วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 19 SARABURI คู่มือ สระบุรี สระบุรี สระบุรีเป็นเมืองส�ำคัญเมืองหนึ่งแต่โบรำณ สันนิษฐำนว่ำตั้งขึ้นประมำณ พ.ศ.2092 ในรัชสมัยสมเด็จพระมหำจักรพรรดิ์ กำรตั้งเมืองนี้ สันนิษฐำน ว่ำพระองค์โปรดเกล้ำฯให้แบ่งพื้นที่เขตเมืองลพบุรีกับเมือง นครนำยกบำงส่วนมำรวมกัน ตั้งขึ้นเป็นเมืองสระบุรี ทั้งนี้ เพื่อต้องกำรให้เป็นศูนย์ระดมพลเมืองในยำมศึกสงครำม เพรำะฉะนั้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยำเป็นต้นมำ จึงมักพบ เรื่องรำวของจังหวัดสระบุรีเกี่ยวกับกำรศึกสงครำมอยู่เสมอ ส�ำหรับที่มำของค�ำว่ำ “สระบุรี สันนิษฐำนว่ำ เพรำะเหตุที่ ท�ำเลที่ตั้งครั้งแรกมีบึงอยู่ใกล้ คือ “บึงหนองโง้ง เมื่อตั้งเมือง ขึ้นจึงได้น�ำเอำค�ำว่ำ “สระ มำรวมเข้ำกันกับค�ำว่ำ “บุรี เป็น ชื่อเมือง “สระบุรี สระบุรี อยู่ห่ำงจำกกรุงเทพฯ ประมำณ 107 กิโลเมตร แบ่ง กำรปกครองออกเป็น 13 อ�ำเภอ ได้แก่ อ�ำเภอเมือง หนองแซง เสำไห้ บ้ำนหมอ พระพุทธบำท หนองโดน แก่งคอย มวกเหล็ก วังม่วง วิหำรแดง หนองแค ดอนพุด และเฉลิมพระเกียรติ มี พื้นที่ทั้งสิ้นประมำณ 3,576 ตำรำงกิโลเมตร ตราประจ�าจังหวัดสระบุรี รูปมณฑป หมำยถึง สถำนที่อันเป็นที่เคำรพบูชำสูงสุดของ ชำวจังหวัดสระบุรีและชำวไทยทั้งประเทศ เป็นรูปมณฑปปลูก ครอบรอยพระพุทธบำทขององค์สมเด็จพระสัมมำสัมพุทธ เจ้ำ ตั้งอยู่ที่วัดพระพุทธบำทรำชวรมหำวิหำรต�ำบลขุนโขลน อ�ำเภอพระพุทธบำท จังหวัดสระบุรี ดอกไม้ประจ�าจังหวัด ชื่อดอกไม้ ดอกสุพรรณิกำร์ ชื่อวิทยำศำสตร์ Cochlospermum regium(Mart.&Schrank) Pilg ค�าขวัญประจ�าจังหวัด พระพุทธบำทสูงค่ำ เขื่อนป่ำสักชลสิทธิ์ ฐำนผลิตอุตสำหกรรม เกษตรน�ำล�้ำแหล่งท่องเที่ยว หนึ่งเดียวกะหรี่ปั๊บนมดี ประเพณี ตักบำตรดอกไม้งำม เหลืองอร่ำมทุ่งทำนตะวัน ลือลั่นเมือง ชุมทำง สระบุรีก่อนประวัติศาสตร์ ผลงำนวิจัยทำงธรณีวิทยำ ของผ่องศรี วนำสิน และ ทิวำ ศุภ จรรยำ ได้พบเมืองโบรำณบริเวณที่รำบเจ้ำพระยำตอนล่ำง 16 ที่นี่...
20 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 จังหวัด มีเมืองโบรำณ 63 ต�ำแหน่ง ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี คือ เมืองอู่ตะเภำ เมือง ขีดขิน และบ้ำนไผ่ล้อม ซึ่งเป็นบ้ำนเมืองสมัยประวัติศำสตร์ มนุษย์ยุคสมัยหินเก่ำไม่พบหลักฐำน ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี แต่พบเครื่องมือเครื่อง ใช้มนุษย์สมัยหินกลำงที่ถ�้ำพระงำม (ถ�้ำโพธิสัตว์) อ�ำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เมื่อเดือนตุลำคม 2527 ภำควิชำโบรำณคดี คณะโบรำณคดี มหำวิทยำลัย ศิลปำกร ได้มำขุดค้นทำงโบรำณคดีที่ถ�้ำเทพนิมิต วัดพุค�ำบรรพต อ�ำเภอ พระพุทธบำท จังหวัดสระบุรี ได้พบชิ้นส่วนภำชนะดินเผำรอยเถ้ำถ่ำน และ เครื่องประดับที่ท�ำจำกหอยเบี้ยม้วนทอง ซึ่งเป็นหอยทะเล จำกหลักฐำนที่พบนี้ สันนิษฐำนว่ำเคยมีมนุษย์สมัยก่อนประวัติศำสตร์ สมัยหินใหม่ตอนปลำยเข้ำมำ อำศัยอยู่เป็นเวลำสั้นๆ เพรำะพบชิ้นส่วนไม่มำกนัก ที่พระพุทธฉำย หมู่ 1 บ้ำนหนองปลำไหล ต.หนองปลำไหล อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี มีภูเขำชื่อว่ำ เขำปถวี (เขำลม หรือ เขำฆำตกบรรพต) เมื่อขึ้นบันไดเพื่อ ไปนมัสกำรพระพุทธฉำย ตรงเชิงผำด้ำนหน้ำจะมีภำพเขียนของมนุษย์สมัยก่อน ประวัติศำสตร์เช่น ภำพสีแดงรูปมือ ที่กล่ำวมำนี้ คือ หลักฐำนที่แสดงว่ำ พื้นที่สระบุรีเคยมีมนุษย์สมัยก่อน ประวัติศำสตร์ มำอำศัยอยู่แล้ว สมัยประวัติศาสตร์ ยุคทวาราวดี พื้นที่จังหวัดสระบุรี พบหลักฐำนหลำยแห่ง ที่สนับสนุนว่ำอยู่ในยุคสมัยทวำรวดี เช่น บ้านอ่ตะเภา ู (หรือบ้ำนดงเมือง) หมู่ที่ 6 ต.ม่วงหวำน อ.หนองแซง จ.สระบุรี จำกภำพถ่ำยทำงอำกำศปรำกฏว่ำท้องถิ่นนี้เป็นชุมชนโบรำณ มีแนวคู 2 วงล้อม รอบ พื้นที่แบ่งออกเป็น 2 ชั้น หลักฐำนอันแสดงว่ำเมืองสระบุรี เคยอยู่ในยุคทวำรวดี อีกที่หนึ่ง คือ จารึกถ�้า เขาวง หรือ ถ�้านารายณ์ อยู่ที่วัดเขำวง ม.5 ต.เขำวง อ.พระพุทธบำท จ.สระบุรี ที่วัดนี้มีถ�้ำอยู่ เป็นถ�้ำทีมีปำกถ�้ำติดอยู่บนพื้นดิน ที่ผนังปำกถ�้ำด้ำนขวำมือ สูง จำกพื้นดินประมำณ 2.5 เมตร มำจำรึก 3 บรรทัด แนวยำวประมำณ 50 ซม. ระหว่ำงบรรทัดกว้ำง 15 ซม. อักษรที่จำรึกไว้เป็นอักษรปัลลวะ แต่ถ้อยค�ำที่จำรึกเป็นภำษำมอญโบรำณ มีค�ำ แปลว่ำ “กุนทรีชนผู้ตั้งอาณาจักร อนุราธปุระ ได้มอบให้พ่อลุงสินายะเป็นตัวแทน พร้อมทั้งชาวเมือง (อนุราธปุระ) ร่วมกันจัดพิธีขับร้องฟ้ อนร�า (เพื่อเป็นการเฉลิม ฉลองปชนียวัตถุ) ที่ประดิษฐานไว้แล้วที่สถานที่นี้” ู จำรึกนี้ มีรำวพุทธศตวรรษที่ 12 อันเป็นยุคทวำรวดี สมัยทวำรวดีชำยฝั่งทะเลเป็น อ่ำวเว้ำเข้ำไปทำงเหนือห่ำงจำกทะเล ปัจจุบันถึง 140 กิโลเมตร ข้อควำมจำกจำรึก นี้ ท�ำให้แลเห็นว่ำบริเวณนี้ในอดีตเคย เป็นบ้ำนเมืองมำแล้ว มีกลุ่มชนที่เจริญ อำจมีกำรติดต่อกับบุคคลภำยนอก เช่น ลังกำ ดังชื่อเมือง อนุราธ นั้น เป็นเมือง ที่มีอยู่ในลังกำ อำจได้ชื่อนี้มำตั้งเป็น ชื่อเมืองถิ่นนี้ก็เป็นได้ ที่น่ำคิดก็คือ เมื่อ ครั้งคณะสงฆ์ไทยเดินทำงไปนมัสกำร พระพุทธบำทที่ลังกำ แต่พระลังกำบอก ว่ำพระพุทธบำทที่เมืองท่ำนก็มี ท�ำไม พระลังกำจึงรู้ว่ำถิ่นนี้มีพระพุทธบำท เพรำะจำกถ�้ำเขำวงไปยังพระพุทธบำท อยู่ไม่ไกลเลย จึงน่ำเป็นไปได้ว่ำยุคโน้น ชำวลังกำมำติดต่อถึงถิ่นนี้แล้ว เพรำะ ครั้งนั้นชำยฝั่งทะเลกว้ำงไกล ส�ำหรับสระบุรี มีอีกแห่งหนึ่งคือ ถ�้า พระโพธิสัตว์ อยู่ที่บ้ำนน�้ำพุ หมู่ 10 ต.ทับกวำง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ถ�้ำ พระโพธิสัตว์ มีอีกชื่อว่ำ ถ�้ำพระงำม หรือถ�้ำเขำน�้ำพุ ประกอบด้วยคูหำน้อย ใหญ่ 6 คูหำ คูหำที่มีภำพสลักบนผนัง เป็นคูหำติดทำงปำกเข้ำ และเป็นคูหำ ที่มีแสงสว่ำงส่องถึงมำกที่สุด คูหำนี้ มี เจดีย์ ปิดทองตั้งอยู่บนฐำนโบกปูน ปู ด้วยกระเบื้อง เป็นเจดีย์ที่สร้ำงขึ้นใน สมัยปัจจุบัน ณ ผนังด้ำนเหนือ ของ คูหำนี้สูงจำกพื้นถ�้ำ 3.27-5.25 เมตร มีภำพสลักนูนต�่ำ ศิลปกรรมสมัยทวำร วดี (พุทธศตวรรษที่ 13-14) ขอบเขต ของภำพ 3.30 x 2.08 เมตร เป็นภำพ ที่ประกอบด้วย รูปบุคคล 6 ภำพใน อิริยำบถที่ต่ำงกัน สันนิษฐำนว่ำ น่ำจะเป็นภำพตอน ที่บรรดำเทพเจ้ำเฝ้ำทูลอำรำธนำให้ พระพุทธเข้ำทรงแสดงธรรมเพื่อโปรด สรรพสัตว์ในโลกและเมื่อทรงแสดง ธรรม ก็มีเทพเจ้ำ มนุษย์ อสูร คนธรรพ์ มำเฝ้ำเพื่อสดับธรรม ดังที่มีรำยละ เอียดปรำกฎอยู่ในลลิตวิสตระอันเป็น
วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 21 SARABURI คู่มือ สระบุรี คัมภีร์แสดงพุทธประวัติฝ่ำยมหำยำน ซึ่งเข้ำใจว่ำควำมรู้เรื่องคัมภีร์นี้มีแพร่ หลำยในสมัยนั้น อำจำรย์ศรีศักร วัล ลิโภดม สันนิษฐำนถ�้ำนี้ว่ำ น่ำจะเป็น ที่จ�ำศีลภำวนำของนักบวชและฤำษี ภำยในถ�้ำโอ่โถงพอสมควร พอเป็นที่ อำศัยพ�ำนักได้ ถึงแม้ว่ำจะอยู่ในระดับ ที่สูงแต่ก็ไม่มีอะไรที่ล�ำบำกแก่กำร ด�ำรงชีวิต อันเนื่องมำจำกบริเวณที่ตีน เขำตรงหน้ำถ�้ำนั้นมีธำรน�้ำตกเหมำะ กับกำรตั้งหลักแหล่งพ�ำนักอำศัยของ บรรดำนักบวชหรือไม่ก็ชุมชนและผู้คน ที่อยู่ในที่สูงป่ำเขำ อำศัยผลผลิตของ ป่ำในบริเวณนั้นหำเลี้ยงชีพ เมื่อเดือนกรกฎำคม พ.ศ.2537 ได้มี กำรบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระพุทธฉำย รวมทั้งมณฑปบนภูเขำด้วยโดยกรม ศิลปำกรเป็นผู้ด�ำเนินงำน ภำยใน มณฑปมีรอบพระพุทธบำทจ�ำลอง เมื่อ วันที่ 17 สิงหำคม 2537 ก็พบว่ำพื้น ซีเมนต์ใต้แท่นพระพุทธบำท จ�ำลอง มีรอยพระพุทธบำทปรำกฎอยู่ ยำว ประมำณ 2.5 เมตรครึ่ง ลึกลงในพื้น หิน 3-5 ซม. ตรงกลำงมีรอยธรรมจักร เช่นเดียวกับรอยพระพุทธบำท อ�ำเภอ พระพุทธบำท ส่วนรอบๆ ไม่มีลำยมงคล 108 ประกำร รอยพระพุทธบำทแห่งนี้มี รูปลักษณะ และวิธีกำรสร้ำงใกล้เคียง กับรอยพระพุทธบำทที่วัดสระมรกต อ.โคกปีบ จ.ปรำจีณบุรี อันเป็นรอย พระบำทคู่มีอำยุรำวพุทธศตวรรษที่ 13-14 แต่ที่พบบนเขำวัดพระพุทธฉำย นี้เป็นรอยพระบำทเดี่ยวและเป็นรอย พระบำทเบื้องขวำ ดังที่นิยมพูดกันว่ำ “พระพุทธบาทเบื้องซ้าย พระพุทธ ฉายเบื้องขวา” พระพุทธบำทที่พบบนภูเขำพระพุทธ ฉำยนี้ ยังไม่มีนักโบรำณคดีมืออำชีพชี้ ชัดว่ำสร้ำงในยุคใด แต่ก็มีผู้สนใจเรื่องโบรำณคดีหลำยท่ำนบอกว่ำ น่ำจะมีอำยุ ประมำณ พุทธศตวรรษที่ 9-13 อันเป็นยุคสมัยทวำรวดี ส่วนสำเหตุที่ต้องปกปิดซ่อนเร้นรอยพระพุทธบำทแห่งนี้ไว้ใต้ผืนทรำยมำนำนนับ พันปีนั้น อำจจะต้องเกิดภัยสงครำม หรือ เหตุกำรณ์อะไรสักอย่ำงที่จ�ำเป็นต้อง ซ่อนสิ่งที่เคำรพบูชำไว้ให้ปลอดภัย รอยพระพุทธบำทพระพุทธฉำยนี้อำจเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่ำ ดินแดนถิ่นนี้เคยมี อำรยธรรมรุ่งเรืองมำนำน และคงเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่พอสมควร จึงเป็นศำสน สถำนที่มีควำมส�ำคัญและเป็นเอกลักษณ์ของศำสนำประดิษฐำนเอำไว้ และต่อ มำคงล่มสลำยไปเมื่ออิทธิพลของขอมแผ่เข้ำมำถึงถิ่นนี้ “ขอม” ในสระบุรี สมเด็จฯ กรมพระยำด�ำรงรำชำนุภำพได้ทรงนิพนธ์ ต�านานเมืองสระบุรี ไว้ตอน หนึ่งว่ำ “ท้องที่อันเป็นเขตจังหวัดสระบุรีนี้ แต่โบราณครั้งเมื่อขอมยังเป็นใหญ่ใน ประเทศนี้อย่ในทางหลวงสายหนึ่งซึ่งพวกขอมไปมาติดต่อกับราชธานีที่นครหลวง ู (ซึ่งเรียกในภาษาขอมว่านครธม) ยังมีเทวสถานซึ่งพวกขอมสร้างเป็นปรางค์หิน ไว้ตามที่ตั้งเมืองปรากฏอย่เป็นระยะมา คือ ในเขตจังหวัดปราจีณบุรี มีที่อ�าเภอ ู วัฒนานครแห่ง 1 ที่ดงศรีมหาโพธ์แห่ง 1 ต่อมาถึงเขตจังหวัดนครนายก มีที่ดง ละครแห่ง 1 แล้วมามีที่บางโขมดทางขึ้นพระพุทธบาทแห่ง 1 ...” ซึ่งก็ตรงกับที่คนเสำไห้รุ่นเก่ำเล่ำว่ำท้องถิ่นนี้เดิมเป็นเส้นทำงที่ขอมเดินผ่ำนไป เมืองละโว้ ที่ศำลเจ้ำพ่อน้อย ริมถนนสระบุรี-เสำไห้ ตรงข้ำมสนำมกีฬำโรงเรียน อนุบำลเสำไห้ มี เกียรติมุข อยู่ในศำลนี้ (กรมศิลปากร ประกาศให้เป็นโบราณ วัตถุส�าหรับชาติ ตามประกาศลงวันที่ 24 ธันวาคม 2501)
22 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 เกียรติมุข คือรูปหน้ำขบ หรือยักษ์ คล้ำยรำหู มีแต่หัว ไม่มีแขน ไม่มีขำ ตำมคติพรำหมณ์เล่ำว่ำ ครั้งหนึ่งพระ อิศวรได้พิโรธอย่ำงรุนแรง จนเกิดตัว เกียรติมุขตรงระหว่ำงคิ้วที่ขมวดนั้น กระโดดออกมำจำกพระพักตร์มันหิว มำกจึงกินทุกอย่ำงที่อยู่รอบตัวเอง เมื่อ ไม่มีอะไรจะกิน มันก็เริ่มกินตัวของมัน เอง เช่น แขน ขำ ล�ำตัว จนเหลือแต่หัว ขณะนั้น พระอิศวรได้ทอดพระเนตรดู มันตลอดเวลำทรงเห็นโทษของควำม โกรธ อันท�ำให้เกิดตัวเกียรติมุขนั้น พระองค์ตรัสว่ำ “ลูกเอ๋ย พ่อเห็นแล้วว่า ความโกรธนั้นมันเผาผลาญทุกสิ่ง ทุก อย่างแม้แต่ตัวเอง เจ้าจงไปประดิษฐาน อย่ตรงหน้าบัน หรือส่วนมุขของเทวาลัย ู เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติของมนุษย์ทั่วไป ให้รู้จักยับยั้งความโกรธเสีย” ตัวเกียรติ มุขจึงถูกสร้ำงไว้ที่เทวสถำนทั่วไป ตัว เกียรติมุขนี้เรียกอีกอย่ำงว่ำ หน้ากา ละ หมำยถึงกำลเวลำย่อมกลืนกินทุก อย่ำงแม้แต่ตัวเอง เมื่อคตินี้มำถึง ชำว พุทธจึงได้ดัดแปลงเป็นตัวรำหู บำงทีก็ เป็นรูปอมจันทร์บ้ำง ในศิลปะขอมเริ่ม ปรำกฏตัวเกียรติมุขบนทับหลังตั้งแต่ สมัยพระเจ้ำชัยวรมันที่ 2 เกียรติมุขที่อยู่ในศำลเจ้ำพ่อน้อย เสำไห้ นั้น ท�ำด้วยหินทรำย สมัยลพบุรี สูง 45 ซม. ชำวบ้ำนบอกว่ำ พบที่ถิ่นนี้นำน แล้ว และยังเคยพบศิวลึงค์หินทรำย ศิลปะขอมหรือเทวสถำนในถิ่นนี้ ก็น่ำ คิดว่ำในอดีตน่ำจะมีเพรำะเกียรติมุข นั้นนิยมสร้ำงไว้ตำมเทวสถำนขอม ตำมที่สมเด็จฯ กรมพระยำด�ำรงรำชำนุ ภำพ ทรงนิพนธ์ว่ำมีเทวสถำนของขอม อยู่ที่บำงโขมดทำงขึ้นพระพุทธบำท นั้น ก็คือ บ้านคูเมือง อยู่ที่หมู่ ที่ 11 ต.บ้ำนหมอ อ.บ้ำนหมอ จ.สระบุรี บ้านคูเมือง หรือ เมืองขีดขิน (เป็น ชื่อเมืองที่พระรามมอบเมืองนี้ให้ แก่สุครี พเมื่อเสร็จศึกลงกาแล้วดัง ปรากฏอย่ในเรื่องรามเกียรติู์) บำงที ชนท้องถิ่นนี้อำจได้รับอิทธิพลจำก เรื่องรำมเกียรติ์ที่เล่ำกันอยู่ในหมู่บ้ำน จึงเรียกหมู่บ้ำนนี้ว่ำเมืองขีดขิน หรือ ปรันตปะนครราชธานี (ในพระ บำลี) มีกล่ำวถึง พุทธพยำกรณ์เป็น เค้ำไว้ในต�ำนำนพระพุทธบำท เท้ำ ควำมถึง กรุงศรีอยุธยำตอนหนึ่ง ส่อ ว่ำ เมืองปรันตปะต้องร้ำงไปในครำว เสียกรุงศรีอยุธยำครั้งแรก โดยถูกพม่ำ กวำดต้อนประชำชนพลเมืองไปหมด ตลอดจนองค์สมเด็จพระนเรศวรและ สมเด็จพระพี่นำง ต่อมำเมื่อจะพบรอยพระพุทธบำท ใน รัชกำลสมเด็จพระเจ้ำทรงธรรม (พ.ศ. 2163-2171) นั้นว่ำ พระสงฆ์ (ไทย) ไป ไหว้พระพุทธบำทเมืองลังกำ จึงมีลำย (หนังสือ) บอกเข้ำมำว่ำ มีพระพุทธบำท อยู่ ณ กรุงเทพมหำนคร อยู่ในเขำสัจ จพันธบรรพตไปจำกปรันตปะนครนั้น หนทำงประมำณ 300 เส้น ระยะทำง ประมำณ 300 เส้น ก็ตกรำว 12 กม. ถ้ำมำตำมทำงหลวงสำยพระพุทธบำทบ้ำนหมอ-ท่ำเรือ ถึงทำงแยกเข้ำบ้ำน คูเมือง ก็อยู่ระหว่ำงกิโลเมตรที่ 11-12 ค�ำนวณระยะทำงที่กล่ำวจะตรงกันกับ ในต�ำนำนพระพุทธบำท และค�ำให้กำร ขุนโขลน ดังนั้น บ้ำนคูเมืองกับเมืองขีด ขินหรือ ปรันตปะนคร จึงถือเป็นสถำน ที่เดียวกัน สมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จฯ กรมพระยำด�ำรงรำชำนุภำพ สันนิษฐำนว่ำ เมืองสระบุรีเห็นจะเป็น เมืองตั้งต่อเมื่อไทยได้ประเทศนี้จาก พวกขอมแล้ว ชื่อ เมืองสระบุรี มีปรำกฏในหน้ำ พงศำวดำรครั้งแรกในรัชสมัยสมเด็จ พระมหินทรำธิรำช (พ.ศ. 2111-2112) ครั้งนั้น พระเจ้ำหงสำวดียกทัพพม่ำ มำล้อมกรุงศรีอยุธยำ สมเด็จพระมหิ นทรำธิรำชได้ทรงมีพระรำชสำส์นไป ยังพระเจ้ำไชยเชษฐำธิรำชแห่งนคร เวียงจันทน์ ให้ยกทัพมำช่วยไทย แต่ทัพ ลำวถูกพม่ำซุ่มโจมตี ที่ต�ำบลหมำกสอง ต้น เมืองสระบุรี แสดงว่ำ เมืองสระบุรี ต้องตั้งมำก่อน พ.ศ.2112 แต่จะตั้งเมื่อ ใดไม่มีหลักฐำน เมืองสระบุรี ที่แรกตั้งนี้อยู่ที่บริเวณบึง โง้ง ต�ำบลเมืองเก่ำ (เดิมชื่อต�าบลศาลา รีลาว) อ�ำเภอเสำไห้ จังหวัดสระบุรี บึง โง้ง เป็นหนองน�้ำรูปเกือกม้ำ เป็นหนอง
วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 23 SARABURI คู่มือ สระบุรี น�้ำที่เกิดจำกกำรขุดดินมำท�ำอิฐ เพื่อ สร้ำงเมืองสระบุรี ในอดีต จนถึงพ.ศ. 2433 เมื่อเปลี่ยนตัวเจ้ำเมืองคนใหม่ ก็ย้ำยที่ท�ำกำรเมืองไปอยู่ที่บ้ำนไผ่ ล้อมน้อย ตำมบ้ำนเรือนที่เจ้ำเมือง อยู่ ปัจจุบันบึงโง้งเป็นที่สำธำรณะมี พื้นที่ประมำณ 75 ไร่ มีกำรขุดลอกบึง สวยงำม ค�ำว่ำ สระบุรี มีควำมหมำยว่ำ เมือง แห่งน�้า หรือ เมืองที่อย่ใกล้น�ู้า เพรำะ ครั้งแรกเมืองอยู่ที่ริมบึงโง้ง ใกล้แม่น�้ำ ป่ำสัก รอยพระพุทธบำท ค้นพบในรัชกำล สมเด็จพระเจ้ำทรงธรรม (พ.ศ.2163- 2171) โดยพระมหำกษัตริย์ืหลำย พระองค์ต่อมำถือเป็นประเพณีปฏิบัติ ในกำรมำมนัสกำรเพื่อสิริมงคล สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สมเด็จฯ กรมพระยำด�ำรงรำชำนุภำพ ทรงนิพนธ์เรื่อง ต�านานเมืองสระบุรี ไว้ตอนหนึ่งว่ำ “ในครั้งกรุงธนบุรีนั้น มี ศึกพม่ายกมาติดเมืองเวียงจันทน์อัน เป็นราชธานีของกรุงศรีสัตนาคนะหุต พวกลาวชาวเวียงจันทน์พากนอพยพ หนีพม่าลงมาทางเมืองนครราชสีมา เป็นอันมาก พระเจ้ากรุงธนบุรีจึงโปรด ประทานอนุญาตให้ตั้งภูมิล�าเนาอย่ในู แขวงเมืองสระบุรี” ข้อควำมนี้บอกว่ำ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ลำวมำอยู่สระบุรี เพรำะก่อนหน้ำนี้ไม่ปรำกฏอยู่ในพระ รำชพงศำวดำรว่ำมีลำวมำอยู่สระบุรี พ.ศ. 2321 สมเด็จพระเจ้ำตำกสินทรง มอบให้พระยำมหำกษัตริย์ศึก (ทอง ด้วง) และพระยำสุรสีห์น�ำทัพไปตีนคร เวียงจันทน์และยึดนครเวียงจันทน์ได้ ได้น�ำชำวลำวพร้อมทั้งพระแก้วมรกต และพระบำงมำถึงเมืองสระบุรี เมื่อ เดือน 4 ปีกุน เอกศก 1441 (พ.ศ.2322) ครำวนั้นโปรดฯ ให้ลำวเวียง ลำวหัว เมืองฟำกโขงตะวันออกตั้งบ้ำนเรือน อยู่ที่เมืองสระบุรี ส่วนพระบรมวงศำ นุวงศ์ของลำวได้น�ำมำยังกรุงธนบุรี ทรงชุบเลี้ยงเป็นอย่ำงดี ส�ำหรับพระ บำงนั้นได้คืนไปให้แก่ลำวเมื่อวันที่ 13 มีนำคม 2408 เหตุกำรณ์ครั้งนั้น ท�ำให้มีลำวมำอยู่ใน เมืองสระบุรีเป็นครั้งที่สอง สืบเชื้อสำย มำจนทุกวันนี้ ต่อมำเจ้ำพระยำมหำกษัตริย์ศึก (ทอง ด้วง) ได้ปรำบดำภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์ แห่งรำชจักรีวงศ์ เมื่อวันที่ 6 เมษำยน 2325 พระนำมว่ำ พระบำทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้ำจุฬำโบก พระองค์ทรง สร้ำงกรุงเทพฯ เป็นรำชธำนีของไทย ใน กำรสร้ำงพระบรมมหำรำชวังและเสำ หลักเมืองครั้งนี้ มีเรื่องเล่ำสืบกันมำว่ำ ได้มีพระบรมรำชโองกำรไปยังเหนือ หัวเมืองต่ำงๆ ให้ตัดไม้ที่มีลักษณะดี ส่งไปยังกรุงเทพฯเพื่อคัดเลือกเป็นเสำ หลักเมือง เมืองสระบุรีได้ตัดไม้ตะเคียน ส่งไปยังกรุงเทพฯ แต่ไม่ได้รับกำรคัด เลือก เสำ (วิญญำณแม่ตะเคียนประจ�ำ เสำ) เสียใจมำกจึงลอยทวนกระแสน�้ำ มำตำมล�ำน�้ำป่ำสัก หยุดลอยกลำง ล�ำน�้ำเยื้องที่ว่ำกำรอ�ำเภอเสำไห้ทุก วันนี้ นำงไม้ประจ�ำเสำต้นนี้ได้ส่งเสียง ร้องไห้คร�่ำครวญให้ชำวบ้ำนได้ยินเสมอ แล้วจมลงใต้น�้ำ ณ ที่ตรงนั้นชำวบ้ำนจึง เรียกหมู่บ้ำนไผ่ล้อมน้อยว่ำบ้ำนเสำไห้ มำจนทุกวันนี้ ต้นปี พ.ศ.2501 วิญญำณแม่ตะเคียน ได้เข้ำฝันนำงเฉลียว จันทรประสิทธิ์ ว่ำอยำกขึ้นจำกน�้ำ ชำวบ้ำนจึงร่วมกัน ส�ำรวจใต้น�้ำจึงพบว่ำมีเสำไม้อยู่จริง และน�ำขึ้นจำกใต้น�้ำน�ำไปไว้ที่วัดสูง อ.เสำไห้ จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 23 เมษำยน 2501 จำกนั้นก็ถือเอำวันที่ 23 เมษำยน เป็นวันสรงน�้ำนำงตะเคียนเรื่อยมำ ที่เกี่ยวกับสระบุรีอีกอย่ำงหนึ่ง คือ กำรซ่อมพระมณฑปพระพุทธบำท อันเนื่องมำจำกควำมเสียหำยครำว สงครำมกับพม่ำ เมื่อ พ.ศ.2310 ใน รัชสมัยพระเจ้ำตำกสินก็เพียงแต่ท�ำ หลังคำมุงกระเบื้องกั้นพระพุทธบำท ไว้ มำในรัชกำลนี้ ทรงมอบหมำยให้ สมเด็จพระอนุชำธิรำช กรมพระรำชวัง บวรสถำนมงคล เป็นแม่กองในกำร ซ่อมพระมณฑป พระองค์ทรงแสดง พระรำชศรัทธำอันยิ่ง โดยทรงแบก ตัวล�ำยองเครื่องบนพระมณฑปตัว หนึ่ง แล้วเสด็จพระรำชด�ำเนินจำก ท่ำเรือจนถึงพระพุทธบำท ทรงจัดกำร ซ่อมพระมณฑปของเดิมนั้นมี 5 ยอด แต่ซ่อมครำวนี้ท�ำพระมณฑปยอด เดียวและให้ท�ำพระมณฑปน้อยกั้น รอยพระพุทธบำทภำยในพระมณฑป ใหญ่เสำทั้ง 4 กับทั้งเครื่องบนและ ยอดล้วนแผ่นทองค�ำหุ้มทั้งสิ้น พ.ศ. 2356 พระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำ นภำลัย โปรดฯ ให้สร้ำงพระมณฑปเล็ก ข้ำงในให้บริบูรณ์ตำมเดิม พ.ศ.2347 พระบำทสมเด็จพระพุทธ ยอดฟ้ำจุฬำโลก โปรดฯ ให้กรมหมื่น เทพหริรักษ์ และพระยำยมรำชน�ำทัพ ไปตีพม่ำให้ออกจำกเมืองเชียงแสน พม่ำแพ้ท่ำนให้เผำเมืองเชียงแสน รวบรวมผู้คนเชียงแสนได้ 23,000 คน แบ่งออกเป็น 5 ส่วน ส่วนหนึ่ง ให้อยู่ เชียงใหม่ ส่วนหนึ่งให้ไปอยู่ล�ำปำง ส่วนหนึ่งให้ไปอยู่น่ำน ส่วนหนึ่งให้ไป อยู่เวียงจันทน์ อีกส่วนหนึ่งให้น�ำมำใต้
24 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 โปรดฯ ให้ตั้งบ้ำนเรือนอยู่ที่สระบุรี และ รำชบุรี สระบุรีจึงมีชำวไทยวน (ชำวไทย ที่มำจำกเชียงแสน) อยู่สืบทอดขยำย ประชำกรไปทุกอ�ำเภอ (เว้นอ.ดอนพุด และ อ.หนองโดน) และขยำยไปยัง จังหวัดใกล้เคียง เช่น ที่ อ.บ้ำนหมี่ จ.ลพบุรี อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ อ.ปำกช่อง อ.สีคิ้ว จ.นครรำชสีมำ อ.วังน�้ำเย็น จ.สระแก้ว มำจนทุกวันนี้ ในรัชสมัย พระบำทสมเด็จพระนั่งเกล้ำ เจ้ำอยู่หัว มีเหตุกำรณ์ เกิดขึ้นกับเมือง สระบุรี อันสืบเนื่องมำจำก พ.ศ.2322 ได้น�ำพระรำชวงศ์ลำวมำอยู่ไทยนั้น มี พระโอรสของพร ะเจ้ำสิร ิบุญสำร 4 พระองค์ คือ เจ้ำนันทเสน เจ้ำอินทรวงศ์ เจ้ำอนุวงศ์และ เจ้ำพรหมวงศ์ มีพระ ธิดำ 1 พระองค์ คือเจ้ำหญิง เขียว ค้อม (พระนำงแก้วฟ้ำ) ส�ำหรับพระเจ้ำ พรหมวงศ์มิได้น�ำมำไทย เมื่อพระเจ้ำ สิริบุญสำรสวรรคตพระมหำกษัตริย์ ไทยก็ส่งพระโอรสของพระเจ้ำสิริบุญ สำรกลับไปครองเวียงจันทน์ตำมล�ำดับ จนพ.ศ.2347 เจ้ำอนุวงศ์ก็ไปครองนคร เวียงจันทน์ พ.ศ.2371 ทัพไทยที่กลับจำกปรำบเจ้ำ อนุวงศ์ ได้น�ำครอบครัวลำวลงมำอยู่ สระบุรีครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 สระบุรีจึงมีคน ไทยเชื้อสำยลำวอยู่ทุกอ�ำเภอ • ลาวเวียง คือลำวที่มำจำกนคร เวียงจันทน์ ปัจจุบันมีอยู่มำกที่อ�ำเภอ แก่งคอย หนองแค หนองแซง วิหำรแดง เสำไห้ บ้ำนหมอ • ลาวพวน คือ ลำวที่มำจำกเมืองพวน (แขวงเชียงขวำง) มีอยู่มำกท ี่อ�ำเภอ หนอง โดน อ�ำเภอดอนพุด และที่หมู่ 6 ต.เจริญธรรม หมู่ 2 ต.วิหำรแดง อ�ำเภอ วิหำรแดง • ลาวแง้ว คือลำวที่มำจำกชนบท ชำนเมืองเวียงจันทน์ ปัจจุบันมีอยู่บ้ำน ตำลเสี้ยน บ้ำนหนองแก บ้ำนหนองระก�ำ อ�ำเภอพระพุทธบำท และบำงหมู่บ้ำน ในอ�ำเภอหนองโดน • ลาวญ้อ คือ ลำวที่มำจำกเมืองค�ำเกิด เมืองชัยบุรีในประเทศลำว ปัจจุบันมี อยู่ในบำงหมู่บ้ำน อ�ำเภอแก่งคอย เช่น บ้ำนห้วยแห้ง บ้ำนหำดสองแคว บ้ำน พระบำทน้อย ที่ต�ำบลโคกแย้ อ�ำเภอหนองแค มี วัด อยู่ 2 วัด คือ วัดสนมลำว (วัดไทยงำม) และ วัดสนมไทย (วัดเขำพนมยงค์) วัด สนมไทย เป็นที่อยู่ของคนไทยที่พูดภำ ไทยภำคกลำง ส่วนวัดสนมลำวเป็น ที่อยู่ของกลุ่มชนที่อพยพมำจำกนคร เวียงจันทน์ ได้มำอยู่ที่บ้ำนโป่งแร้ง บ้ำน หนองผักชี และบ้ำนสนมลำว ทิศตะวันตกของอ�ำเภอเสำไห้ เดิมมี ต�ำบลชื่อว่ำ ต�ำบลศำลำรีลำว ปัจจุบัน เปลี่ยนเป็นต�ำบลเมืองเก่ำ วัดม่วงงำม (เดิมชื่อวัดม่วงลำว) ต�ำบลม่วงงำม อ�ำเภอเสำไห้ จังหวัดสระบุรี มีเจดีย์ เก่ำทรงโคตรบูรณ์ อันเป็นเจดีย์ที่มีรูป ลักษณ์เหมือนเจดีย์ลำว ยังมีปรำกฏ อยู่ แสดงว่ำถิ่นนี้มีลำวเวียงมำกเรื่อย ไปจนถึงท้องที่อ�ำเภอนครหลวงจังหวัด พระนครศรีอยุธยำ สมัยรัชกำลที่ 4 พระบำท สมเด็จ พระจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2400 ได้โปรดฯ ให้บูรณะพระมณฑป พระพุทธบำทและที่ประทับใหม่หลำย หลังในพระรำชวังท้ำยพิกุล ทรงบริจำค พระรำชทรัพย์ครั้งนี้เป็นเงิน 441 ชั่ง 4 ต�ำลึง 3 บำท 1 สลึง 1 เฟื้อง ต่อ มำพ.ศ.2403 พระองค์เสด็จมำนมัสกำร พระพุทธบำทอีก ทรงยกยอดพระ มณฑปและทรงบรรจุพระบรมธำตุ และ ได้เสด็จไปนมัสกำรพระพุทธฉำย แล้ว เสด็จประทับที่วัดเขำแก้ว (ปัจจุบันคือ วัดเขาแก้ววรวิหาร ต.ต้นตาล อ.เสาไห้ จ.สระบุรี) พ.ศ.2402-2404 พระบำทสมเด็จ พระปิ่นเกล้ำเจ้ำอยู่หัวทรงสร้ำงที่ ประทับที่ต�ำบลสีทำ (ปัจจุบันคือ หมู่ ที่ 8 ต�าบลสองคอน อ�าเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี และจัดให้เขาคอกเป็น ที่ฝึกทหาร) กำรสร้ำงพระต�ำหนักที่บ้ำนสีทำนี้สม เด็จฯ กรมพระยำด�ำรงรำชำนุภำพ ทรงอธิบำยไว้ในหนังสือสำส์นสมเด็จ ว่ำ ตั้งแต่ท�ำหนังสือสัญญำทำงไมตรี กับฝรั่งมีกงสุลต่ำงชำติเข้ำมำตั้งอยู่ใน กรุงเทพฯ ในสมัยนั้นเมื่อไทยกับฝรั่ง ยังไม่คุ้นกัน ถ้ำเกิดโต้เถียงกัน พวก กงสุลมักขู่ว่ำ จะเรียกเรือรบเข้ำมำ กรุงเทพฯ พระบำทสมเด็จพระจอม เกล้ำฯ ร�ำคำญพระรำชหฤทัย ทรงพระ ด�ำริตั้งเมืองลพบุรีเป็นรำชธำนีส�ำรอง เหมือนอย่ำงสมเด็จพระนำรำยณ์แต่ มีควำมเห็นอีกอย่ำงหนึ่งว่ำ ควรตั้ง ที่เมืองนครรำชสีมำ จึงโปรดฯ ให้ พระบำทสมเด็จพระปิ่นเกล้ำเจ้ำอยู่หัว เสด็จขึ้นไปตรวจ แต่ทรงเห็นว่ำเมือง นครรำชสีมำกันดำรน�้ำนัก พระองค์ โปรดที่เขำคอกในแขวงเมืองสระบุรี จึง คิดทท�ำที่มั่นฝึกทหำรที่เขำคอกนั้น และ สร้ำงที่ประทับ ณ ต�ำบลบ้ำนสีทำ ริม แม่น�้ำป่ำสัก ซึ่งไม่ห่ำงจำกเขำคอกนัก เขำคอกอยู่ที่บ้ำนท่ำคล้อ หมู่ที่ 3 ต�ำบล ท่ำคล้อ อ�ำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ลักษณะพิเศษของเขำคอกก็คือ มีภูเขำ ล้อมรอบเหมือนป้อมปรำกำร มีช่อง ทำงเข้ำ-ออก แคบๆ อยู่ทำงตะวันออก เฉียงเหนือเป็นช่อง ทำงบก 1 แห่ง ถัด
วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 25 SARABURI คู่มือ สระบุรี ไปทำงซ้ำยรำว 30 เมตร เป็นช่องทำงน�้ำ 1 แห่ง ภำยในหุบเขำเป็นที่กว้ำง มีพื้นที่ ประมำณ 500 ไร่เศษ มีเนินดิน ก�ำแพง หิน พระบำทสมเด็จพระปิ่นเกล้ำเจ้ำ อยู่หัว โปรดให้ใช้เขำคอกเป็นที่ฝึกพล ไว้ป้องกันอริรำชศัตรู ส�ำหรับพระต�ำหนักสีทำนั้น สร้ำงด้วย เครื่องไม้ ครั้นพระบำทสมเด็จพระปิ่น เกบ้ำเจ้ำอยู่หัวสวรรคตแล้ว พระบำท สมเด็จพระจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว โป รดฯให้รื้อพระต�ำหนักลงมำสร้ำงวัง พระรำชทำนพระเจ้ำลูกเธอในพระบำท สมเด็จพระปิ่นเกล้ำเจ้ำอยู่หัว ระหว่ำงที่พระบำทสมเด็จพระปิ่นเกล้ำ เจ้ำอยู่หัว ประทับอยู่ที่พระต�ำหนักสี ทำนี้ พระองค์ทรงคุ้นเคยกับชำวบ้ำน ถิ่นนั้น ซึ่งเป็นไทลำว จนพระองค์ฟ้อน และแอ่วได้ช�ำนิช�ำนำญ ถ้ำไม่ได้เห็น พระองค์แล้วก็ส�ำคัญว่ำลำว พระองค์ได้ ทรงสร้ำงวัดไว้วัดหนึ่งอยู่ใต้วัดสองคอน ใต้ลงไป พระองค์ทรงเชิญพระพุทธรูป องค์หนึ่งมำจำกเวียงจันทน์ประดิษฐำน ไว้ที่วัดนี้ต่อมำทั้งวัดและวังสีทำร้ำงชำว บ้ำนน�ำพระพุทธรูปนี้ไปประดิษฐำน ไว้ที่วัดสองคอนใต้ เมื่อหม่อมเจ้ำพระ องค์สังวรวรประสำธน์ (หม่อมเจ้ำพระ ชัชวำล) เสด็จมำที่นี่ได้เชิญพระพุทธรูป นี้ไปที่กรุงเทพฯ พวกชำวบ้ำนเสียดำย มำก ถึงกับร้องไห้ก็มี เมื่อหม่อมเจ้ำ สังวรวรประสำธน์ถึงแก่ชีพิตักษัยแล้ว จึงโปรดให้เชิญพระพุทธรูปนี้มำไว้ที่วัด สองคอนใต้ตำมเดิม เป็นที่ปีติยินดีของ ชำวบ้ำนนี้มำก สิ่งที่เกี่ยวข้องกับสระบุรีเกิดขึ้นในสมัย รัชกำลที่ 4 อีกอย่ำง คือ แหล่งน�้ำ ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นพระรำชพิธีมำแต่ โบรำณว่ำ เมื่อมีพระรำชพิธีส�ำคัญจะ มีกำรตักน�้ำจำกแม่น�้ำส�ำคัญมำท�ำ น�้ำมุรธำภิเษกสรงในพระรำชพิธี ครั้ง หนึ่งพระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำเจ้ำ อยู่หัวเสด็จตำมล�ำน�้ำป่ำสักไปยังวังสี ทำ ได้ทรงหยุดพักที่ท่ำน�้ำบ้ำนท่ำรำบ และสรงน�้ำที่หำดที่รำบเนื่องจำกพื้น น�้ำมีลักษณะเป็น วัง คือ น�้ำนิ่งและ ลึก ใสเย็นกว่ำบริเวณอื่น เป็นที่พอ พระรำชหฤทัยมำก นับแต่นั้นมำถือว่ำ น�้ำท่ำรำบเป็นน�้ำศักดิ์สิทธิ์ ทรงให้น�ำ น�้ำแหล่งนี้ไปท�ำอภิเษกในพระรำชพิธี พระบรมรำชำภิเษกตั้งแต่รัชกำลที่ 5 สืบมำจนปัจจุบัน รวมกับน�้ำแหล่ง อื่นเรียกว่ำ เบญจสุทธิคงคา คือ แม่น�้าบางปะกง (ตักที่บึงพระอำจำรย์ จ.นครนำยก) แม่น�้าป่าสัก (ตักที่บ้ำน ท่ำรำบ ต.ต้นตำล อ.เสำไห้ จ.สระบุรี) แม่น�้าเจ้าพระยา (ตักที่ ต.บำงแก้ว จ.อ่ำงทอง) แม่น�้าราชบุรี (ตักที่ต�ำบล ดำวดึงส์ จ.สมุทรสำคร) แม่น�้าเพชรบุรี (ตักที่ ต.ท่ำชัย จ.เพชรบุรี) รัชสมัยพระบำทสมเด็จพระจุลจอม เกล้ำเจ้ำอยู่หัว ก็ได้เสด็จมำยังสระบุรี หลำยครั้ง บำงครั้งก็ทรงจำรึกพระ ปรมำภิไธยย่อ จ.ป.ร.ไว้ ณ สถำนที่ที่ พระองค์เสด็จ เช่น ที่พระพุทธฉำย ถ�้ำ วัดพระโพธิสัตว์ ผำเสด็จพัก ถ�้ำวิมำน จักรี ถ�้ำมหำสนุก ศิลำหน้ำผำเขำขำด ครั้งที่เสด็จพระพุทธฉำย เมื่อวันที่ 16 ธันวำคม ร.ศ.115 นั้นได้โปรดให้ อำรำธนำเจ้ำอธิกำรลันวัดพระพุทธฉำย เทศนำมหำชำติค�ำลำวด้วย ผำเสด็จ หรือ ผำเสด็จพัก อยู่ที่หมู่ ที่ 5 ต.ทับ กวำง อ.แก่งคอย เล่ำกันว่ำ ครำวที่ช่ำง ท�ำทำงรถไฟได้ท�ำกำรระเบิดหินหลำย ครั้งแต่หินไม่ยอมแตกจึงโปรดให้น�ำ ตรำแผ่นดินมำตีประทับโคนไม้ขนำด ใหญ่ที่บริเวณนี้ ท�ำกำรระเบิดอีกแต่ หินก็ไม่ยอมแตก จึงโปรดให้สร้ำงศำล พระภูมิขึ้นแล้วจำรึกพระปรมำภิไธย ย่อ จ.ป.ร. ไว้ เมื่อครำวเสด็จประพำส เมื่อวันที่ 22 ธันวำคม ร.ศ.115 และ จำรึก ผ.ส. หมำยถึง พระนำมพระนำง เจ้ำอัครรำชเทวีไว้ด้วย ข้อมูล : saraburi.treasury.go.th
26 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 โรงพยาบาลในจังหวัดสระบุรี โรงพยาบาลค่ายอดิศร 036-212172 โรงพยาบาลพระพุทธบาท 036-266111 โรงพยาบาลสระบุรี 036-343500 ศูนย์อนามัยที่ 4 สระบุรี 036-200334 โรงพยาบาลแก่งคอย 036-358585 โรงพยาบาลดอนพุด 036-385044 โรงพยาบาลบ้านหมอ 036-201171 โรงพยาบาลมวกเหล็ก 036-342061 โรงพยาบาลวังม่วง 036-359134 โรงพยาบาลวิหารแดง 036-277829 โรงพยาบาลเสาไห้เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา036-391267 โรงพยาบาลหนองแค 036-371575 โรงพยาบาลหนองแซง 036-399234 โรงพยาบาลหนองโดน 036-397111 โรงพยาบาลเกษมราษฎร์สระบุรี 036-315555 โรงพยาบาลปภาเวช 036-350853 โรงพยาบาลมิตรภาพเมโมเรียล 036-218900 โรงพยาบาลอภิณพเวชกรรม 036-246901 สถานีดับเพลิงในจังหวัดสระบุรี สถานีดับเพลิง คชสิทธิ์ 036375199 สถานีดับเพลิง ดอนพุด 036395199 สถานีดับเพลิง ทับกวาง 036357639 สถานีดับเพลิง ท่าลาน 036338740 สถานีดับเพลิง บ้านหมอ 036201399 สถานีดับเพลิง พระพุทธบาท 036267583 สถานีดับเพลิง มวกเหล็ก 036341199 สถานีดับเพลิง วังม่วง 036359199 สถานีดับเพลิง วิหารแดง 036277199 สถานีดับเพลิง สระบุรี 036211447 สถานีดับเพลิง หนองหมู 036353199 สถานีดับเพลิง หนองแค 036371333 สถานีดับเพลิง หนองแซง 036399199 สถานีดับเพลิง หนองโดน 036397199 สถานีดับเพลิง หน้าพระลาน 036347117 สถานีดับเพลิง หินกอง 036390222 สถานีดับเพลิง เสาไห้ 036271139 สถานีดับเพลิง แก่งคอย 036251911 หมายเลขโทรศัพท์อื่นๆ สำานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรี 036-340-734-5 การไฟฟ้าจังหวัดสระบุรี 0-3631-8097-100 การประปาจังหวัดสระบุรี 0-3621-2367 สำานักงานขนส่งจังหวัดสระบุรี 036 351 901 สำานักงานจังหวัดสระบุรี 036 340 734 สถานีรถไฟสระบุรี 0-3621-1091 สำานักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดสระบุรี036340767 สถานีต�ารวจในจังหวัดสระบุรี สถานีตำารวจภูธร แก่งคอย 036244040 สถานีตำารวจภูธร เฉลิมพระเกียรติ 036275923 สถานีตำารวจภูธร ดอนพุด 036395600 สถานีตำารวจภูธร บ้านหมอ 036201051 สถานีตำารวจภูธร พระพุทธบาท 036266500 สถานีตำารวจภูธร มวกเหล็ก 036345787 สถานีตำารวจภูธร เมืองสระบุรี 036511213 สถานีตำารวจภูธร วังม่วง 036359018 สถานีตำารวจภูธร วิหารแดง 036377755 สถานีตำารวจภูธร เสาไห้ 036391240 สถานีตำารวจภูธร หนองแค 036371500 สถานีตำารวจภูธร หนองแซง 036399191 สถานีตำารวจภูธร หนองโดน 036397181 สถานีตำารวจภูธร หินซ้อน 036347583 หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินชีวิตและสุขภาพ กองกำากับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี 02-2823892 ศูนย์ดำารงธรรม 1567 ศูนย์บริการข่าวอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา 1182 ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน 1111 ศูนย์ประชาบดี 1300 ศูนย์ปรึกษาปัญหาชีวิต (สมาคมสะมาริตันส์แห่งประเทศไทย) 02-7136793 ศูนย์ปลอดภัยทางนำ้า กรมเจ้าท่า 1199 ศูนย์รับแจ้งเบาะแสยาเสพติด (สนง.ปปส) 1386 ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ 192 สายด่วนการศึกษา (กระทรวงศึกษาธิการ) 1579 สายด่วนนิรภัย (สายด่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) 1784 สายด่วนผู้บริโภคกับ อย. 1556 สายด่วนร้องทุกข์ สคบ. 1166 สายด่วนสุขภาพจิต (กรมสุขภาพจิต) 1323 อุบัติเหตุทางนำ้า กองบังคับการตำารวจนำ้า 1196 หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน กองปราบปราม 1195 ตำารวจทางหลวง 1193 ตำารวจท่องเที่ยว 1155 บริการการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร 1197 ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ กรมการขนส่งทางบก 1584 ศูนย์จราจรอุบัติเหตุ จส.100 1137 ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ทางพิเศษ 1543 สถานีวิทยุ สวพ. 91 1644 สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน FM 102.75 1677 เหตุด่วนเหตุร้าย 191 แจ้งอัคคีภัย สัตว์เข้าบ้าน 199 เบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน ภายในจังหวัดที่ควรทราบ Emergency หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน
28 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 วัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหาร ตามมาม ู ฯ 5 วัดสวย จ.สระบุรี ห ากเอ่ยถึง รอยพระพุทธบาท แน่นอนว่าสถานที่แรกๆ ที่คน ส่วนใหญ่นึกถึงก็คือ รอยพระพุทธบาท ที่ ‘วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร’ ในจังหวัดสระบุรี พระอารามหลวง ชั้นเอก สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2167 ใน รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม มี ปูชนียสถานส�าคัญอันเลื่องชื่อคือ ‘รอย พระพุทธบาท’ ขนาดความกว้าง 21 นิ้ว ยาว 60 นิ้ว ลึก 11 นิ้ว ที่ประทับบนแผ่น หินเหนือไหล่เขาสุวรรณบรรพต หรือเขา สัจจพันธคีรี ด้วยเป็นรอยพระบาทตามลักษณะ 108 ประการ พระเจ้าทรงธรรม จึงโปรด เกล้าฯ ให้สร้างมณฑปชั่วคราวครอบไว้ และมีการต่อเติมกันอีกหลายสมัย พระ มณฑปเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ประกอบเครื่องยอดรูปปราสาท 7 ชั้น มุงกระเบื้องเคลือบสีเขียว ผนังด้าน นอกปิดทองประดับกระจก บานประตู เป็นงานประดับมุกชั้นเยี่ยมของเมือง ไทย พื้นภายในปูด้วยเสื่อเงินสาน ทางขึ้นสู่พระมณฑปเป็นบันได นาคสามสาย หมายถึง บันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้ว ที่ทอดลงจาก สวรรค์ หัวนาค 5 เศียรที่เชิงบันไดหล่อ 28 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566
วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 29 SARABURI คู่มือ สระบุรี ด้วยทองส�าริด ส�าหรับผู้ที่มานมัสการ สามารถแผ่ส่วนกุศลแก่เพื่อนมนุษย์ได้ ด้วยการตีระฆังที่แขวนเรียงรายอยู่รอบ มณฑป เชิงบันไดนาคมีศาลาเปลื้อง พระภูษา ส�าหรับพระเจ้าแผ่นดินทรง เปลี่ยนฉลองพระองค์ก่อนขึ้นนมัสการ รอยพระพุทธบาท ในศาลาประดิษฐาน พระพุทธรูปปางนาคปรก ส่วนพระ อุโบสถและพระวิหารที่อยู่รายรอบล้วน เป็นศิลปกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา และ กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ยังมี วิหารจีน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระพุทธบาท (วิหารหลวง) ส�าหรับเก็บรวบรวมศิลป วัตถุอันมีค่ามากมาย ประวัติ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา รัชกาลสมเด็จ พระเจ้าทรงธรรม ปรากฏว่ามีพระ ภิกษุสงฆ์ชาวไทยคณะหนึ่งเดินทาง ไปยังลังกาทวีป ด้วยหวังจะสักการ บูชาพระพุทธบาท ณ เขาสุมนกูฏ การ ไปคราวนั้นเป็นเวลาที่พระสงฆ์ชาว ลังกาทวีปก�าลังสอบประวัติและที่ตั้ง แห่งรอยพระพุทธบาททั้งปวงตามที่ ปรากฏอยู่ในต�านานว่ามีทั้งสิ้น 5 แห่ง ภายหลังสืบได้ความว่าภูเขาที่ชื่อว่า สุวรรณบรรพต มีอยู่ในสยามประเทศ จึงได้น�าความดังกล่าวสอบถามพระ ภิกษุสงฆ์ไทย เมื่อพระภิกษุสงฆ์คณะนั้นได้รับค�าบอก เล่าและกลับมาสู่กรุงศรีอยุธยา จึงน�า ความขึ้นถวายสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้มีท้องตราสั่ง บรรดาหัวเมืองทั้งปวงให้เที่ยวตรวจตรา ค้นภูเขาต่างๆ ว่ามีรอยพระพุทธบาทอยู่ ณ ที่แห่งใด ครั้งนั้น เจ้าเมืองสระบุรี สืบได้ความ จากนายพรานบุญว่า ครั้งหนึ่งออกไป ล่าเนื้อในป่าใกล้เชิงเขา ยิงถูกเนื้อตัวหนึ่งเจ็บล�าบากหนีขึ้นไปบนไหล่เขา ซุกเข้า เชิงไม้หายไป พอบัดเดี๋ยวก็เห็นเนื้อตัวนั้น วิ่งออกจากเชิงไม้เป็นปกติอย่างเก่า นายพรานบุญนึกประหลาดใจ จึงตามขึ้นไปดูสถานที่บนไหล่เขาที่เนื้อหนีขึ้นไป ก็พบรอยปรากฏอยู่ในศิลา มีลักษณะเหมือนรูปรอยเท้าคน ขนาดยาวประมาณ สักศอกเศษ และในรอยนั้นมีน�้าขัง นายพรานบุญเข้าใจว่าบาดแผลของเนื้อตัว ที่ถูกตนยิงคงหายเพราะดื่มน�้าในรอยนั้น จึงวักน�้าลองเอามาทาตัว บรรดาโรค ผิวหนังคือ กลากเกลื้อน ซึ่งเป็นเรื้อรังมาช้านานแล้วก็หายสิ้นไป เจ้าเมืองสระบุรี จึงสอบสวนความจริงและตรวจค้นพบรอยนั้นสมดังค�าบอกเล่า ของนายพรานบุญ จึงมีใบบอกแจ้งเรื่องเข้ามายังกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้า ทรงธรรมจึงเสด็จพระราชด�าเนินไป ณ ที่เขานั้น เมื่อได้ทอดพระเนตรเห็นรอยจึง ทรงพระราชวิจารณ์ตระหนักแน่ว่าคงเป็นรอยพระพุทธบาท เพราะมีลายลักษณ์ กงจักร ประกอบด้วยอัฏฐุตตรสตมหามงคลร้อยแปดประการ ตรงกับเรื่องทีชาว ลังกาทวีปแจ้ง เกิดพระราชศรัทธาและทรงพระราชด�าริเห็นว่ารอยพระพุทธบาท ย่อมจัดเป็นบริโภคเจดีย์แท้ เพราะเป็นพุทธบทวลัญช์อันเนื่องมาแต่พระพุทธองค์ ย่อมประเสริฐยิ่งกว่าอุเทสิกเจดีย์ เช่น พระสถูปเจดีย์ สมควรยกย่องบูชาเป็น พระมหาเจดียสถาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ช่างก่อเป็นคฤหหลังน้อย สวมรอยพระพุทธบาทไว้เป็นการชั่วคราวก่อน ครั้นเสด็จพระราชด�าเนินกลับมายังราชธานี จึงทรงสถาปนายกที่พระพุทธบาทขึ้น เป็นเจดียสถานเป็นการส�าคัญ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระมณฑปยอดเดี่ยวสวมรอย พระพุทธบาทก�าหนดเป็นพุทธเจดีย์ และสร้างอารามวัตถุอื่นๆ เช่น พระอุโบสถ พระวิหาร ให้เป็นที่ส�าหรับพระภิกษุอยู่แรม เพื่อท�าการบริบาลพระพุทธบาท ทรง พระราชศรัทธาอุทิศเนื้อที่โยชน์หนึ่ง โดยรอบรอยพระพุทธบาทถวายเป็นพุทธ เกษตรต่างพุทธบูชา บรรดากัลปนาผล ซึ่งได้เป็นส่วนของหลวงจากเนื้อที่นั้น ให้ใช้จ่ายเป็นค่าบ�ารุงรักษาพระมหาเจดียสถานที่พระพุทธบาท ทรงยกที่พุทธ เกษตรส่วนนี้ให้เป็นเมืองชั้นจัตวา ชื่อเมืองปรันตปะ แต่นามสามัญเรียกกันว่า เมืองพระพุทธบาท ขึ้นตรงต่อกรุงศรีอยุธยา โปรดเกล้าฯ ให้ชายฉกรรจ์ทุกคนที่ ตั้งภูมิล�าเนาอยู่ในเขตที่พระพุทธบาทพ้นจากหน้าที่ราชการอย่างอื่นสิ้น ตั้งให้เป็น พวกขุนโขลนเป็นข้าปฏิบัติบูชารักษาพระพุทธบาทแต่หน้าที่เดียว นอกจากนั้น ยังได้พระราชทานราชทินนามบรรดาศักดิ์ประจ�าต�าแหน่งผู้รักษาการ พระพุทธบาท หัวหน้าเป็นที่ ขุนสัจจพันธ์คีรีรัตนไพรวัน เจติยาสันคามวาสี นพ คูหาพนมโขลน รองลงมาเป็นที่ หมื่นสุวรรณปราสาท หมื่นแผ้วอากาศ หมื่นชิน ธาตุ หมื่นศรีสัปบุรุษ ทั้ง 4 คนนี้ เป็นผู้รักษาเฉพาะองค์พระมณฑป ตั้งนายทวาร บาล 4 นาย เป็นที่ หมื่นราชบ�านาญทมุนิน หมื่นอินทรรักษา หมื่นบูชาเจดีย์ หมื่น ศรีพุทธบาล โปรดเกล้าฯ ให้สร้างคลังส�าหรับเก็บวัตถุสิ่งของที่มีผู้น�ามาถวายเป็น พุทธบูชา ให้ผู้รักษาคลังเป็นที่ ขุนอินทรพิทักษ์ ขุนพรหมรักษา หมื่นพิทักษ์สมบัติ หมื่นพิทักษ์รักษา ให้มีผู้ประโคมยามประจ�าทั้งกลางวันกลางคืนเป็นพุทธบูชา ตั้งเป็นที่ หมื่นสนั่นไพเราะ หมื่นเสนาะเวหา พันเสนาะ รองเสนาะ ทรงก�าหนด
30 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 เทศกาลส�าหรับให้มหาชนขึ้นไปบูชารอย พระพุทธบาทเดือน 3 ครั้งหนึ่ง และเดือน 4 ครั้งหนึ่ง เป็นประเพณีตั้งแต่นั้นมา การได้มาวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้กราบนมัสการ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว ยัง ได้ชมโบราณสถานและโบราณวัตถุอันทรง คุณค่าทางประวัติศาสตร์อีกด้วย นับว่าคุ้ม ค่าเป็นอย่างมาก เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.(วิหารหลวงจะเปิดให้ชมเฉพาะช่วงที่มี งานเทศกาลนมัสการพระพุทธบาท ปกติจัด ปีละ 2 ครั้ง คือขึ้น 8 ค�่า เดือน 3 จนถึงแรม 1 ค�่า และขึ้น 8 ค�่า เดือน 4 จนถึงแรม 1 ค�่า) วัดพระพุทธฉาย 30 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566
วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 31 คู่มือ สระบุรี วัดพระพุทธฉาย ตั้งอยู่เชิงเขาปถวี (ปฐวี) เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธ ฉาย หรือ รอยพระพุทธรูป อยู่บน แผ่นหินที่อยู่บนชะง่อนผา มีการสร้าง มณฑปครอบไว้ มีบันไดจากบริเวณ วัดด้านล่างขึ้นไปยังมณฑป และต่อ ไปยังหน้าผาซึ่งอยู่เหนือมณฑปขึ้น ไป นอกจากนี้ยังมีภาพเขียนลายเส้น ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่บริเวณเชิงผา ได้แก่ บริเวณพระฉายหลังประตู พบ ภาพสัตว์ลายเส้นคล้ายตัวกวาง บริเวณ ข้างประตูเข้าพระพุทธฉาย พบภาพ มือคน และสัญลักษณ์ บริเวณจากถ�้า ฤๅษีไปทางพระพุทธฉายทางทิศตะวัน ตก พบภาพเขียนรูปไก่ ภาพพระพุทธ รูปและภาพสัญลักษณ์ และบริเวณ หน้าผา จปร. พบภาพลายเส้นขนาด ใหญ่ที่มีความซับซ้อน คล้ายภาพเขียน ก่อนประวัติศาสตร์ที่เคยถูกค้นพบที่ผา แต้ม จังหวัดอุบลราชธานี เขียนด้วยยาง ไม้มีอายุเก่าแก่ประมาณ 3,000 ปี โดย เขียนสัญลักษณ์ใช้สื่อความหมายให้ เข้าใจในหมู่เดียวกัน และอาจจะเป็น สื่อทางพิธีกรรม และความเชื่อของ คนในยุคนั้น เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธฉาย(เงา พระพุทธเจ้า)คือเงาเลือนลางที่เป็นรอย ประทับอยู่ที่หน้าผา เชิงเขา บริเวณวัด พระพุทธฉาย มีลักษณะคล้ายพระพุทธ รูปยืน สันนิษฐานว่าค้นพบในสมัย พระเจ้าทรงธรรมแห่งกรุงศรีอยุธยา ใน บริเวณใกล้เคียงมีมณฑปประดิษฐาน รอยพระพุทธบาทเบื้องขวา มณฑป หลังนี้สร้างขึ้นในสมัย สมเด็จพระเจ้า เสือ และมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่อัญเชิญ มาจากศรีลังกา ทุกปีจะมีงานนมัสการ พระพุทธฉาย พร้อมกับงานนมัสการ รอย พระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี เวลาท�าการ : 08.00-18.00 น. วัดถ�้ากระบอก เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ต�าบล ขุนโขลน อ�าเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เป็นสถานที่รักษาคนไข้ติด ยาเสพติดที่มีชื่อเสียง ประวัติ วัดถ�้ากระบอกก่อตั้งในชื่อ ส�านักสงฆ์ถ�้ากระบอก เมื่อปี พ.ศ. 2500 โดยหลวง พ่อใหญ่ (แม่ชีเมี้ยน ปานจันทร์) พระอาจารย์จ�ารูญ ปานจันทร์ และพระ อาจารย์เจริญ ปานจันทร์ พร้อมด้วยคณะสงฆ์กลุ่มหนึ่งที่จ�าพรรษาอยู่ที่วัด คลองเม่าธรรมโกศล จังหวัดลพบุรี ได้เดินธุดงค์มา ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ปฏิบัติกัน มาโดยตลอดทุกปี ได้พิจารณาว่าที่ถ�้ากระบอก สงบเงียบเหมาะเป็นที่ปฏิบัติ กิจของสงฆ์ จึงได้ตั้งส�านักสงฆ์ที่นี่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2513 พระอาจารย์จ�ารูญ ปานจันทร์ เป็นผู้น�าคณะสงฆ์ถ�้า กระบอกและได้บริหารงานการบ�าบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2518 ได้รับรางวัลแมกไซไซ สาขาบริการสาธารณะ ในปี พ.ศ. 2524 พระอาจารย์เจริญ ปานจันทร์ ได้กลับมาพ�านักที่ส�านักสงฆ์ถ�้ากระบอกอีกครั้ง หนึ่ง และได้ช่วยพระอาจารย์จ�ารูญ ปานจันทร์บริหารงาน ได้สร้างถาวรวัตถุ เช่น กุฏิสงฆ์ สร้างโบสถ์ วิหาร และด้านสาธารณูปโภค ส่วนในด้านการบ�าบัด รักษาผู้ติดยาเสพติดยังอยู่ในความรับผิดชอบของพระอาจารย์ จ�ารูญ ปาน จันทร์ จนพระอาจารย์จ�ารูญได้ลาสังขาร พระอาจารย์เจริญจึงได้ เป็นผู้น�า คณะสงฆ์ถ�้ากระบอก ส�านักสงฆ์ถ�้ากระบอกได้รับประกาศตั้งเป็นวัดถ�้ากระบอกในปี พ.ศ. 2555 ได้ รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี พ.ศ. 2558 โดยมีพระอธิการ วิเชียร กิตฺติว ณฺโณ เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก สิ่งน่าในใจ วัดถ้ำากระบอก วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 31 SARABURI คู่มือ สระบุรี
32 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 ที่อ�าเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีมี สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่น่าสนใจ ด้วยภูมิประเทศที่มีภูเขาหินอยู่มาก ท�าให้เกิดทิวทัศน์ที่แปลกตา และยังมี การน�าเอาทรัพยากรธรรมชาติเฉพาะ ถิ่นดังกล่าวมาใช้เป็นวัสดุทดแทนจน เกิดสิ่งก่อสร้างที่น่าอัศจรรย์ หาชม ได้เฉพาะที่นี่เท่านั้นอีกด้วย เราก�าลัง พูดถึง หมู่พระพุทธรูปหินลาวา ที่วัด ถ�้ากระบอก จังหวัดสระบุรี พูดถึงชื่อ วัดหลายท่ายอาจจะร้องอ๋อ เพราะ วัดนี้เป็นวัดดังในประเทศไทย จาก โปรแกรมบ�าบัดผู้ติดยาเสพติดที่ได้รับ การยอมรับในระดับโลกว่าได้ผลจริง (ผู้ป่วยที่เข้าโปรแกรมหายขาดจากการ ติดยาเสพติดถึง 90%) แต่จริงๆ แล้ววัด ถ�้ากระบอกยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใน สระบุรีอีกหนึ่งแห่งที่มีความสวยงาม น่าตื่นตาตื่นใจอีกด้วย วัดถ�้ากระบอกอยู่ห่างจากตัวเมือง สระบุรีไปประมาณ 30 กิโลเมตร ประตูทางเข้าวัดอยู่ติดกับถนนใหญ่ สังเกตเห็นได้ง่าย ขับรถจากทางเข้าไป ประมาณ 1 กิโลเมตรก็จะถึงตัววัด อย่างที่เรารู้กันที่นี่เป็นสถานที่บ�าบัด ผู้ติดยาเสพติดดังนั้นทางวัดจะมีโดม ส�าหรับให้เข้าไปติดต่อ รอคิวเข้ารับการ บ�าบัดตามกระบวนการอยู่ด้านขวามือ แยกเป็นโซนชัดเจนดังนั้นไม่ต้องกังวล ว่าการท่องเที่ยวของเราจะไปรบกวน กิจกรรมของทางวัด จากลานจอดรถหัน หน้าเข้าสู่ตัววัดจะพบกับบันไดทางขึ้น ภูเขาหินเป็นอย่างแรก สูงชันพอสมควร ด้านบนเห็นอยู่ลิบๆ ว่าเป็นถ�้ากลาง ภูเขาหินซึ่งมีพระพุทธรูปอยู่ด้านใน นี่ แหละ คือ ถ�้ากระบอก ที่มาของชื่อวัด รอบๆ วัดนิยมสร้างพระพุทธรูปองค์ ใหญ่ แม้กระทั่งที่ประดิษฐานอยู่ในตึก ก็ยังมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับพระพุทธ รูปทั่วไป เช่น พระโสรัจกัสสปะ องค์โลกุ ตตระธรรม และพระพลรัตน์กัสสปะ ที่เรียงรายอยู่ด้านหลังศาลารับสัจจะ ตรงข้ามศาลารับสัจจะเป็นศูนย์อาหาร มีทั้งร้านอาหารตามสั่ง ส้มต�า น�้าดื่ม ต่างๆ จ�าหน่าย ไฮไลท์ของวัดถ�้ากระบอก คือ หมู่ พระพุทธรูปหินลาวา ที่ล้วนมีขนาด ใหญ่ ใหญ่มากจนเมื่อลองไปยืนเทียบ ใกล้ๆ จะสังเกตเห็นว่าสีขององค์พระ ทั้งหมดเป็นสีเทาเข้มๆ เนื่องจาก พระพุทธรูปเหล่านี้สร้างขึ้นจากการน�า เอาหินจากภูเขาหินในบริเวณนี้ไป หลอมด้วยความร้อนสูงจนละลาย กลายเป็นลาวา ก่อนจะน�ามาเทใส่พิมพ์ หล่อขึ้นมาเป็นองค์พระอย่างที่เราเห็น หมู่พระพุทธรูปหินประดิษฐานอยู่บน ลานกว้างยกสูง บันไดทางขึ้นขนาบ ซ้าย-ขวาด้วยพระยืนสององค์ มีชื่อเรียก ว่าพระนวลจันทร์ (ยกพระหัตถ์ซ้าย) กับ พระนวลพรรณ (ยกพระหัตถ์ขวา) เมื่อ เดินขึ้นบันไดไปจะพบกับลานกว้างเป็น วงกลม ขอบรอบด้านเรียงรายไปด้วย พระพุทธรูปปางมารวิชัย ตรงกลางมี หมู่พระพุทธรูปปางต่างๆ หันหน้าออก ทั้งสี่ทิศ มีเสาสามเสาอยู่ใจกลาง คาด ว่าสื่อถึง “เสาอโศก” และยังมีพระ ธรรมจักรอยู่คู่กัน หมู่พระพุทธรูปหิน เหล่านี้ประดิษฐานอย่างสง่างามโดย มีฉากหลังเป็นภูเขาหินและป่าไม้แห่ง เทือกเขาโปร่งปราบ ดูยิ่งใหญ่อลังการ น่าประทับใจมาก 32 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566
วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 33 คู่มือ สระบุรี น อกเหนือจากการเดินทางมาขึ้นบันไดเพื่อไปชม ความสวยงามของพระอุโบสถและชมวิวสวยแล้ว ยังมีถ�้าเก่าแก่ที่ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ ให้ พุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปกราบไหว้ ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลได้เสมอ ส�าหรับ วัดเขาพรหมสวรรค์ หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ วัด ซอย 6 ขวา ถือเป็นวัดสวยที่ตั้งอยู่บนยอดเขาพรหมสวรรค์ ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามโดดเด่นเป็นสง่าอยู่บน ยอดเขา ครั้งหนึ่งวัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีความงดงามมีคุณค่า มากใน จ.สระบุรี แต่เป็นที่น่าแปลกใจที่ชาว จ.สระบุรี ส่วน ใหญ่ไม่เคยมีใครรู้จักวัดนี้มาก่อน ซึ่งเป็นวัดที่ พระครูพิศาล สาธุวัตร (ทองย้อย สุริโย) อดีตเจ้าอาวาสผู้ริเริ่มก่อสร้าง วัดซอย 6 ขวา(เขาพรหมสวรรค์) วัดแห่งความตระการตา ด้วยศิลปะหลากหลายสมัยที่น�ามาประยุกต์เข้าด้วยกัน อย่างลงตัว ก่อนที่จะสร้าง วัดซอย 6 ขวา (เขาพรหมสวรรค์) แห่งนี้นั้น หลวงพ่อได้ท�าสมาธินั่งปฏิบัติเห็นทางญาณมาก่อนทั้งทาง ปฏิบัติ และทางนิมิต การเห็นทางสมาธินั้นเห็นอยู่ 3 ครั้ง เห็นอย่างไร คือ เมื่อนั่งจิตสงบแล้วครั้งแรก จะเห็นเป็นรูป ภูเขาปรากฏก่อน มีทั้งลูกใหญ่และลูกเล็กสลับกันไป มีเทือก เขาลูกใหญ่ล้อมรอบเป็นป่าทึบ แต่เขาลูกเล็กตั้งอยู่ระหว่าง กลางนี้สิแปลกมาก เห็นเป็นโคมไฟสีแดงที่พุ่งขึ้นใส เป็นลูก วัดเขาพรหมสวรรค์ แก้วแล้วตกลงมอดไป ไม่นานพุ่งขึ้นอีกเป็นสีเหลืองใสมี รัศมีสว่างมากกว่าเดิม แล้วตกลงมา สักครู่จะมีลูกสีเหลือง อมแดงและขาวพุ่งขึ้นสูงกว่าเดิม แล้วตกลงที่ยอดเขาเล็ก ลูกต่อมาพุ่งขึ้นเป็นสีขาวโปร่งใสเหมือนเพชรมีรัศมีกว้าง ใหญ่พุ่งขึ้นสูงกว่าเดิมแล้วตกลงที่เขา ถัดมาสักครู่ ลูกที่ 5 นั้น พุ่งขึ้นสุดรัศมีมีสีเขียวและได้หยุดอยู่กลางอากาศ แล้วค่อย เลื่อนลงอย่างช้าๆ จากนั้นได้ตกลงที่เขาลูกเล็กนี้ ต่อมาเป็นวันพฤหัสบดี ตรงกับวันพระ จึงได้สวดมนต์ไหว้ พระอธิษฐานว่าถ้าสิ่งเหล่านี้มีจริงแล้ว เมื่อข้าพเจ้านั่งแล้ว ขอให้เห็นอีก แล้วก็นั่ง พอจิตสงบก็เห็นสถานที่นี้อีกครั้ง พร้อมกับเห็นถ�้า ปากทางเข้าถ�้าเล็กแต่ภายในกว้าง อยู่ ส่วนบนยอดเขา มีคนแก่นุ่งขาวห่มขาวเฝ้าอยู่ ได้แต่พยัก หน้าแต่ไม่ยอมพูด ส่วนบนยอดเขาจะมีต้นไม้ ต้นตะโกอยู่ ต้นหนึ่งไม่ใหญ่มากนัก มีนกพิราบขาว อยู่ 2 ตัว ราวกับ ผัวเมียกัน ตัวใหญ่ผิดจากนกธรรมดา ภายในถ�้าลงไปเป็นถ�้าใหญ่สะอาดสดใสและแวววาว ราวกับท้องพระโรง มีปราสาทมณเฑียรที่ประทับ ทั้ง พระแสงอาญาสิทธิ์ พิณพาทย์ฆ้องแตร มีนายประตู อยู่ ประจ�าทิศตะวันตกเฉียงเหนือ รอบเขามีสระน�้าเป็นขอบ กั้น ครั้งที่ 3 นั่งปฏิบัติต่อพอจิตสู่ภวังค์ นั่งเห็นเป็นที่ที่อยู่ ติดต่อกันถัดจากที่เดิม ภูเขาเพิ่มทอดยาวสีขาวสะอาดมี เจดีย์ธาตุใหญ่สูงเสียดฟ้าสูงประมาณ 35 เมตร 16 วา มี วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 33 SARABURI คู่มือ สระบุรี
34 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 ฐานรองรับมีพระสงฆ์กราบไหว้อยู่มากมาย ทางจิต เรารู้ว่าเป็นที่รวมสิ่งส�าคัญทางศาสนา ท�าสมาธิสัก ครู่จึงได้ออกจากสมาธิ โดยที่นี่มีไฮไลท์ คือ บันไดนาคที่ก่อสร้างทอดยาว ขึ้นไปยังตัววิหารชั้นบนสุดของวัดมากกว่า 100 ขั้น และเมื่อเดินขึ้นไปยังด้านบนสุด เพื่อชื่นชมองค์เจดีย์ ใหญ่เป็นพระอุโบสถของวัด ภายในประดิษฐานพระ ประธานประจ�าพระอุโบสถ พระพุทธเจ้าทั้ง 5 องค์ ได้แก่ พระศรีอาริยเมตไตย พระโคตะโม พระกัสสโป พระโกนาคมโน พระกกุสันโธ ให้นักท่องเที่ยวเข้าไป นมัสการขอพร ส�าคัญคือสามารถมองเห็นวิวสวยได้ อย่างเต็มตา พื้นที่ด้านล่างรายล้อมไปด้วยไร่ข้าวโพด และไร่อ้อยดูสวยงามในมุมที่แปลกตาเลยทีเดียว วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม เป็นวัด ราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายธรรม ยุติกนิกาย ตั้งอยู่ในต�าบลกลางดง อ�าเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม หรือ วัดหลวง พ่อขาว ตั้งวัดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2514 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2515 เป็นวัดที่เกิดจากด�าริ ของพระสุทธิธรรมรังสีคัมภีร์เมธาจาร ย์ หรือท่านพ่อลี ที่จะสร้างวัดขึ้น ณ เชิง เขาสีเสียดอ้า รวมถึงสร้างพระพุทธรูป ไว้บนเนินเขา แต่ยังมิได้สร้างพระพุทธ รูปก็ได้มรณภาพไปก่อน บรรดา สานุศิษย์ น�าโดยพลเอกพงษ์ ปุณณ กันต์ จึงได้ร่วมกันสร้างพระพุทธรูป โดยท�าการขยายส่วนมาจากพระพุทธ รูป ภปร. หล่อด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก มีน�้าหนัก 3000 ตัน หน้าตักกว้าง 27 เมตร ได้พระราชทานนามพระพุทธรูป ว่า พระพุทธสกลสีมามงคล นับเป็น พระพุทธรูปปางประทานพรที่ใหญ่ ที่สุดในโลก พระพุทธสกลสีมามงคล หรือ ชาวบ้าน เรียกว่า หลวงพ่อขาว มีขนาดหน้าตัก กว้าง 27.25 เมตร สูง 45 เมตร หมาย ถึง พระพุทธองค์โปรดเวไนยสัตว์อยู่ 45 พรรษา หรือเรียกว่า ทรงท�าพุทธ กิจอยู่ 45 พรรษา หลังจากที่ตรัสรู้แล้ว สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ตั้งอยู่บน ยอดเขาสูงจากระดับพื้นดิน 112 เมตร หรือ 56 วา หมายถึง พระพุทธคุณ 56 ประการ ทางซ้ายและทางขวาขององค์ พระพุทธรูปสร้างโค้งเว้าในลักษณะใบ โพธิ์ ต้องขึ้นบันไดทั้งหมด มี 1,250 ขั้น หมายถึง จ�านวนพระอรหันต์ที่ไปชุมนุม กันโดยมิได้นัดหมายในวันมาฆบูชา วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม
วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 35 คู่มือ สระบุรี วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 35 เทศกาล โคนมแห่งชาติ ง านโคนมแห่งชาติ จัดขึ้นที่อ�าเภอมวกเหล็ก ในเดือน มกราคมของทุกปี โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด งานของทุกปี ซึ่งเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเกษตรกรผู้เลี้ยง โคนมเป็นอาชีพ สระบุรี... ม ีเทศกาล ประเพณี อะไรบาง? ้ ม ีเทศกาล ประเพณี อะไรบาง? ้ สระบุรี... ประวัติความเป็นมา : เมื่อปี พ.ศ. 2503 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินีนาถ ในคราว เสด็จฯ ประพาส ทวีปยุโรปได้เสด็จประทับแรม ณ ประเทศเดนมาร์ก ทรงสนพระทัยใน กิจการฟาร์มโคนมของชาวเดนมาร์ค เป็นอย่างมาก ด้วยทรงเห็นว่าอาชีพ การเลี้ยงโคนมน่าจะเกิดประโยชน์ ต่อเกษตรกรและประเทศไทย หลัง จากเสด็จฯ นิวัติประเทศไทย รัฐบาล เดนมาร์คได้ถวายโครงการส่งเสริมการ เลี้ยงโคนมเป็นของขวัญแด่ล้นเกล้า ทั้ง สองพระองค์ เพื่อให้ด�าเนินโครงการ ส่งเสริมการเลี้ยงโคนมในประเทศไทย บรรลุตามเจตนารมณ์ ที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ ได้มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาล เดนมาร์ค เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2504 โดยได้ด�าเนินการจัดตั้ง “ฟาร์มโคนม” และ “ศนย์ฝึ กอบรมการเลี้ยงโคนมไทย-เดนมาร์ค” ูที่อ�าเภอมวกเหล็ก จังหวัด สระบุรี โดยเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2505 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าเฟรดเดอริคที่ 9 และ สมเด็จพระบรมราชินี แห่งประเทศเดนมาร์คได้เสด็จพระราชด�าเนิน ประกอบ พิธีเปิดฟาร์มโคนม และศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนมไทย-เดนมาร์ค อย่างเป็น ทางการ ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2514 รัฐบาลได้รับโอนกิจการฟาร์มโคนมและศูนย์ ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนมไทย-เดนมาร์ค จากรัฐบาลเดนมาร์ค และได้ตราพระราช กฤษฎีกาจัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้ชื่อว่า “องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย” (อ.ส.ค.) จากประวัติศาสตร์ การเลี้ยงโคนม จึงถือเอาวันที่ 16 มกราคมของทุกปี เป็นวันโคนมแห่งชาติ และ เพื่อไม่ให้เป็นการซ�้าซ้อนกับวันครู รัฐบาลได้มีมติเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2530 ให้ วันที่ 17 มกราคมของทุกปีเป็นวันโคนมแห่งชาติ จึงถือเป็นวันส�าคัญยิ่งต่ออาชีพ การเลี้ยงโคนมในประเทศไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย อ.ส.ค. ได้จัด กิจกรรมเฉลิมฉลองขึ้นเป็นประจ�าทุกปี เพื่อน้อมร�าลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 35 SARABURI คู่มือ สระบุรี
36 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 ปร ะ เ พ ณี น มั ส ก า ร ร อ ย พระพุทธบาท จะมีในช่วงกลาง เดือน 3 และเดือน 4 ของทุกปี ที่วัด พระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อ�าเภอ พระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี และได้ ถือเป็นประเพณีสืบต่อกันมาจนทุกวัน นี้ด้วยความเชื่อที่ว่าจะได้บุญแรง การนมัสการรอยพระพุทธบาทจะ ก�าหนดขึ้นเป็น 2 ช่วงคือ ในช่วงแรก ตั้งแต่วันขึ้น 1 ค�่า ถึง 15 ค�่า เดือน 3 เป็น เวลา 15 วัน และในช่วงที่ 2 ตั้งแต่วันขึ้น 8 ค�่า ถึง 15 ค�่า เดือน 4 เป็นเวลา 8 วัน รอยพระพุทธบาทแห่งนี้ อยู่บนเขา สุวรรณบรรพต ค้นพบในรัชสมัยพระเจ้า ทรงธรรม ตามต�านานพระพุทธบาท กล่าวไว้ว่า ใน ปี พ.ศ. 2165 พรานป่า ชื่อบุญออกป่าล่าสัตว์และได้ยิงกวาง ตัวหนึ่งบาดเจ็บ จึงออกตามรอยกวาง ตัวนั้น และได้พบรอยคล้ายรอยเท้า คนขนาดใหญ่ มีน�้าใสสะอาดขังอยู่ และเมื่อลองดื่มกินและลูบไล้ตามตัว ร่อยรอยปุ่มปมตามร่างกายก็หายไป อย่างมหัศจรรย์ ความทราบถึงพระเจ้า ทรงธรรมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ซึ่ง ทรงฝักใฝ่ในการพระศาสนาเป็นอย่าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ได้พระราชทานอาชีพการเลี้ยงโคนม ให้แก่ ปวง ชนชาวไทย ตลอดจนเป็นการพบปะสังสรรค์ของผู้ที่อยู่ในวงการนี้ ทั้งภาครัฐบาล ภาคเอกชน และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม กิจกรรมที่น่าสนใจภายในงาน อาทิ การแสดงความก้าวหน้าของวิทยาการ ด้านการเลี้ยงโคนมและอุตสาหกรรมนมของประเทศ ไทย การเผยแพร่ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ไปสู่เกษตรกร การแสดง นิทรรศการในหัวข้อต่างๆ การสัมมนาวิชาการ การแข่งขันประกวดแนวคิดชิงถ้วย พระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รวมทั้งจัดให้มี การประกวดโคนม 7 ประเภท ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และการจ�าหน่ายผลิตภัณฑ์นมและปัจจัยการเลี้ยงโคนมราคาถูก ประเพณีนมัสการ รอยพระพุทธบาท ยิ่ง (ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ส่งพระสงฆ์ไทยไปสืบพระศาสนาที่ประเทศศรีลังกา) จึง ได้เสด็จพระราชด�าเนินไปทอดพระเนตร และมีพระด�าริว่าเป็นรอยพระพุทธบาท โดยแท้ เพราะตรงตามลักษณะ 108 ปะการ จึงโปรดฯ ให้สร้างมณฑปสวมรอย พระพุทธบาทนั้นไว้ และโปรดฯ ให้สร้างพระอุโบสถและวิหารไว้โดยรอบ สถาปนา เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก มีพระราชประเพณีเสด็จพระราชด�าเนินมานมัสการ เป็นประจ�าทุกปี และประชาชนก็ถือปฏิบัติตามต่อมา รอยพระพุทธบาทนี้ได้รับ การบูรณะปฏิสังขรณ์จากพระมาหากษัตริย์นับตั้งแต่กรุง ศรีอยุธยา มาจนถึง กรุงรัตนโกสินทร์ ในงานบุญประเพณีนี้ ยังมีการออกร้านขายของพื้นเมือง การละเล่นพื้นเมือง และ มหรสพต่างๆ ฉลองอีกด้วย นมัสการ รอยพระพุทธบาท รอยพระพุทธบาท ยิ่ง (ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ส่งพระสงฆ์ไทยไปสืบพระศาสนาที่ประเทศศรีลังกา) จึง ริว่าเป็นรอยพระพุทธบาท
วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 37 SARABURI คู่มือ สระบุรี ประเพณีตักบาตรดอกไม้ ช่วงเดือน เข้าพรรษา จัด 3 วัน ตั้งแต่วันโกน วัน อาสาฬบูชา วันเข้าพรรษา มีการ ตักบาตร ในวันแรก 1 รอบ วันที่ 2,3 วัน ละ 2 รอบ ช่วงเวลาตั้งแต่ 9.00 น และ 15.00 น. นับว่าเป็นประเพณีที่ส�าคัญของจังหวัดสระบุรี และมีแห่งเดียวของประเทศไทย โดยถือเอาวันเข้าพรรษา วันแรม 1 ค�่า เดือน 8 ของทุกปี จะมีประชาชนผู้เฒ่า ผู้ แก่ และคนหนุ่มสาวทั่วไป ต่างพากันไปท�าบุญตักบาตรเนื่องในวันเข้าพรรษาที่วัด พระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ซึ่งตามประเพณีชาวพุทธทั้งหลาย เมื่อเสร็จจาก การท�าบุญตักบาตรในตอนเช้าแล้ว ประชาชนโดยทั่วไปก็จะพากันไปเก็บดอกไม้ ชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายต้นกระชายหรือต้นขมิ้น มีสีสันเป็นดอกสีเหลืองหรือ สีขาวเรียกว่า “ดอกเข้าพรรษา” ซึ่งดอกไม้ชนิดนี้ชอบขึ้นตามไหล่เขา และจะมี เฉพาะช่วงเข้าพรรษา โดยจะมีการตักบาตรดอกไม้ในตอนบ่ายของวันเข้าพรรษา บริเวณวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ต�าบลขุนโขลน อ�าเภอพระพุทธบาท จากเรื่องเล่าเกี่ยวกับวัดพระ พุทธบาทฯ ในอดีต ยามหน้าแล้งกลางเดือนสาม เดือนสี่ ผู้คนจากทั่วสารทิศ จะพากันหลั่งไหลไปนมัสการรอยพระพุทธบาทกัน เนืองแน่น สมัยนั้นการขึ้นไปมิใช่เรื่องง่าย ต้องหยุดการท�างานต่าง ๆ เพื่อเตรียม สัมภาระ จัดหาทุนรอนค่าอาหาร ค่าจ้างช้างม้าเรือแพ การเดินทางยากล�าบาก ทั้งชีวิตบางคนอาจมีบุญไปกราบได้เพียงครั้งเดียว บางคนไม่มีโอกาส แม้จะมี ความตั้งใจสูงเพียงใด ประเพณี ตักบาตรดอกไม ้ ประเพณี ตักบาตรดอกไม ้ ประกอบกับแต่ก่อน ผู้คนมักจะไป นมัสการรอยพระพุทธบาทกันเป็นหมู่ ใหญ่ ทั้งหมดล้วนแล้วมีความตั้งใจ พร้อมกับความเชื่อที่ว่า ถ้าได้ไปกราบ นมัสการรอยพระพุทธบาทถึง 3 ครั้ง ในชีวิต จะได้ขึ้นสวรรค์ ดังนั้น ทุกคน จึงเพียรพยายามอย่างยิ่ง และเมื่อไป ถึงได้กราบรอยพระพุทธบาท ต่างตั้ง จิตอธิษฐานตามใจปรารถนา หลังจาก นั้นประชาชนทั้งหลายจะตีระฆังที่แขวน เรียงรายไว้ ด้วยหวังประกาศบุญให้ เทพยดาทุกชั้นได้อนุโมทนา ปัจจุบันนอกเหนือจากเดือนสาม เดือนสี่แล้ว ยังมีวันเข้าพรรษาอีกหนึ่ง วัน ที่ผู้คนจากทั่วสารทิศเดินทางมา นมัสการรอยพระพุทธบาท และส�าหรับ ในจังหวัดสระบุรี ประเพณีที่ส�าคัญใน วันเข้าพรรษาก็คือ “ประเพณีตักบาตร ดอกไม้” ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นประจ�าทุก ปีที่วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี และชาว สระบุรีถือว่า ประเพณีตักบาตรดอกไม้ เป็นประเพณีที่ส�าคัญ และปฏิบัติ สืบทอดต่อกันมาทุกปี ทั้งนี้ ประเพณีตักบาตรดอกไม้ สืบเนื่อง มาจากต�านานที่ว่า พระเจ้าพิมพิสาร แห่งกรุงราชคฤห์ ทรงโปรดปรานดอก มะลิมาก จึงรับสั่งให้นายมาลาการน�า ดอกมะลิมาถวายวันละ 8 ก�ามือ ต่อมา ้
38 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 วันหนึ่ง ขณะที่นายมาลาการก�าลังเก็บดอกมะลิ ก็ได้พบเห็นพระพุทธเจ้า พร้อม ด้วยพระภิกษุสงฆ์อีกจ�านวนหนึ่งก�าลังออกบิณฑบาต นายมาลาการเกิดความ เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า จึงน�าดอกไม้ถวายแด่พระพุทธเจ้า และตั้งจิตอธิษฐานว่า ข้าวของทุกสิ่งที่พระเจ้าพิมพิสารทรงมอบให้เพียงเพื่อยังชีพในภพนี้เท่านั้น แต่การ ถวายดอกไม้แด่พระพุทธองค์ ส่งอานิสงส์ถึงชาติภพหน้า ดังนั้นแม้จะถูกลงโทษ ประหารชีวิต เพราะไม่ได้ถวายดอกมะลิพระเจ้าพิมพิสารก็ยินยอม จากนั้น เมื่อภรรยาของนายมาลาการทราบเรื่องเกรงจะถูกลงโทษ จึงได้หลบหนี ไป แต่เมื่อพระเจ้าพิมพิสารทราบเรื่องดังกล่าวกลับไม่กริ้ว ซ�้ายังพอพระราชหฤทัย เป็นอย่างมาก พระราชทานรางวัลความดีความชอบให้นายมาลาการมากมาย ท�าให้นายมาลาการมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข จากต�านานดังกล่าว จึงส่งผลให้ประเพณี “ตักบาตรดอกไม้” ถูกสืบทอดปฏิบัติ เรื่อยมา เนื่องจากชาวพุทธเชื่อว่า การตักบาตรดอกไม้จะได้บุญได้กุศลอันยิ่ง ใหญ่ และอานิสงส์ส่งไปถึงภพหน้านั่นเอง เมื่อชาวบ้านเสร็จสิ้นจากการท�าบุญในตอนเช้าแล้ว ก็จะพากันน�าดอกไม้ชนิด หนึ่งที่เรียกว่า “ดอกเข้าพรรษา” มารอใส่บาตรพระสงฆ์ ซึ่ง “ดอกเข้าพรรษา” นี้ มีลักษณะคล้ายต้นกระชาย หรือ ต้นขมิ้น มีหลายสี เช่น สีเหลือง สีขาว ขึ้น ตามไหล่เขาโพธิ์ลังกา หรือเขาสุวรรณบรรพต เทือกเขาวง และเขาพุใกล้ ๆ กับ รอยพระพุทธบาท และผลิดอกในช่วงเข้าพรรษาเท่านั้น ชาวบ้านจึงเรียกว่า “ต้น เข้าพรรษา” หลังจากนั้น พระภิกษุสงฆ์จะเดินออก จากศาลาการเปรียญ มารับดอกไม้จาก พุทธศาสนิกชนที่รอน�าดอกไม้ใส่บาตร เพื่อน�าขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาท ที่ประดิษฐานบนพระมณฑป ซึ่งรอย พระพุทธบาท ภายในวัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหารแห่งนี้ เป็นที่เคารพและ ศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยมีความเชื่อใน คติชาวลังกาว่า พระพุทธเจ้าได้ประทับ รอยพระพุทธบาทไว้ 5 แห่ง และรอย พระพุทธบาทที่วัดพระพุทธบาทฯ แห่ง นี้ เป็น 1 ใน 5 แห่งของโลก หลังจากพระสงฆ์เข้านมัสการรอย พระพุทธบาทที่มณฑปแล้ว ก่อนที่จะ เข้าพระอุโบสถ จะผ่านพุทธศาสนิกชน ที่รออยู่ตรงบันไดนาค เพื่อที่จะร่วมกัน ล้างเท้าพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งการกระท�า ดังกล่าว ถือเป็นการช�าระกิเลส ช�าระ บาป เพื่อจะได้บุญกุศล และความสุข ทางจิตใจติดตัวกลับไป ค�ถวายดอกไม้ “ อิมานิ มยํ ภนฺเต วรปุปผานิ สงฺฆสฺส โอโณชยาม สาธุโน ภนฺเต สงโฆ อิมานิ วรปุปผานิ ปฏคฺ คณฺหาตุ อมฺหาถํ ทีฆรตฺตํ หิตายสุขาย ” “ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย ซึ่งดอกไม้อันประเสริฐทั้งหลาย เหล่านี้ แด่พระสงฆ์ จงรับซึ่งดอกไม้อันประเสริฐทั้งหลายเหล่านี้ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล และเพื่อความสุขแก่ ข้าพเจ้าทั้งหลาย สิ้นกาลนานเทอญ ” 38 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566
วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 39 คู่มือ สระบุรี วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 39 ประเพณี แห่พระเขี้ยวแก้ว พระเขี้ยวแก้ว ชาวพุทธเชื่อกันว่าเป็นฟันของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งในวันขึ้น 1 ค�่า เดือน 4 จะมีการจัดงานของชาวอ�าเภอพระพุทธบาท โดยอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจากพิพิธภัณฑ์วัด พระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ออกแห่ฉลองรอบ เมืองพระพุทธบาท โดยมีความเชื่อว่า หากมีการแห่ พระเขี้ยวแก้วแล้วจะสามารถบันดาลให้ประชาชน ชาวพระพุทธบาทได้รับ ความร่มเย็นเป็นสุข ท�ามา ค้าขายดีกันทั่วหน้า เป็นการจัดงานประจ�าปีของ อ�าเภอพระพุทธบาท การแข่งขันเรือยาวประเพณี ลุ่มน้� ป่าสัก อ�เภอเสาไห้ จัดให้มีการแข่งขันเป็นประเพณี ณ บริเวณ ท่าน�้าหน้าที่ว่าการอ�าเภอเสาไห้ทุกปี ในวันเสาร์- อาทิตย์ สุดท้ายของเดือนกันยายน โดยเชิญเรือยาวจากจังหวัด ต่างๆ แบ่งเป็นประเภทของเรือเป็น 4 ประเภท ได้แก่ เรือยาวใหญ่ 55 ฝีพาย เรือ 30 ฝีพาย 12 ฝีพาย และ 10 ฝีพาย เข้าแข่งขันหา ผู้ชนะเลิศ ถือว่าเป็นการอนุรักษ์ประเพณีของท้องถิ่นอย่างหนึ่ง วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 39 SARABURI คู่มือ สระบุรี
40 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรแห่งอ�าเภอมวกเหล็ก ที่ เหมาะส�าหรับพาครอบครัวเด็กน้อยมาเที่ยว ภายใน ฟาร์มอัดแน่นไปด้วยกิจกรรมมากมาย ทั้งนั่งรถไฟ ดื่มนม ชม ฟาร์ม รีดนมและป้อนนมแม่โค ชมการแสดงคาวบอย ใครที่ เป็นแฟนนมวัวแดงคงจะถูกอกถูกใจไม่น้อย เพราะนอกจาก จะได้สนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆแล้ว ยังมีเมนูนมทั้งหลาย พร้อมเสิร์ฟ ให้เลือกทานแลซื้อหากลับบ้านกจนฟินไปเลย ตั้งอยู่บนหลักกิโลเมตรที่ ๓๔ ถนนมิตรภาพ อ.มวกเหล็ก อ.ส.ค. ได้เปิด ฟาร์มโคนม ไทย-เดนมาร์ก เป็นสถานที่ท่อง เที่ยวเชิงเกษตรเพื่อให้นักท่องเที่ยวชื่นชม ความงามของ ธรรมชาติ มีกิจกรรมส�าหรับผู้รักการผจญภัย เช่น การขับรถ เอทีวี เหมาะส�าหรับทุกเพศทุกวัยในอัตราค่าบริการที่ถูกและ ฟาร์ มโคนม ไทย-เดนมาร์ ค สระบุรี..ที่ นี่ มี มโคนม สระบุรี..ที่ นี่ มีฟาร์ ม คุ้มค่านักท่องเที่ยวจะได้ชมฟาร์ม โคนมไทย-เดนมาร์ก เช่น รีดนมโค ป้อนนมลูกโค การแสดงม้า และกิจกรรม ดื่ม นมชมดาว กิจกรรมคาวบอย มีกิจกรรมส่งเสริมการเรียน รู้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น - การให้ความรู้เรื่องโคนม,โรงงาน ผลิต,กระบวนการผลิต - การฝึกอบรมการเลี้ยงโค - ปัจจัย การเลี้ยงโค - การท่องเที่ยวเชิงเกษตร แนวทางตามพระ ราชด�าริ - บริการบ้านพักรับรอง เดือนกันยายน ปีพุทธศักราช 2503 พระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรม ราชชนนีพันปีหลวง เสด็จประพาสทวีปยุโรป ในการเสด็จ ทรงประทับแรมอยู่ ณ ประเทศเดนมาร์ค ทรงให้ความสน 40 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566
วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 41 คู่มือ สระบุรี พระทัยเกี่ยวกับกิจการการเลี้ยงโคนม ของชาวเดนมาร์คเป็นอย่างมาก และ กลายเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ว่า ด้วยการร่วมมือด้านวิชาการการเลี้ยง โคนมระหว่างประเทศไทยและประเทศ เดนมาร์ค ก่อนหน้านั้นหนึ่งปี นายนิลส์ กุนน่า ส์ ซอนเดอร์กอร์ด ชาวเดนมาร์ค ผู้ เชี่ยวชาญด้านการผลิตสุกร ของ FAO (Food and Agricultural Organization United Nation) ผู้ซึ่งปฏิบัติงานร่วมกับ กรมปศุสัตว์ระหว่างปี พ.ศ.2498-2502 (ค.ศ.1955-1959) ก่อนหน้านั้นหนึ่งปี นายนิลส์ กุนน่าส์ ซอนเดอร์กอร์ด ชาว เดนมาร์ค ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตสุกร ของ FAO (Food and Agricultural Organization United Nation) ผู้ซึ่ง ปฏิบัติงานร่วมกับกรมปศุสัตว์ระหว่าง ปี พ.ศ.2498-2502 (ค.ศ.1955-1959) ได้สังเกตุว่าคนไทยไม่รู้จักโคนมและดื่ม นมในปริมาณน้อยมาก หลังจากกลับ ไปประเทศเดนมาร์คในปี พ.ศ. 2502 นายซอนเดอร์กอร์ด ได้จัดท�าโครงการ ฟาร์มโคนมและศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยง โคนมในประเทศไทย เสนอต่อ Danish Agricultural Marketing board และ ต่อมาเดือนมกราคม 2504 ได้มีคณะ ผู้เชี่ยวชาญชาวเดนมาร์คได้มาศึกษา ส�ารวจพื้นที่ในการจัดตั้งฟาร์มโคนม สาธิต และศูนย์ฝึกอบรม ณ อ�าเภอมวก เหล็ก จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็น สถานที่เป็น หุบเขาสวยงามมีแหล่งน�้าสะอาดและ ไม่ไกลจากตลาดกรุงเทพฯ วันที่ 20 ตุลาคม 2504 ได้ลงนาม สัญญาการให้ความร่วมมือช่วยเหลือ ทางวิชาการการเลี้ยงโคนม ระหว่าง รัฐบาลเดนมาร์คกับรัฐบาลไทย โดย Danish Agricultural Marketing board จัดสรรเงินช่วยเหลือจ�านวน 4.33 ล้านโครเนอร์ (หรือประมาณ 23.5 ล้าน บาท ในสมัยนั้น) ส�าหรับด�าเนินโครงการเป็นระยะเวลา 8 ปี รัฐบาลเดนมาร์คได้ส่ง ผู้เชี่ยวชาญมาร่วมด�าเนินการในปี พ.ศ. 2509 (ค.ศ.1966) พร้อมกับสนับสนุนเงิน จ�านวน 2.87 ล้านโครเนอร์ ส�าหรับด�าเนินงานในช่วง 8 ปี อันเป็นการตอบสนอง พระราชปณิธานและความสนพระทัยในอาชีพการเลี้ยงโคนม หลังจากเสด็จนิวัติประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระเจ้าเฟรดเดอริคที่ 9 แห่งประเทศ เดนมาร์ค ได้ทรงประกอบพิธีเปิดฟาร์มโคนมและศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนม ไทย-เดนมาร์ค อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2505 จึง นับได้ว่าเป็น วันที่มีความส�าคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ของการเลี้ยงโคนมใน ประเทศไทย ต่อ มาในปี พ.ศ. 2514 รัฐบาลไทยได้รับโอนกิจการฟาร์มโคนมและศูนย์ฝึกอบรม การเลี้ยงโคนม ไทย-เดนมาร์ค จัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ มีชื่อว่า “องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)” มี ส�านักงานตั้งอยู่เลขที่ 160 ถนนมิตรภาพ อ�าเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เพื่อ ด�าเนินบทบาทในการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมและพัฒนาอุตสาหกรรมนมต่อไป รัฐบาลไทยได้ก�าหนดให้วันที่ 17 มกราคม ของทุกปีเป็นวันโคนมแห่งชาติ วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 41 SARABURI คู่มือ สระบุรี
42 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 สวนผักลุงฤทธิ์ เป็นทั้งร้านอาหาร ที่ขายผัก สวน ผัก ที่พัก ถ้าจะเข้าไปทานอาหารแนะน�าให้โทรไป จองก่อน หน้าตาร้านอาจจะดูธรรมดา ไม่ได้มีความหรูหรา มีมุมถ่าย รูปเยอะๆ เหมือนร้านส่วนใหญ่ในเข้าใหญ่ แต่ก็ให้ความ อบอุ่น เหมือนไปทานอาหารบ้านเพื่อน บ้านญาติ โดย อาหารที่ร้านจะเป็นพวกสเต๊ก สลัด ส่วนเครื่องดื่มของทาง ร้านก็จะเอาใจสายสุขภาพเฃ่นกัน สั่งอาหารแล้วสามารถเดินดูสวนผัก และไปเก็บผลไม้ เอา มาทานได้ ทานเสร็จแล้วติดใจผักสลัดก็สามารถซื้อกลับ บ้านได้อีกด้วย นอกจากนี้ ที่นี่ยังให้ความรู้เรื่องการปลูกผักแบบผสม ผสาน อาหารทุกอย่างท�าเอง วัตถุดิบที่ใช้ ปลูกเอง ไร้สาร ปลอดภัยทั้งคนท�าและคนทาน โดย เมนูแนะน�าจะเป็น สลัดซี่โครง สลัดอินโดจีน เมนูน�้าเพื่อสุขภาพ ทางฟาร์มมีที่พัก เป็นลักษณะบ้านในสวน เงียบสงบ เหมือนมาพักบ้านของตัวเอง เหมาะส�าหรับครอบครัว, กลุ่ม เพื่อน เพื่อพักผ่อน อากาศดี สวนผั กลุงฤทธ ิ ์ ฟาร์ มสเตย์ 42 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 สวนผกลุงฤทธ ฟาร สวนผ
วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 43 คู่มือ สระบุรี ฟ าร์มสายทอง ภายในฟาร์ม ปลูกพันธุ์ไม้หลากหลาย เช่น สวนมัลเบอร์รี่, เสาวรส, หมามุ่ยอินเดีย ฯลฯ ฟาร์มสายทอง แหล่งท่องเที่ยวเชิง เกษตร ศูนย์การเรียนรู้ เกษตรอินทรีย์ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในปัจจุบัน “ฟาร์มสายทอง” ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ ปลอดสารพิษ ที่เที่ยวสไตล์ฟาร์ม และ เชิงเกษตรสระบุรี เปิดต้อนรับนักท่อง เที่ยวที่สนใจมาเยี่ยมชม ที่นี่ยังมี มัลเบอร์รี่ (Mulberry) หรือ หม่อน (ภาคอีสานเรียกว่า “มอน”) ที่ เรารู้จักกันจะมีอยู่ 2 ชนิด คือ หม่อน หรือมัลเบอร์รี่ชนิดที่ปลูกไว้เพื่อรับ ประทานผลเพียงอย่างเดียว ซึ่งมีชื่อ สามัญว่า Black Mulberry และมีชื่อ วิทยาศาสตร์ Morus nigra L. จัด อยู่ในวงศ์ MORACEAE ผลสุกจะ เป็นสีด�ามีรสเปรี้ยวอมหวาน นิยมน�า มารับประทานและน�าไปแปรรูปเป็น ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เราสามารถขอความ รู้ในการปลูก และเลือกเก็บมัลเบอร์รีสด ๆ ได้จากต้นอีกด้วยท่านสามารถเก็บ ทานได้เลยประโยชน์ของหม่อนนั้น ยัง ช่วยบ�ารุงสมองเพิ่มความจ�า นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งไวน์ แยม และน�้ามัลเบอร์รี รสชาติเด็ด ๆ ให้ เราได้ชิม บอกเลยว่าสดชื่นมาก ส�าหรับ ใครที่มองหาที่เที่ยวอยู่ เราขอแนะน�าที่ นี่ ฟาร์มสายทอง จังฟวัดสระบุรี แหล่ง ท่องเที่ยวที่เป็นทั้งฟาร์ม และที่เที่ยว เมื่อมาที่นี่แล้วแน่นอน เรารับประกัน ท่านจะได้ความรู้แน่นอน และยังได้สูด อากาศที่สดชื่น ไม่เพียงเท่านั้นยังได้ ภาพสวยๆไว้อวดเพื่ออีกด้วย ฟาร์ มสายทอง วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 43 SARABURI คู่มือ สระบุรี
44 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 วาสนาฟาร์ม” แหล่งผลิตเมล่อนและ แคนตาลูป คุณภาพรายใหญ่อันดับ ต้น ๆ ของประเทศไทย ภายใต้ชื่อ FARM FRESH ตั้งอยุูในพื้นที่คาบ เกี่ยว 2 จังหวัด คือ ต�าบล หนองปลิง อ.หนองแค จ.สระบุรี และ อ.หนองแค กับ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ปัจุ บันมีพื้นที่รวมแล้วกว่า 170 ไร่ เน้น ผลิตเมล่อน-แคนตาลูป จนได้รับรางวัล มาตรฐานจีเอพี เบื้องต้นส่งขายไปยัง ตลาดไท และขยายสู่ห้างสรรพสินค้า ชั้นน�า ด้วยการที่ฟาร์มวาสนาเน้นใน เรื่องคุณภาพ ท�าให้เมล่อนในนาม วาสนา ฟาร์ มเมล ่ อน วาสนา ฟาร์ มเมล ่ อน 44 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 วาสนา ฟาร
วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 45 คู่มือ สระบุรี ฟารม์กวางและฝูงแพะ แห่งไร่ยานา.... และสัมผัสธรรมชาติถิ่นทุ่งทานตะวันที่ วังม่วงดินแดนแห่งทุ่งทานตะวันบานสะพรั่งเมื่อถึงฤดูกาล หากเอ่ยถึงอ�าเภอ วังม่วง จังหวัดสระบุรีย่อมเป็นที่รู้จักกันดี ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่าง ประเทศที่เคยได้ไปสัมผัสบรรยากาศอันเป็นธรรมชาติที่สดสวยสีเหลืออร่าม เลาะเทือกเขา ทอดยาวตามแนวถนนทั้งสองฝั่งฝากตลอดเส้นทางจากแยกถนน มิตรภาพมุ่งหน้าผ่านน�้าตกเจ็ดสาวน้อยไปไม่ไกลและจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ไม่ เพียงแต่จะมีพื้นที่ทานตะวันที่เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวเท่านั้นแต่ยังเรียงราย ไปด้วยไร่องุ่นโชว์ช่อและพวกห้อยระย้าอย่างสวยงาม ยานาฟาร์ม ตั้งอยู่เลขที่ 116 หมู่ 2 ต�าบลวังม่วง อ�าเภอวังม่วง เป็นแหล่งท่อง เที่ยวเชิงเกษตรของอ�าเภอวังม่วง ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเยี่ยมชมฟาร์ม มี ทั้งพืชผักที่ปลอดสารพิษ มีการเลี้ยงสัตว์ประเภทต่างๆ เช่น แพะ แกะ กวาง นกกระจอกเทศ ฯลฯ มีผลิตภัณฑ์ต่างๆ จ�าหน่ายที่หน้าฟาร์ม อาทิ นมสดจาก แพะ ไอศกรีมนมแพะ เนื้อแพะ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากแพะ นอกจากนี้ยังมี เขากวางอ่อน แคนตาลูป องุ่น ฯลฯ สนุกกับกิจกรรมป้อนนมแพะ ขี่จักรยานรอบ ฟาร์ม ส�าหรับคณะนักเรียน นักศึกษา หน่วยงานที่สนใจ และ สถาบันต่างๆ ที่ เข้ามาเที่ยว หรือศึกษาดูงาน ทางไร่ยานามีวิทยากร บรรยายให้ค�าแนะน�า โดย ไม่เสียค่าใช้จ่าย “FARM FRESH” เป็นที่รู้จักของนัก บริโภคแตงญี่ปุ่นอย่างกว้างขวางและ เป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมามีการทดสอบสายพันธุ์เมล่อน และแคนตาลูปมากกว่า 30 สายพันธุ์ ทั้งสายพันธุ์ของไทย ไต้หวันและญี่ปุ่น จนได้สายพันธุ์ที่เหมาะสมและตรงกับ ความต้องการของตลาดในปัจจุบัน 8 สายพันธุ์ในกลุ่มเมล่อน ได้แก่ ออเรนจ์ เน็ต (เนื้อส้ม) กรีนเน็ต (เนื้อเขียว) ไซตา มะเมล่อน กลุ่มแคนตาลูป ได้แก่ ท็อป ซัน (เนื้อส้ม) ท็อปสตาร์ (เนื้อเขียว) แคนตาลูปสีทอง ได้แก่ ท็อปโกลด์ (เนื้อ ขาว) โกลเด้นซัน (เนื้อส้ม) และซันไช่ แอปเปิ้ลเมล่อน ซึ่งเป็นพันธุ์จากไต้หวัน โดยพันธุ์ที่มีความโดดเด่นที่สุดคือ “ไซ ตามะเมล่อน” ที่มีรูปทรงผลสวย ลาย สวย รสชาติอร่อย ในญี่ปุ่นมีการซื้อขาย ผลสดกันในราคาสูงถึงผลละ 3,000- 4,000 บาท ด้วยความเข้มงวดในการใช้ สารเคมีในแปลงและช่วงเวลาเก็บเกี่ยว ซึ่งสามารถที่จะตรวจสอบย้อนหลังได้ จึงการันตีได้ว่าผลผลิตที่ออกไปสู่ตลาด มีความสดสะอาด ปราศจากสารเคมี ตกค้าง และมีรสชาติคงที่ ซึ่ง “วาสนา ฟาร์ม” ก�าหนดระดับความหวานขั้นต�่า รวมถึงแคนตาลูปที่ 14 บริกซ์ ดังนั้น ไม่ ว่าจะซื้อจากที่ใดก็จะได้รับประทานเม ล่อนสดที่มีความหวานเหมือนกัน “วาสนาฟาร์ม” ถือเป็นสวนแคนตาลู ปและเมล่อนรายใหญ่ของประเทศ ที่ ลงทุนเพาะปลูก ดูแล และเก็บเกี่ยวด้วย เทคโนโลยีสมัยใหม่ ปัจจุบันเปิดให้เป็น แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ส�าหรับผู้ที่ สนใจและนักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัส พร้อมชอปปิ้งเมล่อน และแคนตาลูป สด…สด ด้วยราคาจากสวน วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 45 SARABURI คู่มือ สระบุรี ยานา ฟาร์ ม
46 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 ฮ ั นน่ี ฮทั เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เที่ยวชมฟาร์ม ผึ้ง ที่เลี้ยงด้วยเกสรดอกทานตะวัน ขบวนการผึ้งตัวน้อย ก่อนเป็นน�้าผึ้ง โอสถรสวิเศษ เที่ยวชมฟาร์มผึ้ง ที่เลี้ยงด้วยเกสร ดอกทานตะวัน ขบวนการผึ้งตัวน้อย ก่อนเป็นน�้าผึ้ง โอสถรสวิเศษ ที่ ฮันนี่ ฮัท ฟาร์มผึ้ง มนุษย์เรารู้จักน�้าผึ้งกัน มานานหลายศตวรรษแล้วโดยใช้เป็น อาหาร ส่วนประกอบของอาหารและ ใช้เป็นยารักษาโรคต่างๆ ซึ่งเชื่อกันว่า เป็น “โอสถสาร” ขนานวิเศษ ทุกชาติ ทุกภาษายอมรับว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ขนานแท้ น�้าผึ้ง มีธาตุอาหารต่างๆ มากมายที่จ�าเป็นต่อร่างกายของมนุษย์ เรา เพราะผึ้งเป็นผู้รวบรวมสารสมุนไพร ต่างๆ มากมาย จึงประกอบไปด้วยตัว ยา ต่างๆ ที่สามารถน�ามาใช้เป็นสาร ป้องกันและรักษาโรคต่างๆ ได้ดี โดยใช้ น�้าผึ้งเป็นกระสายยา ส�าหรับเตรียมยา ต่างๆ เพราะน�้าผึ้งเข้าได้กับยาเกือบทุก ชนิดน�้าผึ้งให้พลังงานและความอบอุ่น แก่ ร่างกายสูง บ�ารุงกล้ามเนื้อให้แข็ง แรง บ�ารุงประสาทและสมองให้สดชื่น แจ่มใส เหมาะอย่างยิ่งส�าหรับเด็กอ่อน คนสูงอายุ ที่ท�างานหนัก ตลอดจนผู้ ป่วยในระยะพักฟื้นด้วยโรคต่างๆ ควร รับประทานตอนเช้า และก่อนนอนทุก วัน ส�าหรับผู้อดนอน เคร่งเครียด ท�างาน หนัก อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ใช้น�้าผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมน�้าชา-กาแฟ หรือน�้าผล ไม้ดื่ม จะท�าให้สดชื่นมีเรี่ยวแรง จิตใจ แจ่มใส (ควรผสมกับน�้าอุ่น ถ้าน�้าร้อน จัดจะท�าให้คุณค่าของน�้าผึ้งเสียไป) ฮนน ั ี ่ ฮท ั ฟาร์ ม
วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 47 SARABURI คู่มือ สระบุรี ท ี่ นี่ มีผักที่ขายเยอะและเรียกได้ ว่าคัดสรรค์อย่างดีและยังได้รับ การ การันตี ว่าเป็นผู้น�าการมาตรฐาน สินค้าเกษตร ที่ปลอดภัย ส�านักงาน มาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่ง ชาติ กระทรวงเกษตรสหกรณ์ เมื่อจอดรถที่ลานจอดรถด้านหน้าแล้ว เข้ามาด้านใน จะพบกับ สมเกียร์ติ คอฟ ฟี่ ที่มีบริการ ขายเครื่องดื่อม ชากา แฟ และ ผักสด มากมาย ให้เลือกสรรค์ อย่างครบครัน ส�าหรับคนรักผัก ด้านหลังของ คาเฟ่ อย่างที่ โคอี้ ได้บอกไปตั้งแต่แรกแล้ว ว่า นี่มันสวรรค์ของคนรักผัก ชัดๆเลย เพราะ ที่นี่ มีผักที่ได้คัดสรรค์ เพื่อผู้ บริโภค มาอย่างดี เพื่อสุขภาพของคน มาซื้อแล้ว ทุกชนิดมีประโยชน์แน่นอน นอกจากนี้ ยังมี ฟาร์มผักสลัด ถั่วงอก และ อื่นๆ อีกมากมาย ที่ผู้เข้ามาใช้ บริการ สามารถเดินเยี่ยมชมได้รอบๆ กันเลยทีเดียว เป็นที่ที่เรียกได้ว่าครบเครื่องเรื่องเกษตร ถือว่าเป็นสวรรค์ของคนรักผักและ อยากสุขภาพแข็งแรง ต้องมาซื้อที่นี่ สม เกียรติ ผักอร่อย สมเกียรติ ผักอร่อย ตั้งอยู่ที่ 45/1 หมู่ที่ 7 โคกสว่าง อ�าเภอเมืองสระบุรี สระบุรี 18000 เปิดให้บริการ ทุกวัน ตั้งแต่ 8.00 น.- 18.00 น. ฟาร์ มไม่ ต ั ้ งใจ สมเกี ยรต ผ ิ ั กอร ่ อย
48 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 ไอดน ฟาร ิมเมล์อน่ เกิดจากความชื่นชอบในเมล่อนสายพันธุ์ ญี่ปุ่นของเจ้าของฟาร์ม ที่ได้ศึกษาวิธีปลูกเมล่อนด้วยตัวเองนานนับปี จนสามารถเพาะปลูกเมล่อนได้ส�าเร็จ เนื่องจากการปลูกเมล่อนสายพันธุ์ญี่ปุ่น เป็นผลไม้ที่ต้องให้ความเอาใจใส่ในการปลูกเป็นอย่างดี ด้วยการเนรมิตพื้นที่ว่าง เปล่าเดิมๆ ในพื้นที่ 4 ไร่ ให้เป็นฟาร์มเมล่อน ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเดินทาง เข้ามาเป็นจ�านวนมาก เมล่อนของที่นี่จะท�าเป็นโรงเรือนขนาด ใหญ่ ซึ่งเป็นการปลูกด้วยระบบปิด สามารถควบคุมอากาศ น�้า และวัชพืช ได้ เน้นการผสมเกสรดอกด้วยมือเพื่อ ควบคุมคุณภาพ อีกทั้งยังมีการน�าเข้า เมล็ดจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาปลูก เพื่อ ให้ได้สายพันธุ์ที่สมบูรณ์ที่สุด ส่วนสายพันธุ์ที่ได้น�ามาทดลองปลูกได้ ส�าเร็จ โดยทางฟาร์มจะเน้นเพาะปลูก สายพันธุ์เมล่อนตามความต้องการของ ลูกค้า เพื่อให้ได้เมล่อนที่กรอบ อร่อย คุณภาพดีที่สุด นอกจากจะได้เข้ามาเที่ยวชมฟาร์มเม ล่อนแล้ว ยังมีโซนคาเฟ่ที่ทางฟาร์ม เปิดให้บริการมีนั่งอินดอร์ติดแอร์และ เอาท์ดอร์ ซึ่งเอาท์ดอร์มีมุมให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นริมน�้า หรือใต้ร่มไม้ ที่นี่ยัง มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อาหารเครื่องดื่มที่แปรรูปจากเมล่อน ญี่ปุ่น คุณภาพดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย มาที่นี่นอกจากจะได้เกร็ดความรู้เกี่ยว กับการเกษตรไปแล้ว ยังได้ชิมเมล่อน ถ่ายรูปในสวนเมล่อน พร้อมอุดหนุนเม ล่อนสดๆ ติดไม่ติดมือกลับบ้านอีกด้วย ไอดิ น ฟาร์ มเมล ่ อน 48 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 ไอดน ิ ฟาร์ มเมล ่ อน
วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 49 SARABURI คู่มือ สระบุรี วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 49 สว น ผักครูสรรเสริญ เป็น แหล่งผลิตผักปลอดสารพิษ สดสะอาด และปลูกด้วยดินธรรมชาติ โดยมีผักกาดหอมบัตเตอร์เฮดเป็นตัว ชูโรง นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายภาพ เป็นที่ระลึก และจุดนี้ยังมีการสาธิตการ ท�าสลัดโรล ให้นักท่องเที่ยวได้ทดลอง ท�าและรับประทานผักสดๆ สะอาดจาก สวนได้อีกด้วย สวนผัก “ครูสรรเสริญ” อยู่บนเนื้อที่ 47 ไร่ ที่ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุน จากส�านักงานเกษตรจังหวัดสระบุรี เพื่อส่งเสริมการผลิตผักปลอดภัย และ การรวมกลุ่มเชื่อมโยงเป็นแหล่งท่อง เที่ยวเชิงเกษตรที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจ สวนผั กครูสรรเสริ ญ ทั้งนักเรียน นิสิต นักศึกษา เกษตรกร รวมถึงประชาชนทั่วไปที่สนใจในการปลูก ผักปลอดสารบนดิน ทั้งภายในประเทศ และระดับภาคี ที่มีการเชื่อมโยงตลาด เกษตรกรด้วย กระนั้นการที่จะท�าแปลงเกษตรปลอดสารพิษที่ตรงนี้ไม่ง่ายนัก เพราะสภาพ ดินเคยใช้สารเคมีมาต่อเนื่องจากการที่เกษตรกรเคยปลูกพืชไร่ มันส�าปะหลัง ข้าวโพด อ้อย จึงมีการใช้สารเคมีในปริมาณค่อนข้างมาก จึงต้องมาปรับสภาพ ดินมากพอสมควร ด้วยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์จากมูลสัตว์ ขี้ไก่หมัก ขี้วัว เพื่อปรับให้ ดินร่วนซุ่ยขึ้น แต่ต้องใช้เวลาหลายเดือนจนเริ่มปลูกผักได้ดีขึ้น เบื้องต้นปลูกผัก ปลอดสารพิษบนดินในพื้นที่ 27 ไร่ เริ่มจากเริ่มจากปลูกผักสลัด อาทิ กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค เรดคอรัล ฟิลเล่ บัตเตอร์เฮด คอส เบบี้คอส และไอซ์เบิร์ก ต่อมาเริ่มปลูกผักชนิดอื่นเพิ่ม ทานตะวันออ่อน มะเขื่อเทศ ต้นทานตะวันออ่อน ส่ง ให้ลูกค้าประจ�าทั้งร้านอาหาร ร้าน ห้างในท้องถิ่นวันละนับร้อยกิโลกรัม ล่าสุดครู สงบ ได้ขยายปลูกพืชผักชนิดอื่นเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด นอกจากนี้ ได้ท�าสลัดส�าหรับการนักท่องเที่ยวและพรรคพวกที่ไปเยือนด้วย กครูสรรเสรญ ต่อมาเริ่มปลูกผักชนิดอื่นเพิ่ม ทานตะวันออ่อน มะเขื่อเทศ ต้นทานตะวันออ่อน ส่ง ทั้งร้านอาหาร ร้าน ห้างในท้องถิ่นวันละนับร้อยกิโลกรัม ล่าสุดครู สงบ ได้ขยายปลูกพืชผักชนิดอื่นเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด นอกจากนี้ หรับการนักท่องเที่ยวและพรรคพวกที่ไปเยือนด้วย วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 49
50 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 บ ้ านไร่ ลุงคร ิ ส บ ้ านไร่ ลุงคร ิ ส ไร่ ออร์แกนิค แบ่งส่วนท�าเกษตร ยั่งยืน และเปิดจัดกิจกรรม ส�าหรับเด็กและครอบครัว บ้านไร่ลุงคริส จัดกิจกรรมสัมผัส ธรรมชาติ เรียนรู้ระบบนิเวศส�าหรับ เด็กและครอบครัว ปลูกป่า ปลูกต้นไม้ ท�าฝาย จัดอบรมการท�าเกษตรทฤษฎี ใหม่ เผยแพร่ความรู้กับชุมชน และ บุคลทั่วไป สนับสนุนให้เกษตรกรไทยกลับมาใช้วิถี การท�าไร่นาแบบดั้งเดิม และสืบสาน วัฒนธรรม, จ�าหน่ายพืชผลทางการ เกษตรปลอดสารพิษ ที่บ้านไร่ลุงคริส เด็กๆ จะได้เรียนรู้ถึง วิถีเกษตรกร เข้าใจและสัมผัสคุณค่า ของธรรมชาติ รวมถึงขนบธรรมเนียม ประเพณีไทย ผ่านคอร์สในแต่ละวันที่ แตกต่างกันไป เช่น กิจกรรมจับแมลง, ส�ารวจป่า, กิจกรรมแคมปิ้งดูดาว ท�า เทียนอโรม่า, ท�านาปลูกข้าว, ท�าขนม ไหว้พระแม่โพสพ ฯลฯ รวมถึงกิจกรรม พิเศษที่ออกแบบให้เหมาะสมกับฤดู ต่างๆ โดยผู้ปกครองและเด็กสามารถ เลือกได้ตามความชอบ ไร่ 50 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566
วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 51 คู่มือ สระบุรี New Check in 2023 ºŒÒ¹·‹ÒÄ·¸Ôì ·ŒÒÂà¢×è͹»†ÒÊÑ¡ªÅÊÔ·¸Ôì ¡รีนโซนแบบนี้ ทุ่งหญ้าสวิตเซอร์ แลนด์เมืองไทยชัดๆ ใครที่ก�าลังหาที่เที่ยวชิลๆ ลองแวะมา เช็กอินจุดชมวิวท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ บ้านท่าฤทธิ์ เหมาะอย่างยิ่งกับการเป็น ที่เที่ยววันหยุด ขับรถออกไปนั่งเล่น ชม วิวสวยๆ ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียว มอง ทางไหนก็ดูจะเพลินตา แนะน�าว่าให้มา เที่ยวช่วงเย็นๆ บอกเลยว่าแสงก�าลัง สวย เผลอๆ ได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกดิน แถมยังมีฝูงแพะให้ถ่ายรูปคู่สวยๆ กัน อีกด้วย แนะน�าว่าก่อนมาที่นี่ควรแวะ เข้าห้องน�้าให้เรียบร้อย เพราะบริเวณ นี้ไม่มีห้องน�้า เตรียมขนมนมเนยต่างๆ ผ้าปู เก้าอี้ ให้พร้อม แล้วไปชิลให้เต็มที่ วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2566 51 SARABURI คู่มือ สระบุรี