The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือเรียน พระสุธน มโนห์รา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Grace, 2022-02-10 05:12:15

หนังสือเรียน พระสุธน มโนห์รา

หนังสือเรียน พระสุธน มโนห์รา

วรรณคดีวจิ กั ษ์หนังสือเรียน รายวชิ าพื้นฐาน ภาษาไทย
ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๒

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน

พุทธศักราช ๒๕๕๑

ผ้เู รียบเรยี ง
นางสาวสไุ มภรณ์ พลขวา สาขาวชิ าภาษาไทย วิทยาลยั การฝกึ หดั ครู ๐๓๐

หนงั สอื เรยี น รายวชิ าพน้ื ฐาน ภาษาไทย

วรรณคดวี ิจกั ษ์

ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒

กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน

พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

ผู้เรียบเรยี ง นางสาวสไุ มภรณ์ พลขวา



คานา

หนงั สอื เรยี น รายวชิ าพื้นฐาน ภาษาไทย วรรณคดวี ิจกั ษ์ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๒ นี้ เปน็ สว่ นหน่งึ ใน
รายวิชาหนังสือเรียนภาษาไทย รหัสวิชา ๑๕๔๓๕๐๘ ของนักศึกษาชั้นปีที่ ๓ ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศึกษา
๒๕๖๓ ถือเป็นแบบเรยี นจาลองมไิ ดส้ ร้างขน้ึ เพื่อนาไปใช้ในการเรียนการสอน แต่มีวัตถุประสงค์ เพื่อฝึก
ทกั ษะในการนาเนือ้ หามาส่กู ระบวนการสรา้ งส่ือการเรียนรู้ โดยเฉพาะแบบเรียนรายวิชาภาษาไทย และ
ทาความเข้าใจองคป์ ระกอบของแบบเรียนอกี ดว้ ย ซงึ่ ผจู้ ัดทาได้เลือกสร้างแบบเรียนวรรณคดี โดยเลือก
วรรณกรรมพ้ืนบ้านเรื่อง พระสุธน-มโนห์รา เพ่ือใช้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแบบเรียน อิงตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

ทั้งนี้ ผู้จดั ทาขอขอบพระคณุ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.กมลพทั ธ์ ใจเยือกเย็น อาจารยป์ ระจาวิชาที่
ได้มอบหมายงานและให้โอกาสในการศึกษาหาความรู้จากการสร้างแบบเรียน ตลอดจนชี้แนะแนวทาง
เพ่ือสร้างแบบเรยี นในคร้ังนี้

ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การสร้างแบบเรียน “หนังสือเรียน ภาษาไทย วรรณคดีวิจักษณ์
ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๒ ในคร้ังนีจ้ ะเปน็ ประโยชน์ และเป็นตัวอย่างในการสร้างแบบเรียนเพื่อวัตถุประสงค์
ดังกลา่ วใหแ้ กผ่ ู้ท่สี นใจ และนักศึกษาในรายวชิ านีต้ อ่ ไป

นางสาวสุไมภรณ์ พลขวา
๒ ตลุ าคม ๒๕๖๓

สารบญั

บทนำ
ความรเู้ บ้ืองต้นเกยี่ วกับสธุ าดก..................................................................... ๒
รูปแบบการแตง่ ............................................................................................. ๒

บทวเิ คราะห์
รปู เรอ่ื งของสธุ นชาดก.................................................................................. ๔
ความสาคัญของเร่ือง.................................................................................... ๕
เนอ้ื เรอ่ื งยอ่ ................................................................................................... ๖
การดาเนินเร่อื ง............................................................................................ ๗
สธุ นชาดก..................................................................................................... ๘
คุณค่าของวรรณกรรม ................................................................................. ๑๕
คุณคา่ ดา้ นเนื้อหา......................................................................................... ๑๕
คุณค่าดา้ นสังคม........................................................................................... ๑๗
คุณค่าด้านวรรณศิลป์................................................................................... ๑๘
คาอธบิ ายศพั ท์และขอ้ ความ........................................................................ ๒๒
ชวนคิดพินิจคณุ คา่ ........................................................................................ ๒๔
อา้ งอิง.......................................................................................................... ๒๕

สธุ นชาดก ฉบบั หอสมดุ วชริ ญาณ

บบททวเิ นครำำะห์ ๒

ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั สธุ าดก

พระสุธน-มโนห์รำ ในที่น้ีจะกล่ำวถึง สุธนชำดก ในหนังสือปัญญำสชำดก ฉบับ หอสมุดวชิรญำณ
วรรณกรรมหรือวรรณคดีพื้นบ้ำนเรื่องพระสุธน-มโนห์รำ เป็นเร่ืองรำวของมนุษย์ที่รักนำงกินรีช่ือนำงมโนห์รำ
อันเกิดจำกกำรพลัดพรำกจำกกันเมื่อชำติท่ีแล้วในเรื่องพระรถ เมรี หรือนำงสิบสอง จนก่อให้เกิดประโยค
อมตะท่วี ำ่ “ชำตนิ ้นี อ้ งตำมพี่ หำกชำตหิ นำ้ มขี อให้พตี่ ำมน้อง...” เปน็ วรรณกรรมหรือวรรณคดีพ้ืนบ้ำนที่เล่ำกัน
มำปำกต่อปำก เรียกว่ำมุขปำฐะ ก่อนที่จะมีกำรรวบรวมโดยใช้ศำสนำเป็นตัวแปรสำคัญ กลำยเป็น
นิทำนชำดก ซ่ึงหมำยถึงเรื่องรำวหรือเรื่องเล่ำทีเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้ำในอดีตชำติ ต้ังแต่สมัยพระพุทธองค์
ยังทรงเปน็ พระโพธสิ ตั ว์ ซึง่ มีดว้ ยกนั อยู่ ๒ ประเภท คอื

(๑) นิบำตชำดก เป็นเรื่องรำวท่ีเก่ียวข้องกับพระพุทธเจ้ำ ซึ่งมีในพระไตรปิฎกกว่ำ ๕๐๐ เร่ือง ซ่ึงจะแบ่ง
ออกเปน็ หมวด ๆ ตำมจำนวนคำถำ ต้ังแต่ ๑-๘๐ คำถำ ซ่งึ หำกถึง ๘๐ คำถำ จะเรยี กวำ่ มหำนิบำตชำดก ซึ่งมี
ดว้ ยกัน ๑๐ เร่ือง เรียกว่ำ ทศชำติชำดกนั่นเอง และ
(๒) ปัญญำสชำดก เป็นเรือ่ งเลำ่ ทเ่ี ลยี นแบบมำจำกนบิ ำตชำดก ซงึ่ จะกลำ่ วถงึ มำกกว่ำนบิ ำตชำดกในลำดับต่อไป

ปัญญำสชำดก เป็นวรรณกรรมทำงพระพุทธศำสนำ เกิดจำกพระเถระนักปรำชญ์แห่งล้ำนนำได้
รวบรวมเป็นนิทำนพ้ืนถ่ินท่ีแพร่หลำยในสมัยนั้น มำเรียบเรียงเป็นชำดกในช่วงระหว่ำงปี พ.ศ. ๒๐๐๐-๒๒๐๐
(สมัยกรงุ ศรีอยุธยำ ช่วงรชั สมัยสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนำถถึงสมัยสมเด็จพระนำรำยณ์มหำรำช) โดยเขียนไว้
ด้วยภำษำบำลีมีทั้งคำประพันธ์ที่เป็นร้อยแก้วและบทคำถำหรือบทร้อยกรอง แบ่งได้เป็น ๓ ประเภท ได้แก่
๑) ปฐมภำค มีท้ังหมด ๕๐ ชำดก ซ่ึงสุธนชำดก อยู่ในประเภทน้ี ๒) ปัจฉิมภำค มี ๑๑ ชำดก
และ ๓) ชำดกแทรก มี ๓ ชำดก

โครงสร้ำงของปัญญำสชำดกมีลักษณะเลียนแบบนิบำตชำดกหรืออรรถกถำชำดกที่พระสงฆ์ชำวลังกำ
ประพันธ์ไว้ ประกอบด้วย ปัจจุบันวัตถุอดีตนิทำน บทคำถำภำษิต และสโมธำนหรือประชุมชำดก
จดุ ประสงคแ์ ละเนื้อหำสำระของปัญญำสชำดก เป็นกำรพรรณนำถึงเรื่องรำวเก่ียวกับจริยวัตรของตัวละครเอก
ในเร่ือง คือ พระพุทธเจ้ำเม่ือคร้ังเสวยพระชำติเป็นพระโพธิสัตว์ซ่ึงได้มีปณิธำนมุ่งมั่นในกำรบำเพ็ญบำรมีใน
ชำติต่ำง ๆ อย่ำงม่ันคง ไม่ย่อท้อต่อควำมยำกเข็ญและอุปสรรคนำนำชนิด โดยปรำรถนำสูงสุดเพียงได้บรรลุ
พระสมั มำสัมโพธิญำณเท่ำน้ัน ซึ่งท้ำยท่ีสุดของแต่ละชำติ พระโพธิสัตว์จะสำมำรถบรรลุถึงสัมมำสัมโพธิญำณ
ดว้ ยบำรมที ถ่ี ึงพรอ้ มตำมแตล่ ะชำติ

เรือ่ งพระสุธนมโนรำหม์ ีกำรแพรห่ ลำยทำงศิลปวัฒนธรรมท่เี ห็นไดช้ ดั คือเรื่องนำฏกรรมหรือจิตรกรรม
เป็นเรื่องรำวที่สนุกสนำนและน่ำต่ืนเต้น ตั้งแต่ตอนพรำนบุญจับนำงมโนรำห์ด้วยบ่วงนำคบำศหรือตอนที่นำง
มโนรำห์บูชำยัญ ทำให้เกิดกำรแสดงแขนงต่ำง ๆ ท้ังในภำคกลำง ภำคใต้และภำคอีสำน ท้ังในด้ำนของกำร
แสดง ท้งั กำรรำ กำรเล่นละคร รวมไปถงึ ปรำกฏให้เห็นในรูปแบบศิลปะแบบอนื่ ๆ
และตำนำนท่ีเกีย่ วขอ้ ง

บทวิเครำะห์ ๓

รปู แบบการแตง่

ดำเนินเน้ือเรื่องโดยใช้สำนวนภำษำบำลี สำนวนภำษำด้วยคำว่ำ อตีเต ภิกฺขเว เป็นต้น ได้ยกเฉพำะ
ภำษำบำลมี ำเพียงประโยคสั้น ๆ นอกนัน้ จะเปน็ กำรใชส้ ำนวนภำษำไทยดำเนนิ เน้อื เร่อื งต่อไปจนจบ เชน่

“พระมหำสัตว์เจ้ำ ทอดพระเนตรสังเกตไปก็จำมโนรำห์หำได้ไม่ คิดตรึกตรองหำอุบำยจะใคร่รู้จัก
มโนรำห์ จึงคิดเห็นว่ำธรรมดำโพธิสัตว์แล้ว ย่อมใช้ควำมอธิษฐำนเป็นที่ตั้ง ก็บัดน้ีเรำจักทำอธิษฐำนบำรมีจับ
เอำกรมโนรำหเ์ ทวใี ห้จงได้ เมื่อจะทรงทำอธษิ ฐำนน้ัน จงึ ตรสั ประพนั ธ์คำถำนี้ว่ำ

ยทิ สจฺจ อห ปพุ ฺเพ สพฺพสตฺตหติ กร
ปรทำร น คจฺฉำมิ ปเู รสสฺ ำมิ มโนรถ

น กิ ฺจิ มม ทำเรสุ อำจกิ ฺขนฺตุ เม เทวตำติ
ควำมว่ำ ถ้ำหำกว่ำข้ำพเจ้ำ ได้ทำประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ไว้ และมิได้คบหำกับภรรยำคนอ่ืน
ปรทำรกรรมนิดหนง่ึ ไม่ได้มแี กข่ ้ำพเจ้ำในกำลก่อนจริงแล้วไซร้ ขอให้ข้ำพเจ้ำรู้จักมโนรำห์เทวีสมตำมปรำรถนำ
แลขอใหเ้ ทพยดำจงเอ็นดบู อกใหข้ ้ำพเจ้ำรู้จักเถิด
ครัง้ นน้ั พภิ พของท้ำวสกั กเทวรำช กแ็ สดงอำกำรรอ้ นใหป้ รำกฏ ท้ำวสหัสสนัยใคร่ครวญดูรู้เหตุนั้นแล้ว
ได้เหำะมำโดยอำกำศ เข้ำไปใกล้พระมหำบุรุษรำชแล้วตรัสว่ำ แน่ะท่ำนมหำบุรุษ ข้ำพเจ้ำจักเนรมิตเป็น
แมลงวนั ทองทำปทักษณิ ศีรษะหญงิ คนใด ทำ่ นจงรู้จักหญิงคนนั้นวำ่ เป็นภรรยำของทำ่ นเถิด พระมหำสัตว์เจ้ำได้
กำหนดจดจำถ้อยคำเทวรำชบอกดังน้ันแล้ว ก็ตรงเข้ำจับเอำมโนรำห์เทวีซึ่งท้ำวโกสีย์จำแลงเป็นแมลงวันไปจับ
ศรี ษะน้ันได้ จึงทลู วำ่ ภรรยำของข้ำพระบำทคนนพี้ ระเจ้ำขำ้ ”



บทวเิ ครำะห์

รูปเรอื่ งของสธุ นชำดก

สุธนชำดกน้ีเป็นนิทำนเร่ืองหนึ่งในหนังสือปัญญำสชำดก ซึ่งพระสงฆ์ชำวเชียงใหม่แต่งข้ึน
โดยมีเจตนำจะให้เป็นนิทำนชำดกอย่ำงเดียวกับนิทำนอรรถกถำชำดก ฉะนั้นจึงปรำกฏว่ำรูปเรื่องของ
สุธนชำดกประกอบด้วย ๓ ส่วน เช่นเดียวกับอรรถกถำชำดก คือส่วนที่เป็นกำรแสดงเร่ืองปัจจุบันเร่ือง
ในอดีต คือตัวนิทำน และกำรแสดง กำรกลับชำติในตอนจบเรื่อง เร่ืองสุธนชำดก เร่ิมต้นด้วยข้อควำม
ปรำรภเรื่องโดยกล่ำวถึงพระพุทธองค์ทรงปรำรภถึงภิกษุผู้มัวเมำในควำมใคร่ อันเป็นมูลเหตุของกำร
ตรัสเล่ำเรื่องน้ี ดังมขี อ้ ควำมเร่มิ ต้นเรือ่ งดงั นี้

กุโต นุ อำคจฺฉสิ ลุทฺธกำติ อทิ สตถฺ ำ เชตวเน วหิ รนโฺ ต เอก อกุ กฺ ณฺ ิตภกิ ข อำรพฺภ กเถสิ
สตฺถำ สมเด็จพระบรมครู เม่ือเสด็จอยู่ ณ พระเชตวันทรงพระปรำรภภิกษุผู้กระสันรูปหน่ึง
ให้เป็นมูลเหตุ ได้ตรัสเทศนำน้ี มีคำเริ่มว่ำ กุโต นุ อำคจฺฉสิ ลุทฺธก ดังนี้เป็นต้น อนุสนธิเรื่อง
ปัจจุบันนิทำนดังแจง้ ตอ่ ไปนีว้ ่ำ
จำกน้ันก็แสดงเร่ืองปัจจุบัน มีควำมว่ำ ภิกษุรูปหนึ่งไปบิณฑบำต ได้พบสตรีรูปงำมผู้หน่ึง
ก็มีจิตใจรักใครลุ่มหลง ครั้นกลับมำถึงกุฏิก็แขวนบำตรไว้ไม่ยอมฉันอำหำร เฝ้ำครุ่นคิดถึงสตรีนำงนั้น
เมื่อพระภิกษุอื่นเห็นก็ไต่ถำม ครั้นทรำบเรื่องก็พำไปทูลควำมแก่พระพุทธองค์ เม่ือพระพุทธองค์ทรง
ทรำบเร่ืองรำงท้ังหมด ก็มีพุทธดำรัสตำหนิภิกษุรูปน้ันท่ีปล่อยให้อำนำจควำมใคร่เข้ำครอบงำ แล้วมี
พระรำชดำรสั ต่อไปว่ำ แต่ก่อนก็เคยมีบุคคลประพฤติเช่นนี้ ปล่อยให้อำนำจควำมใคร่ครอบงำถึงกับไม่
ใยดีกับทรัพย์สมบัติ ทอดท้ิงบิดำมำรดำ ยอมทนทุกข์ทรมำนด้วยเห็นแก่อิสตรีมำแล้ว ภิกษุท้ังหมดได้
ยินเช่นนั้น ปรำรถนำจะรู้เรื่องรำว ก็ทูลอำรำธนำให้ทรงเล่ำ พระพุทธองค์จึงทรงเล่ำในอดีต
คอื เรื่อง พระสุธน-มโนหร์ ำ ให้ภกิ ษทุ ัง้ หลำยฟัง
โดยทช่ี ำดกต่ำง ๆ ในหนงั สือปญั ญำสชำดก เปน็ นิทำนทเ่ี กำ่ แก่ทเี่ ลำ่ กันในเมืองไทย ซึ่งพระสงฆ์
ชำวเชียงใหม่รวบรวมแต่งเป็นชำดกภำษำบำลี ฉะน้ันเร่ืองเดิมจึงน่ำจะมีเฉพำะตัวนิทำนที่เล่ำสู่กันฟัง
เท่ำนั้น คงจะไม่มีเหตุกำรณ์อันใดท่ีเป็นสำเหตุ อันทำให้ต้องเล่ำนิทำนเรื่องนั้น ๆ แต่อย่ำงใด เพรำะ
แม้แต่เรื่องรำวในตอนต้นเรื่องของชำดก ในอรรถกถำท่ีเรียกว่ำ “ปัจจุบันวัตถุ” ซึ่งเป็นกำรเล่ำเรื่อง
เหตุกำรณ์ที่เป็นสำเหตุของกำรเล่ำเร่ืองในอดีตเองก็ตำม ก็น่ำจะเป็นรูปแบบในกำรแต่งชำดกในอรรถ
กถำของท่ำนอรรถกถำจำรย์เท่ำน้ัน มิใช่จะเป็นดังที่เข้ำใจผิดไปว่ำเป็นเหตุกำรณ์ท่ีเกิดขึ้นเม่ือคร้ัง
พุทธกำลจริง ๆ แตอ่ ยำ่ งใด



ควำมสำคัญของเร่ือง

เร่ืองพระสธุ น-มโนหร์ ำ มคี วำมมหศั จรรยแ์ ละแฝงคตสิ อนใจไวอ้ ยู่ ทำให้ชำวบ้ำนที่ได้สดับรับฟังน้ัน
ได้นำมำเล่ำสืบต่อ ๆ กันมำ ชำวบ้ำนเห็นว่ำเร่ืองดังกล่ำวหำกนำมำแสดงคงจะน่ำสนใจและให้ควำมบันเทิง
จงึ ใหม้ ลี ะครรำข้ึนมำ และถอื วำ่ เป็นกำรแสดงที่เก่ำแกด่ งั้ เดิมตง้ั แต่สมัยกรงุ ศรอี ยุธยำ ซ่ึงโนรำ หรอื มโนหร์ ำ
เป็นกำรละเล่นพื้นเมืองท่ีสืบ ทอดกันมำนำน และนิยมกันอย่ำงแพร่หลำยใน ภำคใต้ เป็นกำรละเล่น
ทม่ี ที ั้งกำรร้อง กำรรำ บำงส่วนเลน่ เป็นเรอื่ ง และบำงโอกำสมีบำงสว่ นแสดงตำมคติควำมเช่ือท่ีเปน็ พธิ กี รรม

โนรำ เป็นศลิ ปะพื้นเมืองภำคใต้ เรียกว่ำ โนรำ แต่ คำว่ำ มโนรำห์ หรือ มโนห์รำ นั้นเป็นคำที่เกิด
ขึ้นมำเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยำ โดยกำรนำเอำ เร่ือง พระสุธน-มโนห์รำ มำแสดงเป็นละครชำตรี จึงมีคำ
เรียกว่ำ มโนห์รำ ส่วนกำเนิดของโนรำน้ัน สันนิษฐำนกันว่ำได้รับอิทธิพลจำกกำร ร่ำยรำของอินเดียโบรำณ
ก่อนสมัยศรีวิชัย ท่ีมำ จำกพ่อค้ำชำวอินเดีย สังเกตได้จำกเคร่ืองดนตรีที่ เรียกว่ำ เบ็ญจสังคีตซึ่งประกอบ
โหมง่ ฉง่ิ ทบั กลอง ปี่ ใน ซ่งึ เปน็ เคร่ืองดนตรีโนรำ และทำ่ รำของโนรำ อีกหลำยท่ำทลี่ ะม้ำยคล้ำยคลงึ กบั กำร
รำ่ ยรำของ ทำงอนิ เดยี และเริม่ มโี นรำเป็นกิจลักษณะขึ้นเมอ่ื ประมำณปี พทุ ธศกั รำชท่ี ๑๘๒๐ ซ่ึงตรงกบั สมยั
สโุ ขทัยตอนตน้



เน้ือเร่ืองย่อ

นำงมโนห์รำ เป็นธิดำองค์เล็กของท้ำวทุมรำชผู้เป็นพระยำกินนร นำงมีพระพ่ีนำงอีกหกองค์ล้วนมีหน้ำตำ

เหมือน ๆ กนั งดงำมยิง่ กว่ำนำงมนุษย์ รปู รำ่ งหนำ้ ตำของพวกเขำเหมอื นมนษุ ย์แต่มีปีกและหำงที่ถอดออกได้ เมื่อใส่ปีก
ใสห่ ำงแล้วกนิ นรก็สำมำรถบินไปยังท่ีต่ำง ๆ ได้นำงมโนห์รำและพี่น้องทั้งหกได้ไปเล่นน้ำที่สระน้ำอโนดำต เจอพรำนบุญ
ท่ีต้องกำรจับตัวนำงกินรีเพรำะเห็นว่ำนำงงดงำมคู่ควรแก่พระสุธน โอรสแห่งเมือง นครอุดรปัญจำล พรำนบุญจึงไปยืม
บ่วงนำคบำศจำกท้ำวชมพูจิตร พญำนำครำช ซ่ึงได้ให้ยืมบ่วงนำค เพรำะพรำนบุญเคยช่วยชีวิตเอำไว้และเห็นว่ำ
พระสธุ นกับนำงมโนหร์ ำเป็นเนอื้ คู่กัน พรำนบุญได้จับนำงมโนห์รำไปถวำยแก่พระสุธน พระสุธนเห็นเข้ำก็เกิดหลงรักนำง
และพำนำงกลบั เมอื ง และไดอ้ ภเิ ษกกัน

ต่อมำปุโรหิตคนหน่ึงได้เกิดจิตอำฆำตแค้นแก่พระสุธนเพรำะว่ำพระสุธนไม่ให้ตำแหน่งแก่บุตรของตน เมื่อถึง
ครำวเกิดสงครำม พระสุธนออกไปรบ พระบิดำได้ทรงพระสุบิน ปุโรหิตได้ทำนำยว่ำจะเกิดภัยพิบัติคร้ังใหญ่ ให้นำนำง
มโนห์รำไปบูชำยัญ ซ่ึงท้ำวอำทิตยวงศ์ได้ยินยอมตำมนั้น นำงมโนห์รำรู้เข้ำก็เกิดตกใจ จึงออกอุบำยขอปีกกับหำงของ

นำงคืน เพื่อร่ำยรำหน้ำกองไฟก่อนจะตำย เม่ือนำงได้ปีกกับหำงแล้ว นำงก็ร่ำยรำได้สักพักก็บินหนีไป ไปเจอฤๅษีก็ได้
กล่ำวกับฤๅษีว่ำ หำกพระสุธนตำมมำให้บอกว่ำไม่ต้องตำมนำงไป เพรำะมีภัยอันตรำยมำกมำย และได้ฝำกภูษำและ
ธำมรงค์ให้พระสุธน เมื่อนำงมโนห์รำได้กลับไปที่เมืองก็จะได้มีพิธีชำระล้ำงกลิ่นอำยมนุษย์ ฝ่ำยพระสุธนที่กลับจำก
สงครำมได้ลงโทษปุโรหิต และติดตำมหำนำงมโนห์รำ เมื่อเจอพระฤๅษี พระสุธนจะติดตำมนำงมโนรำห์ต่อไป โดยมีพระ
ฤๅษีค่อยชว่ ยเหลือ เป็นเพรำะเวรกรรมแต่ชำติทแี่ ล้วนั่นคือ "มโนหร์ ำ"

นำงมโนห์รำ คือ พระนำงเมรี และ พระสุธน คือ พระรถเสน ทำให้พระสุธนได้รับควำมลำบำกมำก
เมื่อพระสุธนมำถึงสระน้ำอโนดำต ได้แอบเอำพระธำมรงค์ใส่ลงในคนโทของนำงกินรีนำงหนึ่ง ซึ่งนำงกินรีได้นำน้ำน้ันไป
สรงให้นำงมโนห์รำ พระธำมรงค์ได้ตกลงมำท่ีแหวนของนำงพอดี ทำให้นำงรู้ว่ำพระสุธนมำหำนำง นำงจึงได้แจ้งแก่
พระมำรดำ ซึ่งพระบิดำต้องกำรทรำบว่ำพระสุธนมีควำมรักจริงต่อนำงมโนห์รำหรือไม่ ได้รับพระสุธนมำท่ีเมืองและให้

พระสุธนบอกว่ำนำงไหนคือนำงมโนห์รำ ซึ่งนำงมโนห์รำและพี่ ๆ มีหน้ำตำละม้ำยคล้ำยคลึงกัน ร้อนถึงองค์อินทร์
ต้องแปลงกำยมำเป็นแมลงวันทอง จับทผี่ มของนำงมโนหร์ ำ ทำใหน้ ำงมโนหร์ ำและพระสุธนได้เคียงคูอ่ ย่ำงมีควำมสุข

กำรดำเนนิ เรอ่ื ง ๗

๑. กำรเปิดเร่ือง
พระสุธนชำดกเปิดเรื่องด้วยกำรกล่ำวถึงเหตุกำรณ์อันเป็นสำเหตุให้มีกำรเล่ำเรื่องพระ สุธน-

มโนหร์ ำ แล้วนำเขำ้ สู่เรื่องโดยกลำ่ วถึงเมืองและกษัตริย์ สุธนชำดกมรี ำยละเอยี ดเก่ียวกับพระโพธิสัตว์จุติลง
มำประสูติ กบั กลำ่ วถึงพญำนำคทค่ี อยบนั ดำลควำมอดุ มสมบรู ณ์แก่บ้ำนเมอื ง ควำมวำ่

“กโุ ต นุ อำคจฺฉสิ ลทุ ฺธกำติ อทิ สตฺถำ เชตวเน วิหรนโฺ ต เอก อกุ ฺกณฺ ิตภกิ ข อำรพฺภ กเถสิ
สตถฺ ำ สมเดจ็ พระบรมครู เมื่อเสดจ็ อยู่ ณ พระเชตวนั ทรงพระปรำรภภิกษุผ้กู ระสนั รูปหนึง่
ใหเ้ ปน็ มลู เหตุ ได้ตรัสเทศนำน้ี มีคำเริ่มว่ำ กโุ ต นุ อำคจฺฉสิ ลทุ ฺธก ดงั นี้เปน็ ตน้ ”
...ท้ำวอำทจิ จวงศแ์ ห่งอุดรปญั จำล มีมเหสที รงนำมว่ำจนั ทเทวีตอ่ มำพระโพธิสัตว์จตุ ิลงมำสู่

ครรภน์ ำงจนั ทเทวี เมื่อประสูติปรำกฏมีขมุ ทองผุดขนึ้ ทัง้ ส่ีทิศจงึ ให้นำมว่ำสุธน และภำยในเมืองมสี ระ
ใหญใ่ ตส้ ระน้ันเป็นทีอ่ ยู่ของพญำนำคชอ่ื ชมพจู ิตร ซ่งึ คอยบันดำลควำมอดุ มสมบรู ณ์

๒. เหตุกำรณ์

เหตกุ ำรณต์ อนตน้

เหตุกำรณ์ตอนนี้เป็นกำรสร้ำงสถำนกำรณ์ให้ตัวเอกของเร่ือง คือ พระสุธนกับนำงมโนห์รำได้พบกัน
และอยรู่ ่วมกนั ควำมว่ำ

“นครมหำปัญจำลเกิดควำมแห้งแล้ง ประชำชนได้พำกันอพยพไปอยู่ท่ีนครอุดรปัญจำลเป็นจำนวนมำก
เมื่อพระเจ้ำนันทรำชทรำบเหตุก็คิดกำจัดพญำนำค จึงให้หมอมนต์ไปจับพญำนำคฆ่ำเสีย พญำนำคได้พบพรำน
บุญฑริกและขอให้ช่วยฆ่ำหมอมนต์แล้วตอบแทนด้วยแก้วแหวนเงินทองเป็นจำนวนมำก ต่อมำพรำนบุญได้ไปพบ
พระกัสสปฤๅษีซึ่งได้เล่ำเรื่องนำงมโนห์รำให้ฟังพร้อมทั้งแนะวิธีที่จะสำมำรถจับนำงให้ได้ด้วยบ่วงนำค พรำนบุญ
ฑรกิ จงึ ไปขอยืมบ่วงนำคมำคล้องจบั นำงมโนห์รำไปถวำยเป็นชำยำพระสุธนซึง่ พบในระหวำ่ งเสดจ็ ประพำสอุทยำน”

เหตกุ ำรณต์ อนกลำง

พระสุธนได้สัญญำแก่พรำหมณ์ที่รับใช้ว่ำ จะให้เป็นปุโรหิตเม่ือพระองค์ข้ึรครองรำชย์ ทำให้
ปุโรหิตที่ดำรงตำแหน่งอยู่โกรธและคิดพยำบำทพระสุธน จึงไปทูลยุยงท้ำวอำทิจจวงศ์ว่ำพระสุธนเป็น
กบฏ แตไ่ มเ่ ปน็ ผล บังเอิญมีศึกมำตีนครอุดรปัญจำล จึงแกล้งทูลแนะนำให้ส่งพระสุธนไปรบ และในที่
พระสุธนชนะศกึ ทำ้ วอำทจิ จวงศ์กท็ รงสุบนิ ปโุ รหิตจงึ อำศยั เป็นเหตทุ ีจ่ ะฆำ่ นำงมโนห์รำ เพ่ือให้พระสุธน
เศร้ำโศกเสียพระทัยจนสน้ิ พระชนม์ จงึ แกล้งทลู พยำกรณว์ ่ำเครำะห์รำ้ ยใหท้ ำพิธีบชู ำยัญ โดยนำตัวนำง
มโนห์รำมำบูชำยัญด้วย เมื่อนำงมโนห์รำรู้ข่ำวก็ไปทูลขอควำมช่วยเหลือจำกนำงจันทเทวีแต่ก็ไม่สำมำรถ
ช่วยได้ นำงมโนหร์ ำจึงใชอ้ บุ ำยขอปกี จำกนำงจันทเทวีแลว้ สวมสอดบินไปได้



เหตกุ ำรณต์ อนทำ้ ย

“พระสุธนได้เดินทำงตำมที่นำงมโนห์รำบอกไว้กับพระกัสสปฤๅษี และนำลูกวำนรไปด้วย
เพ่ือจะได้เลือกกินผลไม้ท่ีไม่เป็นพิษ ได้พบอันตรำยต่ำง ๆ แต่ก็สำมำรถผ่ำนพ้นไปได้จนถึงเมืองกินนร
และไดใ้ ช้แหวนของนำงมโนห์รำที่ฝำกไว้กับพระกัสสปฤๅษีหย่อนลงในหม้อน้ำที่นำงกินรีมำตักเพื่อนำไป
รดนำงมโนหร์ ำล้ำงกลิ่นสำบมนษุ ย์ ทำให้นำงรู้ว่ำพระสุธนติดตำมมำจึงไปทูลให้พระบิดำทรงทรำบ พระ
บิดำจึงให้นำพระสุธนเข้ำมำในวัง หลังจำกท่ีได้ทดลองกำลังและควำมเก่งกล้ำสำมำรถของพระสุธน
ตลอดจนควำมซอ่ื สตั ย์ทีม่ ีตอ่ นำงมโนหร์ ำ จนเป็นท่พี อใจแลว้ พระบดิ ำจงึ จัดกำรอภเิ ษกใหใ้ นที่สดุ ”

๓. กำรปิดเร่ือง
หลังจำกที่พระสุธนอยู่ที่เมืองกินนรระยะยำวหนึ่งแล้ว ก็ปรำรถนำจะกลับบ้ำนเมือง

จึงบอกแก่นำงมโนห์รำ นำงจึงขอติดตำมไปด้วย และทั้งสองก็พำกันกลับไปยังบ้ำนเมืองของ
พระสุธนในที่สุด แล้วจบเร่ืองด้วยกำรประชุมชำดก คือ กำรแสดงกำรกลับชำติ



สธุ นชาดก

พรานบุณฑรกิ จึงแจง้ ความวา่ ข้าแต่พระฤๅษีผู้เจรญิ ขา้ พเจา้ มไิ ด้ครั้นครา้ มขามขยาด องอาจดุจราชสหี ์

เที่ยวมาหาเน้ือไนไพรสัณฑ์คนเดียวเท่าน้ี นายพรานนมัสการแล้วก็ไปเที่ยวหาเนื้อต่อไป ได้เห็นสวนตาบลหนึ่งเป็นที่

รัมณยิ สถาน อันตระการด้วยร่มรุกข์ล้วนไม้แคฝอยงามวิจิตร ในท่ามกลางสวนนั้นมีสระส่ีเหลี่ยมเป่ียมด้วยวารีใสสะอาด ดา

ดาษดว้ ยเบ็ญจปทุมวรรณ์ ริมรอบขอบสระนนั้ ด่นื ไปด้วยบุปผาชาติมีจาปาและมะลิเปน็ ตน้ พรานบณุ ฑริกจงึ กลับมาหาพระฤาษี

เมอ่ื จะถามถงึ สวนศรไี ดก้ ลา่ วคาถานวี้ ่า

ต ต หิ อยุ ยฺ านวร ตสฺส มชเฺ ฌ มโนรมฺม

เอก ฏลาก ทิสฺวานจมปฺ กลงฺกต กนิ ฺต

ฏลาก ปจุ ฉฺ ามิ สงิ ฺฆ ภณสิ ตฺว อิสิ

ความว่า ขา้ แต่พระฤๅษี ทต่ี รงน้นั เป็นสวนศรี สระโบกขรณีมอี ยูท่ ่ามกลางสวน เปน็ ท่ียียวนใจประดบั ไปดว้ ยรุกขชาติ
มจี าปาเปน็ ต้นข้าพเจ้าได้เหน็ แล้วคิดฉงนวา่ จะเปน็ มนษุ ยห์ รอื เทวดามาสร้างไว้ ข้าพเจ้าขอถามพระผู้เป็นเจ้าๆ ไดโ้ ปรดเลา่ ให้

ข้าพเจ้าฟงั ณ กาลบดั นี้ พระกสั สปฤๅษีจงึ บอกว่าดูกรพรานสวนนั้นใครจะสรา้ งไวเ้ ราไม่รู้ เหน็ มอี ยา่ งนี้กอ่ นเรามาอยู่ หมู่กินรี

เคยมีมาเล่นน้าในสระน้นั ท่านอยากดจู งไปยืนแอบอย่รู ิมสระ กจ็ ักได้เหน็ ชมเล่นเป็นขวัญตา นายบุณฑรกิ พรานไพรดีใจไปแอบ

ซมุ่ ณ พุ่มไมร้ ิมขอบสระศรี วนั น้นั เปน็ วนั บุรณมีอโุ บสถขึน้ สบิ ห้าค่า ฝงู กนิ รที ้ังหลายเคยมาเล่นน้าทส่ี ระสวนอุทยาน คราวนั้น

เจ็ดนางกนิ รเี ป็นธดิ าของท้าวทมุ ราชอยู่ท่ภี เู ขาไกรลาส ไดพ้ าบรวิ ารพนั หน่ึงบนิ มาโดยอากาศ ครัน้ ถึงสระสวนได้ชวนกันลงเล่น

น้า บ้างวา่ ยบา้ งดาบ้างราและขับรอ้ งตามสบาย คร้ันเวลาบ่ายชวนกันผันผายบนิ กลบั ไป พรานบณุ ฑรกิ กไ็ ด้เห็นแล้วเกิดความ

พศิ วงดว้ ยตนยังไม่เคยเหน็ แต่ก่อนจงึ คิดว่า นางกินรีเหล่านี้งามนักหนา ทาไฉนเราจะได้ไปถวายเป็นอัครชายาพระสุธนกุมาร

คดิ แล้วก็นวิ ตั นาการกลบั มาหาพระดาบส เม่อื จะถามความนัน้ กะพระฤาษี ไดก้ ล่าวพระคาถาน้วี า่

ทสิ ฺวา ตหี อิสิวร กินฺนริโย คณา พหู

ตุว เว พฺรูหิ มหาเสฏ กถ ลทฺธามิ กนิ ฺนรี
ความว่า ข้าแต่พระวรฤๅษีผู้มีศีลอันประเสริฐ ข้าพเจ้าได้ไปเห็นฝูงกินรีลงเล่นน้าในสระนั้นเป็นอันมาก
เกิดความอยากได้ ทาไฉนจะไดเ้ ล่า ขอพระผู้เป็นเจ้าได้โปรดบอกอุบายใหข้ า้ พเจ้า ณ บดั น้ี
พระกสั สปฤๅษี เม่อื จะแนะนาวธิ ีจับนางกินรใี ห้ ไดก้ ล่าวพระคาถานวี้ า่

สโุ ณหิ ตุว เมวจน อปุ าย จินตฺ ติ มยา

นาคปาส ลภิตวฺ าน ลภติ า กนิ ฺนรี ตยา

ตุว วนิ า นาคปาเสน กนิ ฺนรินนฺ าภปิ ตถฺ เย

ยถา จนฺทภปิ ตถฺ ยา ตถา ตฺว อภปิ ตฺถเย

ความวา่ ทา่ นจงฟังคาเราจะบอกให้ อบุ ายเราไดค้ ดิ ไว้ ท่านได้นาคบาศมาคล้องจงึ จะได้นางกินรี ท่านจะทาพิธีอย่าง
อนื่ นอกจากนาคบาศแล้วอย่าหวังเลยว่าจะได้ อปุ มัยเหมือนผ้มู ุง่ หมายเอาดวงพระจนั ทร์ ไม่มวี นั ไดเ้ หนื่อยกายเปล่า
พรานบุณฑรกิ จึงถามพระดาบสว่า พระเจ้าขา้ ทาไฉนเล่าข้าพเจ้าจึงจะรู้ว่านาคบาศมีอยู่ท่ีไหน จะได้นาคบาศมาด้วย

อาการอยา่ งไรพระผเู้ ป็นเจ้าได้บอกใหข้ ้าพเจ้าทราบ ณ บัดนี้ พระฤาษจี ึงบอกให้วา่ นาคบาศนน้ั เฉพาะมีท่ีนาคโลก ทา่ นอาจไป

เอามาได้แล้ว นางกนิ รีทีข่ อบใจก็เปน็ อนั ไดส้ มประสงค์ พรานไพรได้ฟังดังนั้น มีใจเกษมสานต์ยิ่งนักหนา จึงกราบลาพระฤาษี

ตรงไปสู่สระใหญ่ ต้ังใจระลึกถึงพระยาชมพูจิตรนาคราช นายประตูรู้วาระน้าจิตนายพรานไพร ได้นาพรานไปหานาคราช ๆ

เมอ่ื จะถามเหตุท่พี รานมาหา ได้กล่าวว่าแน่ะพราน มีเหตุการณ์อะไรท่านจึงได้มาหาข้าพเจ้า จะธุระประสงค์สิ่งใดหรือจงบอก

ขา้ พเจา้ ๆ จะจัดการให้ตามความประสงค์

๑๐

พรานบุณฑรกิ จึงแจง้ วา่ ขา้ แต่นาคราชผูเ้ รอื งฤทธิ ข้าพเจา้ มาหาปรารถนาจะขอนาคบาศฯดูกรสหาย
ทา่ นจงขอสิง่ อ่นื ๆเราจะให้ นาคบาศนเ้ี ป็นของค่ชู วี ิตกาลใดพระยาครุฑมาจะจับเราในกาลนน้ั เราถอื นาคบาศไว้
พระยาครุฑไม่กาจเข้าใกลแ้ ลว้ หนีไปเหตุน้ีเราใหไ้ ม่ได้ ฯขา้ แต่นาคราชขอทา่ นได้กรุณาให้เถดิ แลว้ จะเอามาส่งฯนาคราชจงึ คดิ ว่า
พรานผู้นีไ้ ดม้ ีคุณกบั เราเขาไดช้ ่วยชีวติ เราไว้ เราจะมชี วี ติ อยู่หรือตายกต็ ามซึ่งเราจะไม่ให้หาควรไม่ คดิ แล้วกส็ ง่ นาคบาศให้พราน
ไปพรานดีใจได้สรรเสรญิ นาคราชาๆจงึ พาพรานมาส่งยงั มนษุ ย์วิถี ได้กล่าวคาถานว้ี ่าดูกรสหายทา่ นมีกิจส่ิงใดจงมาหาเราที่ตรง
สระนี้ จงระลึกถึงเรา ๆ จักมาทากิจของท่านให้สาเร็จไป พรานบุณฑริกดีใจ รีบคลาไคลมาหาพระฤๅษี แล้วไปแอบซุ่มอยู่ท่ีพุ่มไม้
ใกล้สระโบกขรณี คอยดูทางนางกนิ รีจะบนิ มา

คราวนน้ั ธดิ าวชิ าธรเจด็ นางสวมปีกหางแต่งกายาพร้อมด้วยบริวารบนิ ทะยานจากไกรลาสมาทางอากาศถงึ สระโบกขรณี จงึ
เปล้ืองเคร่ืองประดับกับปีกหางลงวางไว้ ได้พากันลงไปเล่นน้าในสระ ณ ขณะนั้นพรานบุณฑริก ค่อย ๆ ย่องออกไปจากพุ่มไม้
ขว้างนาคบาศไปกลางฝูงกนิ รี บว่ งนั้นเฉพาะคลอ้ งหัตถ์นางมโนหร์ านางกินรีท้ังหลายได้เห็นพรานป่ามีความกลัวรีบขึ้นมาแต่งตัว
บินหนีไปในเวหาได้ร้องไห้พิไรร่าราพันว่า แต่ก่อนไรได้เคยมาเล่นน้าที่สระสวนนี้ จะได้มีภัยสิ่งไรก็หาไม่ คร้ังน้ีมามีภัยขึ้นด้วย
เหตไุ รเลา่ จาพวกเราจกั ทลู พระราชาวา่ พรานปา่ จับราชธิดาไวด้ ังนี้ พระเทวผี ้มู ารดาจักทรงโศการ่าไรคงจกั ตามมาตายกับพระธิดา
ทน่ี ่ี เหลา่ พวกกนิ รี ได้บนิ มาถึงภเู ขาไกรลาสพากนั สยายผมเปล้ืองอาภรณ์หมอบลงแทบบาทวิชาธรทุมราช พากันร้องไห้กราบทูล
ว่าเกิดความพินาศใหญ่ นางมโนห์ราเทวีมีพราหมณ์คนหนึ่งมาจับไว้เหมือนเสือจับเนื้อในป่าก็ปานกัน เทวีผู้มารดาได้ฟังดังน้ัน
ยกหัตถ์ท้งั สองค่อนพระทรวงพลางทางทรงโศกี โอโอ้มโนหร์ าลกู รักของแม่ แม่ไม่ไดเ้ หน็ หนา้ เจ้าเฝ้าแตร่ าลกึ ถึงปมิ่ ประหนงึ่ ว่าจะ
ขาดใจอุปมยั ดังพรานไพรแทงดว้ ยหอกฉะนั้นแม่ไมไ่ ด้เหน็ มโนหร์ าตายเสียดกี วา่ มีชวี ิตอยู่ ถึงมีชวี ิตอยู่ต่อไปแต่ได้พรากจากลูก
รักน้ีไม่มปี ระโยชนอ์ ันโดแม่จักตอ้ งตายเสียเป็นมั่นคง

(ทีนจ้ี ะกลา่ วถึงพรานบุณฑรกิ ตอ่ ไป)พรานบณุ ฑริกเห็นนาคบาศคลอ้ งหัตถม์ โนหร์ ารบี สาวเทา้ มาหวงั จะจบั หตั ถ์มโนห์รา
ๆรอ้ งห้ามวา่ ทา่ นอย่าไดถ้ ูกต้องชีวติ น้องจะตายลงทา่ นจงปลดบว่ งออกให้ ตวั ขา้ จะไปกับท่านพรานบณุ ฑริกไดป้ ลดนาคบาศจาก
หัตถาแล้วพูดว่า นางเทวีจงเปล้ืองเคร่ืองคลุมคือปีกหางให้ข้าพเจ้า นางมโนราห์ได้เปล้ืองปีกหางส่งให้นายพรานถือไว้ นางได้
คกุ เข่าลงกับพสุธาผนั หน้าต่อทิศอุดรนมัสการพระบิดามารดาด้วยถ้อยคาว่า ทีนี้เป็นท่ีสุดแล้ว ลูกแก้วมิได้กลับมายังสระศรีน้ี
อีกต่อไปขา้ แต่พระบดิ ามารดาเจ้าขา้ ไดโ้ ปรดประทานโทษแกล่ กู ด้วยจาเป็นจาใจตอ้ งไปกบั พรานป่าข้าแตพ่ ระบดิ ามารดาจักทา
อย่างไรลกู ไดเ้ คลิม้ หลงใหลได้ตกไปในอานาจของผู้อื่นแล้วฉะนี้ เม่ือนางมโนราห์เทวี คร่าครวญไปกับนายพรานถึงช่องภูผา นาง
หันหลังกลบั มาน่งั ลงเปลอ้ื งสังวาลแกว้ มณีออกฝงั ฝากกับพระยาเขาหิมพานต์ว่า ถ้าพระมารดาเจ้าได้ตามมาถึงน่ี ขอพระยาเขาได้
โปรดให้สังวาลมณนี แี้ กพ่ ระมารดาไปดว้ ยและชว่ ยบอกว่าพรานปา่ พาไปทางน้ี นางโศกรี า่ ไห้ไดก้ ล่าววา่

“หมอ่ มฉันไดเ้ คยเฝา้ พระแมเ่ จา้ ทุกเชา้ เย็น บัดนม้ี ไิ ด้เหน็ พระบาทและหตั ถาพระชนนี พระมารดาน้ีเคยเป็นที่
พ่ึงของลูกแก้วแต่นี้ต่อไปแล้วนับวันจะไม่ได้เห็นพระมารดา ถึงจะเท่ียวดั้นด้นค้นหาก็ยากท่ีจะได้เห็น จะตายหรือจะ
เปน็ ไม่รูท้ ี่ อน่งึ คิดขน้ึ มาถึงธรรมดาของสรรพโลกยอ่ มไม่เท่ียงถาวรความพอพร้อมและความพลัดพรากท้ังสองน้ี ย่อม
มีทัว่ ไปในโลก สรรพสัตว์ทั้งหลายท่ีเกิดมามีความแปรไปเป็นธรรมดา ความเป็นหนุ่มสาวย่อมมีในโลก ความวิโยคก็
ย่อมมอี ยู่เป็นนติ ย์ ธรรมดาลูกมารดาจะผกู ความรกั สักเทา่ ใด ในท่ีสุดมีความแปรผนั จืดจางหา่ งลงทกุ วนั เป็นธรรมดา”

พระโพธิสตั วท์ รงพระโสมนสั ไดป้ ระทานทองคาพันล่ิมกบั แหวนเพชรว์ งหนึ่งแก่พรานบุณฑริก และทรงเกือ้ กูลด้วยสกั
การอนื่ อกี มากมาย แล้วใหพ้ นกั งานไปกราบทลู พระราชบดิ ามารดา พระเจา้ อาทิจวงศ์กับองค์จันทาเทวี ทรงโสมนัสยินดีได้ให้
พนักงานเภรไี ปตปี ระกาศราษฎรวา่ บรรดาประชาชนชาวนครจงจัดแจงส่ิงของบรรณาการ ออกไปต้อนรับนางมโนห์ราธิดาท้าว
วิชาธรลูกสะใภ้ของเรา ราษฎรทั้งหลายได้พากันทาตามประกาศพระเจ้าอาทิจวงศ์ราช ให้พนักงานจัดการแต่งนครให้งดงาม
วจิ ิตรรุ่งเร่ืองราวกะว่าเมอื งไตรทศทพิ ยวิมาน แล้วให้เชิญนางมโนห์ราแต่อุทยานเข้าสู่พระราชฐาน ได้ให้จัดพิธีมงคลการสาม

อยา่ ง คือ ปราสาทมงคล ววิ าหมงคล อภิเษกมงคล เมอ่ื เสร็จพธิ ีการมงคลแล้ว พระมหาสตั ว์ก็ไดเ้ สด็จร่วม
รกั กับมโนหร์ าอคั รมเหสที รงหน่ายคลายนารีอื่นมิไดอ้ าลัยได้เสวยสุขสาราญพระหฤทยั

๑๑

ต่อมาในคืนวนั ทพ่ี ระโพธิสัตวย์ กพลโยธาไปนั้นพระเจ้าอาทจิ วงศ์ทรงพระสบุ ินวา่ พระอนั ตะของพระองค์
ไหลออกจากอุระ แล้วไปกระหวัดวงสากลชมพูทวีปสามรอบแล้วได้หดกลับเข้าในพระอุระดังเก่า พระเจ้าอาทิจวงศ์
ทรงสะดงุ้ ตื่นบรรทม ครัน้ ถึงเวลาเช้า ใหห้ าตัวปโุ รหิตเข้ามาเฝ้าตรัสถามถึงความท่ีทรงนิมติ ปโุ รหติ มีความดีใจคิดว่า
ความท่ีเราตั้งไว้ที่น้ีจักสาเร็จแล้ว วันนี้เราจักได้เห็นสุธนผู้เป็นข้าศึกแล้ว คิดดังนี้จึงกราบทูลพระราชาว่า ข้าแต่เทว
บพติ ร พระสบุ นิ นมิ ิตน้ไี ม่ดี ฯ ดูกรพราหมณ์ ไมด่ ีนน้ั จกั เป็นอย่างไร ฯ ขา้ แตเ่ ทวบพิ ติ รตาราทายว่าพระราชสมบตั ิกับ
พระองคจ์ กั เปน็ อันตรายถึงความพินาศใหญ่ ฯ ดูกรพราหมณ์ ถ้าเช่นน้ันเราจะแก้ไขอย่างไรได้บ้าง ฯ ควรจะทาการ
บชู ายัญ ฯ พธิ บี ูชายัญนั้นจักทาอย่างไร ฯ ข้าแต่เทวบพิตรพิธีบูชายัญน้ันต้องฆ่าสัตว์สองเท้าส่ีเท้าบูชา ที่ฝันร้ายจึง
จะกลายเป็นดีได้ พราหมณ์บปุโรหิตทูลดังนี้แล้ว จึงได้กราบทูลว่าข้าแต่มหาราช คัมภีร์เวทศาสตร์ทายไว้อย่างนี้ว่า
กาลเมื่อใดผู้ท่ีฝันเห็นไม่ดี ได้ทาพิธีบูชาด้วยฆ่าสัตว์แล้ว ในกาลนั้นฝันร้ายก็กลับกลายเป็นดีไป เพราะเหตุน้ัน
พระองคไ์ ด้ทรงทายัญญวิธีแลว้ อปุ ัททวันตรายก็ไม่มี พระองคก์ บั พระราชเทวีจกั เสวยราชสมบัติ เป็นสขุ สาราญยง่ิ เช่น
ดงั กอ่ นมาดว้ ยประการฉะนี้ พระเจ้าอาทิจวงศ์ทรงตรสั สั่งอามาตย์ทง้ั หลาย ให้รีบช่วยหาสตั วส์ เ่ี ทา้ สองเท้าไวใ้ หพ้ ร้อมเราจกั ทา
บูชายัญ อามาตย์ท้งั หลายนั้น ไดบ้ งั คับพวกพรานให้จดั การหาสัตวส์ ีเ่ ทา้ สองเท้ากบั ท้ังบุรุษและสตรี นามารวมไว้ในโรงพิธียัญ
พร้อมเสรจ็ แล้วไดก้ ราบทลู ใหท้ รงทราบทุกประการพระราชาจึงตรัสแกพ่ ราหมณ์ปโุ รหติ วา่ ดกู รพราหมณส์ ง่ิ สรรพสตั วไ์ ดจ้ ดั ไว้
พรอ้ มแล้วจงรีบทาพิธีเถดิ ฯขา้ แต่เทวบพติ รยังขาดอยสู่ ิง่ หนงึ่ ยังทาพธิ ไี มไ่ ด้ ฯ ดกู รพราหมณ์ ยังขาดอะไรอีกเล่า ฯ ข้าแต่เทว
บพิตรยังขาดกนิ นรอกี อย่างหนง่ึ ฯกนิ นรนนั้ หาไดย้ ากนกั ฯหาไมย่ ากนกั มอี ยูใ่ นนครนคี้ ือนางมโนราห์ ฯนางมโนราห์เทวี เปน็
คชู่ วี ิตของสธุ นเขา ไม่ควรเอามาฆ่าบูชายัญ ฯ ขา้ แตเ่ ทวบพิตร การจะควรหรอื ไม่ควรนัน้ พระองค์จงทรงวิจารณ์ให้ดีก่อน จงเห็น
ความทุกข์รอ้ นอนั เกิดแกพ่ ระองค์และราชเทวีถึงท่ีสุดราชสมบัตกิ ็จกั พนิ าศไป ฯ ดูกรปุโรหิตเราจักฆ่าอัครมเหสีของสุธนกุมาร
ถูกของเราตามถ้อยคาของปุโรหิตไม่ได้ ฯ ข้าแต่พระมหาราช พระองค์จงทรงฟังข้าพระพุทธเจ้ากราบทูล บุคคลได้สละบุตร
ภรรยาเป็นที่รักทาการบูชายัญแล้ว บุตรและภรรยาท้ังหลายนั้น ย่อมตามรักษาตนผู้สละน้ันให้ถึงซ่ึงความเจริญ บัณฑิต
ทงั้ หลายย่อมสรรเสรญิ มากนกั ฝา่ ยนางจนั ทาเทวี รับคานางมโนหร์ าเทวีศรีสะใภ้จึงพรอ้ มด้วยบริวารเสด็จจะไปเฝา้ พระเจ้าอาทิ
จวงศ์ ๆ ทรงทราบว่าพระนางจันทาจะมาเฝ้า จึงรับสั่งกับราชบุรุษไว้ห้ามไม่ให้พระนางจันทาเฝ้า พระนางจันทาเทวี เมื่อไม่ได้
โอกาสเข้าเฝ้าก็เสดจ็ กลบั แล้วเสดจ็ ขึ้นยงั ปราสาทนางมโนราห์ ตรงเขา้ สวมกอดศรสี ะใภ้ ทรงพิลาปร่าไรดว้ ยประการตา่ ง ๆ นาง
มโนห์ราเทวีจึงทูลว่า ข้าแต่พระมารดา ถ้าว่าพระมารดาเจ้าไม่ได้โอกาสเฝ้าแล้ว หม่อมฉันผู้ลูกแก้วจักตายเท่ียงแท้ไม่ต้อง
สงสยั นางเธอก็รา่ ไห้ไดก้ ราบทลู ว่าถงึ ว่ามพี ระราชาอันประเสรฐิ กเ็ ชื่อว่ามเี สยี เปลา่ หาเป็นร่มเงาได้พงึ่ อาศัยไม่ บัดนีค้ นอ่ืนเขา
กลับมาจะจับหมอ่ มฉนั นาไปฆา่ บชู ายัญเสียวันนแ้ี ลว้ ลกู แกว้ ไดป้ ราศจากภัสดาหาท่พี ึ่งมิได้ พระสุธนผภู้ ัสดาก็จกั มรณาไปตาม
หม่อมฉัน ถ้ากระนั้นพระราชมารดา จงได้กรุณาประทานเครื่องประดับท่ีหม่อมฉันฝากไว้หม่อมฉันจะได้ประดับกาย แล้วจัก
ถวายบังคมลาตายทงั้ เครอื่ งประดบั พระนางจันทาผู้มารดาสุธนกุมาร จึงได้ประทานเครื่องประดับกับปีกหางให้แก่นางมโนห์รา
เทวี นางจึงประดบั กายอนิ ทรยี ์สวมปกี หางพร้อมเสร็จแลว้ จงึ บังคมชนนีฟ้อนราไปมา เมอ่ื นางจันทาเทวี ทรงโศกีพลิ าสอยดู่ ้วย
ประการดงั นีร้ าชบรุ ุษท้ังหลายกพ็ ากันกรขู นึ้ บนปราสาท เพื่อจะจับเอาตวั นางมโนราห์ไปฆ่าบชู ายญั นางมโนราห์น้ันก็จับเอาปีก
ท้งั สองสวมไวใ้ นหวา่ งแขนท้ังสองแล้วนางก็ถวายบังคมลานางจันทาเทวีแล้ว บินขึ้นโดยอากาศจะไปยังป่าหิมพานต์ นางบินไป
ถึงวสนัตถานที่อยู่กัสสปฤๅษี นางเทวีจึงลงไปนมัสการพระกัสสปดาบส แจ้งความเร่ืองราวน้ันทั้งหมดให้พระดาบสทราบทุก
ประการ นางจึงส่ังพระดาบสว่าข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้เจริญ ถ้าหากว่าพระสุธนสามีของข้าพเจ้าเที่ยวตามค้นหาได้มาถึงที่นี้
ขอพระผู้เปน็ เจา้ จงใหผ้ ้ากัมพลผนื นี้และธามรงค์ประดับเพชรว์ งนี้ แก่พระสธุ นสามดี ้วย และจงช่วยห้ามตามคาข้าพเจ้าสั่งไว้ว่า
ขออยา่ ใหพ้ ระองค์ตามไปเลยดังน้ี เพราะเหตใุ ด จึงห้ามดงั นเี้ พราะเหตุว่าทางทจ่ี ะไปขา้ งหน้าน้ันลาบากมากไม่ใช่ทางสัญจรของ
มนุษย์ เปน็ ทางถ่ินอยู่ของอมนุษยท์ ้งั สิ้น เหตดุ ังน้ัน ขอใหพ้ ระสธุ นกลับแต่ทีน่ ี้ อย่าไดต้ ามไปอกี เลย นางมโนราห์เทวจี ึงประนม

พระหตั ถ์นมัสการพระบาทราชสามี

๑๒

เมอื่ นางมโนราห์กลา่ วคาถาดงั นแ้ี ล้ว จงึ ผินพกั ตร์ไปสทู่ ศิ ทักษิณ ประนมหตั ถน์ มัสการพระโพธสิ ตั วเ์ จ้า
ได้กล่าวคาถาอีกวาระหน่ึงว่า หม่อมฉันตั้งใจจะอยู่กับพระองค์ไป จนตราบเท่าสิ้นชีวิตโดยแท้ แต่นี้ไปไม่สมความ
ประสงค์เสียแล้ว ชะรอยพระองค์ได้ทรงทากรรมอันเป็นบาปส่ิงใดไว้แต่ปางก่อน ด้วยผลแห่งบาปกรรมนั้นตามมา
ทาให้ความปรารถนาหม่อมฉนั ถึงท่ีสดุ เสียเพยี งนี้ และจึงบอกกับพระดาบสไว้ว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้เจริญ ถ้าหาก
ว่าสามีของขา้ พเจ้าเขาจักไม่กลบั ถา้ จะตามไปขอให้ไปตามทางทศิ อุดร และบอกให้เธอถือเอายาผงอันเสกด้วยมนตน์ ้ี
ติดไปด้วย เมื่อเดินไปไกลล่วงเลยทางมนุษย์ไปแล้วจักบรรลุถึงป่าไม้อันมีพิษก่อน ให้เธอจับเอาลูกวานรตัวหน่ึงไป
เมอื่ จะเสวยผลไมส้ ่ิงใด ควรปลอ่ ยให้ลูกวานรกินก่อน ลูกวานรกินผลไม้สิ่งใด ขอให้เธอเสวยผลไม้ส่ิงนั้นเถิด ถัดแต่
นน้ั ไปจกั ได้พบป่าเชิงหวายใหญ่ ให้เธอเอาผ้ารัตตกัมพลผืนน้ีคลุมกายให้แน่น แล้วจงทานอนน่ิงเหนือปถพี จะมีนก
หสั ดลี ิงคเ์ ที่ยวมาหาอาหาร ไดพ้ บเขา้ สาคญั ว่าเนื้อกวางทราย นกน้ันก็จะโฉบฉาบเฉี่ยวพระองค์ไว้ในกรงเล็บพาข้าม
พ้นป่าหวายไป (ถึงรังที่ต้นไม้ใหญ่ พระองค์จงตบพระหัตถ์ข้ึน พระยานกตกใจก็จะหนีไป) ถัดน้ันไป พระองค์จะได้
พบคชสารท้ังคตู่ ่อส้ซู ่งึ กันและกันขวางทางอยู่ พระองค์จงเอายาผงทากายาให้ทั่วถึงพระบาท แล้วร่ายมนต์เดินลอด
ระหว่างขาแห่งชา้ งไปจะไมเ่ ปน็ อนั ตราย ถัดแตน่ ้ันไปพระองค์จะไดพ้ บภูเขาสองลูก ราวกะว่ามีจิตวิญญาณ น้อมยอด
ลงกระทบซ่ึงกันและกันในระหว่างทางท่ีจะเดินไป พระองค์จงร่ายมนต์แต่ยอดตลอดถึงเชิงเขา ภูเขาน้ันก็จะแยก
ออกไปเป็นช่อง พระองค์จงรีบดาเนินไปเสียให้พ้นช่องภูเขา ถัดแต่น้ันไปพระองค์จะได้ไปถึงท่ีอยู่ของหมู่ผีเสื้อน้า
พระองคจ์ งทามนตุปจารในที่น้ันแล้วดาเนินไป ล่วงระยะทางไกลอีกโยชน์หนึ่งจะบรรลุถึงป่าหญ้าคา ถัดนั้นไปจะถึง
ภเู ขาทองภเู ขาเงนิ ถดั นั้นไปถึงป่าหญ้าคมบาง ถดั นัน้ ไปถึงปา่ ไมไ้ ผ่ ถัดน้นั ไปถงึ ปา่ ดงอ้อ ระยะล่วงไปอีกสามโยชนจ์ ะ
ถึงที่รกชัฏอีกโดยลาดับกันคือหมู่ไม้ท่ีถ่ีทึบ และพุ่มไม้ในป่าล้วนเป็นหนามทึบกับท้ังสระศรีมีน้าลึก ในแถวเล่ือน
เกลื่อนไปด้วยงูหลายพรรณ ใช่แต่เท่านั้นมีสาครค้น ริมรอบขอบนทีนั้นล้วนภูเขาหาที่ราบไม่มี ยากท่ีจะสัญจรไป
โดยสะดวกได้ ถัดแต่น้ันไป จะถึงดงดอนแห่งหน่ึงใหญ่จะได้พบยักษ์ตนหนึ่งสูงเจ็ดช่ัวลาตาลยืนตระหง่านอยู่ใน
ทา่ มกลางดงดอนนั้น พระองคจ์ งเอายาผงโรยลงท่ลี ูกศรยงิ ใหถ้ กู อกมหายักษ์ มหายักษ์ก็จะลม้ ลง พระองค์จงดาเนิน
ไปตามเบ้ืองศีรษะมหายักษ์ เม่ือล่วงเลยแต่ท่ีน้ันไปได้ร้อยโยชน์ จะได้บรรลุถึงแม่น้าอีกแห่งหน่ึงมีงูเหลือมตัวหน่ึง
กายใหญย่ าว เหยียดหางพาดขงึ ถึงฝัง่ ชลธารราวกะวา่ เปน็ สะพานข้ามฟากฉะน้ัน เม่ือพระองค์ดาเนินไปพบเข้าจงเอา
ยาผงโรคพืน้ บาทาดาเนินไปบนหลงั งนู ้นั เมื่อถึงที่สุดฝั่งนทจี งรีบโผนโจนหนีไป โดยทางเบื้องบนศีรษะงูโดยเร็วพลัน
เบ้ืองหนา้ แต่น้ันล่วงไปได้ร้อยโยชน์ จะถึงป่าหวายทึบหาช่องทางที่จะเดินไปไม่ได้ และมีฝูงนกทั้งหลายอาศัยอยู่ใน
ป่าน้นั มาก ท่ีรมิ ป่าหวายนน้ั มีต้นไมใ้ หญ่ๆ พระยานกอาศยั ทารังอยูท่ ต่ี น้ ไมน้ ัน้ มากดว้ ยกัน พระยานกเหล่าน้ันล้วนมี
กายใหญ่ย่ิงเทา่ เรอื น พระราชสามขี องหม่อมฉนั เม่อื ดาเนินไปถงึ ท่ีน้ัน จงขึ้นไปนอนซ่อนตัวอยู่ท่ีรังนกก่อน ให้สังเกต
ดวู า่ พระยานกตัวใดจะไปเทย่ี วหาอาหารในพระนคร พระองค์จงซอ่ นกายเขา้ อยู่ในระหว่างขนปีกแห่งพระยานกตัวน้ัน
ยึดไว้ให้ม่นั ครน้ั พระยานกนน้ั ลงสทู่ ี่ จงละขนสกณุ แี ล้วรอ้ งโห่ขึ้นทนั ใด พระยานกตกใจนักจกั บินหนีไป ที่นั้นพระราช
สามีก็จะประสบเขาไกรลาสสมความปรารถนา นางมโนราห์เทวี ได้ส่ังพระดาบสทุกส่ิงสรรพ์ถ้วนถ่ีหมด นางจึงจด
อกั ษรลงไวใ้ นใบไม้พรอ้ มท้ังมนต์คาถา นางไดฝ้ ากผ้ารัตตกัมพลและธามรงค์กับยาผงแก่พระดาบสไว้ว่า ขอพระมุนี
ได้โปรดให้แก่ราชสามีเมื่อตามมาถึงท่ีน้ีด้วยพระเจ้าข้า นางจึงบ่ายหน้าน้อมเศียรลงวันทาพระสามี แล้ววันทาพระ
ฤๅษเี สร็จกโ็ ผผินบนิ ขึน้ บนอากาศจนบรรลถุ งึ เขาไกรลาสอนั เป็นพระนครของพระบดิ รมารดานางมโนราหด์ ้วยประการ
ฉะนี้ คร้ังน้ัน พระสุธนบรมโพธิสัตว์เจ้า ได้ยกพลโยธาออกไปปราบพวกจลาจล ณ ปัจจันตชนบท ให้ราบคาบสงบ
เรียบรอ้ ยแล้ว จงึ ยกพลโยธากลับคืนเขา้ สู่กรุงปัญจาลราฐพระมหาสตั วจ์ ึงทูลถามพระราชมารดาว่า เหตุใดพระแมเ่ จ้า
จึงทรงกรรแสงฉะนี้ฯ ดูกรพ่อสุธนกุมาร นางมโนราห์ภรรยาของเจ้าเขาหนีไปเสียแล้ว พระนางจันทาเทวีมีเสาวนีย์

ตรัสเลา่ เรือ่ งความหลังตัง้ แต่ตน้ ใหพ้ ระสธุ นทราบทุกประการ เมอื่ พระสุธนกุมารไดส้ ดับเหตดุ ังน้ัน
มพี ระหฤทยั เสียวสนั่ ราวกับว่าจะแตกออกทนั ที

๑๓

พระบรมโพธสิ ตั ว์เจ้าจึงทูลพระมารดาว่า ขา้ แต่พระมารดาเจ้าถา้ หากวา่ หม่อมฉนั จักไม่ได้เห็นนาง
มโนราห์แลว้ หม่อมฉนั ไม่ขออยู่เป็นคนตอ่ ไป พระนางจนั ทาเทวี มเี สาวนียต์ รัสหา้ มสกั เทา่ ใด ก็ไม่อาจจะห้ามได้แล้ว
กท็ รงนงิ่ อยู่ พระบรมโพธสิ ตั ว์ถวายบังคมราชมารดาแล้ว เสดจ็ ลงจากปราสาททรงดาเนินออกนอกพระนครพระบรม
โพธสิ ตั ว์ ใครจ่ ะเสด็จไปยงั ทอ่ี ยูข่ องกัสสปฤาษพี ร้อมกับพรานไพร ทรงผูกสอดพระแสงดาบและกฤชให้ม่ัน แล้วทรง
ธนศู รเสดจ็ ออกจากอุตรปัญจาลนคร ครั้นเสด็จถึงภายนอกพระนครแล้วหวนเสด็จกลับมาทอดพระเนตรพระนครอีก
กัสสปฤาษีจงึ ทลู วา่ มหาราชบพิตร มโนราห์เทวไี ด้ฝากสงิ่ ของไวใ้ หถ้ วายพระองคส์ ามอย่างนี้ คอื พระธามรงค์ฝงั เพชร
๑ ผ้ารัตตกัมพล ๑ พระธามรงค์ประดับน้ิวก้อย ๑ พระกัสสปมุนีจึงนาของสามสิ่งนั้นวางลง ณ พระหัตถ์พระบรม
โพธิสัตวเ์ จ้า ๆ ได้ทอดพระเนตรของที่มโนราห์ฝากไว้ถวายน้ัน พระองค์ก็ประหารพระอุระด้วยพระหัตถ์ทั้งสอง ทรง
กรรแสงรา่ ไหพ้ ระหฤทยั สาคัญมโนราห์ประหนง่ึ วา่ ไดม้ าปรากฏอยเู่ ฉพาะพระพกั ตร์ พระกสั สปมนุ ีจึงทูลถามพระสธุ น
ว่า มหาราชบพิตร์จะเสด็จกลับเพียงน้ีหรือจะเสด็จตามต่อไป ฯ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้เจริญ เม่ือเป็นเช่นน้ีตายเสีย
ดีกวา่ ท่ีหนั หนา้ กลบั เปน็ อนั ไมก่ ลับ พระกสั สปดาบสทราบชัดแล้ว ว่าพระสธุ นมีความรักม่ันคงในมโนราห์เทวี จึงทูล
เล่าความตามซ่ึงนางเทวีสั่งไว้น้ันทุกประการว่า มหาราชบพิตร์ ถ้อยคาของมโนราห์เทวีส่ังไว้ยังมีอยู่ ถ้าหากว่า
พระองคไ์ มก่ ลบั อยากจะเสด็จตามไป ขอให้พระองค์เสด็จไปทางท่ีอาตมาช้ีตรงนี้ จงประกอบโอสถทาให้เป็นผงและ
มนตส์ าหรับเสกยาอย่างน้ี ๆ แล้วจงจับเอาลูกวานรน้อย ๆ เป็นมัคคุทเทสไป จงเสด็จไปตามทิศนี้ก่อน ถ้อยคาของ
มโนราห์เทวีได้บอกไว้กับพระดาบสอย่างไร พระดาบสได้ทูลถวายพระสุธนกุมารนั้น โดยถ้วนถ่ีทุกประการมิได้อา
พรางเลย ระบรมโพธิสตั วเ์ จ้า ทรงพระอุตสาหะเสด็จไปคร้งั นนั้ ได้ยนิ ว่านับเวลาท่ลี ่วงไปได้เจ็ดปีเจ็ดเดือนกับอีกเจ็ด
วัน พระองค์ทรงฝ่าอันตรายพ้นไปเป็นตอน ๆ จนลุล่วงเลยป่าดงทีบไป พระมหาสัตว์เสด็จเข้าไปใกล้ยกหม้อน้าให้
นางกนิ รี พระองค์จึงหยิบธามรงค์วงหน่งึ ใสใ่ นหม้อน้าแลว้ ก็ส่งไป ฝา่ ยว่านางกินรที งั้ หลาย ทไ่ี ด้ยกหมอ้ นา้ ไปถึงก่อน
ก็ได้ให้มโนราห์สรงเป็นลาดับกันไป ส่วนกินรีผู้ท่ีมาถึงภายหลังได้ลดน้าลงท่ีศีรษะมโนราห์ ปุ ฺ สมฺปทา ความ
ปรารถนาอันถึงพร้อมด้วยบุญก็สาเร็จแก่พระมหาสัตว์เจ้า เหตุดังนั้นธามรงค์ประดับเพชร์นั้น ก็เล่ือนไหลจากหม้อ
ทองคาพรอ้ มกับสายนา้ เขา้ ไปสวมใส่ในนิ้วก้อยแห่งมโนราห์เทวี ๆ เห็นดังน้ัน ก็มีหฤทัยสะดุ้งว่าสามีมาถึงแล้ว น่า
สงสารนกั สามที ่ีรกั ของเรา อุตส่าห์บากบัน่ ตามมาจนถงึ ได้ เธอจงให้ไปเรียกเขาเข้ามาเถิด นางมโนราห์เทวีจึงใช้นาง
บรจิ าริกาออกไปเชิญพระสธุ นให้เขา้ มาเฝ้า พระสธุ นกุมารเมือ่ พระราชบดิ ามโนราห์รับส่ังใหเ้ ชญิ เขา้ ไปมีอาการองอาจ
ดังไกรสรสีหราช เสด็จเข้าไปยังพระนครขึ้นบนท้องพระโรงหลวงถวายบังคมพระสัสสุรราช ซ่ึงประทับอยู่ ณ รัตนสี
หาสน์ แล้วก็หมอบเฝ้า ณ ทสี่ มควร... วนวิชาธรท้ังหลายได้เห็นพระมหาสัตว์แล้ว ต่างก็แลดูจนนัยน์ตามิได้กระพริบ
แทบทกุ คน ทา่ นทา้ วทมุ ราชแต่พอได้ทอดพระเนตรพระมหาสัตว์ มีพระหฤทัยโสมนัสยินดียิ่งนักทรงซักถามว่า แน่ะ
พอ่ พ่อได้ข้ามภูผาปา่ ดงกนั ดารมานานเทา่ ใด จึงไดม้ าถึงพระนครน้ี ฯ ขา้ แต่เทวดา ข้าพระบาทได้พยายามข้ามภูผา
และป่ากนั ดาร มาชา้ นานนบั ไดเ้ จ็ดปีเจด็ เดอื นกบั เจ็ดวนั เม่ือลว่ งพน้ สากลมัคคันดรแล้วน้นั ได้แผลงศรผลาญชพี มหา
ยักษ์ ๑ ตายแล้วกเ็ ดินเลียบเหยียบศีรษะยักษ์น้ันไป ครั้นล่วงเลยท่ีนั้นมาได้บรรลุถึงแม่น้าแสบขวางหน้าแห่ง ๑ จึง
เอายาผงซงึ่ เสกมนต์คาถาทาบาทาแล้วก็ดาเนินมาบนหลังพระยางูเหลือมอันกายยาวใหญ่ ซึ่งนอนขึงศีรษะและหาง
จดฝั่งทั้งสอง เหมือนทานองเป็นไม้สะพานข้าม ข้าพระบาทพยายามโดดข้ามมาได้แล้ว ถัดแต่น้ันมาถึงป่าหวายทึบ
หมดทางจะเดนิ ตอ่ ไป คราวน้ันได้ลดั ลิดลาหวายโหนหอ้ ยตัวไปทลี ะน้อย ๆ จนบรรลถุ งึ ต้นไม้ใหญต่ งั้ อยู่กลางดง เวลา
นน้ั เปน็ เวลาค่าลงจึงอาศยั อยบู่ นคบไม้ คืนน้นั หมู่นกมกี ายใหญ่มากดว้ ยกนั นอนอยทู่ น่ี ัน้ ปรึกษากนั วา่ วนั รงุ่ เช้าจะเข้า
มาหากนิ ที่นครน้ี ข้าพระบาทได้ซ่อนกายมัดม่ันไว้กับขนปีกพระยานก ๆ ได้พาบินข้ามป่าหวายมาหยุดลงที่ขอบสระ
โบกขรณี ขา้ พระบาทได้หลบหนีซ่อนกายอยู่ท่ีสระน้นั และตอ่ มาจึงพบกันกับนางกินรีซ่ึงลงไปตักน้า ณ สระโบกขรณี

มโนราห์เทวจี ึงทราบเรื่องที่ข้าพระบาทตามมา ดว้ ยประการดังนี้

๑๔

ทา่ นทา้ วทุมราชาทรงฟงั ดังนั้น จงึ ตบพระหตั ถต์ รัสว่า โอนา่ อศั จรรยจ์ รงิ หนอ แล้วตรัสถาม
พระมหาสตั ว์ตอ่ ไปว่า ดกู รพอ่ พ่อชื่อวา่ สธุ นกุมารหรอื ฯ ข้าพระบาทช่ือสุธนกุมาร พระเจ้าข้า ฯ ดูกรพ่อ พ่อรู้ศิลปธนู
หรือไม่ ฯ ขา้ แตเ่ ทวดา สง่ิ ใดสง่ิ หนึ่งซึ่งข้าพระบาทจะไม่รู้นั้นเป็นอันไม่มี ฯ ดีแหละพ่อ เราจะขอดูศิลปของพ่อ ฯ ข้า
แต่พระมหาราช พระองคจ์ งให้ราชบรุ ษุ เอาตน้ ตาลเจด็ ต้นฝงั เรยี งกันไปไวร้ ะยะให้ห่างกนั วาหน่ึง จึ่งให้เอากระดานไม้
มะเด่ือเจ็ดแผ่น หนาแผ่นละสามศอกกว้างหนึ่งวา วางพิงตามช่องเสาต้นตาลแล้วให้เอาศิลาเจ็ดเสาฝังไว้เบ้ืองหน้า
กระดานไมม้ ะเด่อื แล้ว ใหเ้ อาแผ่นเหลก็ เจ็ดแผน่ ทองแดงเจด็ แผ่น หนาแผ่นละส่ศี อกกว้างยาวหนง่ึ วาวางซ้อนกนั ไว้ใน
เบ้ืองหน้าแห่งเสาศิลาแล้ว ให้เอาเกวียนบรรทุกเต็มด้วยทรายเจ็ดเล่มเรียงลาดับกันไปในเบ้ืองหน้า ข้าพระบาท
อาจจะยงิ ให้ลูกศรตลอดไปได้ ฯ ดูกรพอ่ พ่ออาจจะยงิ ทะลุไปไดเ้ ทียวหรือ ฯ ข้าแต่เทวดา พระองค์ไม่ต้องสงสัยเลย
ข้าพระบาทอาจจะยงิ ถวายได้ พระเจ้าข้า พระเจ้าทมุ ราช จงึ รบั ส่ังให้อามาตย์จัดการตามสุธนกุมารบอกน้ันเสร็จแล้ว
จงึ ใหต้ กี ลองเพ่ือใหพ้ วกวชิ าธรมาประชุมกัน พระสุธนกุมารนนั้ ยนื อยู่หน้าพระลาน มิไดค้ รั่นครา้ มขามขยาดองอาจดุจ
เทวราชในหมู่อสุรสงครามฉะนัน้ ครน้ั แล้วก็ทรงยกธนพู าดลูกศรแล้วก็แผลงไป ต้นตาลเจ็ดต้นกระดานไม้มะเดื่อเจ็ด
แผ่น เสาศิลาเจ็ดต้นแผ่นเหล็กเจ็ดแผ่น แผ่นทองแดงเจ็ดแผ่นเกวียนบรรทุกทรายเจ็ดเล่มก็แหลกทาลายไป ลูกศร
ทาลายอาลาตจักรแล้วเลยเขา้ ไปยังพน้ื สาคร และเลยแลน่ เข้าไปยังหอ้ งภเู ขาจักรวาฬ แล้วหวนกลบั เขา้ มาประดษิ ฐาน
อยู่ ณ พระหัตถ์ขวาพระมหาสัตวอ์ กี ครง้ั นน้ั หมู่วชิ าธรมพี ระทมุ ราชาเป็นต้นและเทพยเจ้าบนอากาศพากันสรรเสริญ
ให้ซร้องสาธกุ ารพระมหาสตั ว์เจ้า

๑๕

คณุ คำ่ ของวรรณกรรม

๑. คุณคำ่ ดำ้ นเนอ้ื หำ

๑.๑ ได้รับควำมรู้ควำมเข้ำใจในเรื่องต่ำง ๆ มำกข้ึน ผู้อ่ำนจะได้รับควำมรู้ทั้งเกี่ยวกับ วัฒนธรรม
ประเพณี สภำพสังคม กำรเมืองกำรปกครอง และควำมรู้อ่ืน ๆ อีกมำกมำยจำกกำรอ่ำน เช่น กำรระดมพลเพื่อ
ออกรบ ดังปรำกฏในตอนท่พี ระสุธนออกรบกับเมืองปจั จันตชนบท ควำมว่ำ

“พระสุธนกุมำรจึงเสด็จขึ้นทรงหลังมำตังคกุญชร พวกนิกรสหชำติโยธำทั้งสี่หมู่ก็เดิน
เป็นคู่กันไป ได้ยกพยุหเคลื่อนออกจำกเมือง เดินแน่นเนื่องสับสนกล่นกลำดปถพี กุญชรหัตถีก็
เปล่งสำเนียงโกญจนำท พลทหำรม้ำผู้สำมำรถและพลเดินเท้ำล้วนอำจหำญ แวดล้อมพร้อม
ด้วยบริวำรสะเทื้อนสะท้ำนแผ่นพสุธำทั้งเทพยดำก็ยังมำช่วยอภิบำล รีบเร่งเดินกระบวนทัพ
โดยลำดับจนบรรลุเขตขัณฑ์ปัจจันตชนบท ด้วยเดชำนุภำพมหำสัตว์เจ้ำ เหล่ำพวกข้ำศึก
ท้ังหลำยก็ไม่อำจรบต่อสู้ได้ พำกันยกพวกพลหนีกลับไป”

จำกข้อควำมข้ำงต้น สมัยก่อนมีกำรใช้ช้ำงในสมัยโบรำณมีกำรใช้ช้ำงในกำรทำสงครำม
ซ่ึงถือว่ำช้ำงนั้นเป็นกำลังสำคัญในกำรสู้ศึกเพื่อเอกรำชของไทยเลยก็ว่ำได้ กำรใช้ช้ำงในกำรทำสงครำม
น้ันได้มีกำรกล่ำววิธีกำรต่อสู้เอำไว้ว่ำพระเจ้ำแผ่นดินหรือแม่ทัพก็จะใช้อำวุธของ้ำวต่อสู้กันบนหลังช้ำง
ส่วนช้ำงที่ใช้ต่อสู้น้ันก็จะต่อสู้กับช้ำงของศัตรูช้ำงผู้ใดท่ีมีกำลังมำกและสำมำรถสู้งัดช้ำงของศัตรูก็
จ ะ เ ป็ น ฝ่ ำ ย ไ ด้ เ ป รี ย บ เ พ ร ำ ะ จ ะ ท ำ ใ ห้ แ ม่ ทั พ น้ั น ส ำ ม ำ ร ถ ใ ช้ ข อ ง้ ำ ว ฟั น คู่ ต่ อ สู้ ไ ด้ อ ย่ ำ ง ส ะ ด ว ก
และได้ชัยชนะซงึ่ กำรรบั ชัยชนะนัน้ จะตอ้ งขึน้ อยกู่ ับควำมเข้มแขง็ ของชำ้ งและแม่ทพั ด้วย

๑.๒ เกดิ จินตนำกำรและพัฒนำควำมคิด จนิ ตนำกำรเป็นภำพท่ีเกิดข้ึนในใจของผู้อ่ำน จำกคำบรรยำย
คำพรรณนำ และคำอปุ มำอปุ ไมยเปรียบเทียบจนเห็นภำพได้ชัดเจน โดยจินตนำกำร ของแต่ละคนไม่เหมือนกันแต่
เป็นสิ่งท่ีสวยงำมและมีคุณค่ำท่สี ดุ ทไี่ ด้รับจำกกำรอ่ำน เป็นจุดเร่ิมต้นของ กำรสร้ำงควำมคิดริเร่ิมสร้ำงสรรค์ เช่น
อติพจน์ ภำพพจน์ท่ีเป็นกำรกล่ำวเกินจริงอย่ำงจงใจด้วยเจตนำเน้นข้อควำมที่กล่ำวน้ันให้มีน้ำหนักยิ่งข้ึน และให้
ควำมร้สู กึ เพิม่ ข้นึ อำจเป็นกำรโออ้ วดเกินจริงแตม่ เี ค้ำควำมจริงอยบู่ ้ำง (รำชบณั ฑิตสถำน, ๒๕๕๔) ควำมวำ่

“พระนำงจันทำเทวีมีเสำวนีย์ตรัสเล่ำเร่ืองควำมหลังต้ังแต่ต้นให้พระสุธนทรำบทุกประกำร
เมื่อพระสุธนกุมำรได้สดับเหตุดังน้ัน มีพระหฤทัยเสียวสั่นรำวกับว่ำอกจะแตกออกทันที เสด็จไป
ทอดพระเนตรนิเวสนฐำน อันเงียบสงัดดุจดังป่ำช้ำ พระองค์ไม่สำมำรถดำรงพระกำยำไว้ได้
ถงึ สภำวสลบลงโดยทันใด อุปมัยเหมอื นมบี ุคคลมำตัดพระบำทให้ขำดไปท้งั สองข้ำงฉะน้นั ”

๑๖

๑.๓ พัฒนำจติ ใจผอู้ ำ่ น พระสธุ น-มโนหร์ ำ เป็นเรือ่ งรำว มเี นอื้ หำสำระ มเี รอื่ งรำวที่สนกุ
อ่ำนแลว้ สบำยใจ คลำยเครียด สำมำรถกลอ่ มเกลำจิตใจให้ออ่ นโยน ให้ขอ้ คิดคติธรรม อีกทั้งสอนให้
ประพฤติดีประพฤติชอบ สรำ้ งสรรค์ จรรโลงใจใหเ้ กิดกำลงั ใจยำมท้อแท้ ประกอบกับสำมำรถพัฒนำจติ ใจ
ยกระดับควำมรู้ ควำมคดิ และสตปิ ัญญำใหส้ งู ข้ึน เช่น ควำมรกั นวลสงวนตวั ของนำงมโนหร์ ำ เห็นไดจ้ ำก
พฤตกิ รรมของนำงมโนหร์ ำ ตอนท่นี ำงมโนรำหไ์ ม่ยอมให้พรำนบญุ ถกู เนือ้ ตอ้ งตวั นำงในขณะท่พี รำนบุญ
กำลงั จะจับนำงขึน้ จำกสระอโนดำต ควำมว่ำ

“พรำนบุณฑริกเห็นนำคบำศคล้องหัตถ์มโนห์รำ รีบสำวเท้ำมำหวังจะจับหัตถ์มโนห์รำ
นำงร้องห้ำมว่ำ ท่ำนอย่ำได้ถูกต้องชีวิตน้องจะตำยลง ท่ำนจงปลดบ่วงออกให้ ตัวข้ำจะไปกับท่ำน พรำน
บุณฑรกิ ได้ปลดนำคบำศจำกหัตถำแล้วพูดว่ำ นำงเทวีจงเปลื้องเครื่องคลุมคือปีกหำงให้ข้ำพเจ้ำ นำงมโนห์
รำได้เปลื้องปกี หำงส่งให้นำยพรำนถอื ไว้ นำงได้คุกเขำ่ ลงกบั พสธุ ำผันหนำ้ ตอ่ ทศิ อดุ ร...”

จำกบทควำมข้ำงตน้ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ นำงมโนหร์ ำเป็นหญิงทีร่ ้จู กั รกั นวลสงวนตวั ไม่ยอมให้ชำยแปลกหน้ำ
มำถูกเน้ือตอ้ งตัว นำงได้หำขอ้ อ้ำงว่ำตัวพรำนบญุ นน้ั เหม็นสำบจนเปน็ ลมตำยน่ีถือเปน็ อุบำยอย่ำงหนึง่ ด้วย

๑๗

๒. คุณคำ่ ดำ้ นวรรณศลิ ป์

โวหำร

ลลี ำหรอื ท่วงทำนองกำรเขียนหรือกำรพูดเพอ่ื ใหผ้ ้อู ่ำนผ้ฟู งั รู้เรอ่ื งรำว เขำ้ ใจ หรอื เกิดอำรมณ์
ควำมรสู้ กึ ตำมวตั ถปุ ระสงคข์ องเร่อื ง เช่น

๒.๑ อุปมำโวหำร โวหำรเปรียบเทียบ โดยยกตัวอย่ำง ส่ิงท่ีคล้ำยคลึงกันมำเปรียบเพื่อให้
เกิดควำมชัดเจนด้ำนควำมหมำย ด้ำนภำพ และเกิดอำรมณ์ ควำมรู้สึกมำกย่ิงขึ้น โดยอำจ
เปรยี บเทียบอยำ่ งสั้น ๆ หรือเปรียบเทยี บอย่ำงละเอียดก็ได้ ทั้งน้ีข้ึนอยู่กับอุปมำโวหำรนั้นจะนำไป
เสริมโวหำรประเภทใด ดังปรำกฏในตอนที่นำงจันทำเทวีตำมหำนำงมโนห์รำท่ีสระอโนดำต
ควำมวำ่

“นำงเทวมี โนหรมำตำ เท่ยี วเสำะหำรำชธิดำมำถงึ สระโบกขรณี ไดห้ ยุดลงจำกอำกำศวถิ ี
ได้เหน็ กณุ ฑลแกว้ มณแี ละพวงดอกไมอ้ ันกระจัดพลดั พรำยตกอยู่ทท่ี ่ำลงเล่นน้ำ นำงยง้ั พระองค์ไว้
ไม่ได้กล็ ม้ ลงไป ดงั ยอดปรำสำทอันตอ้ งเวรัมพวำตหกั ขำดลงฉะน้นั นำงทรงรำพันถึงพระลกู ยำว่ำ
มำรดำไดม้ ำเห็นแตส่ ระศรีมไิ ดเ้ ห็นหน้ำเจ้ำมโนรำห์ มำรดำไมร่ ู้ว่ำจะถำมใคร ๆ ก็ไมม่ ีมำ มำรดำ
จะไดถ้ ำมเขำ โอว้ ำ่ กรรมของเรำจงึ พลดั พรำกไปจำกกัน ทำไฉนจะได้เหน็ หน้ำมโนรำห์ นำงรำ่ ไรไป
มำดุจดงั จะเป็นบำ้ ”

๒.๒ พรรณนำโวหำร กำรเขียนหรอื กำรกล่ำวถงึ สงิ่ ใดสิ่งหนึ่งอย่ำงละเอียด มุ่งให้ผู้อ่ำนหรือ
ผู้ฟังสังเกต แลเห็นภำพพร้อมกับเกิดควำมรู้สึกประทับใจคล้อยตำมไปด้วย ผู้พรรณนำอำจ
พรรณนำภำพท่ตี นแลเห็น เชน่

“พรานบณุ ฑริกจึงแจ้งความวา่ ขา้ แต่พระฤๅษีผู้เจริญ ข้าพเจ้ามิได้ครั้นคร้ามขามขยาด องอาจ
ดุจราชสีห์เท่ียวมาหาเน้ือไนไพรสัณฑ์คนเดียวเท่าน้ี นายพรานนมัสการแล้วก็ไปเท่ียวหาเน้ือต่อไป ได้

เห็นสวนตาบลหนง่ึ เป็นที่รมั ณยิ สถาน อนั ตระการดว้ ยรม่ รกุ ขล์ ้วนไมแ้ คฝอยงามวิจิตร ในท่ามกลางสวน

นั้นมีสระส่ีเหลี่ยมเป่ียมด้วยวารีใสสะอาด ดาดาษด้วยเบ็ญจปทุมวรรณ์ ริมรอบขอบสระน้ันด่ืนไปด้วย
บปุ ผาชาติมีจาปาและมะลิเป็นตน้ พรานบณุ ฑรกิ จึงกลับมาหาพระฤาษ”ี

๑๘

๓. คุณคำ่ ดำ้ นสงั คม
๓.๑ ค่ำนยิ ม

๓.๑.๑ กำรปนู บำเหนจ็ หมำยถงึ รำงวลั คำ่ เหน่อื ย คำ่ ควำมชอบเป็นพเิ ศษ เชน่ ปูนบำเหน็จ เงินตอบ
แทนทไี่ ด้ทำงำนมำ ซึ่งจ่ำยครั้งเดียวเมอ่ื ออกจำกงำน (รำชบณั ฑิตสถำน, ๒๕๕๔) ดงั ปรำกฏในตอนท่ี
พรำนบญุ นำนำงกินรี หรอื นำงมโนหร์ ำ จำกป่ำหิมพำนต์มำถวำยแก่พระสุธน ควำมวำ่

“พระโพธิสัตว์ทรงพระโสมนัส ได้ประทำนทองคำพันล่ิม กับแหวนเพชร์วงหน่ึงแก่พรำน
บุณฑริก และทรงเก้อื กูลดว้ ยสักกำรอืน่ อกี มำกมำย”

จำกบทควำมขำ้ งตน้ พระสุธนไดป้ ระทำนรำงวลั แกพ่ รำนบุญ เป็นควำมดคี วำมชอบ ส่ือให้
เหน็ วำ่ เม่ือทำควำมดีควำมชอบ ก็จะได้รบั กำรตอบแทนเปน็ กำรปูนบำเหน็จต่ำง ๆ

๓.๒ ประเพณี

๓.๒.๑ กำรอภิเษกสมรส อภิเษก แปลว่ำ รดน้ำเพื่อแสดงกำรแต่งตั้ง ยกย่อง หรือทำให้เป็นอย่ำงใด
อย่ำงหน่ึง เช่น รดน้ำเพื่อแสดงกำรแตง่ ตัง้ บคุ คลท่ีเปน็ พระมหำกษัตรยิ ์ รดนำ้ เพอื่ แสดงว่ำชำยและหญิง
๒ คนน้ีจะเป็นสำมีภรรยำกัน ในเร่ือง พระสุธนมโนห์รำ ได้ปรำกฏเรื่องกำรอภิเษกหลังจำกที่พรำน
บญุ ฑริกนำนำงมโนหร์ ำมำถวำยพระสุธน ควำมว่ำ

(ต่อ) ...แล้วให้พนักงำนไปกรำบทูลพระรำชบิดำมำรดำ พระเจ้ำอำทิจวงศ์กับองค์จันทำเทวี
ทรงโสมนสั ยนิ ดีไดใ้ ห้พนักงำนเภรีไปตีประกำศรำษฎรว่ำ บรรดำประชำชนชำวนครจงจัดแจง
ส่ิงของบรรณำกำร ออกไปต้อนรับนำงมโนรำห์ธิดำท้ำววิชำธรลูกสะใภ้ของเรำ รำษฎร
ทงั้ หลำยไดพ้ ำกันทำตำมประกำศพระเจ้ำอำทิจวงศ์รำช ให้พนักงำนจัดกำรแต่งนครให้งดงำม
วิจิตรรุ่งเรื่องรำวกะว่ำเมืองไตรทศทิพยวิมำน แล้วให้เชิญนำงมโนรำห์แต่อุทยำนเข้ำสู่
พระรำชฐำน ได้ให้จัดพิธีมงคลกำรสำมอย่ำง คือ ปรำสำทมงคล วิวำห์มงคล อภิเษกมงคล
เม่อื เสร็จพิธีกำรมงคลแลว้ พระมหำสัตว์กไ็ ด้เสด็จร่วมรักกับมโนรำห์อัครมเหสีทรงหน่ำยคลำย
นำรอี นื่ มิได้อำลยั ได้เสวยสขุ สำรำญพระหฤทยั ดว้ ยประกำรดังนี้

๑๙

๓.๓ พธิ กี รรม

พิธีกรรม หมำยถึง กำรบูชำ, แบบอย่ำงหรือแบบแผนต่ำง ๆ ท่ีปฏิบัติในทำงศำสนำ
(รำชบณั ฑิตยสถำน, ๒๕๕๔, น.๓๘๕)

๓.๓.๑ พิธบี ชู ำยัญ หมำยถึง กำรบูชำของพรำหมณ์อยำ่ งหน่ึง กำรเซ่นสรวงดว้ ยวิธฆี ำ่ คนหรอื
สัตว์เป็นเคร่ืองบูชำ (รำชบัณฑิตยสถำน, ๒๕๕๔) ดังปรำกฏในตอนท่ีครำวจะเกิดสงครำม พระสุธนออก
ไปรบ พระบิดำได้ทรงพระสุบิน ปุโรหิตใช้กลลวงได้ทำนำยว่ำจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ให้นำนำงมโนห์รำไป
บชู ำยญั ซงึ่ ท้ำวอำทิตยวงศไ์ ด้ยินยอมตำมนั้น นำงมโนห์รำรู้เข้ำก็เกิดตกใจ จึงออกอุบำยขอปีกกับหำงของ
นำงคนื เพอื่ ร่ำยรำหน้ำกองไฟกอ่ นจะตำย ควำมวำ่

“ข้ำแต่เทวบพิตร พระสุบินนิมิตนี้ไม่ดี ฯ ดูกรพรำหมณ์ ไม่ดีน้ันจักเป็นอย่ำงไร ฯ
ข้ำแต่เทวบพิตรตำรำทำยว่ำพระรำชสมบัติกับพระองค์จักเป็นอันตรำยถึงควำมพินำศใหญ่ ฯ
ดูกรพรำหมณ์ ถำ้ เชน่ น้ันเรำจะแก้ไขอย่ำงไรได้บ้ำง ฯ ควรจะทำกำรบูชำยัญ ฯ พิธีบูชำยัญน้ันจักทำ
อย่ำงไร ฯ ข้ำแต่เทวบพติ รพธิ บี ชู ำยญั น้นั ต้องฆ่ำสตั ว์สองเท้ำส่เี ทำ้ บชู ำ ทีฝ่ ันรำ้ ยจึงจะกลำยเป็นดไี ด้

...รำชำพระเจ้ำอำทิจจวงศ์ทรงตรัสสั่งอำมำตย์ทั้งหลำย ให้รีบช่วยหำสัตว์ส่ีเท้ำสอง
เท้ำไว้ให้พร้อมเรำจักทำบูชำยัญ อำมำตย์ท้ังหลำยนั้น ได้บังคับพวกพรำนให้จัดกำรหำสัตว์
สี่เท้ำสองเท้ำกับทั้งบุรุษและสตรี นำมำรวมไว้ในโรงพิธียัญพร้อมเสร็จแล้ว ได้กรำบทูลให้ทรง
ทรำบทุกประกำร พระรำชำจึงตรัสแก่พรำหมณ์ปุโรหิตว่ำดูกรพรำหมณ์สิ่งสรรพสัตว์ได้จัดไว้
พรอ้ มแลว้ จงรีบทำพิธีเถิด ฯ ข้ำแต่เทวบพิตร ยังขำดอยู่ส่ิงหนึ่งยังทำพิธีไม่ได้ ฯ ดูกรพรำหมณ์
ยังขำดอะไรอีกเล่ำ ฯ ข้ำแต่เทวบพิตร ยังขำดกินนรอีกอย่ำงหน่ึง ฯ กินนรน้ันหำได้ยำกนัก ฯ
หำไม่ยำกนักมอี ยู่ในนครน้ี คอื นำงมโนหร์ ำ ฯ”

๒๐

๓.๕ ควำมเชอื่

๓.๕.๑ ควำมเชอื่ เรอื่ งควำมฝนั
ปรำกฏในตอนที่ทำ้ วอำทติ ยวงศท์ รงพระสบุ ิน ควำมว่ำ

“พระอันตะของพระองค์ไหลออกพระอุระ แล้วไปพันรอบชมพูทวิปได้สำมรอบ
แล้วหดกลับเขำ้ มำดงั เดิม รงุ่ เชำ้ จึงรับส่ังให้พรำหมณ์ปุโรหิตเข้ำเฝ้ำ และทรงเล่ำพระสุบินให้
ฟังปุโรหิตมีควำมดีใจคิดว่ำควำมท่ีเรำตั้งไว้ท่ีน้ีจักสำเร็จแล้ว วันน้ีเรำจักได้เห็นสุธนผู้เป็น
ข้ำศึกแล้ว คิดดังน้ีจึงกรำบทูลพระรำชำว่ำ ข้ำแต่เทวบพิตร พระสุบินนิมิตน้ีไม่ดีฯ
ดูกรพรำหมณ์ ไม่ดีนั้นจักเป็นอย่ำงไร ฯ ข้ำแต่เทวบพิตรตำรำทำยว่ำพระรำชสมบัติกับ
พระองค์จักเป็นอันตรำยถึงควำมพินำศใหญ่ฯ ดูกรพรำหมณ์ ถ้ำเช่นน้ันเรำจะแก้ไขอย่ำงไร
ได้บ้ำง ฯ ควรจะทำกำรบูชำยัญ ฯ พิธีบูชำยัญน้ันจักทำอย่ำงไร ฯ ข้ำแต่เทวบพิตร
พธิ บี ูชำยญั น้ันตอ้ งฆ่ำสัตวส์ องเท้ำส่ีเท้ำบชู ำ ท่ฝี นั รำ้ ยจงึ จะกลำยเป็นดีได้ พรำหมณ์บปุโรหิต
ทลู ดังนีแ้ ล้ว จึงไดก้ รำบทลู ดว้ ยคำถำนีว้ ่ำ ”

จำกข้อควำมขำ้ งตน้ มคี วำมเชื่อวำ่ ถำ้ ผใู้ ดไดก้ ระทำพธิ บี ชู ำพิธีดังกลำ่ ว ฝนั ร้ำยจะกลำยเป็นดี

ปโุ รหิตจึงกรำบทลู ดว้ ยคำถำน้ีว่ำ
ยทำ ทสุ ุปนิ ทสิ ฺวำ สพพฺ ปำณำย ขหุ ติ
นำสเฺ สติ ทสุ ุปิน ทฏิ ฺ อติ ิ เวโท ปวจุ จฺ ติ
ตสมุ ำปิ ย ฺ กริตวฺ ำ มำ จ โกจิ อปุ ททฺ โว
เทวยิ ำ รชขฺ อตฺตำน กตย ฺ สขุ ลภสิ ปเุ รตร
ควำมว่ำ ข้ำแต่มหำรำช คมั ภีรเ์ วทศำสตรท์ ำยไว้อย่ำงน้ีว่ำ กำลเม่ือใดผู้ท่ีฝันเห็นไม่ดี ได้ทำพิธี

บูชำด้วยฆ่ำสัตว์แล้ว ในกำลนั้นฝันร้ำยก็กลับกลำยเป็นดีไป เพรำะเหตุน้ัน พระองค์ได้ทรงทำยัญญวิธี

แล้วอุปัททวันตรำยก็ไม่มี พระองค์กับพระรำชเทวีจักเสวยรำชสมบัติ เป็นสุขสำรำญย่ิงเช่นดังก่อนมำ

ด้วยประกำรฉะนี้

๒๑

๓.๕.๒ ควำมเชอื่ เรอ่ื งบำปกรรม ปรำกฏในตอนทีน่ ำงจันทำเทวีร่ำไห้กบั นำงมโนหร์ ำ ควำมวำ่

” พระน ำงจัน ทำเท วี ก็สว มกอด ศรีสะ ใภ้พล ำงทำง ก็ทรง โศกีร่ ำไรว่ ำ
ชะรอยว่ำเรำได้พรำกลูกเนื้อและลูกนกไปจำกอกแม่แต่ปำงก่อน ผลกรรมนั้น
จงึ ติดตำมทำให้มำรดำอนำถำพลัดพรำกลูกและผัวรัก แต่น้ีไปเรำจักเซซังเท่ียวไปตำมภูเขำ
และเนำไพรในกลำงป่ำ อุปมำเหมือนแม่เน้ืออันปรำศจำกลูกอ่อนเที่ยวสัญจรไปตำมหำลูก
ฉะน้ัน เหตุไรเล่ำ เทพยเจ้ำซ่ึงสิงสู่อยู่ตำมไพรพฤกษและภูเขำ ท้ังอำกำศเทพยเจ้ำทั้งหลำย
ช่ำงมำปล่อยให้พลัดพรำกไปจำกลูกฉะน้ีเล่ำ พระลูกเจ้ำเมื่อมำถึงบุรีน้ีมิได้เห็นศรีสะใภ้
ก็จักเปล่ียวเปล่ำพระหฤทัย อุปมัยเหมือนแม่นกจำกพรำกอันปรำศจำกลูกเห็นแต่รังเปล่ำ
ก็เศร้ำสร้อยละหอ้ ยใจฉะนน้ั ”

๓.๕.๓ ควำมเชอ่ื เรอื่ งกำรอธษิ ฐำน ปรำกฏในตอนทพ่ี ระสธุ นตรสั กบั พระฤๅษกี สั ป ควำมว่ำ

“ถ้ำหำกว่ำข้ำพเจ้ำไปได้คู่รักแล้วก็จะกลับมำบ้ำนเมืองของตน ถ้ำข้ำพเจ้ำไปตำมไม่
พบคูร่ ัก ขำ้ พเจ้ำจำตอ้ งตำยอยู่ในป่ำนั้นเอง ถ้ำหำกว่ำข้ำพเจ้ำได้ทำประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพ
สัตว์ไว้ และมิได้คบกับภรรยำของผู้อื่นในกำลก่อนจริงแล้วไซร้ ขอให้ข้ำพเจ้ำตำมไปพบ
มโนรำหส์ มดุจดงั ควำมปรำรถนำเทอญ”

และปรำกฏในตอนท่ีพระสุธนได้ยินเสียงเหล่ำกินรีสนทนำกันขณะตักน้ำท่ีสระ
อโนดำตเพื่อไปสรงนำงมโนหร์ ำน้องสำวของตน ควำมว่ำ

“เ ห็ น อ ย่ ำ ง เ ดี ย ว ท่ี เ ร ำ จั ก ท ำ ค ว ำ ม อ ธิ ษ ฐ ำ น เ ท่ ำ นั้ น ค ว ำ ม ป ร ำ ร ถ น ำ ข อ ง เ ร ำ
จักสำเร็จก็เพรำะอธิษฐำนจิตแท้จริง ควำมอธิษฐำนย่อมสำเร็จแด่พระโพธิสัตว์ท้ังหลำย
จำเดิมแต่ได้พยำกรณ์มำแต่สำนักพระพุทธเจ้ำองค์ใดองค์หนึ่ง เหตุดังนั้นพระสุธนรำช
ปรำรถนำจะทำอธิษฐำนจิตจึงภำษิตพระวำจำนี้ว่ำ ก็ถ้ำหำกว่ำเรำจักได้สมัครสังวำสกับ
มโนรำห์เท่ียงแท้ไซร้ ขออย่ำให้หญิงผู้หน่ึงยกหม้อน้ำข้ึนได้ ทรงอธิษฐำนแล้วก็เสด็จออกจำก
ระหว่ำงพุ่มไม้ ไปประทับน่ังอยู่ ณ โคนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง......กินรีผู้ท่ีมำถึงภำยหลังได้ลดน้ำ
ลงท่ีศีรษะมโนรำห์ ปุ ฺ สมฺปทำ ควำมปรำรถนำอันถึงพร้อมด้วยบุญก็สำเร็จแก่พระมหำ
สัตว์เจ้ำ เหตุดังนั้นธำมรงค์ประดับเพชร์นั้น ก็เล่ือนไหลจำกหม้อทองคำพร้อมกับสำยน้ำ เข้ำ
ไปสวมใส่ในนิ้วก้อยแห่งมโนรำห์เทวี ๆ เห็นดังนั้น ก็มีหฤทัยสะดุ้งว่ำสำมีมำถึงแล้วน่ำสงสำร
นกั สำมที ี่รักของเรำ อตุ ส่ำหบ์ ำกบน่ั ตำมมำจนถงึ ได้”

๒๒

คาอธบิ ายศพั ทแ์ ละขอ้ ความ

กนิ รี กินนรเพศหญิง
ศัสตราวุธขนาดสนั้ มีคม๒ด้านมดี า้ มและฝกั ด้ามจบั หรอื โกร่งทาดว้ ยไมเ้ นอื้ ดฝี ัก
กฤช มีทงั้ ที่ทาดว้ ยไม้ละเลยี่ มหมุ้ ทองคาพรอ้ มแกะสลักลวดลายสวยงาม,
ชื่อภเู ขาในเทอื กเขาหิมาลยั เชอื่ วา่ เปน็ ทส่ี ถิตของพระอศิ วรในศาสนาพราหมณ์
ไกรลาส หนงั สอื ตาราทสี่ าคญั ทางศาสนา หรือโหราศาสตร์
คัมภีร์ วามสับสนวุ่นวาย, ความป่นั ปว่ นไม่เปน็ ระเบยี บ, ความไมเ่ รยี บร้อย
จลาจล เผ่นข้ึนไป เช่น เคร่อื งบนิ ทะยานขึน้ สูฟ่ า้ โผนเขา้ ใส่ เช่น ทะยานเข้าสู้
ทะยาน แหวน
ธามรงค์ บ่วงทเ่ี ปน็ งู เป็นช่อื ศรของอินทรชิตทแ่ี ผลงไปเปน็ งู
นาคบาศ พญางู
นาคราช เสมอไป สม่าเสมอ มกั ใช้วา่ เปน็ นิตย์
นิตย์ ก.นริ มิตสรา้ งแปลงทา. (ป.นิมฺมิต ส.นิรฺมิต).น.เครอ่ื งหมายลางเหตุ เค้ามูล
นิมิต แผ่นดิน
ปถพี
ปุโรหิต พราหมณท์ ี่ปรึกษาของพระมหากษัตริยใ์ นทางนิติ คือ ขนบธรรมเนยี มจารตี ประเพณี
โบกขรณี
รกชัฏ สระน้า, สระบัว
พระราชฐาน
พระสสั สุ รกย่งุ รกอย่างปา่ ทบึ
พระโพธิสตั ว์
พสธุ า ท่อี ยูป่ ระจาของพระเจา้ แผ่นดนิ ใชว้ า่ เช่นเขตพระราชฐาน แปรพระราชฐาน
พลิ าป
พิลาส แมย่ าย, แมผ่ ัว
พิไร
ทา่ นผู้ท่ีจะไดต้ รสั รูเ้ ป็นพระพทุ ธเจ้า

“ผูท้ รงไว้ซึง่ ทรพั ย์” คือ แผ่นดนิ

ร่าไรราพัน ครา่ ครวญ ร้องไห้ บน่ เพ้อ

ก.กรดี กรายเยือ้ งกรายคะนองฟอ้ นรา.ว.งามอยา่ งมเี สน่ห์ งามอยา่ งสดใส

ราพัน รา่ วา่ ร่าร้อง

มนตร์ ๒๓
ยญั วิธี
รตั กัมพล คาศักดสิ์ ทิ ธ์ทิ างไสยศาสตร์, ทางศาสนาพราหมณ์ใชส้ วดและเสกเป่า
วิมาน พธิ ีเซน่ สรวงบชู าของพราหมณ์
วโิ ยค ผา้ สา่ นแดง
เวชศาสตร์ ที่อยหู่ รือที่ประทับของเทวดา, ยานทิพย์
สรรพโลก การจากไป การพลัดพราก ความร้าง ความหา่ งเหนิ
สงั วาล ชื่อตารารักษาโรคแผนโบราณวชิ าวา่ ดว้ ยการรักษาโรคโดยการใชย้ า
ทงั้ โลก, ทกุ คน, ทุกแหง่
สาคร
สร้อยเคร่อื งประดบั ชนดิ หนึ่งใช้คล้องเฉวยี งบา่
สบุ นิ
โสมนัส แม่น้า,ทะเล, ช่ือขันขนาดใหญ่ทาด้วยโลหะผสม ได้แก่ สัมฤทธ์ิ
เสาวนีย์ ทองเหลอื ง ตวั ขันเป็นทรงลูกมะนาวตัด ก้นขันมีเชิง ข้างขันทาเป็น
หัสดลี งิ ค์ รูปหนา้ สงิ โตปากคาบหว่ งซ่ึงใช้เปน็ หหู ว้ิ ข้างละหู ใช้บรรจุน้าสาหรับ
ทานา้ มนต์ หรอื สาหรบั ผู้มบี รรดาศักดิ์ใชอ้ าบ เรียกวา่ ขนั สาคร
หิมพานต์ ความฝัน
ความสขุ ใจ, ความปลาบปลืม้ , ความสบายใจ, ความดใี จ
อมนษุ ย์ คาส่ังของพระราชนิ ี, ใชว้ า่ พระราชเสาวนีย์

อนั ตะ นกในวรรณคดีมจี ะงอยปากยาวคล้ายงวงช้าง
อปุ ัทวนั ตราย ช่ือปา่ หนาวแถบเหนอื ของอนิ เดีย, ชอื่ กัณฑท์ ี่ ๒ แหง่ เวสสันดร
ชาดก
ผู้ทมี่ ิใชม่ นษุ ย์ (หมายรวมทั้ง เทวดา พรหม สัตวน์ รก เปรต
อสุรกาย ภูตผีปศิ าจ เป็นต้น) แต่โดยมากหมายถงึ ภูตผีปิศาจ
ลาไสใ้ หญ่ ราชาศพั ทว์ ่า พระอันตะ

สิ่งอุบาทว์และอนั ตราย

๒๔

ชวนคดิ พนิ จิ คณุ คา่

๑. วเิ คราะหเ์ นอ้ื หา

๑. วเิ คราะหล์ กั ษณะสาคัญของตวั ละคร ไดแ้ ก่ พระสุธน นางมโนหร์ า พรานบุญฑรกิ และปโุ รหติ
๒. อธบิ ายคณุ คา่ ดา้ นสงั คม และศิลปะแขนงตา่ ง ๆ ท่ีปรากฏในเรื่องพระสุธน-มโนห์รา
๓. นกั เรียนได้ขอ้ คดิ ใดบา้ งจากเร่อื งพระสุธน-มโนหร์ า

๒. พจิ ารณาภาษาการประพนั ธ์

๑. ภาษาท่ีใช้ในเรื่องพระสุธน-มโนหร์ า มคี วามแตกตา่ งอย่างไรกบั ภาษาทีใ่ ชใ้ นปัจจบุ ัน
๒. ข้อความตอไปนใ้ี ชถอยคาส่ืออารมณความรูสกึ อยางไรบาง

“หัวใจของเราจะแตกทาลายไป อุปมัยดุจถูกยิงด้วยลูกศรอันซาบด้วยยาพิษ
แม่มโนหร์ าหายไปไหน ไม่เห็นหนา้ แม่มโนหร์ า ขา้ แต่พระมารดา หม่อมฉันจะขอทูลลาไปเที่ยวตามหา
นางมโนราห์ ถ้าไม่ไดก้ จ็ กั ไม่กลบั มา จักขอลาตายอยู่ในป่าใหญ่ ถ้าหม่อมฉันได้ภรรยาแล้วจักกลับมา
ยงั สานกั พระมารดา ถา้ ตามไปไมไ่ ดน้ างมโนหร์ าหมอ่ มฉนั จักตายอย่ใู นป่านั้นเท่ยี งแท้”

๓. ยกตัวอย่างและอธิบายการใช้โวหารท่ีปรากฏในเร่ืองพระสธุ น-มโนหร์ า ว่าเปน็ โวหาร
ประเภทใด และมีความหมายว่าอย่างไร

๓. เลอื กสรรนาไปใช้

๑. ศึกษานทิ านพื้นบา้ นเร่ืองอน่ื ตามความสนใจ เชน นางสิบสอง แกว้ หนา้ ม้า ปลาบู่ทอง
๒. แบง่ กลุม่ แต่งนิทานตามจนิ ตนาการ

๒๕

อา้ งองิ

ราชบัณฑิตยสถาน. (๒๕๕๖). พจนานุกรมฉบบั ราชบัณทิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔.
วินัย ภู่ระหงษ์.(๒๕๒๐). พระสุธน-นางมโนห์รา การศึกษาเปรียบเทียบท่ีมาและความสัมพันธ์ฉบับต่าง ๆ.

วิทยานิพนธ์ปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต, แผนกวิชาภาษาไทย บัณฑิตวิทยาลัย
จุฬาลงกรณมหาวิยาลัย.
หอสมดุ วชิรญาณ. สธุ นชาดก (ออนไลน์). (มปป.). แหล่งที่มา: https://vajirayana.org [สืบค้นเมื่อ ๒ ตุลาคม
๒๕๖๓]



“ชาตินี้มีกรรมนอ้ งตามมา
ชาติหนา้ ใหพ้ ี่…ตามนอ้ งไป”


Click to View FlipBook Version