การใช้คําราชาศัพท์
จดั ทําโดย
นางสาว มณิชดา ปิ ดกันภัย
ช้ัน ม.๔/๑ เลขที่ ๘
การใช้คาํ ราชาศัพท์ ๑
สารบญั ในการใชร้ าชาศพั ท์ เมื่อเราพดู กบั บคุ คลผหู้ น่ึง บุคคลน้นั
นอกจากพระภิกษุแลว้ จะไม่ใชร้ าชาศพั ทส์ าหรับตนเอง
การใช้คาํ ราชาศัพท์
๑-๒ เลย เช่น เราทลู พระบรมวงศว์ ่า “ฝ่าพระบาทจะเสดจ็
ไหน” ท่านจะตอบวา่ “ฉนั จะ ไป ท่ี โน่น ท่ี นี่” ไม่ ใช่
ประโยชน์ของการศึกษาราชาศัพท์ ๓ ตอบ วา่ “ฉนั จะ เสดจ็ โน่น เสดจ็ น่ี” แต่ถา้ เราถาม
พระภิกษุวา่ “ท่านจะฉนั อาหารแลว้ หรือยงั ?” ทา่ นจะตอบ
ทมี่ าของราชาศัพท์ ๔-๕ ว่า “อาตมาฉนั อาหารแลว้ ” ถามวา่ “ทา่ นสรงน้าหรือ
ยงั ?” ท่านจะตอบวา่ “อาตมาสรงน้าแลว้ ” เป็นตน้
สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดารงราชานุ
วธิ ีใช้ราชาศัพท์ ๖-๑๐ ภาพ ไดท้ รงอธิบายไวใ้ นหนงั สือสาสนส์ มเดจ็ ว่า “เจา้ พดู ก็
ไม่ใชร้ าชาศพั ทส์ าหรับพระองคเ์ องเช่นจะวา่ “ฉนั เสวย”
“ฉนั บรรทม”
ตวั อย่างคาํ ราชาศัพท์ ๑๑-๑๗ หามีไม่ยอ่ มใชภ้ าษาที่พดู กนั เป็นสามญั ว่า “ฉนั กิน” “ฉนั
นอน” แมพ้ ระเจา้ แผน่ ดินกต็ รัสเช่นน้นั ”
๒ ประโยชน์ของการศึกษาราชาศัพท์ ๓
จากข้อความเบอื้ งต้นแสดงให้เหน็ ว่าการใช้ราชาศัพท์
๑.ช่วยใหส้ ามารถใชภ้ าษาไทยไดถ้ กู ตอ้ ง เหมาะสมกบั ช้นั
๑.ใชส้ าหรับสามญั ชนพดู กบั พระเจา้ แผน่ ดิน พระราชินีและ ของบุคคล ทาใหไ้ ม่มีปัญหาในการส่ือสาร
พระบรมวงศานุวงศ์ ๒.ไดเ้ รียนรู้ถึงวฒั นธรรมของชาติ โดยทรี่ าชาศพั ทเ์ ป็น
๒.พระเจา้ แผน่ ดิน พระราชินีและพระบรมวงศานุวงศ์ จะ
ไม่ทรงใชร้ าชาศพั ทย์ กยอ่ งพระองคเ์ อง วฒั นธรรมทางภาษา ทีม่ ีความประณีตนุ่มนวล และน่าฟัง
๓.พระเจา้ แผน่ ดิน พระราชินีและพระบรมวงศานุวงศ์ จะ
ไม่ทรงกล่าวราชาศพั ทเ์ ป็นการยกยอ่ งเจา้ นายทม่ี ีฐานนั ดรศกั ด์ิ ๓.ทาใหร้ ู้คาศพั ทม์ ากข้ึน ไดช้ ื่อว่าเป็นผรู้ ู้ภาษาไทยทด่ี ี ผรู้ ู้
ต่ากว่าพระองค์ หรือยงั ทรงพระเยาว์ แต่มีขอ้ ยกเวน้ 2 มากยอ่ มทาใหเ้ กิดความคล่องแคล่วชานาญ
ประการ ๔.ช่วยฝึกฝนอบรมจิตใจผศู้ ึกษาใหป้ ระณีตในการใชภ้ าษา
๓.๑ พระมหากษตั ริยจ์ ะทรงกล่าวราชาศพั ทแ์ ก่พระบรม
และผลทาใหเ้ ป็นคนมีนิสยั สุขุมรอบคอบ ละเอยี ดลออ
วงศานุวงศท์ ่ที รงศกั ด์ิสูงกวา่ พระองคท์ างสายโลหิต อนั
หมายถึงผทู้ ่ีสูงกว่าพระองคโ์ ดยนบั ทางญาติ เช่น ป่ ู ยา่ ตา ๕.ช่วยในการศึกษาวรรณคดีใหเ้ ขา้ ใจไดอ้ ยา่ งลึกซ้ึง
ยาย พอ่ แม่ ลุง ป้ า อา นา้ พ่ี เป็นตน้ และพระบรมวงศานุ
วงศเ์ หล่าน้นั เป็นเจา้ นาย ยง่ิ ข้ึน เพราะวชิ าวรรณคดีใชร้ าชาศพั ทม์ าก
๖.ช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพใหก้ บั ตนเอง สามารถเขา้ สมาคม
๓.๒ เจา้ นายจะทรงกล่าวราชาศพั ทร์ ะหวา่ งในกรณีทผ่ี ู้
กล่าวมีอิสริยยศต่ากว่าผฟู้ ัง ผกู้ ล่าวจะตอ้ งใชร้ าชาศพั ทก์ บั ผฟู้ ัง กบั ผอู้ นื่ ไดโ้ ดยไม่เคอะเขิน ไม่เป็นท่ีเยย้ หยนั ของบคุ คล
อนื่ เพราะไดศ้ ึกษาถอ้ ยคาท่ีควรใชก้ บั บคุ คลตามฐานะมาแลว้
ทีม่ าของราชาศัพท์ ๔ ภาษาเขมร ๕
ราชาศพั ทม์ ีทม่ี าหลายประการคือ มาจาก ในสมยั โบราณชาติขอม (เขมรในปัจจุบนั น้ี) เป็นชาติทย่ี งิ่ ใหญ่
ภาษาบาลี มีอารายธรรม มีความเจริญสูงสุด พระเจา้ แผน่ ดินของขอมอยู่
เขา้ มาทางพระพทุ ธศาสนา เพราะภาษาบาลีเป็นภาษาท่ีใชจ้ ารึก ในฐานะสมมุติเทพ ทาใหย้ อมรับว่าภาษาขอมน้นั ยอ่ มจะตอ้ ง
พระไตรปิ ฎกอนั เป็นคมั ภีร์สาคญั ของพระพุทธศาสนา ชาวพุทธ สูงส่งไปดว้ ย จึงเกิดมีการเรียนรู้ภาษาขอมกนั มากข้ึน ไดใ้ ช้
ถือกนั ทว่ั ไปว่าภาษาบาลีเป็นภาษาศกั ด์ิสิทธ์ิ ตอ้ งเคารพกราบ ในทางคาถาอาคม นิยมวา่ เป็นของอนั ศกั ด์ิสิทธ์ิ ยกยอ่ งว่า
ไหว้ จนอาจกล่าวไดว้ า่ คาราชาศพั ทท์ ่มี ีมาแต่เดิมน้นั มาจาก เป็นของสูงเช่นเดียวกนั ศาสนา ไทยจึงนาเอาภาษาขอมมาใช้
ภาษาบาลีมากท่ีสุด เช่น พระรูป พระราชบิดา พระอยั กา พระ เป็นคาราชาศพั ทเ์ พ่อื ใหส้ มเกียรติแก่พระเจา้ แผน่ ดิน
วกั กะ พระราชอาสน์ เป็นตน้ ภาษาไทย
ภาษาสันสกฤต โดยปกติภาษาไทยจะไม่นามาใชเ้ ป็นคาราชาศพั ทแ์ ต่จะ
เป็นภาษาโบราณของอินเดียเช่นเดียวกบั ภาษาบาลี ก็เป็นภาษา นามาใชไ้ ดต้ ่อเมื่อเอาไปนาหนา้ ภาษาอ่นื เช่น มีพระ
ท่ีไทยเรานามาใชม้ าก โดยเขา้ มาทางศาสนาพราหมณ์ อนั เป็น ดารัส เป็นพระราชโอรส น้าจณั ฑ์ หรือใชว้ ิธีปรุงแต่งคา
ศาสนาที่คนไทยนบั ถือดว้ ยเช่นกนั (แต่มิใช่เป็นศาสนาหลกั ของ ข้ึน เช่น พระท่ีนงั่ ชา้ งทรง เป็นตน้
ชาติ) ภาษาสันสกฤตเป็นภาษาสูงท่ีหราหมณ์ใชต้ ิดต่อกบั พระผู้ ภาษาอน่ื ๆ
เป็นเจา้ จึงเป็นภาษาอนั ศกั ด์ิสิทธ์ิค่คู วรกบั พระเจา้ แผน่ ดินผเู้ ป็น คาราชาศพั ทท์ ่นี ามาจากภาษาอ่นื น้นั นอ้ ยมาก แต่กม็ ีมา
สมมุติเทพ ไทยเราจึงนาเอาภาษาสนั สกฤตมาใชเ้ ป็นคาราชา ประปราย เช่น พระสุหร่าย จากภาษาเปอร์เซีย พระ
ศพั ท์ เช่น พระเนตร พระกรรณ สวรรคต เป็นตน้ เกา้ อ้ี จากภาษาจีน
วธิ ีใช้ราชาศัพท์ ๖ ๗
การใช้ทรง การใช้คาํ พระบรม/พระบรมราชม, พระราช, พระ
๑. ใชท้ รงนาหนา้ คานามสามญั บางคาทาใหเ้ ป็นกิริยาราชาศพั ท์ ๑. พระบรม, พระบรมราช ใชน้ าหนา้ คานามที่สาคญั ทเี่ ก่ียวกบั
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เทา่ น้นั เช่น พระบรมราโชวาท,
ได้ เช่น ทรงกีฬา (เล่นกีฬา), ทรงธรรม (ฟังเทศน์), ทรงบาตร พระบรมมหาราชวงั , พระบรมฉายาลกั ษณ์, พระปรมาภไิ ธย,
พระบรมราชวโรกาส, พระบรมราชโองการ
(ใส่บาตร), ทรงชา้ ง (ขี่ชา้ ง) ๒. พระราช ใชก้ บั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั , สมเดจ็ พระ
๒. ใชท้ รงนาหนา้ คากิริยาสามญั บางคา ทาใหเ้ ป็นกิริยาราชา บรมราชินีและอุปราช เช่น พระราชโทรเลข, พระ
ราชหตั ถเลขา, พระราชเสาวนีย,์ พระราชปฏิสนั ถาร
ศพั ทไ์ ด้ เช่น ทรงวิ่ง, ทรงยนิ ดี, ทรงอธิบาย, ทรงยงิ , ทรงเล่น, ๓. พระ ใชน้ าหนา้ คาทีเ่ รียกอวยั วะเครื่องใช้ หรือนาหนา้ คา
ทรงสงั่ สอน สามญั บางคาทไ่ี ม่มีราชาศพั ทใ์ ช้เช่น พระพกั ตร์, พระเศียร,
๓.ใชท้ รงนาหนา้ คานามราชาศพั ทบ์ างคา ทาใหเ้ ป็นกริยาราชา พระบาท, พระเกา้ อ้ี, พระมาลา, พระกระยาหาร
ศพั ทไ์ ด้ เช่น ทรงพระราชดาริ (คิด), ทรงพระราชนิพนธ์ (แต่ง
หนงั สือ), ทรงพระสรวล (ยมิ้ ), ทรงพระอกั ษร (อ่าน, เขียน,
เรียน)
วธิ ีใช้ราชาศัพท์ ๘ ๙
การใช้ราชาศัพท์ในคาํ ขนึ้ ต้นและคาํ ลงท้าย ๕.“พระราชอาญาไม่พน้ เกลา้ พน้ กระหม่อม...” หรือ “พระราช
๑.“ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกลา้ ปกกระหม่อม อาญาเป็นลน้ เกลา้ ลน้ กระหม่อม...” ลงทา้ ยว่า “ดว้ ยเกลา้ ดว้ ย
กระหม่อม” ใชใ้ นโอกาสทาผดิ พลาด
ขา้ พระพทุ ธเจา้ ” ลงทา้ ยวา่ “ดว้ ยเกลา้ ดว้ ยกระหม่อมขอเดชะ” ใช้ ๖. “ไม่ควรจะกราบบงั คมทลู พระกรุณา...” หรือ “ไม่ควรจะ
กราบบงั คมทลู ใหท้ รงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท...” ลงทา้ ย
ในโอกาสกราบบงั คมทลู ข้ึนก่อนเป็นคร้ังแรก วา่ “ดว้ ยเกลา้ ดว้ ยกระหม่อม” ใชใ้ นโอกาสท่จี ะตอ้ งกล่าวถึง
๒. “พระพทุ ธเจา้ ขา้ ขอรับใส่เกลา้ ใส่กระหม่อม ขา้ พระพทุ ธเจา้ ของไม่สุภาพ คากราบบงั คมทลู จะตอ้ งใช้ “ฝ่าละอองธุลีพระ
บาท” ไม่ใช้ “ใตฝ้ ่าละอองธุลีพระบาท” เพราะคาว่า “ใตฝ้ ่า
...” ลงทา้ ยว่า “ดว้ ยเกลา้ ดว้ ยกระหม่อม” ใชใ้ นโอกาสที่มีพระ ละอองธุลีพระบาท” เป็นคาสรรพนามมีความหมายวา่ “ทา่ น”
เทา่ น้นั
ราชดารัสข้ึนก่อน
๓. “พระมหากรุณาธิคุณเป็นลน้ เกลา้ ลน้ กระหม่อม...” หรือ คากราบบงั คมทลู จะตอ้ งใช้ “ฝ่าละอองธุลีพระบาท” ไม่
ใช้ “ใตฝ้ ่าละอองธุลีพระบาท” เพราะคาวา่ “ใตฝ้ ่าละอองธุลี
“พระเดชพระคุณเป็นลน้ เกลา้ ลน้ กระหม่อม...” ลงทา้ ยวา่ “ดว้ ย พระบาท” เป็นคาสรรพนามมีความหมายว่า “ทา่ น” เท่าน้นั
เกลา้ ดว้ ยกระหม่อม” ใชใ้ นโอกาสแสดงความขอบคุณที่ไดร้ ับ
ความช่วยเหลือ
๔. “เดชะพระบารมีปกเกลา้ ปกกระหม่อม” หรือ “เดชะพระ
บรมเดชานุภาพเป็นลน้ เกลา้ ลน้ กระหม่อม...” ลงทา้ ยวา่ “ดว้ ย
เกลา้ ดว้ ยกระหม่อม” ใชใ้ นโอกาสแสดงว่ารอดพน้ อนั ตราย
วธิ ีใช้ราชาศัพท์ ๑๐ ๑๑
การใช้คาํ ราชาศัพท์ให้ถกู ต้อง ตัวอย่างคาํ ราชาศัพท์
๑.ใช้ เฝ้ าฯ รับเสดจ็ หรือรับเสดจ็ ไม่ใช้ ถวายการตอ้ นรับ ใช้ มี
ความจงรักภกั ดี หรือ จงรักภกั ดี ไม่ใช้ ถวายความจงรักภกั ดี
๒.อาคนั ตุกะ หมายถึง แขกทีม่ าหาน้นั เป็นแขกของ
ประธานาธิบดี หรือแขกของบคุ คลอื่นที่ไม่ใช่พระมหากษตั ริย์
ประเทศใดประเทศหน่ึง ราชอาคนั ตุกะ, พระราชอาคนั ตุกะ
หมายถึง แขกของพระมหากษตั ริยป์ ระเทศใดประเทศหน่ึง
๓. ขอบใจ ใชส้ าหรับสุภาพคนเสมอกนั ผใู้ หญ่ใชพ้ ดู กบั ผนู้ อ้ ย
พระราชวงศ์ ทรงใชก้ บั คนสามญั และพระราชาทรงใชก้ บั
ประชาชน
๔. ในการถวายของแด่พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั และสมเดจ็
พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินีนาถ ถา้ เป็นของเลก็ ใชค้ าวา่
ทลู เกลา้ ฯ ถวาย อ่านว่า ทลู เกลา้ ทลู กระหม่อมถวาย
ถา้ เป็นของใหญ่ ใชค้ าว่า “นอ้ มเกลา้ ฯ ถวาย อา่ นวา่ นอ้ มเกลา้
นอ้ มกระหม่อมถวาย
๑๒ ๑๓
ตวั อย่างคาํ ราชาศัพท์ ตวั อย่างคาํ ราชาศัพท์
๑๔ ๑๕
ตวั อย่างคาํ ราชาศัพท์ ตวั อย่างคาํ ราชาศัพท์
๑๖ ๑๗
ตวั อย่างคาํ ราชาศัพท์ ตวั อย่างคาํ ราชาศัพท์