The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและลงทุน ประจำปี 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by สื่อเสรี, 2023-05-03 03:06:39

issu คู่มือ สมุทรสาคร

วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและลงทุน ประจำปี 2565

วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 17 คู่มือ.. สมุทรสาคร Samutsakhon เช็คความพร้อมรับมือ เก่าไป-ใหม่มา BA.4 / BA.5 เช็กอาการโควิดสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19ในประเทศไทยกลับ มาน่าเป็นห่วงอีกครั้งหลังมีรายงานจากกรมการแพทย์ว่าพบผู้ ติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 เป็นจ�านวน 51% เพิ่มขึ้นจากสองสัปดาห์ก่อนที่พบอยู่ 6.7% และ 44.3% โอมิครอน BA.4 / BA.5 ระบาดไปทั่วโลก รวมถึงไทย หลังจากที่รัฐบาลได้มีการผ่อนคลายมาตรป้องกันโควิด มากขึ้นอนุญาตให้กิจการและกิจกรรมเปิดให้บริการได้ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาท�าให้ล่าสุดมีข้อมูลจาก กรมการแพทย์ ระบุว่าพบผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ในประเทศไทยแล้ว เบื้องต้นพบว่าจากผู้ติดเชื้อ 100% เป็น สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 จ�านวน 51% เพิ่มขึ้นจาก 2 สัปดาห์ก่อนอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยที่ระบาดไปทั่ว โลกทั้งทวีปยุโรปเกือบทั้งหมดและทวีปแอฟริกา WHO ประกาศ BA.4 / BA.5 เป็นสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวัง องค์กรอนามัยโลกได้ประกาศให้สายพันธุ์BA.4 และ BA.5 เป็นสายพันธุ์ย่อยที่ต้องเฝ้าระวังเนื่องจากมีต�าแหน่ง กลายพันธุ์ L452R ซึ่งเป็นต�าแหน่งเดียวกันกับสายพันธุ์เดล ตา โดยจะมีความสามารถกระจายตัวในปอดได้ดีท�าให้ผู้ติด เชื้อมักมีอาการปอดอักเสบได้ง่ายขึ้น ต่างจากโควิดสายพันธุ์ BA.1 และ BA.2 ที่มักกระจายตัวในต�าแหน่งเยื่อบุระบบทาง เดินหายใจ แพร่เร็วกว่าเดิม หลบภูมิคุ้มกันได้ โอมิครอนสายพันธุ์BA.4 และ BA.5 นอกจากท�าให้ เกิดอาการปอดอักเสบได้ง่ายกว่าแล้วยังสามารถแพร่เชื้อได้ รวดเร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมรวมถึงหลบภูมิคุ้มกันได้เก่ง ดื้อ ต่อแอนติบอดี้ของมนุษย์ ท�าให้ผู้ที่เคยติดเชื้อสายพันธุ์ BA.1 / BA.2 มาก่อน หรือฉีดวัคซีนแล้วก็สามารถติดเชื้อซ�้าได้


18 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 ผ่อนคลายเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยแล้วก็ตาม นอกจากนี้การรักษาระยะ ห่าง หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ก็ยังคงเป็นมาตรการป้องกันพื้นฐานที่ยังใช้ได้ผลดีเสมอ ส�าหรับผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงสูงควรตรวจATKด้วยตนเองเป็นประจ�า โดยแนะน�า ให้เลือกชุดตรวจที่มีค่าความไวและค่าความจ�าไม่ต�่ากว่า 90% แต่ถึงอย่างไรการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ยังคงเป็นสิ่งจ�าเป็น เนื่องจากช่วยลด ความรุนแรงหรืออาการป่วยหลังติดเชื้อ(LONGCOVID)ได้โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจ�าตัว รวมถึงกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป จากการวิจัยพบว่า หากฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เข็มที่ 3 โดยเฉพาะ วัคซีนชนิด mRNA ได้แก่ วัคซีนโมเดอร์นา หรือไฟเซอร์ สามารถลดความรุนแรง หรืออาการป่วยหลังติดเชื้อได้ถึงร้อยละ 80 สามารถป้องกันได้มากขึ้น และลด อาการป่วยหนักได้อย่างชัดเจน ผลการศึกษายังพบว่า หากฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เข็มที่ 4 สามารถป้องกันโค วิดได้มากขึ้น เพิ่มจากเข็มที่ 3 มาอีกร้อยละ12 ลดความรุนแรงหรือการป่วยหนัก หรืออาการป่วยหลังติดเชื้อได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 โดยแนะน�าให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เข็มที่ 4 หลังจากที่ได้รับเข็มที่ 3 แล้วห่างกัน 4 เดือน นอกจากนี้การใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือเป็นประจ�ายังคงเป็น สิ่งที่ท�าคนต้องให้ความส�าคัญและปฎิบัติอย่างสม�่าเสมอ อาการเป็นอย่างไร ข้อมูลจากส�านักงานสาธารณสุข ประเทศฝรั่งเศส รายงานเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2022 เปรียบเทียบอาการ โควิดระหว่างสายพันธุ์ย่อย BA.1 กับ สายพันธุ์ย่อย BA.4 / BA.5 พบว่า ผู้ ติดเชื้อส่วนใหญ่จ�ำนวนมำกกว่ำ 50% จะมีอำกำรเมื่อยล้ำอ่อนเพลีย มีไข้ ไอ ส่วนอำกำรรองลงมำคือ เจ็บคอ ปวด ศีรษะ และปวดกล้ำมเนื้อ มีน�้ำมูก ครั่น เนื้อครั่นตัว ส่วนอาการที่พบได้น้อยลง มาอีกก็คือสูญเสียการรับรส จมูกไม่ได้ กลิ่น คลื่นไส้ท้องเสีย หายใจล�าบาก เวียนศีรษะ ยังสรุปความรุนแรงของ BA.4 / BA.5 ไม่ได้ ค่อนข้างแน่นอนว่าสายพันธุ์BA.4 / BA.5จะเข้ามาแทนที่สายพันธุ์BA.1 / BA.2 ในอนาคตแต่ส�าหรับระดับความ รุนแรงยังไม่สามารถสรุปได้ว่ารุนแรง มากน้อยเพียงใด แต่ถ้าดูจากการแบ่ง ตัวที่รวดเร็ว เชื่อมต ่อผนังเซลล์จาก หลายเซลล์มาเป็นเซลล์เดียวกัน และ สามารถหลบภูมิคุ้มกันได้ท�าให้มีความ เป็นไปได้มากว่าโอมิครอน BA.4 / BA.5 น่าจะรุนแรงกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม ป้องกัน BA.4 / BA.5 ได้อย่างไร การฉีดวัคซีนมีส ่วนส�าคัญช ่วย ป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการเสีย ชีวิตจากสายพันธุ์ย ่อยใหม ่นี้ได้รวม ถึงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อให้ ภูมิคุ้มกันลอยตัวสูงอยู่ตลอดเวลาก็จะ ป้องกันอาการป่วยรุนแรงได้เช่นกัน โดย เฉพาะอย่างในกลุ่มเสียง 608 ควรได้่ รับวัคซีนชนิด mRNA เป็ นเข็มกระตุ้น หลังได้รับเข็มที่ 3 ครบ 4 เดือน สวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอก บ้านหรืออยู ่ในสถานที่แออัด อากาศ ถ่ายเทไม่สะดวกแม้ว่าจะมีมาตรการ


วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 19 คู่มือ.. สมุทรสาคร Samutsakhon โควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2.75 โควิดสายพันธุ์ใหม่ ที่ก�าลังระบาด หนักในอินเดีย ได้ชื่อเรียกเฉพาะแล้ว คือ “Centaurus” และจับตาสายพันธุ์ย่อย BA.5.3.1 หรือ Bad Ned ที่ก�าลังเริ่มระบาดในเยอรมนี สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในช่วงเพียง 3 ปีที่ ผ่านมา คือวิวัฒนาการของเชื้อโรคไม่จ�าเป็นต้องเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานาน ซึ่งต้องใช้เวลาหลายพันปีหรือหลายล้านปีอย่างที่เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น แต่ ส�าหรับไวรัส มันเกิดได้อย่างรวดเร็วและหลากหลายมาก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ CDC ได้ประกาศว่า BA.5 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของโควิดโอมิครอน (Omicron) ตัวใหม่ ซึ่งเคยระบาดอย่างหนักในแอฟริกาใต้ในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ ได้กลายเป็น สายพันธุ์ที่พบการระบาดมากขึ้นจนเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐอเมริกาในที่สุด หลังจากที่ตรวจพบครั้งแรกในเดือนมีนาคม และในวันเดียวกันนั้นเององค์การอนามัยโลกหรือWHOก็ได้ทวีตวิดีโอเกี่ยว กับสายพันธุ์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของผู้ติดเชื้อในอินเดีย สายพันธุ์ที่จะท�าให้ BA.5 ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่แพร่ระบาดได้มากที่สุดของโควิด-19 ขณะเดียวกันก็ยังมี สายพันธุ์ BA.2.75 โควิดสายพันธุ์ใหม่ ที่ก�าลังระบาดหนัก ในอินเดีย ที่ต้องจับตา ท�าความรู้จักโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ BA.2.75 ที่ระบาดหนักในอินเดีย ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ CDC เปิดเผยว่า สาย พันธุ์ย่อย BA.2.75 ที่บางคนเรียกว่า Centaurus “เซนทอร์ หรือ เซนทอรัส” บน Twitter ได้เริ่มระบาดมาถึงสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยพบผู้ป่วยสองรายแรกในวันที่ 14 มิถุนายน รู้จัก โควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อยใหม่ “BA.2.75 และ BA.5.3.1” ที่เริมระบาดหนัก ่ แม้ Dr. Soumya Swaminathan หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ องค์การอนามัยโลก หรือ WHO กล่าว ว่า สายพันธุ์ย่อยดังกล่าว พบแพร่เชื้อ ในประมาณ 10 ประเทศ แต่ยังไม่ได้รับ การประกาศให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล หรือต้องจับตาเป็นพิเศษ และยังเร็ว เกินไปที่จะวัดการแพร่กระจาย ความ รุนแรง และศักยภาพในการหลีกเลี่ยง ภูมิคุ้มกันของเชื้อตัวนี้ แต ่ผู้เชี่ยวชาญบางคนได้ยกธงสี แดงแล้ว โดยเฉพาะอย ่างยิ่งหลังพบ การเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม มากถึง 9 ต�าแหน่ง เมื่อเทียบกับ โควิดโอมิครอน ที่ก�าลังระบาดอยู่ สายพันธุ์ BA.2.75 คือ “สิ่งที่เราทุกคนควรกังวล” Dr. Bruce Walker ผู้อ�านวยการ สถาบัน RagonInstituteofMGH,MIT และ Harvard ซึ่งเป็นสถาบันทางการ แพทย์ที่เน้นการก�าจัดโรค และเป็น หัวหน้าร่วมของMassachusettsConsortiumon Pathogenระบุสายพันธุ์ดัง กล่าว “ท�ำให้เรำเข้ำใจถึงควำมสำมำรถ ของไวรัสในแง่ของกำรกลำยพันธุ์ อีก ครั้งหนึ่งคือไวรัสที่มีควำมคล้ำยคลึง กับสำยพันธุ์โอมิครอนดั้งเดิม แต่ด้วย กำรเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโนเล็ก น้อย ท�ำให้กลำยเป็นสิ่งที่มีแนวโน้มที่ จะสำมำรถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้” “ฉันคิดว่าสิ่งที่สายพันธุ์ เหล่านี้แสดงให้เราเห็นก็คือ ไวรัสแตกต่างจากความ เข้าใจเรื่องวิวัฒนาการ ทั้งหมดที่เรามีอยู่”


20 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 หรือนี่จะเป็นการระบาดของ โควิด-19 ระลอกใหม่ของโลก? Dr. Stuart Ray รองประธานด้านการแพทย์ด้านข้อมูล และการวิเคราะห์และศาสตราจารย์แห่ง Johns Hopkins Medicine กล่าวว่า “มีรูปแบบที่เรำเห็นเป็นระยะๆ และมี คุณสมบัติบำงอย่ำงที่ท�ำให้เรำกังวล แต่จนกว่ำเรำจะเห็น ระบำดในพื้นที่ที่หลำกหลำย เรำถึงจะเข้ำใจมันมำกขึ้น” ขณะที่ Dr. Daniel Kuritzkes หัวหน้าแผนกโรคติดเชื้อที่ BrighamandWomen’sHospitalและศาสตราจารย์ด้านการ แพทย์ที่Harvard กล่าวว่า“เรำได้เห็นรูปแบบต่ำงๆ มำกมำย ของกำรระบำดจำกตระกูลสำยพันธุ์โอมิครอน เรำจ�ำเป็นต้อง เห็นเคสจ�ำนวนมำกขึ้นในหลำยพื้นที่ เพื่อให้รู้ว่ำนี่เป็นข้อกังวล ที่ส�ำคัญอย่ำงแท้จริง” ขณะที่ดร. Dan Barouch ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ ที่ Harvard Medical School และผู้อ�านวยการศูนย์วิจัยไวรัส และวัคซีน ระบุว่า กำรกลำยพันธุ์สำยพันธุ์ BA.2.75 บำงอย่ำง เป็นเรื่องที่น่ำเป็นห่วง และ “มีบางอย่างที่เราไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงเป็นเหตุผลที่ต้องท�าการศึกษา แต่ไม่ใช่ เหตุที่จะก่อให้เกิดความตื่นตระหนก” โควิดโอมิครอน สายพันธุ์ BA.5.3.1 หรือ “Bad Ned” โผล่ซ�้า ในสัปดาห์นี้มีแพทย์นักวิจัย และนักวิทยาศาสตร์ ด้านข้อมูลจ�านวนมากโพสต์ทวิตเตอร์เกี่ยวกับการค้นพบที่ เกี่ยวข้องกับโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ BA.5.3.1 หรือที่รู้จัก ว่า “Bad Ned” ชื่อนี้เป็นสัญลักษณ์ของการกลายพันธุ์ใน N:E136D ตาม Mike Honey ชาวออสเตรเลีย ผู้เขียนหัวข้อยอดนิยม ในหัวข้อในสัปดาห์นี้ระบุ • สายพันธุ์ BA.5.3.1 หรือ Bad Ned เป็นภาคแยก ของสายพันธุ์ย่อย BA.5 ที่ระบาดไปทั่วโลก โดยเฉพาะใน เยอรมนีซึ่งเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม พบว่ามีผู้ ป่วย BA.5 เกือบ 80% • สายพันธุ์ BA.5.3.1 ยังถูกพบในสหรัฐอเมริกาด้วย เช่นกัน โฆษกของ CDC กล่าวว่าได้พบสายพันธุ์นี้เกือบ 5% ของเคส BA.5 ในสหรัฐอเมริกา “โอมิครอน” คือจุดสูงสุดของโควิด-19 หรือไม่? ต้นเดือนพฤศจิกายน 2021ที่ โควิดโอมิครอน ได้ เริ่มระบาด ตั้งแต ่นั้นมาก็ไม ่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต ่อไป Kuritzkes พบว่ามันน่าสนใจที่ทุกสายพันธุ์ย่อยที่ระบาด หลัก ล้วนเป็นการกลายพันธุ์เล็กน้อยของ โอมิครอน : “stealth Omicron” ไม่ว่าจะเป็น BA.2, BA.2 spinoff BA.2.12.1, BA.4, BA.5 เหตุที่จะก่อให้เกิดความตื่นตระหนก” 20 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565


วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 21 คู่มือ.. สมุทรสาคร Samutsakhon “เรายังคงเห็น โควิดโอมิ ครอน พัฒนาและกลายพันธุ์ เป็นสายพันธุ์ย่อยต่อไป แตกต่างจากการระบาด ของสายพันธุ์ก่อนนี้ ที่มีการ กลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่” บางคนมองว่า โควิดโอมิครอน สามารถคาดคะเนอาการได้ เรามักพบ อาการอักเสบที่ทางเดินหายใจส่วนบน เมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์เดิมซึ่งมัก จะพบเชื้อในปอดส่วนล่าง ซึ่งมีความ เสี่ยงต ่อโรคปอดบวมและอาจรุนแรง ถึงขั้นเสียชีวิตได้ซึ่งโควิดโอมิครอนดู จะมีความรุนแรงน้อยกว่า และอาจไม่ ได้เป็นอะไรมากไปกว่าหวัด แม้จะยัง ระบาดอยู่มากก็ตาม แต่ Kuritzkes กล่าวว่ายังเร็วเกิน ไปที่จะสรุปแบบนั้น อัตราการติดเชื้อ โควิดก ่อนหน้านี้เป็นเรื่องปกติเช่น เดียวกับการฉีดวัคซีนในประชากรที่ เพิ่มมากขึ้น ย่อมส่งผลท�าให้ภูมิคุ้มกัน ของประชากรเพิ่มขึ้น โควิดโอมิครอนที่ ระบาดจึงส�าแดงอาการไม่มากนัก Kuritzkes ยกตัวอย ่างไปที่การ ระบาดของสายพันธุ์BA.2 ในฮ่องกง เมื่อหลายเดือนก่อน ซึ่งท�าให้ผู้สูงอายุ เสียชีวิตจ�านวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ ได้รับการฉีดวัคซีน มีอัตราการตายสูง มาก ท�าลายแนวคิดที่ว่า โควิดโอมิค รอนไม่ได้รุนแรงเท่าเชื้อสายพันธุ์อื่นๆ “เวลาจะบอกได้ว่าสายพันธุ์ ย่อยที่เกิดขึ้นใหม่นั้นเป็นภัย คุกคามที่แท้จริงหรือไม่ และ การกลายพันธุ์อาจเกิดขึ้น ได้อีกมากมาย ซึ่งส่งผลต่อ การติดเชื้อและภูมิคุ้มกัน” ไทยเจอแล้ว! โควิดสายพันธุ์ย่อย “BA.2.75” พบคนไทย “ติดโควิด” สายพันธุ์ย่อย “BA.2.75” จ�านวน 1 รายใน จ.ตรัง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยัน พบต�าแหน่งกลายพันธุ์ที่อาจหลบภูมิคุ้มกัน ได้ดีกว่าเดิม ไวรัสจับกับเซลล์มนุษย์ได้ดีขึ้น เพิ่มโอกาสในการแพร่ระบาดใน ไทยมากขึ้น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยันว่าพบผู้ป่วยโควิด “BA.2.75”จริงเป็นชาว ไทยอายุ 53 ปี ภูมิล�าเนาอยู่ที่จังหวัดตรัง เดินทางไปประชุมที่ภูเก็ต ที่มีชาวต่าง ชาติร่วมประชุมด้วย ต่อมามีอาการป่วยและได้ตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีด และตรวจ ยืนยันด้วย RT-PCR พบว่าติดเชื้อ จากนั้นโรงพยาบาลได้ส่งตัวอย่างมาตรวจสายพันธุ์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การ แพทย์ที่ 12/1 ตรัง และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้รับตัวอย่างส่งต่อจาก ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12/1 ตรัง เพื่อยืนยันสายพันธุ์ด้วยการถอดรหัส พันธุกรรมทั้งจีโนม พบเป็นโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 กรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์จึงน�าส่งข้อมูลขึ้นบนฐานข้อมูลสากลGISAID เมื่อวันที่18 ก.ค.2565 ที่ผ่านมา


22 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 ชวนรู้จักโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย “BA.2.75” การกลายพันธุ์สายพันธุ์น้องใหม่ที่เพิงพบในประเทศไทย ่ BA.2.75 หลบภูมิคุ้มกันเก่งขึ้น สายพันธุ์ BA.2.75 พบครั้งแรกที่ต่างประเทศ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 แต่ มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในอินเดีย ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ล่าสุดฐาน ข้อมูล GISAD มีรายงานตรวจพบจากทั่วโลกแล้ว จ�านวน 359 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2565) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์อธิบายว่า โควิด โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 เบื้องต้นพบการกลายพันธุ์บน spike protein หลายต�าแหน่งที่ต่างจากสายพันธุ์ย่อย BA.2 โดยสองต�าแหน่งส�าคัญ ได้แก่ • ต�าแหน่งกลายพันธุ์ G446S อาจท�าให้เกิดการหลบภูมิคุ้มกัน ที่สร้าง ขึ้นภายหลังการติดโรคโควิด 19 หรือจากการฉีดวัคซีน ท�าให้โอกาสการติดเชื้อซ�้า จากไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์เพิ่มขึ้น ท�าให้มีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น • ต�าแหน่งกลายพันธุ์ R493Q ท�าให้ไวรัสจับกับเซลล์มนุษย์และรับเชื้อเข้า สู่ร่างกายได้ดีขึ้น เพิ่มโอกาสในการแพร่กระจายได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลก จัดให้ BA.2.75 อยู่ในกลุ่มสายพันธ์ที่น่า กังวลที่ต้องจับตาดู(VOC-LUM)ขณะที่ความเร็วในการแพร่เชื้อและความรุนแรง ยังไม่มีข้อมูลที่มากพอ จึงยังไม่ควรวิตกกังวลมากเกินไป ด้านกรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ของไทย มีการเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ขอเน้นย�้าให้ประชา ชาเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันสูงมากพอช่วยลดความรุนแรงของ โรคได้ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ เคยคาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้ว ก่อนหน้านี้ “ศูนย์จีโนมทางการ แพทย์” คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี ม.มหิดล เคยคาดการณ์ว่า BA.2.75 และ BA.3.5.1 จะเป็นโควิดสายพันธุ์ ย่อยที่ระบาดขึ้นมาใหม่แทนที่สายพันธุ์ อื่นๆ ก่อนหน้านี้ จากการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัส โคโรนา 2019 ทั้งจีโนม ของศูนย์จีโนม ทางการแพทย์พบว่า โควิดสายพันธุ์ ย่อย “BA.2.75” (The Super Contagious Omicron Subvariant) หรือ ชื่ออย่างไม่เป็นทางการคือ “เซนทอรัส (Centaurus)” มีการกลายพันธุ์ไปมาก ที่สุด เมื่อเทียบกับไวรัสโคโรนา 2019 ทุกสายพันธุ์ที่มีการระบาดมาในอดีต จนถึงปัจจุบัน โดยมีการกลายพันธุ์ต่าง จากไวรัสดั้งเดิม (อู่ฮั่น)ไปมากกว่า100 ต�าแหน่ง ส่วนโควิดสายพันธุ์ย่อย BA.3.5.1 (Bad Ned) กลายพันธุ์มากเป็นอันดับ สอง ต่างไปจากไวรัสโคโรนา2019 สาย พันธุ์ดั้งเดิมประมาณ 90 ต�าแหน่ง คาดว่าไม่นานโอไมครอนสายพันธุ์ ย่อย BA.2.75 ที่ขณะนี้กลายพันธุ์ไป มากกว่า 100 ต�าแหน่ง (ต่างจากอู่ฮั่น) น่าจะระบาดเข้ามาเป็นสายพันธุ์หลัก แทนที่ทุกสายพันธุ์ที่เคยมีมา เช็กสายพันธุ์โควิด ที่เคยระบาดก่อนหน้านี้ ส�าหรับ โควิดโอมิครอนสายพันธุ์ ต่างๆ ที่เคยมีการแพร่ระบาดมาก่อน หน้านี้ ได้แก่ • BA.1 พบในไทยร้อยละ 2.2 • BA.2 พบในไทยร้อยละ 13 • BA.4 พบในไทยร้อยละ 54.3 • BA.5 พบในไทยร้อยละ 26.1 • BA.2.12.1 พบในไทยร้อยละ 4.3


วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 23 คู่มือ.. สมุทรสาคร Samutsakhon วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 23 ส�าหรับข้อมูลการระบาดและ ข้อมูลทางคลินิกของ BA.2.75 และ BA.3.5.1 ยังมีน้อยมาก จึงสรุปไม่ได้ ว่าสองสายพันธุ์นี้จะเป็นมิตรหรือเป็น ศัตรูกับมนุษย์แต่ที่แน่นอนคือมีกลาย พันธุ์ไปมากกว่า BA.4 และ BA.5 อัน น่าจะส่งผลให้มีอัตราการแพร่ระบาด ที่สูงกว่า BA.4 และ BA.5 หลายเท่า จากการศึกษาธรรมชาติการกลาย พันธุ์ของไวรัสโคโรนา 2019 โดยอาศัย ข้อมูลการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม ของไวรัสโคโรนา 2019 ที่ได้จากผู้ติด เชื้อกว ่า 11.8 ล้านราย ที่บรรดานัก วิทยาศาสตร์ทั่วโลกช ่วยกันอัปโหลด ขึ้นบนระบบคลาวด์ของฐานข้อมูลโค วิดโลก “GISAID” พบว่า ไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ย่อยต่างๆ ที่อุบัติขึ้นมา ใหม่ หากมีการกลายพันธุ์ต่างไปจาก ไวรัสดั้งเดิม “อู่ฮั่น” มากเท่าไร ก็จะส่ง ผลให้สายพันธุ์นั้นมีการแพร่ระบาดใน กลุ่มประชากรได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น (growth advantage) โดยแปรผันตรง กับจ�านวนผู้ติดเชื้อรายใหม ่ที่เพิ่มขึ้น แต ่อาจไม ่สัมพันธ์กับอาการเจ็บป ่วย และเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ไวรัสดูเหมือนจะมี การปรับตัวอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้มากขึ้น ซึ่งอาจมีปัจจัยสืบเนื่องมาจากจ�านวนผู้ ติดเชื้อตามธรรมชาติและ/หรือ จ�านวน ประชากรได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้น ภูมิคุ้มกันมีจ�านวนเพิ่มมากขึ้น จนเกิด เป็นภูมิคุ้มกันที่ยั่งยืน (จาก Memory T & B cells) สามารถช่วยให้ผู้ติดเชื้อ ไม่เจ็บป่วยรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต แม้จะ ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ เดิมหรือสายพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธุ์ ซึ่ง ร่างกายไม่เคยพบหรือมีภูมิคุ้มกันมา ก่อนก็ตาม นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หรือ “หมอมนูญ” ผู้ เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุถึง สถานการณ์โควิด-19 ว่า โรคไวรัสโควิด-19 จะอย่กับเรูำตลอดไป แต่ที่น่ำกังวลคือ เชื้อไวรัสนี้มีกำรกลำยพันธุ์ เกิดสำยพันธุ์ใหม่ตลอดเวลำ สำย พันธุ์ใหม่แพร่ได้เร็วกว่ำสำยพันธุ์เดิม และหลบหลีกภูมิคุ้มกัน ไม่ว่ำจำกกำรฉีดวัคซีน หรือกำรติดเชื้อธรรมชำติได้ดีกว่ำสำย พันธุ์เดิม ปัจจุบันสำยพันธ์ุใหม่ใช้เวลำสั้นกว่ำเดิม เพียง 3-4 เดือน ก็เข้ำมำแทนที่สำยพันธุ์เดิม และท�ำให้เกิดกำรระบำด ใหญ่ระลอกใหม่ทั่วโลก ดูย้อนหลังไวรัสโควิด-19 สำยพันธุ์เดลต้ำพบครั้งแรกใน ประเทศอินเดียปลำยปี พ.ศ. 2563 ต่อมำแพร่กระจำยเร็ว ท�ำให้เกิดกำรระบำดใหญ่ทั่วโลก ใช้เวลำเกือบ 1 ปี ที่ไวรัส สำยพันธุ์โอมิครอน BA.1 พบครั้งแรกในประเทศแอฟริกำใต้ เดือนพฤศจิกำยน พ.ศ. 2564 แพร่ได้เร็วกว่ำเดิม เข้ำมำแทนที่ “หมอมนูญ” ชี้ โควิด-19 จะอยู่คู่เราตลอดไป กลายพันธุ์ตลอดเวลา แพร่เชื้อเร็ว สำยพันธุ์เดลต้ำ ท�ำให้เกิดกำรระบำดใหญ่ในทุกประเทศ หลังจำกนั้นใช้เวลำเพียง 4 เดือน ในเดือนกุมภำพันธ์ พ.ศ. 2565 พบโอมิครอน สำยพันธุ์ย่อย BA.5 ในประเทศ แอฟริกำใต้ แพร่เร็วกว่ำสำยพันธุ์ย่อย BA.1, BA.2, BA.4 ขณะนี้ก�ำลังแทนที่ทุกสำยพันธุ์ และท�ำให้เกิดกำรระบำด ใหญ่ในทุกประเทศอีกครั้ง ในเดือนมิถุนำยน พ.ศ. 2565 พบโอมิครอนสำยพันธุ์ ย่อย BA.2.75 ครั้งแรกในประเทศอินเดีย ขณะนี้ก�ำลังแพร่ ระบำดในประเทศอินเดีย และกระจำยไป 15 ประเทศ เรำ ยังไม่ทรำบว่ำเชื้อสำยพันธุ์ย่อย BA.2.75 จะแพร่เร็วกว่ำ สำยพันธุ์ย่อย BA.5 หรือไม่ ต้องติดตำมอย่ำงใกล้ชิด ที่น่ำเป็นห่วงคือ เชื้อไวรัสโควิดกลำยพันธุ์ที่มีถิ่นก�ำเนิด ใน 2 ประเทศคือ แอฟริกำใต้ และอินเดีย มีโอกำสที่จะแพร่ กระจำยไปทั่วโลกซ�้ำแล้วซ�้ำอีก วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 23


24 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 จังหวัดสมุทรสาครเป็น จังหวัดชายทะเล ตั้งอยู่ปากแม่น�้าท่า จีน หลักฐานทางประวัติศาสตร์ กล่าว ไว้ว่าในสมัยกรุงศรีอยุธยา สมุทรสาคร เดิมเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีชาวจีนน�า เรือส�าเภาเข้ามาจอดเทียบท่าค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้าและได้พักอาศัยอยู่ เป็นจ�านวนมาก จึงเรียกว่า “บ้านท่า จีน” ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวไทย ต่อมา ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพร รดิ (พ.ศ. 2099) ได้โปรดให้ยกฐานะ “บ้านท่าจีน” ขึ้นเป็น “เมืองสาครบุรี” เพื่อเป็นหัวเมืองส�าหรับเรียกระดม พลเวลาเกิดสงคราม และเป็นเมือง ด่านหน้าป้องกันข้าศึกศัตรูที่จะเข้ามา รุกรานบุกรุกทางทะเล ต ่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดให้เปลี่ยนชื่อ“เมือง สาครบุรี” เป็น “เมืองสมุทรสาคร” ซึ่ง มีความหมายว่า “เมืองแห่งทะเลและ แม่น�้ำ” ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู ่หัว รัชกาลที่ 5 (พ.ศ. 2448) ทรงปฏิรูปการปกครองมี การจัดระบบการบริหารราชการส ่วน ภูมิภาคเป็นมณฑลเทศาภิบาล และ ได้ทรงมีพระราชด�าริที่จะสร้างสรรค์ ความเจริญให้แก่ท้องถิ่น โดยใช้รูปแบบ การปกครองแบบสุขาภิบาล จึงได้มี พระบรมราชโองการให้ยกฐานะ“ต�าบล ท่าฉลอม” เป็น “สุขาภิบาลท่าฉลอม” สมุทร Samutsakhonสาคร ที ่ นี ่ ...


วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 25 คู่มือ.. สมุทรสาคร Samutsakhon วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 25 จังหวัดสมุทรสาครเป็นสุขาภิบาลที่ตั้งขึ้นในหัวเมืองเป็นแห่งแรกของประเทศไทย ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 (พ.ศ. 2456) โปรดเกล้าให้ทางราชการเปลี่ยนค�าว่า “เมือง” เป็น “จังหวัด” ทั่วทุกแห่ง ในพระราชอาณาจักร“เมืองสมุทรสาคร”จึงได้เปลี่ยนเป็น “จังหวัดสมุทรสาคร” มาจวบจนปัจจุบันนี้ ส่วนค�าว่า “มหาชัย” ที่คนทั่วไปชอบเรียกกันนั้น เป็นชื่อคลองที่สมเด็จพระ สรรเพชญที่ 8 แห่งกรุงศรีอยุธยาโปรดให้ขุดคลองลัดจากเมืองธนบุรีเป็นแนวตรง ไปออกปากน�้าเมืองสาครบุรีแทนคลองโคกขามที่คดเคี้ยว แต่ยังไม่ทันเสร็จทรง สวรรคตเสียก่อน จนถึงรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญที่ 9 (ขุนหลวงท้ายสระ) ได้ โปรดให้ขุดคลองต่อจนแล้วเสร็จและได้พระราช ทานนามว่าคลองมหาชัย ซึ่งต่อ มา ณ บริเวณฝั่งซ้ายปากคลองได้เกิดชุมชนขนาดใหญ่ขึ้นชื่อว่า“มหาชัย”จึงเป็น ที่นิยมเรียกขานแต่นั้นเป็นต้นมา ที่ตั้ง จังหวัดสมุทรสาครเป็นจังหวัดชายทะเล ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น�้าท่าจีนในเขตพื้นที่ ภาคกลางตอนล่างของประเทศไทย ประมาณเส้นรุ้งที่ 130 องศาเหนือ และเส้น แวงที่ 100 องศาตะวันออก เป็นจังหวัดปริมณฑล ห่างจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ 30 กิโลเมตร มีพื้นที่ 872.347 ตารางกิโลเมตร อาณาเขตติดต่อ • ทิศเหนือ ติดกับจังหวัดนครปฐม • ทิศใต้ ติดกับอ่าวไทย • ทิศตะวันออก ติดกับกรุงเทพ- มหานคร • ทิศตะวันตก ติดกับจังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดราชบุรี การปกครองส่วนท้องถิ่น แบ่งออกเป็น 2 เทศบาลนคร 1 เทศบาลเมือง, 9 เทศบาลต�าบล และ 25 องค์การบริหารส่วนต�าบล ดังนี้ (เฉพาะเทศบาลในจังหวัดสมุทรสาคร) อ�าเภอเมืองสมุทรสาคร • เทศบาลนครสมุทรสาคร • เทศบาลต�าบลบางปลา • เทศบาลต�าบลนาดี • เทศบาลต�าบลท่าจีน • เทศบาลต�าบลางหญ้าแพรก อ�าเภอกระทุ่มแบน • เทศบาลนครอ้อมน้อย • เทศบาลเมืองกระทุ่มแบน • เทศบาลต�าบลสวนหลวง • เทศบาลต�าบลดอนไก่ดี อ�าเภอบ้านแพ้ว • เทศบาลต�าบลบ้านแพ้ว • เทศบาลต�าบลเกษตรพัฒนา • เทศบาลต�าบลหลักห้า ภูมิประเทศ จังหวัดสมุทรสาครมีลักษณะ ภูมิประเทศเป็นที่รำบลุ่มชำยฝั่งทะเล สูงจากระดับน�้าทะเลประมาณ 1.00 -2.00 เมตร มีแม ่น�้าท ่าจีนไหลผ ่าน ตอนกลางจังหวัด ไหลคดเคี้ยวตาม แนวเหนือใต้ลงสู่อ่าวไทยที่อ�าเภอเมือง สมุทรสาครระยะทางยาวประมาณ 70 กิโลเมตร พื้นที่ตอนบนในเขตอ�าเภอ บ้านแพ้วและอ�าเภอกระทุ ่มแบนมี ความอุดมสมบูรณ์ของดินและมีโครง ข ่ายแม ่น�้าล�าคลองเชื่อมโยงถึงกัน กระจายอยู ่ทั่วพื้นที่กว ่า 170 สาย จึงเหมาะที่จะท�าการเพาะปลูกพืช นานาชนิด และบางส่วนเป็นย่านธุรกิจ อุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย พื้นที่ตอน ล ่างของจังหวัดในเขตอ�าเภอเมือง สมุทรสาครอยู่ติดชายฝั่งทะเลยาว41.8 กิโลเมตร จึงเหมาะที่จะประกอบอาชีพ ประมงทะเล เพาะเลี้ยงสัตว์น�้าชายฝั่ง และท�านาเกลือ ภูมิอากาศ จังหวัดสมุทรสาคร มีลักษณะภูมิ อากาศเป็นแบบฝนเมืองร้อน เนื่องจาก ได้รับอิทธิพลจากลมบก ลมทะเล และ มีลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ ่าน ในช่วงฤดูร้อน จึงท�าให้มีความชื้นใน อากาศสูง มีฝนตกปานกลาง ปริมาณ เฉลี่ย 1,120 มิลลิเมตรต่อปีอุณหภูมิ เฉลี่ยประมาณ 26-28 องศาเซลเซียส มีความชื้นสัมพัทธ์ต�่าสุด 50 สูงสุด 95 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 25


26 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 ตราประจ�าจังหวัด เป็นรูปเรือส�าเภาจีนแล่นในทะเล ด้านหลังเป็นโรงงานและปล่องไฟ ซึ่งหมาย ถึง ความรุ่งเรืองที่มีมาอดีตถึงปัจจุบัน ตราประจ�าจังหวัดสมุทรสาคร เริ่มใช้เมื่อ พุทธศักราช 2483 ในสมัยที่หลวง วิเศษภักดี (ชื้น วิเศษภักดี) เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ต้นไม้ประจ�าจังหวัด ต้นพญาสัตบรรณหรือต้นสัตบรรณ (ชื่อวิทยา-ศาสตร์ Alstonia scholaris) รู้จักกันทั่วไปในนามของ “ต้นตีนเป็ด” เป็นพรรณไม้มงคลพระราชทานประจ�า จังหวัดสมุทรสาคร เนื่องจากเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พุทธศักราช 2537 ผู้ว่า ราชการจังหวัดสมุทรสาครได้รับพระราชทานพันธุ์ไม้ดังกล่าวจากสมเด็จพระนาง เจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวโรกาสที่เสด็จ พระราชด�าเนินเป็นองค์ประธานเปิดวันรณรงค์โครงการปลูกป่าเฉลิมพระบาท สมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงครอง ราชย์ ปีที่ 50 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และเพื่อความเป็น ศิริมงคลของ ประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครจึงได้น�าพันธุ์ ไม้สัตบรรณพระราชทานมาปลูกเป็นปฐมฤกษ์ในกิจกรรมวันปลูกต้นไม้ตาม โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2537 ที่ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร จึงถือได้ว่าต้นสัตบรรณเป็นต้น ไม้มงคลของจังหวัดสมุทรสาคร ต้นสัตบรรณ เป็นพรรณไม้ยืนต้น เปลือกสีเทาอ่อน ใบเลียงกันวงคล้าย ตีนเป็ด มีดอกสีขาวอมเขียวออกดอกเป็นกลุ่มบนช่อตามปลายกิ่ง เศรษฐกิจภายในจังหวัด จังหวัดสมุทรสาครเป็นเมืองแห ่งเศรษฐกิจที่มีศักยภาพทั้งทางด้านการ อุตสาหกรรม การประมงและการเกษตรกรรม จากข้อมูลสถิติผลิตภัณฑ์ภาคและ จังหวัด (GPP) ประจ�าปีของส�านักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ (สศช.) พบว่า สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดสมุทรสาครชะลอตัว จากปีก่อน เนื่องจากวิกฤตการณ์การเงินโลกที่ส่งผลกระทบต่อความต้องการ สินค้าและบริการภายในประเทศและต่างประเทศที่ลดลง แต่อย่างไรก็ดี จังหวัด สมุทรสาครยังเป็นจังหวัด 1 ใน 10 ของจังหวัดที่มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมสูง ตลอดมา ในปี2555 จังหวัดสมุทรสาครมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด เท่ากับ 319,406 ล้านบาท เป็นอันดับที่ 7 ของประเทศ และมีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด ต่อหัว เท่ากับ 351,516 บาท เป็นอันดับที่ 8 ของประเทศ


วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 27 คู่มือ.. สมุทรสาคร Samutsakhon • การเกษตร สภาพทั่วไปของจังหวัดสมุทรสาครเป็นพื้นที่ราบลุ่มสูง กว่าระดับน�้าทะเลประมาณ 1-2 เมตร มีแม่น�้าท่าจีนไหล ผ่านตอนกลางของพื้นที่จากทางด้านเหนือไหลลงสู่อ่าวไทย ที่อ�าเภอเมืองสมุทรสาคร มีคลองชลประทานจ�านวนมาก กระจายอยู่ทั่วพื้นที่เพื่อการคมนาคมและเพื่อการชลประทาน ท�าให้การใช้ที่ดินครึ่งหนึ่งของจังหวัดเป็นไปเพื่อการเกษตร กรรม ทางด้านทิศเหนือของจังหวัดจะเป็นพื้นที่การเกษตร ซึ่งประกอบด้วย นาข้าว และสวนผลไม้โดยสวนผลไม้ส่วน ใหญ่จะอยู่ในพื้นที่อ�าเภอบ้านแพ้ว และอ�าเภอกระทุ่มแบน โดยเฉพาะพื้นที่ดินที่อยู่ใกล้คลองด�าเนินสะดวก และคลอง ภาษีเจริญ จะมีการปลูกไม้ยืนต้น ผักผลไม้เป็นจ�านวนมาก เช่น มะพร้าว ปาล์ม ทางทิศใต้เป็นบริเวณที่ราบและน�้าทะเลท่วมถึง มีสภาพ เป็นป่าชายเลนและมีการท�านาเกลือซึ่งในเวลาต่อมาป่าชาย เลนได้ถูกท�าลายลงจนเหลือพื้นที่ป ่าเพียงเล็กน้อยเท ่านั้น และการท�านาเกลือได้เปลี่ยนมาท�าการเลี้ยงกุ้งเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของพื้นที่บริเวณที่น�้าท่วมไม่ถึงมีการท�าสวนมะพร้าว เป็นจ�านวนมาก จังหวัดสมุทรสาครมีพื้นที่ท�าการเกษตร 90,061 ไร่ จ�านวนเกษตรกร 11,333 ราย แยกเป็นพื้นที่อ�าเภอเมือง สมุทรสาคร 942 ราย 5,595 ไร่ อ�าเภอกระทุ่มแบน 2,798 ราย 19,183 ไร่ อ�าเภอบ้านแพ้ว 7,593 ราย 65,282 ไร่ พื้น เศรษฐกิจที่ส�าคัญได้แก่ กล้วยไม้มีพื้นเพาะปลูก 4,198 ไร่ มะนาวมีพื้นที่เพาะปลูก 18,211 ไร่ ไม้ผลมีพื้นที่เพาะปลูก 63,279ไร่พืชผักมีพื้นที่เพาะปลูก 5,697ไร่ไม้ดอกไม้ประดับ มีพื้นที่เพาะปลูก 6,391 ไร่ • การอุตสาหกรรม ตั้งแต่ปีพ.ศ.2512 – 2553จังหวัดสมุทรสาครมีโรงงาน อุตสาหกรรมที่ตั้งอยู ่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จ�านวน 4,965 แห่ง เงินลงทุน 446,870 ล้านบาท จ�านวนการจ้าง แรงงาน 381,476 คน เป็นโรงงานจ�าพวกที่ 2 (โรงงานที่มี แรงม้าไม่เกิน 50 แรงม้า คนงานไม่เกิน 7 คน และจะต้อง แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบก ่อนประกอบกิจการ) จ�านวน 324 โรงงาน เงินลงทุน 1,933 ล้านบาท จ�านวนการจ้างแรงงาน 4,901 คน และโรงงานจ�าพวกที่ 3 (โรงงานที่มีแรงม้าตั้งแต่ 50 แรงม้าขึ้นไปคนงานตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป และจะต้องได้ รับอนุญาตก่อนถึงจะประกอบกิจการโรงงานได้) จ�านวน 4,641 โรงงาน เงินลงทุน 444,938 ล้านบาท จ�านวนการ จ้างงาน 376,575 คน ส ่วนใหญ ่เป็นโรงงานขนาดเล็ก จ�านวน 3,919 โรงงาน และโรงงานขนาดกลางจ�านวน 758 โรงงาน ในจังหวัดสมุทรสาครมีโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้ รับการส่งเสริมการลงทุนจ�านวน 277 โรงงาน ประเภทของ โรงงานอุตสาหกรรมที่ขออนุญาตประกอบการมาก ได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์โลหะ (18.32%) อุตสาหกรรม พลาสติก (14.52%)อุตสาหกรรมอาหารและแปรรูปอาหาร (10.09%) อุตสาหกรรมสิ่งทอ (9.55%)


28 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 • การประมง จังหวัดสมุทรสาครมีชายฝั่งทะเลยาว 41.8 กิโลเมตร จึง มีการประกอบอาชีพ ท�าการประมง และการเพาะเลี้ยงสัตว์น�้า เป็นอาชีพหลัก ผลผลิตจากการประมงทะเลส่วนใหญ่ได้รับจาก แหล่งน�้าธรรมชาติ ได้แก่ บริเวณอ่าวไทย ทะเลอันดามัน และ มหาสมุทรอินเดีย รวมทั้งทะเลด้านประเทศเวียดนาม นอกจาก นี้ ชาวประมงจังหวัดสมุทรสาคร ยังได้ท�าการประมงนอกน่าน น�้าไทย โดยมีเรือประมงทะเล ที่เป็นเรือบรรทุกห้องเย็นขนถ่าย สินค้าสัตว์น�้า ที่ไปร่วมท�าการประมงในน่านน�้าต่างประเทศ เช่น พม่าอินโดนีเซีย เวียดนามไปจนถึงประเทศในทวีปแอฟริกาเช่น โซมาเลีย เยเมน ซึ่งวัตถุดิบที่จับได้จะเป็นปลาชนิดต่างๆ เช่น ปลาเก๋า ปลากะพง ปลาหมึก โดยเรือบรรทุกขนถ่ายสินค้าสัตว์ น�้า (เรือแม่) จะน�าสินค้าสัตว์น�้ากลับขึ้นฝั่ง โดยมีท่าเทียบเรือ และรถตู้คอนเทนเนอร์ ตลอดจนแพปลาจ�านวนมากรองรับ • แรงงาน ในปี2552 จังหวัดสมุทรสาครมีประชากรที่อยู่ใน ก�าลังแรงงาน จ�านวน 366,896 คน จ�าแนกเป็นผู้มีงาน ท�า จ�านวน 363,407 คน และผู้ว่างงานหรือไม่มีงานท�า จ�านวน3,489 คน ในส่วนของผู้มีงานท�าเป็นผู้ที่ท�างาน อยู่ในภาคเกษตรกรรม ร้อยละ 5.10(18,557 คน) และผู้ ที่ท�างานอยู่นอกภาคเกษตรกรรมร้อยละ94.89(344,850 คน) โดยกลุ่มผู้ท�างานนอกภาคเกษตรกรรมจะท�างานใน สาขาการผลิตมากที่สุดร้อยละ 57.57(198,522คน) ค�าขวัญประจ�าจังหวัด เมืองประมง ดงโรงงาน “ ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์ “ 28 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565


วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 29 คู่มือ.. สมุทรสาคร Samutsakhon


30 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 อุทยานประวัติศาสตร์พันท้ายนรสิงห์ ตั้งอยู่ต.พันท้ายนรสิงห์ ณ บริเวณสถานที่ซึ่งเคยเกิดเหตุการณ์ หัวเรือพระที่นั่งของพระเจ้าเสือหัก สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่พันท้าย นรสิงห์ ซึ่งเป็นชาวบ้านนรสิงห์ (ปัจจุบัน คือ อ.ป่าโมกข์ จ.อ่างทอง) รับราชการ เป็นนายท้ายเรือพระที่นั่งเอกชัยของ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) แห่งกรุงศรีอยุธยา ในคราวที่คัดท้าย เรือพระที่นั่งเอกชัย เมื่อเรือพระที่นั่งถึง บริเวณคลองโคกขาม คลองคดเคี้ยว มากเป็นเหตุให้หัวเรือชนกิ่งไม้ใหญ่ริม คลองโคกขาม ท�าให้โขนเรือหักตกลง ในน�้า พันท้ายนรสิงห์กราบบังคมทูล พระเจ้าเสือให้ประหารชีวิตตามกฎ มณเฑียรบาล พระเจ้าเสือทรงจ�าฝืน พระทัยตามพระราชก�าหนดที่วางไว้จึง มีรับสั่งให้ประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ และให้ท�าศาลขึ้นสูงเพียงตา แล้วน�า ศีรษะพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระที่นั่ง เอกชัยที่หักขึ้นพลีกรรมไว้บนศาล เพื่อ ปักหมุดเที่ยว สมุทรสาคร เป็นอนุสรณ์ที่แสดงถึงความซื่อสัตย์จงรักภักดี ภายในอุทยานเป็นที่ตั้งของศาลพันท้ายนรสิงห์ ซึ่งต่อมากรมศิลปากรได้สร้างศาลขึ้นใหม่แทน หลังเก่าที่พังลงมา ภายในศาลมีรูปปั้นของพันท้ายนรสิงห์ขนาดเท่าคนจริงอยู่ในท่าถือท้ายคัดเรือ เป็นที่นับถือของชาวบ้านเป็นอย่างมาก ประวัติ พันท้ายนรสิงห์ เรื่องของพันท้ายนรสิงห์ ปรากฏครั้งแรกในพระราชพงศาวดารกรุงสยาม จากต้นฉบับของ บริติชมิวเซียม โดยกล่าวว่า พ.ศ. 2247 พระเจ้าเสือเสด็จโดยเรือพระที่นั่งเอกไชย ประพาสเพื่อทรง เบ็ด ณ ปากน�้าเมืองสาครบุรี เมื่อเรือพระที่นั่งถึงต�าบลโคกขามซึ่งเป็นคลองคดเคี้ยวและมีกระแส น�้าเชี่ยวกราก พันท้ายนรสิงห์ซึ่งถือท้ายเรือพระที่นั่งมิสามารถคัดแก้ไขได้ทัน โขนเรือพระที่นั่ง กระทบกับกิ่งไม้หักตกลงไปในน�้า พันท้ายนรสิงห์จึงได้กระโดดขึ้นฝั่งแล้วกราบทูลให้ทรงลงพระ อาญาตามพระก�าหนดถึงสามครั้งด้วยกัน เนื่องจากในครั้งแรก พระเจ้าเสือพระราชทานอภัยโทษ เพราะเห็นว่าเป็นอุบัติเหตุสุดวิสัย ครั้งที่สองก็รับสั่งให้สร้างรูปปั้นปลอมแล้วตัดหัวรูปปั้นนั้นแทน แต่ท้ายสุดก็ได้ตรัสสั่งให้ประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะพันท้ายนรสิงห์ตามค�าขอ แล้วสร้างศาล เพียงตา น�าศีรษะของพันท้ายนรสิงห์และโขนเรือเอกไชยขึ้นตั้งบนศาลไว้บูชาพร้อมกัน แล้วเสด็จ ออกไปทรงเบ็ด ณ ปากน�้าเมืองสาครบุรี เมื่อกลับกรุงศรีอยุธยา โปรดให้น�าศพของพันท้ายนรสิงห์ มาพระราชทานเพลิงศพ พระราชทานเงินทองสิ่งของจ�านวนมากแก่ภรรยาลูกเมียพันท้ายนรสิงห์ ภายหลังพระเจ้าเสือได้ทรงให้สมุหนายกเกณฑ์ไพร่พลจ�านวน 30,000 คน ให้พระยาราชสงคราม เป็นแม่กอง ท�าการขุดคลองลัดคลองโคกขามที่คดเคี้ยว ไปออกที่บริเวณแม่น�้าท่าจีน กว้าง 5 วา ลึก 6 ศอก ขุดเสร็จในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ พ.ศ. 2252 ได้พระราชทานนามคลองนี้ ว่า ”คลองสนามไชย” ต่อมาเรียกเป็นคลองมหาชัย ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมืองมหาชัย แต่ชาวบ้าน เรียกว่า ”คลองถ่าน” ปัจจุบันชาวบ้านฝั่งธนบุรี เรียกชื่อว่า “คลองด่าน” อุทยานประวัติศาสตร์พันท้ายนรสิงห์


วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 31 คู่มือ.. สมุทรสาคร วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 31 เป็นอนุสรณ์ที่แสดงถึงความซื่อสัตย์จงรักภักดี ภายในอุทยานเป็นที่ตั้งของศาลพันท้ายนรสิงห์ ซึ่งต่อมากรมศิลปากรได้สร้างศาลขึ้นใหม่แทน หลังเก่าที่พังลงมา ภายในศาลมีรูปปั้นของพันท้ายนรสิงห์ขนาดเท่าคนจริงอยู่ในท่าถือท้ายคัดเรือ เป็นที่นับถือของชาวบ้านเป็นอย่างมาก ประวัติ พันท้ายนรสิงห์ เรื่องของพันท้ายนรสิงห์ ปรากฏครั้งแรกในพระราชพงศาวดารกรุงสยาม จากต้นฉบับของ บริติชมิวเซียม โดยกล่าวว่า พ.ศ. 2247 พระเจ้าเสือเสด็จโดยเรือพระที่นั่งเอกไชย ประพาสเพื่อทรง เบ็ด ณ ปากน�้าเมืองสาครบุรี เมื่อเรือพระที่นั่งถึงต�าบลโคกขามซึ่งเป็นคลองคดเคี้ยวและมีกระแส น�้าเชี่ยวกราก พันท้ายนรสิงห์ซึ่งถือท้ายเรือพระที่นั่งมิสามารถคัดแก้ไขได้ทัน โขนเรือพระที่นั่ง กระทบกับกิ่งไม้หักตกลงไปในน�้า พันท้ายนรสิงห์จึงได้กระโดดขึ้นฝั่งแล้วกราบทูลให้ทรงลงพระ อาญาตามพระก�าหนดถึงสามครั้งด้วยกัน เนื่องจากในครั้งแรก พระเจ้าเสือพระราชทานอภัยโทษ เพราะเห็นว่าเป็นอุบัติเหตุสุดวิสัย ครั้งที่สองก็รับสั่งให้สร้างรูปปั้นปลอมแล้วตัดหัวรูปปั้นนั้นแทน แต่ท้ายสุดก็ได้ตรัสสั่งให้ประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะพันท้ายนรสิงห์ตามค�าขอ แล้วสร้างศาล เพียงตา น�าศีรษะของพันท้ายนรสิงห์และโขนเรือเอกไชยขึ้นตั้งบนศาลไว้บูชาพร้อมกัน แล้วเสด็จ ออกไปทรงเบ็ด ณ ปากน�้าเมืองสาครบุรี เมื่อกลับกรุงศรีอยุธยา โปรดให้น�าศพของพันท้ายนรสิงห์ มาพระราชทานเพลิงศพ พระราชทานเงินทองสิ่งของจ�านวนมากแก่ภรรยาลูกเมียพันท้ายนรสิงห์ ภายหลังพระเจ้าเสือได้ทรงให้สมุหนายกเกณฑ์ไพร่พลจ�านวน 30,000 คน ให้พระยาราชสงคราม เป็นแม่กอง ท�าการขุดคลองลัดคลองโคกขามที่คดเคี้ยว ไปออกที่บริเวณแม่น�้าท่าจีน กว้าง 5 วา ลึก 6 ศอก ขุดเสร็จในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ พ.ศ. 2252 ได้พระราชทานนามคลองนี้ ว่า ”คลองสนามไชย” ต่อมาเรียกเป็นคลองมหาชัย ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมืองมหาชัย แต่ชาวบ้าน เรียกว่า ”คลองถ่าน” ปัจจุบันชาวบ้านฝั่งธนบุรี เรียกชื่อว่า “คลองด่าน” —ลุศักราชได้ ๑๐๖๖ ปี วอก ฉ่อศก ขะณะนั้นสมเดจ์พระเจ้าแผ่นดีน เสดจ์ ด้วยเรือพระธินั่งเอกไชย จไปประภาษ ทรงเบจ์ณะปากน�้าเมืองษาครบู รี ครั้น เรือพระธินั่งไปถึ่งต�าบลโขกฃาม แล คลองที่นั้นคตเคียวนัก แลพันท้ายนร สิงฆซึ่งถือท้ายเรือพระธินั่ง คัดแก้ไขมิ ทันที แลศิศะเรือพระธินั่งนั้นโดนกระ ทบกิ้งไม้อันใหญ่เข้าก็หักตกลงในน�้า พันท้ายนรสิงฆ์เหนดังนั้นก็ตกใจ จึ่ง โดษขึ้นเสียจากเรือพระธินั่ง แลขึ้นอยู่ บนฝั่งแล้วร้องกราบทูลพระกรรุณาว่า ฃอเดชฝาลอองทุลีพระบาทปกเกล้า พระราชอาชญาเปนล้นเกล้า ฃองจง ทรงพระกรรุณาโปรฎให้ท�าสารขึ้นที่นี้ สูงประมารเพียงตา แล้วจงตัษเอาศิศ ข้าพระพุทธเจ้ากับศิศเรือพระธินั่งซึ่ง หักตกน�้าลงไปนั้น ขึ้นบ่วงส่วงไว้ด้วย กันที่นี้ ตามพระราชก�าหนฎในบถพระ ไอยการเถีษ จึ่งมีพระราชโองการตรัษว่า ไอ้พันท้าย ซึ่งโทษเองนั้นถึ่งตายก็ชอบอย่แล้ว แตู่ ทว่าบัดนี้กูจยกโทษเสีย ไม่เอาโทษเอง แล้ว เองจงคืนมาลงเรือไปด้วยกูเถีด ซึ่งศิศเรือที่หักนั้นกูจท�าต่อเอาใหม่ แล้ว เองอย่าวิตกเลย พันท้ายนรสิงฆ จึ่งกราบทูลว่า ซึ่งทรงพระกรรุณาโปร ฎมิได้เอาโทษข้าพระพุทธิเจ้านั้นพระ เดชะพระคุณหาที่สุดมิได้ แต่ทว่าจ เสียท�านบท�าเนียมในพระราชก�าหนฎ กฎหมายไป แลซึ่งสมเดจ์พระเจ้าอย่หัว ู จมาละพระราชก�าหนฎส�าหรับแผ่นดิน เสิยดังนี้ดูมิควรยิงนัก นารไปภายหน้า เหนว่าคนทังปวง จล่วงคะระหาติเตียน ดหมินได้ แลพระเจ้าอยู่หัวอย่าทรงพระู อาไลยแก่ข้าพระพุทธิเจ้า ผู้ถึ่งแก่มรณ โทษนี้เลยจงทรงพระอาไลยถึงพระราช ประเพณีย์ อย่าให้เสิยขนบท�าเนียมไป นั้นดีกว่า อันพระราชก�าหนฎมีมาแต่บู ร านนั้นว่า ถ้าแลพันท้ายผู้ใดถือท้ายเรือ พระธินั่งให้ศิศเรือพระธินั่งนั้นหัก ท่าน ว่าพันท้ายผู้นั้น ถึ่งมรณโทษให้ตัดศิศ เสีย แลพระเจ้าอย่หัวจงทรงพระกรรุณา ู โปรฎให้ตัดศิศข้าพระพุทธิเจ้าเสีย ตาม โปราณราชก�าหนฎนั้นเถีด จึ่งมีพระราชด�าหรัสสั่งให้ฝีภายทังปวง ปั้นมูลดินเปนรูบพันท้ายนรสิงฆ์ขึ้น แล้ว ก็ให้ตัดศิศรูบดินนั้นเสีย แล้วด�า หรัสว่าไอ้พันท้าย ซึ่งโทษเองถึ่งตาย นั้น กูจประหารชีวิตร์เองเสีย ภ่อเปน เหตุแทนตัวแล้วเองอย่าตายเลย จง กลับมาลงเรือไปด้วยกูเถีด พันท้าย นระสิงฆ์เหนดังนั้น ก็มีความละอาย นัก ด้วยกลัวว่าจเสียพระราชก�าหนฎ โดยขนบท�าเนียมโบราณไป เกรงคน ทังปวงจะครหาติเตียนดหมินในสมเดจ์ู พระเจ้าอย่หัวแห่งตนได้ สู ู้เสียสะละชี วิตรของตัวมิได้อาไลย จึ่งกราบทูลไป ว่าฃ่อพระราชทานซึ่งทรงพระกรรุณา โปรดฎข้าพระพุทธิเจ้าทังนี้ พระเดช พระคุณหาที่สุดมิได้ แต่ทว่าซึ่งตัดศิศรู บดินแทนตัว ข้าพระพุทธิเจ้าดังนี้ดูเป นท�าเล่นไป คนทังหลายจล่วงคระหาติ เตียนได้ ฃ่อพระองค์จงทรงพระกรรุณา โปรฎตัดศิศข้าพระพุทธิเจ้าเสิยโดยฉัน จริงเถีด อย่าให้เสิยขนบท�าเนียมในพระ ราชก�าหนฎไปเลย ข้าพระพุทธิเจ้าจฃ อกราบทลฝากบุตรภรรยา แล้วก็จกราบ ู ถวายบังคมลาตายไปโดยลักษณยะถา โทษอันกราบทูลไว้นั้น สมเดจ์พระเจ้าแผ่นดีนตรัษได้ทรงฟัง ดังนั้น ก็ด�าหรัสวิงวรไปเปนหลายครั้ง พันท้ายนระสิงฆก็มิยอมอย่ สมเดจ์ู พระเจ้าอย่หัวทรงพระมหาการุญภาพ ู แก่พันท้ายนรสิงฆ์เปนอันมาก จนกลั่น น�้าพระเนตรนั้นไว้มิได้จ�าเปนจ�าท�า ตามพระราชก�าหนฎ จึ่งด�าหรัสสั่งนาย เพชฆาฎ ให้ประหารชีวิตรพันท้ายนระ สิงฆ์เสีย แล้วให้ท�าสารขึ้นสูงเพียงตา แลให้เอาศิศพันท้ายนรสิงกับศิศเรือ พระธินั่งซึ่งหักนั้น ขึ้นพลิกรรมไว้ด้วย กันบนสานนั้น แล้วให้ออกเรือพระธินั่ง ไปประภาษทรงเบจ์ณปากน�้าเมืองษา ครบู รีย แล้วเสดจ์กลับยังพระมหานคร และสารเทภารักษที่ต�าบลโฃกฃามนั้น ก็มีปรากฏมาตราบท้าวทุกวันนี้ จึ่งพระบาทบรมบพิตรพระพุทธิเจ้าอยู่ หัว ก็ทรงพระราชต�าหริว่า ณะคลอง โฃกฃามนั้นคตเคียวนัก คนทังปวงจเดีร เรือเข้าออกก็ยาก ต้องอ้อมวงไปไกลกัน ดานหนัก ควรเราจให้ฃุดลัดตัดเสียให้ ตรงจึ่งจชอบ อหนึ่งพันท้ายนรสิงฆ์ซึ่ง ตายเสิยนั้น เปนคนสัจซือมั่นคงนัก สู้ เสียสะละชีวิตรหมิได้อาไลยกลัวว่าเรา จเสียพระราชประเพณียไป เรามีความ เสิยดายนัก ด้วยเปนข้าหลวงเดีมมาแต่ ก่อน อันจหาผู้ซึ่งรักใคร่ซื่อตรงต่อจ้าว เหมือนพันท้ายนระสิงฆ์นี้ยากนัก แล้ว ด�าหรัสให้เอากะเฬวระพันท้ายนระสิงฆ์ นั้น มาแต่งการถาปณะกิจพระราชทาน เพลีง แลบุตรภรรยานั้นก็พระราชทานเงี นทองสิงฃองเปนอันมาก แ ล้ ว มี พ ร ะ ร า ช โ อ ง ก า ร ต รั ษ สั่ง สมุหนายก ให้กะเกนเลกหัวเมืองให้ ได้ ๓๐๐๐๐ ไปขุดคลองโขกฃาม แล ให้ขุดลัดตัดให้ตรงตลอดไป โดยฦกหก ศอกบ์ากคลองกว้างแปดวา พืนคลอง กว้างห้าวาแลให้พระราชสงครามเปน แม่กอง คุมพลหัวเมืองทังปวงขุดคลอง จงแล้วส�าเรจ์ดุจพระราชก�าหนฎ — พระราชพงศาวดารกรุงสยาม จากต้นฉบับของบริติชมิวเซียม วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 31 คู่มือ.. สมุทรสาคร Samutsakhon


32 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 พระราชพงศาวดารที่ช�าระในรุ่นหลัง เช่น พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราช หัตถเลขา และ พระราชพงศาวดาร ฉบับหมอบรัดเล ก็ยังคงยึดถือเนื้อหาในพระ ราชพงศาวดาร กรุงสยาม จากต้นฉบับของบริติชมิวเซียมเป็นต้นแบบ แต่เมื่อ เปรียบเทียบกับหลักฐานอื่นๆ แล้ว ไม่ปรากฏพบเรื่องราวของนายขนมต้มแต่ อย่างใด ในพระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ซึ่งเก่ากว่าฉบับบริติช มิวเซียม กล่าวถึงการขุดคลองโคกขามในสมัยพระเจ้าท้ายสระ พ.ศ. 2264 โดย ไม่ได้มีการกล่าวถึงการขุดคลองโคกขามในสมัยพระเจ้าเสือหรือเหตุการณ์พัน ท้ายนรสิงห์แต่อย่างใด ในกฎมณเฑียรบาลก็ไม่มีการระบุโทษของพันท้ายเรือ พระที่นั่งดังที่พงศาวดารบันทึกไว้ โทษส่วนใหญ่เป็นการรับผิดชอบของคนทั้งเรือ พระที่นั่ง และพันท้ายเรือพระที่นั่งมี 2 คน แต่พระราชพงศาวดารกลับระบุถึงการ ประหารพันท้ายนรสิงห์เพียงผู้เดียว สุเนตร ชุตินธรานนท์ วิเคราะห์ว่าพันท้ายนรสิงห์เป็นเรื่องที่ถูกแต่งเสริมขึ้น มาในสมัยต้นรัตนโกสินทร์เพื่ออธิบายสาเหตุของการล่มสลายของกรุงศรีอยุธยา ว่ามาจากผู้ปกครองไม่ดี โดยใช้พันท้ายนรสิงห์เป็นคนวิจารณ์พระเจ้าเสือว่าไม่ยึด มั่นในขนบธรรมเนียมกฎหมาย และเล่าที่มาของคลองมหาชัย ส่วนเรื่องที่ว่าพันท้ายนรสิงห์ มีชื่อเดิมว่า “สิน” เป็นชาวบ้านนรสิงห์ แขวง เมืองวิเศษชัยชาญ (ปัจจุบัน คือ อ�าเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง) มีภรรยาชื่อ “นวล” หรือ “ศรีนวล” ได้รู้จักกับพระเจ้าเสือด้วยการแข่งขันชกมวยไทยกัน เมื่อพระองค์ แปลงองค์มาเป็นชาวบ้านธรรมดาและทรงโปรดในอุปนิสัยใจคอ ต่อมาได้กลาย มาเป็นนายท้ายเรือพระที่นั่งของพระเจ้าเสือ ในบรรดาศักดิ์พันนั้น เป็นเรื่องราว จากบทละครเวทีที่ประพันธ์โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล มรดกสืบทอด ปัจจุบันมีสถานที่ร�าลึกหรือเกี่ยวเนื่องกับพันท้ายนรสิงห์หลายแห่ง ได้แก่ • ศาลพันท้ายนรสิงห์ ศาลพันท้ายนรสิงห์ แห่งแรกตั้งอยู่บริเวณปากคลองโคกขาม ต�าบลพันท้าย นรสิงห์ อ�าเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เชื่อว่าเป็นศาลพันท้ายนรสิงห์ ที่เก่าแก่ที่สุด และเป็นจุดที่เชื่อว่าพันท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิต ตัวศาลเดิมนั้น ได้ผุพังไปตามกาลเวลาและถูกน�้ากัดเซาะตลิ่ง จึงได้มีการสร้างใหม่ และมีศาลใน ลักษณะศาลเพียงตาที่มีขา 6 ขา ที่ตั้งอยู่หน้าตัวศาลใหญ่ สร้างโดย พระเจ้าวรวง ศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล เมื่อปี พ.ศ. 2493 จากการที่ได้สร้างภาพยนตร์ เรื่องพันท้ายนรสิงห์ในปีเดียวกัน รูปเคารพพันท้ายนรสิงห์ในศาลแห่งนี้ สร้างขึ้น จากไม้จันทร์หอม • วัดโคกขาม วัดโคกขาม ต�าบลโคกขาม อ�าเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ก็เป็น อีกแห่งหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นจุดที่พันท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิตด้วยเช่นกัน


วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 33 คู่มือ.. สมุทรสาคร Samutsakhon • อุทยานประวัติศาสตร์ พันท้ายนรสิงห์ เป็นอีกหนึ่งสถาณที่ ซึ่งเป็นที่ ตั้งของศาลพันท้ายนรสิงห์ ตั้งอยู่ที่ บ้านพันท้ายนรสิงห์ ต�าบลพันท้าย นรสิงห์ อ�าเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัด สมุทรสาคร เป็นอีกจุดหนึ่งที่เชื่อว่าพัน ท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิต เนื่องจาก กรมศิลปากรร่วมด้วยคณาจารย์ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยได้งม พบท่อนไม้ท่อนหนึ่ง พร้อมกับไม้ที่ ยาวราว 80 เซนติเมตร ที่เชื่อว่าเป็น โขนเรือเอกไชย ซึ่งมีร่องรอยความเสีย หาย และเมื่อได้ผ่านการตรวจสอบทาง วิทยาศาสตร์แล้วพบว่า ตรงกับสมัยที่ พันท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิต จึงเชื่อ ว่าท่อนไม้นั้นเป็นหลักประหารชีวิตพัน ท้ายนรสิงห์ และยังมีศาลเจ้าแม่ศรีนวล ผู้ที่เชื่อว่าเป็นภรรยาของพันท้ายนรสิงห์ และมีรูปเหมือนของพระเจ้าเสือและพัน ท้ายนรสิงห์ที่ทูลขอพระราชทานอาญา โทษประหารชีวิต ศาลพันท้ายนรสิงห์แห่งนี้ถูก ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ของชาติ ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 72 ตอนที่ 2 เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2498 กรมศิลปากรได้ด�าเนินการจัดสร้างศาล พันท้ายนรสิงห์ขึ้นอยู่ถัดจากศาลเก่า ที่พังลงมาไม่มากนัก โดยกันอาณา บริเวณรอบๆ ศาลไว้ประมาณ 100 ไร่ เพื่อจัดตั้งเป็น “อุทยานประวัติศาสตร์ พันท้ ายนรสิงห์” ภายในศาลมีรูป เคารพของพันท้ายนรสิงห์ขนาดเท่าของ จริงในท่าถือท้ายคัดเรือ ที่สร้างขึ้นและ น�ามาประดิษฐานไว้เมื่อปี พ.ศ. 2519 ผู้ที่ศรัทธากราบไหว้พันท้าย นรสิงห์จะเรียกพันท้ายนรสิงห์ด้วย ความเคารพว่า “พ่อพันท้าย” และเชื่อ ว่าสามารถบนบานสักการะขอได้ในทุก เรื่อง ยกเว้นเรื่องการเกณฑ์ทหาร ที่บนบานขอแล้วจะไม่ประสบความส�าเร็จ • อนุสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์ จากบันทึกประวัติศาสตร์อ้างถึงถิ่นฐานเดิมว่าเป็นชาวบ้านนรสิงห์ แขวง เมืองวิเศษชัยชาญ เพื่อเป็นการร�าลึกถึงความส�าคัญของบรรพบุรุษชาวอ่างทอง จึงได้มีการร่วมกันจัดสร้างอนุสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์ ขึ้นที่วัดนรสิงห์ ต�าบลนรสิงห์ อ�าเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง และท�าพิธีเปิดอนุสาวรีย์ขึ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 • การแข่งขันมวยไทย วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ได้มีการจัดการแข่งขันมวยไทยนานาชาติ ชิง แชมป์เข็มขัดพันท้ายนรสิงห์ขึ้นเป็นครั้งแรกที่จังหวัดสมุทรสาคร


34 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 วัฒนธรรมร่วมสมัย เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ได้รับการน�าเสนอในรูปแบบ ต่างๆ เช่น ละครเวที, ภาพยนตร์, ละครโทรทัศน์, หุ่นกระบอก ไทย และหนังสือการ์ตูน • ละครเวที - ละครเวทีครั้งแรกในปี พ.ศ. 2488 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล ทรงนิพนธ์เป็นบทละครเวทีพัน ท้ายนรสิงห์ โดยเล่าเรื่องที่แต่งขึ้นจากเรื่องเกร็ดในพงศาวดาร และประวัติศาสตร์สมัยรัชกาลพระเจ้าเสือ กรุงศรีอยุธยาตอน ปลาย แสดงโดยคณะศิวารมณ์ น�าโดย สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ เป็น พันท้ายนรสิงห์, สุพรรณ บูรณะพิมพ์ เป็น นวล, จอก ดอก จันทร์ เป็น พระเจ้าเสือ มีเพลงประกอบคือเพลง น�้าตาแสง ไต้ เป็นเพลงประกอบในฉากพันท้ายนรสิงห์และนวลร�่าลากัน ละครเวทีได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในช่วงสงครามและหลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 - ปี พ.ศ. 2508 ได้น�ามาสร้างเป็นละครเวทีพิเศษเพื่อการ กุศลของสมาคมต่อต้านยาเสพติดแห่งประเทศไทย แสดงที่ หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ น�าแสดงโดย ก�าธร สุวรรณปิยะศิริ รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์, นงลักษณ์ โรจน พรรณ รับบทเป็น นวล, ฉลอง สิมะเสถียร แสดงเป็นพระเจ้า เสือ - ปี พ.ศ. 2532 จัดแสดงละครเวที พันท้ายนรสิงห์ขึ้น ณ ศาลาเฉลิมไทย เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการอ�าลา ศาลาเฉลิมไทย น�าแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์, นาถยา แดงบุหงา รับบทเป็น นวล, และ พิศาล อัครเศรณี รับ บทเป็น พระเจ้าเสือ ละครเวทีพันท้ายนรสิงห์ มีการน�ามาสร้างอีกหลายต่อ หลายครั้ง โดยสร้างจากบทละครเวทีของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล • ภาพยนตร์ - ปี พ.ศ. 2493 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุ พันธ์ยุคล ได้น�ามาสร้างใหม่เป็นภาพยนตร์ครั้งแรก ใน ชื่อเรื่อง พันท้ายนรสิงห์ โดยสร้างจากบทละครเวทีเดิม น�าแสดงโดย ชูชัย พระขรรค์ชัย ซึ่งเป็นนักมวยไทยที่มีชื่อ เสียง มารับบทเป็นพันท้ายนรสิงห์, สุพรรณ บูรณะพิมพ์ รับบทเป็น นวล และ ถนอม อัครเศรณี รับบทเป็น พระเจ้า เสือ ร่วมด้วย ทัต เอกทัต, ชั้น แสงเพ็ญ, อบ บุญติด และ สมพงษ์ พงษ์มิตร ก�ากับการแสดงโดย มารุต - ปี พ.ศ. 2525 บริษัทไชโยภาพยนตร์ ได้สร้างเป็น ภาพยนตร์ 35 มม. ในชื่อ พระเจ้าเสือ พันท้ายนรสิงห์ ก�ากับ การแสดงโดย เนรมิต น�าแสดงโดย สรพงษ์ ชาตรี เป็น พัน ท้ายนรสิงห์, สมบัติ เมทะนี เป็น พระเจ้าเสือ, อาภาพร กร ทิพย์ เป็น นวล ร่วมด้วย พิศมัย วิไลศักดิ์, มานพ อัศวเทพ, ส.อาสนจินดา, สีเทา, สุพรรณ บูรณะพิมพ์, จิรศักดิ์ อิศรา งกูร ภาพยนตร์เน้นเรื่องราวและความผูกพันของพระเจ้า เสือและพันท้ายนรสิงห์ - ปี พ.ศ. 2558 หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ได้น�ามาส ร้างใหม่เป็นภาพยนตร์อีกครั้ง น�าแสดงโดย พงศกร เมตตา ริกานนท์ รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์, พันโทวันชนะ สวัสดี รับบทเป็น พระเจ้าเสือ และ พิมดาว พานิชสมัย รับบทเป็น นวล ก�าหนดฉายวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558 34 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565


วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 35 คู่มือ.. สมุทรสาคร Samutsakhon วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 35 • ละครโทรทัศน์ - ประมาณปี พ.ศ. 2515 ละคร โทรทัศน์ครั้งแรก ออกอากาศทางช่อง 4 บางขุนพรหม น�าแสดงโดย ก�าธร สุวรรณปิยะศิริ รับบทเป็น พันท้าย นรสิงห์ และ นงลักษณ์ โรจนพรรณ รับ บทเป็น นวล - ปี พ.ศ. 2521 ละครโทรทัศน์ออก อากาศทางช่อง 5 น�าแสดงโดย นิรุตติ์ ศิริจรรยา รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์, ดวงใจ หทัยกาญจน์ รับบทเป็น นวล และ ตรัยเทพ เทวะผลิน รับบทเป็น พระเจ้าเสือ - ปี พ.ศ. 2543 ละครโทรทัศน์ออก อากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 น�าแสดงโดย ธีรภัทร์ สัจจกุล รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์, พิยดา อัคร เศรณี รับบทเป็น นวล และ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง รับบทเป็น พระเจ้าเสือ ร่วม ด้วย กมลชนก โกมลฐิติ, ธนายง ว่อง ตระกูล, สุวัจนี ไชยมุสิก, ชุติมา นัยนา, วิทิต แลต ก�ากับการแสดงโดย พิศาล อัครเศรณี - ปี พ.ศ. 2558 หม่อมเจ้าชาตรี เฉลิม ยุคล หรือ ท่านมุ้ย ได้น�าฉบับ เต็มของภาพยนตร์ที่ฉายในปี พ.ศ. 2558 มาออกอากาศเป็นละครโทรทัศน์ ความยาว 20 ตอนทางช่องเวิร์คพอยท์ น�าแสดงโดย พงศกร เมตตาริกานนท์ รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์, พันโทวัน ชนะ สวัสดี รับบทเป็น พระเจ้าเสือ และ พิมดาว พานิชสมัย รับบทเป็น นวล โดย เริ่มออกอากาศในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559 และอวสานเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ในตอนแรกละครเรื่องนี้จะออก อากาศทางช่อง 3 เนื่องจาก พงศกร เมตตาริกานนท์ ผู้รับบท พันท้ายนรสิงห์ เป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3 แต่ด้วย ปัญหาเรื่องช่วงเวลาออกอากาศท�าให้ ท่านมุ้ยทรงน�าพันท้ายนรสิงห์ไปตัดต่อ และฉายเป็นภาพยนตร์ ต่อมา หม่อม ราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล หรือ คุณชา ยอดัม โอรสของท่านมุ้ยได้ตัดสินใจซื้อ ละครพันท้ายนรสิงห์กลับมาจากช่อง 3 และน�าไปออกอากาศทางช่องโมโน 29 แต่ด้วยเหตุผลบางประการท�าให้ ละครเรื่องนี้ไม่สามารถออกอากาศ ทางช่องโมโน 29 ได้ ท�าให้ท่านมุ้ย ตัดสินใจน�าละครเรื่องพันท้ายนรสิงห์ มาออกอากาศทางช่องเวิร์คพอยท์แทน มีจ�านวน 19 ตอน ตอนสุดท้ายออก อากาศเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 35


36 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 วัดโคกขาม ตั้งอยู่ในต�าบลบ้านเกาะ อ�าเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัด สมุทรสาคร วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาราวๆ ช่วงปีพ.ศ.2222 ใน สมัยกรุงศรีอยุธยา วัดแห่งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ได้แก่ พระอุโบสถหลังเก่า เป็นสถาปัตยกรรม การก่อสร้างศิลปะแบบอยุธยา มีลวดลายการแกะสลักไม้ที่หน้าบันอันงดงาม วัด เก็บโบราณวัตถุที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับพันท้ายนรสิงห์ไว้หลายอย่าง เช่น ชิ้นส่วน ของเรือพระที่นั่งเอกชัย และศาลเพียงตาของเดิม พุทธศาสนิกชนมักมาสักการะ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ พระพุทธสิหิงค์อันเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสมุทรสาคร (ในไทยมีพระพุทธสิหิงค์ 4 องค์) โดยตัวองค์พระเป็นพระพุทธรูปเชียงแสนยุค ต้น อายุเก่าแก่ประมาณ 300 ปี วัดมีงานปิดทองประจ�าปีช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงมีนาคมของทุกปี ด้านหน้าพระอุโบสถหลังเก่า มีพระเจดีย์เก่าที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซม สถาปัตยกรรมการก่อสร้างศิลปะแบบอยุธยา ลวดลายการแกะสลักไม้ที่หน้าบัน นั้นงดงาม นอกจากนั้นที่วัดนี้ยังเก็บโบราณวัตถุที่เล่ากันว่าเกี่ยวพันกับเรื่องของ พันท้ายนรสิงห์ไว้หลายอย่าง เช่น ชิ้นส่วนของเรือพระที่นั่งเอกชัย และศาลเพียง ตาของเดิม หลวงพ่อสัมฤทธิ์ พระพุทธสิหิงค์อันเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัด สมุทรสาครซึ่งในประเทศไทย มีพระพุทธสิหิงค์เพียง 4 องค์เท่านั้นและหนึ่งในนั้น ประดิษฐานที่วัดโคกขามแห่งนี้นั่นเอง โดยตัวองค์พระเป็นพระพุทธรูปเชียงแสน ยุคต้น อายุเก่าแก่ประมาณ 300 ปี มีพุทธลักษณะอิ่มเอิบที่ทุกคนสัมผัสได้ซึ่ง สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ วัดโคกขาม


วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 37 คู่มือ.. สมุทรสาคร Samutsakhon พระพุทธสิหิงค์ องค์ที่ 4 หรือชาวบ้าน ทั่วไปเรียกว่า หลวงพ่อสัมฤทธิ์ ประดิษฐาน อยู่ภายในโบสถ์มหาอุตม์ ซึ่งสร้างขึ้น ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เป็น พระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามมาก หา ที่ติมิได้ ตลอดจนเป็นพระพุทธรูปที่มีความ ส�าคัญ ที่ไทยได้แบบอย่างมาจากประเทศ ศรีลังกา แต่เดิมปรากฎพระพุทธสิหิงค์ใน ประเทศไทยเพียง 3 องค์ เท่านั้น คือ องค์ที่ 1 ประดิษฐานที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร องค์ที่ 2 ประดิษฐานที่ วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ และองค์ที่ 3 ประดิษฐานที่หอพระสิงห์ จังหวันครศรี ธรรมราช พระพุทธสิหิงค์ องค์ที่ 4 นั้นขนาดองค์ มีหน้าตักกว้าง 66 ซม. สูง 83 ซม. รอบฐาน 153 ซม. เนื้อเป็นทองสีดอกบวบหนัก 37 ชั่ง 1 ต�าลึง ประมาณ 2964 บาท ทรวดทรง พระองค์อวบอ้วน พระหนุนูน พระพักตร์ กลม พระโขนงโก่งโค้ง พระนาสิกเป็นสัน โค้ง พระโอษฐ์แคบ พระรัศมีเหนือพระเกตุ มาลาเป็นเปลวสั้น เส้นพระศกขมวดเป็น ต่อมกลม ท่านั่งขัดสมาธิเพชร พระหัตถ์ วางในท่าปางมารวิชัย ครองผ้าแบบห่มดอง ฐานรองเป็นฐานเขียง ลักษณะทั่วไปนับ ว่าเป็นแบบเชียงแสนรุ่นแรก เชื่อว่าฝีมือ ช่างเป็นของปฏิมากรชาวล้านนาไทย ใน ประวัติก่อนที่มาประดิษฐาน ณ วัดโคกขาม นี้องค์พระได้เคยถูกลงรักปิดองค์ด�าตลอด ทั้งตัว และน�ามาซ่อนไว้ในสถานที่ลับและ มีความปลอดภัยนั่นก็คือวัดโคกขามแห่งนี้ แต่ความลับก็ปิดได้เพียง 200 ปี รักที่ปิด องค์พระพุทธสิหิงค์เริ่มจางลงตามกาลเวลา และเสื่อมคุณภาพลง จนสามารถมองเห็น เนื้อทองอย่างเด่นชัดในบางส่วน และเริ่ม มากขึ้นทุกวัน นับว่าเป็นนิมิตรหมายอันดี พระพุทธศาสนิกชนคนไทยทั้งชาติ ที่จะได้มี โอกาสสักการะบูชาพระพุทธสิหิงค์ที่มีความ ศักดิ์สิทธิ์งดงามล�้าค่าของชาติไทยอีกองค์ หนึ่ง วัดโคกขาม


38 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 วัดใหญ่จอมปราสาท วัดใหญ่จอมปราสาท ตั้งอยู่ที่ต�าบลท่าจีน ห่างจากตัวจังหวัด 4 กิโลเมตร สามารถ เดินทางตามทางหลวงหมายเลข 35 (ถนน ธนบุรี-ปากท่อ) บริเวณกิโลเมตรที่ 31 เชิง สะพานท่าจีน เป็นวัดเก่าแก่มีอายุร่วม 500 ปี วัดที่มีอายุเก่าแก่แห่งนี้ สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สมัย สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ เดิมทีชาวบ้าน เรียกว่า “วัดใหญ่” บ้าง “วัดจอมปราสาท” บ้าง หรือ “วัดใหญ่จอมปราสาท” บ้าง ต่อมา รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานนามเสียใหม่ว่า “วัด สาครบุรี” พร้อมกับพระราชทานพระไตรปิฎก บรรจุตู้ละจบจ�านวน 39 เล่มในฐานะที่วัดนี้เป็น พระอารามหลวงนั่นเอง


วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 39 คู่มือ.. สมุทรสาคร Samutsakhon ศาลาการเปรียญที่สร้างขึ้นใน สมัยสมเด็จพระนารายณมหาราช เป็น อาคารก่ออิฐถือปูนยกพิ้นใต้ถุนสูง ช่อง หน้าต่างมีรูปทรงแปลกตา เช่น รูปใบ โพธิ์ รูปไข่ รูปสี่เหลี่ยมย่อมุม ที่หลักของ ศาลาประกอบไปด้วยลวดลายจ�าหลัก สวยงาม รูปทรงภายนอกเป็นแบบโค้ง ด้านหน้า ด้านหลังเชิดขึ้นคล้ายเรือ ส�าเภาหลังคามุงกระเบื้องดินเผาพื้นปู ด้วยไม่สักแผ่นใหญ่เพดาลเขียนลาย ดอกพิกุล และดอกพุฒตาลสีเหลือง และสีน�้าเงินอย่างสวยงามโบราณ พระอุโบสถ มีจุดเด่นอยู่ที่บาน ประตูไม้ที่แกะสลักลึกเข้าไปในเนื้อไม้ ถึง 4 ชั้น ท�าให้มีลักษณะเหมือนภาพ สามมิติและด้วยรายละเอียดอันวิจิตร งดงามและฝีมือเชิงช่างที่หาตัวจับยาก กรมศิลปากรจึงได้ ขึ้นทะเบียนให้เป็น ศิลปวัตถุของชาติเมื่อปี พ.ศ. 2505 โดยบานประตูบานหนึ่งแกะเป็น ลวดลายเถา ดอกไม้ ใบไม้ สัตว์ต่างๆ ส่วนอีกบานแกะสลักเป็นรูปป่าสนจีน คล้ายต้นจากและต้นมะพร้าว พระ วิหารเก่าซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นใน สมัยกรุงศรีอยุธยาแม้ปัจจุบันมีสภาพ ปรักหักพัง แต่ภายในก็ยังมีความงาม ให้เห็นผ่านซุ้มประตูหน้าต่างที่เป็น ซุ้มหน้านางซึ่งประดับลวดลายปูนปั้น ศาลาการเปรียญมีหน้าบันไม้แกะสลัก ลวดลายก้านขดและพุ่มข้าวบิณฑ์ที่มี ความงดงาม ยากจะหาใดเปรียบ


40 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 วัดใหญ่บ้านบ่อ วัดใหญ่บ้านบ่อ เป็นวัดราษฎร์สังกัดมหานิกายในหมู่ ที่ 3 บ้านคลองหลวง ต�าบลบ้านบ่อ อ�าเภอเมือง สมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร วัดมีเนื้อที่ 68 ไร่ วัดสร้างขึ้นในราว พ.ศ. 2264 บางท่านเล่าว่าก่อน กรุงธนบุรี 6 ปี สมัยก่อนเป็นวัดคู่ มีสมภารมา 12 รูป พระอุโบสถมีเสมาคู่เป็นศิลาแลง มีก�าแพง มีเจดีย์อยู่ใน ก�าแพงหลายองค์ มีหลวงพ่อป่าเลไลยก์อยู่หน้าอุโบสถ ข้างในมีหลวงพ่อพระประธานสวยงาม มีพระมหาโมค คัลลานะและพระปัญจวัคคีย์ 5 องค์ หน้าบันพระอุโบสถ ระบุว่าซ่อมเมื่อ พ.ศ. 2472 และมาซ่อมมุงกระเบื้องใหม่ ซุ้มประตูใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2512 และมีพ่อเล็ก แม่หมา โพธิ์ บุญ พ่อบุญส่ง แม่ทองค�า ทองมาก มาสร้างพาไลด้าน หน้าและด้านหลัง มุงพาไลใหม่และปูหินอ่อนใหญ่เป็น เงิน 550,000 บาท และมาซ่อมด้านในพระอุโบสถเมื่อ พ.ศ. 2542 และซ่อมปิดทองพระประธาน วิหารหรือว่า อุโบสถหลังเก่าน่าจะมีอายุมากกว่า 300 ปี สังเกตได้จาก พระพุทธรูปเก่าที่ช�ารุดก็พบว่าภายในนั้นมีเป็นแกนไม้ วิหาร ใช้เสาไม้ต้นใหญ่ ก�าแพงก็ยังเป็นอิฐมอญ เพดาน ก็เป็นไม้ มีสภาพทรุดโทรม


วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 41 คู่มือ.. สมุทรสาคร Samutsakhon วัดบางปลา เป็นวัดในหมู่ที่ 4 บ้านบางปลา ต�าบลบ้าน เกาะ อ�าเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัด สมุทรสาคร ริมแม่น�้าท่าจีน สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2447 ในสมัยรัชกาลที่ 2 ต่อมาวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2448 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสแม่น�้าท่า จีน พระองค์สนพระทัยวัดบางปลา ทรงหยุดพักท�าครัวและเสวยพระ กระยาหารที่วัดแห่งนี้ ความว่า “..เวลา เช้าเสด็จกระบวนต้นออกจากเมือง สมุทรสาครขึ้นไปตามล�าน�้า ไปพัก ท�าครัวเช้าที่วัดบางปลา..” สถาปัตยกรรมของอุโบสถหลังเก่า และหน้าบันมีเครื่องถ้วยประดับปูนปั้น ลายมังกรชิงดวงแก้ว วิหารเก่าแล้วภาพ พุทธประวัติอายุกว่า 200 ปีเขียนโดย จิตรกรชาวศรีลังกาและชาวยุโรป วัดยัง มีโกศบรรจุอัฐิเจ้าอาวาส เก็บแบบหมู่ 4 องค์ ได้แก่ องค์แรกคือหลวงปู่นุต องค์ ที่สองคืออาจารย์เปลี่ยน องค์ที่สามคือ หลวงปู่แขก และองค์ที่สี่คือหลวงปู่สงค์ นอกจากนี้กรมหลวงชุมพรเขตรอุดม ศักดิ์ยังทรงสร้างซุ้มศาลายาว เชิงชาย แกะสลักอย่างงดงาม ไว้ตรงทางเดิน ของวัดนี้ วัดแห่งนี้ยังเป็นวัดส�าคัญของ ชาวมอญในวันส�าคัญต่างๆ อย่างวัน วิสาขบูชา วันปวารณาออกพรรษา พระ สงฆ์จากวัดมอญอื่นๆ จะมารวมกันท�า พิธี ณ ที่วัดแห่งนี้แห่งเดียว วัดบางปลา


42 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 วัดตึกมหาชยาราม เดิมเรียก วัด คงคาราม เป็นวัดราษฎร์สังกัด มหานิกายในต�าบลมหาชัย อ�าเภอเมือง สมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร วัดแห่งนี้ ไม่ทราบว่าผู้ใดสร้าง สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2230 ในรัชสมัย สมเด็จพระสรรเพชญที่ 8 (สมเด็จ พระเจ้าเสือ) ต่อมามีนายอากรชาวจีน ชื่อ ตั๋วตี๋ มาตั้งภูมิล�าเนาใหม่ในการ ประกอบอาชีพ เมื่อมาพักบริเวณวัด นี้ ในระหว่างเดินทางเกิดนิมิตว่า พระ ประธานในพระอุโบสถแนะน�าให้ไปตั้ง ภูมิล�าเนาแถบแม่น�้าสมุทรปราการจะ มีโชคใหญ่ จึงได้ไปตั้งถิ่นฐานตามนิมิต ปรากฏว่าต่อมาร�่ารวยมากขึ้น จึงกลับ มาท�านุบ�ารุงวัดนี้ ได้สร้างกุฏิเป็นตึก แบบจีน 2 หลัง วิหาร 1 หลัง กับศาลา ตึก 1 หลัง จนชาวบ้านเรียกว่า วัดตึก จนปี พ.ศ. 2468 พระธรรมสิริชัย (ชิต ชิตวิปุโล) มาด�ารงเจ้าอาวาส ได้เริ่มให้ มีการศึกษาสอนบาลี และมีพระภิกษุ สอบได้มหาเปรียญเป็นจ�านวนมาก วัด ได้เปลี่ยนนามมาเป็น “วัดตึกมหาชยา ราม” ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2400 อาคารเสนาสนะ พระอุโบสถเป็นอาคารไม้ทรงไทย หลังคาทรงจั่วลดชั้น 2 ชั้น หน้าบันท�า เป็นรูปครุฑยุดนาคล้อมรอบด้วยลวดลายพันธุ์พฤกษา ช่อฟ้าใบระกาไม้ประดับ กระจก บานประตูไม้แกะสลักลายกนกเปลวเพลิงทาสีทอง ผนังอาคารทาสีทอง ส่วนวิหารเป็นเก๋งจีน หลังคามุงกระเบื้องดินเผา มีปูนปั้นเป็นสันตามแนวยาว แบบจีน สันหลังคาประดับลวดลายปูนปั้น เจดีย์ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัย รัชกาลที่ 4 ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถจ�านวน 3 องค์ มีลักษณะเป็นเจดีย์ ก่ออิฐถือปูนขนาดเล็กย่อมุมไม้สิบสองจ�านวน 2 องค์ ฐานเจดีย์เป็นฐานสิงห์ อีก องค์เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงระฆังกลม วัดตึกมหาชยาราม


วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 43 คู่มือ.. สมุทรสาคร วัดน้อยนางหงษ์ เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 4 บ้านท่าจีน ต�าบลท่า จีน อ�าเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัด สมุทรสาคร วัดมีเนื้อที่ 25 ไร่ คาดว่าสร้างวัดน้อยนางหงษ์ใน สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้า อยู่หัว เดิมชื่อว่า วัดตากแดด มีพระ อธิการทันเป็นเจ้าอาวาส ต่อมาพระ ปลัดเซ่ง (หลวงพ่อเซ่ง) เป็นเจ้าอาวาส ได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดนางหงษ์ และใน สมัยพระอธิการชุ่ม (หลวงพ่อชุ่ม) เป็น เจ้าอาวาสปกครองวัดนี้ ได้เปลี่ยนชื่อ ใหม่เป็น “วัดน้อยนางหงษ์” อาคารเสนาสนะ อุโบสถหลังเก่าเป็นสถาปัตยกรรม สมัยอยุธยาตอนปลาย คล้ายเรือส�าเภา มีเจดีย์เก็บอัฐิเรียงรายอยู่บนฐานของ โบสถ์ อิฐที่ใช้สร้างน�ามาจากประเทศ จีน หน้าบันประดับลวดลายด้วยเครื่อง ถ้วยจีน สภาพอุโบสถในปัจจุบันคง เหลือแต่เสมาเท่านั้น แล้วได้สร้าง อุโบสถหลังใหม่ ซึ่งเป็นอาคารไม้ทรง ไทยก่ออิฐถือปูน หลังคาทรงจั่ว เครื่อง ไม้มุงกระเบื้องมีชายคาปีกนกคลุมโดย รอบทั้งสี่ด้าน หลังคามีช่อฟ้าใบระกา หางหงส์ปูนปั้นเป็นรูปเศียรนาค หน้าบันทั้งด้านหน้าและด้านหลังเป็นปูนปั้น ระบายสีลวดลายพรรณพฤกษา บานประตูเป็นไม้มีภาพจิตรกรรมเป็นรูปทวาร บาลแบบไทย ผนังด้านหน้ามีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปประทับยืนปางประทาน อภัย บานหน้าต่างเป็นไม้มีภาพจิตรกรรมรูปเทวดายืนพนมมือตกแต่ง ภายนอก อุโบสถหลังใหม่มีก�าแพงแก้ว ภายในเขตก�าแพงแก้วมีซุ้มเสมาก่ออิฐถือปูนเป็น ทรงปราสาทประดิษฐานใบเสมาท�ามาจากหินแกรนิต หอระฆังเก่ามีลักษณะเป็นสิ่งก่อสร้างแบบยุโรป สร้างขึ้นในสมัยพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้สร้างวัด หอเป็นอาคาร ขนาดเล็กสองชั้น ชั้นบนเป็นอาคารโปร่งมีระเบียงขนาดเล็กโดยรอบ ผนังด้าน ข้างเป็นช่องโปร่งลักษณะคล้ายซุ้มส่วนยอดโค้งแหลมแบบศิลปะกอทิก แต่ส่วน บนสุดคล้ายปล้องไฉน[4] เจดีย์บรรจุอัฐิเป็นรูปเรือส�าเภา มีเจดีย์ 3 องค์อยู่บนล�า เรือ ลักษณะเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนย่อมุมไม้สิบสอง ปัจจุบันมีรากไทรขึ้นปกคลุม ทั่วทั้งองค์นอกจากนั้นยังมีอนุสรณ์สถานท่านลี มีลักษณะเป็นสิ่งก่อสร้างแบบ ยุโรป สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้สร้างวัดนี้ วัดน้อยนางหงษ์ คู่มือ.. สมุทรสาคร Samutsakhon


44 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 วิหารกลางน�้า แต่เดิมกรมเจ้าท่าจังหวัดสมุทรสาครได้สร้างขึ้นโดยใช้ไม้ไผ่ทั้ง หลัง ภายหลังมีการอัญเชิญพระพุทธรูปมาจากต่างจังหวัด และได้น�ามา ประดิษฐานไว้ที่วิหารกลางน�้า ผู้คนได้เข้ามากราบไหว้กันมากขึ้น จึงได้ท�าการ ปรับปรุงวิหารกลางน�้าขึ้นใหม่ ปรับปรุงโดยองค์การบริหารส่วนต�าบล พันท้ายนรสิงห์ ร่วมกับธนาคารออมสิน โรงเรียน และประชาชนใน พื้นที่ จากนั้นได้ท�าการหล่อพระพุทธรูปขึ้นใหม่ขึ้น ณ โรงเรียน คลองพิทยาลงกรณ์ ซึ่งในขณะที่ท�าการหล่อนั้น ได้เกิดปราก ฎการณ์ฝนตก 3 วัน 3 คืน จึงน�ามาประดิษฐานไว้ที่วิหาร กลางน�้าหลังใหม่ มีนามว่า “พระพุทธมหาสมุทร” ชาวบ้าน ในพื้นที่จะเรียกว่า “พระกลางน�้า” หลังจากได้น�ามาประดิษฐาน ไว้ที่วิหารกลางน�้า ก็เกิดภัยพิบัติน้อยลง ซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของ ชาวประมงเป็นอย่างมาก ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวของพื้นที่ ถือเป็น “Unseen” ของจังหวัด สมุทรสาคร มีนักท่องเที่ยวได้เดินทางมาท่องเที่ยวโดยใช้เรือเป็นพาหนะในการเดิน ทางเพื่อขึ้นไปสักการะพระพุทธมหาสมุทร และชมปลาโลมา โดยเฉลี่ยปีละ 10,000 คน วิหารกลางน�้า 44 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565


วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 45 คู่มือ.. สมุทรสาคร วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 45 พุทธมณฑลสมุทรสาคร ตั้งอยู่ใน ต�าบลอ�าแพง อ�าเภอบ้านแพ้ว จังหวัด สมุทรสาคร บนพื้นที่ทั้งหมดกว่า 141 ไร่ 2 งาน 48 ตารางวา เมื่อก่อนนั้นที่นี่จะมีชื่อว่า สวนกาญจนาภิเษก 50 ปี แห่งพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ภายในมีสวนที่มีน�้าล้อมรอบ และ ต้นไม้หลากหลายชนิดด้วยกัน รวมถึงไฮไลท์อย่าง พระประธานประจ�าพุทธ มณฑล จังหวัดสมุทรสาคร นามว่า พระศรีสาคร ภูมิบาลประทานธรรมสุทัศน์เป็ นพระพุทธ รูปปางลีลาประทับยืนองค์สวยเด่นเป็ น สง่า สงกว่าู 9 เมตรตังอย้่ตรงกลางูที่ ชือนั่ ้ นมีความหมายว่าพระพุทธ รูปทีเป็ นสิริมงคล่ อีกทั้งองค์พระพุทธรูป ปางลีลาประทับยืนองค์ใหญ่ สีทองอร่ามนี้ ยังหันพระพักตร์เข้า สู่ด้านแม่น�้าท่าจีน รอบๆ บริเวณยังมี พื้นที่กว้างขวาง ร่มรื่น และเงียบสงบ เหมาะ กับมาไหว้ขอพรองค์พระ รวมถึงมานั่งชิลๆ ออก ก�าลังกายยามเย็น ตั้งอยู่ใน ต�าบลอ�าแพง อ�าเภอบ้านแพ้ว จังหวัด สมุทรสาคร บนพื้นที่ทั้งหมดกว่า 141 ไร่ 2 งาน 48 ตารางวา เมื่อก่อนนั้นที่นี่จะมีชื่อว่า สวนกาญจนาภิเษก 50 ปี แห่งพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ภายในมีสวนที่มีน�้าล้อมรอบ และ พระประธานประจ�าพุทธ นามว่า พระศรีสาคร เป็ นพระพุทธ ปปางลีลาประทับยืนองค์สวยเด่นเป็ น ที่ พุทธมณฑล สมุทรสาคร วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 45 คู่มือ.. สมุทรสาคร Samutsakhon


46 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 รถสามล้อถีบโบราณ ท่าเรือข้าม ฟาก ท่าฉลอม-มหาชัย และ ถนนถวาย 3 สิ่งสามัญประจ�าถิ่นซึ่ง เฉลยค�าว่า “ท่าฉลอม” ด้วยอัตลักษณ์ และเรื่องเล่า การเป็นสุขาภิบาลหัว เมืองแห่งแรกของสยามประเทศ สรุป บันทึกเหตุการณ์ได้ว่า พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล ที่ 5 ทรงมีพระราชด�ารัสในวันประชุม เสนาบดี ภายหลังเสด็จประพาสเมือง นครเขื่อนขันธ์ (ปัจจุบันคือ อ�าเภอ พระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ) ว่า ‘โสโครกเหมือนกับตลาดท่าจีน (ท่า ฉลอม)’ ซึ่งเป็นเหตุให้สมเด็จพระเจ้า บรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ารงราชานุ ภาพมีหนังสือตราพระราชสีห์น้อยถึง ผู้ว่าราชการเมืองสมุทรสาคร และเป็น ที่มาของการที่ประชาชนและพ่อค้า ในต�าบลท่าฉลอมร่วมใจกันสละเงิน รวมจ�านวน 5,472 บาท โดยน�ามาท�า เป็นถนนปูอิฐขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 428 เมตร และจ้างคนปัดกวาดเทขยะ มูลฝอยทิ้งจนตลาดท่าจีนสะอาดสม ความตั้งใจ หลังจากนั้น รัชกาลที่ 5 จึง พระราชทานนาม “ถนนถวาย” ดังความ สามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ เสียสละของ ชาวท่าฉลอมซึ่งพัฒนาท้องถิ่นไทยตาม แนวพระราชด�าริของพระองค์ และมี พระบรมราชานุญาตเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2448 ให้จัดตั้งเป็นสุขาภิบาลแห่ง แรกของสยามประเทศ จากนั้นในวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2448 พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระ ราชด�าเนินมาเพื่อเปิดถนนเส้นนี้ เป็น เหตุให้วันที่ “18 มีนาคม” ของทุกปี เป็น วัน “ท้องถิ่นไทย” ของประเทศไทย ท่าฉลอมเป็นที่รู้จักอย่างโด่งดัง และถูกจดจ�าได้อีกครั้ง จากการเป็น สถานที่ในบทเพลง “ท่าฉลอม” ของ ชรินทร์ นันทนาคร ที่บอกเล่าเรื่อง ราวความรักระหว่าง “พี่อย่ไกลถึงท่าู ฉลอม” และ “พยอมที่อย่ฝั่งมหาชัย” ู และแม้ปัจจุบันท่าเรือข้ามฟากแห่งนี้ แทบจะไม่หลับใหล ให้ “พี่” ต้องไกล “พยอม” อีก แต่ภาพมะพร้าวลอย เท้งเต้งเหนี่ยวน�าความรักของพี่จากฝั่ง ท่าฉลอมสู่มหาชัย ยังอยู่ในใจพยอม 46 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565


วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 47 คู่มือ.. สมุทรสาคร Samutsakhon วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 47 ทั้งสองฝั่งอยู่เสมอ การเที่ยวท่าฉลอมแบบซึมซับ ความเป็นท้องถิ่น ด้วยการนั่งสามล้อ ถีบโบราณชมเมือง สามารถขับรถมา จอดบริเวณที่รับฝากรถที่อยู่ติดกับ ท่าเรือข้ามฟาก ท่าฉลอม-มหาชัย จาก นั้นเดินไปยังท่าเรือ ซึ่งเป็นจุดจอดรถ สามล้อ ราคานั่งรถสามล้อเที่ยว รอบ ละ 100 บาท โดยจะพาไปจุดท่องเที่ยว ส�าคัญของท่าฉลอม เช่น ถ่ายรูปสตรี ทอาร์ท วัดช่องลม และวิหารเจ้าแม่กวน อิม โดยคนขับสามล้อก็จะเป็นคนท้อง ถิ่นถือเป็นการสร้างรายได้ให้กับคนใน พื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคุณลุงที่ค่อนข้าง มีอายุแต่ยังมีใจรักในอาชีพขับสามล้อ คู่มือ.. การเที่ยวท่าฉลอมแบบซึมซับ ความเป็นท้องถิ่น ด้วยการนั่งสามล้อ ถีบโบราณชมเมือง สามารถขับรถมา จอดบริเวณที่รับฝากรถที่อยู่ติดกับ ท่าเรือข้ามฟาก ท่าฉลอม-มหาชัย จาก นั้นเดินไปยังท่าเรือ ซึ่งเป็นจุดจอดรถ สามล้อ ราคานั่งรถสามล้อเที่ยว รอบ ละ 100 บาท โดยจะพาไปจุดท่องเที่ยว คัญของท่าฉลอม เช่น ถ่ายรูปสตรี วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 47 ท่าฉลอม


48 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 ตลาด มหาชัย ตลาดมหาชัย (ท่าเรือเทศบาล) ตั้งอยู่ริมแม่น�้า ท่าจีน ใกล้กับป้อมวิเชียรโชฎกและ ศาลหลักเมือง ตัวตลาดห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 200 เมตร เป็นตลาดที่รู้จักกันดี ส�าหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารทะเล ไม่ว่าจะเป็นของสด ของแห้ง และผลิตภัณฑ์อาหารทะเลต่างๆ มีให้เลือกสรรมากมาย คนมหาชัยมักจะเรียกว่า “ท้ายตลาด” เนื่องจากตลาดสดมหาชัย ตั้งอยู่ด้านในสุด ติดกับแม่น�้าท่าจีน บริเวณท่าเรือ ยังมีเรือยนต์ ไว้บริการรับส่งผู้คนที่จะข้ามไปยัง ฝั่งท่าฉลอม และถัดขึ้นมาจากท้ายตลาด จนถึงถนนนรสิงห์ ก็ นับว่าเป็นตลาดมหาชัยด้วยเช่นกัน ส่วนค�าว่า มหาชัย ที่ผู้คนเรียกติดปากแทนจังหวัด สมุทรสาครนั้น เมืองมหาชัย ก็มาจากชื่อคลองที่สมเด็จพระ สรรเพชญที่ 8 แห่งกรุงศรีอยุธยา โปรดให้ขุดคลองลัดจาก เมืองธนบุรี เป็นแนวตรงไปออกปากน�้าเมืองสาครบุรี แทน คลองโคกขามที่คดเคี้ยว แต่ยังไม่ทันสร้างเสร็จ ทรงสรรคต เสียก่อน จนถึงรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญที่ 9 (ขุนหลวงท้าย สระ) ได้โปรดให้ขุดคลองต่อจนแล้วเสร็จ และได้พระราชทาน นามว่า “คลองมหาขัย” ซึ่งต่อมา ณ บริเวณฝั่งซ้ายปากคลอง ได้เกิดชุมชนขนาดใหญ่ขึ้น ชื่อเมือง “มหาชัย” จึงเป็นที่นิยม เรียกขนานตั้งแต่นั้นมา 48 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565


วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 49 คู่มือ.. สมุทรสาคร นอกจากนี้ตลาดมหาชัย ยังเป็นศูนย์กลางการค้า การ คมนาคมของจังหวัดสมุทรสาคร เนื่องจากการคมนาคม สัญจรมาสู่ตลาดมหาชัยนั้น เชื่อมโยงหลายเส้นทางเข้าด้วย กัน ทั้งทางรถยนต์ที่มาสุดตรงท่าเรือเทศบาล และมีเรือเมล ล์ให้บริการไปสู่ต�าบลต่างๆ หลายแห่ง อีกทั้งยังสามารถเช่า เรือหางยาวไปท่องเที่ยวคลองโคกขามได้ มีทั้งแบบเช่าเหมา ล�าและเรือประจ�าทาง และยังมีขบวนรถไฟจากสถานีวงเวียน ใหญ่มายังมหาชัยวันละหลายเที่ยวอีกด้วย ตลาดมหาชัย เป็น ศูนย์กลางการค้าขายของจังหวัด สมุทรสาครและแหล่งรวมอาหารทะเลทั้งสดและแห้งซึ่งทุกๆ วันที่นี่จะคลาคล�่าไปด้วยพ่อค้าแม่ขายที่น�าสินค้าของตนเอง มาจ�าหน่าย ทั้งกุ้ง ปลาหมึก ปูสดๆ ตัวโต ปลาทู ไปจนถึงผัก ผลไม้สารพัดชนิด และอาหารทะเลแปรรูป กุ้งแห้ง ปลาหมึก แดดเดียว ปลาแห้ง ที่บางร้าน จัดแต่งเสียดูน่ากินด้วยการก องอาหารทะเลเหล่านี้สูงเกือบท่วมหัว บรรยากาศของตลาด มหาชัยจึงเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาอยู่เสมอตั้งแต่เช้าจรด ค�่า อย่างไรก็ตามสิ่งที่ท�าให้ตลาดมหาชัยดึงดูดผู้คนเดินทาง เข้ามาจับจ่ายของทะเลสดๆ อยู่ตลอดเวลาคือราคาที่ย่อมเยา กว่า เมื่อเทียบกับตลาดอาหารทะเลอื่น ๆ ที่สามารถการันตีได้ ถึงความสดใหม่นั่นเอง วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 49 คู่มือ.. สมุทรสาคร Samutsakhon


50 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565 สะพานแดง จุดชมวิวปลาโลมา หรือสะพานแดง ตั้งอยู่ที่ หมู่ 8 ต�าบลพันท้าย นรสิงห์ เป็นจุดชมวิวบรรยากาศริม ชายฝั่งทะเล และชมพระอาทิตย์ตก ชม ป่าชายเลนและไม้ไผ่ชะลอคลื่น พิเศษ โดยเฉพาะช่วงเดือน พฤศจิกายนมกราคม จะพัดลมหนาวเข้าส่อ่าวู ไทย สายลม และน�้ าเค็ม ได้พัดพา เอาฝูงปลาโลมาเข้ามาเป็ นจ�านวน มาก เป็ นสิ่ งที่ น่ าตื่ นตาตื่ นใจเป็ น อย่างยิง ส�าหรับผ่้ทีูได้พบเห็น่ สะพานแดงมีอายุประมาณ 6 ปี สร้างโดยส�านักงานโยธาธิการและ ผังเมืองจังหวัดสมุทรสาคร เหตุผลที่ ทาสีสะพานเป็น สีแดง เพราะแต่เดิม หมู่บ้านที่เป็นที่ตั้งของสะพานแดง มีชื่อ ว่า “หม่บ้านแดง” ูสะพานแดงสร้างด้วย ไม้แผ่นทั้งหมดรองรับฐานด้วยเสาปูน มี ความยาวทั้งสิ้น 700 เมตร ไม้ไผ่ชะลอคลื่น เป็นโครงการ ที่เกิดจากภูมิปัญญาของชาวบ้าน และเป็นกระบวนการเรียนรู้ของคนใน ชุมชน เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และฟื้นฟูคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับ ธรรมชาติ รวมถึงเป็นแหล่งเรียนรู้การ ศึกษาระบบนิเวศทางธรรมชาติ โดย การน�าภูมิปัญญาท้องถิ่นจากการสัง เกตุบริเวณกล�่าเพาะเลี้ยงหอยแมลง ภู่ที่เกิดการรวมตัวกันของตะกอนดิน เลน มาประยุกต์ใช้ในการศึกษาและ ทดลองเป็นการปักแนวไม้ไผ่ชะลอ คลื่น เพื่อแก้ไขปัญหาการพังทลายของ ชายฝั่งและเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนให้เพิ่ม มากขึ้น และได้จัดตั้งกลุ่มอนุรักษ์ฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาชัย ฝั่งทะเลตะวันออก เพื่อแก้ไข ปัญหาดังกล่าวจนถึงปัจจุบันนี้ 50 วารสารเพื่อการติดต่อสื่อสารท่องเที่ยวและการลงทุน ประจำาปี 2565


Click to View FlipBook Version