วนั ท่ี 2 เมษายน : วันรักการอ่าน : วันอนุรักษ์มรดกไทย
วันท่ี 6 เมษายน : วันจักรี
วันท่ี 13 – 14 – 15 เมษายน : วันสงกรานต์
การพดู การอา่ น การเขียน การฟัง กริยาเหลา่ นี ้เป็นสง่ิ ท่ีเรา
ทกุ คนต้องปฏิบตั ใิ นชีวติ ประจาวนั แตป่ ัจจบุ นั ด้วยความท่ีเรามี
เวลาท่ีจากดั จงึ ทาให้คนไทยหา่ งเหนิ กบั กิจกรรมเหลา่ นี ้
โดยเฉพาะการอา่ นหนงั สอื รัฐบาลซง่ึ เลง็ เหน็ ความสาคญั ของ
ปัญหาดงั กลา่ ว จงึ ได้กาหนดให้วนั ท่ี 2 เมษายนของทกุ ปี ซงึ่ เป็น
วนั คล้ายวนั พระราชสมภพของสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ
สยามบรมราชกมุ ารี ผ้ทู รงมีคณุ ปู การตอ่ วงการหนงั สอื ไทย
เป็น "วนั รักการอา่ น" ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา
2 เมษายน ของทุกปี เป็ นวันคล้ายวันพระราชสมภพ
ของสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ในฐานะท่มี ีพระมหากรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวง ในงาน
ด้านศลิ ปวัฒนธรรมของชาติ รัฐบาลจงึ กาหนดให้เป็ น
"วันอนุรักษ์มรดกไทย" ตัง้ แต่ปี พ.ศ. 2528 เป็ นต้นมา
วัตถุประสงค์ของการจัดงานวันอนุรักษ์มรดกไทย
1. เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนได้ตระหนกั ถงึ ความสาคญั และ
เหน็ คณุ คา่ มรดกทางศิลปวฒั นธรรมของชาติ
2. เพื่อรณรงค์ให้มีการสงวนรักษามรดกทางศิลปวฒั นธรรม
ของชาติอยา่ งถกู วธิ ี
3. เพื่อสง่ เสริมสนบั สนนุ ให้ประชาชนและภาคเอกชนได้มี
ความรู้สกึ ร่วมในความเป็นเจ้าของโบราณสถาน โบราณวตั ถุ และ
ร่วมรับผิดชอบดแู ลทานบุ ารุงรักษาให้เป็นมรดกไทยประจาถ่ิน
4. เพื่อพฒั นาอตุ สาหกรรมการทอ่ งเที่ยวในท้องถิ่น
5. เพ่ือลดอตั ราการสญู เสยี และการถกู ทาลายของ
โบราณสถาน โบราณวตั ถใุ ห้น้อยลง
6. เพื่อสกดั กนั้ อิทธิพลของวฒั นธรรมตา่ งชาติ ซงึ่ มีผลให้
วฒั นธรรมไทยเบ่ียงเบนเปลีย่ นทิศทางไป
วันจักรี (Chakri Memorial Day) ตรงกบั วนั ที่ 6 เมษายน
ของทกุ ปี อนั เน่ืองมาจากเม่ือวนั ที่ 6 เมษายน พ.ศ.2325
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้ าจฬุ าโลกมหาราช หรือพระ
รามาธิบดีที่ 1 ทรงเสดจ็ ปราบดาภิเษกขีน้ เป็นพระมหากษัตริย์
แหง่ ราชวงศ์จกั รีและเป็นวนั ครบรอบการกอ่ ตงั้ ราชวงศ์จกั รี ใน
วนั นีจ้ งึ ถือเป็นวนั สาคญั อีกวนั หนง่ึ ท่ีพวกเราชาวไทยควรให้ความ
ระลกึ ถงึ กวา่ จะมาเป็นสยามได้ในทกุ วนั นี ้
เม่ือถงึ เดือน 5 ตรงกบั วนั ที่ 13 เมษายนของทุก ๆ ปี เราเรียก
วนั นีว้ า่ " วันสงกรานต์ " ประเพณีไทยเดิมถือวา่ วนั นีเ้ป็นวนั ขนึ ้ ปี
ใหมธ่ รรมเนียมไทยเราก็จะมีการเลน่ รื่นเริง มีการรดนา้ ดาหวั
โดยเฉพาะหนมุ่ ๆ สาวๆ จะสนกุ กนั เตม็ ท่ีเลน่ สาดนา้ กนั โดยไมถ่ ือเนือ้
ถือตวั เลย ในชนบทหลายแหง่ มีการเลน่ พืน้ เมืองตา่ ง ๆ กนั อนง่ึ วนั นี ้
บางแหง่ จะเร่ิมจากวนั ที่ ๑๓ เมษายน และมีการเลน่ สนกุ สนานไป
ราว ๆ ๑ สปั ดาห์ หรือกวา่ นนั้ แตไ่ มเ่ กิน 2 สปั ดาห์ ระยะนีจ้ ะมีการ
นานา้ หอมเสอื ้ ผ้าอาภรณ์ไปรดนา้ ผ้ใู หญ่ ญาตพิ ่นี ้องทเ่ี คารพนบั ถือ
และทางศาสนาก็จดั ให้มีการบายศรีพระสงฆ์สมภารเจ้าวดั สรงนา้
พระพทุ ธรูปศกั ด์สิ ทิ ธ์ิเทา่ ที่มีตามวดั ตา่ ง ๆ ที่อยใู่ กล้เคียง
ความเป็ นมาวันสงกรานต์
สาหรับคาวา่ "สงกรานต์" มาจากภาษาสนั สกฤตวา่ "ส-กรานต“
ซงึ่ แปลวา่ ก้าวขึน้ ย่างขนึ้ หรือการย้ายท่ี เคล่ือนท่ี โดยหมายความ
อีกนยั หนง่ึ วา่ เป็ นการเข้าสู่ศักราชราศีใหม่ หรือวันขนึ้ ปี ใหม่
น่ันเอง สว่ นเทศกาลสงกรานต์นนั ้ เป็นประเพณีเก่าแก่ของคนไทยสบื
ทอดกนั มาตงั้ แตโ่ บราณคกู่ นั มากบั ประเพณีตรุษจีน จงึ มีการเรียกรวมกนั
วา่ "ประเพณีตรุษสงกรานต์" ซง่ึ หมายถึง ประเพณีสง่ ท้ายปี เกา่ ต้อนรับ
ปี ใหม่ นนั่ เอง
ทงั้ นี ้วนั หยดุ สงกรานต์ เป็ นวนั หยดุ ราชการ แบง่ ออกเป็น 3 วนั
ได้แก่
- วนั ท่ี 13 เมษายน เรียกวา่ วนั มหาสงกรานต์
- วนั ที่ 14 เมษายน เรียกว่า วนั เนา
- วนั ท่ี 15 เมษายน เรียกวา่ วนั เถลงิ ศก
นางสงกรานต์ปี 2563 นามว่า นางโคราคะเทวี
ทรงพาหรุ ัด(รัดต้นแขน) ทดั ดอกปี บ อาภรณ์แก้วมกุ ดาหาร
ภกั ษาหารนา้ มนั หตั ถ์ขวาทรงขรรค์ หตั ถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสดจ็
ไสยาสน์ลืมเนตร (นอนลืมตา) มาเหนือหลงั พยคั ฆ์ (เสอื ) เป็น
พาหนะ เกณฑ์พริ ุณศาสตร์ ปี 2563 นี ้ศกุ ร์ เป็นอธิบดีฝน
บนั ดาลให้ฝนตก 600 หา่ ตกในเขาจกั รวาล 240 หา่ ตกในป่ า
หิมพานต์ 180 หา่ ตกในมหาสมทุ ร 120 หา่ ตกในโลกมนษุ ย์ 60
หา่ เกณฑ์ธาราธิคณุ ตกราศีมถิ นุ ชื่อวาโย (ธาตลุ ม) นา้
พอประมาณ พายจุ ดั เกณฑ์นาคราชให้นา้ ปี นี ้นาคราชให้นา้ 1
ตวั ทานายวา่ ฝนทราม