ หรอื แบบรา่ งแห ข้นึ อยู่กับชนิด

ของมอนอเมอร์และภาวะของปฏกิ ริ ิยาการเกิดพอลเิ มอร์ ซ่ึงโครงสร้างของพอลเิ มอร์ส่งผลตอ่ จดุ หลอมเหลว

ความหนาแน่น ความเปราะ ความเหนียว ความยืดหยุ่น จงึ สามารถนำไปประยกุ ต์ใช้ได้อยา่ งหลากหลาย

พอลเิ มอร์ทีใ่ ห้ความร้อนแลว้ สามารถนำกลับมา ขึ้นรูปใหมไ่ ด้ เรยี กวา่ พอลิเมอร์เทอร์มอ

พลาสติก ส่วนใหญ่มโี ครงสรา้ งแบบเสน้ และแบบก่ิงสว่ นพอลิเมอร์ท่ใี หค้ วามรอ้ นแล้วไม่อ่อนตวั จึงไมส่ ามารถ

นำกลบั มาขนึ้ รูปใหมไ่ ด้ เรียกวา่ พอลิเมอรเ์ ทอรม์ อเซต มีโครงสรา้ งแบบรา่ งแห พลาสตกิ มีทง้ั ที่เปน็ พอลเิ มอร์

เทอรม์ อพลาสติกและพอลิเมอรเ์ ทอรม์ อเซต ผลิตภณั ฑย์ างเปน็ พอลเิ มอร์เทอร์มอเซต ซงึ่ ทำใหม้ สี มบตั แิ ละการ

นำไปใชป้ ระโยชนต์ ่างกัน

การปรบั เปลีย่ นโครงสรา้ งหรือการสงั เคราะห์พอลิเมอร์ เชน่ วลั คาไนเซชนั การสังเคราะหโ์ คพอลิ

เมอร์ การสังเคราะหพ์ อลเิ มอรน์ ำไฟฟ้า เปน็ การปรบั ปรงุ คุณภาพของพอลิเมอร์ เพ่ือให้ไดผ้ ลติ ภัณฑ์ทสี่ ามารถ

นำไปใช้ประโยชนไ์ ด้อย่างเหมาะสมและหลากหลายมากข้นึ

การใชแ้ ละการกำจัดผลิตภณั ฑพ์ อลิเมอร์ อาจสง่ ผลกระทบต่อสงิ่ มีชีวติ และสิ่งแวดลอ้ ม จึงควร

ตระหนกั ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น และแนวทางแก้ไข

3.2 สาระการเรียนรทู้ อ้ งถน่ิ (ถ้าในคำอธบิ ายรายวชิ าพดู ถึงหลกั สตู รทอ้ งถิน่ ให้ใส่ลงไปด้วย

...............................................................-...........................................................................................

4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน (เลอื กเฉพาะขอ้ ที่เกิดในหน่วยการเรยี นรูน้ ้)ี

 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร  2. ความสามารถในการคิด

 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา  4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ

 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (เลือกเฉพาะข้อท่ีเกิดในหนว่ ยการเรยี นรนู้ ี้)

 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  2. ซอ่ื สตั ยส์ ุจริต

 3. มีวนิ ัย  4. ใฝ่เรยี นรู้

 5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน

 7. รกั ความเปน็ ไทย  8. มีจติ สาธารณะ

6. ดา้ นคุณลกั ษณะของผูเ้ รยี นตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล

 1. เป็นเลิศวชิ าการ  2. สอื่ สารสองภาษา  3. ล้ำหน้าทางความคิด

 4. ผลิตงานอย่างสรา้ งสรรค์  5. รว่ มกันรับผดิ ชอบตอ่ สงั คมโลก

7. ทกั ษะของคนในศตวรรษที่ 21 คอื การเรียนรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อา่ นออก)  R2-(W) Ringting (เขยี นได)้  R3- (A) Rithmetics (คดิ เลขเป็น)

 ทกั ษะด้านการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณและทักษะในการแก้ไขปัญหา (Critical Thinking and Problem

Solving)

 ทกั ษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)

 ทักษะดา้ นความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural Understanding)

2

 ทกั ษะดา้ นความร่วมมือ การทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and

Leadership)

 ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศและรู้เท่าทันสอื่ (Communications, Information, and Media Literacy)

 ทกั ษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร (Computing and ICT

Literacy)

 ทักษะอาชีพ และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and Learning)

 ความมีเมตตา (วินัย คุณธรรม จริยธรรม (Compassion)

8. บรู ณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

1. หลกั ความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชิกในกลมุ่ ให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในหอ้ งเรียนคือ

ประมาณกลุม่ ละ 4 – 6 คน

2. หลักความมีเหตผุ ล : ให้นกั เรียนสร้างสรรค์ผลงานและเกดิ ทักษะการปฏบิ ตั ิ , การเลอื ก

ใชพ้ อลิเมอร์และการใชป้ ระโยชน์จากเส้นใยไดอ้ ยา่ ง ปลอดภัยอยา่ งคุ้มค่า

3. หลักภูมิคุ้มกนั : ให้นกั เรียนเกิดทักษะการทำงานกลุม่ และกล้าแสดงออก , รูจ้ ักปฏิบัตติ นเป็นผ้บู รโิ ภค

ผลติ ภณั ฑพ์ อลิเมอร์และการใชป้ ระโยชน์จากเส้นใยทด่ี ีเพ่อื ไมก่ ่อให้เกดิ ผลกระทบต่อสุขภาพของตนเอง

ครอบครวั และสงั คม

4. เงอ่ื นไขความรู้ : การวางแผนงานทจี่ ะทำกอ่ นแลว้ ค่อยลงมือทำอย่างระมัดระวงั , มีความรู้ความ

เขา้ ใจในการเลอื กพอลเิ มอร์และการใชป้ ระโยชน์จากเส้นใยในชีวติ ประจำวันได้ถกู ประเภท

5. เงื่อนไขคุณธรรม : อดทนทจี่ ะทำงาน และมคี วามขยนั ทจ่ี ะทำงานให้ออกมาได้ดีท่สี ดุ , มีวินยั ในการ

เลือกพอลเิ มอร์และการใชป้ ระโยชนจ์ ากเสน้ ใยในฐานะผู้อปุ โภคบรโิ ภค

9. ชิน้ งาน/ภาระงานรวบยอด

ผลการเรียนรู้ ช้ินงาน ภาระงาน

1 - แผนผังความคดิ (Mind Map) เรื่องพอ - การอภิปรายแนวทางการสนับสนุนให้

ลเิ มอร์ โรงเรียนและชุมชน มีศักยภาพในการ

บริหารจัดการด้านอาหาร โภชนาการใน

โรงเรยี นได้อย่างมีประสิทธภิ าพ

2 - กระดาษทำมอื - การวเิ คราะห์ประโยชนจ์ ากเส้นใย

- รายงานผลการการใชป้ ระโยชนจ์ าก และการนำเสนอการเลอื กการใช้

เส้นใยและการนำเสนอ ประโยชน์จากเส้นใย

- รายงานสมบัติทางเคมีบางประการ - การวิเคราะห์และอภปิ รายโครงสรา้ ง

ของแป้ง ของแปง้

- รายงานพฤติกรรมแปลกๆ ของแป้ง

3 - คำขวญั หรอื ขอ้ ความ พร้อมวาด -การอภปิ ราย เร่ือง คุณค่าของพอลิ

3

ภาพประกอบเกี่ยวกบั คณุ คา่ ของพอลิ เมอร์
เมอร์

4 - สร้างโมเดลพอลิเมอร์ -การอภิปราย ถึงจุดเด่นจุดด้อยของ
ชนิ้ งาน

10. การวัดประเมินผล

10.1การวดั และประเมินผลชิน้ งาน/ภาระงานรวบยอด

วิธกี าร

1.การสังเกตการณ์

2.การใชช้ ุดกิจกรรมวทิ ยาศาสตรร์ ่องรอยบง่ ช้ี 3.การวัดประเมนิ การปฏิบตั ิ

เครอ่ื งมือ

1. แบบสงั เกตการณ์

2. ชุดกจิ กรรมวทิ ยาศาสตร์ 3. แบบวัดประเมนิ การปฏบิ ัติ

เกณฑ์

1.การประเมินผลตามสภาพจรงิ (Rubrics)

2.การประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผา่ นตั้งแต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผ่าน ผ่าน 1

รายการถือว่า ไม่ผา่ น

10.2การวดั และประเมินผลระหว่างการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (ประเมนิ จากแผนการจัดการเรียนรขู้ อง

หนว่ ยการเรียนรนู้ ี้)

สงิ่ ทีต่ อ้ งการวดั วิธีวัดผล เครื่องมือวดั ผล เกณฑ์การประเมนิ

1. ความรู้เกย่ี วกบั -การสอบถาม ซักถาม - แบบประเมินการ - นักเรยี นไดค้ ะแนน

- ประเภทของปฏิกริ ิยาการ ความคิดเห็น อภปิ รายแสดงความ 12 คะแนนข้นึ ไป
เกดิ พอลเิ มอร์ -การตอบคำถาม คดิ เห็น หรือร้อยละ 80
-การตรวจผลงาน ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
- ประเภทของพลาสติก เสน้ นักเรยี น - แบบประเมินการ - นกั เรยี นไดค้ ะแนน
ใยและผลติ ภณั ฑ์ยาง

- คุณค่าและประโยชนข์ อง ตรวจผลงานนกั เรียน ประเมนิ ผลงาน

ผลติ ภัณฑ์จากพอลิเมอร์ 13 คะแนนขน้ึ ไป

หรอื รอ้ ยละ 80

ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์

2.ทกั ษะกระบวนการคิด และ - การอภิปรายแสดง - แบบประเมินการ -นักเรยี นได้คะแนน

ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม ความคดิ เห็น อภปิ รายแสดงความ 12 คะแนนขน้ึ ไป

4

คิดเหน็ หรือรอ้ ยละ 80 ถือวา่
ผ่านเกณฑ์
- สังเกตพฤติกรรมการ - แบบประเมนิ
- นักเรยี นไดค้ ะแนน
ทำงานกลุ่ม พฤตกิ รรมการ ประเมนิ คณุ ลักษณะ
อนั พงึ ประสงค์
ทำงานกลุม่ 26 คะแนนขึ้นไป
หรือร้อยละ 80
3. คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ - สังเกตค่านยิ มในการ - แบบประเมนิ ถือวา่ ผ่านเกณฑ์
และสมรรถนะผูเ้ รยี น - นักเรียนได้คะแนน
- วนิ ัยในการใช้ผลิตภณั ฑ์จาก ใชผ้ ลิตภณั ฑ์จากพอลิ คณุ ลักษณะอันพงึ การประเมินสมรรถนะ
พอลเิ มอร์ 29 คะแนนขึน้ ไป
- คา่ นิยมในการเลือกอุปโภค เมอรข์ องนักเรยี นจาก ประสงค์ หรอื รอ้ ยละ 80
บรโิ ภคขา้ วของเครื่องใช้จาก ถือว่าผ่านเกณฑ์
ผลติ ภัณฑ์จากพอลิเมอร์ทเ่ี ปน็ การอภปิ ราย แสดง - แบบประเมิน
ประโยชน์ ปลอดภัย และค้มุ ค่า
ความคิดเหน็ และ สมรรถนะนักเรียน

พฤติกรรมในชวี ติ

ประจำวนั ของนกั เรียน

11. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ช่ัวโมงที่ 1 (สัปดาห์ที่ 1)
1. ข้ันตง้ั ประเดน็ ปัญหา/สมมตฐิ าน (Hypothesis Formulation)
1.1 ครแู จ้งเปา้ หมายการเรียนร้ใู ห้นกั เรยี นทราบว่า ในหนว่ ยการเรยี นรนู้ ้ีนกั เรยี นจะไดใ้ ชก้ ระบวนการ

กลุ่มในการเรียนเร่อื งพอลิเมอร์
1.2 ครูชวนผู้เรียนสนทนาเกีย่ วกบั ความหมายและชนิดของพอลเิ มอร์
1.3 ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั ตงั้ ประเด็นคำถามเกยี่ วกับ การใช้ผลติ ภัณฑ์จากพอลิเมอร์
1.4 ครนู ำอุปกรณเ์ ครื่องใชต้ ่าง ๆ ทที่ ำจากยางธรรมชาติ ยางสงั เคราะห์ มาใหน้ ักเรียนดู แลว้ นักเรยี น

ทงั้ หมดร่วมกันอภปิ รายถึงสว่ นประกอบ สมบตั ิ และกระบวนการผลิต ของสารเหล่าน้ี รวมทั้งผลกระทบตอ่
ส่งิ แวดลอ้ ม

ชั่วโมงที่ 2-3 (สัปดาห์ท่ี 2-3)
2. ขน้ั สบื ค้นความรู้ (Searching for Information)
2.1 ครูให้นักเรียนรว่ มกนั ศึกษาตัวอยา่ งชือ่ และโครงสรา้ งมอนอเมอร์ตามรายละเอยี ดในชุดกิจกรรม
2.2 แบ่งกลุ่มนกั เรยี น กลุ่มละ 5-6 คน รว่ มกนั เกมปรศิ นา...คำท้าทาย แล้วนำคำทีค่ ้นพบมาเขยี น
ความสมั พันธโ์ ดยใช้แผนผงั ความคิด

5

2.4 นักเรยี นทำการสบื คน้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั โครงสรา้ งและสมบตั ขิ องพอลิเมอร์เพม่ิ เตมิ จากรายละเอียดใน
ชดุ กจิ กรรม

ชั่วโมงท่ี 4-5 (สัปดาห์ท่ี 4-5)
3. ขนั้ สรปุ องคค์ วามรู้ (Knowledge Formation)
3.1 นักเรยี นร่วมกนั ทำกจิ กรรมท่ี 1.1 การใช้ประโยชน์จากเส้นใย สรปุ ถึงเทคนคิ วธิ กี ารทำกระดาษจาก

เสน้ ใย
3.2 นักเรียนระดมสมองแลว้ นำกระดาษที่ได้จากกิจกรรม 1.1 ผลิตช้ินงาน 1 ช้ิน
ชว่ั โมงที่ 6-8 (สปั ดาห์ที่ 6-8)
4. ข้ันการสอื่ สารและนำเสนอ (Effective Communication)
4.1 นักเรยี นแต่ละกล่มุ ทำกิจกรรมการเรยี นรู้ ตามรปู แบบ วิธีการและข้นั ตอนทก่ี ำหนดในชุดกจิ กรรม

กิจกรรมท่ี 1.2 เรื่องสมบตั ทิ างเคมบี างประการของแปง้ กิจกรรมท่ี 1.3 พฤตกิ รรมแปลกๆ ของแปง้
4.2 นักเรยี นนำเสนอรายงาน และรว่ มกนั อภิปรายเพ่ือใหไ้ ดข้ อ้ สรุป
5. ขัน้ การบริการสงั คมและสาธารณะ (Public Service)
5.1 นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ สบื คน้ ข้อมลู เก่ียวกบั พอลิเมอรจ์ ากแหลง่ เรียนรู้จากแหล่งเรยี นรูต้ ่าง ๆ อยา่ งน้อย

3 แหลง่ แล้วสรุปเป็นข้อมูลของกลุ่มร่วมกนั ออกแบบโมเดลพอลิเมอร์นำเสนอผลงานหน้าชน้ั เรยี นกลมุ่ ละ 5 –

10 นาที โดยอธิบายองคป์ ระกอบโมเดลพอลิเมอร์ทปี่ ระดิษฐ์ขึน้

5.2 รว่ มกนั จดั นิทรรศการคำขวญั หรอื ขอ้ ความ พร้อมวาดภาพประกอบเก่ยี วกบั คุณค่าของพอลิเมอร์

12. สอ่ื การเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้

12.1สอ่ื การเรียนรู้

ชุดกจิ กรรมวิทยาศาสตร์เทคนิคแอทลาสเพ่ือส่งเสริมศักยภาพชุมชนแหง่ การเรยี นรู้ชุดท่ี 2

12.2แหลง่ เรยี นรู้

1) อนิ เตอร์เนต็ 2) ห้องสมดุ

13. บันทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้

ผลการสอน รายละเอยี ด

1. ด้านความรู้ : ......................................................................................

- ประเภทของปฏกิ ิริยาการ ......................................................................................

เกิดพอลิเมอร์ ......................................................................................

- ประเภทของพลาสตกิ เส้นใยและ ......................................................................................

ผลติ ภัณฑย์ าง ......................................................................................

- คณุ ค่าและประโยชนข์ อง ผลิตภัณฑ์

6

จากพอลิเมอร์

2. ดา้ นกระบวนการ : ......................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการคิด ......................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการกลมุ่ ......................................................................................

......................................................................................

......................................................................................

3. ดา้ นคณุ ธรรมจรยิ ธรรมและค่านยิ ม ......................................................................................

อันพงึ ประสงค์ : ......................................................................................

- มีวินยั ......................................................................................

- ใฝ่เรียนรู้ ......................................................................................

- อยู่อย่างพอเพียง ......................................................................................

- รกั ความเป็นไทย ......................................................................................

......................................................................................

......................................................................................

......................................................................................

4. ปญั หาการสอน

....................................................................... ......................................................................................

....................................................................... ......................................................................................

5. วิธีแกป้ ญั หา

....................................................................... ......................................................................................

....................................................................... ......................................................................................

ลงชื่อ........................................ครผู สู้ อน ลงช่อื ...........................................หวั หนา้ กลุม่ สาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อุทมุ สกลุ รตั น.์ .) (นายสุรจกั ริ์ แก้วม่วง.)

ลงชอื่ ........................................... ลงช่ือ...........................................
(.นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกลุ รัตน.์ .) (..นายศิวาวุฒิ รตั นะ..)

หวั หน้างานนเิ ทศ หวั หน้ากลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ

ลงชอื่ ........................................................
(...นายจงจดั จันทบ...)

ผ้อู ำนวยการโรงเรียนสุวรรณารามวิทยาคม

7

แบบประเมนิ การอภิปรายแสดงความคดิ เห็น
วิชา .......................................................................................................... ชั้น ………………………………
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ..............................กิจกรรม ……………………………………………………………………….…

คำชีแ้ จง : ให้ประเมินจากการสังเกตการรว่ มอภิปรายในระหวา่ งเรยี น และการปฏิบตั กิ ิจกรรมกลมุ่

โดยให้ระดับคะแนนลงในตารางที่ตรงกบั พฤตกิ รรมของผเู้ รยี น

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ตอ้ งปรบั ปรุง

รวม สรปุ ผลการ

รายการประเมนิ 15 ประเมิน
คะแน

เลขท่ี ชือ่ -นามสกุล น

การแสดงความ คะแนน ผา่ น ไม่
ิคดเ ็หน ทท่ี ำได้ ผา่ น
ยอมรับ ัฟงความ
ิคดเ ็หนของ ู้ผ ่ือน
ตรงประเ ็ดน
สมเห ุตสมผล
มีความเ ื่ชอมั่นใน
การแสดงออก

ลงช่ือ ................................................................................. ผู้ประเมิน
เกณฑก์ ารประเมนิ : นกั เรียนได้คะแนน 12 คะแนนข้ึนไป ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์

8

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

คำช้ีแจง : ใหส้ ังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งทีต่ รง
กบั ระดบั คะแนน

คุณลักษณะอนั พงึ รายการที่ประเมิน ระดบั คะแนน
ประสงคด์ า้ น 321

3.1 ตรงตอ่ เวลา

1. มีวนิ ยั 3.2 ปฏบิ ตั ิงานเรยี บร้อยเหมาะสม

3.3 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง

4.1 กระตือรอื รน้ ในการแสวงหาขอ้ มูล

2. ใฝ่เรียนรู้ 4.2 มีการจดบันทกึ ความรูอ้ ยา่ งเปน็ ระบบ

4.3 สรปุ ความร้ไู ดอ้ ย่างมเี หตุผล

5.1 ใช้วสั ดุ สิง่ ของ เครื่องใช้ อย่างประหยดั

3. อยู่อย่างพอเพยี ง 5.2 ใช้อุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณค่า

5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยัดและมีการเกบ็ ออม

7.1 มีจติ สำนกึ ในการอนรุ กั ษ์วฒั นธรรมและภมู ิปัญญาไทย
4. รักความเป็นไทย

7.2 เห็นคณุ ค่าและปฏิบัติตนตามวฒั นธรรมไทย

ลงชอื่ ................................................................................. ผู้ประเมิน
/ /......................... ......................... .............................

เกณฑ์การให้คะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤตกิ รรมท่ีปฏบิ ัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤตกิ รรมทปี่ ฏบิ ัตชิ ัดเจนและบอ่ ยครั้ง ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏิบัตบิ างครงั้

9

แบบประเมินผลงานผ้เู รยี น

ชือ่ - นามสกุล .................................................................................. ชั้น …………………........
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ................................ กจิ กรรม ……………….………………......................

คำช้ีแจง: ให้ผปู้ ระเมนิ ขีด ✓ ลงในช่องท่ตี รงกับระดับคะแนน

ประเดน็ ที่ประเมิน ผู้ประเมิน

ตนเอง เพื่อน ครู

432143214321

1. ตรงจดุ ประสงค์ท่กี ำหนด

2. มีความถกู ตอ้ งสมบูรณ์

3. มคี วามคดิ สร้างสรรค์

4. มีความเป็นระเบียบ

รวม
รวมทุกรายการ

เฉล่ีย

ผู้ประเมนิ (ตนเอง)........................................................... ผ้ปู ระเมิน .......................................................... (เพ่อื น)

ผปู้ ระเมนิ ................................................................ (คร)ู

10

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนผลงาน

ประเด็นท่ีประเมนิ คะแนน

1. ผลงานตรงกบั 4 3 2 1
จุดประสงค์ท่ีกำหนด
ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานไม่
2. ผลงานมคี วามถูกต้อง กบั จดุ ประสงค์ กบั จดุ ประสงค์ กับจุดประสงค์ สอดคลอ้ งกบั
สมบูรณ์ ทกุ ประเด็น เปน็ สว่ นใหญ่ บางประเด็น จดุ ประสงค์
เนอื้ หาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เนอื้ หาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ
3. ผลงานมคี วามคิด ผลงานถูกตอ้ ง ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ตอ้ งเป็น ผลงานไม่ถูกตอ้ ง
สร้างสรรค์ ครบถว้ น เปน็ สว่ นใหญ่ บางประเดน็ เป็นสว่ นใหญ่
ผลงานแสดงออก ผลงานมีแนวคดิ ผลงานมีความ ผลงานไม่แสดง
4. ผลงานมคี วามเปน็ ถึงความคิด แปลกใหมแ่ ตย่ งั นา่ สนใจ แตย่ งั ไม่ แนวคดิ ใหม่
ระเบยี บ สรา้ งสรรค์ ไมเ่ ปน็ ระบบ มแี นวคิดแปลก
แปลกใหม่ ใหม่ ผลงานส่วนใหญ่
และเป็นระบบ ผลงานสว่ นใหญม่ ี ไม่เป็นระเบยี บ
ผลงานมคี วามเปน็ ความเปน็ ผลงานมีความ และมขี ้อ
ระเบียบแสดงออก ระเบยี บแตย่ ังมี เปน็ ระเบยี บแตม่ ี บกพร่องมาก
ถงึ ความประณีต ข้อบกพร่อง ข้อบกพรอ่ ง
เลก็ น้อย บางส่วน

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

นกั เรียนได้คะแนน 13 คะแนนขึ้นไป หรือรอ้ ยละ 80 ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์

11

แบบประเมินพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ

กลมุ่ ..........................................................................................................

สมาชิกในกล่มุ 1. 2....................................................................... ......................................................................

3. 4....................................................................... ......................................................................

5. 6....................................................................... ......................................................................

คำช้แี จง: ใหน้ ักเรยี นทำเครือ่ งหมาย ✓ ในชอ่ งที่ตรงกบั ความเปน็ จริง

พฤตกิ รรมที่สังเกต คะแนน 1
32

1. มสี ว่ นร่วมในการแสดงความคิดเห็น

2. มีความกระตือรอื รน้ ในการทำงาน
3. รบั ผิดชอบในงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย
4. มีข้ันตอนในการทำงานอย่างเป็นระบบ
5. ใช้เวลาในการทำงานอยา่ งเหมาะสม

รวม

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

พฤติกรรมท่ีทำเปน็ ประจำ ให้ 3 คะแนน
พฤตกิ รรมท่ีทำเปน็ บางครงั้ ให้ 2 คะแนน
พฤตกิ รรมทีท่ ำนอ้ ยคร้งั ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารให้คะแนน

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
13-15 ดี
8-12 ปานกลาง
5-7 ปรบั ปรงุ

12

แบบประเมินสมรรถนะผูเ้ รยี น 5 ด้าน

คำชี้แจง : ใหส้ ังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งทต่ี รง
กบั ระดบั คะแนน

สมรรถนะทีป่ ระเมนิ ระดับคะแนน
321
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
1.1 มีความสามารถในการรบั – ส่งสาร
1.2 มีความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจของตนเอง
โดยใชภ้ าษาอย่างเหมาะสม
1.3 ใชว้ ธิ กี ารสื่อสารท่เี หมาะสม

2. ความสามารถในการคิด
2.1 มคี วามสามารถในการคดิ วิเคราะห์ เพอ่ื การสรา้ งองค์ความรู้
2.2 มคี วามสามารถในการคิดเปน็ ระบบ เพื่อการสร้างองคค์ วามรู้

3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
3.1 แก้ปัญหาโดยใช้เหตุผล
3.2 แสวงหาความรู้มาใชใ้ นการแกป้ ัญหา
3.3 ตดั สนิ ใจโดยคำนงึ ถึงผลกระทบตอ่ ตนเองและผู้อื่น

4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
4.1 ทำงานและอยู่รว่ มกับผู้อ่นื ด้วยความสัมพนั ธ์อันดี
4.2 มีวิธแี กไ้ ขความขัดแยง้ อยา่ งเหมาะสม

5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5.1 เลอื กใช้ขอ้ มูลในการพัฒนาตนเองอย่างเหมาะสม
5.2 เลือกใช้ขอ้ มูลในการทำงานและอยู่รว่ มกบั ผู้อ่ืนอย่างเหมาะสม

ลงชอื่ ................................................................................. ผปู้ ระเมิน
/ /........................ ......................... .............................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ตั ิชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิชัดเจนและบ่อยครัง้ ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ตั ิบางคร้ัง

13

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2
หน่วยการเรียนรู้ที่…………...2....................เรอื่ ง..........................ขา้ วพอง : ภูมิปญั ญาไทย............................
รายวิชา……......วิทยาศาสตรส์ ร้างสรรค์……..2.......รหัสวิชา…......ว 31282..............ชั้นมัธยมศึกษาปีที่....4.....
กลมุ่ สาระการเรียนรู้............วทิ ยาศาสตร์..........ปีการศึกษา.... 2562.......ภาคเรียนที่..2...เวลา...12...ชัว่ โมง……
ผูส้ อน.........................นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกุลรตั น์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั /ผลการเรยี นรู้ (รายวชิ าพนื้ ฐานมที ั้งมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชว้ี ดั
รายวชิ าเพิ่มเตมิ มีเฉพาะมาตรฐานการเรยี นร้แู ละผลการเรยี นร)ู้

1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ (รายวิชาพืน้ ฐานมีทัง้ มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวัด
รายวชิ าเพมิ่ เติมมเี ฉพาะมาตรฐานการเรยี นรู้และผลการเรียนรู้)

1.1 มาตรฐานการเรียนรู้
สาระเคมี
1. เขา้ ใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตใุ นตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมีและสมบัติของ

สาร แกส๊ และสมบัตขิ องแกส๊ ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรยี ์ และพอลิเมอร์
รวมทัง้ การนำความร้ไู ปใช้ประโยชน์
1.2 ผลการเรยี นรู้
5. สืบคน้ ข้อมลู และนำเสนอตัวอยา่ งผลกระทบจากการใชแ้ ละการกำจัดผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์และ

แนวทางแกไ้ ข
6. วเิ คราะห์แนวคิดหลักของเทคโนโลยี ความสัมพนั ธ์กับศาสตร์อื่น โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรอื

คณิตศาสตร์ รวมทงั้ ประเมนิ ผลกระทบที่จะเกิดข้ึนต่อมนษุ ย์ สงั คม เศรษฐกิจ และสง่ิ แวดล้อม เพื่อเป็น
แนวทางในการพฒั นาเทคโนโลยีชุมชน

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตัวช้ีวัดทีใ่ ช้ในหน่วยการเรยี นร้นู ี้เขียนเป็นแบบความเรยี ง)
ชุมชนไทยนิยมนำขา้ วมาแปรรูปเปน็ ผลิตภัณฑม์ ากมาย ไมว่ ่าจะเป็นอาหารคาว และขนมต่างๆ

บรรพบุรษุ ไดส้ ะสมองคค์ วามรู้ และสืบทอดการทำอาหารและขนมตา่ งๆ จากขา้ วมากมาย เชน่ การทำข้าวพอง
การทำขา้ วพอง ซง่ึ เป็นขนมไทยท่มี มี า ตั้งแตโ่ บรานอกจากมีความรู้เพมิ่ ขึ้นยังเป็นการอนุรกั ษภ์ มู ปิ ัญญาไทยไว้
ดว้ ยและการทำขนมนางเล็ดเป็นสอ่ื กลางเพ่ือให้ทุกคนเกิดความตระหนกั ไดว้ ่าการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ไม่
จำเป็นตอ้ งอยู่ในหอ้ งเรียนเสมอไปแตว่ ิทยาศาสตร์อยูใ่ นชีวิตประจำวันของคนเราทกุ คนและทุกเวลา

การนำหลักของเทคโนโลยี มาสมั พันธ์กบั ศาสตร์อื่น โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ รวมท้ัง
ประเมนิ ผลกระทบทจ่ี ะเกิดข้นึ ต่อมนษุ ย์ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดลอ้ ม เพ่ือเปน็ แนวทางในการพัฒนา
เทคโนโลยีชมุ ชน

14

3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรียนร้แู กนกลาง/สาระการเรียนร้เู พม่ิ เตมิ (รายวชิ าเพิม่ เติม)

การพัฒนาชุมชนต้องเรม่ิ จากการพฒั นาคน คอื ให้คนในชมุ ชนมคี วามรู้โดยจัดการเรยี นรใู้ ห้คนใน

ชุมชนมีความรทู้ ่ีสอดคล้องกบั วถิ ีการดำเนนิ ชีวิตของบุคคล สมั พนั ธก์ บั ปัจจัยต่างๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การดำเนนิ

ชวี ิต เพื่อมุ่งพฒั นาคนอย่างเต็มศักยภาพใหม้ คี วามรู้ ทักษะ และประสบการณ์อยา่ งเพียงพอต่อการดำรงชวี ิต

3.2 สาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่ิน (ถา้ ในคำอธิบายรายวชิ าพูดถงึ หลักสูตรท้องถิน่ ให้ใส่ลงไปด้วย

...............................................................-...........................................................................................

4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น (เลอื กเฉพาะขอ้ ท่ีเกิดในหน่วยการเรียนร้นู )ี้

 1. ความสามารถในการส่อื สาร  2. ความสามารถในการคดิ

 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา  4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต

 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เลอื กเฉพาะข้อทเี่ กิดในหน่วยการเรยี นรนู้ ้ี)

 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  2. ซอื่ สัตย์สจุ รติ

 3. มีวินยั  4. ใฝเ่ รียนรู้

 5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มุ่งม่นั ในการทำงาน

 7. รกั ความเป็นไทย  8. มีจิตสาธารณะ

6. ด้านคณุ ลกั ษณะของผเู้ รยี นตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล

 1. เป็นเลิศวชิ าการ  2. สอื่ สารสองภาษา  3. ลำ้ หนา้ ทางความคิด

 4. ผลติ งานอย่างสรา้ งสรรค์  5. ร่วมกนั รับผิดชอบต่อสงั คมโลก

7. ทกั ษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คอื การเรยี นรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อา่ นออก)  R2-(W) Ringting (เขยี นได)้  R3- (A) Rithmetics (คดิ เลขเปน็ )

 ทกั ษะด้านการคดิ อย่างมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปญั หา (Critical Thinking and Problem

Solving)

 ทกั ษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)

 ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural Understanding)

 ทกั ษะดา้ นความร่วมมือ การทำงานเป็นทมี และภาวะผนู้ ำ (Collaboration, Teamwork and

Leadership)

 ทักษะด้านการสอ่ื สาร สารสนเทศและรู้เท่าทันส่ือ (Communications, Information, and Media Literacy)

 ทักษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร (Computing and ICT

Literacy)

 ทกั ษะอาชีพ และทักษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)

 ความมีเมตตา (วินยั คุณธรรม จริยธรรม (Compassion)

15

8. บรู ณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

1. หลกั ความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชกิ ในกลุ่มใหเ้ หมาะสมกับจำนวนสมาชกิ ในห้องเรียนคือ

ประมาณกลุม่ ละ 4 – 6 คน

2. หลกั ความมีเหตผุ ล : ให้นกั เรยี นสรา้ งสรรค์ผลงานและเกิดทักษะการปฏบิ ตั ิ , สามารถพัฒนาสูตรขา้ ว

พองให้มคี ณุ ค่า แตกต่างจากแบบด้ังเดิม

3. หลักภมู คิ ้มุ กนั : ให้นกั เรยี นเกดิ ทักษะการทำงานกลุ่ม และกล้าแสดงออก , รจู้ ักปฏิบัตติ นเป็นผู้ผลติ และ

ผู้บริโภคที่ดีเพื่อไมก่ ่อให้เกิดผลกระทบตอ่ สขุ ภาพของตนเอง ครอบครัวและสงั คม

4. เง่อื นไขความรู้ : การวางแผนงานท่ีจะทำกอ่ นแล้วคอ่ ยลงมอื ทำอยา่ งระมัดระวงั , ภมู ปิ ัญญาไทย

ทางวทิ ยาศาสตรท์ ี่ชาวบ้านไดเ้ ข้าใจ และใช้ประโยชน์กันมานาน,วิเคราะหภ์ ูมปิ ัญญาในการพฒั นาขนม และ

หลักการทางวิทยาศาสตรท์ ่ีใช้

5. เงอ่ื นไขคณุ ธรรม : อดทนทจ่ี ะทำงาน และมคี วามขยนั ทจี่ ะทำงานใหอ้ อกมาไดด้ ีที่สดุ , มีวินยั ในการ

เลือกวตั ถุดิบ อปุ กรณ์ และระยะเวลา

9. ชิน้ งาน/ภาระงานรวบยอด

ผลการเรียนรู้ ชิ้นงาน ภาระงาน

5 - รายงานกิจกรรมท่ี 3 การปฏิบัติ - วิเคราะห์ภูมิปัญญาในการพัฒนาขนม

พัฒนาองค์ความรู้ บทสัมภาษณ์ผู้รู้....ครู และหลกั การทางวิทยาศาสตร์ทใี่ ช้

ภูมิปญั ญาในทอ้ งถ่นิ

6 - กิจกรรมที่ 3.1 สรปุ วิธีการทำข้าว - สรปุ ความรูท้ างวิทยาศาสตรท์ ไ่ี ด้จาก

พองจากบทสัมภาษณผ์ ู้ทรงภูมิปัญญา บทสมั ภาษณ์ผู้ทรงภูมปิ ัญญาไทย

ไทย

-กิจกรรมท่ี 3.2 ร่วมกันสรา้ งสรรค์

ผลงานพัฒนาสตู รขา้ วพอง

5 - โปสเตอร์ข้าวพองภูมิปัญญาไทยทาง - อภิปรายถึงประสบการณ์ที่ได้รับจาก

วทิ ยาศาสตร์ การลงมอื ปฏิบตั ิการขนมไทยเพือ่ ขาย

- นิทรรศการพอลิเมอร์ : ข้าวพองภูมิ

ปญั ญาไทยทางวิทยาศาสตร์

10. การวัดประเมินผล
10.1การวดั และประเมนิ ผลช้ินงาน/ภาระงานรวบยอด
วธิ กี าร
1.การสงั เกตการณ์

16

2.การใช้ชดุ กิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ร่องรอยบง่ ช้ี 3.การวัดประเมินการปฏบิ ัติ

เครอ่ื งมอื

1. แบบสังเกตการณ์

2. ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ 3. แบบวัดประเมินการปฏบิ ัติ

เกณฑ์

1.การประเมินผลตามสภาพจรงิ (Rubrics)

2.การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ผา่ นตัง้ แต่ 2 รายการ ถือว่า ผ่าน ผ่าน 1

รายการถอื ว่า ไมผ่ า่ น

10.2การวดั และประเมินผลระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (ประเมนิ จากแผนการจัดการเรียนรขู้ อง

หน่วยการเรยี นรนู้ ี้)

สิง่ ท่ีตอ้ งการวัด วธิ วี ดั ผล เคร่ืองมือวัดผล เกณฑก์ ารประเมิน

1. ความรู้เกีย่ วกับ -การสอบถาม ซักถาม - แบบประเมนิ การ - นกั เรียนได้คะแนน

- สมบัติที่แตกตา่ งกนั ของ ความคดิ เหน็ อภปิ รายแสดงความ 12 คะแนนขึ้นไป
เซลลูโลสและแปง้ -การตอบคำถาม คิดเห็น หรอื รอ้ ยละ 80

- หลักการพองตวั ของอะไมโลส -การตรวจผลงาน ถือว่าผ่านเกณฑ์

ทเี่ ป็นโครงสรา้ งในแป้ง นักเรียน - แบบประเมินการ - นักเรยี นไดค้ ะแนน

ตรวจผลงานนักเรยี น ประเมินผลงาน

13 คะแนนข้นึ ไป

หรอื ร้อยละ 80

ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์

2.ทกั ษะกระบวนการคดิ และ - การอภิปรายแสดง - แบบประเมนิ การ -นกั เรียนได้คะแนน

ทักษะกระบวนการกลมุ่ ความคิดเห็น อภปิ รายแสดงความ 12 คะแนนขนึ้ ไป

คดิ เหน็ หรือรอ้ ยละ 80 ถอื วา่

- สังเกตพฤตกิ รรมการ - แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์

ทำงานกล่มุ พฤตกิ รรมการ

ทำงานกลุ่ม

3. คณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ - สงั เกตค่านิยมในการ - แบบประเมิน - นกั เรยี นได้คะแนน

และสมรรถนะผู้เรยี น อุปโภคบรโิ ภค ของ คณุ ลกั ษณะอันพึง ประเมินคุณลักษณะ

- วนิ ัยในการใช้จา่ ย นักเรยี นจากการ ประสงค์ อันพึงประสงค์

- ค่านิยมในการเลือกวัตถุที่ อภิปราย แสดงความ - แบบประเมิน 26 คะแนนข้ึนไป

เปน็ ประโยชน์ ปลอดภยั และ คิดเหน็ และพฤติกรรม สมรรถนะผ้เู รยี น หรอื รอ้ ยละ 80

คมุ้ คา่ ในชวี ติ ประจำวนั ของ - แบบทดสอบความรู้ ถือว่าผา่ นเกณฑ์

17

- การเลอื กวัตถดุ ิบ ของไทย ผูเ้ รียน ความคิดทาง - นกั เรยี นไดค้ ะแนน
หรือส่ิงทมี่ อี ยูใ่ นชุมชนมี วทิ ยาศาสตร์ การประเมินสมรรถนะ
ความภมู ิใจตอ่ ภูมิปัญญาท้องถิน่ - แบบสอบถาม 29 คะแนนขนึ้ ไป
ของตนเอง ค่านยิ มต่อภูมปิ ญั ญา หรอื รอ้ ยละ 80
ไทยทางวทิ ยาศาสตร์ ถือวา่ ผ่านเกณฑ์

11. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ชว่ั โมงที่ 1 (สัปดาห์ที่ 8)
1. ขัน้ ตั้งประเด็นปญั หา/สมมตฐิ าน (Hypothesis Formulation)
1.1 ครูกระตุ้นให้นักเรียนสนใจดว้ ยการนำขนมขา้ วพองซง่ึ เปน็ ขนมท่ไี ด้จากการนำข้าวเหนียวนงึ่ ตากแหง้

มาทอดให้เหลืองแล้วโรยด้วยน้ำตาลเคีย่ วมาให้นักเรยี นดู และแบง่ กันชิม
1.2 ครูชวนผ้เู รยี นสนทนาเกี่ยวกับวิธีการทำขา้ วพอง ที่นำความร้แู ละวิธกี ารทางภูมิปัญญาทเี่ ก่ยี วข้อง

กบั หลักการทางวิทยาศาสตร์
1.3 ครตู งั้ คำถามให้นกั เรียนคิดว่าการนึง่ ขา้ วเหนยี วกับการตากขา้ วเหนียวมกี ารถ่ายโอนความรอ้ น

เหมอื นกันหรอื ไม่ อย่างไร

ช่ัวโมงท่ี 2-3 (สปั ดาห์ท่ี 9-10)
2. ขน้ั สบื ค้นความรู้ (Searching for Information)
2.1 ครูใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั ทำกจิ กรรมที่ 3 การปฏิบตั ิ พฒั นาองค์ความรู้จากบทสัมภาษณผ์ ูร้ ้.ู ...ครภู มู ิ
ปัญญาในท้องถ่นิ ตามรายละเอียดในชดุ กจิ กรรม
2.2 ครกู ับนักเรียนสนทนาและแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกบั ภูมปิ ญั ญาขนมข้าวพองเพ่ือสรุปวิธกี ารทำข้าว
พองจากบทสัมภาษณ์ผู้ทรงภูมิปญั ญาไทย
2.3 แบ่งกลุ่มนักเรียน กลมุ่ ละ 5-6 คน อธิบายหลักการทางวิทยาศาสตรท์ ใ่ี ช้ในการทำขนมขา้ วพอง
เพอื่ ใหไ้ ด้คำตอบดังน้ี

- การทำ ขนมข้าวพอง ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์อยา่ งไร

ชว่ั โมงที่ 4-5 (สัปดาห์ท่ี 11-12)
3. ข้นั สรปุ องค์ความรู้ (Knowledge Formation)
3.1 ครูและนักเรียนรว่ มกันสรปุ ถงึ เทคนิควธิ กี ารทำขนมไทยทีถ่ กู ตอ้ ง ปลอดภัย พร้อมทัง้ เน้นย้ำให้
นกั เรียนนำไปปฏิบัตใิ นชวี ติ ประจำวัน โดยชีใ้ หเ้ ห็นถงึ คณุ คา่ และประโยชน์ของการรเู้ ทา่ ทันการเลือกวัตถุดิบท่ี
จะเกดิ กบั ตัวนักเรยี น ครอบครวั และสงั คมส่วนรวม

3.2 นักเรยี นระดมสมองสืบคน้ ข้อมลู เพ่มิ เติมเกยี่ วกบั เร่อื งขา้ วพองแล้วนำขอ้ มูลท่ไี ดม้ าพฒั นา

สตู รขา้ วพองของกลุ่มนักเรยี นใหม้ คี ุณคา่ แตกต่างจากแบบดัง้ เดิม

18

ชั่วโมงท่ี 6-8 (สัปดาห์ที่ 13-15)
4. ข้นั การสือ่ สารและนำเสนอ (Effective Communication)
4.1 นกั เรียนแต่ละกลุ่มวางแผนปฏบิ ตั กิ ารพัฒนาขนมข้าว ดงั นี้

▪ สตู รขา้ วพองทพ่ี ฒั นา
▪ วัสดุ อปุ กรณ์
▪ วเิ คราะห์สาระสำคัญทางวทิ ยาศาสตร์
4.2 นกั เรยี นนำขนมขา้ วพองจดั ใส่ภาชนะ พร้อมตกแต่งภาชนะใส่ขนมตามความคดิ สร้างสรรค์ของ
นักเรยี นแลว้ บนั ทึกภาพ
4.3 นำเสนอหน้าชัน้ เรียน ให้คุณครู เพื่อนลองชิม แลว้ เขยี นคำนยิ ม
4.4 นักเรียนแต่ละกลุม่ เขียนขอ้ ความแสดงความภาคภมู ิใจในการทำ

ชัว่ โมงที่ 9-11 (สัปดาห์ที่ 16-18)
5. ข้นั การบรกิ ารสังคมและสาธารณะ (Public Service)
5.1 ใหน้ กั เรยี นจดั ทำโปสเตอร์ ขนาด 80 X 100 ซม ประชาสมั พนั ธส์ ูตรการขา้ วพอง และนำโปสเตอร์
ไปประชาสมั พันธน์ ทิ รรศพอลเิ มอร์ : ขา้ วพองภูมิปัญญาไทยทางวทิ ยาศาสตร์
5.2 นักเรยี นรว่ มกันรว่ มกันจัดคูหานิทรรศการมโี ตะ๊ สาธติ การทำขา้ วพองสตู รใหม่ และภายในคูหามี
สาระสำคัญดังนี้

1. สาเหตุ หรอื แนวคิดในการเลือกทำข้าวพองสูตรใหม่
2. แนวทางการพัฒนาผลิตภณั ฑ์ของกลมุ่ แตกต่างจากแบบดั้งเดิมอย่างไรบ้าง
3. วธิ ีการทำ
4 ความรู้ทางวิทยาศาสตรท์ นี่ กั เรยี นเรียนรู้จากการทำขา้ วพอง
5. ปญั หาอุปสรรคท่ีเกดิ ขึ้นและมี แนวทางการแก้ไข อยา่ งไร

12. สอื่ การเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้
12.1 ส่ือการเรียนรู้
ชดุ กิจกรรมวิทยาศาสตร์เทคนคิ แอทลาสเพอ่ื ส่งเสริมศกั ยภาพชมุ ชนแห่งการเรยี นรู้ชุดท2ี่

12.2แหล่งเรยี นรู้
1) อินเตอร์เน็ต
2) หอ้ งสมดุ

13. บนั ทกึ หลังการจัดการเรียนรู้

19

ผลการสอน รายละเอยี ด

1. ด้านความรู้ : ......................................................................................

- สมบัติทแ่ี ตกตา่ งกันของ ......................................................................................
เซลลูโลสและแป้ง ......................................................................................

- หลกั การพองตวั ของอะไมโลส ......................................................................................

ท่เี ป็นโครงสรา้ งในแป้ง ......................................................................................

2. ดา้ นกระบวนการ : ......................................................................................

- ทักษะกระบวนการคิด ......................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการกลมุ่ ......................................................................................

......................................................................................

......................................................................................

3. ดา้ นคณุ ธรรมจริยธรรมและคา่ นยิ ม ......................................................................................

อันพงึ ประสงค์ : ......................................................................................

- มีวนิ ัย ......................................................................................

- ใฝ่เรียนรู้ ......................................................................................

- อยู่อย่างพอเพียง ......................................................................................

- รกั ความเปน็ ไทย ......................................................................................

......................................................................................

......................................................................................

......................................................................................

4. ปัญหาการสอน

....................................................................... ......................................................................................

....................................................................... ......................................................................................

....................................................................... ......................................................................................

5. วธิ ีแก้ปัญหา
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................

20

ลงช่ือ........................................ครผู ู้สอน ลงชือ่ ...........................................หวั หน้ากลมุ่ สาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกลุ รัตน.์ .) (นายสุรจกั ร์ิ แก้วม่วง.)

ลงช่อื ........................................... ลงชื่อ...........................................
(.นางสาวอโนชา...อทุ ุมสกุลรัตน์..) (..นายศวิ าวฒุ ิ รตั นะ..)

หวั หน้างานนิเทศ หัวหน้ากล่มุ บริหารวชิ าการ

ลงช่ือ ........................................................
(...นายจงจัด จนั ทบ...)

ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นสุวรรณารามวทิ ยาคม

21

แบบประเมินการอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็
วิชา .......................................................................................................... ชั้น ………………………………
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ..............................กจิ กรรม ……………………………………………………………………….…

คำชีแ้ จง : ใหป้ ระเมินจากการสังเกตการรว่ มอภิปรายในระหว่างเรยี น และการปฏิบตั กิ ิจกรรมกลุม่

โดยให้ระดบั คะแนนลงในตารางท่ีตรงกับพฤตกิ รรมของผูเ้ รยี น

เกณฑ์การใหค้ ะแนน 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ตอ้ งปรับปรุง

รวม สรปุ ผลการ

รายการประเมนิ 15 ประเมนิ
คะแน

เลขที่ ชือ่ -นามสกลุ น

การแสดงความ คะแนน ผ่าน ไม่
ิคดเ ็หน ทที่ ำได้ ผา่ น
ยอมรับ ัฟงความ
ิคดเ ็หนของ ู้ผ ่ือน
ตรงประเ ็ดน
สมเห ุตสมผล
มีความเ ื่ชอมั่นใน
การแสดงออก

ลงชื่อ ................................................................................. ผู้ประเมิน
เกณฑก์ ารประเมนิ : นักเรยี นไดค้ ะแนน 12 คะแนนข้ึนไป ถือว่าผา่ นเกณฑ์

22

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

คำชแ้ี จง : ใหส้ ังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ งทีต่ รง
กับระดับคะแนน

คุณลักษณะอันพงึ รายการทปี่ ระเมิน ระดบั คะแนน
ประสงคด์ า้ น 321

3.1 ตรงต่อเวลา

1. มวี ินัย 3.2 ปฏบิ ตั งิ านเรียบร้อยเหมาะสม

3.3 ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง

4.1 กระตือรอื ร้นในการแสวงหาข้อมลู

2. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.2 มีการจดบันทกึ ความรอู้ ยา่ งเปน็ ระบบ

4.3 สรปุ ความรู้ได้อย่างมีเหตุผล

5.1 ใชว้ สั ดุ สิ่งของ เคร่ืองใช้ อยา่ งประหยดั

3. อย่อู ย่างพอเพียง 5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรยี นอย่างประหยัดและรคู้ ณุ ค่า

5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยัดและมกี ารเกบ็ ออม

7.1 มจี ิตสำนกึ ในการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและภูมิปญั ญาไทย
4. รกั ความเป็นไทย

7.2 เหน็ คุณค่าและปฏิบัติตนตามวฒั นธรรมไทย

ลงชือ่ ................................................................................. ผู้ประเมิน
/ /......................... ......................... .............................

เกณฑ์การให้คะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยคร้ัง ให้ 1 คะแนน
- พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบัตบิ างคร้ัง

23

แบบประเมินผลงานผ้เู รยี น

ชือ่ - นามสกุล .................................................................................. ชั้น …………………........
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ................................ กจิ กรรม ……………….………………......................

คำช้ีแจง: ให้ผปู้ ระเมนิ ขีด ✓ ลงในช่องท่ตี รงกับระดับคะแนน

ประเดน็ ที่ประเมิน ผู้ประเมิน

ตนเอง เพื่อน ครู

432143214321

1. ตรงจดุ ประสงค์ท่กี ำหนด

2. มีความถกู ตอ้ งสมบูรณ์

3. มคี วามคดิ สร้างสรรค์

4. มีความเป็นระเบียบ

รวม
รวมทุกรายการ

เฉล่ีย

ผู้ประเมนิ (ตนเอง)........................................................... ผ้ปู ระเมิน .......................................................... (เพ่อื น)

ผปู้ ระเมนิ ................................................................ (คร)ู

24

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนผลงาน

ประเด็นท่ีประเมนิ คะแนน

1. ผลงานตรงกบั 4 3 2 1
จุดประสงค์ท่ีกำหนด
ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานไม่
2. ผลงานมคี วามถูกต้อง กับจดุ ประสงค์ กบั จดุ ประสงค์ กับจุดประสงค์ สอดคลอ้ งกบั
สมบูรณ์ ทุกประเด็น เปน็ สว่ นใหญ่ บางประเด็น จดุ ประสงค์
เน้ือหาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เนอื้ หาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ
3. ผลงานมคี วามคิด ผลงานถูกตอ้ ง ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ตอ้ งเป็น ผลงานไม่ถูกตอ้ ง
สร้างสรรค์ ครบถว้ น เปน็ สว่ นใหญ่ บางประเด็น เป็นสว่ นใหญ่
ผลงานแสดงออก ผลงานมีแนวคดิ ผลงานมีความ ผลงานไม่แสดง
4. ผลงานมคี วามเปน็ ถงึ ความคิด แปลกใหมแ่ ตย่ งั นา่ สนใจ แตย่ งั ไม่ แนวคดิ ใหม่
ระเบยี บ สรา้ งสรรค์ ไมเ่ ปน็ ระบบ มแี นวคิดแปลก
แปลกใหม่ ใหม่ ผลงานส่วนใหญ่
และเป็นระบบ ผลงานสว่ นใหญม่ ี ไม่เป็นระเบยี บ
ผลงานมคี วามเปน็ ความเปน็ ผลงานมีความ และมขี ้อ
ระเบียบแสดงออก ระเบยี บแตย่ ังมี เป็นระเบยี บแตม่ ี บกพร่องมาก
ถึงความประณีต ข้อบกพร่อง ข้อบกพรอ่ ง
เลก็ น้อย บางส่วน

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

นกั เรียนได้คะแนน 13 คะแนนขนึ้ ไป หรือรอ้ ยละ 80 ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์

25

แบบประเมินพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

กลุ่ม ..........................................................................................................

สมาชิกในกล่มุ 1. 2....................................................................... ......................................................................

3. 4....................................................................... ......................................................................

5. 6....................................................................... ......................................................................

คำชแ้ี จง: ใหน้ ักเรยี นทำเครือ่ งหมาย ✓ ในชอ่ งที่ตรงกบั ความเปน็ จรงิ

พฤตกิ รรมที่สังเกต คะแนน 1
32

1. มสี ว่ นร่วมในการแสดงความคิดเหน็

2. มีความกระตือรอื รน้ ในการทำงาน
3. รบั ผิดชอบในงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย
4. มีข้ันตอนในการทำงานอย่างเป็นระบบ
5. ใช้เวลาในการทำงานอยา่ งเหมาะสม

รวม

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

พฤติกรรมท่ีทำเปน็ ประจำ ให้ 3 คะแนน
พฤตกิ รรมท่ีทำเปน็ บางครงั้ ให้ 2 คะแนน
พฤตกิ รรมทีท่ ำนอ้ ยคร้งั ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
13-15 ดี
8-12 ปานกลาง
5-7 ปรบั ปรงุ

26

แบบประเมนิ สมรรถนะผเู้ รียน 5 ด้าน

คำชแ้ี จง : ใหส้ งั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลงในช่องทต่ี รง
กบั ระดับคะแนน

สมรรถนะที่ประเมิน ระดับคะแนน
321
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
1.1 มคี วามสามารถในการรบั – สง่ สาร
1.2 มีความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจของตนเอง
โดยใชภ้ าษาอยา่ งเหมาะสม
1.3 ใช้วธิ ีการสือ่ สารที่เหมาะสม

2. ความสามารถในการคิด
2.1 มคี วามสามารถในการคิดวิเคราะห์ เพอ่ื การสร้างองคค์ วามรู้
2.2 มีความสามารถในการคดิ เปน็ ระบบ เพอ่ื การสรา้ งองคค์ วามรู้

3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
3.1 แกป้ ัญหาโดยใช้เหตุผล
3.2 แสวงหาความรมู้ าใช้ในการแก้ปญั หา
3.3 ตดั สนิ ใจโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อตนเองและผู้อ่นื

4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
4.1 ทำงานและอยู่ร่วมกบั ผู้อ่นื ดว้ ยความสัมพันธ์อันดี
4.2 มวี ธิ ีแกไ้ ขความขดั แย้งอย่างเหมาะสม

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5.1 เลือกใช้ขอ้ มูลในการพฒั นาตนเองอย่างเหมาะสม
5.2 เลอื กใช้ขอ้ มูลในการทำงานและอยู่รว่ มกับผ้อู ื่นอย่างเหมาะสม

ลงช่ือ ................................................................................. ผูป้ ระเมิน
/ /........................ ......................... .............................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั ิชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัตชิ ัดเจนและบอ่ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิบางคร้งั

27


Click to View FlipBook Version