The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เทคนิคการใช้สีการเพ้นท์สี และการออกแบบลวดลาย กระเป๋าผ้า

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ตราด เนินทราย, 2020-04-20 01:29:34

เทคนิคการใช้สีการเพ้นท์สี และการออกแบบลวดลาย กระเป๋าผ้า

เทคนิคการใช้สีการเพ้นท์สี และการออกแบบลวดลาย กระเป๋าผ้า

เทคโนโลยี : การเติมความรู้งานคหกรรมศาสตร์ : ศาสตร์สชู่ ุมชน
(เทคนคิ การใชส้ กี ารเพน้ ท์สี และการออกแบบลวดลาย)

ลักษณะเด่นของเทคโนโลยี

1) เทคนิคการใชส้ ี สีเปน็ องค์ประกอบทส่ี าคญั ท่ีจะใช้ในการผลิตชิน้ งานตา่ งๆ ให้เกิดคณุ คา่ และมีความ

สวยงาม การมคี วามรเู้ กยี่ วกบั วงจรสจี ะทาให้สามารถเลือกใช้สีได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสมกบั ชนิ้ งาน ดังนี้

 การใช้สีตามวรรณะของสี ชนิ้ งานทีไ่ ดจ้ ากสนี น้ั จะดูกลมกลืน มคี วามสมั พันธ์เป็นหนว่ ยเดียวกัน

 การใช้สีท่ีกลมกลืน โดยการเลอื กใชส้ ีที่อยู่ใกลเ้ คียงกนั ยึดสีใดสหี น่งึ เป็นหลัก

 การใชส้ ีตดั กนั โดยใช้สที ี่ตรงขา้ มกนั จะทาให้เกิดความขดั แยง้ เราสามารถลดความเข้มข้นของสีให้เกดิ

ความสบายตา

2) การเพน้ ทส์ ี เพน้ ท์ ( Painting) คือ การสร้างผลงานด้วยวธิ ีระบายสี แต้ม ปา้ ย ทา เกลยี่ ปดั บบี

สบดั ให้สปี รากฎเป็นลวดลาย ซง่ึ อาจพบเห็นบนวสั ดตุ า่ ง ๆ เชน่ แก้ว กระจก กระเบือ้ ง ผ้า ไม้ พลาสติก

วสั ด-ุ อปุ กรณใ์ นการเพ้นทผ์ า้

1. สีเพ้นท์ผ้า หรือสีพิมพส์ กรนี เป็นสีชนิดสีลอย (ยห่ี อ้ สกาลา SCALA) ขนาดบรรจุ 0.5 ก.ก. มี

ขายท่รี ้านสมใจ (อยูห่ นา้ เพาะช่าง ปากคลองตลาด)

สีขาว เบอร์ 2001

สดี า เบอร์ 2002

สีแดง เบอร์ 2003

สีนา้ เงนิ เบอร์ 2004

สเี หลอื ง เบอร์ 2005

สีสม้ เบอร์ 2008

สีเขยี วอ่อน เบอร์ 2009

สมี ว่ ง เบอร์ 2013

สีชมพู เบอร์ 2015

2. นา้ ยาผสมสซี อฟต้ี ผสมเพือ่ ลดความหนดื ใชไ้ มเ่ กนิ 5 % หากใสม่ ากจะทาใหเ้ นื้อสีเหลว

เวลาระบายสีจะซมึ กระจาย

3. พูก่ ัน จะใชพ้ กู่ ันชนิดกลม มีตัง้ แต่ขนาดเลก็ คอื เบอร์ 0 และเบอร์สงู ข้ึนไปจะมีขนาดใหญ่

ควรเลือกขนาดของพู่กันใหเ้ หมาะสมกับขนาดของลวดลายท่ใี ช้เพ้นท์

4. จานสี ใชส้ าหรับแบ่งสีจากขวดในการใช้งานแต่ละครง้ั เพราะถา้ เทสีออกมามากสีโดนลมจะแหง้

จานสีควรใชส้ ีขาวท่ีจะเห็นสีได้ชดั เจน

คลนิ กิ เทคโนโลยี ท่พี ง่ึ ของชุมชน : 1

5. ผา้ ควรเลอื กให้เหมาะสมกับประโยชนใ์ ช้สอย ได้แก่ งานเพน้ ทผ์ า้ สาหรับตกแตง่ บ้าน เช่น

ผ้าม่าน ผา้ ปโู ต๊ะ หมอนองิ รูปภาพผา้ ผ้าสาหรับตกแตง่ รา่ งกาย เชน่ เสือ้ ผา้ ผา้ พันคอ ผ้าเชด็ หน้า และผ้าของใช้

ทัว่ ไป เช่น ถุงผ้า กระเป๋า

ขั้นตอนการเพ้นทผ์ ้า

1. เตรยี มผา้ สาหรบั เพ้นท์ ได้แก่ กระเป๋าผ้า เสื้อยืด หรือผ้ารปู แบบตา่ งๆ ตามต้องการ

2. ออกแบบลายทจี่ ะนามาเพ้นท์ และลอกลายลงบนผา้ โดยใชก้ ระดาษกดรอยหรือดินสอเขียนผ้า

3. ตรึงผา้ กบั แผ่นโฟมใหเ้ รียบ ติดดว้ ยเขม็ หมดุ

4. ผสมสีที่จะเพ้นท์ ควรเลือกใชส้ ตี ามลกั ษณะของลวดลาย หรือใช้สีในวงจรสี

5. วิธีการเพน้ ท์เพอื่ ใหเ้ กิดเงา จะทาใหภ้ าพดูมีความลึก ควรระบายสเี ขม้ ทล่ี งพกู่ นั หนกั ทีด่ า้ นใด

ดา้ นหนึง่ แลว้ สบัดพู่กนั ยกข้นึ ที่จะทาใหส้ ตี ิดบนวัสดุเพียงเลก็ น้อย หรือหากต้องการใหเ้ กิดแสงสวา่ ง ( Highlight ) ให้

ระบายสขี าวหรอื สีออ่ นๆ บนพนื้ สีเขม้ ท่ดี ้านน้นั เพื่อใหด้ เู หมอื นมกี ารสะท้อนของแสงทส่ี อ่ งมากระทบบริเวณนั้น

3) การออกแบบลวดลาย

หลกั การออกแบบลาย

การออกแบบลายมคี วามสาคญั ตอ่ ความสวยงามของชิน้ งาน ซง่ึ ลายเพน้ ท์โดยมากมักเป็นลายดอกไม้

ลายสรา้ งสรรค์ การออกแบบลายจึงต้องคานงึ ถึงสง่ิ ต่างๆ ดงั น้ี

1. ความสมดลุ

ความสมดลุ ของลวดลายทอี่ อกแบบควรสมดลุ กบั วัตถุท่ตี ้องการเพน้ ท์ เช่น ผ้าท่มี ขี นาดใหญ่

ขนาดของลายก็ควรใหญต่ ามไปด้วย หรือถ้าลวดลายมขี นาดเล็กเมอ่ื รวมลวดลายเลก็ ๆ เหล่านนั้ เขา้ ดว้ ยกนั แลว้ ควรได้

สัดส่วนทพ่ี อเหมาะกบั ผืนผ้า อยา่ วาดลายจนใหญ่คับพื้นท่หี รืออย่าวาดลายให้เล็กจนหาความเดน่ ไม่ได้

2. สีของวตั ถุ

สขี องวัตถทุ ่ตี ้องการเพน้ ท์มีความสาคญั ในการกาหนดลายที่จะเพน้ ท์ เช่น ผา้ สนี ้าเงนิ จะเพน้ ท์ดอก

กหุ ลาบสชี มพูหรือสสี ้ม หรือใช้สีตามวรรณะก็ได้

3. ความกลมกลนื ในองคป์ ระกอบ

ความกลมกลนื ของรปู ทรงของลวดลายที่จะใช้เพน้ ท์ เช่น ลายดอกไมแ้ ต่ละชนดิ มสี ี ทศิ ทางของ

ดอก ขนาด ท่ีกลมกลนื กัน

4. จงั หวะของลาย

จังหวะของลายควรรกั ษาความถ่ีหา่ งของลวดลายใหส้ ม่าเสมอ เช่น ความถหี่ ่างของลายดอกไม้ทใี่ ช้

เพน้ ท์ อยา่ ให้ถ่ีจนแน่นในบางสว่ น หรือห่างกระจดั กระจายขาดความเปน็ หนง่ึ

การเน้นจดุ เดน่ อาจเนน้ ด้วยสที สี่ ดกว่าส่วนอ่นื ๆ ของลวดลาย หรอื เน้นจุดเด่นดว้ ยขนาดของลายท่มี ี

ขนาดใหญ่ จดุ รองลงมามขี นาดเล็กรอง ๆ ลงมา

คลนิ กิ เทคโนโลยี ท่พี ่งึ ของชุมชน : 2

การใช้ลายดอกไม้ การเพ้นท์ลายดอกไม้ หากใช้ลายดอกไม้หลายชนดิ จะดนู า่ สนใจมากกว่าเพียง
ชนิดเดยี ว หากต้องการเพ้นทด์ อกไมเ้ พยี งชนดิ เดยี ว ควรมดี อกหลายๆ ขนาด เชน่ ดอกตูม ดอกแยม้ ดอกบาน และ
ทิศทางของดอกทแี่ ตกต่างกนั เช่น ดอกด้านหน้า ดอกหันข้างหรือหันหลังให้

ลวดลายสาหรบั งานเพน้ ทแ์ บง่ ออกเปน็ 4 แบบ คือ
1. ลวดลายจากความจรงิ (Realistic) คือ การสรา้ งลายจากธรรมชาติหรอื จากการดูของจรงิ เชน่
คน สัตว์ ดอกไม้ ใบไม้ ก่งิ ก้าน รูปทรงเรขาคณติ และสิ่งของเคร่ืองใชต้ ่าง ๆ
2. ลวดลายจากความคิด (Idealistic) คือ การสรา้ งลายจากแรงบันดาลใจ จากความเชื่อ คาบอกเล่า
หรือจินตนาการ แล้วสร้างเปน็ ภาพท่ีไมเ่ หมอื นกับของจรงิ หรือธรรมชาติ เช่น ภาพเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศาสนา
วัฒนธรรม ประเพณี หรือรปู ทรงอิสระท่ผี ู้ทาคดิ ขึ้นไม่สามารถบอกไดว้ ่าเป็นรูปอะไร
3. ลวดลายจากนามธรรม (Abstract) คอื การสร้างลายด้วยเสน้ สี รูปทรง รูปรา่ ง จากความรสู้ ึกของ
ผู้ทาเทา่ นั้น ผู้ดอู าจรเู้ รอื่ งหรือไม่ก็ตาม ผทู้ าผลงานคานึงเพียงเพื่อให้ผดู้ เู กดิ ความร้สู ึกรับรู้ เข้าใจ ร้สู ึกคล้อยตาม
4. ลวดลายจากการประยุกต์จากของจริง (Applied Realistic) คือ การสร้างลายจากการประยุกต์
ดัดแปลง ปรบั ปรงุ ตดั ต่อ ตอ่ เตมิ ให้เกิดความงามรว่ มกนั ระหว่างของจรงิ และความคิดสรา้ งสรรค์ของผูท้ าตามต้องการ
เชน่ เปลี่ยนขนาดของกลบี กหุ ลาบ เปลยี่ นสขี องดอกกุหลาบ
4) เทคนิคการปกั แบบตา่ ง ๆ งานปักมอื เป็นงานฝมี ือท่ีอยู่คู่กบั ผหู้ ญงิ ไทยมาแตค่ รงั้ โบราณ จดั เป็นงานที่
มวี ัสดุอุปกรณไ์ มม่ ากนกั มเี พยี งเขม็ ไหม และผ้ากส็ ามารถประดิษฐ์ผ้าปักสวย ๆ ได้
การเร่ิมต้นทางานปกั จะต้องเริม่ จากการเรียนรู้และฝกึ ฝนการปักขนั้ พ้นื ฐานกอ่ น ได้แก่ การปกั แบบ
ต่าง ๆเช่น ปกั ตัวหนอน ปักดอกแคซหี่ รือปักก้างปลา ซ่ึงเปน็ ขัน้ พ้นื ฐานของการปกั ลวดลายทุกแบบ เป็นการนาการปักแบบ
ตา่ ง ๆ มผี สมผสานเป็นลวดลายท่ีสวยงาม
ตะเข็บเนา ( Running Stitch)
ตะเข็บเนาสอดดา้ ยแฉลบ ( Threaded Running Stitch)

ปักซกิ แซก (Zigzag Stitch)
ปกั ซิกแซกสลบั สี (Zigzag Stitch two color)
ปักคทั เวริ ์คพีห่ รือปักรงั ดุมถ่ี ( Closed Cutwork Stitch or Closed Cutwork Stitch)
ปักคทั เวริ ด์ หา่ ง หรือปักรงั ดุมห่าง ( Open Buttonbole Stitch)

การจดั การกบั เทคโนโลยี
การออกแบบลวดลายบนปลอกหมอน มีขนั้ ตอนดงั น้ี
1. การออกแบบช้ินงาน
การออกแบบช้นิ งานด้วยตัวเอง วธิ กี ารออกแบบงา่ ย ๆ เริ่มจากการลองวาดลวดลายที่อยากจะทาลงบน
กระดาษกราฟ หลังจากฝึกฝนสกั ระยะหนึง่ จะเกิดแนวความคดิ หลายรูปแบบ จากนนั้ จึงคอ่ ยมาปรับแตง่ และใส่
รายละเอียดอกี ครงั้ ในภายหลงั แตถ่ ้าวิธแี รกใชไ้ ม่ไดผ้ ล ให้ลองใชว้ ิธที ี่ 2 คือ เรม่ิ จากการดดั แปลงรปู แบบของงาน

คลินกิ เทคโนโลยี ที่พงึ่ ของชุมชน : 3

ทเ่ี คยมีคนทามาก่อนแลว้ ฝกึ ฝนจนเกิดทักษะมากพอแล้วจะสามารถออกแบบไดด้ ้วยตัวเอง
2 การเลอื กใช้ผ้า

ผา้ เป็นวสั ดทุ ่ีสาคัญที่สดุ ท่ใี ช้ในงานศลิ ปะงานผา้ ผู้ท่ีออกแบบจาเป็นต้องศึกษาหลักการเลือกผ้า เพ่ือให้
เกิดความรู้ความเขา้ ใจ และสามารถนาไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ในการออกแบบได้ มีหลกั สาคัญท่ใี ช้ในการพจิ ารณา
เลือกผ้าอยู่ 3 ประการ ดังน้ี

1) ความเหมาะสมของโอกาสท่ีจะนาไปใชใ้ นการเลอื กผ้า ควรพจิ ารณาถงึ ความเหมาะสมของโอกาสที่
จะนาไปใช้ เช่น การออกแบบผ้าทีใ่ ชใ้ นห้องรบั แขก ควรเลอื กผา้ ทม่ี เี นื้อหนาทนทาน สามารถซกั รีดทาความ
สะอาดไดง้ ่าย ผา้ ที่ใชใ้ นหอ้ งอาหารควรเลือกผา้ ที่ซักล้างสิง่ สกปรกไดง้ ่าย และทนความร้อนได้ดี เชน่ ผา้ ทีท่ อจาก
ใยธรรมชาติ ไดแ้ ก่ ผ้าฝ้าย สาหรับการออกแบบเส้อื ผ้า จะต้องทราบก่อนว่าเสื้อผา้ นน้ั จะนาไปใช้ในโอกาสใด ฤดู
ใด เป็นตน้

2) ลวดลายของผ้า การเลอื กผา้ เป็นจดุ เรมิ่ ตน้ ของการออกแบบช้นิ งาน การเลอื กสแี ละลวดลายผา้ นบั เป็น
ปัจจยั สาคญั ทีส่ ุด ซง่ึ ตอ้ งอาศัยประสบการณ์ และบางครง้ั ตอ้ งมีพรสวรรค์ประกอบดว้ ยจงึ จะทาได้ดี เนื่องจากเปน็
ทฤษฏที ค่ี ่อนข้างลึกซง้ึ และเปน็ ปัญหาสาหรบั นกั ออกแบบหน้าใหม่ท่ีจะทาความเขา้ ใจ แต่อยา่ งไรก็ตามผทู้ จี่ ะ
ออกแบบงานผา้ ถ้ามีความพยายามฝกึ ฝนและเรยี นร้อู ย่างจริงจงั จะสามารถเลอื กใชผ้ า้ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและ
รวดเร็ว
3 การเลือกรูปแบบของสี

ในการออกแบบงานศลิ ปะการตอ่ ผ้า คอ่ นข้างจะมีอสิ ระในการเลือกรปู แบบของสไี ด้อย่างหลากหลาย ซ่ึง
รูปแบบการใช้สที ่ใี ชก้ นั ในปัจจุบนั มดี ังน้ี

1) แบบใช้สีเดียว แบบน้ใี ชผ้ า้ สีเดยี วกนั แต่จะใช้วธิ ีเลือกสีทมี่ คี วามสวา่ งและความเขม้ คอื ใช้ผ้าท่มี สี ี
อ่อนแกต่ า่ งกัน นามาตัดต่อเล่นลาย หรืออาจใช้สีดากบั สีขาวรว่ มกนั สิง่ สาคญั ในการออกแบบคือ สัดสว่ นของผ้า
แตล่ ะชิน้ ทนี่ ามาเลน่ ลวดลาย ขอ้ แนะนาคือ ให้ลองนาผ้าแต่ละชิ้นมาวางเทียบเคียงกนั ตามทก่ี าหนดไว้ และ
ปรับเปลย่ี นสีจนกว่าจะไดแ้ บบที่พอใจ

2) แบบสีกลมกลนื เป็นรูปแบบที่ใช้ผา้ หลาย ๆ สี แต่เป็นสีท่อี ยใู่ นโทนเดยี วกนั โดยเลอื กใชส้ ที อี่ ย่ใู กล้
กันในวงจรสีมาตรฐาน เช่น ใช้สีเขียว สีฟ้ามาเรียงตอ่ กัน ช้นิ งานจะมคี วามรู้สกึ นุ่มนวล ไม่มจี ุดใดมคี วามแตกตา่ ง
กันหรอื ตดั กนั มากนกั

3) แบบสที เี่ ขา้ กนั ได้ดี เป็นรูปแบบท่เี ลอื กใช้คู่สที ่เี ข้ากันไดด้ หี รอื สที ีท่ าใหอ้ กี สหี นงึ่ ดูโดดเดน่ ข้นึ มา สี
ทใี่ ช้คือ สีท่ีอย่ตู รงข้ามกนั ในวงจรสี เช่น ใช้สแี ดงกบั สเี ขยี ว สีท่เี ปน็ สหี ลกั จะโดดเด่นขึน้ มา ในขณะท่อี กี สหี น่ึงจะ
เป็นสีประกอบหรอื เป็นตวั เสริม การออกแบบลวดลายวธิ นี ี้ ควรใช้ปริมาณของสีทต่ี อ้ งการใหเ้ ปน็ ตวั เสริมน้อยกวา่
สีที่ต้องการให้เปน็ จุดเด่นหรือสีหลกั

4) แบบใช้สีพืน้ เปน็ การเลือกใชผ้ ้าและดา้ ยสีพื้น เช่น ผา้ ฝ้ายไม่ฟอกสี สีทเ่ี ลอื กใชอ้ าจเป็นสนี ้าตาลออ่ น
ไปจนถึงสนี ้าตาลเขม้ หรือใชส้ ีทเี่ ป็นธรรมชาตขิ องผา้ ลินินและผ้าไหม

คลินกิ เทคโนโลยี ท่ีพึง่ ของชุมชน : 4

5) แบบใช้สีผดิ จากขอ้ กาหนด เปน็ การเลือกใชส้ ที ผ่ี ดิ ไปจากท่ีควรจะเปน็ หรอื การเลือกใช้สีทเี่ พยื้ นไป
บ้าง เพอื่ ทาใหเ้ กิดความรู้สกึ ทแ่ี ปลกใหม่ ไมธ่ รรมดา เช่น ใช้สีชมพกู ับสเี หลืองเข้าดว้ ยกนั
4. การวางลายปัก การวางลายปกั เป็นขัน้ ตอนทีส่ าคญั เพราะเป็นตัวบง่ ชี้ว่างานปักจะออกมาสวย
หรอื ไม่ แมจ้ ะมฝี ีมอื การปกั แต่ถ้าวางลายหรอื เลือกลายไมไ่ ดส้ ดั สว่ นจะทาให้คณุ ค่าของงานปกั ลดลงไป
5. การลอกลายลงบนผ้า การลอกลายสามารถทาได้หลายวิธี เปน็ ขั้นตอนหน่งึ ทีส่ าคญั ถ้าลอกลายไดถ้ ูกต้อง
และเสน้ คมชดั จะทาใหง้ านปกั ออกมาสวยงาม

การลอกลายดว้ ยกระดาษลอกลาย
1. ลอกลายทตี่ ้องการลงบนกระดาษลอกลาย
2. ใชเ้ ข็มปรตุ ามลายหรอื เยบ็ จักรประตามลายโดยไม่ต้องร้อยดา้ ย
3. วางกระดาษทีป่ รลุ ายแลว้ ลงบนผ้าด้านถกู ใช้สที ซี่ กั ออกได้ง่ายเขยี นทบั ตามรอยปรบุ นกระดาษเม่ือย

กกระดาษลอกลายออกจะไดล้ ายเปน็ จุดเล็ก ๆ
4. การลอกลายแบบน้ีใช้สาหรบั ลายงา่ ย ๆ ใช้เวลาปกั เรว็ เพราะลายลบอกง่าย
5. การทาตะเข็บและการปกั แบบตา่ ง ๆ

ตะเขบ็ เนา (Running Stitch) วธิ ีทา แทงเขม็ ข้ึนลงในเนอื้ ผา้ ใหม้ ีช่วงสั้นยาวเปน็ ระยะเทา่ ๆ กัน
ตะเขบ็ เนาสอดด้ายแฉลบ ( Threaded Running Stitch) วธิ ีทา เย็บตะเขบ็ มาให้มชี ่วงระยะเทา่ ๆ
กนั ใช้เขม็ รอ้ ยด้ายสอดใตต้ ะเขบ็ ตะเข็บเนาข้ึน – ลง สลับกันไปตลอดแนว

ปักซกิ แซก (Zigzag Stitch) วธิ ที า แทงเขม็ ขึ้นที่เลข 1 แทงเข็มลงท่ีเลข 2 แลว้ โยงตะเข็บใตผ้ า้
แทงเขม็ ขน้ึ ทีเ่ ลข 3 แทงเขม็ ลงทเี่ ลข 4 หรอื เลข 1 เดิมโยงตะเขบ็ ใต้ผ้าแทงเข็มข้ึนทีเ่ ลข 5 ทาตอ่ ไป เรือ่ ย ๆ จะเปน็ ตะเขบ็ ตรง
ต่อกนั รปู หยักแหลม

ปักซิกแซกสลบั สี ( Zigzag Stitch two color) วิธีทา ใชเ้ ข็มรอ้ ยดา้ ยปกั เส้นตรงทแยงไปทาง
ซ้ายมอื เปน็ ลายซกิ แซกเปลี่ยนสดี า้ ยปกั เส้นทแยงชนกบั เสน้ ทแยงเดมิ

ปกั คัทเวิรค์ พหี่ รอื ปกั รังดมุ ถี่ ( Closed Cutwork Stitch or Closed Cutwork Stitch) วิธที าแทงเข็ม
ลงทเี่ ลข 1 ตวัดดา้ ยเป็นวง แทงเข็มลงทเ่ี ลข 2 สอดปลายเข็มข้นึ ทีเ่ ลข 3 ดงึ ด้ายใหต้ งึ ทาตอ่ ไปใหช้ ดิ กันนิยมใชท้ ารมิ ของใช้
เลก็ ๆ เช่น ริมผ้าเชด็ หน้า และนยิ มใชถ้ กั รงั ดุมปักคทั เวริ ์ดห่าง หรอื ปักรังดุมหา่ ง ( Open Buttonbole Stitch) วิธีทา แทงเข็ม
ขนึ้ ทเี่ ลข 1 ตวดั ด้ายเป็นวง แทงเข็มลงท่เี ลข 2 สอดเขม็ ขนึ้ ท่ีเลข 3 ดงึ ดา้ ยให้ตงึ เว้นระยะเล็กน้อยปักแบบเดิมนยิ มใช้ทาริม
ของใชต้ า่ ง ๆ เชน่ รมิ ผา้ หม่ นอนเพอ่ื กนั ล่ยุ

การออกแบบลวดลายบนกระเป๋า มขี น้ั ตอนดังนี้
1. เตรยี มผ้าสาหรบั เพ้นท์ ไดแ้ ก่ กระเป๋าผา้ เสือ้ ยืด หรอื ผา้ รปู แบบต่างๆ ตามตอ้ งการ
2. การออกแบบลวดลายทีจ่ ะนามาเพน้ ท์ โดยการสรา้ งลายจากธรรมชาตหิ รอื จากการดูของจริง เชน่

คน สัตว์ ดอกไม้ ใบไม้ ก่ิงก้าน รูปทรงเรขาคณิตและสง่ิ ของเครอื่ งใช้ต่าง ๆ และลอกลายลงบนผ้า
โดยใชก้ ระดาษกดรอยหรือดนิ สอเขียนผ้า
3. ตรึงผา้ กับแผ่นโฟมใหเ้ รียบ ติดดว้ ยเขม็ หมดุ

คลินกิ เทคโนโลยี ทีพ่ ง่ึ ของชุมชน : 5

4. ผสมสีท่ีจะเพน้ ท์ ควรเลือกใช้สตี ามลักษณะของลวดลาย หรอื ใช้สีในวงจรสี
5. เพ้นทด์ ว้ ยพกู่ นั วิธนี เี้ กิดจากการสบดั ของพ่กู นั ทีร่ ะบายสใี หเ้ ป็นเสน้ เล็กและเส้นใหญ่ ตามขนาด

ของพู่กนั เกิดเปน็ ลวดลายได้ ผูเ้ พน้ ท์ทม่ี คี วามชานาญจะได้งานทลี่ ะเอียด ออ่ นช้อย วธิ ีการเพ้นท์
เพื่อใหเ้ กดิ เงา จะทาให้ภาพดมู คี วามลึก ควรระบายสเี ขม้ ทลี่ งพูก่ นั หนักทด่ี ้านใดด้านหนง่ึ แล้ว
สบัดพู่กนั ยกข้นึ ท่จี ะทาใหส้ ีติดบนวสั ดุเพียงเลก็ น้อย หรอื หากตอ้ งการให้เกดิ แสงสวา่ ง
ประโยชน์ทป่ี ระชาชนไดร้ ับ
1. สามารถนาความรู้ทีไ่ ด้รับไปใชป้ ระโยชน์ในการสร้างอาชีพ เชน่ การผลติ เป็นสนิ คา้ แบบตา่ งๆ เพื่อนามา
จาหน่ายใหก้ บั นักทอ่ งเท่ียว
2. มรี ายไดเ้ พิม่ ขน้ึ จากการผลิตสนิ ค้าเป็นอาชีพหลกั หรอื อาชีพเสรมิ เพ่ิมรายไดใ้ หก้ ับครอบครวั
3. สามารถนาความรทู้ ีไ่ ดร้ บั ไปเผยแพร่ โดยการเปน็ วทิ ยากรให้กบั ชุมชนอืน่ ๆ
4. สามารถนาความรู้ไปพฒั นาชิ้นงานเพอ่ื สรา้ งเอกลักษณ์ของสนิ คา้ ภายในชุมชน

คลินิกเทคโนโลยี ท่พี ึง่ ของชมุ ชน : 6


Click to View FlipBook Version