ระดับภาษา
และ
คำราชาศัพท์
ผู้จัดทำ
กลุ่ม ๓
สารบัญ หน้า
เรื่อง
๑
๑. ระดับภาษา ๑
๑.๑ การแบ่งระดับภาษา ๒
๑.๒ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเลือกใช้ระดับภาษา ๓
๑.๓ ลักษณะของภาษาในระดับต่าง ๆ ๓
๑.๓.๑)ลักษณะของภาษาแบบแผน ๔
๑.๓.๒) ลักษณะของภาษากึ่งแบบแผน ๕
๑.๒.๓) ลักษณะภาษาที่ไม่เป็นแบบแผน ๖
๖
๒. คำราชาศัพท์ ๖
๒.๑ ความหมายและความสำคัญ ๖
๒.๒ ที่มาของคำราชาศัพท์ ๙
๒.๒.๑) คำราชาศัพท์ที่มาจากคำไทยแท้ ๑๒
๒.๒.๒) คำราชาศัพท์ที่มาจากภาษาอื่น ๑๓
๓. การใช้ราชาศัพท์
๓.๑ ข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับราชาศัพท์
๑
๑) ระดับภาษา
ภาษาเป็นวัฒนธรรมที่มีความสำคัญอย่างมากต่อชีวิตมนุษย์
ภาษาเข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินชีวิตมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคม จำเป็นจะต้องอยู่ร่วมกันมีกาปฏิสัมพันธ์
สื่อสารกัน มนุษย์จึงต้องใช้ภาษาเพื่อเป็นสื่อกลางในการสื่อความหมาย
ให้เกิดความเข้าใจกัน ทั้งนี้การใช้ภาษาต้องคำนึงถึงฐานะของบุคคล
และโอกาสที่ต้องการสื่อสาร
๑.๑ การแบ่งระดับภาษา
ระดับภาษาที่ใช้ในการสื่อสารอาจแบ่งออกเป็น ๓ ระดับ คือ
๑) ภาษาแบบแผน เป็นระดับภาษาที่ใช้พูดหรือเขียนที่ผู้ใช้ต้องระมัดระวัง
เรื่องความถูกต้องทางหลักภาษาเป็นสำคัญ รู้จักเลือกใช้คำให้ถูกต้องเหมาะ
สม การสร้างประโยคต้องมีความสมบูรณ์ สื่อความชัดเจน สุภาพ และมี
มารยาท
ภาษาแบบแผนใช้สื่อสารกันในที่ประชุมที่จัดอย่างเป็นพิธีการ เช่น การเปิด
ประชุมรัฐสภา การกล่าวปราศรัย เป็นต้น
ภาษาเขียนที่เป็นภาษาแบบแผน เช่น การเขียนเอกสารทางวิชาการ
บทความทางวิชาการ การเขียนสารคดีทางวิชาการ เป็นต้น
๒) ภาษากึ่งแบบแผน ภาษาในระดับนี้จะลดความเป็นทางการลงเพื่อให้เกิด
ความใกล้ชิดระหว่างผู้รับสารและผู้ส่งสาร การใช้ภาษาระดับนี้มักใช้
ในการกล่าวอวยพรการประชุมกลุ่มเล็ก การอภิปรายกลุ่ม เป็นต้น
ถ้าเป็นการใช้ภาษาเขียนจะใช้ภาษากึ่งแบบแผนในโอกาสที่ไม่เป็นทางการ
ได้แก่ ภาษาที่ใช้เขียนในนิตยสาร วารสาร เนื้อหาทั่วๆไป เช่น
การแสดงความคิดเห็นเชิงวิชาการ หรือเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต เป็นต้น
๒
๓) ภาษาไม่เป็นแบบแผน เป็นการใช้ภาษาที่ผู้ใช้ไม่เคร่งครัดในเรื่องการ
ใช้ภาษา ภาษาระดับนี้เป็นภาษาที่ใช้ในวงจำกัด เช่น ภาษาที่ใช้กันภายใน
ครอบครัวระหว่างสามี-ภรรยา บิดามารดา-บุตร และญาติสนิทมิตร
สหาย สนทนากันในชีวิตประจำวันมุ่งสื่อความหมายพอให้เข้าใจ
ภาษาไม่เป็นแบบแผนสามารถแบ่งได้เป็น ๒ ระดับ คือ
ภาษาปาก เป็นระดับภาษาที่ใช้พูดกันในชีวิตประจำวันกับบุคคลใน
ครอบครัวและบุคคลทั่วไป เช่น ในการติดต่องานการซื้อขาย การ
ประกอบอาชีพ การโฆษณาทางสื่อต่างๆ เป็นต้น
ภาษาต่ำ เป็นระดับภาษาที่จัดเป็นภาษาไม่สุภาพ ไม่คำนึงถึงความถูก
ต้องของหลักภาษาอาจมีการใช้คำหยาบ คำที่ส่อไปในทางหยาบคาย
คำสแลง หรือเรียกว่า "คำตลาด" ภาษาระดับนี้ไม่เหมาะที่จะใช้สื่อสาร
โดยทั่วไปไม่ควรนำไปใช้กับบุคคลที่อาวุโสกว่าหรือในสถานที่สาธารณะ
๑.๒ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเลือกใช้ระดับภาษา
ปัจจัยที่กำหนดการเลือกใช้ระดับภาษาเพื่อการสื่อสาร มีดังนี้
๑) โอกาสและสถานที่ เป็นปัจจัยที่กำหนดการเลือกใช้ระดับภาษา
ถ้าสื่อสารกับบุคคลกลุ่มใหญ่หรือในที่ประชุมภาษาที่ใช้จะต่างระดับกัน กับ
การสื่อสารที่บ้าน ซึ่งโอกาสในการใช้ระดับภาษาสามารถแบ่ง
ออกเป็นโอกาสอย่างเป็นทางการ คือ โอกาสสำคัญต่างๆ
ที่เป็นพิธีการ ระดับภาษาที่ใช้จะเป็นภาษาระดับแบบแผน
และโอกาสไม่เป็นทางการ ทั้งในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน
และการติดต่อกันทางด้านธุรกิจต่างๆ ระดับภาษาที่ใช้อาจ
เป็นภาษากึ่งแบบแผนหรือภาษาไม่เป็นแบบแผน
๒) สัมพันธภาพระหว่างบุคคล เป็นปัจจัยในการใช้ระดับภาษา
ที่ บุ ค ค ล สื่ อ ส า ร กั น ร ว ม ทั้ ง ยั ง ต้ อ ง คำ นึ ง ถึ ง เ รื่ อ ง โ อ ก า ส ใ น ก า ร ใ ช้ ด้ ว ย
เช่น บุคคลที่เป็นเพื่อนกันเมื่อกล่าวในที่ประชุมก็ไม่สามารถใช้
ภ า ษ า ร ะ ดั บ เ ดี ย ว กั น กั บ ที่ เ ค ย ใ ช้ พู ด คุ ย กั น ต า ม ลำ พั ง ไ ด้
๓
๓) ลักษณะของเนื้อหา เนื้อหาของสารมีความเกี่ยวข้องกับโอกาสใน
การสื่อสาร เช่น เนื้อหาส่วนตัวไม่นำไปใช้ในโอกาสที่ต้องใช้
ภาษาระดับแบบแผน ถ้าใช้ภาษาไม่เหมาะสมก็จะทำให้การสื่อสาร
ไม่ประสบผลสำเร็จตามที่ต้องการได้
๔) สื่อที่ใช้ เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้ระดับ
ภาษาแตกต่างกัน เช่น การเขียนจดหมายส่วนตัวจะใช้
ระดับภาษาไม่เหมือนกับการเขียนสื่อสารลงบน
ไปรษณียบัตร การบอกเรื่องราวต่างๆ ด้วยตนเอง
กับการประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงภาษาที่ใช้พูดก็จะมี
ความแตกต่างกัน
๑.๓ ลักษณะของภาษาในระดับต่างๆ
ลักษณะของภาษาในระดับต่างๆ จะกล่าวในประเด็นการเขียน
เรียบเรียงประโยด กลวิธีการนำเสนอ และถ้อยคำที่ใช้
ซึ่งสามารถสรุปพอสังเขปได้ ดังนี้
๑.๓.๑)ลักษณะของภาษาแบบแผน มีดังนี้
๑) การเขียนเรียบเรียงประโยค ในภาษาแบบแผนทั้งผู้พูดและผู้เขียน
จะต้องระมัดระวังการใช้ภาษาให้สละสลวยเนื้อหาให้มีความต่อเนื่อง
กลมกลืนกัน เช่น การกล่าวสุนทรพจน์ การกล่าวคำปราศรัย หากเป็น
หนังสือราชการก็จะเขียนอย่างมีระบบตามแบบแผน โดยกล่าวถึง
จุดประสงค์ของเรื่องอย่างตรงไปตรงมาอาจประกอบเหตุผล
ความต้องการ ความประสงค์ให้ผู้รับสารทราบหรือให้กระทำการ
อย่างใดอย่างหนึ่ง การเขียนบทความใช้ภาษาระดับแบบแผนก็เช่นกัน
เนื้อหาจะต้องเรียงไปตามลำดับ
๔
๒) กลวิธีการนำเสนอ ภาษาแบบแผนจะนำเสนอตามรูปแบบที่กำหนด
เช่น คำกราบบังคมทูลหรือคำกล่าวรายงานจะต้องใช้ดำขึ้นต้นและคำลงท้าย
ตามแบบแผนที่กำหนด ถ้าเป็นการนำเสนอทางวิทยุ โทรทัศน์ เช่น
ประกาศหรือแถลงการณ์จะใช้ระดับภาษาที่ไม่เจาะจงสื่อสารไปที่ผู้ใด
แต่มุ่งไปสู่สาธารณชนเป็นหลัก แต่ในการเขียนหนังสือราชการหรือธุรกิจ
ระหว่างหน่วยงานมักสื่อสารกันระหว่างตำแหน่งในนามของหน่วยงานนั้นๆ
๓) ถ้อยคำที่ใช้ ภาษาที่ใช้ในระดับแบบแผนจะใช้สรรพนามบุรุษที่ ๑
ได้แก่ กระผม ผม ดิฉัน และข้าพเจ้า สรรพนามฝ่ายผู้รับมักใช้
ท่ า น ท่ า น ทั้ ง ห ล า ย
๑.๓.๒) ลักษณะของภาษากึ่งแบบแผน มีดังนี้
๑ ) ก า ร เ ขี ย น เ รี ย บ เ รี ย ง ป ร ะ โ ย ค ลั ก ษ ณ ะ ก า ร เ ขี ย น เ รี ย บ เ รี ย ง
ป ร ะ โ ย ค กึ่ ง แ บ บ แ ผ น ทั้ ง ผู้ พู ด แ ล ะ ผู้ เ ขี ย น จ ะ ต้ อ ง ร ะ มั ด ร ะ วั ง ก า ร ใ ช้
ภ า ษ า สำ ห รั บ ภ า ษ า กึ่ ง แ บ บ แ ผ น ซึ่ ง มี ก า ร โ ต้ ต อ บ แ ล ะ อ ภิ ป ร า ย
ทำ ใ ห้ มี ก า ร ไ ม่ เ รี ย ง ลำ ดั บ ห รื อ ไ ม่ เ ป็ น ร ะ เ บี ย บ บ้ า ง ใ น ก า ร อ ภิ ป ร า ย
อ า จ มี ผู้ พู ด ใ น สิ่ ง ที่ ต น อ ย า ก รู้ อ ย า ก จ ะ พู ด จึ ง ถื อ เ ป็ น ห น้ า ที่ ข อ ง ผู้ นำ
ก า ร พู ด ที่ จ ะ ต้ อ ง พ ย า ย า ม นำ เ ข้ า สู่ ป ร ะ เ ด็ น เ พื่ อ ใ ห้ ก า ร พู ด ห รื อ ก า ร
อ ภิ ป ร า ย ต ร ง ต า ม จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ที่ ต้ อ ง ก า ร
๒) กลวิธีการนำเสนอ การใช้ภาษากึ่งแบบแผนจะไม่มี
รูปแบบวิธีการนำเสนอที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับความประสงค์
ของผู้ส่งสาร
๓ ) ถ้ อ ย คำ ที่ ใ ช้ ภ า ษ า ที่ ใ ช้ ใ น ร ะ ดั บ กึ่ ง แ บ บ แ ผ น ผู้ ส่ ง ส า ร แ ล ะ
ผู้ รั บ ส า ร จ ะ ใ ช้ ส ร ร พ น า ม แ ท น ต น เ อ ง แ ล ะ ผู้ รั บ ส า ร
เ ช่ น เ ดี ย ว กั บ ร ะ ดั บ ภ า ษ า แ บ บ แ ผ น
๕
๑.๒.๓) ลักษณะภาษาที่ไม่เป็นแบบแผน มีดังนี้
๑) การเขียนเรียบเรียงประโยค ภาษาระดับไม่เป็นแบบแผน ไม่
จำเป็นต้องมีระเบียบ เพียงแต่ต้องพูดเพื่อสื่อสารให้เข้าใจกันได้
เท่านั้น
๒) กลวิธีการนำเสนอ ภาษาไม่เป็นแบบแผนจะไม่มีรูปแบบ
การนำเสนอที่ตายตัว เช่นเดียวกันกับภาษาระดับกึ่งแบบแผน
แต่อาจจะใช้น้ำเสียงแสดงความคุ้นเคยหรือแสดงความรู้สึกได้
๓) ถ้อยคำที่ใช้ ภาษาระดับไม่เป็นแบบแผน มีสรรพนามที่ใช้แทน
ตัวผู้ส่งสาร เช่น ฉัน ผม ดิฉัน กัน เรา หนู เป็นต้น
และสรรพนามแทนผู้รับสาร เช่น เธอ คุณ ท่าน ตัว แก เป็นต้น
การใช้ระดับภาษาเป็นเรื่องของความเหมาะสมในการใช้คำ
ตามสัมพันธภาพระหว่างบุคคล โอกาสและกาลเทศะ เพื่อให้สัมฤทธิผล
สมความมุ่งหมาย การใช้ภาษาให้เหมาะสมกับบุคคลเป็นการแสดง
วัฒนธรรมทางภาษาที่ดีงาม ผู้ที่ใช้ภาษาได้เหมาะสมกับบุดคลและใช้ได้
อย่างถูกต้อง จะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีมารยาท รู้จักการใช้ภาษาได้ดี
และมีวัฒนธรมทางภาษาที่ดีงามอีกด้วย
๖
๒.คำราชาศัพท์
๒.๑ ความหมายและความสำคัญ
คำราชาศัพท์ หมายถึง กลุ่มคำศัพท์ที่มีลักษณะพิเศษ คือ เป็นคำที่ใช้กับพระ
มหากษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ เช่น พระเนตร เสด็จพระราชดำเนิน เสวย เป็นต้น
นอกจากนี้ พระยาศรีสุนทรโวหาร(น้อย อาจารยางกูร) ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า
"คำราชาศัพท์เป็นถ้อยคำภาษาที่ผู้ทำราชการพึงศึกษาจดจำไว้ใช้ให้ถูก
ในการกราบบังคมทูล การเขียนหนังสือ รวมไปถึงการแต่งคำประพัน
ธ์กวีนิพนธ์ ซึ่งจะกล่าวถึงผู้ใด สิ่งใด ก็ควรใช้ให้สมความ และไม่ให้ผิดไปจาก
แบบแผนธรรมเนียมปฏิบัติ" คำราชาศัพท์มีหลักเกณฑ์การใช้ที่เป็นแบบแผน
ได้รับการยอมรับและสืบทอดต่อๆกันมา
กล่าวคือ การใช้คำราชาศัพท์ให้ถูกต้องเป็นวิธีการแสดงความเคารพ เทิดทูน
ประการหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปธรรมแก่พระเจ้าแผ่นดินให้สูงกว่าบุคคลอื่น และรวมถึง
การถวายพระเกียรติให้แก่พระบรมวงศานุวงศ์อีกประการหนึ่ง
๒.๒ ที่มาของคำราชาศัพท์
คำราชาศัพท์ที่ปรากฏใช้อยู่ในปัจจุบันมีที่มาแตกต่างกัน ดังนี้
๒.๒.๑) คำราชาศัพท์ที่มาจากคำไทยแท้
คำราชาศัพท์ที่ผูกขึ้นจากคำไทยแท้ มีดังนี้
๑) คำที่ใช้เรียกเครือญาติ เช่น พี่ น้อง อาจแปลงให้เป็นราชาศัพท์เพื่อใช้
สำหรับพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์ได้ โดยนำกลุ่มคำอื่นมาประกอบ เช่น
พระเจ้าพี่ยาเธอ หมายถึง พระองค์เจ้าที่เป็นพี่ชายพระเจ้าแผ่นดิน
สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ หมายถึง เจ้าฟ้าที่เป็นพี่ชายของพระเจ้าแผ่นดิน
ข้อสังเกต
คำ ไ ท ย แ ท้ บ า ง คำ ที่ ใ ช้ สำ ห รั บ เ รี ย ก เ ค รื อ ญ า ติ อ า จ ใ ช้ วิ ธี ก า ร แ ป ล ง ใ ห้ เ ป็ น
คำราชาศัพท์โดยนำกลุ่มคำอื่นมาประกอบไม่ได้เสมอไป เช่น
ลุง ราชาศัพท์ใช้ว่า พระปิตุลา
๗
๒) คำที่ใช้เรียกส่วนต่างๆ ของร่างกาย
เช่น กราม เต้านม มีวิธีการแปลงให้เป็นราชาศัพท์ ดังนี้
คำราชาศัพท์ ความหมาย
พระกราม กราม ใช้สำหรับพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์
พระเต้า
เต้านม ใช้สำหรับพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์
ข้อสังเกต
คำไทยแท้ซึ่งเป็นคำนามแล้วนำมาแปลงให้เป็น
คำราชาศัพท์ โดยใช้คำว่า "พระ"เติมหน้าคำนั้นมีน้อยมาก โดยส่วน
ใหญ่จะแปลงให้เป็นราชาศัพท์โดยไม่ใช้คำเดิม เช่น
คำราชาศัพท์ ความหมาย
พระทนต์ ฟัน ใช้สำหรับพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์
พระพาหา แขน ใช้สำหรับพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์
๓) คำที่ใช้เรียกกิริยาอาการ
เช่น ถาม ไอ จาม ยืน ขี่ม้า เล่นดนตรี เป็นต้น มีวิธีการแปลงให้เป็น
คำราชาศัพท์ โดยใช้คำว่า "ทรง" เติมหน้าคำ ดังนี้
คำราชาศัพท์ ความหมาย
ทรงถาม ถาม ใช้สำหรับพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์
ทรงไอ ทรงจาม ไอ จาม ใช้สำหรับพระราชวงศ์
ทรงยืน ยืน ใช้สำหรับพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์
ทรงม้า ขี่ม้า ใช้สำหรับพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์
ทรงดนตรี เล่นดนตรีใช้สำหรับพระเจ้าแผ่นดินพระราชวงศ์
๘
ข้อสังเกต คำไทยแท้ที่นำมาแปลงให้เป็นคำราชาศัพท์
ด้วยวิธีการเติม "ทรง" หน้าคำนั้นๆ ยังมีอยู่อีกเป็นจำนวนมากนอก
เหนือจากตัวอย่างที่ยกมา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้วิธีการเช่น
นี้ได้กับคำไทยทุกคำที่เป็นกริยาหรือนาม เช่น ไหว้ ราชาศัพท์ใช้ว่า
ทรงคม หรือ อ้วน ราชาศัพท์ใช้ว่า ทรงพ่วงพี หรือ ทรงพระเจริญ
๔) คำที่ใช้เรียกสิ่งของเครื่องใช้ทั่วไป
เช่น ที่นั่ง แส้ เก้าอี้ มีวิธีการแปลงให้เป็นราชาศัพท์ ดังนี้
คำราชาศัพท์ ความหมาย
พระที่นั่ง ที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินในพระราชวัง
พระแส้ แส้
พระเก้าอี้ เก้าอี้
๙
๒.๒.๒) คำราชาศัพท์ที่มาจากภาษาอื่น
คำราชาศัพท์ที่ผูกขึ้นจากคำที่ยืมมาจากภาษาต่างประเทศ มีดังนี้
๑) คำที่ใช้เรียกเครือญาติ เช่น ปู่ ตา เมื่อจะแปลงให้เป็น
ราชาศัพท์ จะใช้คำที่มาจากภาษาบาลี คือ อัยกา ทั้งนี้การใช้
ขึ้นอยู่กับอิสริยศักดิ์ เช่น
คำราชาศัพท์ ความหมาย
พระอัยกา ปู่ ตา ของพระมหากษัตริย์และเจ้านาย
(ปู่ ตาซึ่งไม่ใช่พระมหากษัตริย์หรือเจ้านาย)
พระบรมอัยกา ปู่ ตาของพระมหากษัตริย์
สมเด็จพระบรม ปู่ ตาของพระมหากษัตริย์
อัยกา (ปู่ ตา ที่เป็นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ)
สมเด็จพระบรม ปู่ ตาของพระมหากษัตริย์
อัยกาธิบดี (ปู่ ตา ที่เป็นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอที่
ทรงศักดิ์สูงเป็นพิเศษ)
สมเด็จพระเจ้า ปู่ ของพระมหากษัตริย์
อัยกาเธอ (ใช้เฉพาะกรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส
ซึ่งเป็นสมเด็จพระเจ้าอัยกาเธอของ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)
๑๐
๒) คำที่ใช้เรียกส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
เมื่อจะแปลงให้เป็นราชาศัพท์จะใช้คำที่มาจากภาษาอื่น
แล้วเติมคำว่า "พระ" ข้างหน้า เช่น
คำ คำราชาศัพท์
มือ พระหัตถ์ (บาลี)
ตา พระเนตร (สันสกฤต)
เหงื่อ พระเสโท (บาลี)
พระทนต์ (บาลี)
ฟัน
๓) คำที่ใช้เรียกกิริยาอาการ
เช่น ป่วย, เจ็บไข้ เมื่อแปลงให้เป็นคำราชาศัพท์ จะใช้คำ
ที่มาจากภาษาอื่น แล้วเติมคำนำหน้าให้เหมาะสมกับ
อิสริยศักดิ์
คำราชาศัพท์ เหมาะใช้กับ
ทรงพระประชวร
-พระมหากษัตริย์
ประชวร -สมเด็จพระบรมราชินีนาถ
-สมเด็จพระบรมราชินี
-สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎ
ราชกุมาร
-พระบรมวงศ์ที่ได้รับพระราชทาน
สัปตปฎลเศวตฉัตรประกอบ
พระราชอิสริยยศ
พระบรมวงศ์ชั้นสมเด็จเจ้าฟ้าจนถึง
พระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้า
๑๑
ข้อสังเกต คำที่ถือว่าเป็นคำราชาศัพท์อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้อง
แปลงให้เป็นคำราชาศัพท์ด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังที่นำเสนอ เช่น
รับสั่ง ตรัส เสวย กริ้ว ประทาน โปรด
๔) คำที่ใช้เรียกชื่อสิ่งของเครื่องใช้ทั่ว ๆ ไป
เช่น ต่างหู แหวน เมื่อจะแปลงให้เป็นคำราชาศัพท์
จะใช้คำจากภาษาอื่น แล้วเติมคำว่า "พระ" นำหน้า
เช่น
คำ คำราชาศัพท์
ต่างหู, ตุ้มหู พระกุณฑล (บาลี-สันสกฤต)
แหวน พระธำมรงค์ (เขมร)
ม่าน พระวิสูตร (สันสกฤต)
หมอน
พระเขนย (เขมร)
๑๒
๓) การใช้คำราชาศัพท์
คำราชาศัพท์เป็นการใช้ภาษาที่สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรม
อันดีงามของไทย ซึ่งควรใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมและคำนึงถึง
ลำดับพระราชวงศ์ ดังนี้
ลำดับที่ ๑ พระมหากษัตริย์
ลำดับที่ ๒ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จ
พระบรมราชินี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
สยามมกุฎราชกุมาร พระบรมวงศ์ที่ได้รับ
พระราชทานสัปตปฎลเศวดฉัตรประกอบพระ
ราชอิสริยยศ
ลำดับที่ ๓ พระบรมวงศ์ชั้นสมเด็จเจ้าฟ้า
ลำดับที่ ๔ พระบรมวงศ์ชั้นพระองค์เจ้า พระอนุวงศ์ชั้นพระองค์เจ้า
ลำดับที่ ๕ พระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้า
ข้อสังเกต สมเด็จพระสังฆราช จะใช้คำราชาศัพท์ในลำดับ
ชั้นที่ ๔ ส่วนชั้นอื่น ๆ เช่น หม่อมราชวงศ์ หม่อมหลวง จะไม่ใช้คำ
ราชาศัพท์ แต่ให้ใช้คำสุภาพ
๑๓
๓.๑) ข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับราชาศัพท์ มีดังนี้
๑. ทรง ใช้นำหน้าคำกริยา กลุ่มคำกริยาให้เป็นราชาศัพท์ เช่น
ทรงยินดี ทรงเป็นศิษย์เก่า
๒. ทรง ใช้นำหน้านามราชาศัพท์ให้เป็นกริยาราชาศัพท์ เช่น พระ
กรุณา เป็นคำราชาศัพท์ต้องใช้ทรงนำหน้าเป็น
ทรงพระกรุณา หมายถึง มีความกรุณา
๓. กริยาใดเป็นราชาศัพท์อยู่แล้ว ไม่ต้องใช้ "ทรง" นำหน้าคำ
เหล่านั้น เช่น บรรทม เสวย ประทับ สรง
๔. ทรง ใช้นำหน้าคำกริยาที่มีนามราชาศัพท์ต่อท้ายไม่ได้ เช่น
มีพระกรุณา จะไม่ใช้ว่า ทรงมีพระกรุณาหรือมีพระราชโองการ
จะไม่ใช้ว่า ทรงมีพระราชโองการ
๕. เสด็จ ใช้นำหน้าคำกริยาสามัญบางคำให้เป็นกริยาราชาศัพท์
โดยความหมายสำคัญจะอยู่ที่กริยาข้างหลัง เช่น เสด็จเถลิงถวัล
ยราชสมบัติ และใช้นำหน้าคำนามราชาศัพท์เพื่อให้เป็นคำกริยา
ราชาศัพท์ เช่น เสด็จพระราชสมภพ
๖. "พระบรม" ใช้นำหน้าคำนามที่ควรยกย่อง ซึ่งสงวนไว้ใช้กับ
พระมหากษัตริย์เท่านั้น เช่น พระบรมราโชวาท
๗. "พระราช" ใช้นำหน้าคำนามสำหรับพระมหากษัตริย์สมเด็จ
พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมราชินี สมเด็จพระบรมโอ-
รสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรม
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เช่น พระ
ร า ช ก ร ณี ย กิ จ
๘. "พระ" ใช้นำหน้าคำนามที่เป็นสิ่งสามัญทั่วไป
สำหรับลำดับพระราชวงศ์ตั้งแต่พระมหากษัตริย์
จนถึงชั้นพระองค์เจ้า
สมาชิก
นางสาวนันท์นภัส รุจิราพงศ์ เลขที่ ๓
นายคนัสส์ สุวรรณรัตน์ เลขที่ ๖
นายณธรกริช ทองธรรมชาติ เลขที่ ๗
นายธนาธิป เปรมทอง เลขที่ ๙
นางสาวกมลวรรณ วงศ์อำมาตย์ เลขที่ ๑๓
นางสาวนิชานันท์ ดอนขำ เลขที่ ๑๖
นางสาวนันท์นภัส จันทนา เลขที่ ๒๕
นางสาวมนปิตุมาตุ จันทร์แรง เลขที่ ๒๙
นางสาวศรุตา พุ่มกล่ำ เลขที่ ๓๐