The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิจัยในชั้นเรียน1.63

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nok292627, 2021-09-22 07:21:05

วิจัยในชั้นเรียน1.63

วิจัยในชั้นเรียน1.63

1

2

ชอ่ื งานวจิ ยั การใช้สื่อออนไลนเ์ รอ่ื งการแก้สมการเชิงเส้นตวั แปรเดียวเพ่ือยกระดบั ผลสมั ฤทธท์ิ าง
การเรียนรายวชิ าคณติ ศาสตรพ์ ้นื ฐานอาชีพ ระดับชั้น ปวช.1 สาขางานเทคโนโลยสี ารสนเทศ
วิทยาลัยสารพดั ชา่ งระยอง

ผวู้ จิ ยั นางสุริษา เกษรศิริ วทิ ยาลยั สารพัดช่างระยอง ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2563

บทคดั ยอ่

การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์การศึกษาเพื่อหาประสิทธิภาพสื่อออนไลน์ เรื่องการแก้
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ตามเกณฑ์มาตรฐาน 70/70 และเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชั้น ปวช.1 สาขางานเทคโนโลยี
สารสนเทศ วิทยาลัยสารพัดช่างระยอง ก่อนเรียนรู้และหลังเรียนรู้โดยใช้สื่อออนไลน์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
ให้นักเรียนทำโจทย์คณิตศาสตร์เป็นขั้นตอนจากง่ายไปหายาก และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
วชิ าคณติ ศาสตรพ์ ้นื ฐานอาชพี กอ่ นเรียนรู้และหลังเรยี นรู้โดยใช้สื่อออนไลน์

ผลการศึกษาปรากฏว่า การหาประสิทธิภาพสื่อออนไลน์ เรื่องการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดยี ว
ชั้นปวช.2 วิทยาลัยสารพัดชา่ งระยอง มีผลสัมฤทธิ์เม่ือเปรียบเทียบกับเกณฑ์ท่ีกำหนดไว้ คือ 70/70 พบว่า
ค่าประสิทธิภาพที่คำนวณได้เท่ากับ 75/71 มีค่าสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน แสดงว่าสื่อออนไลน์เรื่อง
การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ชั้นปวช.1 วิทยาลัยสารพัดช่างระยอง มีประสิทธิภาพสูงตามเกณฑ์
มาตรฐานที่กำหนด และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวของนักเรียน
ชั้นปวช.1 สาขางานเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยสารพัดช่างระยอง มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน
ดว้ ยส่อื ออนไลนส์ ูงกวา่ ก่อนเรียนอย่างมนี ัยสำคัญทางสถติ ิทร่ี ะดับ .05

3

คำนำ

การศึกษาวิจัยในชั้นเรียน หัวข้อเรื่องการใช้สื่อออนไลน์เรื่องการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปร
เดียวเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานอาชีพ ระดับชั้น ปวช.1 สาขางาน
เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยสารพัดช่างระยอง มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ
นักศกึ ษา เร่ือง การแก้สมการเชิงเสน้ ตวั แปรเดียว ระหว่างกอ่ นการใชก้ ับหลงั การใชส้ ่อื ออนไลน์

ผลงานวิจัยเล่มนี้จะเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาการเรียนการสอน ในหัวข้อเรื่อง
การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว หากมีส่วนที่บกพร่องหรือข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำพร้อมที่จะรับ
คำแนะนำจากทกุ ทา่ น เพ่อื เปน็ แนวทางในการปรบั ปรงุ แก้ไขให้ดขี ้นึ ในโอกาสตอ่ ไป

นางสรุ ษิ า เกษรศิริ

สารบญั 4

บทคัดย่อ หนา้
คำนำ 1
สารบัญ 2
บทที่ 1 บทนำ 3

ทีม่ าและความสำคัญของปญั หา 4
วตั ถุประสงคข์ องการศึกษา 5
สมมติฐานของการศกึ ษา 5
ประโยชนข์ องการศกึ ษา 5
ขอบเขตของการศึกษา 5
นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ 6
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง
รายวชิ าคณติ ศาสตร์พ้นื ฐานอาชพี 9
7 12
การสรา้ งสอ่ื ออนไลน์
งานวิจยั ทเ่ี ก่ยี วข้องกบั การศึกษาค้นควา้ 14
บทที่ 3 วธิ ีดำเนนิ การวจิ ยั 14
ประชากร 16
เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการวจิ ัย 16
การเก็บรวบรวมขอ้ มูล 17
การวิเคราะห์ขอ้ มลู 20
สถติ ทิ ใี่ ช้ในการวเิ คราะห์ขอ้ มูล
บทท่ี 4 ผลการศกึ ษาคน้ ควา้ 22
บทท่ี 5 สรปุ ผล อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ 22
สรุปผล 23
อภิปรายผล 24
ขอ้ เสนอแนะ 25
บรรณานุกรม 26
ประวัตผิ ูว้ ิจยั
ภาคผนวก

5

บทท่ี 1

บทนำ

ทม่ี าและความสำคญั ของปญั หา

คณิตศาสตร์มีบทบาทสําคัญยิ่งต่อความสําเร็จในการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เนื่องจาก
คณิตศาสตร์ช่วยให้มนุษย์มีความความคิดสร้างสรรค์ คิดอย่างเป็นระบบ มีแบบแผน สามารถ วิเคราะห์
ปัญหาสถานการณ์ได้อย่างถี่ถ้วน รอบคอบ ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหาและนําไปใช้
ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและสามารถนําไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้คณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือในการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และ ศาสตร์อื่น ๆ
อันเป็นรากฐาน ในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของชาติให้มีคุณภาพและพัฒนา เศรษฐกิจของประเทศ
ให้ทัดเทียมกับนานาชาติ การศึกษาคณิตศาสตร์จึงจําเป็นต้องมีการพัฒนา อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้
ทันสมัย และสอดคล้องกบสภาพเศรษฐกิจ สังคม และความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่เจริญ
กาวหน้า อย่างรวดเร็วในยุคโลกาภิวัตน์ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560, หน้า 1)

ภารกิจและนโยบายการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล นโยบายกระทรวงศึกษาธิการ และนโยบาย
เป้าหมาย ยุทธศาสตร์ การผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาสู่สากล พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๖๙
คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ๓) ยกระดับคุณภาพการจัด
อาชีวศึกษา ๓.๑) ระดับสถานศึกษา และระดับห้องเรียน ส่งเสริมคุณภาพและสร้างความเข้มแข็งใน
การพัฒนาและยกระดับคุณภาพการจัดอาชีวศึกษาโดย ใช้ ICT เพื่อการเรียนการสอน สนับสนุน
ความพร้อมในด้าน Hardware สื่อการเรียนการสอน ส่งเสริมการประกวดสื่อ/สื่อออนไลน์ และจัดต้ัง
วิทยาลัยต้นแบบการใช้ ICT เพื่อการเรียนการสอน ๓.๒) ระดับผู้เรียน ยกระดับความสามารถของผู้เรียน
เพอื่ ให้ผสู้ ำเร็จอาชีวศึกษา มขี ีดความสามารถในการแข่งขันทงั้ สมรรถนะหลัก (Core Competency) และ
สมรรถนะการทำงานตามตำแหน่งหน้าที่ (Function Competency) โดยใช้ V-NET การประเมิน
ด้านมาตรฐานวิชาชีพ

สถานศึกษาและครูผู้สอนต้องดำเนินการจัดกระบวนการเรียนรู้ซึ่งทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนที่ดี ปฏิบัติได้ แก้ปัญหาได้ มีการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการความรู้ในด้านต่าง ๆ
ให้มีความสมดุล สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัด ความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน และได้
เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ดังนั้น บุคคลสำคัญที่ช่วยให้การจัดกระบวนการเรียนรู้ประสบความสำเร็จ
คือ “ครู” ซึ่งเป็นผู้จัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับนักเรียนให้ได้เรียนตามความสนใจ ความสามารถ ความถนัด
และความต้องการของแต่ละคน เพื่อสร้างให้เป็นคนที่มีคุณภาพต่อไป การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ตามแนวทางการปฏิรูปการเรียนรู้ ครูผู้สอนควรจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญเป็นการพัฒนา
ผู้เรียนให้เป็นคนดี คนเก่ง มีความสุข โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 5 ลักษณะ ประกอบด้วย การเรียนรู้

6

อย่างมีความสุข การเรียนรู้แบบองค์รวม การเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง การเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น และ
การเรียนรูก้ ระบวนการเรยี นรขู้ องตนเอง

กระบวนการเรียนการสอนคณิตศาสตร์มีวัตถุประสงค์ คือ ให้นักเรียนรู้จักวิธีคิด มีทักษะ
การแก้ปัญหา เพราะผู้เรียนจะสามารถนำความรู้และประสบการณ์ ที่ได้จากการเรียนไปใช้ใน
ชีวิตประจำวันได้ เมื่อพิจารณาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาคณิตศาสตรพ์ ื้นฐานอาชีพ เรื่อง การแก้สมการ
เชิงเส้นตัวแปรเดียว จะเห็นได้ว่านักเรียนมีปัญหาเป็นอย่างมาก นักเรียนไม่เข้าใจและสับสนในประเด็น
การใช้การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวและยังไม่สามารถแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับการแก้สมการเชิงเส้น
ตัวแปรเดียวจากปัญหาดังกล่าว ผู้ศึกษาจึงมีความสนใจที่จะสร้างสื่อออนไลน์ เรื่องการแก้สมการเชิงเส้น
ตัวแปรเดียวขึ้น เพื่อนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานอาชีพ ของนักเรียน
ชั้น ปวช.1 และพัฒนาความสามารถทางการเรียนคณิตศาสตร์ ส่งเสริมให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ ค้นคว้า
ด้วยตนเอง และทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวชิ าคณิตศาสตร์ดขี ึ้น

วัตถปุ ระสงคข์ องการศึกษา
1. เพื่อหาประสิทธิภาพสื่อออนไลน์ เรื่องการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ตามเกณฑ์
มาตรฐาน 70/70
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้สมการเชิงเส้น

ตัวแปรเดียวของนักเรียน ชั้น ปวช.1 สาขางานเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยสารพัดช่างระยอง
ก่อนเรียนรู้และหลังเรียนรู้โดยใชส้ ือ่ ออนไลน์

สมมตฐิ านของการศกึ ษา

1. สื่อออนไลน์ เรื่องการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน
70/70

2. นักเรียนชั้นปวช.1 สาขางานเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยสารพัดช่างระยอง มีผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว หลังเรียนโดยใช้สื่อออนไลน์สูงกว่า
กอ่ นเรียน

ประโยชนข์ องการศกึ ษา

1. เพอ่ื สรา้ งส่ือออนไลน์ เรือ่ งการแก้สมการเชิงเสน้ ตวั แปรเดยี ว
2. เป็นการพัฒนาผู้เรียนด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์โดยใช้สื่อออนไลน์ เรื่อง
การแกส้ มการเชงิ เส้นตัวแปรเดียว
3. เป็นแนวทางสำหรบั ครูผสู้ อนในการพัฒนาสือ่ ออนไลนเ์ พอื่ ช่วยแก้ปัญหาการเรยี นการสอนให้
มปี ระสิทธิภาพมากยงิ่ ขนึ้

7

ขอบเขตของการศึกษา

ในการศึกษา เรื่อง การใช้สื่อออนไลน์ เรื่องการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว เพื่อยกระดับ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานอาชีพ ระดับชั้น ปวช.1 สาขางานเทคโนโลยี
สารสนเทศ วิทยาลยั สารพดั ชา่ งระยอง
ผ้ศู กึ ษาได้ดำเนินการ ดังนี้

1. ขอบเขตด้านเน้อื หา
เนื้อหาที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นเนื้อหาเรื่อง การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวรายวิชา

คณิตศาสตร์พื้นฐานอาชีพ ซึ่งเป็นเนื้อหาส่วนหน่ึงในหน่วยการเรียนรู้ที่ 1-3 ชั้น ปวช.1 สาขางาน
เทคโนโลยีสารสนเทศ ตามหลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชีพ พทุ ธศักราช 2562

2. ประชากร
ประชากร คือ นักเรียนชั้นปวช.1 สาขางานเทคโนโลยีสารสนเทศ ภาคเรียนที่ 1

ปีการศึกษา 2563 ของวิทยาลัยสารพัดช่างระยอง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
จำนวน 19 คน

3. ตัวแปรท่ีศกึ ษา
3.1 ตวั แปรอิสระ คอื ส่อื ออนไลน์ เรือ่ ง การแกส้ มการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดยี ว
3.2 ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการแกส้ มการเชิงเส้นตัวแปรเดียว รายวิชา

คณิตศาสตร์พื้นฐานอาชีพ ของนักเรียนระดับชั้น ปวช.1 สาขางานเทคโนโลยีสารสนเทศ ของวิทยาลัย
สารพดั ชา่ งระยอง หลังเรยี นร้ทู ไ่ี ดจ้ ากแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น

4. ขอบเขตด้านเวลา
เวลาท่ีใชใ้ นการศกึ ษา คือ ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2563

5. ขอบเขตดา้ นสถานท่ี
สถานท่ีทใี่ ช้ในการศกึ ษา คือ วทิ ยาลัยสารพดั ชา่ งระยอง

นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ

สื่อออนไลน์ หมายถึง สื่อออนไลน์วิดีโอ Youtube ที่ผู้ศึกษาได้สร้างขึ้นมา สำหรับใช้ใน
การจัดการเรียนการสอนเรื่อง การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวของนักเรียนระดับชั้น ปวช.1
ตามหลักสตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช 2562

แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนที่
ผู้ศึกษาสร้างขึ้นเพื่อวัดผลผู้เรียนเรื่องการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวของนักเรียน ชั้นปวช.1 สาขางาน
เทคโนโลยสี ารสนเทศ ของวิทยาลยั สารพัดช่างระยอง จำนวน 20 ข้อ

8

ประสทิ ธภิ าพของสือ่ ออนไลน์ หมายถึง สือ่ ออนไลนว์ ดิ โี อ Youtube เรอ่ื ง การแกส้ มการเชิงเสน้
ตัวแปรเดียวที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพที่จะช่วยให้นักเรียน ชั้นปวช.1 สาขางานเทคโนโลยี
สารสนเทศ ของวทิ ยาลัยสารพดั ช่างระยองเกดิ การเรียนรู้ทีผ่ ้ศู กึ ษาตัง้ ไว้ คอื 70/70 โดยมีความหมาย ดังน้ี

70 ตัวแรก เปน็ คะแนนทไี่ ดจ้ ากการทดสอบระหวา่ งเรยี น โดยมคี ่าเฉล่ียรอ้ ยละ 70 ขึน้ ไป
70 ตัวหลงั เป็นคะแนนที่ได้จากคะแนนวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นหลงั จากการเรียน
จำนวน 10 ข้อ โดยมีคา่ เฉล่ียรอ้ ยละ 70 ขึน้ ไป

ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง คะแนนที่ได้ของนักเรียนชั้นของนักเรียนชั้นปวช. 1
สาขางานเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยสารพัดช่างระยอง หลังจากได้รับการพัฒนาด้านการเรียนรู้ เรื่อง
การแก้สมการเชิงเสน้ ตัวแปรเดยี ว โดยใช้ส่ือออนไลน์ ซึง่ ได้มาโดยการทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรียน

นักเรียน หมายถึง ผู้เรียนชั้นปวช. 1 สาขางานเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยสารพดั ชา่ งระยอง
สงั กัดสำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2563 ท่ีผู้ศกึ ษาเปน็ ครผู ูส้ อน

9

บทท่ี 2

เอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วขอ้ ง

ในการใชส้ ื่อออนไลนแ์ ละการเสรมิ แรง เรือ่ งการแกส้ มการเชิงเส้นตัวแปรเดียวเพื่อยกระดับ
ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนรายวิชาคณิตศาสตรพ์ นื้ ฐานอาชพี ระดับชน้ั ปวช.1 สาขางานเทคโนโลยี
สารสนเทศ วทิ ยาลัยสารพดั ช่างระยอง ผู้วจิ ัยไดร้ วบรวมเอกสารท่เี กยี่ วขอ้ ง ดังน้ี

1. รายวิชาคณิตศาสตรพ์ น้ื ฐานอาชพี
1.1 คำอธิบายรายวชิ าคณิตศาสตร์พ้นื ฐานอาชพี
1.2 การแกส้ มการเชงิ เส้นตวั แปรเดียว

2. สือ่ การเรียนการสอน
2.1 ความหมายของสอื่ การเรยี นการสอน
2.2 หลักการใช้ส่ือการเรยี นการสอน
2.3 ประเภทของส่อื การเรยี นการสอน
2.4 ประโยชนข์ องส่ือการเรียนการสอน
2.5 คณุ คา่ ของส่อื การเรียนการสอนการเรียนการสอน

3. งานวจิ ัยทีเ่ กี่ยวข้องกบั การศกึ ษาคน้ ควา้

1. รายวชิ าคณติ ศาสตรพ์ น้ื ฐานอาชพี
1.1 คำอธบิ ายรายวชิ าคณติ ศาสตรพ์ น้ื ฐานอาชีพ

คำอธิบายรายวิชา
ศึกษาและฝึกทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์เกี่ยวกับสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ระบบ

สมการเชิงเส้น สองตัวแปร สถิติเบื้องต้น การวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลาง การวัดตำแหน่งและการวัดการ
กระจายของข้อมลู และการประยกุ ต์ใช้ในงานอาชีพ

1.2 สมการเชงิ เส้นตัวแปรเดยี ว คือ สมการทม่ี ีตวั แปรหนึ่งตัว และเลขชีก้ ำลังของตัวแปรเป็นหนึง่ กำหนด
อยูใ่ นรูป ax + b = 0 เมอ่ื a และ b เปน็ คา่ คงตวั , a  0 และ x เปน็ ตัวแปร
การแกส้ มการ คือ การหาคา่ ตวั แปรที่ทำใหส้ มการเปน็ จรงิ
หลกั การแกส้ มการเชงิ เสน้ ตวั แปรเดยี ว

2. สอ่ื การเรยี นการสอน
2.1 ความหมายของส่ือการเรียนการสอน (Instructional Media)
สอื่ (Media) หมายถงึ ตัวกลางท่ีใช่ถา่ ยทอดหรอื นำความรู้ ในลักษณะต่าง ๆ จากผู้ส่งไปยังผรู้ บั ให้

เข้าใจ ความหมายได้ตรงกันในการเรียนการสอนสื่อที่ใช้เป็นตัวกลางนำความรู้ในกระบวนการส่ือ
ความหมายระหวา่ งผสู้ อนกับผ้เู รยี นเรยี กวา่ ส่ือการสอน (Instruction Media)

10

ในทางการศึกษามีคำที่มีความหมายแนวเดียวกันกับสื่อการเรียนการสอน เช่น สื่อการสอน
(Instructional Media or Teaclning Media) สื่อการสอน (Educational media) อุปกรณ์ช่วยสอน
(Teaching Aids) เป็นต้น ในปัจจุบันนักการศึกษามักจะเรียกการนำสื่อการเรียนการสอนชนิดต่าง ๆ มา
รวมกันว่า เทคโนโลยีทางการศึกษา(Educational) ซึ่งหมายถึงการนำเอาวัสดุอุปกรณ์และวิธีการมาใช้
รว่ มกันอยา่ งมีระบบในการเรียนการสอน เพ่ือเพมิ่ ประสทิ ธิภาพในการสอน

สื่อการเรียนการสอน หมายถึง สิ่งต่างๆ ที่เป็นบุคคล วัสดุ อุปกรณ์ ตลอดจนเทคนิควิธีการ ซึ่ง
เป็นตัวกลางทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ของการเรียนการสอนที่กำหนดไว้ได้อย่า งง่ายและ
รวดเร็วเป็นเครื่องมือและตัวกลางซึ่งมีความสำคัญในกระบวนการเรียนการสอนมีหน้าที่เป็นตัวนำความ
ต้องการของครูไปสู่ตัวนักเรียนอย่างถูกต้องและรวดเร็วเป็นผลให้นักเรียนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปตาม
จุดมุ่งหมายการเรียนการสอนได้อย่างถูกต้องเหมาะสม นักการศึกษาเรียกช่ือการสอนด้วยชื่อต่าง ๆ
เช่น อปุ กรณ์การสอน โสตทศั นปู กรณ์ เทคโนโลยกี ารศึกษา สือ่ การเรยี นการสอนสอ่ื การศึกษา เปน็ ต้น

2.2 หลักการใชส้ อื่ การเรยี นการสอน
การใชส้ ือ่ การเรยี นการสอนนน้ั อาจจะใช้เฉพาะขน้ั ตอนใดข้นั ตอนหนึง่ ของการสอน หรอื จะใชใ้ น

ทกุ ขัน้ ตอนกไ็ ด้ ดงั น้ี
1. ขัน้ นำเขา้ สูบ่ ทเรยี น เพ่อื กระตนุ้ ใหผ้ ู้เรียนเกดิ ความสนใจในเนือ้ หาท่กี ำลงั จะเรียนหรอื
เนื้อหาทเ่ี กย่ี วข้องกับการเรยี นในครง้ั กอ่ น แต่มิใช่สอื่ ทีเ่ นน้ เนือ้ หาเจาะลกึ อย่างแทจ้ รงิ
เปน็ ส่ือท่งี า่ ยในการนำเสนอในระยะเวลาอันส้นั
2. ขั้นดำเนนิ การสอนหรอื ประกอบกิจกรรมการเรียน เป็นข้นั สำคัญในการเรียนเพราะเป็น
ขน้ั ทีจ่ ะใหค้ วามรเู้ น้ือหาอยา่ งละเอยี ดเพ่ือสนองวัตถุประสงคท์ ตี่ งั้ ไว้ ตอ้ งมีการจดั ลำดับ
ขน้ั ตอนการใช้สอ่ื ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับกจิ กรรมการเรียน
3. ขั้นวเิ คราะห์และฝึกปฏบิ ตั ิ สื่อในขั้นนี้จงึ เป็นสอ่ื ท่ีเป็นประเดน็ ปญั หาให้ผู้เรยี นได้ขบคิด
โดยผู้เรียนเป็นผใู้ ชส้ ื่อเองมากท่ีสุด
4. ขนั้ สรปุ บทเรยี น เปน็ ขั้นของการเรยี นการสอนเพ่อื การยำ้ เน้ือหาบทเรยี นให้ผ้เู รียนมคี วาม
เข้าใจทีถ่ ูกต้องและตรงตามวตั ถุประสงค์ท่ีตง้ั ไว้ ควรใช้เพยี งระยะเวลาสน้ั ๆ
5. ขั้นประเมินผเู้ รยี น เป็นการทดสอบความสามารถของผูเ้ รยี นว่าผ้เู รยี นเขา้ ใจในสิ่งที่เรียน
ถกู ต้องมากน้อยเพียงใด สว่ นใหญแ่ ลว้ จะเปน็ การประเมนิ จากคำถามจากเน้อื หาบทเรียน
โดยอาจจะมภี าพประกอบดว้ ยก็ได้

2.3 ประเภทของส่ือการเรยี นการสอน
1. สื่อประเภทวัสดุ ได้แก่ สื่อเล็ก ซึ่งทำหน้าที่เก็บความรู้ในลักษณะของภาพเสียง และ
อักษรในรูปแบบต่าง ๆ ที่ผู้เรียนสามารถใช้เป็นแหล่งหาประสบการณ์ หรือศึกษาได้อย่าง
แท้จรงิ และกวา้ งขวาง แบง่ ออกเป็น 2 ลักษณะ คอื

11

1.1 วัสดุที่เสนอความรู้ได้จากตัวมันเอง ได้แก่หนังสือเรียนหรือตำราของจริง
หนุ่ จำลอง รปู ภาพ แผนภมู ิ แผนท่ี ปา้ ยนิเทศ เป็นต้น

1.2 วัสดุที่ต้องอาศัยสื่อประเภทเครื่องกลไก เป็นตัวนำเสนอความรู้ได้แก่ฟิล์ม
ภาพยนตร์ แผ่นสไลด์ ฟิล์มสตริป เส้นเทปบันทึกเทป รายการวิทยุ รายการ
โทรทศั น์ รายการท่ใี ช้เครอ่ื งช่วยสอน เปน็ ตน้

2. สื่อประเภทเครื่องมือ หรือโสตทศั นูปกรณ์ ได้แก่ สื่อใหญ่ ที่เป็ฯตัวกลางหรอื ทางผ่านของ
ความรู้ ที่ถ่ายทอดไปยังครูและนักเรียน สื่อประเภทนี้ตัวมันเองแทบไม่มีประโยชน์ต่อการสื่อความหมาย
เลยถ้าไม่มีใครรู้ในรูปแบบต่าง ๆ มาป้อนผ่านเครื่องกลไกลเหล่านี้ สื่อประเภทนี้จึงจำเป็นต้องอาศัยสื่อ
ประเภทวัสดุ บางชนิดเป็นแหล่งความรู้ให้มันส่งผ่าน ซึ่งจะทำให้ความรู้ที่ส่งผ่านมีการเคลื่อนไหวไปสู่
นักเรียนจำนวนมาก ได้ไกลๆ และรวดเร็ว และบางทีก็ทำหน้าที่เหมือนครูเสียเอง เช่น เครื่องช่วยสอน
ได้แก่เครื่องฉายภาพยนตร์ เครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องบันทึกเสียง เครื่องรับวิทยุ เครื่องฉายภาพน่ิง
ทง้ั หลาย

3. สื่อประเภทเทคนิคหรือวิธีการ ตัวกลางในกระบวนการเรียนการสอนไม่จำเป็นต้องใช้แต่
วัสดุหรือเครื่องมือเท่านั้น บางครั้งจะต้องใช้เทคนิคและกลวิธีต่าง ๆ ควบคู่กันไป โดยเน้นที่เทคนิคและ
วิธกี ารเป็นสำคัญ

2.4 ประโยชนข์ องสือ่ การเรยี นการสอน
1. ชว่ ยให้ผ้เู รียนเกิดการเรียนรอู้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ได้แก่
1.1 เรยี นรไู้ ด้ดขี น้ึ จากประสบการณ์ท่มี คี วามหมายในรูปแบบต่างๆ
1.2 เรียนร้ไู ดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
1.3 เรียนรู้ไดง้ า่ ยและเขา้ ใจได้ชดั เจน
1.4 เรียนรไู้ ดม้ ากขนึ้
1.5 เรียนรไู้ ด้ในเวลาที่จำกัด
2. ช่วยใหส้ ามารถเอาชนะขอ้ จำกดั ต่าง ๆ ในการเรยี นรู้ ได้แก่
2.1 ทำสง่ิ นามธรรมใหเ้ ปน็ รปู ธรรมมากข้ึน
2.2 ทำสงิ่ ซบั ซ้อนใหง้ า่ ยขนึ้
2.3 ทำสิ่งเคลื่อนไหวช้าใหเ้ ร็วข้ึน
2.4 ทำสง่ิ เคลื่อนไหวเร็วให้ช้าลง
2.5 ทำสง่ิ เล็กใหใ้ หญ่ขึ้น
2.6 ทำสิ่งใหญใ่ หเ้ ล็กลง
2.7 นำสิง่ ท่ีอยูไ่ กลมาศึกษาได้
2.8 นำสงิ่ ทีเ่ กิดมาในอดตี มาศกึ ษาให้ชว่ ยกระตนุ้ ความสนใจของผเู้ รียน

12

2.9 ช่วยจดจำไดน้ าน เกดิ ความประทับใจและม่ันใจในการเรียน
2.10 ช่วยให้ผู้เรียนได้คิดและแก้ปญั หา
2.11 ช่วยแกป้ ัญหาเรือ่ งความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล

2.5 คณุ ค่าของส่อื การเรยี นการสอนการเรียนการสอน
1. สื่อการเรียนการสอนสามารถเอาชนะข้อจำกดั เรอ่ื งความแตกต่างกันของ
ประสบการณด์ ง้ั เดิมของผเู้ รียน คือเมอ่ื ใชส้ อ่ื การเรียนการสอนแล้วจะชว่ ยใหเ้ ด็กซึง่ มี
ประสบการณ์เดิมต่างกันเข้าใจได้ใกลเ้ คยี งกนั
2. ขจดั ปญั หาเก่ียวกบั เรอื่ งสถานที่ ประสบการณ์ตรงบางอย่าง หรือการเรยี นรู้
3. ทำใหเ้ ด็กไดร้ ับประสบการณ์ตรงจากส่ิงแวดลอ้ มและสงั คม
4. ส่ือการเรียนการสอนทำให้เดก็ มคี วามคดิ รวบยอดเปน็ อย่างเดยี วกัน
5. ทำใหเ้ ด็กมมี โนภาพเริ่มแรกอยา่ งถูกต้องและสมบูรณ์
6. ทำให้เด็กมคี วามสนใจและตอ้ งการเรยี นในเรือ่ งตา่ ง ๆ มากขึ้น เช่นการอา่ น ความคิด
ริเริ่ม สรา้ งสรรค์ ทัศนคติ การแก้ปญั หา ฯลฯ
7. เปน็ การสรา้ งแรงจูงใจและเรา้ ความสนใจ
8. ชว่ ยใหผ้ เู้ รียนไดม้ ปี ระสบการณจ์ ากรปู ธรรมสนู่ ามธรรม

สื่อการเรียนการสอนสามรถช่วยการเรียนการสอนของครูได้ดีมากซึ่งเราจะเห็นว่าครูนั้นสามารถ
จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับนักเรียนได้มากทีเดียว แถมยังช่วยให้ครูมีความรู้มากขึ้นในการจัดแหล่ง
วิทยาการที่เป็นเนื้อหาเหมาะสมแก่การเรียนรู้ตามจุดมุ่งหมายในการสอนช่วยครูในด้านการคุมพฤติกรรม
การเรียนรู้และสามารถสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนได้มากทีเดียว สื่อการสอนจะช่วยส่งเสริมให้
นักเรียนได้ทำกิจกรรมหลายๆรูปแบบ เช่น การใช้ศูนย์การเรียน การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน การสาธิต
การแสดงนาฏการ เปน็ ตน้ ช่วยใหค้ รผู ูส้ อนได้สอนตรงตามจดุ มงุ่ หมายการเรียนการสอน และยงั ช่วยในการ
ขยายเนื้อหาที่เรียนทำให้การสอนง่ายขึ้น และยังจะช่วยประหยัดเวลาในการสอน นักเรียนจะได้มีเวลาใน
การทำกิจกรรมการเรียนมากขึ้นจากข้อมูลเราจะได้เห็นถึงประโยชน์ของสื่อการเรียนการสอน ซึ่งทำให้เรา
มองเห็นถึงความสำคัญของสื่อสารมีประโยชน์และมีความจำเป็นสามารถช่วยพัฒนากา รเรียนการสอนได้
อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

การเลือกสื่อการเรียนการสอนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพต่อการเรียนการสอนนั้น ผู้สอนจำเป็นต้อง
คำนึงถึงองค์ประกอบในการเลือกสื่อได้แก่ จุดมุงหมายของการสอน รูปแบบและระบบของการเรียนการ
สอนลักษณะของผู้เรียน เกณฑ์เฉพาะของสื่อ วัสดุอุปกรณ์และตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่
นอกจากนย้ี ังต้องคำนงึ ถงึ ความสัมพันธ์ระหว่างประเภทของส่อื กบั คุณสมบตั เิ ฉพาะและจดุ ประสงค์ของการ
เรยี นการสอน

13

3.. งานวิจยั ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง
ชาลิสา จิตบุญญาพินิจ (2559) ผลการเรียนรู้และผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาในการพัฒนารูปแบบ

การเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนอีเลิร์นนิ่งในรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษา
ปี ที่ 1 การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาผลการเรียนรู้ของนักเรียนมัธยมศึกษาปี ที่ 1
โดยใช้ บทเรียน อีเลิร์นนิ่งในรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ 2) เพื่อศึกษาผลสมัฤทธ์ิผลของบทเรียน
อีเลิร์นนิ่งในรายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในการเรียนการสอนนักเรียนมัธยมศึกษาปี ที่ 1 และ
3) พัฒนาโปรแกรมบทเรียนอีเลิร์นนิ่งในรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่ง
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาได้จากการสุ่มการเลือกตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster Sampling) เพื่อให้ได้
กลุ่มของนักเรียนมัธยมศึกษาปีท่ี1 เป็น 1 ช้ันเรียน จำนวนทั้งหมด 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
ประกอบด้วยโปรแกรมบทเรียนอีเลิร์นนิ่งในรายวิชาเทคโนโลยี สารสนเทศ ประกอบด้วย 5 บทเรียนดังน้ี
ความเป็นมา ระบบสื่อสารข้อมูล การโอนถ่ายข้อมูล ระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์และ การใช้ประโยชน์
จากเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน และการประเมินก่อนเรียน ระหว่างเรียนและหลังการเรียนเพื่อดู
ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งผลจากการวิจัยพบว่า ประสิทธิภาพ (E1 /E2 )ในการใช้ อีเลิร์นนิ่งในรายวิชา
เทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ค่า (83.53/88.4) และผลการผลการวิเคราะห์จากคะแนนที่นักเรียนได้ทำ
แบบทดสอบในรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ พบว่าก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ย(x) เท่ากับ 14.05 และหลังเรียน
มีค่าเฉลี่ย (x) เท่ากับ 28.09 แสดงถึงนกัเรียนมีผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีกวา่การเรียนแบบปกติอย่างมี
นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 งานวิจัยน้ีได้ค้นพบว่าการที่มีบทเรียนพร้อมมีตัวอย่างแสดง มีเนื้อหาสนุก
น้ัน สามารถทำ ให้นักเรียนสนุกและมีความสุขกบัการเรียนรู้ด้วยตนเอง เข้าใจเนื้อหาที่เรียนได้ ดังน้ัน
ครูอาจารย์ที่ รับผิดชอบควรมีการพัฒนาระบบการเรียนการสอนเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยที่เจริญก้าวหน้า
การใช้รูปแบบบทเรียน ผา่ นระบบอีเลิร์นนิงนั้น สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง
ยงั เป็นการพฒั นาประสทิ ธภิ าพในการเรียนการสอนในปจั จบุ นั ท่ีมีการใช้เทคโนโลยีก้าวหนา้ อีกดว้ ย

นายธรี าวัชร์ สริ ิวมิ ลพงษ์ (2560) การศึกษาผลการเรยี นรู้ดว้ ยวิธกี ารสอนในชัน้ เรียนและการสอน
ผ่านระบบออนไลน์เรื่อง การสื่อสารข้อมูลและเครือขาย่ ศึกษาผลของการเรียนด้วยวิธีการสอนแบบปกติ
กับการสอนผ่านระบบออนไลน์ เรื่อง การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายด้วยระบบ e-Learning สําหรับ
นักศึกษาชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นสูง ปีที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) หาผลของการเรียนด้วยวิธี
การสอนแบบปกติ 2) หาผลของการเรียน ด้วยวิธีการสอนแบบผ่านระบบออนไลน์ 3) ศึกษาผลของ
การเรยี นดว้ ยวิธกี ารสอนแบบปกตกิ ับผลของเรียนดว้ ยวธิ ีการสอนแบบผา่ นระบบออนไลน์กล่มุ ตัวอย่างที่ใช้
ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักศึกษาชั้น ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปีที่ 2 วิทยาลัยเทคโนโลยีบริหารธุรกิจ
สมุทรปราการ จํานวน 93 คน แบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น กลุ่มละ 50 และ 43 คน จํานวน 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มควบคุม โดยจัดการสอน แบบปกติ 50 คน และกลุ่มทดลอง 43 คน โดยจัดการสอนผ่านระบบ
ออนไลน์เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย ครั้งนี้คือ 1) บทเรียนวิชาคอมพิวเตอร์เรื่อง การสื่อสารข้อมูลและ
เครือขา่ ย ดว้ ยระบบ e-Learning ผา่ นระบบออนไลน์ 2) แบบทดสอบวดั ผลของการเรียน 3) ข้อสอบกลาง

14

ภาคและปลายภาคแบบ ออนไลน์ 4) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าดัชนีความสอดคล้อง
ค่าความยากง่าย ค่าอํานาจ จําแนก ค่าเฉลี่ย และทดสอบสมมุติฐาน t – test ผลการวิจัย พบว่า ผลของ
การเรียนของนักศึกษาทั้ง 2 กลุ่ม มีผลของการเรียนแตกต่างกัน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ 0.01 ซึ่งผล
ของการเรียนดว้ ยวิธีการสอน แบบออนไลนม์ คี า่ เฉลย่ี สูงกวา่ ผลของการเรียนดว้ ยวธิ กี ารสอนแบบปกติ

ธนัชชา บินดุเหล็ม (2561) ผลของการสอนแบบออนไลน์ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ
นักเรียนระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงปที่ 1 การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์.เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรียน.เรื่องรายได้ประชาชาติ.รายวิชา หลักเศรษฐศาสตร์.ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตร
วิชาชีพชั้นสูงปีที่.1.ที่ได้รับการสอนโดยการเรียน ออนไลน์กับการเรียนการสอนแบบปกติเครื่องมือที่ใช้ใน
การวิจัยคือแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้การเรียน การสอนแบบปกติกับการเรียนแบบออนไลน์
กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปีที่ 1 สาขางานการบัญชี จำนวน 30 คน
สถิติที่ใช้คือ ค่าเฉลี่ย (x ̅) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) สถิติ dependent Samples t–test และ
Independent Samples t–test ผลการวิจัยพบว่า 1. นักเรียนที่ได้รับการสอนแบบปกติ ก่อนและ
หลังการทดลอง มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแตกต่าง กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (t =8.508)
2. นักเรียนที่ได้รับการสอนแบบออนไลน์ ก่อนและหลังเรียน มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนแตกต่าง กันอย่างมี
นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (t =9.315) 3. นักเรียนที่ได้รับการสอนแบบปกติกับ นักเรียนที่ได้รับ
การสอนแบบออนไลน์มีผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
(t = 1.889)

ปวีณ์สุดา ขยันการ และคณะ (2562) การพัฒนาผลสัมฤทธิ์การอ่านสื่อออนไลน์อย่างมี
วิจารณญาณของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีQUEST งานวิจัยครั้งน้ี
มีวัตถุประสงค์เพือ่ 1) เปรียบเทียบผลสมั ฤทธิ์การอา่ นสือ่ ออนไลน์อย่างมีวิจารณญาณ ของนักเรียนที่ได้รับ
การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีQUEST และ 2) ศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการจัด การเรียนรู้ด้วย
วิธีQUESTกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ สมเดจ็
พระศรีนครินทร์ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี กาญจนบุรี อำเภอ
ท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เขตพื้นที่การศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 8 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน
28 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีQUEST 2) แบบทดสอบวัด
ผลสัมฤทธิ์การอ่าน สื่อออนไลน์ 3) แบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีQUEST
วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหา ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าทีแบบไม่เป็นอิสระต่อกัน
ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลสัมฤทธิ์การอ่านสื่อออนไลน์อย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
โดยใช้การจัด การเรียนรู้ด้วยวิธีQUEST หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. ผลการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีQUEST
โดยภาพรวม นักเรียนมีระดับความคดิ เหน็ ต่อการจัดการเรียนรดู้ ้วยวธิ ีQUEST อย่ใู นระดบั มากทสี่ ุด

15

บทที่ 3

วธิ ดี ำเนนิ การวจิ ยั

การใชส้ อื่ ออนไลน์ เร่ืองการแก้สมการเชงิ เสน้ ตวั แปรเดยี วเพ่ือยกระดับผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น
รายวิชาคณติ ศาสตรพ์ ืน้ ฐานอาชีพ ระดบั ชน้ั ปวช.1 สาขางานเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยสารพัดช่าง
ระยอง ผูว้ ิจัยไดด้ ำเนินการตามข้นั ตอนดังนี้

1. ประชากร
2. เครอื่ งมอื ทใี่ ช้ในการวิจยั
3. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
4. การวิเคราะหข์ อ้ มูล
5. สถิตทิ ใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะห์ข้อมลู

1. ประชากร
ประชากรที่ใชใ้ นการวิจยั ครัง้ นี้ คอื นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ประเภทวิชาเทคโนโลยี

สารสนเทศและการสื่อสาร สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขางานเทคโนโลยีสารสนเทศ
ชนั้ ปที ี่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 ของวทิ ยาลยั สารพดั ช่างระยอง จำนวน 19 คน

2. เครอื่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการวจิ ยั
2.2 เครอ่ื งมือทใี่ ชใ้ นการวิจยั ประกอบดว้ ย

2.2.1 ส่อื ออนไลนเ์ รอ่ื ง การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว จำนวน 2 ชดุ ได้แก่ ชุดที่ 1
การหาค่าตำ่ สูงและคา่ สงู สดุ สัมพทั ธ์ ชุดที่ 2 การแกส้ มการเชงิ เส้นตัวแปรเดยี ว

2.2.2 แบบทดสอบผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น เรื่องการแกส้ มการเชงิ เสน้ ตวั แปรเดียวเปน็
แบบทดสอบแบบปรนยั ชนดิ เลือกคำตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ

2.3 ข้ันตอนการสร้างและหาประสทิ ธภิ าพเคร่อื งมอื
2.3.1 สือ่ ออนไลน์ ขนั้ ตอนการสร้างสอื่ ออนไลน์ เร่อื งการแกส้ มการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดยี ว
ของนักเรียนช้ัน ปวช.1 สาขางานเทคโนโลยสี ารสนเทศวทิ ยาลยั สารพัดชา่ งระยอง จำนวน 3 ชุด ได้
ดำเนินการดังน้ี

1) ศึกษาทฤษฎแี ละรูปแบบของการสร้างสือ่ ออนไลน์
2.3.2 ศึกษาสมรรถนะรายวชิ าของหน่วยการเรียนรู้ เรอื่ งการแก้สมการเชงิ เสน้ ตวั แปร
เดียวของหลักสตู รประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศกั ราช 2556 นำมาจัดทำสอ่ื ออนไลน์ จำนวน 3 ชดุ
ชุดที่ 1 สมการ
ชดุ ท่ี 2 สมการเชงิ เส้นตวั แปรเดียว
ชุดท่ี 3 การแกส้ มการเชงิ เส้นตวั แปรเดยี ว

16

2) จัดลำดบั เน้ือหาและสว่ นประกอบในสื่อออนไลนแ์ ตล่ ะชดุ ดงั น้ี
1. จัดทำเน้ือหาความรู้
2. จดั ทำสอื่ ออนไลน์
3. จดั ทำเฉลยสอื่ ออนไลน์

3) นำสอื่ ออนไลน์ไปใหผ้ ู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ จำนวน 3 คน
4) นำสื่อออนไลน์ท่ตี รวจสอบแลว้ มาแก้ไขปรบั ปรุงตามคำแนะนำของผเู้ ชี่ยวชาญ
5) นำสื่อออนไลน์ไปทดลองใช้ เพือ่ หาประสทิ ธภิ าพของสอ่ื ออนไลน์ ซ่ึงมกี าร
ทดลอง ท้งั หมด 2 ครัง้ ดังนี้

คร้งั ท่ี 1 นำสอื่ ออนไลน์ เรื่องการแก้สมการเชงิ เสน้ ตวั แปรเดยี วทดลองใช้กับ
นกั เรยี นปวช.1 วทิ ยาลยั สารพัดช่างระยองท่เี คยเรยี นเร่ืองน้ีมาแลว้ จำนวน 3 คน เพ่อื นำข้อบกพร่องมา
ปรบั ปรงุ แก้ไข

ครั้งท่ี 2 นำสือ่ ออนไลน์ เร่อื งการแกส้ มการเชงิ เสน้ ตวั แปรเดียวทดลองใช้กบั
นกั เรยี นปวช.1 วทิ ยาลัยสารพัดชา่ งระยองที่เคยเรียนเรอ่ื งนม้ี าแล้ว จำนวน 5 คน

6) นำขอ้ มลู ท่ไี ดจ้ ากการทดลองส่ือออนไลนม์ าคำนวณหาคา่ ประสทิ ธิภาพของสอ่ื
ออนไลน์โดยการหาคา่ ประสทิ ธิภาพของกระบวนการ ( 1) และหาคา่ ประสทิ ธภิ าพของผลลัพธ์ ( 2)

7) นำสอื่ ออนไลน์ เรือ่ งการแก้สมการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดียวทผ่ี า่ นการทดลองไปใช้กบั
กลุ่มประชากร คอื นกั เรยี นระดับประกาศนียบัตรวชิ าชีพชน้ั สงู ประเภทวชิ าอตุ สาหกรรม สาขาวิชาเทคนิค
โลหะ สาขางานเทคโนโลยีสารสนเทศ ชัน้ ปที ่ี 2 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 ของวิทยาลยั สารพัดชา่ ง
ระยอง จำนวน 19 คน

2.3.3 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น
การสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ การเรยี นผู้ศึกษาไดแ้ บบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์

ออกเป็น 2 ชุด ซงึ่ ผูศ้ ึกษาดำเนนิ การสรา้ งตามลำดบั ขนั้ ตอน ดงั น้ี
1) ศึกษาทฤษฎแี ละวิธกี ารสร้างแบบทดสอบผลสมั ฤทธเิ์ ร่ืองการแกส้ มการเชงิ เส้น
ตวั แปรเดียว
2) ศึกษาเนอ้ื หา จดุ ประสงค์การเรียนรูใ้ นแผนการจดั การเรยี นรู้
3) สรา้ งแบบทดสอบตามทจี่ ดุ ประสงค์ทีก่ ำหนดไว้ ซ่ึงแบบทดสอบแตล่ ะชดุ มี

รายละเอยี ด ดังน้ี
1. แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธเิ์ รอื่ งการแก้สมการเชิงเสน้ ตัวแปรเดยี วซ่ึงใช้

ทดสอบกบั นักเรยี นทง้ั ก่อนเรยี นและหลังเรยี น จำนวน 1 ฉบับเป็นแบบทดสอบปรนัยชนดิ เลือกตอบ 4
ตวั เลอื ก จำนวน 20 ข้อ

2. แบบทดสอบย่อย ซง่ึ ใชท้ ดสอบนกั เรียนทง้ั กอ่ นและหลับจากทำกิจกรรมใน
ส่อื ออนไลน์ จำนวน 1 ฉบบั เป็นแบบทดสอบปรนัยชนดิ เลือกตอบ 4 ทงั้ หมด 10 ข้อ

17

4) นำแบบทดสอบท่ีสร้างขนึ้ ไปใหผ้ เู้ ช่ยี วชาญตรวจสอบ จำนวน 3 ทา่ นตรวจสอบ
ความเทีย่ งตรงเชงิ เนอ้ื หาของแบบทดสอบใชด้ ัชนีความสอดคลอ้ งระหวา่ งข้อสอบกับจดุ ประสงค์ (IOC)

5) นำข้อสอบทผ่ี ่านการตรวจสอบจากผูเ้ ชยี่ วชาญและปรับปรุงแกไ้ ขแล้วไปทดสอบ
นกั เรยี นชน้ั ปวช.1 ท่เี คยเรยี นเรอื่ งน้ีมาแลว้ จำนวน 5 คน หลงั จากนนั้ นำกระดาษคำตอบมาตรวจให้
คะแนนขอ้ ท่ตี อบถกู ให้ 1 คะแนน ข้อทต่ี อบผดิ ให้ 0 คะแนน

6) นำผลการทำแบบทดสอบมาวิเคราะหห์ าค่าความยากงา่ ย (p)
7) นำผลการทำแบบทดสอบมาวเิ คราะห์หาค่าอำนาจจำแนก (r)
8) หาคา่ ความเชื่อม่ันของแบบทดสอบตามวิธี คเู ดอร์-รชิ าร์ดสัน (Kuder-
Richardson) สูตร KR-20 โดยมีคา่ ความเช่ือม่นั เทา่ กบั 0.850

3. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
ในการวจิ ัยคร้งั นี้ ผู้วิจัยดำเนินการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ผูว้ จิ ยั นำแบบทดสอบก่อนเรยี น (PRE-TEST) ทดสอบนกั เรียนโดยใช้แบบทดสอบทผี่ วู้ ิจัยสรา้ ง

ขึ้น ซ่งึ ผวู้ ิจัยเปน็ ผู้ดำเนนิ การสอบเองใชเ้ วลาในการทดสอบ 30 นาที แลว้ ตรวจใหค้ ะแนนตามเกณฑท์ ่ีต้ังไว้
2. ผู้วิจัยดำเนนิ การทดลองสอนนกั เรยี นโดยใช้ส่ือออนไลนเ์ รอ่ื งการแก้สมการเชงิ เส้นตวั แปรเดียว

ตามแผนการสอนทวี่ างไวแ้ ละใชเ้ วลาสปั ดาหล์ ะ 2 ชวั่ โมง
3. เมือ่ ทำสือ่ ออนไลนเ์ รอ่ื งการแก้สมการเชงิ เส้นตัวแปรเดียวเสรจ็ แล้ว ทำการทดสอบหลงั ส่ือ

ออนไลน์ชุดละ 10 ข้อ
4. บนั ทึกคะแนนระหวา่ งเรยี นและคะแนนหลังเรียนเป็นรายบคุ คลเพอื่ นำไปวเิ คราะหข์ ้อมลู
5. ทำการทดลองสอบหลังเรียน (PRO-TEST) นกั เรยี นหลังการทดลองส้นิ สดุ ลงโดยใช้

แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธเิ์ รอ่ื งการแก้สมการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดียวทผี่ วู้ จิ ัยเปน็ ผู้สร้างขนึ้ จำนวน 10 ขอ้ โดย
ใชแ้ บบทดสอบชุดเดยี วกันกบั แบบทดสอบก่อนเรียน

6. เม่ือเกบ็ รวบรวมข้อมูลเรยี บร้อยแล้ว ผู้วจิ ยั นำขอ้ มูลทไ่ี ดไ้ ปวิเคราะห์ข้อมลู ตอ่ ไป

4. การวเิ คราะหข์ อ้ มลู
ผ้ศู ึกษานำผลการทดสอบมาดำเนนิ การวเิ คราะห์ดว้ ยโปรแกรมสำเรจ็ รูป ผู้ศึกษาได้นำเสนอผลการ

วเิ คราะห์ข้อมลู ตามลำดับดังน้ี
4,1 วเิ คราะหห์ าคา่ ประสทิ ธภิ าพของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ดังนี้
4.1.1 หาคา่ ความเทยี่ งตรงเชิงเนอี้ หา (Content Validity) ของแบบทดสอบวัดผล

สมั ฤทธทิ์ างการเรียน โดยใช้สตู รดชั นคี วามสอดคล้อง IOC
4.1.2 หาความยากง่ายของแบบทดสอบเป็นรายขอ้
4.1.3 หาคา่ อำนาจจำแนกของแบบทดสอบเป็นรายข้อ
4.1.4 หาคา่ ความเชอื่ มน่ั ของแบบทดสอบทง้ั ฉบับ โดยใช้วิธี คูเดอร์ – รชิ ารด์ สัน

18

(Kuder – Richardson สตู ร KR-20)
4.2. วเิ คราะหห์ าคา่ ประสทิ ธภิ าพ (E1/E2) โดยใชแ้ บบฝึกเสรมิ ทักษะเร่อื งการแก้สมการเชิงเส้น

ตัวแปรเดียวโดยใชส้ ถิติ ค่าเฉล่ีย รอ้ ยละ และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน ของคะแนนท่ีได้รับจากผลการ
ทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน

5. สถติ ทิ ใี่ ชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มลู
การวิจัยคร้งั น้ี ผวู้ ิจยั ใชส้ ถติ ิในการวจิ ัยคร้ังนี้
5.1 สถิตทิ ่ีใชใ้ นการวเิ คราะห์คุณภาพของเครอ่ื งมือ
5.1.1 ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC)
IOC = ∑



เมอื่ IOC แทน ดัชนีความสอดคล้องระหว่างจดุ ประสงค์กบั แบบทดสอบ
∑ แทน ผลรวมของคะแนนจากผ้เู ชียวชาญทง้ั หมด
n แทน จำนวนผู้เช่ยี วชาญทง้ั หมด

5.1.2 คา่ อำนาจำแนกของแบบทดสอบ (r)

เมื่อ r แทน คา่ อำนาจจำแนกของข้อสอบ
H แทน จำนวนคนในกล่มุ ท่ีสูงที่ตอบถูก
L แทน จำนวนคนในกลุ่มท่ตี ำ่ ทต่ี อบถูก
N แทน จำนวนคนในกลุ่มใดกลมุ่ หน่งึ

5.1.3 คา่ ความเชือ่ มน่ั ของแบบทดสอบ

โดยที่
เมือ่ แทน สมั ประสิทธขิ์ องความเชอื่ มัน่ ของแบบทดสอบ

n แทน จำนวนข้อสอบของแบบทดสอบ
p แทน สดั สว่ นของผู้เรียนที่ทำขอ้ สอบข้อนัน้ ถกู กับผเู้ รียนทั้งหมด
q แทน 1 – p
2 แทน ความแปรปรวนของคะแนนสอบท้งั ฉบับ
N แทน จำนวนนักเรยี นทั้งหมด

19

5.1.4 ค่าความยากงา่ ยของแบบทดสอบ (P)

เม่อื P แทน ค่าความยากง่ายของขอ้ ทดสอบ

R แทน จำนวนนกั เรยี นที่ตอบถกู

N แทน จำนวนนกั เรียนท้ังหมด

5.2 สถติ พิ น้ื ฐาน

5.2.1 ค่าร้อยละ

5.2.2 ค่าเฉลี่ย ()  = ∑

เมื่อ  แทน คะแนนเฉล่ีย
∑ แทน
ผลรวมของคะแนนทัง้ หมดในกลุ่ม

n แทน จำนวนนกั เรียนในกลุ่ม

5.2.3 คา่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ()

เมอ่ื  แทน คา่ สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน

∑ แทน ผลรวมของคะแนนในกลุ่ม
∑ 2 แทน ผลรวมของคะแนนแต่ละตัวยกกำลังสอง
n แทน จำนวนนักเรยี นในกลมุ่
5.3 สถติ ิอนุมาน ใช้ทดสอบความแตกต่างของคะแนนทดสอบกอ่ นและหลังเรยี น
โดยใชส้ ตู ร t-test

เม่อื t แทน ค่าสถติ ิทีจ่ ะใชเ้ ปรียบเทียบกับคา่ วิกฤติ

∑ แทน ผลรวมของคา่ ผลต่างระหวา่ งคู่คะแนน
2 แทน ผลตา่ งระหวา่ งคคู่ ะแนนยกกำลงั สอง
N แทน จำนวนกลุ่มตวั อย่าง

20

5.4 การคำนวณหาคา่ ประสทิ ธิภาพ ( 1/ 2)

เมอื่ 1 แทน ร้อยละของคะแนนเฉล่ยี ของนักเรียนทุกคนจากการทำแบบฝึก
ระหว่างเรียน

∑ แทน คะแนนรวมระหวา่ งผลการปฏบิ ัติงานระหว่างเรยี น
A แทน คะแนนเตม็ ของการปฏบิ ัตงิ านระหวา่ งเรยี น
N แทน จำนวนนักเรยี นทัง้ หมด

เมื่อ 2 แทน ร้อยละของคะแนนนกั เรยี นทไ่ี ด้จากการทำแบบทดสอบวัดผล
สมั ฤทธห์ิ ลังการเรยี น

∑ แทน คะแนนรวมของนักเรียนจากการทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ
B แทน คะแนนเตม็ ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์หิ ลังเรียน
N แทน จำนวนนักเรยี นทัง้ หมด

21

บทท่ี 4
ผลการศกึ ษาคน้ ควา้

การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อหาประสิทธิภาพสื่อออนไลน์เรื่องการแก้สมการเชิงเส้นตัว
แปรเดียวตามเกณฑ์มาตรฐาน 70/70 และเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง
การแกส้ มการเชิงเสน้ ตัวแปรเดยี ว ของนกั เรยี นช้ัน ปวช.1 สาขางานเทคโนโลยีสารสนเทศ วทิ ยาลัยสารพดั
ช่างระยอง กอ่ นเรียนรู้และหลังเรียนรโู้ ดยใช้สอื่ ออนไลน์ ผู้ศึกษาเสนอผลการศกึ ษาคน้ ควา้ ดงั นี้

1. การวิเคราะห์ขอ้ มูล
2. ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู
1. การวิเคราะหข์ ้อมลู
ผศู้ กึ ษาได้วิเคราะห์ข้อมูลตามลำดบั ดังน้ี
ตอนที่ 1 การวเิ คราะหห์ าประสทิ ธภิ าพของสอ่ื ออนไลน์ เรอ่ื งการแก้สมการเชิงเสน้ ตวั แปรเดยี ว
ตอนท่ี 2 การวเิ คราะหผ์ ลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น กอ่ นและหลงั การใชส้ อื่ ออนไลน์ เรอื่ งการแก้สมการ
เชิงเส้นตัวแปรเดียว
2. ผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู
ตอนที่ 1 การวเิ คราะห์หาประสทิ ธิภาพของสอ่ื ออนไลน์ เรอ่ื งการแก้สมการเชิงเสน้ ตัวแปรเดยี ว
ตารางท่ี 1 คา่ เฉลย่ี ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน และคา่ ร้อยละของคะแนนการทำสื่อออนไลน์ เร่อื งการแก้
สมการเชงิ เสน้ ตวั แปรเดียว

จำนวนแบบฝกึ คะแนนเตม็ ค่าเฉลีย่ คา่ เบยี่ งเบนมาตรฐาน 1
ของส่อื ออนไลน์ 20 15.00 24.53 75

2 ชุด

จากตารางที่ 1 พบวา่ ค่าเฉลย่ี ของคะแนนการทำส่ือออนไลนเ์ รือ่ งการแกส้ มการเชงิ เส้นตวั แปร
เดยี วมีคา่ เทา่ กับ 15.00 คิดเป็นรอ้ ยละ 75

ตารางท่ี 2 คา่ เฉลย่ี สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน และคา่ ร้อยละของคะแนนผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น เร่ืองการ
แกส้ มการเชงิ เส้นตวั แปรเดียว

คะแนนเตม็ ค่าเฉล่ีย ค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐาน 2
20 14.2 23.20 71

จากตารางท่ี 2 พบว่า ค่าเฉลย่ี ของคะแนนการทำแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนเร่อื ง
การแก้สมการเชงิ เส้นตวั แปรเดยี วหลังการเรียนดว้ ยส่ือออนไลน์ มีคา่ เท่ากบั 7.89 คดิ เป็นรอ้ ยละ 71

22

ตารางท่ี 3 ประสิทธภิ าพของสอื่ ออนไลน์ เรอ่ื งการแก้สมการเชิงเสน้ ตวั แปรเดียว

จำนวนนกั เรียน ประสิทธิภาพด้านกระบวนการ ประสทิ ธภิ าพด้านผลลพั ธ์ ( 2)
5 71
( 1)
75

จากตารางที่ 3 พบวา่ จากการทำแบบทดสอบยอ่ ยหลังเรียนด้วยส่ือออนไลน์เรื่องการแก้สมการ
เชิงเส้นตัวแปรเดียวคิดเป็นร้อยละ 75 และมีคะแนนจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
หลังเรียน คิดเป็นร้อยละ 71 ดังนั้นสื่อออนไลน์เรื่องการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวของนักเรียน
ช้ันปวช.1 จึงมปี ระสทิ ธภิ าพเทา่ กับ 75/71

ตอนท่ี 2 การวเิ คราะห์ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น กอ่ นและหลงั การใช้แบบฝกึ เสริมทกั ษะ เรอื่ งการแก้
สมการเชิงเสน้ ตวั แปรเดยี ว

ตารางท่ี 4 คา่ เฉล่ีย และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐานของคะแนนผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นเรื่องการแกส้ มการ
เชิงเส้นตวั แปรเดยี วก่อนเรียนและหลงั เรยี นด้วยสื่อออนไลน์

คะแนนกอ่ นเรยี น คะแนนหลงั เรยี น

คะแนนเตม็ คา่ เฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบน ค่าเฉลย่ี คา่ เบ่ียงเบน
20 มาตรฐาน มาตรฐาน

9.89 1.88 15.26 1.41

จากตารางที่ 4 พบวา่ คะแนนผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนเร่อื งการแก้สมการเชิงเส้นตวั แปรเดยี ว
จากการทดสอบก่อนเรยี นมีคะแนนเฉลี่ยเทา่ กบั 9.89 (คา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน=1.88) และหลังเรียนมี
คะแนนเฉลยี่ เท่ากบั 15.26 (คา่ เบ่ยี งเบนมาตรฐาน=1.41)

ตารางที่ 5 เปรยี บเทยี บคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนเรอ่ื งการแก้สมการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดยี วก่อน
เรยี นและหลังเรยี นด้วยส่ือออนไลน์

การทดสอบ จำนวนนกั เรียน ค่าเฉลยี่ ค่าเบีย่ งเบน df คา่ t
มาตรฐาน 18 10.76
ก่อนเรยี น 19 9.89
หลงั เรียน 19 15.26 1.88
1.41

*มีนยั สำคญั ทางสถติ ทิ ี่ระดับ .05

จากตารางท่ี 5 พบว่าคะแนนเฉลย่ี การทดสอบวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนเรือ่ งการแกส้ มการ
เชงิ เสน้ ตัวแปรเดยี วหลังเรยี นด้วยสือ่ ออนไลน์สูงกวา่ กอ่ นเรียนอย่างมนี ัยสำคญั ทางสถิตทิ ่ีระดับ .05

23

บทที่ 5
สรปุ ผล อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ

การศึกษาเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวของ
นักเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ ประเภทวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาขาวิชา
เทคโนโลยีสารสนเทศ สาขางานเทคโนโลยีสารสนเทศ ชั้นปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ของ
วิทยาลัยสารพัดช่างระยอง โดยใช้สื่อออนไลน์ ผู้ศึกษาสรุปผลการวิจัย อภิปรายผลและได้ให้ข้อเสนอแนะ
ดังรายละเอยี ดน้ี

วตั ถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษา
1. เพื่อหาประสิทธิภาพสื่อออนไลน์ เรื่องการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวตามเกณฑ์
มาตรฐาน 70/70
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้สมการเชิงเส้น

ตัวแปรเดยี วของนักเรยี นชั้น ปวช.1 สาขางานเทคโนโลยีสารสนเทศวทิ ยาลัยสารพัดช่างระยอง ก่อนเรียนรู้
และหลังเรียนรโู้ ดยใชส้ อื่ ออนไลน์

สมมตุ ฐิ านของการศกึ ษา
1. สื่อออนไลน์ เรื่องการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน
70/70
2. นักเรียนชั้นปวช.1 สาขางานเทคโนโลยีสารสนเทศวิทยาลัยสารพัดช่างระยอง มีผลสัมฤทธิ์

ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวหลังเรียนโดยใช้สื่อออนไลน์สูงกวา่
ก่อนเรยี น

สรุปผลการศกึ ษา

1. การหาประสทิ ธภิ าพส่อื ออนไลน์เรือ่ งการแก้สมการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดยี ว ชน้ั ปวช.1 วทิ ยาลัย
สารพัดชา่ งระยอง มีผลสมั ฤทธิเ์ ม่ือเปรียบเทยี บกับเกณฑท์ ี่กำหนดไว้ คือ 80/80 พบวา่ คา่ ประสิทธภิ าพท่ี
คำนวณไดเ้ ทา่ กบั 75/71 มคี ่าสูงกว่าเกณฑม์ าตรบาน แสดงวา่ ส่ือออนไลน์เร่ืองการแกส้ มการเชงิ เส้นตวั
แปรเดียวชัน้ ปวช.1 วิทยาลัยสารพดั ชา่ งระยอง มปี ระสิทธิภาพสงู ตามเกณฑม์ าตรฐานที่กำหนด

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวของนักเรียนชั้นปวช.1 สาขา
งานเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยสารพัดช่างระยอง มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนด้วยสื่อออนไลน์
สูงกว่ากอ่ นเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทร่ี ะดบั .05

24

อภปิ รายผล
1. สื่อออนไลน์เรื่องการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวชั้นปวช.1 วิทยาลัยสารพัดช่างระยองที่ผู้

ศึกษาค้นคว้าสร้างขึ้นครั้งนี้ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 75/71 หมายความว่า คะแนนเฉลี่ยของการทดสอบ
ระหว่างเรียน โดยใช้สื่อออนไลน์ นักเรียนทำได้ถูกต้องคือเป็นร้อยละ 75 และคะแนนทดสอบหลังเรียน
เฉลี่ยที่นักเรียนทุกคนสามารถทำแบบทดสอบได้ถูกต้อง คิดเป็นร้อยละ 71 แสดงว่าสื่อออนไลน์เรื่องเรื่อง
การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ชั้นปวช.1 วิทยาลัยสารพัดช่างระยอง มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์
มาตรฐาน 70/70 ท่ีต้ังไว้

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้
สื่อออนไลน์เรื่องการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวของนักเรียน ชั้นปวช.1 สาขางานเทคโนโลยีสารสนเทศ
วิทยาลัยสารพัดช่างระยอง ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 9.89 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.88 และ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 15.26 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.41
แสดงวา่ คะแนนทดสอบหลังเรียนด้วยสอ่ื ออนไลน์สูงกว่าคะแนนทดสอบก่อนเรียนอยา่ งมีนยั สำคญั ทางสถิติ
ท่รี ะดบั .05

ข้อเสนอแนะ
1. ครูผู้สอนนักเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ สามารถนำสื่อออนไลน์เรื่องการแก้สมการ

เชิงเส้นตัวแปรเดยี วที่ผู้วจิ ยั สร้างขนึ้ ไปทดสอบใช้และพัฒนาตอ่ ไป
2. ครูผู้สอนควรมีการสร้างสื่อออนไลน์ทุกระดับชั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ให้เกิดกับ

ผเู้ รียน มีการพฒั นาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นดีข้ึน
3. ครูผูส้ อนควรมีการศึกษาเจตคติตอ่ การเรียนรขู้ องนกั เรียนทไี่ ด้รบั การสอนโดยใช้สอื่ ออนไลน์

25

บรรณานกุ รม

ทติ ติยา ฤทธโ์ิ ต. การศึกษาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนโดยใชแ้ บบฝึกเสรมิ ทกั ษะคณติ ศาสตร์ เรื่อง การบวก
และ การลบจำนวนเต็ม ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 โรงเรียนเซนต์หลยุ สฉ์ ะเชงิ เทรา. ผลงานวจิ ยั ในชั้น
เรยี น. 2553.

เยาวลกั ษณ์ โทณผลิน. การใชส้ ่ือออนไลน์และการเสรมิ แรง. ผลงานวจิ ยั ในชน้ั เรียน. 2541

ศึกษาธิการ, กระทรวง . หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช 2556 ประเภทวชิ าอตุ สาหกรรม.
2556. (อดั สำเนา)

สันตยิ า ไชยศรีชลธาร. การเขยี นแผนการสอนทเี่ นน้ สมรรถนะอาชพี . เอกสารประกอบการอบรม
เชงิ ปฏบิ ัติการ “เขยี นแผนการสอนทเี่ นน้ สมรรถนะอาชีพ”, ม.ป.ป. (อดั สำเนา)

www.dcms.thailis.or.th/dcms/basic.php. (ออนไลน)์ .การเปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น
คณติ ศาสตร์ เรอ่ื ง ทศนยิ ม ของนกั เรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 ระหวา่ งสอนโดยวธิ เี พอ่ื นชว่ ยเพอื่ นกบั วธิ ี
สอนปกต.ิ (28 ตุลาคม 2559)

www.dcms.thailis.or.th/dcms/basic.php. (ออนไลน์) .การเปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น
คณติ ศาสตร์ เรอื่ ง สมการและการแกส้ มการเชงิ เสน้ ตวั แปรเดยี ว สำหรบั นกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6
โดยใชบ้ ทเรยี น โปรแกรมกบั การสอนปกต.ิ (5 พฤศจกิ ายน 2559)

26

ประวตั ผิ จู้ ดั ทำวจิ ยั

ชอ่ื – นามสกลุ : นางสรุ ิษา เกษรศริ ิ

วนั /เดอื น/ปเี กดิ : วันจนั ทร์ ที่ 13 เดือนกนั ยายน พ.ศ. 2519

ประวตั กิ ารศกึ ษา

พ.ศ.2538 – พ.ศ. 2542 ปรญิ ญาตรี วท.บ.(คณิตศาสตร์) มหาวทิ ยาลยั นเรศวร
จังหวดั พิษณุโลก

พ.ศ.2542 – พ.ศ. 2544 ปรญิ ญาโท วท.ม.(คณิตศาสตร์) มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่

พ.ศ.2549 – พ.ศ. 2550 ป.บณั ฑติ (วชิ าชีพครู) มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี
จงั หวัดจนั ทบรุ ี

พ.ศ.2556 – พ.ศ.2559 ปริญญาโท ศษ.ม.(การบริหารการศกึ ษา)
มหาวทิ ยาลยั กรุงเทพธนบรุ ี

ประวตั กิ ารทำงาน

พ.ศ.2544 – พ.ศ. 2547 อาจารย์อตั ราจา้ ง คณะวทิ ยาศาสตร์ เอกคณติ ศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยราชภัฏพบิ ลู สงคราม จังหวัดพษิ ณโุ ลก

พ.ศ.2547 – พ.ศ. 2551 ครอู ัตราจ้าง แผนกวชิ าสามัญ-สมั พันธ์ วิทยาลยั สารพัดชา่ งระยอง

พ.ศ.2554 – พ.ศ. 2556 พนักงานราชการ แผนกวิชาสามัญ-สัมพนั ธ์
วทิ ยาลัยสารพัดชา่ งระยอง

พ.ศ. 2556 – พ.ศ. 2559 ครูผูช้ ่วย แผนกวชิ าสามัญ-สมั พันธ์ วทิ ยาลยั สารพดั ช่างระยอง

พ.ศ. 2559 – พ.ศ. 2563 ครู คศ.1 แผนกวชิ าสามญั -สมั พนั ธ์ วทิ ยาลยั สารพัดช่างระยอง

พ.ศ. 2563 – ปจั จบุ ัน ครู คศ.2 แผนกวิชาสามัญ-สัมพันธ์ วทิ ยาลัยสารพดั ชา่ งระยอง

27

ภาคผนวก
1. สอ่ื ออนไลน์
2. ตารางคะแนนกอ่ นและหลงั เรียนใชส้ ื่อออนไลนข์ องนกั เรียนรายบคุ คล
3. รายชือ่ ผู้เชี่ยวชาญ

28

สอ่ื ออนไลน์ (ชดุ ที่ 1)
https://youtu.be/KQRnFQSFPp0

29

สอ่ื ออนไลน์ (ชดุ ท่ี 2)
https://youtu.be/uSlBO_U5g1A

30

สอ่ื ออนไลน์ (ชดุ ที่ 3)
https://youtu.be/NJQ32WdgRJU

31

การคำนวณหาคา่ ประสทิ ธภิ าพ ( / )

ตารางท่ี 1 ตารางแสดงค่าเฉลี่ย สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน และค่าร้อยละของคะแนนโดยใชส้ ่อื ออนไลน์
เรือ่ งการแกส้ มการเชงิ เส้นตวั แปรเดียว ทงั้ 2 ชุด

คนที่ คะแนนชุดที่ 1 คะแนนชุดท่ี 2 คะแนนรวม
1 7 8 15
2 8 9 17
3 7 7 14
4 6 7 13
5 8 8 16
รวม 36 39 75
่คาเฉลย่ี
่คาเบย่ี งเบนมาตรฐาน 7.20 7.80 15.00

รอ้ ยละของคะแนนเฉล่ียของนกั เรยี นทุกคนจากการทำแบบฝึกระหวา่ งเรียน 1

จากสตู ร

= 755×100
20

= 15×100

20

= 1500

20

= 75.00

32

ตารางท่ี 2 ตารางแสดงค่าเฉลยี่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าร้อยละของคะแนนผลสัมฤทธ์ทิ างการ
เรียน เรอื่ งการแก้สมการเชิงเสน้ ตวั แปรเดยี ว

คนท่ี คะแนนทดสอบ คะแนน^2
1 14 196
2 15 225
3 13 169
4 15 225
5 14 196
รวม 71 1011
่คาเฉลยี่ 7.89
่คาเบยี่ งเบนมาตรฐาน 1.36

ร้อยละของคะแนนนักเรยี นทไ่ี ดจ้ ากการทำแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์หลังการเรยี น 2

จากสูตร

= 751×100
20

= 14.2×100

20

= 1420

20

= 71.00

ดังนัน้ สื่อออนไลน์ เร่อื งการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวของนักเรยี นชั้นปวช.2

ของวิทยาลยั สารพัดช่างระยอง จึงมีประสทิ ธิภาพเท่ากับ 75/71

33

ตารางที่ 3 แสดงผลสัมฤทธ์ิกอ่ นเรียนหลงั เรยี นของนกั เรยี นปวช.1 สาขางานเทคโนโลยีสารสนเทศ

ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563 ของวทิ ยาลยั สารพัดช่างระยอง โดยใช้สื่อออนไลน์

คนที่ รหัสประจาตวั ชอื่ -นามสกลุ คะแนนญกอนเรียน คะแนนหลังเรียน ความญกาวหญนา
x1 x12 x2 x22 d d2
1 63209010001 นายกตญั ญู เรืองวงญษ 11 121 15 225 4 16

2 63209010002 นายกฤตนู รามญั อุดม 9 81 15 225 6 36

3 63209010003 นางสาวกังสดาล บุญสอน 13 169 18 324 5 25

4 63209010004 นางสาวเกวลิน พรมราช 9 81 14 196 5 25

5 63209010005 นางสาวจุฑารัตญน นัทธีคหู า 9 81 15 225 6 36

6 63209010006 นายณรญงคกร เทศน่ิม 13 169 18 324 5 25

7 63209010007 นางสาวนิภาพร พนัญธทอง 10 100 15 225 5 25
8 63209010008 นางสาวเบญจมาศ พกุ ซือ่ ตรง 8 64 15 225 7 49

9 63209010009 นายปฏิภาณ เจริญอินทญร 14 196 16 256 2 4
10 63209010010 นายประกาศติ คาประสิทธิ์ 10 100 16 256 6 36

11 63209010011 นายพงศกร สายสมบูรญณ 11 121 16 256 5 25

12 63209010012 นายสราวุฒิ กันศร 9 81 15 225 6 36

13 63209010013 นางสาวนิสารัตญน แญยมบาน 8 64 14 196 6 36

14 63209010014 นางสาวณฐั กานญต โพธ์ิพรม 9 81 13 169 4 16

15 63209010016 นายธนบดนิ ทญร คาแลริบ 11 121 17 289 6 36

16 63209010017 นายญกองเกียรติ ญนอยสังวาลญย 10 100 16 256 6 36

17 63209010019 นางสาวพรี ดา สงิญหใส 9 81 13 169 4 16

18 63209010021 นายสุประดษิญฐ วันดวี ญงค 8 64 14 196 6 36

19 63209010022 นางสาวภคนิ ี คมกญลา 7 49 15 225 8 64
รวม 188 1924 290 4462 102 578

ญคาเฉล่ีย 9.89 15.26

ญรอยละ 98.95 152.63

ญสวนเบ่ียงเบนมาตรฐาน 1.88 1.41

t-test 10.76

34

ค่าสถิติ t จากสูตร

= 50

√19(152)−(50)2

18

= 50

√28881−82500

= 50

√21.55

= 50

4.64

= 10.76

35

36

1. นางพรรณกิ าร์ เหลก็ สิงห์ รายชอ่ื ผเู้ ชยี่ วชาญ
2. นางเดือนเพ็ญ สนแยม้
ตำแหน่ง อาจารย์
3. นางสมฤทยั บางโปง่ วุฒกิ ารศึกษา ปรญิ ญาโท วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่

ตำแหนง่ นกั วชิ าการ
วุฒกิ ารศกึ ษา ปริญญาโท ศึกษาศาสตรมหาบณั ฑติ
สาขาวิชาประเมินผลและวจิ ัยการศึกษา
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ตำแหน่ง ครู
วุฒกิ ารศกึ ษา ปริญญาตรี ครศุ าสตรบ์ ันฑติ สาขาวทิ ยาศาสตร์
ทว่ั ไป มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั กำแพงเพชร


Click to View FlipBook Version