1 Service Profile ปี 2566 แผนกผู้ป่วยนอกกุมารเวชกรรม กลุ่มการพยาบาล สถาบันบำราศนราดูร ยุทธศาสตร์ สถาบันบำราศนราดูร ระยะ 5 ปี (พ.ศ .2566-2570) พันธกิจที่ 2 ให้บริการตรวจ วินิจฉัย รักษาและฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยโรคติดเชื้อ โรคติดต่อที่เป็นปัญหาสำคัญของ ประเทศ อย่างมีมาตรฐานสากล รวดเร็ว ครบวงจร ภายใต้บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญสูง Goal: ผู้ป่วยโรคติดเชื้อ โรคติดต่อ โดยเฉพาะโรคอุบัติใหม่อุบัติซ้ำได้รับบริการที่ปลอดภัย พึงพอใจ 1. บริบท (Context) ก. หน้าที่และเป้าหมาย (Purpose Statement): ให้บริการดูแลรักษา พยาบาล ฟื้นฟูป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพเด็กและวัยรุ่น โดยตรวจรักษาโรค ทั่วไปจนถึงโรคที่มีความซับซ้อนอย่างครบวงจร โดยมุ่งหวังให้ผู้ป่วยและครอบครัวได้รับคุณภาพการบริการ ตามมาตราฐานสากล เป้าหมาย 1. เด็กป่วยที่มาด้วยอาการ URI (Upper Respiratory Infection) ได้รับการคัดกรอง แยกโรคติดต่อ เฝ้าระวัง (Covid-19) ได้ถูกต้องและรวดเร็ว เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ 2. เด็กป่วยทุกคนได้รับการวินิจฉัยรักษาโรค โดยแพทย์เฉพาะทางกุมารเวชกรรมอย่างมีมาตรฐาน 3. ทารกแรกเกิด – อายุ 15 ปีได้รับภูมิคุ้มกันโรค ตามเกณฑ์และได้รับการตรวจพัฒนาการเด็ก ครอบคลุม ข. ขอบเขตการให้บริการ (Scope of Service) แผนกผู้ป่วยนอกกุมารเวชกรรม ให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยเด็กที่มีอายุตั้งแต่แรกเกิด – 15 ปีโดย แพทย์เฉพาะทางกุมารเวชกรรม มีทั้งหมด 7 คลินิกได้แก่คลินิกเด็กป่วยทั่วไป ,คลินิกวัณโรคเด็ก , คลินิก ผิวหนังเด็ก , คลินิกเด็กติดเชื้อเอชไอวีรับยาต้านไวรัส, คลินิกเด็กกลุ่มเสี่ยงที่คลอดจากมารดาติดเชื้อเอชไอวี และคลินิกสุขภาพเด็กดี(Well baby) รวมทั้งให้บริการคลินิกพิเศษเฉพาะทางนอกเวลากุมารเวชกรรม ข้อจำกัด ไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคทางศัลยกรรมเด็ก โรคหัวใจและหลอดเลือดเด็ก โรคระบบประสาท ในเด็ก และผู้เชี่ยวชาญด้านกระตุ้นพัฒนาการเด็ก 5 อันดับ โรคระบบทางเดินหายใจ ปีพ.ศ 2563 ปีพ.ศ 2564 ปีพ.ศ 2565 1.Acute nasopharyngitis 1,058 648 622 2. .Allergic rhinitis 570 247 425 3. Gastroenteritis and Colitis 590 283 321 4.Acute bronchitis 875 419 208 5.Acute pharyngitis 719 213 189
2 จากตารางข้างบน พบว่าโรคที่เด็กป่วยมากสุด คือ โรคเยื่อบุจมูกและคออักเสบเฉียบพลัน (Acute nasopharyngitis) หรือ เรียกว่า โรคหวัดหรือไข้หวัด (Common Cold) ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อไวรัสในระบบ ทางเดินหายใจส่วนบน (สถิติเวชระเบียนสถาบันบำราศนราดูร 2563-2565) ค. ผู้รับผลงานและความต้องการที่สำคัญ (จำแนกตามกลุ่มผู้รับผลงาน) ผู้รับบริการภายนอก (ผู้ป่วย/ญาติ) ประเภทผู้รับบริการ ความต้องการ/ความคาดหวัง 1. ผู้ป่วย -เจ้าหน้าที่บริการด้วยความเต็มใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาสุภาพ -ได้รับการตรวจโดยกุมารแพทย์ด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว ปลอดภัย -ได้รับบริการตามลำดับคิว ตามระดับความเร่งด่วนและ เหมาะสม ได้รับการพิทักษ์สิทธิ์ -ได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับโรคและแผนการรักษา 2. ญาติ -ต้องการความรวดเร็ว ผู้ป่วยปลอดภัย หายจากโรค -เจ้าหน้าที่บริการด้วยความเต็มใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาสุภาพ -มีส่วนร่วมในการวางแผนและตัดสินใจการรักษา ผู้รับบริการภายใน (หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง) ประเภทผู้รับบริการ ความต้องการ/ความคาดหวัง 1.แพทย์ -ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนและปฏิบัติตามแผนการรักษาที่ถูกต้อง ครบถ้วน รวดเร็ว 2.งานผู้ป่วยใน -การประสานงานที่ดีก่อน Admit -เวชระเบียนถูกต้อง ครบถ้วน -Lab /หัตถการ ก่อนเข้า Ward ได้ทำครบถ้วน 3.งานรังสีวิทยา -การประสานงานที่ดีก่อนส่งผู้ป่วย -การส่งต่อข้อมูลการส่งตรวจทางรังสีได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว 4.งานห้องปฏิบัติการ -การเก็บspecimen ส่ง Lab ถูกต้อง ถูกคน -การ Reqeust ถูกต้องตรงตามแพทย์สั่ง 5.ฝ่ายเภสัชกรรมและห้อง การเงิน -คีย์ข้อมูลค่ารักษาพยาบาลถูกต้อง -ใบสั่งยาถูกต้อง ครบถ้วน 6.งานเวชระเบียน การประสานงานที่ดีความสมบูรณ์ ครบถ้วนของเวชระเบียน -เวชระเบียนไม่สูญหาย ส่งคืนตามเวลาที่กำหนด
3 ง. ประเด็นคุณภาพที่สำคัญ 1. เด็กป่วยที่มาด้วยอาการ URI (Upper Respiratory Infection) ได้รับการคัดกรอง แยกโรคติดต่อเฝ้า ระวัง (Covid-19) ได้ถูกต้องและรวดเร็ว เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ 2. ส่งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคในเด็กแรกเกิดถึงอายุ15 ปีได้แก่ วัคซีนพื้นฐาน EPI (Expanded Program on Immunization),วัคซีนตามฤดูกาล (ไข้หวัดใหญ่) และวัคซีน Pfizer ฝาแดง (เด็กเล็ก อายุ6 เดือน - 4 ปี) ฉีดวัคซีนตามแผนของกรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุข จ. ความท้าทาย ความเสี่ยงสำคัญ จุดเน้นในการพัฒนาของหน่วยงาน หลังสถานการณ์โควิด-19 แผนกผู้ป่วยนอกกุมารเวชกรรม กลับมาเปิดให้บริการ ช่วงเดือนพ.ย 64 เด็กป่วยที่มารับบริการส่วนใหญ่เป็น Walk in โดยเฉพาะเด็กมีอาการ ไข้ ไอ มีน้ำมูก ต้องผ่านจุดคัดแยกด่าน หน้า (ชั้น 1) เพื่อประเมินความเสี่ยงโควิด-19 จากการซักถาม ถ้าไม่เสี่ยงหรือเสี่ยงต่ำ จึงได้ขึ้นมารับบริการที่ แผนกผู้ป่วยนอกกุมารเวชกรรม (ชั้น4) เมื่อพบพยาบาลซักประวัติคัดกรองความเสี่ยงโควิด-19 ซ้ำรอบ 2 ถ้า พยาบาลประเมินแล้วมีอาการเข้าข่ายตามเกณฑ์ ในใบCheck list พยาบาลขอความร่วมมือผู้ปกครองส่งตรวจ Lab ATK ก่อนเข้าพบแพทย์ และพบว่า มีเด็กป่วยมาด้วยอาการ URI ตรวจพบ ATK + ตามกราฟแสดง ด้านล่าง
4 ประเด็นคุณภาพ ตัวชี้วัดที่สำคัญ เพิ่มประสิทธิภาพการคัดกรองโรค Covid -19 ในเด็กป่วย ที่มาด้วยอาการ URI -ร้อยละของเด็กป่วยที่มาด้วยอาการ URI ได้รับการคัดกรองแยกโรค Covid -19 รวดเร็วและถูกต้อง มากกว่า 95 % ความเสี่ยงที่สำคัญ แนวทางป้องกันและแก้ไข ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น 1.การคัดกรองผิดพลาดเสี่ยงต่อการ แพร่กระจายเชื้อ (เด็กป่วยมาด้วย ไข้สูง ไอ มีน้ำมูก พบว่า ATK + นั่งรอตรวจในแผนก) - เพิ่มประสิทธิภาพการคัดกรอง ทบทวนเอกสาร ปรับปรุงใบ Check list คัดกรอง Covid-19 เด็กที่มี อาการ ไข้สูง ไอ มีน้ำมูก ให้ครอบคลุมโดยผ่าน ความเห็นกุมารแพทย์อย่างน้อย 3 ท่านและมีstanding order สามารถทำ Lab ATK ก่อนพบแพทย์ -ประชุมเจ้าหน้าในแผนกให้รับทราบและเตรียมความ พร้อมพยาบาลไปเรียนรู้การ Swab ATK, PCR Covid19 และผู้ช่วยเหลือคนไข้เรียนรู้การส่งLab ที่ OPD 7/1 -จัดสถานที่นั่งรอสำหรับเด็กป่วยที่ผล ATK + แยกออก จากเด็กป่วยทั่วไปและเด็กสุขภาพดีที่มารับวัคซีนโดย เขียนป้ายบอกบริเวณที่นั่งให้ชัดเจน - ปรับเปลี่ยนสถานที่ในห้องตรวจใหม่ New Normal เพื่อให้มีโซนปลอดเชื้อ และจัดทิศทางลมให้มีการระบาย อากาศแบบธรรมชาติ (Natural Ventilation) โดยเปิด พัดลมจากบุคลากรไปสู่คนไข้และเปิดหน้าต่างเพื่อ ระบายอากาศออกนอกอาคาร -เตรียมห้องสำหรับใส่ชุด PPE เบิกอุปกรณ์PPE ให้ พร้อมใช้ได้ตลอด - เด็กป่วยที่มีความเสี่ยงและเข้า ข่ายสงสัยติดเชื้อ Covid -19 ได้รับการคัดกรอง และตรวจ ATK ที่แผนกเด็กก่อนพบแพทย์ ทุกราย -ลดการแพร่กระจายเชื้อต่อผู้มา รับบริการและผู้ปฎิบัติงาน 2. การชัก หรือชักซ้ำ (Febrile convulsion) ของเด็กที่อายุน้อยกว่า 5 ปี ขณะที่รอรับบริการซักประวัติ นอกแผนก - พบว่า ทีมเข้าไปช่วยไม่พร้อมกัน เนื่องจากไม่ทราบว่ามีเด็กชัก -ทำการ์ด “ระวังเด็กชัก” ให้จุดคัดแยกคนไข้ ส่งต่อ คนไข้เพื่อ Fast track ที่ห้องบัตร และ OPD เด็ก -สอนวิธีการเช็ดตัวลดไข้ และการวัดปรอทเด็กให้ ผู้ปกครองเด็กฝึกปฏิบัติร่วมกันกับทีมพยาบาล-มีการ ทบทวนแนวปฎิบัติและจัดอุปกรณ์พร้อม ช่วยเหลือขณะ เด็กชัก ทำ Suggestion1 เรื่อง “เด็กชักตะโกนทักห้อง เบอร์7 ” มีการส่งต่อจากจุดคัดแยกใส่ การ์ด“ระวังเด็กชัก” เด็กจะได้รับ การลัดคิวตรวจจากแผนกเด็ก เพื่อพบแพทย์เร็วขึ้น
5 ความเสี่ยงที่สำคัญ แนวทางป้องกันและแก้ไข ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น 3.ผู้ปกครองไม่พึงพอใจ ก่อน Admit ต้องเดินไปswab ATK เฝ้าไข้ที่ตึก 7/1 (รอผล มากกว่า 1 ชั่วโมง) ทำให้เด็ก ล่าช้าในการAdmit 1.ประชุมเจ้าหน้าที่ร่วมกันโดยมีแพทย์กับ IC รับทราบ เพื่ออนุญาตให้แผนกเด็กสามารถทำLab ผู้ปกครอง เฝ้าไข้ได้ เพื่อลดขั้นตอน ให้เป็น “ONE STOP SERVICE” ส่งเจ้าหน้าที่แผนกเด็กไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ที่ตึก 7/1 การทำSwab ATK ,PCR Covid-19 การเก็บ Lab และนำส่งถูกต้องวิธีตามแนวปฎิบัติ IC -ผู้ปกครองพึงพอใจ และได้ผล ตรวจ ATK ไม่เกิน 45 นาที เด็ก ได้รับการรักษาที่ไม่ล่าช้า -ลดการแพร่กระจายเชื้อขณะนั่ง รอตรวจ 4. การขอ HN ของคนเฝ้าไข้ที่ยังไม่ เคยมี HN เพื่อทำLab ATK เฝ้าไข้ ล่าช้า จากเดิมให้ผู้ปกครองนำบัตร ประชาชน เดินลงไปติดต่อกับหน่วยงาน เวชระเบียน พบปัญหาการสื่อสาร ทำใบ นำทางไปติดต่อ พบความไม่สะดวกใน รายที่มากัน 2 คนแม่ลูก 1.ตกลงบริการกับห้องเวชระเบียน เข้ากลุ่มแอปพริเคชั่น ไลน์ร่วมกันเพื่อส่งเอกสารเลข 13 หลัก สำหรับขอ HN ทางไลน์ -การขอ HN เพื่อ ส่ง ทำ Lab ATK เฝ้าไข้สามารถส่งเอกสาร คนไข้รวดเร็วขึ้น -ลดขั้นตอนผู้ปกครองไม่ต้องเดิน ลงไปติดต่อด้วยตนเอง - ผู้ปกครองเด็กมีความพึงพอใจ ฉ. ปริมาณงานและทรัพยากร (คน เทคโนโลยี เครื่องมือ) - กุมารแพทย์ 6 คน - พยาบาลวิชาชีพ 4 คน ผู้ช่วยเหลือคนไข้ 4 คน พนักงานบริการ 1 คน เครื่องมือ/ อุปกรณ์ -ห้องตรวจโรค 4 ห้อง , ห้องทำหัตถการ 2 ห้อง -กิจกรรม เจาะเลือด ,พ่นยา ,ดูดเสมหะ ,เช็ดตัวลดไข้, ฉีดวัคซีน , PPD Test ทำLab ตรวจ Rapid test for Flu , ATK
6 2. กระบวนการสำคัญ (Key Processes) 2.1 Flow chart ขั้นตอนกระบวนการทำงานในภาพรวม แผนกผู้ป่วยนอกกุมารเวชกรรม No ยื่นเวชระเบียน/บัตรนัด ประเมินอาการสำคัญ ระดับความเร่งด่วน ประวัติการ เจ็บป่วย ปัญหาและความต้องการ ตรวจวัดสัญญาณชีพ /ถ้ามีไข้เช็ดตัวลดไข้ก่อนพบแพทย์ พยาบาล คนที่1 ช่วยเหลือเบื้องต้น / รายงานกุมารแพทย์ /แพทย์ ER - ผล ATK+ แยกไว้นอกแผนกบริเวณหน้า ลิฟท์หลังห้องประชุมเด็ก - ทารกตัวเหลือง, นน.ต่ำกว่าเกณฑ์ รอโซน ”เด็กตัวเหลือง” โซนข้างห้อง NO 12 ฉุกเฉิน เกณฑ์คัดแยกที่กำหนด พบกุมารแพทย์ ตรวจสอบคำสั่งแพทย์,ทำAdmit พยาบาล คนที่ 2 มีLAB / ทำหัตถการ พยาบาลคนที่ 3 ทำหัตถการ/Lab ห้อง 7, 9,11 - เช็ดตัว, ดูดเสมหะ, พ่นยา - เจาะเลือด, X-ray, EKG, Yes No Yes จำหน่าย กลับบ้าน Refer ส่งตรวจแผนกอื่นต่อ รับรักษาในโรงพยาบาล ชำระเงิน/รับยา บันทึก/ส่งต่อ แผนกที่นัดตรวจ ลงทะเบียน Admit มีภาวะฉุกเฉิน/เกณฑ์คัดแยกที่ กำหนด
7 Flow เด็กป่วยที่มีอาการระบบทางเดินหายใจ (URI) (OPD เด็ก) เด็กป่วยทุกรายต้องผ่านจุดคัดกรองชั้นล่างเพื่อซักประวัติเสี่ยง Covid-19 No Yes OPD เด็ก คัดกรอง/ประเมิน Covid-19 ซ้ำ - มีอาการเข้าได้กับ Covid 19 ร่วมกับ +/- มีประวัติเสี่ยง ตรวจ ATK พบกุมารแพทย์ ผล positive ผล Neg พบกุมารแพทย์ รักษาแบบSI รักษาแบบSI Admit ward 5/3 (ห้องแยกโรค)
8 2.2 กระบวนการสำคัญ (Key Processes) วิเคราะห์ตามภาระงานหลักของหน่วยงาน กระบวนการสำคัญตามกระบวนการดูแลผู้ป่วย มาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ ตอนที่ III กระบวนการ สำคัญ (Key Process) สิ่งที่คาดหวังจาก กระบวนการ (Process Requirement) ความเสี่ยง /ปัญหา/โอกาสพัฒนา (Key Risk) การออกแบบ กระบวนการ ตัวชีวัดสำคัญ (Performance Indicator) 1.การเข้าถึงและการ เข้ารับบริการ -กลุ่มเด็กป่วย Urgent ได้รับการ ตรวจรักษาที่รวดเร็ว และปลอดภัย - เด็กป่วยสามารถเข้าถึงบริการที่จำ เป็นได้ สะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง เหมาะสมกับสภาพและปัญหาของ ผู้ป่วย - เด็กป่วยภาวะวิกฤติได้รับการช่วยเหลือ ล่าช้า - เด็กป่วยโรคกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อระบบ ทางเดินหายใจ อาจรอเข้าตรวจปะปนกับ ผู้ป่วยโรคทั่วไป - ประเมินอาการสำคัญ ประเมินระดับความเร่งด่วน - คัดกรอง ตรวจATK ก่อนพบ แพทย์ -ในกลุ่มเด็กป่วย Urgent ได้รับ การตรวจภายใน 10 นาที - อัตราเด็กป่วยที่มีอาการ URI ได้รับการคัดกรองแยกโรค รวดเร็วและถูกต้อง มากกว่า 95% 2.การประเมินผู้ป่วย - การเฝ้าระวังอาการ เปลี่ยน แปลงขณะรอ ตรวจ - เด็กป่วยทุกรายได้รับการประเมิน ปัญหาสุขภาพและความต้องการ อย่างถูกต้องครบถ้วนเหมาะสม และปลอดภัย ขณะเข้ารับบริการ -ไม่พบภาวะวิกฤตในระหว่างรอ ตรวจ - ซักประวัติไม่ครอบคลุม ไม่เหมาะสมกับโรค -การช่วยเหลือเบื้องต้นล่าช้า การประเมิน ล่าช้า/ผิดพลาด - เด็กป่วยเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขณะรอ ตรวจ เช่น ชักจากภาวะไข้สูง - ปรับแบบซักประวัติคำถามใบ Check list เดิมให้เฉพาะโรค update - ใช้หลักการ Early Warning Sign ช่วยประเมินอาการ - จำนวนครั้งของการวินิจฉัย/การ ประเมินผู้ป่วยล่าช้า/ผิดพลาด -อัตราการชักจากไข้สูงของผู้ป่วย เด็กในขณะนั่งรอตรวจ (ใช้ ฐานข้อมูลเด็กที่มารักษาด้วย ภาวะไข้) 0 % 3. การวางแผน - ผู้ป่วยได้รับการวางแผนการ รักษาพยาบาล ถูกต้องโดยทีมสห สาขาวิชาชีพ - ผู้ปกครองเด็กทราบข้อมูลและมี ส่วนร่วมในการตัดสินใจรับการ รักษาพยาบาล - ขาดการวางแผนการรักษาพยาบาลโดย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทีมสหวิชาชีพ - ผู้ปกครองเด็กไม่ทราบข้อมูล/ไม่มีส่วน ร่วมในการตัดสินใจรับการรักษาพยาบาล - อธิบายเกี่ยวโรค อาการ และ การปฎิบัติตัวเบื้องต้นให้ ผู้ปกครองเด็กทราบ - มีการวางแผนการ รักษาพยาบาลร่วมกับทีมสห สาขาวิชาชีพได้แก่ พยาบาล แพทย์ เภสัชกร - จำนวนครั้งของการปฏิเสธการ รักษาจากการไม่ได้รับข้อมูล -- จำนวนอุบัติการณ์ความ ผิดพลาดในการรักษาพยาบาลคิด เป็น 0 % 4. การดูแลผู้ป่วย - การบันทึกข้อมูลใน เวชระเบียน - ผู้ป่วยได้รับการรักษาพยาบาล อย่างถูกต้องตามมาตรฐานวิชาชีพ - ผู้ป่วยได้รับการรักษาพยาบาล แบบองค์รวมอย่างรวดเร็วปลอดภัย ถูกต้องและต่อเนื่อง - บันทึกเวชระเบียนไม่ครบถ้วน, สามารถ เป็นหลักฐานทางกฎหมายได้ - ผู้ปกครองไม่ได้รับปรึกษาหรือข้อมูลที่ จำเป็นในการด้านการรักษาและการปฏิบัติ ตัว - พยาบาลบันทึกข้อมูลในเวช ระเบียนก่อนตรวจ และการให้ คำแนะนำหลังตรวจครบถ้วน สมบูรณ์ - หากเกิดเหตุการณ์ไม่พึง ประสงค์ รีบดำเนินการแก้ไข และรายงานข้อมูลกับหัวหน้า ทีมการพยาบาลเพื่อส่งเวร ต่อไป - จำนวนครั้งที่การรักษาพยาบาล ผิดพลาด - จำนวนข้อร้องเรียน - ร้อยละความพึงพอใจของ ผู้รับบริการ
9 กระบวนการสำคัญ (Key Process) เป้าหมาย/สิ่งที่คาดหวัง จากกระบวนการ (Process Requirement) ความเสี่ยง (Key Risk) การออกแบบกระบวนการ ตัวชีวัดสำคัญ (Performance Indicator) 5.การให้ข้อมูลและ เสริมพลังแก่ผู้ป่วย/ ครอบครัว (เด็กป่วยด้วยโรคระบบ ทางเดินหายใจส่วนบน และได้รับการรักษาโดย แนะนำการล้างจมูก) 6.การดูแลต่อเนื่อง - การนัด/ติดตาม ผู้ป่วยเฉพาะโรค - ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กมี ความมั่นใจในการล้างจมูก ให้กับเด็ก - เด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีกินยา ARV ยังคงอยู่ในระบบการ รักษาและทีมสหสาขา วิชาชีพสามารถติดตามเด็ก ได้อย่างต่อเนื่อง -ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลไม่มีความมั่นใจใน การล้างจมูกเด็ก ทำให้เด็กป่วยด้วยโรค เดิม - ไม่สามารถติดตามและเข้าถึงเด็ก ติดเชื้อเอชไอวีในรายที่กินยาต้านไวรัส สม่ำเสมอ - ทีมสหสาขาวิชาชีพยังไม่รู้ปัญหาเด็ก ครบองค์รวม -จัดกิจกรรมให้กับผู้ปกครอง/ ผู้ดูแลเด็ก ได้รับการสอน สาธิตการล้าง จมูกและได้ฝึกปฎิบัติจริงก่อน กลับบ้าน -ทีมสหสาขาวิชาชีพ มี จุดมุ่งหมายร่วมกันและทำงาน เป็นทีม “ทีมกาแฟ NAP” ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล เภสัชกร แนะแนว โภชนาการ -จัดตั้งกลุ่มไลน์“ทีมกาแฟ NAP”เพื่อสื่อสารกันได้ ตลอดเวลา โดยนัดประชุมกัน ช่วงบ่ายวันอังคารสัปดาห์แรก ของเดือน -ผู้ปกครอง/ผู้ดูแลเด็ก สามารถล้างจมูกเด็กได้ ถูกต้อง >80% -อัตราผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อ เอชไอวีรับประทานยาต้าน ไวรัสที่สม่ำเสมอมากกว่า 95% (good Adherence) - อัตราผู้ป่วยเด็กเอชไอวี/ เอดส์ ที่ประสบความสำเร็จ ในการรักษาด้วยยาต้าน ไวรัส (Viral Load undetectable; VL< 20 copies/ul) 3. ตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน (Performance Indicator) ประเด็น คุณภาพ (หรือ มิติคุณภาพ) ข้อมูล/ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการดำเนินการ ปี2563 ปี2564 ปี2565 ประสิทธิผล (Effectiveness) 1. อัตราผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีรับประทานยา ต้านไวรัสที่สม่ำเสมอมากกว่า 95% (good Adherence) ≥ 80 % 86.44 (51/59) 87.23 (41/47) 74.47 (35/47) ประสิทธิผล (Effectiveness) 2. อัตราผู้ป่วยเด็กเอชไอวี/เอดส์ ที่ประสบ ความสำเร็จในการรักษาด้วยยาต้านไวรัส (Viral Load undetectable; VL<20 copies/ul) ≥ 60 % 59.45 (22/37) 61.10 (11/18) 73 (19/26) ประสิทธิผล (Effectiveness) 3. อัตราการชักจากไข้สูงของผู้ป่วยเด็กในขณะนั่งรอ ตรวจ (ใช้ฐานข้อมูลเด็กที่มารักษาด้วยภาวะไข้) 0 % 0 % (0/598 ) 0 % (0/625) 0 % (0/450)
10 4. กระบวนการหรือระบบงานเพื่อบรรลุเป้าหมายและมีคุณภาพ 4.1 ระบบงานที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน - การส่งบุคลากรในหน่วยงานเข้ารับการอบรม ศึกษาเพิ่มเติมเฉพาะสาขากุมารเวชกรรม - มีการนำแนวทาง CPG ไข้ชัก (Febrile seizure) เด็กป่วยที่มีไข้และอาการชัก (สมาคมโรคลมชักแห่ง ประเทศไทยร่วมกับ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์และชมรมกุมารแพทย์สาขาประสาทวิทยา พ.ศ 2559) - ใช้หลักการ Early Warning Sign ช่วยประเมินอาการ - กำหนดโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ที่ต้องแยกตรวจ (ให้บริการแบบ One stop service) • มือ เท้า ปาก (Hand foot mouth) • ไข้ออกผื่นหัด (Measel) คางทูม (Mump) • ตาแดง • ไข้หวัดใหญ่ , RSV , Covid -19 • วัณโรคปอดระยะแพร่กระจายเชื้อ - จัดพื้นที่สำหรับเด็กป่วยและเด็กสุขภาพดี เพื่อลดภาวการณ์แพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล 4.2 การพัฒนาคุณภาพที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 1. Suggestion เรื่อง “เด็กชักตะโกน ทักห้องNO 7” 2. พัฒนาทีมสหวิชาชีพดูแลเด็กติดเชื้อเอช ไอ วี ที่กินยาต้านไวรัส (ทีมกาแฟ NAP)
11 5. แผนการพัฒนาต่อเนื่อง Purpose Process Performance 1.เพิ่มประสิทธิภาพการคัดกรองโรค Covid -19 ในเด็กป่วยที่มาด้วยอาการ URI -.ฝึกทักษะพยาบาลคัดกรองโดยมีกุมารแพทย์เป็นที่ ปรึกษา คำถาม ในเอกสาร Check list ได้รับการ ยอมรับจากทีมกุมารแพทย์ -นำ CASE ที่มีปัญหามาทบทวนร่วมกัน -ปรับคำถามใบ Check list เดิมให้เฉพาะโรคติดต่อ เพิ่มขึ้นและนำมาทดสอบจริง -ร้อยละของเด็กป่วยที่มาด้วยอาการ URI ได้รับการคัดกรองแยกโรค Covid - 19 รวดเร็วและถูกต้อง มากกว่า 95 % 2 เพื่อพัฒนาระบบทีมสหวิชาชีพให้สามารถดูแล เด็กติดเชื้อเอชไอวีให้อยู่ในระบบการรักษาได้ ยาวนาน -นั ด ป ระ ชุ ม ที ม ส ห วิช าชี พ ทุ ก บ่ าย วั น อั งค าร ประกอบด้วย พยาบาล เภสัชกร ผู้ให้คำปรึกษา นัก โภชนาการ มีส่วนร่วม ในการร่วมคิด ร่วมฟัง ร่วม วางแผน ร่วมปฏิบัติ ร่วมติดตามประเมินผลการ ปฏิบัติงาน คำนึงถึงประโยชน์ของเด็ก -ทุกวันจันทร์ พยาบาล check ยอดนัด NAP-Ped วัน พุธถัดไป แจ้งให้ทีมรับทราบผ่านไลน์กลุ่มกาแฟ NAP โทรเตือนคนไข้กรณีคนไข้ที่ติดต่อไม่ได้ ส่งต่อให้ผู้ให้ คำปรึกษา ดำเนินการติดตามต่อก่อนถึงวันนัด -อัตราการการขาดนัด หรือไม่สามารถ ติดต่อให้มารับยา ARV ลดลง 3. เพื่อให้เด็กป่วยที่มีภาวะน้ำมูกคั่งค้างได้รับ การล้างจมูกที่มีประสิทธิภาพ -ประชุมเจ้าหน้าที่ เพื่อรับรู้ตรงกัน เตรียมอุปกรณ์ สำหรับใช้ในการล้างจมูก เปิดวิดีโอการล้างจมูก สาธิต การล้างจมูก และให้ผู้ปกครองฝึกล้างจมูกเด็กจริงก่อน กลับบ้าน ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที -ผู้ดูแลเด็กที่มีภาวะน้ำมูกคั่งค้างได้รับ การสอนล้างจมูกก่อนกลับบ้าน ร้อยละ 95%