The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ebookcha, 2023-06-15 03:46:07

หนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

หนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

Keywords: หนังสือพระราชนิพนธ์

หนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีจํานวน 60 เรื่อง เรื่องที่1: แก้วจอมแก่น วรรณกรรมเยาวชนที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นจากประสบการณ์ จริง เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ หรือจากผู้ใหญ่เล่าบ้าง ปนกับเรื่องของเด็กๆ ในยุค พ.ศ. 2520 มี ตัวละครเอกคือแก้วและผองเพื่อน แก้วได้เล่าเรื่องราวของตนเองออกเป็นตอนๆ มีตัวละครอื่น เข้ามาเพื่อสร้างบรรยากาศและสีสันบ้าง เนื้อเรื่องนอกจากความซนของเด็กหญิงแก้วแล้ว ยัง แฝงเกร็ดความรู้ เช่น การทําขนมไทย การละเล่นของเด็กไทย เป็นต้น เรื่องที่2: แก้วจอมซน วรรณกรรมเยาวชนที่ทรงพระราชนิพนธ์เป็นภาคต่อจาก “แก้วจอมแก่น” ตัวละครเอกคือแก้ว และเหล่าผองเพื่อน ยังคงอยู่ครบถ้วนเหมือนเดิม เรื่องราวยังสนุกสนานและแฝงไปด้วยสาระ หากแต่ว่าคราวนี้แก้วโตขึ้น เรื่องราว เกร็ดความรู้ และข้อคิดต่างๆ ก็เริ่มโตขึ้นไปด้วย เรื่องที่3: ร้อยยิ้มและนํ้าตาของหัวใจ พระราชนิพนธ์แปลวรรณกรรมจีนร่วมสมัย 4 เรื่อง ของ 3 นักเขียนหญิง ซึ่งผู้เขียนได้สะท้อน ว่าความรักเป็นทั้งรอยยิ้มและนํ้าตาของหัวใจมนุษย์ที่มีความเป็นสากล และยากจะอธิบาย อย่างกระจ่างชัด เรื่องที่4: ตลอดกาลน่ะนานแค่ไหน พระราชนิพนธ์แปลนวนิยายจีน สะท้อนสังคม วิถีชีวิต วัฒนธรรมและประเพณีของสังคมจีนยุค ปจจุบัน โดยใช้กรุงป ั กกิ่งเป็นฉาก และให้ตัวละครมีวิถีชีวิตโลดแล่นอยู่ใน ัหูท่ง สายหนึ่ง อัน เป็นชุมชนย่านตรอก ซอยดั้งเดิมของกรุงปกกิ่ง เป็นกลวิธีสื่อนัยความเปลี่ยนแปลงของค่านิยม ั และคุณธรรมของโลกยุคเก่ากับยุคใหม่ ซึ่งผู้เขียนได้สะท้อนอย่างแยบยลประณีตในนวนิยาย


เรื่องที่5: นารีนครา พระราชนิพนธ์แปลนวนิยายจีน สะท้อนภาพสังคมและความงดงามของความเป็นหญิง ใน บทบาทหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ของความเป็นแม่ ความเป็นภรรยา และที่สําคัญที่สุดคือ ความเป็น เพื่อนแท้ ผ่านตัวละคร 3 ตัว ซึ่งเป็นตัวแทนหญิงรุ่นเก่า รุ่นกลางและรุ่นใหม่ ท่ามกลางกระแส สังคมจีนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อน เรื่องที่6: หมู่บ้านเล็กตระกูลเป้ า พระราชนิพนธ์แปลจากนวนิยายจีน สะท้อนภาพชีวิตในหมู่บ้านชนบทของจีนต้นทศวรรษ 1960 ในระบบคอมมูนประชาชน จนกระทั่งเข้าสู่สังคมนิยมสี่ทันสมัยในทศวรรษ 1980 ทรง แปลเมื่อ พ.ศ. 2552-2554 ผู้อ่านจะได้สัมผัสความรักอันบริสุทธิยิ่งใหญ่ของผู้ ์ เป็นแม่ ได้เข้า ใจความบริสุทธิกล้าหาญของเด็กน้อยผู้กลายเป็นวีรชนของหมู่บ้าน ได้รู้สึกสะเทือนใจกับความ ์ รักต้องห้ามของเด็กสาว และความคับแค้นขมขื่นของผู้ที่ถูกสังคมลงโทษโดยไม่เป็นธรรม เรื่องที่7: ความฝัน พระราชนิพนธ์แปลจากบทละครวิทยุภาษาเยอรมันรวม 5 เรื่อง 5 ความฝน เนื้อเรื่องทั้งห้าอยู่ ั ระหว่าง ค.ศ. 1947-1950 สะท้อนบรรยากาศที่คนเพิ่งมีความสุขหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง เศรษฐกิจเริ่มมั่นคง คนเริ่มเชื่อว่าจะมีสันติภาพตลอดไป แต่ในความเป็นจริงไม่เป็น เช่นนั้น หนังสือสะท้อนประเด็นการหลีกหนีความจริงของมนุษย์และการไม่ยอมรับรู้ความจริง อันน่ากลัว แต่ละบทละครมีคําอธิบายประกอบท้ายเรื่อง เรื่องที่8: เพียงวันพบวันนี้ที่สําคัญ พระราชนิพนธ์แปลจากภาษาจีนและเยอรมันจากต้นฉบับที่เป็นบทละคร ความเรียง และเรื่อง สั้น พินิจความเสื่อมสลายทางจิตวิญญาณของสังคมสมัยใหม่ ที่มนุษย์ใช้วัตถุเป็นเครื่องวัด ความสุขในชีวิต ปล่อยตนให้จมอยู่กับความสุขจอมปลอม ไม่รับรู้ความเป็นจริงและปญหาอื่น ั ใด ยึดมั่นถือมั่นผิดๆ จนถึงวาระสุดท้ายที่สายเกินแก้ วรรณกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า การ ตระหนักรู้ในสัจธรรมย่อมนําไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น


เรื่องที่9: ขบวนการนกกางเขน เด็กชาวฝรั่งเศส 8 คน หลายลักษณะนิสัย รวมตัวกันตั้งเป็นขบวนการ ใช้ชื่อว่า “ขบวนการนก กางเขน” ทั้งหมดเป็นเพื่อนรักกัน และหาเรื่องสนุกๆ ทํา จนกระทั่งเข้าไปผจญภัยในห้องใต้ดิน และนําไปสู่การค้นพบขุมทรัพย์ในที่สุด ภาษาที่ใช้ในเรื่องอ่านง่าย เข้าใจง่าย สละสลวย ทรง แปลจากภาษาฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ. 2521 เรื่องที่10: เมฆเหิน นํ้าไหล สะท้อนภาพความเปลี่ยนแปลงของสังคมจีนที่เป็นผลสืบเนื่องจากนโยบายสี่ทันสมัยที่เริ่มขึ้นใน พ.ศ. 2521 ความก้าวหน้าทางวัตถุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว วิถีชีวิตเปลี่ยนไป สังคมให้คุณค่าวัตถุ และเงินตรามากขึ้น นักวิชาการกลับมีสถานะที่ถดถอยลง เกิดความขัดแย้งระหว่างปญญาชนั รุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ในด้านความเชื่อ ค่านิยม และจริยธรรม “เมฆเหิน นํ้าไหล” แสดงให้เห็นสัจ ธรรมของชีวิตถึงความเปลี่ยนแปลง เหมือนเมฆที่ลอยเหินและนํ้าที่ไหลริน ไม่มีสิ่งใดบังคับ ควบคุมได้ เรื่องที่11: ผีเสื้อ สะท้อนให้เห็นสภาพของสังคมในสาธารณรัฐประชาชนจีนในช่วงการปฎิวัติวัฒนธรรม (พ.ศ. 2509-2519) ที่เต็มไปด้วยความสับสนและความขัดแย้งของผู้คนและอุดมการณ์ทางการเมือง ตลอดจนความขัดแย้งระหว่างอุดมคติกับชีวิตจริง มีการวิพากษ์วิจารณ์และทําลายวัฒนธรรม จีนดั้งเดิมอย่างกว้างขวาง กระทบวิถีชีวิตบุคคลที่สถานภาพต้องเปลี่ยนแปลงไปเหมือนดังชีวิต ของผีเสื้อ เรื่องที่12: ดุจดวงตะวัน พระราชนิพนธ์ปาฐกถา และบทสัมภาษณ์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวใน เรื่องการพัฒนาชนบท การถ่ายทอดความรู้ ความสนพระราชหฤทัย พระปรีชาสามารถ ตลอดจนการทรงประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ภาพ ประกอบบางภาพเป็นการ์ตูนที่สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเขียนทูลเกล้าถวาย


เรื่องที่13: ฝากฝันกลอนกานท์ รวมพระราชนิพนธ์ร้อยกรองบทสั้นๆ จํานวน 16 บท ที่มีแก่นเรื่องหลากหลาย ทรงพระราช นิพนธ์ขึ้นในหลายช่วงเวลา มีตั้งแต่ที่ทรงเรียงร้อยเมื่อพระชนมายุเพียง 12 พรรษา ใน พ.ศ. 2510 และที่ทรงประพันธ์ ใน พ.ศ. 2533 รวมทั้งมีอยู่ 2 บทที่ทรงแปลจากภาษาจีนและฝรั่งเศส ในด้านเนื้อหาสาระนั้นมีหลากรส ตั้งแต่เรื่องความรัก บทเพลง อารมณ์ขัน ความคิดเห็น และ พุทธประวัติ เรื่องที่14: ความคิดคํานึง เป็นหนังสือรวมพระราชนิพนธ์ร้อยกรองภาษาฝรั่งเศสจํานวน 14 บท ในการนี้ ทรงแปลบท ร้อยกรองเป็นภาษาไทยด้วยพระองค์เอง และมีผู้อื่นนําไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ และ พระราชทานภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ เช่น เนื้อความบางส่วนจาก “Lune” หรือ “พระจันทร์” หรือ “The Moon” พระจันทร์ กลางคืน พระจันทร์อันผุดผ่องส่องสว่าง ลอยเลื่อนอย่างนุ่มนวลใน อากาศ ไม่มีเมฆมาทําให้พระจันทร์มัวหมอง เงาของพระจันทร์ทําให้ทะเลสาบอันกว้างใหญ่ งดงามขึ้น แต่พอพระจันทร์ทรงเสน่ห์ลับหายไป ธรรมชาติก็ถูกครอบงําด้วยความโศก เรื่องที่15: REFLEXIONS บทพระราชนิพนธ์ร้อยกรองภาษาฝรั่งเศส 21 บท พร้อมบทแปลภาษาไทยและอังกฤษ ทรง พระราชนิพนธ์ระหว่างปี พ.ศ. 2514-2519 แนวคิดส่วนใหญ่เกี่ยวกับธรรมชาติและข้อคิดชีวิต มนุษย์ บางบทเกิดจากประสบการณ์ส่วนพระองค์ แต่ละบทมีเกร็ดประวัติให้ผู้อ่านทราบถึง แนวคิดหรือแรงบันดาลพระราชหฤทัยในการพระราชนิพนธ์บทนั้นๆ เรื่องที่16: นิทานโกหกเยอรมัน พระราชนิพนธ์แปลภาษาเยอรมัน รวมนิทานโกหกยอดนิยมของชาวเยอรมันไว้ถึง 22 เรื่อง จัดเป็นชุดเรื่องเล่าสําคัญในกลุ่มเรื่องเล่าพื้นบ้านประเภทตลกของเยอรมันในอดีต ซึ่งได้รับการ รวบรวมพิมพ์เป็นหนังสือหลายภาษา ได้รับความนิยมอย่างมาก


เรื่องที่17: หยกใสรายคํา ่ พระราชนิพนธ์แปลกวีนิพนธ์จีนโบราณ ถ่ายทอดความรู้สึก อารมณ์ ความคิดเห็น อุดมการณ์ และปญหาของยุคสมัย เกี่ยวข้องกับความมักน้อยสันโดษ การท่องเที่ยวไปในธรรมชาติอัน ั งดงามและยิ่งใหญ่ การพึ่งพาตนเอง และการเข้าถึงสัจธรรม โดยทรงแปลประมาณปี พ.ศ.2525-2532 เรื่องที่18: ดั ่งดวงแก้ว รวมพระราชนิพนธ์ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง บางเรื่องทรงพระราชนิพนธ์ไว้ตั้งแต่พระชนมายุ 12 พรรษา ภาพประกอบเป็นภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ มีรูปเล่มขนาดเล็กเพียง 5x7 เซนติเมตร เรื่องที่19: ข้าวไทยไปญี่ปุ่ น ทรงบันทึกการเสด็จฯ เยือนประเทศญี่ปุน่ ระหว่างวันที่23-26 พฤศจิกายน 2537เนื่องจากทรง รับเชิญจากสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติประเทศญี่ปุน่ เสด็จฯ ไปทรงร่วมงานและบรรยายพิเศษ เรื่องข้าวไทยในงานวัน Japan-IRRI Day ที่นครโตเกียว สาหรับเนื้อหาของการบรรยายพิเศษ นั้นทรงกล่าวถึงประวัติของข้าวไทยตั้งแต่สมัยโบราณ ความสําคัญของข้าวต่อเศรษฐกิจของ ประเทศ พระราชกรณียกิจด้านการเกษตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนถึงเรื่องวิถีชีวิต ประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ ของไทยที่เกี่ยวเนื่องกับข้าว เป็นต้น เรื่องที่20: เขมรสามยก ทรงบันทึกเรื่องราวทรงเสด็จพระราชดําเนินเยือนประเทศกัมพูชา 3 ครั้ง ครั้งแรกระหว่างวันที่ 25-27 สิงหาคม 2535 ครั้งที่2 วันที่8 มกราคม 2536 และครั้งที่3 ระหว่างวันที่12-18 มกราคม 2536 ทรงให้ความสนใจศึกษาเรื่องราวของประเทศกัมพูชา โดยเฉพาะในเรื่อง อิทธิพลของศิลปวัฒนธรรมเขมรที่มีต่อไทย เช่น ด้านภาษาและวรรณคดีรูปแบบทาง ศิลปกรรมและสถาปตยกรรมั


เรื่องที่21: คืน ฟ้ าใส บันทึกการเสด็จฯ เยือนราชอาณาจักรนอร์เวย์และราชอาณาจักรเดนมาร์ก ระหว่างวันที่17- 26 มิถุนายน 2532 พระราชดําริเกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้ได้ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในคํานาว่า “ หลังจากเคร่งเครียดกับการดูงานวิชาการ ดังที่ได้พรรณนาไว้ในหนังสือ“ปริศนาดวงดาว” แล้วในปีเดียวกันยังได้ไปประเทศนอร์เวย์นับเป็นประสบการณ์ที่ดีคือได้ศึกษาพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหนือเส้นอาร์กติก ดินฟ้ าอากาศช่วงนี้สว่างกระจ่างแจ้งจึงเป็นที่มาของชื่อ หนังสือ“คืนฟ้ าใส” เรื่องที่22: ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ ทรงบันทึกไว้เมื่อครั้งเสด็จพระราชดําเนินเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ระหว่างวันที่27 สิงหาคม-2 กันยายน 2534 เป็นการเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ครั้งแรก ตามคํากราบ บังคมทูลเชิญของรัฐบาลฟิลิปปินส์และยังได้เสด็จฯ ไปทรงรับรางวัลของมูลนิธิรามอน แมกไซ ไซ สาขาบริการชุมชน (Public Service) เรื่องที่23: ข้ามฝั ่งแห่งฝัน บันทึกการเสด็จพระราชดําเนินเยือนสหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่4-10 กรกฎาคม 2538 ทรงเปิดงานสําคัญ 2 งานในกรุงลอนดอน คือ งานด้านดนตรีไทยศึกษาที่มหาวิทยาลัย ลอนดอน และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสฉลองสิริ ราชสมบัติครบ 50 ปีณ สมาคมภูมิศาสตร์แห่งชาติและได้เสด็จฯ เยือนสถานที่สําคัญอื่นๆ ได้แก่สวนพฤกษศาสตร์คิว พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติพิพิธภัณฑ์ดนตรีพระราชวัง วินด์เซอร์เป็นต้น เรื่องที่24: เจียงหนานแสนงาม ทรงบันทึกไว้เมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่2-14 เมษายน 2542 ตอนหนึ่งว่า “คนไทยคุ้นเคยกับคาว่า เจียงหนาน หรือที่ภาษาจีนแต้จิ๋วออกเสียงว่า กังนั้ม และ ภาษาไทยออกเสียงเคลื่อนไปว่า กังหนา เพราะมีภาพยนตร์เกี่ยวกับจักรพรรดิเฉียนหลงเสด็จ ประพาสเจียงหนานมาฉายหลายเรื่อง ภาพยนตร์จีนกาลังภายในที่ฉายกันทางโทรทัศน์ก็มีอยู่ หลายเรื่องที่กล่าวถึงเจียงหนาน เรื่อง มังกรหยก ของกิมย้งก็เอาเจียงหนานมาเป็นฉากส่วน หนึ่งของเรื่อง มีผู้กล้าหาญทั้งเจ็ดแห่งกังหนาอาจารย์ของก๊วยเจ๋งเป็นตัวละครในเรื่องด้วย เพลงในภาพยนตร์เรื่องจอมใจจักรพรรดิหรือเจียงซานเหม่ยเหริน ก็ร้องบรรยายถึงเจียงหนาน เช่นกัน” เรื่องที่25: แดร๊กคูล่าผู้น่ารัก ทรงบันทึกไว้เมื่อครั้งเสด็จฯ เยือน 3 ประเทศในยุโรปตะวันออก ได้แก่ ประเทศโรมาเนีย สาธารณรัฐประชาชนฮังการีสาธารณรัฐออสเตรีย เบลเยี่ยม และสวิตเซอร์แลนด์ทั้งทรงเสด็จ ฯ ไปเฝ้ าฯ สมเด็จพระราชินีฟาบิโอลา ที่ราชอาณาจักรเบลเยียม ระหว่างวันที่13-25 มีนาคม 2537 ทรงเรียบเรียงตามลําดับเหตุการณ์ที่มีเรื่องราววัฒนธรรมที่เก่าแก่สถาปตยกรรมโบราณ ั ที่สวยงาม โดยมีภาพประกอบพร้อมคําอธิบายภาพ และคําบรรยายเรื่องราวตามลําดับ เหตุการณ์นั้นๆ


เรื่องที่26: ใต้เมฆที่เมฆใต้ ทรงพระราชนิพนธ์ไว้เมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อ พ.ศ. 2538 ซึ่งเป็นปีของการเฉลิมฉลอง 20 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน การเสด็จฯ ครั้งนั้น นอกจาก จะได้ทอดพระเนตรสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แล้ว ยังได้เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมสถาบันทางวิชาการ ที่น่าสนใจด้วย เช่น พิพิธภัณฑ์มณฑลยูนนาน โรงงานผลิตยานครคุนหมิง มหาวิทยาลัยยูน นาน สวนพฤกษาศาสตร์สมุนไพร สวนพฤกษาศาสตร์เขตร้อนสิบสอบปนนาัฯลฯ ซึ่งเป็น แหล่งรวบรวมความรู้อันสําคัญ เรื่องที่27: ทวิภาคสัญจร พระราชนิพนธ์เมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนประเทศฝรั่งเศส และสเปน ระหว่างวันที่16-31 พฤษภาคม 2535 ทรงเสด็จทอดพระเนตรสถานที่สําคัญของฝรั่งเศสหลายแห่ง อาทิหอไอเฟล ประสาทแวงแซน ร้านหนังสือ FNAC และเสด็จไปยังสานักงานใหญ่องค์การยูเนสโกเพื่อทรง ร่วมงานฉลองวันพระราชสมภพครบรอบ 100 ปีสมเด็จพระบรมราชชนก นอกจากนี้ยังทรง เสด็จฯ ทอดพระเนตรสถานที่สาคัญของสเปน เช่น โบสถ์ใหญ่ที่สุดในสเปน วัง Alcazar เป็น ต้น เรื่องที่28: ทัศนะจากอินเดีย เป็นบันทึกเรื่องราวการเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐอินเดีย ระหว่างวันที่10-28 มีนาคม 2530 ซึ่ง ได้เสด็จเยือนเมืองสําคัญต่างๆ ของอินเดีย ตั้งแต่ นครกัลกัตตา เมืองโครักขปุระ ปตนะั พาราณสีศรีนาคาร์และกรุงเดลีทรงทอดพระเนตรสถานที่สําคัญทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีศาสนา และศิลปวัฒนธรรมหลายแห่ง เรื่องที่29: ไทยเที่ยวพมา่ เป็นพระราชนิพนธ์ที่ทรงบันทึกไว้เมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมสหภาพพม่า หรือ สหภาพพม่า ในปจจุบันั เมื่อวันที่21-31 มีนาคม 2529 โดยเป็นการเสด็จฯ เยือนประเทศ พม่าเป็นครั้งแรกของพระองค์เนื้อหาส่วนใหญ่ทรงเล่าถึงสภาพบ้านเมือง ภูมิประเทศ ความ เป็นอยู่ โบราณวัตถุโบราณสถาน ซึ่งงดงามและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรม การ พัฒนาประเทศ ฯลฯ แทรกด้วยสาระน่ารู้และมีภาพประกอบจํานวนมาก เรื่องที่30: เบอร์ลินส ิ้ นกาแพง พระราชนิพนธ์เมื่อทรงเสด็จฯ เยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน ระหว่างวันที่21-24 พฤษภาคม 2538 ทรงเปิดงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่อง ในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปีณ Kurzentrum นครแฟรงก์เฟริต์ ซึ่งเป็นการจัด นิทรรศการครั้งแรกในทวีปยุโรป และทรงพบประธานาธิบดี(Prof. Dr. Roman Herzog) แห่ง สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน ที่นครเบอร์ลิน


เรื่องที่31: ประพาสภาษา พระราชนิพนธ์เมื่อเสด็จฯ ไปทรงเรียนภาษาเยอรมันที่เมืองเกิตติงเงน ระหว่างวันที่19 กุมภาพันธ์-20 มีนาคม 2545 ทรงเล่าว่า "การเรียนไม่ได้เป็นไปดังที่คิดไว้ทุกประการ เนื่องจากมีเวลาไปเข้าเรียนเพียง 3 สัปดาห์แทนที่จะเป็น 3 เดือน ในระหว่าง3 สัปดาห์ก็มี กิจกรรมต่างๆ แทรกอยู่ทาให้ขาดเวลา ที่จะใช้ทบทวนบทเรียน กิจกรรมนอกหลักสูตร เหล่านั้น บางส่วนก็ช่วยให้มีโอกาสใช้ภาษาเยอรมันมากขึ้น บางอย่างไม่ช่วยการเรียน ภาษาเยอรมัน แต่ช่วยให้มีความรู้กว้างขวางขึ้น ทั้งในด้านความรู้เกี่ยวกับเยอรมันนีและ ความรู้อื่นๆ" เรื่องที่32: ประพาสอุทยาน บันทึกเรื่องราวการเสด็จฯ เยือนประเทศอังกฤษ สก็อตแลนด์และสวิตเซอร์แลนด์ระหว่าง วันที่4-17 กรกฎาคม 2536 การเสด็จฯ ครั้งนี้ช่วงเวลาเกือบ 2 สัปดาห์ที่ประทับในยุโรป ทรงใช้ชีวิตในสวนเสียเป็นส่วนมาก ได้เสด็จฯ ทอดพระเนตรสวนพฤกศาสตร์หลายแห่ง ทั้งใน อังกฤษและสก็อตแลนด์รวมไปถึงการเสด็จฯ ทอดพระเนตรทัศนียธรรมทางธรรมชาติที่งดงาม ของบริเวณ Lake District ในประเทศอังกฤษอีกด้วย อีกทั้งเนื้อหาในพระราชนิพนธ์ที่นอกจาก จะทรงสอดแทรกสาระและเกร็ดความรู้เกี่ยวกับพืชพรรณไม้และธรรมชาติไว้อย่างน่าสนใจแล้ว ยังมีภาพประกอบที่สวยงามเป็นจํานวนมาก เรื่องที่33: ปริ ศนาดวงดาว บันทึกสาระความรู้ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และภาพประกอบที่สวยงามจากสถานที่ต่างๆ จากการเสด็จฯ เยือนฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์และเบลเยี่ยม เพื่อทรงศึกษาดูงานเกี่ยวกับการ สํารวจข้อมูลระยะทางไกล รวมถึงพระฉายาลักษณ์ในพระอิริยาบถต่างๆ เรื่องที่34: ป่ าสูงนํ้าใส บันทึกการเสด็จฯ เยือน “เนการาบรูไนดารุสซาลาม” ระหว่างวันที่7-14 กันยายน 2534 ทรง พระราชนิพนธ์ไว้ใน “ความนํา” มีใจความตอนหนึ่งว่า “เรื่องนี้อาจถือได้ว่าเป็นภาค 2 ของเรื่อง “ลัดฟ้ าล่าวิชาหาอาจารย์” เพราะว่าเมื่อวันที่24 มกราคม (2534) ข้าพเจ้าได้ไปที่ราชสมาคม ภูมิศาสตร์(The Royal Geographical Society) ตอนนั้นได้ทราบเรื่องโครงการศึกษาปาดิบ ่ เมืองร้อนที่บรูไน พอได้ยินเข้าข้าพเจ้าก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันทีเพราะเขาศึกษาปาในหลาย ่ แง่หลายมุม นักวิชาการหลายสาขามาศึกษาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ ทางสมาคมมีDr. John Hemming ผู้อานวยการของสมาคม เขาบอกว่า ถ้าไทยจะส่งนักศึกษา มาร่วมโครงการก็ได้ข้าพเจ้าเลยถามว่าถ้าข้าพเจ้าจะไปดูเองก่อนจะเป็นไปได้ไหม เขาบอกว่า “ไม่มีปญหาั” ข้าพเจ้าก็เลยตกลงใจจะไป”


เรื่องที่35: ม่วนซื่นเมืองลาว บันทึกการเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวของสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีครั้งแรกในวันที่11 เมษายน 2535 เสด็จฯ ทอดพระเนตร เมืองปากเซ แขวงจาปาสักโดยผ่านทางช่องเม็ก อําเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานีครั้งที่สอง ระหว่างวันที่16-19 ตุลาคม 2535 ทรงพบประธานประเทศ และผู้นํารัฐบาลลาว และเสด็จฯ ทอดพระเนตรสถานที่สําคัญต่างๆ ในแขวงพงสาลีและแขวงหลวงพระบาง ครั้งที่สาม ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2543 ตามเสด็จสมเด็จ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ไปทรง ร่วมพิธีฌาปนกิจศพ ท่านไกสอน พมวิหาน อดีตประธานประเทศ และครั้งที่สี่ระหว่างวันที่9- 14 พฤศจิกายน 2536 ทรงประกอบพิธีถวายผ้าพระกฐินทั้งในกรุงเวียงจันทน์และแขวงหลวง พระบาง และเสด็จฯ ทอดพระเนตรสถานที่สาคัญต่างๆ อีกด้วย เรื่องที่36: มนต์รักทะเลใต้ บันทึกการเสด็จฯ เยือนหมู่เกาะทะเลใต้เริ่มจากสาธารณรัฐสิงคโปร์สู่ปาปวนิวกินี ั ราชอาณาจักรตองกา หมู่เกาะคุก สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิและหมู่เกาะโซโลมอน ระหว่างวันที่ 15-25 เมษายน 2539 เรื่องที่37: เปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว สะพานมิตรภาพไทย - ลาวเปิดเมื่อวันที่8 เมษายน 2537 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีโดยเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ การเสด็จฯ ครั้งนี้โดยเครื่องบินพระที่นั่งจากท่าอากาศยานกองบัญชาการ กองทัพอากาศ ไปยังท่าอากาศยานอุดรธานีประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งไปสนามกองร้อย ตํารวจตระเวนชายแดนที่245 จังหวัดหนองคายประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ ไปยังสะพาน มิตรภาพไทย-ลาว เรื่องที่38: มุ่งไกลในรอยทราย ทรงบันทึกไว้เมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่7–21 เมษายน 2533 ในครั้งนี้ได้เสด็จพระราชดําเนินตามเส้นทางสายแพรไหม (Silk Road) ซึ่งเป็นเส้นทางการค้า ระหว่างประเทศ เชื่อมการติดต่อค้าขายระหว่างจีนกับแคว้นต่างๆ ในเอเชียและยุโรป


เรื่องที่39: เมื่อข้าพเจ้าเป็ นนักเรียนนอก ทรงบันทึกไว้เมื่อครั้งเสด็จพระราชดําเนินไปทรงศึกษาภาษาจีน ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่14 กุมภาพันธ์-15 มีนาคม 2544 เรื่องที่40: เย็นสบายชายนํ้า บันทึกเรื่องราวการเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่14-27 สิงหาคม 2539 โดยเริ่มจากคุนหมิงถึงฉงชิ่ง แล้วประทับเรือพระที่นั่งล่องไปตามแม่นํ้าแยงซีเกียง หรือฉาง เจียง ซึ่งเป็นแม่นํ้าที่ยาวที่สุดในประเทศจีนและของทวีปเอเซีย และการทอดพระเนตรโครงการ ซานเสีย ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก เรื่องที่41: โรมันสัญจร บันทึกการเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐอิตาลีระหว่างวันที่3-16 เมษายน 2531 เพื่อทรงเข้าร่วม ประชุมคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมควรได้รับรางวัล ฮันส์คริสเตียน แอนเดอร์สัน จัดโดย IBBY (International Board on Books for Young People) และเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมชม สถานที่ที่น่าสนใจต่างๆ ในอิตาลี เรื่องที่42: ลัดฟ้ าล่าวิ ชาหาอาจารย์ เล่มนี้ทรงเล่าถึงการเสด็จฯ เยือน 4 ประเทศในทวีปยุโรป ได้แก่ ประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส เบล เยี่ยม และ สวิตเซอร์แลนด์ระหว่างวันที่8-30 มกราคม 2534 กล่าวถึง การทรงเข้าร่วมฟั ง บรรยายในสถาบันการศึกษาต่างๆ ของประเทศเหล่านั้นเพื่อทรงศึกษาค้นคว้าความรู้เพิ่มเติม และทรงพบปะผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการในแขนงวิชาต่างๆ ที่มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด เสด็จ ฯ ทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์และหอสมุดต่างๆ ทั้งทรงเยี่ยมพิพิธภัณฑ์และสถาบันน่าสนใจ อื่นๆ เป็นต้น


เรื่องที่43: ลาวใกล้บ้าน ทรงพระราชนิพนธ์ไว้เมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่าง วันที่28 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน 2537 ทรงทอดพระเนตรกิจการและสถานที่ต่างๆ ที่ เวียงจันทน์แขวงไชยะบุลีเขตพิเศษเชียงฮ่อนหงสา แขวงบ่อแก้ว เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ทรง ให้ความสนพระราชหฤทัย และได้เสด็จฯ เยือนหลายครั้ง นอกจากนั้นได้เสด็จฯ เยี่ยมโครงการ ศูนย์พัฒนาและบริการด้านการเกษตร หลัก 22 ซึ่งเป็นโครงการตามพระราชดําริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานแก่รัฐบาลและประชาชนลาวอีกด้วย เรื่องที่44: ลาวตอนใต้ ทรงพระราชนิพนธ์ไว้เมื่อครั้งเสด็จพระราชดําเนินเยือนประเทศลาวทางตอนใต้เพื่อนบ้านที่ สาคัญและมีความผูกพันทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมกับไทยมายาวนาน เรื่องที่45: ลาวเหนือเมื่อปลายหนาว บันทึกเรื่องราวการเสด็จฯ เยือนลาวในครั้งนี้(ระหว่างวันที่21-24 มกราคม 2540) โดยได้ เสด็จฯ เยือนแขวงทางตอนเหนือของลาว ได้แก่แขวงอุดมไซและแขวงหลวงน้าทา เพื่อ ทอดพระเนตรและศึกษาสภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมของประชาชน ลาวในพื้นที่ดังกล่าว และเสด็จฯ เยี่ยมกิจการของโรงพยาบาลและโรงเรียนของท้องถิ่นอีกด้วย เรื่องที่46: ลุยป่ าฝ่าฝน ทรงบันทึกเมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่11-15 เมษายน 2537 การ เสด็จฯ เยือนในครั้งนั้น นอกจากกําหนดการเข้าเฝ้ าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีและพระราชินีแห่ง มาเลเซีย และทรงพบผู้นํารัฐบาลมาเลเซียแล้ว ได้เสด็จฯ ไปยังเมืองคูชิงและเมืองมิริในรัฐซา ราวัก เพื่อทอดพระเนตรและทรงทัศนศึกษาสถานที่สําคัญทางธรรมชาติและพฤกษศาสตร์


เรื่องที่47: สวนสมุทร ทรงพระราชนิพนธ์ไว้เมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนประเทศฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. 2538 ทรงเสด็จพระราช ดําเนินไปยังสถานที่ที่ยังไม่เคยทอดพระเนตรเลย เช่น ศูนย์อนุรักษ์พรรณพืชแห่งชาติปอร์เก อรอลส์พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติสานักงานกาชาดฝรั่งเศส และอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้งนอร์มังดีอันเป็นสถานที่สาคัญทางประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่2 เรื่องที่48: หวงเหออู่อารยธรรม ทรงบันทึกไว้เมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่7-20 มีนาคม 2543 ครั้งนี้ทรงบันทึกเป็นจดหมาย 14 ฉบับ ตามจํานวนวันของการเสด็จฯ เยือนจีนในคราวนี้ได้ เสด็จฯ ทอดพระเนตรสถานที่ต่างๆ ที่น่าสนใจ ในมณฑลส่านซีมณฑลซานตง มณฑลเหอห นาน อันเป็นบริเวณที่แม่นํ้าหวงเหอไหลผ่าน เป็นอู่อารยธรรมของจีน เรื่องที่49: แอนตาร์กติกา: หนาวหน้าร้อน บันทึกเมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนทวีปแอนตาร์กติกา ประเทศนิวซีแลนด์หรือขั้วโลกใต้ดินแดนแห่ง ความหนาวเย็น ระหว่างวันที่17-24 พฤศจิกายน 2536 ทรงทอดพระเนตรหน่วยงานต่างๆ ภายใน Scott Base พิพิธภัณฑ์ของศูนย์แอนตาร์กติการะหว่างประเทศ ถํ้านํ้าแข็ง Erebus Glacier Tongue เที่ยวชมนก เพนกวิน ซึ่งทรงเล่าเหตุการณ์ว่าเป็นการเดินทางที่ต้องผจญภัย ครั้งยิ่งใหญ่สู่ดินแดนที่มีความแตกต่างทางภูมิศาสตร์และภูมิอากาศจากประเทศไทยเป็นอย่าง มาก เรื่องที่50: ไอรักคืออะไร? ทรงพระราชนิพนธ์ไว้เมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐประชาชน มองโกเลีย สองดินแดนที่มีวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีที่น่าสนใจ และถือเป็นต้นกําเนิด หนึ่งของอารยธรรมตะวันออกอันเก่าแก่ที่แพร่กระจายไปในหลายประเทศ ระหว่างวันที่3-12 ตุลาคม 2535


เรื่องที่51: แกะรอยโสม บันทึกเรื่องราวการเสด็จฯ เยือนประเทศสาธารณรัฐเกาหลีสาธารณรัฐประชาชนจีน และ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี(เกาหลีเหนือ) ระหว่างวันที่18-29 มี.ค. 2534 ซึ่ง ทรงบันทึกเหตุการณ์ที่ทรงพบเห็นในระหว่างการเสด็จเยือนสถานที่ต่างๆ ตลอดเวลาที่ทรง ประทับอยู่ มีภาพประกอบสวยงามที่ได้ทรงบรรยายไว้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เรื่องที่52: ชมช่อมาลตี ทรงบันทึกเมื่อเสด็จฯ เยือนประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่2-16 ตุลาคม 2527 ภาพแรกเป็น พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวส่งเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีที่ทรงคุกพระชานุกอด "ทูลกระหม่อมพ่อ" ที่ทรงวางพระหัตถ์ทั้งสองบน พระอังสะและพระปฤษฎางค์พระราชธิดาช่างน่ารักนักหนา ทรง "บอกกล่าวเสียก่อน" เหมือน คํานา ความว่าหนังสือ "ชมช่อมาลตี" มาจากสมุดบันทึกการเดินทาง ซึ่งเขียนขึ้นอย่างเร่งด่วน ในการที่พระองค์ท่านเสด็จฯ ต่างประเทศทุกครั้ง ที่ทรงใช้ชื่อ "ชมช่อมาลตี" เพราะดอกมาลตี คือ ดอกมะลิที่อินโดนีเซีย ถือเป็นดอกไม้ประจําชาติ เรื่องที่53: ชมดอกไม้ไกลบ้าน ทรงบันทึกเมื่อเสด็จฯ เยือนประเทศญี่ปุน่ อย่างเป็นทางการของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีระหว่างวันที่19-30 มิถุนายน 2533 เรื่องที่54: พุทธศาสนสุภาษิต คําโคลง เป็นบทกวีพระราชนิพนธ์ที่ทรงพระราชนิพนธ์ตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงศึกษาอยู่ที่คณะอักษร ศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทรงศึกษาพุทธศาสนสุภาษิตจากหนังสือพุทธศาสนสุภาษิต ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส แล้วทรงผูกเป็นโคลงขึ้น


เรื่องที่55: สัปดาห์สบายๆ ใกล้ชายหาด พระราชนิพนธ์บันทึกการเสด็จฯ ไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ณ จังหวัดเพชรบุรีและจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ระหว่างวันอาทิตย์ที่14–วันศุกร์ที่19 สิงหาคม 2537 ในการนี้ได้เสด็จฯ ไป ทรงปลูกต้นไม้และปล่อยปลาลงในอ่างเก็บน้าค่ายพระราม 6 ทอดพระเนตรพระราชนิเวศน์ มฤคทายวัน ทรงฟั งการบรรยายสรุปเกี่ยวกับภูมิประเทศบริเวณปาละอู่ ทรงพระดําเนินเข้าปา่ ไปที่ท่านํ้าเพชรบุรีระหว่างทางทอดพระเนตรพรรณไม้ต่างๆ ทรงเยี่ยมศูนย์ส่งเสริมการศึกษา บ้านโป่ งลึก ทอดพระเนตรเขื่อนแก่งกระจานและทรงฟั งคาบรรยายประกอบสไลด์มัลติวิชั่น เกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ทรงเยี่ยมโรงเรียนวังไกลกังวล เรื่องที่56: ข้าวไทย พระราชนิพนธ์ที่ทรงจัดทําขึ้นไว้เมื่อครั้งเสด็จฯ ไปทรงบรรยายเรื่องข้าวไทยที่สถาบัน International Rice Institute เมื่อวันที่25 พฤศจิกายน 2537 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุน่ เนื้อหาของบทพระราชนิพนธ์มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เรื่องที่57: บันทึกเรื่องการปกครองของไทยสมัยอยุธยาและต้นรัตนโกสินทร์ เมื่อครั้งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงศึกษาอยู่ชั้นปีที่1 คณะอักษร ศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทรงศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการเมืองการปกครอง กฎหมาย เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม กับหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ปราโมช หนังสือเล่มนี้เป็นพระราช นิพนธ์ที่ทรงเรียบเรียง เนื้อหาจากคําสอนในเรื่องดังกล่าว เรื่องที่58: ภูมิศาสตร์กับวิถีชีวิตไทย เสด็จฯ ไปทรงเปิดการสัมมนาเรื่อง “ภูมิศาสตร์กับวิถีชีวิตไทย” และได้ทรงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ภูมิศาสตร์กับวิถีชีวิตไทย” ณ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่12 กันยายน 2543 ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรได้จัดสัมมนาขึ้น ระหว่างวันที่12-14 กันยายน 2543 เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารีองค์ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารศูนย์ฯ ในวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน 2543


เรื่องที่59: วัดพระศรีรัตนศาสดาราม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดการแสดงปาฐกถาชุดสิรินธรขึ้นเป็นประจําทุกปีเพื่อสนอง วัตถุประสงค์เงินทุนเฉลิมฉลองสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในการทํานุ บํารุงส่งเสริมถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับอารยธรรมของชนชาวไทย โดยสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีรับเป็นองค์ที่ปรึกษากิตติมศักดิในคณะกรรมการบริหาร ์ เงินทุน รวมทั้งเสด็จฯ ทรงฟั งปาฐกถา โดยผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆ ที่อยู่ในความสนพระ ราชหฤทัย นอกจากนี้ยังได้จัดพิมพ์ปาฐกถาเป็นหนังสือออกเผยแพร่ทุกปีการแสดงปาฐกถา ครั้งแรกทรงพระราชทานปาฐกถา เรื่อง “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม” เป็นประเดิม ณ หอประชุม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่26 มีนาคม 2525 เรื่องที่60: สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีกับพระราชกรณียกิจพระราชจริ ยา วัตรด้านการศึกษา เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลอง 100 ปีวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราช ชนนีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้จัดงานวิชาการ “วันสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ครั้งที่14 ประจําปี2543 โดยจัดนิทรรศการเพื่อเผยแพร่ผลงานทาง วิชาการของสถาบันภายใต้หัวข้อ “100 ปีสมเด็จย่า” เมื่อวันที่21 พฤศจิกายน 2543 ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงพระกรุณาพระราชทานคําบรรยายเรื่อง “สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีกับพระราชกรณียกิจพระราชจริยาวัตรด้านการศึกษา” โดยเนื้อหาสาระที่ทรงบรรยายแสดงให้เห็นถึงพระวิริยะ พระอุตสาหะ และพระปณิธานอันแน่ว แน่ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในการทรงงานด้วยอุดมการณ์“การศึกษาเพื่อ ทุกคน” ที่มา: 1. “หนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีสําหรับอ่าน-บันทึกเป็นหนังสือเสียงเพื่อผู้ พิการทางสายตา” จากเว็บไซต์สํานักหอสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (http://main.library.tu.ac.th/km/?page_id=9438) 2. “เทพรัตน์มณีสาร ร้อยตระการร้อยแสงแห่งศาสตร์ศิลป์” รวมพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ซึ่งทรง พระกรุณาพระราชทานพระราชานุญาตให้ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จํากัด จัดพิมพ์


Click to View FlipBook Version