▪ ภาวะทุพโภชนาการ (Malnutrition) หมายถึง ภาวะไม่สมดุลระหว่างสารอาหาร และพลังงานที่ร่างกายได้รับกับความต้องการสารอาหารและพลังงานของร่างกาย ▪1. ภาวะขาดสารอาหารและพลังงาน (Undernutrition) ▪2. ภาวะโภชนาการเกิน (Overnutrition)
1. มาราสมัส (Marasmus) ▪เป็นการขาดอาหารในระดับปฐมภูมิ บุคคลที่ขาดพลังงาน อย่างเดียว จะมีการเจริญเติบโตช้า ผอมมาก ตาลึกโหล แก้มตอบ แขนขาลีบเล็ก ไม่มีไขมันใต้ผิวหนัง เพราะทั้ง ไขมันและกล้ามเนื้อถูกเผาผลาญ มาใช้เป็นพลังงานเพื่อการ อยู่รอด ลักษณะที่พบเห็นเป็นแบบหนังหุ้มกระดูก (skin and bone appearance) ▪มักพบในทารกอายุต่ ากว่า 1 ปี เนื่องจากการหย่านมเร็ว และได้รับอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางอาหาร เช่น นมข้นหวาน ในประเทศไทยชาวบ้านเรียกว่า “โรคตานขโมย”
ควาชิออร์กอร์ (Kwashiorkor) เป็นโรคขาดสารอาหาร ประเภทที่มีการ ขาดสารอาหารโปรตีนอย่างมาก (Protein deficiency) ผู้ป่วยได้รับ สารอาหารที่ให้พลังงาน คือสารอาหาร คาร์โบไฮเดรต และสารอาหารไขมัน เพียงพอ จึงมีการลดลงของมวลโปรตีน (Visceral protein mass) เป็นผลมาจากร่างกายได้รับสารอาหาร โปรตีนไม่พอ เด็กมีน้ าหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ ต่ ากว่าปกติไม่มาก แขนขายังมีกล้ามเนื้อ และไขมันบาง ๆ มีอาการบวม เห็นได้ชัด ที่ขาทั้งสองข้าง เนื่องจากมีระดับโปรตีน ในซีรั่มต่ ามาก
อาการของเด็กควาชิออร์คอร์มีดังนี้ (อัจฉรา, 2556) 1. พัฒนาการด้านร่างกายหยุดชะงัก 2.บวม ในระยะแรกหลังเท้าเริ่มบวมแล้วค่อย ๆ บวมมากขึ้น 3. การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง ผิวหนังจะเกรียมแห้งเป็นสีด าไหม้ คล้ายน้ าร้อนลวก 4. การเปลี่ยนแปลงของผม ผมแห้งกรอบ เปราะ ขาดง่าย และร่วง ง่าย 5. ตับโต 6. อาการขาดวิตามินอื่น ๆ ร่วมด้วย 7. โรคติดเชื้อ คือโรคท้องร่วง ปอดอักเสบ และเป็นหวัดง่าย
3. มาราสมิก-ควาชิออร์คอร์ (Marasmic Kwashiorkor) เป็นโรคขาดโปรตีนและพลังงานที่พบมาก ที่สุด จะมีอาการแสดงอยู่ระหว่างอาการ ของโรคมาราสมัส และโรคควาชิออร์คอร์ ปกติมารสมัสและโรคควาชิออร์คอร์ เกิดขึ้นด้วยกันเสมอ กลุ่มอาการที่ขาดทั้งโปรตีนและพลังงานที่เรียกว่า มารสมิก-ควาชิออร์คอร์ อาการดังกล่าวคือ บวม เหมือนกันแต่ไม่มาก กล้ามเนื้อลีบเนื่องจากไขมัน ที่สะสมไว้ใต้ผิวหนัง และโปรตีนตามกล้ามเนื้อถูก เผาผลาญใช้เป็นพลังงานเพื่อให้ร่างกายสามารถ ด ารงชีวิตอยู่ได้ แต่กล้ามเนื้อจะไม่ลีบเหี่ยวเท่ากับ โรคมารสมัส มีการเปลี่ยนแปลงทางผิวหนังและ ตับโตเหมือนพวก ควาชิออร์
มาราสมิก-ควาชิออร์คอร์ (Marasmic Kwashiorkor)
ภาวะโภชนาการเกิน (Overnutrition) ▪เป็นภาวะที่ได้รับสารอาหารและพลังงานเกินความต้องการของร่างกายในการสร้างความ เจริญเติบโต การเผาผลาญ ตลอดจนกิจกรรมทางกายเป็นระยะเวลานาน โดยพลังงานที่ เกินความต้องการของร่างกาย จะถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมไว้ในร่างกาย
การประเมินอาหารที่บริโภค
การประเมินอาหารที่บริโภค ▪1.การบันทึกอาหารที่บริโภค (food record) ในทางการพยาบาลส่วนใหญ่ใช้การบันทึก อาหารเป็นเวลา 3 วัน (3-day food record) โดยวิธีการจดบันทึกอาหารที่บริโภค ย้อนหลังใน 24 ชั่วโมง (24-hour recall) ตามตัวอย่าง
แบบประเมินพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ▪ http://www.siphhospital.com/th/news/article/share/885/Eat-Test
การประเมินอาหารที่บริโภค 2. การบันทึกความถี่ของอาหารที่บริโภค (food frequency) เป็นการประเมินการ บริโภคอาหารย้อนหลังในแต่ละวัน แต่ละ สัปดาห์ แต่ละเดือน หรือแต่ละปี โดยใช้ แบบสอบถามความถี่ของอาหารที่บริโภค (food frequency questionnaire: FFQ) บางครั้งอาจสอบถามความถี่ของอาหารที่ บริโภค ตามปริมาณที่ระบุ เรียกว่า semi quantitative food frequency questionnaire
การประเมินอาหารที่บริโภค ▪3. การวิเคราะห์สารอาหาร (nutrient intake analysis: NIA) น ามาใช้ค่อนข้างน้อย เนื่องจากต้องเก็บตัวอย่างอาหารไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ และมีค่าใช้จ่ายข้างสูง แต่ ปัจจุบันอาหารส าเร็จรูปมีการก าหนดจ านวนสารอาหารไว้ในฉลาก ท าให้ผู้บริโภคสามารถ รับรู้ได้พอสมควร
ผลจากการประเมินภาวะโภชนาการทางคลินิก โรคเกาต์ (Gout) คอพอก (goiter) ลักปิด ลักเปิด (scurvy) ฟันตก กระ
ผลจากการประเมินภาวะโภชนาการทางคลินิก กระดูกอ่อน ในเด็ก ปากนกกระ จอก เกล็ดกระดี่ กระดูก พรุน (rickets) (Angular Stomatitis) (Bitot’s Apot) osteoporosis
โภชนบ าบัด(DIET THERAPY)
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการให้อาหารบ าบัดโรค 1. สภาวะโภชนาการของผู้ป่วยก่อนเข้ารับการ รักษา (Baseline nutritional status) 2. สภาวะโภชนาการของผู้ป่วยขณะท าการ รักษา (Present nutritional status) 3. การยอมรับอาหาร (Preference or Acceptability of patients) 4. ความปลอดภัยและสุขอนามัยอาหาร (food safety and hygiene) 5. เศรษฐานะของโรงพยาบาลหรือสถานดูแล ผู้ป่วยและของผู้ป่วย (Socio-economic status)
อาหารดัดแปลงพลังงาน (modified energy diet) 1.อาหารจ ากัดพลังงาน หรือ อาหารพลังงานต่ า (low energy diet) ไม่ควรต่ ากว่า 1,000 kcal/day 2.อาหารเพิ่มพลังงาน หรือ อาหารพลังงานสูง (high energy diet)
ดัดแปลงรูปลักษณะของอาหาร 1. อาหารผู้ป่วยโรคกระเพาะ (modified sippy diet) เป็นอาหารกากน้อย หรือลด กาก ประกอบด้วยน้ านม และครีมเป็นส่วน ใหญ่ มีรสจืด ไม่กระตุ้นการผลิตน้ าย่อย 2.อาหารกากใยต่ า (low residue diet) ดังเช่นอาหาร sippy diet อาหารกากใยน้อย หรืออาหารลดกาก มักใช้กับผู้ป่วยที่มีปัญหา ระบบทางเดินอาหาร อาหารที่มีกากใยน้อย ควรมีกากใยอาหารน้อยกว่า 8 กรัม/วัน 3. อาหารกากใยสูง (high fiber diet) ใย อาหารเป็นสิ่งที่ช่วยในการกระตุ้นการ ขับถ่าย ควรให้มีปริมาณใยอาหาร 25-50 กรัม/วัน
ดัดแปลงปริมาณสารอาหารหลัก ▪1. อาหารงดโปรตีน หรือโปรตีนต่ ามาก (protein free or very low protein) เป็น อาหารจ ากัดโปรตีนเพียง 20 กรัม/วัน ท าโดยงดอาหารโปรตีนทุกชนิดทั้งจากพืช และสัตว์ อาหารชนิดนี้มักให้แก่ผู้ป่วยโรคไตเฉียบพลัน (acute renal failure) และผู้ป่วยตับวาย (hepatic coma) ซึ่งต้องงดโปรตีนในระยะแรก ▪2. อาหารโปรตีนต่ า (low protein diet) เป็นอาหารที่มีโปรตีน 20-40 กรัม/วัน หรือ 40-50 กรัม/วัน หรือคิดเป็นโปรตีน 0.4-0.6 กรัมต่อน้ าหนักตัวผู้ป่วย 1 กิโลกรัม ซึ่งใช้กับ ผู้ป่วยโรคไตเฉียบพลัน (acute renal failure) และผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง (chronic kidney disease)
ดัดแปลงปริมาณสารอาหารหลัก ▪3. โปรตีนสูง (high protein diet) เหมาะกับผู้ป่วยที่ท าการล้างไต ซึ่งจะมีการสูญเสีย โปรตีนออกไปกับน้ ายาที่ล้างไต เป็นอาหารที่มีโปรตีน 70-100 กรัมต่อวัน โดยคนไข้กลุ่มนี้ ควรรับประทานโปรตีนวันละ 1.2 กรัมต่อน้ าหนักตัว 1 กิโลกรัม ▪ 1.อาหารจ ากัดพิวรีน (purine restricted diet) ▪ 2.อาหารจ ากัดกลูเทน (gluten-free diet) ▪ 3.อาหารจ ากัดฟินิลอาลานีน (low-phenylalanine)
ดัดแปลงปริมาณสารอาหารหลัก ▪3. อาหารดัดแปลงไขมัน (Fat controlled diet) ▪ 1.อาหารลดไขมัน (low fat diet) เป็นการลดไขมันในอาหารลงให้อยู่ที่ประมาณ ร้อยละ 20-25 ของพลังงานทั้งหมด ▪ 2.อาหารลดโคเลสเตอรอล (low cholesterol diet) คนกลุ่มนี้ควรจ ากัดปริมาณให้น้อยกว่า 200 มิลลิกรัม/วัน
ดัดแปลงแร่ธาตุในอาหาร ▪อาหารลดโซเดี่ยม (low sodium diet ) จะมีปริมาณโซเดียมน้อยกว่าปกติ ซึ่งจะ จ ากัดตั้งแต่ 250-4,000มิลลิกรัม/วัน (ปกติ 3,000-6,000 มิลลิกรัมต่อวัน)
อาหารเพิ่มโซเดียม (high sodium diet) แพทย์มัก ให้เป็นยาเม็ดโซเดียม (sodium tablet)
อ้างอิง 1. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ. 2552. โภชนศาสตร์สาธารณสุข (Nutrition in health) หน่วยที่ 8-15. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช. 2. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ. 2552. โภชนศาสตร์สาธารณสุข (Nutrition in health) หน่วยที่ 1-8. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช. 3. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ. 2561. โภชนศาสตร์สาธารณสุข (Nutrition in health) หน่วยที่ 6-10. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช. 4. ประไพศรี ศิริจักรวาล. 2551. องค์ความรู้ด้านโภชนศาสตร์. ค้นหาเมื่อ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2560, จาก http://www.thaidietetics.org/wp-content/uploads/2017/09/BasicNutrition.pdf 5. นิธิยา รัตนาปนนท์และ วิบูลย์ รัตนาปนนท์. 2556. หลักโภชนศาสตร์. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. 6. ประณีต ผ่องแผ้ว. 2539. โภชนศาสตร์ชุมชน (Community Nutrition). กรุงเทพฯ : ลีฟวิ่ง ทรานส์ มีเดีย. 7. จินตนา สุวิทวัส. (2561). การประเมินภาวะโภชนาการ. พิมพ์ครั้งที่ 2. นนทบุรี: ศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยขอนแก่น.
Thank you ค าอธิบายภาพ