หลักการย่อความ ๑. อ่านเรื่องที่จะย่อความ ให้จบอย่างน้อย ๒ ครั้ง เพื่อให้ทราบว่าเรื่องนั้น กล่าวถึงใคร ทำ อะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไร และผลเป็นอย่างไร ๓. อ่านทบทวน ใจความสำ คัญที่เขียน เรียบเรียงแล้ว จากนั้น แก้ไขให้สมบูรณ์ ตัด ข้อความที่ซ้ำ ซ้อนกัน ออก เพื่อให้เนื้อหา กระชับ ๔. เขียนย่อความให้ สมบูรณ์ โดยเขียน แบบขึ้นต้นของย่อ ความตามรูปแบบของ ประเภทข้อความนั้นๆ เช่น การย่อนิทาน การ ย่อบทความ ๕. การเขียนย่อความไม่ นิยมใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 บุรุษที่ 2 แต่จะใช้ สรรพนามบุรุษที่ 3 และ ไม่เขียนโดยใช้อักษรย่อ นอกจากนี้ หากมีการใช้คำ ราชาศัพท์ต้องเขียนให้ถูก ต้อง ไม่ตัดทอนแก้ไข การเก็บใจความสำ คัญของเรื่องจากข้อความที่อ่านหรือฟัง แล้วนำ สาระสำ คัญมาเรียบเรียงใหม่ให้สั้นด้วยภาษาที่ กระชับ เข้าใจง่าย ได้ใจความสำ คัญครบถ้วนสมบูรณ์ ใบความรู้การย่อความ การย่อความ = ๒. บันทึกใจความ สำ คัญของเรื่องที่อ่าน แล้วนำ มาเขียนเรียบ เรียงใหม่ด้วยสำ นวน ของตนเอง
รูปแบบของการเขียนย่อความ ใบความรู้การย่อความ สิ่งที่นำ มาย่อความนั้น เป็นได้ทั้งงานเขียนประเภทต่าง ๆ เช่น ข้อเขียนในหนังสือ อินเทอร์เน็ต ฯลฯ และข้อความที่ได้ฟังมา เช่น ข้อความที่ได้ฟังจากวิทยุ โทรทัศน์ และการอภิปราย ฯลฯ การย่อความจึงต้องมีคำ นำ และที่มา เพื่ออธิบายประเภทของ เรื่องที่นำ มาย่อนั้น ดังนั้น ย่อความจึงประกอบด้วยส่วนสำ คัญ 2 ส่วน คือ ๑. ส่วนที่เป็นคำ นำ ใช้เขียนนำ เป็นย่อหน้าแรก มีจุดมุ่งหมายให้ทราบรายละเอียด ว่าย่อหน้านี้ประกอบด้วยส่วนสำ คัญ ๆ ดังนี้ ๒. ส่วนที่เป็นใจความสำ คัญของเรื่อง คือ ส่วนที่เป็นเนื้อความที่เรียบเรียงแล้ว เขียนติดต่อกันเป็นย่อหน้าเดียว ไม่ต้องย่อหน้าตามเรื่องเดิม แต่ถ้าเป็นบทร้อยกรอง ควรถอดความเป็นร้อยแก้วแล้วจึงย่อ (ก) ลักษณะของเรื่องที่นำ มาย่อ (ข) ข้อมูลเกี่ยวกับผู้แต่ง (ค) แหล่งข้อมูล เทคนิค ๕W๑H ๑. Who ใคร ๒. What ทำ อะไร ๓. Where ที่ไหน ๔. When เมื่อไหร่ ๕. Why เพราะอะไร ๖. How อย่างไร การใช้เทคนิค ๕W๑H สำ รวจเนื้อหาจากเรื่องที่อ่าน หรือฟัง จะช่วยทำ ให้ผู้อ่านทราบ ใจความสำ คัญของเรื่อง เข้าใจเนื้อหาได้ถูกต้อง และครบถ้วนทุกประเด็น นำ เทคนิค ๕W๑H ไปใช้ในการจับใจความสำ คัญ โดยการตั้งคำ ถาม