การคัดเลือกชนิดไม้และพื้นที่ที่เหมาะสมส าหรับการปลูกไม้เศรษฐกิจ
นายสุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ
นายสุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ
ส่วนวนวัฒนวิจัย
ส านักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ กรมป่าไม้
2561
2
ค าน า
การคัดเลือกชนิดไม้และพื้นที่ที่เหมาะสมถือเป็นองค์ประกอบของความส าเร็จในการปลูกป่าอันดับแรก ๆ
ื่
ซึ่งเริ่มตั้งแต่ก่อนปลูก เนื่องจากชนิดไม้ถือเป็นสิ่งส าคัญล าดับแรกที่ผู้ปลูกต้องตระหนักโดยเฉพาะการปลูกเพอเป็นไม้
ั
เศรษฐกิจ แม้ว่าประเทศไทยมีความหลากหลายทางชนิดพนธุ์สูง มีไม้ยืนต้นกว่า 3,000 ชนิด แต่ในช่วงศตวรรษที่ผ่าน
มา การปลูกป่าในเขตร้อน (tropical zone) รวมทั้งประเทศไทยให้ความส าคัญกับไม้เพียง 3 กลุ่ม คือ สัก สน และยู
คาลิปตัส (Usher, 2009) เช่นเดียวกับการพัฒนาแหล่งพันธุกรรมไม้ป่าในประเทศไทยที่มีการด าเนินงานในช่วงแรก
กับไม้สัก ไม้สน และยูคาลิปตัส ตามล าดับ อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการนโยบายปิดป่า รวมถึงยกเลิกการให้
สัมปทานท าไม้จากป่าธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดการใช้ไม้จากสวนป่ามากขึ้น อุตสาหกรรมการปลูกสร้างสวนป่าจึงมี
ความส าคัญและได้รับความสนใจมากขึ้น และยังท าให้เกิดกระแสการตื่นตัวในการปลูกป่าเชิงเศรษฐกิจอีกด้วย
บริบทของการปลูกป่าในปัจจุบัน ประกอบด้วยมิติของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (รวมถึงปลูกเพื่อการ
ฟื้นฟู) ในเอกสารนี้ กล่าวถึงภาพรวมทั้งหมดของการคัดเลือกชนิดไม้ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ส าหรับในส่วนของพื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกนั้น จะเน้นในประเด็นของการปลูกเพื่อเศรษฐกิจเป็นหลัก รวมถึงมิติ
ทางด้านสังคมในส่วนของป่าในเมือง การคัดเลือกชนิดไม้ส าหรับปลูกบนทางเท้า
เนื้อหาในเรื่องจะช่วยให้ผู้ปลูกมีเกณฑพิจารณาได้ว่าจะเลือกชนิดไม้ใด ซึ่งนอกจากมิติการปลูกทางด้าน
์
เศรษฐกิจแล้ว ยังพิจารณาถึงบริบทด้านสังคม ป่าในเมืองและสิ่งแวดล้อมด้วย ผู้เขียนยังได้ท าการปรับปรุงรายชื่อชนิด
ี
้
ไม้ที่กรมป่าไม้แนะน า ซึ่งท าในสมัย ปี 2540 เป็นครั้งแรก พร้อมทั้งมการให้ข้อมูลใหม่ในการแนะน าชนิดไมที่
เหมาะสม จ านวน 10 ชนิด ในพื้นที่โซนต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งแบ่งเป็น 8 โซน
3
้
1. การให้ค าแนะน าชนิดพรรณไมโดยกรมป่าไม ้
กรมป่าไม้ตระหนักถึงความส าคัญของการคัดเลือกชนิดไม้เพอการปลูกป่า ได้จัดให้มีการประชุมที่
ื่
เกี่ยวข้อง และมีข้อแนะน าชนิดไม้ เผยแพร่สู่ประชาชนตามช่วงเวลาและบริบท สถานการณ์ต่าง ๆ พอจะเรียบเรียง
น าเสนอ ได้ดังนี้
ั
การประชุมคัดเลือกชนิดไม้ในระดับชาติ ผู้เรียบเรียงได้เป็นผู้ประสานงานโปรแกรมทรัพยากรพนธุกรรม
ิ
ป่าไม้แห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟคในประเทศไทย (Asia-Pacific Forest Genetic Resources Programme-
APFORGEN National Coordinator) กรมป่าไม้ได้รับมอบหมายให้จัดการประชุมระดับชาติด้านทรัพยากรพันธุกรรม
ื่
ป่าไม้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในปี ค.ศ. 2001 ประชุมเชิงปฏิบัติการเพอเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการจัดการ
ทรัพยากรพนธุกรรมป่าไม้ของประเทศไทย (National Consultative Workshop on Strengthening Forest
ั
Genetic Resource Management in Thailand ณ โรงแรมรามา การ์เด้นส์ กรุงเทพฯ ในการประชุมนี้ นอกจากได้
ประโยชน์ในกิจกรรมด้านทรัพยากรพนธุรรมไม้ป่าแล้ว ยังก่อให้เกิดการจัดล าดับความส าคัญของการด าเนินงานด้าน
ั
ู
ื่
ต่าง ๆ ของชนิดไม้ ที่แบ่งเป็น 5 ประเภท คือ ไม้เศรษฐกิจ ไม้เพอพลังงาน ไม้เพอฟนฟระบบนิเวศ ไม้หายากและใกล้
ื้
ื่
ื่
สูญพนธุ์ และไม้เพอผลิตผลรอง ซึ่งยังคงใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการและการด าเนินงานด้านการวิจัยของกรม
ั
ป่าไม้อยู่จนปัจจุบัน
1.1 ชนิดไม้ที่ตอบสนองการใช้ประโยชน์แต่ละรูปแบบ
ื่
ต่อมากรมป่าไม้ให้ค าแนะน าชนิดไม้ส าหรับการปลูกเพอตอบสนองความต้องการใช้ประโยชน์ใน
ั
รูปแบบต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับการด าเนินงานด้านการปรับปรุงพนธุ์ ได้แก่ เนื้อไม้ เยื่อกระดาษ พลังงาน และในราวปี
พ.ศ. 2540 กรมป่าไม้ มีการเผยแพร่แนะน าชนิดไม้เพอการปลูกสร้างสวนป่าอย่างกว้าง ไว้ 27 ชนิด (สุวรรณ, 2557)
ื่
ิ่
(ตารางที่ 2) และเมื่อปี พ.ศ. 2561 ได้มีการปรับปรุงเพมเติมข้อมูลด้านไม้โตเร็ว ไม้โตช้า และชนิดไม้ที่สอดคล้องกับ
สถานการณ์การใช้ไม้ในปัจจุบัน โดยผู้เขียน ซึ่งปฏิบัติราชการต าแหน่ง ผู้อานวยการส่วนวนวัฒนวิจัยในขณะนั้น
(สุวรรณ และวรพรรณ, 2561)
4
ตารางที่ 2 รายชื่อชนิดไม้ที่กรมป่าไม้ก าหนดให้ใช้ส าหรับการปลูกป่า (ปี พ.ศ. 2540) (* ไม้ต่างถิ่น)
ชื่อสามัญ (Common name) ชื่อพฤกษศาสตร (Botanical name) วงศ์ (Family)
์
์
กระถินณรงค* Acacia auriculiformis Mimosaceae
กระถินเทพา* A. mangium Mimosaceae
มะค่าโมง Afzelia xylocarpa Caesalpinaceae
ตีนเป็ด Alstonia scholaris Apocynaceae
ตะกู Anthocephalus chinensis Rubiaceae
สะเดาเทียม Azadirachta excelsa Meliaceae
สะเดา A. indica var. siamensis Meliaceae
เคี่ยม Cotylelobium lanceolatum Dipterocarpaceae
ยมหิน Chukrasia velutina (C. tabularis) Meliaceae
พะยูง Dalbergia cochinchinensis Papilionaceae
ชิงชัน D. oliveri Papilionaceae
ยางนา Dipterocarpus alatus Dipterocarpaceae
ยางแดง D. turbinatus Dipterocarpaceae
ยูคาลิปตัสคามาลดูเลนซิส* Eucalyptus camaldulensis Myrtaceae
ซ้อ Gmelina arborea Verbenaceae
ตะเคียนทอง Hopea odorata Dipterocarpaceae
หลุมพอ Intsia palembanica Caesalpinaceae
มะม่วงป่า Mangifera caloneura Anacarduaceae
เลี่ยน Melia azedarach Melicceae
สนคาริเบีย* Pinus caribaea Pinaceae
สนสามใบ P. kesiya Pinaceae
สนสองใบ P. merkusii Pinaceae
ประดู่ Pterocarpus macrocarpus Papilionaceae
สัก Tectona grandis Labiatae
สมพง Tetrameles nudiflora Tetramelaceae
ยมหอม Toona ciliata Meliaceae
แดง Xylia xylocarpa Mimosaceae
5
ชื่อสามัญ (Common name) ชื่อพฤกษศาสตร์ (Botanical name) วงศ์ (Family)
1. กระถินณรงค์ Acacia auriculiformis A.cunn. Mimosaceae
2. กระถินเทพา Acacia mangium Willd. Mimosaceae
3. กระถินลูกผสม Acacia hybrids Mimosoideae
4. ยูคาลิปตัส Eucalyptus camaldulensis Dehnh. Myrtaceae
5. มะฮอกกานี Swietenia macrophylla King. Meliaceae
6. ไผ่ (ไผ่เลี้ยง,ไผ่รวก,ไผ่ซางหม่น ฯลฯ) Bamboo Poaceae
7. สะเดาเทียม Azadirachta excelsa (Jack) Jacobs. Meliaceae
8. สะเดา Azadirachta indica A. Juss. Meliaceae
9. ยมหอม Toona ciliata M.Roem. Meliaceae
1
10. สัก Tectona grandis Linn.f. Verbenaceae
11. สนคาริเบีย Pinus caribaea Morelet.Pev.Hort. Pinaceae
12. ประดู่ Pterocarpus macrocarpus Kurz Papilionaceae
13. ยางนาและไม้ยางอื่นๆ Dipterocarpus spp. Dipterocarpaceae
14. แดง Xylia xylocarpa Taub. Mimosaceae
15. หลุมพอ Intsia palembanica Miq. Caesalpinaceae
16. มะค่าโมง Afzelia xylocarpa Craib Caesalpinaceae
17. พะยูง Dalbergia cochinchinensis Pierre Papilionaceae
18. ชิงชัน Dalbergia oliveri Gamble Papilionaceae
19. ตะเคียนทอง Hopea odorata Roxb. Dipterocarpaceae
20. เคี่ยมคะนอง Shorea henryana Pierre Dipterocarpaceae
21. ยมหิน Chukrasia tabularis A. Juss. Meliaceae
2
22. มะม่วงป่า Mangifera caloneura Kurz Anacadiaceae
23. จ าปาป่า Magnolia champaca L. Baill. ex Pierre Magnoliaceae
3
24. โกงกางใบเล็ก Rhizophora apiculata Blume Rhizophoraceae
25. เทพธาโร Cinnamomum porrectum Kosterm Lauraceae
26. มะเกลือ Diospyros mollis Griff. Ebenaceae
27. จามจุรี Albizia saman (Jacg.) Merr. Minosoideae
___________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
1 การปลูกเชิงเดี่ยวมีการระบาดของแมลงควรปลูกแบบผสมผสาน ชื่อไม้ยมหิมในประเทศไทย โดยข้อเท็จจริงเป็นชื่อรวมที่ใช้เรียกไม้ 2 ชนิดที่มีความคล้ายคลึงกัน
2
3
คือ C.tabularis (เนื้อไม้คุณภาพดีกว่ามีเปลือกเรียบ) และ C.velutina (เปลือกแตกเป็นแตกเป็นร่องลึกตามยาว) ส าหรับเป็นไม้ใช้สอยและท าถ่าน
หมายเหตุ : น าเสนอโดยโดยผู้อานวยการส่วนวนวัฒนวิจัย (นายสุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ) ร่วมกับทีมนักวิชาการป่าไม้
ของส่วนวนวัฒนวิจัย ปี พ.ศ.2561
6
ประเภทของไม้เศรษฐกิจจ าแนกตามอัตราการเติบโต
ไม้โตเร็ว ไม้โตเร็วปานกลาง ไม้โตช้า
ยูคาลิปตัส มะฮอกกานี ประดู่
ไผ่ (ไผ่เลี้ยง, ไผ่รวก, ไผ่ซางหม่น) สะเดา ยางนาและไม้ยางอื่น ๆ
กระถินณรงค ์ ยมหอม แดง
กระถินเทพา ยมหิน หลุมพอ
กระถินลูกผสม โกงกางใบเล็ก มะค่าโมง
สัก พะยูง
มะม่วงป่า เก็ดแดงหรือชิงชัน
สะเดาเทียม ตะเคียนทอง
สนคาริเบีย เคี่ยมคะนอง
เทพธาโร จ าปาป่า
จามจุรี มะเกลือ
หมายเหตุ ; เกณฑ์การจ าแนกประเภทไม้โตเร็วโดยใช้รอบตัดฟัน (rotation) หรือความเพิ่มพูนรายปี (mean annual
increment - MAI) (บุญวงศ์, 2554)
ประเภท รอบตัดฟัน ความเพิ่มพูนรายปี ตัวอย่างชนิดไม้
ไม้โตเร็ว Short (< 7 ปี) > 3.0 ลบ.ม. /ไร่/ปี ยูคาลิปตัส
ไม้โตปานกลาง Medium (7 - 25 ปี) > 2.5 ลบ.ม. /ไร่/ปี สนเขา, สนทะเล, กระถินเทพา
ไม้โตช้า Long (> 25 ปี) > 25 ปี สัก, ยางพารา
7
1.2 ชนิดไม้ส าหรับปลูกบนทางเท้า
ส าหรับการปลูกต้นไม้ในเมือง โดยเฉพาะการปลูกต้นไม้บนทางเท้า ผู้เขียนได้มีรวบรวมและจัดท า
ื้
เอกสารเผยแพร่ให้ค าแนะน าเป็นครั้งแรก การปลูกต้นไม้ในเมืองนั้นมีข้อจ ากัดหลายด้าน เนื่องจากพนที่ปลูกจะอยู่ใน
พนที่จ ากัดท าให้รากไม่สามารถเติบโตได้เต็มที่ หากต้นไม้ที่มีความสูงมากจึงอาจเสี่ยงต่อการหักโค่นลงได้ ในหลาย
ื้
ื้
พนที่มีการปลูกต้นไม้ชนิดที่ไม่เหมาะสมมีใบร่วงมากหรือมีความสูงมีรากขนาดใหญ่ ซึ่งเมื่อปลูกแล้วก็ถอเป็นสมบัติของ
ื
ั
สาธารณะและต้องมีระบบการตัดแต่งดูแลรักษาให้มีความมั่นคงแข็งแรงไม่ให้เกิดอนตรายแก่ประชาชน แต่หากเป็น
ั
ถนนสายใหม่ควรเลือกพนธุ์ที่เหมาะสมในการเติบโตมากที่สุดต่อไป การเลือกชนิดของพนธุ์ไม้ที่ต้องการปลูกบนทาง
ั
เท้าพนที่สาธารณะต่าง ๆ จึงต้องค านึงถึงความเหมาะสมทั้งความสูง ลักษณะทรงพม การร่วงของใบ การเติบโต การ
ื้
ุ่
ออกดอก สีของดอกและการลดมลพิษอากาศ โดยกรมป่าไม้ได้ท าการรวบรวมรวมข้อมูลของชนิดต้นไม้ที่เหมาะสมต่อ
ื่
การปลูกบนทางเท้าเพอน าเสนอต่อกรุงเทพมหานครในการปลูกและดูแลต้นไม้บนถนนสายใหม่ การเลือกต้นไม้ที่
่
ื้
เติบโตได้ในพนที่จ ากัดได้อย่างเหมาะสมเกิดความปลอดภัยแก่ประชาชนผู้สัญจรมากทสุด ต้นไม้ที่ควรแกการปลูกบน
ี่
ุ
ทางเท้า ได้แก่ ต้นทองอไร ต้นมะเกลือ ต้นจันอน ต้นพกุล เป็นต้น (ตารางที่ 3) ส าหรับข้อพจารณาการเลือกชนิดไม้
ิ
ิ
ิ
ส าหรับปลูกบนทางเท้ามีดังนี้
1.2.1 ความสูงของต้นไม้ต้องอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง 5-15 เมตร
1.2.2 มีรูปทรงธรรมชาติเป็นทรงพุ่มสวยงามอยู่แล้วโดยไม่ต้องการการตัดแต่งมาก เช่น พิกุล
ุ
1.2.3 หลีกเลี่ยงไม้ผลัดใบทิ้งใบมาก ท าให้ถนนรกรุงรังและปลิวลงถนน อาจก่อให้เกิดอบัติเหตุกับ
ผู้ใช้ทางเท้าและผู้ขับขี่ได้
1.2.4 ควรหลีกเลี่ยงชนิดที่มีเรือนยอดแผ่กว้างมาก
ื้
1.2.5 ชนิดไม้ที่มีใบเล็ก เช่น มะขาม เมื่อร่วงลงพนจะย่อยสลายง่ายดูกลมกลืนกับถนนและทางเท้า
มากกว่าใบขนาดใหญ่
ิ
1.2.6 ชนิดไม้ที่มีศักยภาพในการดูดสารพษมากจะมีโอกาสเติบโตได้ดีกว่าและเป็นประโยชน์ต่อ
สภาพแวดล้อมเนื่องจากบนถนนเต็มไปด้วยมลพิษจากควันรถ
1.2.7 ชนิดไม้ที่มีสีดอกสวยงามจะช่วยสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่สวยงามและเป็น
เอกลักษณ์น่ามอง
1.2.8 เลือกต้นไม้ที่เติบโตปานกลางไม่เร็วหรือช้า เพราะชนิดไม้ที่มการเติบโตอย่างรวดเร็วมักมีระบบ
ี
รากที่เข็งแรงเบียดแทรก จะท าให้พื้นถนนหรือทางเท้าเสียหายได้
8
ตารางท 3 ลักษณะของชนิดไม้ส าหรับปลูกบนทางเท้า
ี่
การร่วง อัตราการ การออก การลดมลพิษ
ชนิด ชื่อพฤกษศาสตร ์ ความสูง(ม.) ลักษณะทรงพุ่ม สีดอก
ิ
ของใบ เตบโต ดอก อากาศ
โสกน้ า Saraca indica 20 กลม ไม่ผลัดใบ เร็ว ดี ส้มแดง ดีมาก
จิกน้ า Barringtonia acutangula 5-15 รีแผ่กว้าง ไม่ผลัดใบ ปานกลาง แดงชมพู ดีมาก
พิกุล Mimusops elengi 10-20 กลม ไม่ผลัดใบ ปานกลาง ดี ขาว ดีมาก
อโศกเซนคาเบรียล Polyalthia longifolia 20 กรวยแหลม ไม่ผลัดใบ ปานกลาง เขียวครีม ดีมาก
อินทนิลน้ า Lagerstroemia speciosa 5-20 กลม ผลัดใบ ปานกลาง ดี ม่วง ดี
อินทรชิต Lagerstroemia loudonii 20 กลม ผลัดใบ เร็ว ดี ม่วง-เหลือง ดีมาก
มะขาม Tamarindus indica 2-20 กลม ไม่ผลัดใบ ช้า ดี เหลืองจุดแดง ดีมาก
ทองอุไร Tecoma stans 2-4 กลม ไม่ผลัดใบ เร็ว ดี เหลืองสด ดีมาก
เหลืองปรีดียาธร Tabebuia aurea 3-8 รูปไข่ ผลัดใบ เร็ว ดี เหลือง ดีมาก
กระพี้จั่น Millettia brandisiana 8-20 กลม ผลัดใบ ปานกลาง ม่วง ขาว ดีมาก
ราชพฤกษ ์ Cassia fistula 15 กลม ผลัดใบ เร็ว ดี เหลือง ดีมาก
ขะเจ๊าะ Millettia leucantha 8-20 กลม ปานกลาง ขาว ดีมาก
จันอิน Diospyros decandra 10-20 กลม ผลัดใบ ช้า ขาวนวล ดีมาก
ตะโกนา Diospyros rhodocalyx 8-15 กลม ไม่ผลัดใบ ช้า ขาวเหลืองอ่อน ดีมาก
มะเกลือ Diospyros mollis 10-30 กลม ไม่ผลัดใบ ช้า เหลือง ส้ม ดี
แคแสด Spathodea 15-20 กลม ผลัดใบ ปานกลาง ดี แสด ดีมาก
campanulata
ล าดวน Melodorum fruticosum 5-20 กรวย ไม่ผลัดใบ ปานกลาง ดี เหลือง ดีมาก
กาสะลองค า Radermachera ignea 6-20 รูปไข่แคบโปร่ง ผลัดใบ เร็ว ดี เหลืองทอง ดีมาก
หมายเหตุ: อัตราการเติบโต เร็ว หมายถึง ออกดอกภายใน 5 ปี
ปานกลาง หมายถึง ออกดอกภายใน 5-10 ปี
ช้า หมายถึง ออกดอกหลัง 10 ปี
9
ภาพที่ 3 ชนิดไม้ส าหรับปลูกบนทางเท้า
2. หลักเกณฑ์ทั่วไปในการคัดเลือกชนิดไม้
ิ
การคัดเลือกชนิดพรรณไม้ที่เหมาะสมมีปัจจัยที่ต้องพจารณาประกอบด้วย วัตถุประสงค์ของการปลูก
ื่
ื่
ได้แก่ การปลูกเพอผลผลิตหรือประโยชน์ทางเศรษฐกิจ การปลูกเพอประโยชน์ทางสังคม การปลูกเพื่อการอนุรักษ์
เมื่อตั้งวัตถุประสงค์ของการปลูกแล้วจะน าไปสู่กระบวนการจัดการที่ถูกต้อง ซึ่งลักษณะทางธรณีวิทยา คุณสมบัติ
ของดิน ลักษณะทางภูมิอากาศ และลักษณะทางภูมิประเทศ จะท าให้ทราบถึงสภาพแวดล้อม เมื่อประกอบกับ
วัตถุประสงค์ของการจัดการจะน าไปสู่การคัดเลือกชนิดไม้ ซึ่งในการน าเสนอของ Haufe J. (2018) ได้ให้ตัวอย่าง
ประกอบการจัดการป่าไม้เพอให้ประสบความส าเร็จจะต้องตั้งวัตถุประสงค์ของการปลูกที่ชัดเจน ได้แก่ ปลูกเพอ
ื่
ื่
ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เช่น ไม้ท่อน เยื่อกระดาษ ชิ้นไม้สับ เชื้อเพลิง หรือเพอของป่า (non-timber forest
ื่
ื่
products: NTFP) วัตถุประสงค์เพอสังคม เช่น อานวยประโยชน์ทางสังคม นันทนาการ ภูมิทัศน์ หรือวัฒนธรรม
10
ื่
ส่วนวัตถุประสงค์เพอการอนุรักษ์ เช่น การอนุรักษ์ชนิดพนธุ์ ที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ป้องกันดินและน้ า ปรับปรุง
ั
ั
ื้
สภาพอากาศ หรือเป็นโครงสร้างพนฐาน ซึ่งการจัดการจะต้องค านึงรวมไปถึงส่วนประกอบของชนิดพนธุ์
ั
(โดยเฉพาะกรณีการปลูกผสม) โครงสร้างของหมู่ไม้ วัตถุประสงค์ของการจัดการ และการสืบต่อพนธุ์ตาม
ธรรมชาติ (ภาพที่ 4 และภาพที่ 5)
ภาพที่ 4 กรอบแนวทางการคัดเลือกชนิดพรรณไม้ที่เหมาะสม ซึ่งต้องพิจารณาสิ่งที่ตนเองต้องการควบคู่
กับลักษณะของพื้นที่ (ที่มา : Haufe J., 2018)
ภาพที่ 5 การก าหนดเป้าหมายที่จัดเจนของการปลูกจะช่วยให้การจัดการสวนป่าประสบความส าเร็จ
11
3. องค์ประกอบหลักที่ใช้คัดเลือกชนิดไม ้
3.1 ลักษณะของพื้นที่
1) ลักษณะทางธรณีวิทยาและคุณสมบัติของดิน
(1.1) คุณสมบัติทางฟิสิกส์ของดินที่ส่งผลต่อการปลูกต้นไม้ ประกอบด้วย
(1.1.1) ความชื้นในดิน (soil moisture) ความชื้นจะปรากฏเสมอในดินตามธรรมชาติ
ิ
และมีผลกระทบต่อคุณสมบัติต่าง ๆ ทั้งทางฟสิกส์ เคมีและทางชีวภาพของดินเป็นอย่างมาก ความชื้นในดินมี
ั
ความสัมพนธ์โดยตรงและโดยอ้อมกับความเป็นอยู่ของพืชที่ขึ้นอยู่บนพื้นดินและจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในดิน
(1.1.2) เนื้อดิน (soil texture) เป็นสมบัติที่บ่งบอกถึงขนาดของชิ้นส่วนที่ประกอบ
ี
กันขึ้นเป็นดิน หรือเนื้อดินเป็นสมบัติที่บ่งบอกถึงความหยาบ (coarseness) หรือความละเอยด (fineness) ของ
ชิ้นส่วนของดิน โดยปกติแล้วเนื้อดินมักเป็นสมบัติที่เสถียร คือ เนื้อดินจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงภายใต้สภาพของ
การใช้ดิน เพอวัตถุประสงค์ทางด้านเกษตร ในการจ าแนกชนิดของเนื้อดิน อาจจะใช้สัดส่วนของอนุภาคของดิน
ื่
ทราย ซิลต์ และดินเหนียว หรือสัดส่วนของเม็ดดิน
(1.1.3) โครงสร้างของดิน (soil structure) คือ ลักษณะของการจัดเรียงและเชื่อมยึด
กันของอนุภาคดิน (soil particle) เป็นเม็ดดิน (soil aggregate) ในการที่อนุภาคดินส่วนใหญ่มีการเชื่อมยึดกับ
อนุภาคข้างเคียงเป็นเม็ดดินไม่ได้ถือว่าดินทุกชนิดจะเป็นดินที่มีโครงสร้างเสมอไป ดังนั้นในการพิจารณาโครงสร้าง
ของดินจ าเป็นต้องค านึงถึงอนุภาคดินส่วนใหญ่ต้องเชื่อมยึดกันเป็นเม็ดดิน และเม็ดดินเหล่านั้นส่วนใหญ่จะต้องมี
รูปร่างคล้ายคลึงกัน กล่าวคือถ้าอนุภาคของดินส่วนมากที่อยู่ในภาวะเม็ดดิน และเม็ดดินเหล่านั้นมีรูปร่าง
คล้ายคลึงกันก็ถอว่าดินสั้นเป็นดินที่มีโครงสร้าง แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าอนุภาคดินส่วนใหญ่ที่เชื่อมยึดเป็นเม็ดดิน
ื
ื
หรือไม่เชื่อมยึดกันเป็นเม็ดดิน และอนุภาคหรือเม็ดดินเหล่านั้นมีรูปร่างต่าง ๆ ที่ไม่มความคล้ายคลึงกนก็ถอว่าดิน
ั
ี
นั้น ๆ เป็นดินที่ไม่มีโครงสร้าง
(1.1.4) ความหนาแน่นและความพรุนของดิน (soil density and soil porosity)
ความหนาแน่นของดิน คือ สัดส่วนระหว่างมวลของดินกับปริมาตรของดิน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ความ
หนาแน่นรวม (bulk density) และ ความหนาแน่นอนุภาค (particle density) ส าหรับความพรุนของดินคือ
ี่
ปริมาตรของสิ่งที่ไม่ใช่ของแข็งทปรากฏในดิน เมื่อคิดเป็นร้อยละของปริมาตรดินทั้งหมด ความหนาแน่นและความ
ั
พรุนของดินนั้นจะมีความสัมพนธ์กับปริมาตรของอนทรียวัตถุในดิน คือ ความหนาแน่นของดินกับปริมาณ
ิ
อินทรียวัตถุในดินจะแปรผันเป็นปฏิภาคกลับกัน ส่วนความพรุนของดินจะผันแปรเป็นปฏิภาคโดยตรงกับปริมาณ
ิ
อนทรียวัตถุ ซึ่งหมายความว่าในท้องที่ใดที่ดินมีค่าความหนาแน่นของดินสูง ค่าความพรุนของดินและปริมาณ
อินทรียวัตถุในท้องที่นั้นจะมีปริมาณต่ า
(1.2) คุณสมบัติทางเคมีของดินที่ส่งผลต่อการปลูกต้นไม้ ประกอบด้วย
(1.2.1) ความเป็นกรดเป็นด่างของดิน เป็นตัวควบคุมการละลายธาตุอาหารในดิน ให้
ออกมาอยู่ในรูปสารละลายรวมกับน้ าในดิน ถ้าดินมีความเป็นกรด-ด่างไม่เหมาะสม ธาตุอาหารในดินอาจละลาย
12
ื
ออกมาได้น้อยไม่เพยงพอต่อความต้องการของพช หรือในทางตรงกันข้ามธาตุอาหารบางชนิดอาจละลายออกมา
ี
มากเกินไปจนเป็นพิษต่อพืชได้
(1.2.2) ปริมาณอนทรียวัตถุ อินทรียวัตถุในดินมีคุณสมบัติช่วยส่งเสริมการจับตัวเป็น
ิ
ก้อนของเม็ดดิน ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการอมน้ า การเคลื่อนที่ของน้ าและอากาศในดินด้วย และยังเป็น
ุ้
แหล่งอาหารที่ส าคัญของพช เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และแคลเซียม เป็นต้น และยังช่วยให้การ
ื
ดูดซับประจุบวกในดินสูงขึ้น ทั้งยังช่วยให้ดินมีความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของความเป็นกรดเป็นด่างของดิน
ื
(1.2.3) ปริมาณธาตุอาหารในดิน ธาตุอาหารเป็นสิ่งจ าเป็นส าหรับการเติบโตของพช
สามารถแบ่งตามปริมาณที่ปรากฏในเนื้อเยื่อพช ดังนี้ ธาตุอาหารหลัก (primary macronutrients) ได้แก่
ื
ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และโพแทสเซียม (K) ธาตุอาหารรอง (secondary macronutrients) ได้แก่
แคลเซียม (Ca) แมกนีเซียม (Mg) และซัลเฟอร์ (ก ามะถัน) (S) ธาตุอาหารเสริม (micronutrients) ได้แก่
แมงกานีส (Mn) คอปเปอร์ (ทองแดง) (Cu) คลอรีน (Cl) เฟอรัส (เหล็ก) (Fe) โบรอน (B) ซิงค์ (สังกะสี) (Zn) และ
โมลิบดินัม (Mo)
(1.3) คุณสมบัติทางชีวภาพของดิน
คุณสมบัติทางชีวภาพของดินที่ส่งผลต่อการปลูกต้นไม้ ได้แก่ บทบาทของจุลินทรีย์ที่มี
ื
ผลต่อคุณสมบัติของดิน เช่น จุลินทรีย์ดิน มีบทบาทอย่างมากต่อการย่อยสลายของเศษ ซากพช ซากสัตว์บนดิน
ื่
ื่
ื
เพอเปลี่ยนสภาพของเศษซากเหล่านั้นไปเป็นธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อพชที่ขึ้นอยู่บนดินเพอน าไปใช้ในการ
ั
ื่
สังเคราะห์แสงเพอผลิตอาหารต่อไป อย่างไรก็ตามอตราการย่อยสลายขึ้นอยู่กับปัจจัยอน ๆ ด้วย อาทิ อายุพช
ื
ื่
ื
ส่วนประกอบของพช คุณสมบัติของดิน เช่น ค่าความเป็นกรดด่าง ความสมบูรณ์ การถ่ายเทอากาศของดิน และ
ลักษณะภูมิอากาศ ได้แก่ ความชื้นและอุณหภูมิ
คุณสมบัติของดินกับการเติบโตของไม้เศรษฐกิจ ได้มีการศึกษาไว้หลากหลาย เช่น
วสันต์และสมศกดิ์ (2517) เสนอแนะในการเลือกทที่เหมาะสมส าหรับการปลูกสัก คือ ควรเลือกพื้นที่ที่มีดินชั้นบน
ั
ี่
ลึก เพราะดินชั้นบนเป็นชั้นที่มีอนทรียวัตถุสะสมอยู่มาก และเป็นชั้นที่มีเนื้อดินร่วนซุย จึงมีธาตุอาหารต่าง ๆ
ิ
ที่เป็นประโยชน์ต่อต้นไม้มาก ดินชั้นนี้จะมีการระบายน้ าและอากาศดี ส่วนใหญ่ต้นไม้ต้องการดินที่มีความชื้น
พอสมควร หากการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ที่เป็นภูเขาควรปลูกในทางด้านลาดทิศเหนือและทิศตะวันออก เพราะดินใน
ทิศด้านลาดดังกล่าวจะมีความชุ่มชื้นดีกว่าทิศอน ๆ ซึ่งหลักการนี้สามารถน ามาปรับใช้กับการปลูกต้นไม้โดยทั่วไป
ื่
ส่วน ปกรณ์ (2510) ได้ท าการศึกษาคุณสมบัติของดินในสภาพป่าธรรมชาติ โดยแบ่งพนที่ออกเป็นพนที่ที่สัก
ื้
ื้
ื้
สามารถเติบโตได้ดี (good site) และพนที่ที่สักมีการเติบโตระดับปานกลาง (medium site) โดยท าการศึกษา
คุณสมบัติของดินชั้นบน หรือชั้น A (ระดับความลึก 0-10 เซนติเมตร) และชั้นรอง หรือชั้น B (ระดับความลึก 30-
40 เซนติเมตร) ดังตารางที่ 4
13
ื้
ตารางที่ 4 คุณสมบัติของดินและปริมาณธาตุอาหารของดินชั้น A และ B ในพนที่ที่มีการเติบโตของสัก
ได้ดี (good site) และที่ระดับปานกลาง (medium site) ในป่าสักธรรมชาติ
ชั้นดิน อินทรียวัตถุ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปตัสเซียม แคลเซียม
(ร้อยละ) (ร้อยละ) (ppm) (ppm) (me/100 กรัม)
Good site
A 0.86-1.35 0.04-0.08 2.50-6.70 113-288 14.40-19.80
B 0.00-0.75 0.00-0.04 0.80-1.90 67-102 7.80-17.80
Medium site
A 1.40-9.03 0.70-0.45 1.90-4.50 130-223 11.20-24.60
B 0.00-0.51 0.00-0.03 1.10-5.10 60-95 3.60-23.00
พรพรรณและวิลาวัณย์ (2537) พบว่าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพยงอก (DBH) ของสักอายุ 5 ปี มี
ี
สหสัมพนธ์ทางสถิติกับคุณสมบัติของดิน โดยสักมีการเติบโตดี (DBH เท่ากับ 7.88-11.02 เซนติเมตร) ในดินที่มี
ั
ความเป็นกรดปานกลางถึงเป็นกลาง (5.65-6.75) ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ปานกลางถึงสูงมาก (15.60-
362.2 ppm) แคลเซียมที่แลกเปลี่ยนได้สูงถึงสูงมาก (12.46-77.62 me/100 กรัม) ความอิ่มตัวด้วยด่างปานกลาง
ถึงสูง และความจุของการแลกเปลี่ยนประจุบวกสูงถึงสูงมาก (24.91-82.32 me/100 กรัม)
ั
วรวิทย์ และคณะ (2550) พบว่าผลผลิตของยูคาลิปตัสมีความสัมพนธ์กับคุณสมบัติของดินที่ระดับ
ความลึก 10-30 เซนติเมตร โดยพบว่าผลผลิตของยูคาลิปตัสจะสูงในพนที่ที่มีปริมาณอนุภาคดินเหนียว
ื้
โพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ และค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดินสูง และจะพบ
ื้
ผลผลิตมีค่าต่ าในพนที่ที่มีปริมาณแคลเซียม แมกนีเซียม และโซเดียมที่แลกเปลี่ยนได้ และปริมาตรของแขงในดิน
็
สูง และไม่พบว่าลักษณะภูมิอากาศมีความสัมพันธ์กับผลผลิตของยูคาลิปตัส อย่างไม่มีนัยส าคัญทางสถิติ
2) น้ าฝนและความชื้นของดิน (Rainfall and soil moisture)
ื
ื
น้ าฝนมีความส าคัญต่อการเติบโตของพช โดยพชหรือต้นไม้จะได้รับประโยชน์จากน้ าฝนที่
ื
ื
ไหลลงไปอยู่ในดิน ต่อจากนั้นรากพชจะท าหน้าที่ดูดน้ าขึ้นมาใช้ในการสังเคราะห์แสงและการคายน้ าของพช การ
กระจายของฝนที่ตกมีความส าคัญต่อการเติบโตของต้นไม้มากกว่าปริมาณน้ าฝน เนื่องจากต้องการน้ าฝนที่ตก
ิ่
สม่ าเสมอและมีปริมาณพอเพยงในระหว่างการเติบโต ฝนที่ตกหนักจะไม่เกิดประโยชน์มากนักเพราะจะเพม
ี
ปริมาณน้ าซึมลงสู่ดินรวดเร็ว ท าให้ดินไม่สามารถดูดรับน้ าได้เต็มที่และอาจมีน้ าท่วมขังอยู่มาก ในทาง
ิ
อุตุนิยมวิทยา ปริมาณน้ าฝนที่ตกมากกว่า 2,500 มิลลิเมตรต่อปี จะมีปริมาณน้ ามากเกนไปส าหรับการท ากสิกรรม
ปริมาณน้ าฝนระหว่าง 450-2,500 มิลลิเมตรต่อปี จะท าให้พชส่วนใหญ่เติบโตได้ดี ปริมาณน้ าฝนระหว่าง 300-
ื
450 มิลลิเมตรต่อปี จะท าให้หญ้าขึ้นได้ ปริมาณน้ าฝนน้อยกว่า 300 มิลลิเมตรต่อปี จะท าให้เกิดความแห้งแล้ง
เป็นทะเลทรายได้ (กรมอุตุนิยมวิทยา, 2561) ส่วนความชื้นในดินที่มีประโยชน์ต่อพืชจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเนื้อ
14
ื
ดินเป็นหลัก โดยความชื้นในดินที่มีประโยชน์ต่อพชของดินเหนียวที่เป็นดินเนื้อละเอยดจะมีช่วงกว้างกว่าดินร่วน
ี
และดินทราย ถ้าเนื้อดินเป็นดินทรายการให้น้ าต้องบ่อยครั้งมากกว่าดินร่วนและดินเหนียว
3.2 อุณหภูมิ (Temperature)
ิ
ั
ุ
อณหภูมิ เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่มีอทธิพลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงของพช โดยทั่วไปอตราการ
ื
ุ
ิ่
ุ
ั
สังเคราะห์ด้วยแสงจะเพมขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออณหภูมิสูงขึ้น 10-35 องศาเซลเซียส ถ้าอณหภูมิสูงขึ้นกว่านี้อตราการ
ิ่
ั
ุ
สังเคราะห์ด้วยแสงจะลดต่ าลงตามอณหภูมิที่เพมขึ้น อตราการสังเคราะห์ด้วยแสงที่อณหภูมิสูง ๆ ยังขึ้นอยู่กับ
ุ
เวลาอกปัจจัยหนึ่งด้วย กล่าวคือ ถ้าอณหภูมิสูงคงที่ เช่น ที่ 40 องศาเซลเซียส อตราการสังเคราะห์ด้วยแสงจะ
ุ
ั
ี
ิ่
ุ
ลดลงตามระยะเวลาที่เพมขึ้น ทั้งนี้เพราะเอนไซม์ท างานได้ดีในช่วงอณหภูมิที่พอเหมาะ ถ้าสูงเกิน 40 องศา
ุ
ั
เซลเซียส เอนไซม์จะเสื่อมสภาพท าให้การท างานของเอนไซม์ชะงักลง ดังนั้นอณหภูมิจึงมีความสัมพนธ์ต่อการ
ุ
สังเคราะห์แสงด้วย ส่วนอณหภูมิของดินมีความส าคัญต่อการเติบโตของพืช โดยการสะสมคาร์โบไฮเดรตในต้น ใบ
และรากพืชจะลดลงเมื่ออณหภูมิสูงขึ้น เนื่องจากพชจะหายใจเร็วท าให้มีการใช้คาร์โบไฮเดรตมาก จึงมี
ุ
ื
คาร์โบไฮเดรตเหลืออยู่น้อย การเคลื่อนย้ายน้ าตาลจากใบไปยังรากจะเกิดได้เร็วที่อณหภูมิ 20-30 องศาเซลเซียส
ุ
พชต่างชนิดกันจะมีระดับอณหภูมิที่เหมาะสมในการเคลื่อนย้ายอาหารแตกต่างกัน และอณหภูมิจะมีอทธิพลต่อ
ุ
ิ
ื
ุ
ุ
การดูดน้ าและธาตุอาหารพชมากในดินที่มีความอดมสมบูรณ์ต่ า แต่จะมีอทธิพลต่อการดูดน้ าและธาตุอาหารพช
ิ
ื
ื
ุ
ุ
น้อยในดินที่มีความอดมสมบูรณ์สูง ในประเทศร้อนอณหภูมิของดินจะมีปัญหาในแง่ที่ดินจะร้อนเกินไป และในแง่
ุ
ุ
ที่อณหภูมิของดินมีการเปลี่ยนแปลงมากเกินไประหว่างช่วงเวลากลางวันและกลางคืน ความแตกต่างของอณหภูมิ
ดินระหว่างช่วงเวลากลางวันและกลางคืน จะท าให้รากพืชเจริญไม่เต็มที่ซึ่งมีผลให้การเจริญของพืชลดลง
3.3 แสง (Light)
ื
แสงเป็นแหล่งพลังงานส าหรับพชในขบวนการสังเคราะห์แสง แสงที่พชได้รับส่วนใหญ่เป็นแสง
ื
ซึ่งมาจากดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นแสงสีขาว ประกอบด้วยแสงสีต่าง ๆ ได้แก่ ม่วง น้ าเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง ที่
เรียกว่า สเปกตรัม (spectrum) ชนิดของแสงสีต่าง ๆ อาจมีผลต่อประสิทธิภาพในการสังเคราะห์แสงของพช
ื
แตกต่างกัน เช่น แสงสีแดง น้ าเงิน เขียวและเหลือง เป็นแสงที่มีประสิทธิภาพสูงหรือเหมาะสมส าหรับ
ื
กระบวนการสังเคราะห์แสง แสงสีม่วงจะมีประสิทธิภาพในกระบวนการสังเคราะห์แสงต่ ามาก พชแต่ละชนิดมี
ื
ความต้องการความเข้มของแสงแตกต่างกันไป พชที่ชอบร่มเงา (shade plant) ถ้าได้รับความเข้มของแสงมาก
อาจเป็นโทษ ท าให้ใบเหลือง แคระแกรน พืชที่ชอบแสง (sun plant) เช่น พชไร่ พชสวนทั่วไปจะต้องการความ
ื
ื
เข้มของแสงมาก อย่างไรก็ตามแสงไม่น่าจะเป็นปัจจัยที่ควบคุมผลผลิตของพชในประเทศไทยเนื่องจากประเทศ
ื
ไทยอยู่ในเขตมรสุมและใกล้เส้นศูนย์สูตร มุมแสงตกกระทบพนที่เกือบตั้งตรง ท าให้มีความเข้มแสงสูง แม้ในวันที่
ื้
ฝนตกหรือมีเมฆหมอกปกคลุมกมีความเข้มแสงเพียงพอส าหรับพช ส่วนในวันที่ฟ้าโปร่งจะมีความเข้มแสงมากเกิน
็
ื
พอ
15
4. การคัดเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลูกไม้เศรษฐกิจ
ื้
กรมป่าไม้ โดยส่วนปลูกป่าภาคเอกชน ส านักส่งเสริมการปลูกป่า (2561) ได้รวบรวมลักษณะพนที่ที่
เหมาะสมกับไม้เศรษฐกิจหลายชนิด ในรูปแบบของเอกสารเผยแพร่ (e-book) ส าหรับเผยแพร่ให้แก่ผู้สนใจ ดังนี้
สัก : เติบโตได้ดีในพนที่ชุ่มชื้นมากกว่าในที่แห้งแล้ง ปริมาณน้ าฝนที่เหมาะสมและท าให้มีเนื้อไม้
ื้
สวยงามอยู่ระหว่าง 1,000-2,000 มิลลิเมตรต่อปี และฝนไม่ทิ้งช่วงนานเกินไปในระหว่างฤดูการเติบโต และ
ื้
จะต้องมีช่วงฤดูแล้งที่ชัดเจน 3-4 เดือน ชอบขึ้นตามพนที่ที่เป็นภูเขา โดยทั่วไปมีความสูงจากระดับน้ าทะเลไม่เกน
ิ
700 เมตร หรือพนที่ลาดชันเล็กน้อย ไม่เกินร้อยละ 15 และพนราบ แต่ดินระบายน้ าได้ดี น้ าไม่ท่วมขัง ซึ่งอาจจะ
ื้
ื้
เป็นดินร่วนปนทรายหรือดินที่มีความลึกมาก โดยเฉพาะดินที่เกิดจากหินปูน ซึ่งแตกแยกผุพังจนกลายเป็นดินร่วน
ลึกจะเติบโตได้ดีมาก ไม่เป็นดินดาน ค่าความเป็นกรด-ด่าง ประมาณ 6.5-7.5 ดินเหนียว ดินลูกรัง ดินทรายและที่
มีน้ าท่วมขังไม่เหมาะต่อการปลูกสัก อณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 25-35 องศาเซลเซียส เนื่องจากสักเป็นไม้
ุ
ชอบแสงสว่าง ความเข้มของแสงที่เหมาะสมคือ ร้อยละ 75-95 ของปริมาณแสงกลางวันที่ได้รับเต็มที่
ยางนา : เติบโตได้ดีในดินร่วนปนทราย หรือดินร่วนปนดินเหนียวเล็กน้อย เป็นดินที่มีการระบายน้ าดี
่
มีความสมบูรณ์พอประมาณ ดินค่อนข้างลึกถึงลึกมากและมีความชื้นสูง มีคาความเป็นกรด-ด่าง 6.0-7.0 ควรปลูก
ในที่ราบหรือค่อนข้างราบ ระดับความสูงจากระดับน้ าทะเลตั้ง 100 เมตร แต่ไม่ควรเกิน 500 เมตร
ประดู่ป่า : เป็นไม้ที่ต้องการแสง สามารถขึ้นได้ตามไหล่เขา ที่ราบ ยอดเขาเตี้ยๆ ใกล้แหล่งน้ าที่มี
ความสูงจากระดับน้ าทะเล 300-600 เมตร เติบโตได้ดีในพื้นที่ดินร่วนปนทราย ดินลึก มีการระบายน้ าดี โดยทั่วไป
ุ
พบไม้ประดู่ตามธรรมชาติในที่มีปริมาณน้ าฝน 889-4,572 มิลลิเมตรต่อปี อณหภูมิสูงสุดอยู่ระหว่าง 37.7-44.4
องศาเซลเซียส และอุณหภูมิต่ าสุดระหว่าง 4.4-11.1 องศาเซลเซียส
ตะเคียนทอง : สภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศที่เหมาะสม คือ ปริมาณน้ าฝนเกินกว่า 1,500
มิลลิเมตรต่อปี ระดับความสูง 130-300 เมตรจากระดับน้ าทะเล ดินร่วนปนทรายและมีความสมบูรณ์และระบาย
น้ าดี
เทพทาโร : เติบโตได้ดีในพนที่ชุ่มชื้นสูง ควรปลูกใต้ร่มไม้อน เช่น การปลูกเป็นไม้แซมในสวนป่า หรือ
ื้
ื่
ปลูกแซมไม้ผลที่มีอายุไม่ยืนยาวมากนัก เช่น กล้วย
ื้
ยูคาลิปตัส : ยูคาลิปตัส คามาลดูเลนซิส เป็นไม้โตเร็วสามารถเติบโตได้ในทุกสภาพพนที่ไม่ว่าจะเป็น
ื้
สภาพดินทราย ดินลูกรังหรือดินร่วนปนทราย พื้นที่แห้งแล้ง แต่หากต้องการผลผลิตที่ดีควรปลูกในพนที่ค่อนข้าง
ราบ มีการระบายน้ าได้ดี ดินร่วนปนทราย ชั้นดินลึก มีความสมบูรณ์ปานกลาง มีค่าความเป็นกรด-ด่าง 5.0-6.0
ไม่ควรปลูกในบริเวณที่มีฝนตกชุก มีปริมาณน้ าฝนมาก หรือมีความชุ่มชื้นสูงและเป็นที่ชื้นแฉะอยู่เสมอ ถ้าเป็น
พื้นที่เชิงเขาหรือบนเขาควรเลือกเนินเขาทมีความลาดชันน้อย และไม่ควรเลือกพื้นที่ที่เป็นเขาหินปูน
ี่
กระถินเทพา : พนที่ที่มีอากาศร้อนชื้น มีอณหภูมิเฉลี่ยสูงสุด ระหว่าง 25-30 องศาเซลเซียส และ
ื้
ุ
ุ
อณหภูมิต่ าสุดเฉลี่ย ระหว่าง 13-21 องศาเซลเซียส จะไม่ขึ้นในบริเวณที่อณหภูมิสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
ุ
16
กระถินเทพาเป็นไม้ที่ขึ้นบนที่ชุ่มชื้น ความแห้งแล้งท าให้การเติบโตลดลง ปริมาณน้ าฝนในแหล่งธรรมชาติของ
ั
กระถินเทพานั้นแตกต่างกนมากคือ ตั้งแต่ 1,000 มิลลิเมตร จนถึง 45,000 มิลลิเมตร ต่อปี กระถนเทพาเติบโตได้
ิ
ดีในสภาพดินหลายชนิด เช่น ดินที่มีหินปูน ดินที่ถูกชะล้างมาก่อน ซึ่งมีความสมบูรณ์ของดินต่ า และขึ้นได้ดีในดิน
ลึกที่เกิดจากการสลายตัวของวัตถุต้นก าเนิดดินหรือดินที่เกิดจากการทับถมของตะกอนในบริเวณที่ลุ่ม ซึ่งยังเติบโต
ได้ดีในดินที่เป็นกรด หรือมีค่าความเป็นกรด-ด่าง 4.0-6.0
ตามที่กล่าวในบทน าว่า ปี พ.ศ. 2548 ส านักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้ ได้มอบหมายให้ ศูนย์วิจัย
ป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดท าแผนแม่บทการส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจ ทั้งแผน
ระดับประเทศและแผนระดับจังหวัด ซึ่งมีการจ าแนกเขตสมรรถนะที่ดินตามความเหมาะสมส าหรับการเติบโตของ
ุ
ื้
ไม้เศรษฐกิจ โดยอาศัยปัจจัยพนฐานทางสิ่งแวดล้อมซึ่งประกอบไปด้วย ปริมาณน้ าฝน อณหภูมิ และคุณสมบัติ
ื้
ของดิน ซึ่งสามารถสรุปผลการจัดกลุ่มพนที่โดยแยกตามปัจจัยหลัก 2 ปัจจัย คือ ดัชนีความชื้น (H-index) ที่
ุ
ค านวณได้จากปริมาณน้ าฝนกับอณหภูมิเฉลี่ยรายเดือน โดยแบ่งดัชนีความชื้นออกเป็น 6 ระดับ คือ ระดับ
ความชื้นต่ า ค่อนข้างต่ า ปานกลาง ค่อนข้างสูง สูง และสูงมาก ส่วนคุณสมบัติของดินที่น าเอาชนิดของเนื้อดิน
(soil texture) ค่าปฏิกิริยาดิน (soil reaction, pH) การระบายน้ า (drainage) และระดับความสมบูรณ์ของธาตุ
ุ
อาหารในดิน (soil fertility) มาคิดเป็นค่าดัชนีความอดมสมบูรณ์ของดิน แบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ ระดับความ
อดมสมบูรณ์ต่ ามาก ต่ า ปานกลาง และสูง (ตารางที่ 5) น ามาแจกแจงในบริเวณต่าง ๆ ได้ 8 เขตสมรรถนะที่ดิน
ุ
โดยมีลักษณะของพื้นที่ในแต่ละเขตสมรรถนะที่ดินดังต่อไปนี้ (ภาพที่ 6)
ื้
เขตสมรรถนะที่ 1 ความชื้นสูงมากดินดี (HvhSh) เป็นบริเวณพนที่ที่มีสภาพความชื้นเฉลี่ยตลอด
ปีอยู่ในระดับสูง มีคุณสมบัติดินที่เหมาะสมกับการการปลูกต้นไม้ในระดับปานกลางถึงดี มีช่วงของฤดูแล้งที่
ค่อนข้างสั้นและไม่ชัดเจน
ื้
เขตสมรรถนะที่ 2 ความชื้นสูงดินดี (HhSh) เป็นบริเวณพนที่ที่มีสภาพความชื้นเฉลี่ยตลอดปีอยู่
ในระดับสูง มีคุณสมบัติดินที่เหมาะสมกับการปลูกต้นไม้ในระดับปานกลางถึงดี แต่มีช่วงของฤดูแล้งที่ชัดเจนและ
ยาวเกิน 4 เดือน
ื้
เขตสมรรถนะที่ 3 ความชื้นค่อนข้างสูงดินดี (HrhSh) เป็นบริเวณพนที่ที่มีสภาพความชื้นเฉลี่ย
ี
่
ตลอดปีอยู่ในระดับคอนข้างสูง และมคุณสมบัติดินที่เหมาะสมกับการการปลูกต้นไม้ในระดับปานกลางถึงดี
ื้
เขตสมรรถนะที่ 4 ความชื้นปานกลางดินดี (HmShSh) เป็นบริเวณพนที่ที่มีสภาพความชื้นเฉลี่ย
ตลอดปีอยู่ในระดับปานกลาง และมีคุณสมบัติดินที่เหมาะสมกับการการปลูกต้นไม้ในระดับปานกลางถึงดี
ื้
เขตสมรรถนะที่ 5 ความชื้นค่อนข้างต่ าดินดี (HrlSh) เป็นบริเวณพนที่ที่มีสภาพความชื้นเฉลี่ย
ตลอดปีที่ค่อนข้างต่ า แต่มีคุณสมบัติดินที่เหมาะสมกับการปลูกต้นไม้ในระดับปานกลางถึงดี
ื้
เขตสมรรถนะที่ 6 ความชื้นค่อนข้างสูงดินไม่ดี (HghSl) เป็นบริเวณพนที่ที่มีสภาพความชื้นเฉลี่ย
ตลอดปีที่ปานกลางถึงสูงมากและมีคุณสมบัติดินในระดับที่ต่ าถึงต่ ามาก
เขตสมรรถนะที่ 7 ความชื้นค่อนข้างต่ าดินไม่ดี (HglSl) เป็นบริเวณพนที่ที่มีสภาพความชื้นเฉลี่ย
ื้
ตลอดปีที่ค่อนข้างต่ า และมีคุณสมบัติดินในระดับที่ต่ าถึงต่ ามาก
17
ื้
ื้
ื้
เขตสมรรถนะที่ 8 พนที่สูง (Highland) เป็นบริเวณพนที่ที่มีระดับความสูงของพนที่สูงเกิน 700
เมตรจากระดับน้ าทะเลปานกลาง ซึ่งมีความเหมาะสมกบไม้ที่สามารถเจริญเติบโตได้ภายใต้สภาวะที่มีความชื้นสูง
ั
แต่อุณหภูมิต่ า
ตารางที่ 5 การจัดกลุ่มสมรรถนะทดินส าหรับไม้เศรษฐกิจโดยใช้ปัจจัยความชื้นและดิน
ี่
ระดับความสมบูรณ์ของดิน
ระดับความชื้น
ต่ ามาก ต่ า ปานกลาง สูง
ต่ า
ค่อนข้างต่ า HglSl HlSh
ปานกลาง HmSh
ค่อนข้างสูง HrhSh
สูง HghSl HhSh
สูงมาก HvhSh
ภาพที่ 6 พื้นที่เขตสมรรถนะที่ดินส าหรับไม้เศรษฐกิจต่าง ๆ จ าแนกโดยอาศัยปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม
18
เมื่อพจารณาถึงชนิดไม้ที่มีศักยภาพในการส่งเสริมปลูกเพอประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ได้แก่ สัก
ิ
ื่
ยูคาลิปตัส กระถินเทพา และยางพารา และไม้ชนิดอื่น สามารถแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มที่ 1 ประกอบด้วย สะเดา มะค่าโมง ประดู่ พะยูง ชิงชัน แดง นนทรีป่า
กลุ่มท 2 ประกอบด้วย ยางนา ตะเคียนทอง
ี่
กลุ่มที่ 3 ประกอบด้วย หลุมพอ สะเดาเทียม
กลุ่มที่ 4 ประกอบด้วย สนประดิพัทธ์ สนทะเล
กลุ่มที่ 5 ประกอบด้วย สนสองใบ สนสามใบ สนคาริเบีย
โดยตั้งเกณฑ์ความเหมาะสมของเขตสมรรถนะที่ดินกับชนิดไม้ไว้ด้วยกัน 4 เกณฑ์ คือ เหมาะสมมาก (H)
ี่
เหมาะสมปานกลาง (M) เหมาะสมน้อย (L) และไม่มีความเหมาะสม (N) ปรากฏตามตารางท 6
ตารางท 6 ระดับความเหมาะสมต่อการเติบโตของไม้เศรษฐกิจตามเขตสมรรถนะที่ดิน
ี่
เขตสมรรถนะที่ดินเพื่อการปลูกไม้เศรษฐกจ
ิ
Z 1 Z 2 Z 3 Z 4 Z 5 Z 6 Z 7 Z 8
ชนิดไม้ HvhSh HhSh HrhSh HmSh HrlSl HghSl HglSl Highland
ื้
ชื้นสูงมากดิน ชื้นสูงดินดี ชื้นค่อนข้าง ชนปาน ชื้นค่อนข้าง ชื้นค่อนข้างสูง ชื้นค่อนข้างต่ า พื้นที่สูง
ดี สูงดินดี กลางดินดี ต่ าดินดี ดินไม่ดี ดินไม่ดี
สัก M H H M L N N N
ยูคาลิปตัส M M H H M L L N
กระถินเทพา H H M M L N N N
ยางพารา H H M M L L N N
ไม้กลุ่มที่ 1 M H H M M N L N
ไม้กลุ่มที่ 2 H H M M L L L N
ไม้กลุ่มที่ 3 H M L L L L N N
ไม้กลุ่มที่ 4 M M M L M L H N
ไม้กลุ่มที่ 5 N N N N N N N H
หมายเหตุ : H = เหมาะสมมาก, M = เหมาะสมปานกลาง, L = เหมาะสมน้อย, และ N = ไม่มีความเหมาะสม
ื้
การคัดเลือกพนที่ที่เหมาะสมกับการปลูกไม้เศรษฐกิจแต่ละชนิดหรือการคัดเลือกชนิดไม้ที่เหมาะสม
กับสภาพพนที่ จะท าให้ได้ผลผลิตที่เหมาะสมและคุ้มค่าต่อการลงทุน ดังเช่น การศึกษาของ ทศพร และคณะ
ื้
ื้
(2553) เมื่อเปรียบเทียบระหว่างชั้นคุณภาพพนที่โดยการน าความสูงเฉลี่ยของไม้ชั้นเรือนยอดเด่นและรองเด่นของ
สักในสวนป่าสักมาหาค่าดัชนีชั้นคุณภาพพื้นที่จากสมการดัชนีชั้นคุณภาพพนที่ (Site index equation) ของสวน
ื้
ื้
ป่าสักในประเทศไทย แล้วน ามาจัดแบ่งชั้นคุณภาพพนที่ของสวนป่าออกเป็น 3 ระดับชั้น คือ ดี ปานกลาง และ
ื้
เลว ผลปรากฏว่าสวนสักที่มีพสัยชั้นอายุเท่ากันแต่ขึ้นอยู่ในชั้นคุณภาพพนที่ที่ดีกว่า มีแนวโน้มที่จะมีอตราการ
ิ
ั
เติบโตสูงกว่า ดังตารางที่ 7
19
ื้
ิ่
ตารางที่ 7 การเติบโตเฉลี่ยและความเพมพูนเฉลี่ยรายปีของไม้สัก จ าแนกตามชั้นคุณภาพพนที่ของสวนป่า
คุณภาพ อาย ุ ค่าเฉลี่ยการเติบโต ความเพิ่มพูนเฉลี่ยรายปี
พื้นที่ (ปี) ความโต (ซม.) ความสูง (ม.) ความโต (ซม.) ความสูง (ม.)
11-20 - - - -
ดี 1 21-30 22.24 - 35.17 22.14 - 26.37 0.89 - 1.20 0.80 - 1.06
31-59 29.74 - 38.28 21.70 - 28.43 0.54 - 0.78 0.37 - 0.58
11-20 13.14 - 21.29 11.81 - 19.41 0.77 - 1.17 0.70 - 1.10
2
ปานกลาง 21-30 12.27 - 22.88 10.25 - 21.89 0.56 - 1.09 0.46 - 0.98
31-59 20.10 - 30.18 17.18 - 22.67 0.63 - 0.70 0.47 - 0.72
11-20 6.88 - 20.81 6.71 - 15.91 0.73 – 1.26 0.54 – 1.12
3
เลว 21-30 11.94 - 22.93 11.13 - 18.98 0.46 - 0.99 0.43 - 0.75
31-59 - - - -
1
หมายเหตุ : หมู่ไม้มีความสูงเฉลี่ยของไม้ชั้นเรือนยอดเด่นและรองเด่นมากกว่า 24.5 เมตร
2 หมู่ไม้มีความสูงเฉลี่ยของไม้ชั้นเรือนยอดเด่นและรองเด่นตั้งแต่ 18.5 ม. ถึง 21.5 เมตร
3 หมู่ไม้มีความสูงเฉลี่ยของไม้ชั้นเรือนยอดเด่นและรองเด่นต่ ากว่า 18.5 เมตร
ั
เมื่อปี พ.ศ. 2555 กรมป่าไม้ โดยส านักวิจัยและพฒนาการป่าไม้ได้ร่วมกับ Japan International
Research Center for Agricultural Science (JIRCAS) แห่งประเทศญี่ปุ่น ได้ด าเนินการจัดท าแผนที่ดินแสดงความ
เหมาะสมของดินในการปลูกสร้างสวนป่าไม้สักในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายใต้โครงการวิจัยเรื่อง การพฒนาการ
ั
ื่
จัดการแบบผสมผสานด้านเกษตรและป่าไม้ เพอสนับสนุนเกษตรกรที่เข้าร่วมการปลูกสร้างสวนป่าไม้พนเมืองที่เป็น
ื้
ประโยชน์ ซึ่งแผนที่ดังกล่าวจัดท าขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพอให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรและผู้ลงทุนปลูกสร้างสวน
ื่
ิ
ป่าไม้สัก ในการพจารณาคัดเลือกพนที่ที่เหมาะสมส าหรับการปลูกสร้างสวนป่าไม้สัก โดยในขั้นแรกด าเนินการน าร่อง
ื้
ในพนที่ 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอดรธานี และจังหวัดหนองบัวล าภู ภายใต้โครงการความร่วมมือด้านการวิจัยระหว่าง
ุ
ื้
กรมป่าไม้และ JIRCAS (ภาพที่ 7) โดยสามารถแบ่งชั้นความเหมาะสมออกเป็น 5 ชั้น ตามลักษณะของชุดดิน
(soil series) ดังนี้
1 : ชั้นดินที่มีความเหมาะสมที่สุด
2n : ชั้นดินที่มีความเหมาะสมดี แต่ปฏิกิริยาดิน หรือความเป็นกรดเป็นด่างของดิน (pH)
ที่เหมาะสมกับการปลูกไม้สัก มีค่าต่ าเล็กน้อย (เป็นกรดเล็กน้อย)
3s : ชั้นดินที่มีความเหมาะสมปานกลาง มีข้อจ ากัดเกี่ยวกับเนื้อดินที่ไม่เหมาะสม กล่าวคือ
เนื้อดินเป็นทรายจัด หรือมีอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ า
3g : ชั้นดินที่มีความเหมาะสมปานกลาง มีข้อจ ากัดเกี่ยวกับการมีกรวดผสมในดิน
หรือดินตื้น
ุ้
4d : ชั้นดินที่มีความเหมาะสมน้อย มีข้อจ ากัดเกี่ยวกับการระบายน้ า หรือดินอมน้ ามาก
เกินไปส าหรับไม้สัก
20
ุ
ภาพที่ 7 แผนที่ความเหมาะสมของดินส าหรับการปลูกไม้สักจังหวัดอดรธานีและจังหวัดหนองบัวล าภู
ซึ่งต่อมา ปี พ.ศ. 2558 กรมป่าไม้ ได้น าองค์ความรู้มาต่อยอดโดยการจัดท าแผนที่ความเหมาะสมของดิน
ี
ุ
ส าหรับปลูกไม้สักในอก 4 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น บุรีรัมย์ และอบลราชธานี
ภายใต้โครงการความร่วมมือด้านการวิจัยระหว่างกรมป่าไม้และศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์การเกษตรนานาชาติแห่ง
ประเทศญี่ปุ่น (JIRCAS) ดังภาพที่ 8 และภาพที่ 9
21
ภาพที่ 8 แผนที่ความเหมาะสมของดินส าหรับการปลูกไม้สักจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดอุบลราชธานี
ภาพที่ 9 แผนที่ความเหมาะสมของดินส าหรับการปลูกไม้สักจังหวัดชัยภูมิและจังหวัดขอนแก่น
22
ั
ปี พ.ศ. 2561 ส่วนวนวัฒนวิจัย ส านักวิจัยและพฒนาการป่าไม้ กรมป่าไม้ ได้น าหลักการของแผน
แม่บทการส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจ มาปรับปรุงเพอให้สามารถใช้เสนอแนะในการปลูกไม้เศรษฐกิจให้แก่
ื่
เกษตรกร ประกอบด้วย สัก พะยูง ตะเคียนทอง กลุ่มยางนา ไผ่ล าใหญ่ ไผ่ล าเล็ก กระถินณรงค์ กระถินเทพา ยูคา
ลิปตัสคามาลดูเลนซิส ยูคาลิปตัสยูโรฟิลล่า โดยกลุ่มยางนา ประกอบด้วย จ าปาป่า หลุมพอ และสะเดาเทียม ซึ่ง
ใช้ลักษณะของพื้นที่เป็นข้อมูลพื้นฐานหลักในการจ าแนก และนักวิจัยที่มีประสบการณ์ในไม้ชนิดนั้น ๆ ช่วยจ าแนก
ื้
ื้
ตามล าดับความเหมาะสมของพนที่ โดยมุ่งให้ค าแนะน าว่าพนที่บริเวณนี้มีความเหมาะสมต่อการปลูกไม้เศรษฐกิจ
ชนิดใดได้ และมีความเหมาะสมมาก ปานกลาง หรือน้อย แต่ไม่ได้รวมถึงการจัดการ ซึ่งในบางพนที่หากมีสภาพที่
ื้
มีความเหมาะสมน้อยอาจปลูกได้ผลดีหากมีการจัดการอย่างประณีต รวมทั้งไม่ได้น าเรื่องการตลาดมา
ประกอบการจ าแนก เนื่องจากมีความผันแปรสูง
โซนที่ 1 มีลักษณะดินดีแต่เนื่องจากความชื้นสูงมาก จะมีความเหมาะสมมากกับชนิดไม้ที่ชอบ
ความชื้น เช่น ตะเคียนทอง กลุ่มยางนา (จ าปาป่า หลุมพอ และสะเดาเทียม) ในทางกลับกันจะมีความเหมาะสม
น้อยส าหรับยูคาลิปตัสคามาลดูเลนซิส ซึ่งไม่ชอบความชื้น ขณะที่ในโซนที่ 2 ดินดีและความชื้นสูง จะเป็นสภาพที่
เหมาะสมมากกับการปลูกไม้เศรษฐกิจทุกประเภท ยกเว้นต้นไม้ที่ไม่ชอบความชื้น เช่น ยูคาลิปตัสคามาลดูเลนซิส
(ภาพที่ 10)
ั
โซนที่ 3 มีลักษณะดินดีและมีความชื้นค่อนข้างสูง มีสภาพเหมาะสมมากกบการปลูกไม้เศรษฐกิจ
ทุกชนิด รวมทั้งยังเหมาะสมปานกลางส าหรับยูคาลิปตัสคามาลดูเลนซิส อีกด้วย ส่วนในโซนที่ 4 เมื่อความชื้นของ
ื้
พนที่ลดลงในขณะที่ดินดีความเหมาะสมส าหรับการปลูกไม้เศรษฐกิจบางชนิดลดลงเป็นเหมาะสมปานกลาง แต่
เหมาะสมน้อยส าหรับกระถินเทพาซึ่งเป็นไม้ที่ชอบความชื้น (ภาพที่ 11)
โซนที่ 5 แม้ว่าจะมีลักษณะดินดีแต่มีความชื้นต่ า ท าให้สภาพความเหมาะสมปานกลางส าหรับกับ
การปลูกไม้เศรษฐกิจส่วนใหญ่ และเหมาะสมน้อยส าหรับไม้กลุ่มยางนาและกระถินเทพา ส่วนในโซนที่ 6
เนื่องจากดินไม่ดีแม้ว่าจะมีความชื้นค่อนข้างสูงท าให้มีความเหมาะสมน้อยส าหรับการปลูกไม้เศรษฐกิจส่วนใหญ่
(ภาพที่ 12)
โซนที่ 7 ในสภาพที่ดินไม่ดี และมีความชื้นค่อนข้างต่ า ท าให้มีความเหมาะสมน้อยส าหรับการ
ปลูกไม้เศรษฐกิจส่วนใหญ่ ยกเว้นมีความเหมาะสมปานกลางส าหรับการปลูกยูคาลิปตัสคามาลดูเลนซิสและกระถิน
ณรงค์ซึ่งสามารถเติบโตได้ดินทุกสภาพ แต่ส าหรับโซนที่ 8 เป็นพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง มีความเสี่ยงต่อการชะล้าง
ื้
ื้
ั
ื่
พงทลายของพนที่ ซึ่งไม่เหมาะสมต่อการปลูกต้นไม้เพอประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ควรส่งเสริมให้เป็นพนที่ป่า
อนุรักษ์ (ภาพที่ 13)
23
ภาพที่ 10 แผนที่แสดงความเหมาะสมของพื้นที่ต่อการปลูกไม้เศรษฐกิจ โซนที่ 1-2
24
ภาพที่ 11 แผนที่แสดงความเหมาะสมของพื้นที่ต่อการปลูกไม้เศรษฐกิจ โซนที่ 3-4
25
ภาพที่ 12 แผนที่แสดงความเหมาะสมของพื้นที่ต่อการปลูกไม้เศรษฐกิจ โซนที่ 5-6
26
ภาพที่ 13 แผนที่แสดงความเหมาะสมของพื้นที่ต่อการปลูกไม้เศรษฐกิจ โซนที่ 7-8
27
สรุป
ื้
การคัดเลือกพนที่ที่เหมาะสมกับการปลูกไม้เศรษฐกิจแต่ละชนิดมีความส าคัญต่อการประสบ
ื้
ื้
ความส าเร็จในการปลูกสร้างสวนป่า แต่หากไม่สามารถเลือกพนที่ได้ก็ควรเลือกชนิดไม้ที่เหมาะสมกับพนที่นั้นๆ
ื้
ิ่
ื้
การปรับปรุงพนที่หรือการแก้ไขปัญหาพนที่ เช่น การใส่ปุ๋ยเพมความสมบูรณ์ในพนที่ที่ดินขาดธาตุอาหาร การท า
ื้
ระบบระบายน้ าในพนที่มีน้ าท่วมขัง การจัดหาแหล่งน้ าในพนที่มีความชื้นต่ า จะเป็นการช่วยให้ต้นไม้สามารถการ
ื้
ื้
เติบโตได้และเติบโตได้ดีมากขึ้น แต่ควรค านึงถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขน โดยเฉพาะในกรณีของเกษตรกรรายย่อย
ึ้
ื้
นอกจากนี้รูปแบบการจัดการก็เป็นสิ่งส าคัญ เช่น แม้ว่าพนที่มีความเหมาะสมต่อการปลูกต้นไม้หลายชนิด แต่หาก
ต้องการปลูกร่วมกันหรือปลูกผสมผสานจะต้องคัดเลือกชนิดไม้และก าหนดระยะปลูกที่เหมาะสม ต้นไม้บางชนิดไม่
สามารถเติบโตใกล้กันได้เนื่องจากเป็นต้นไม้ต้องการแสงสว่าง แต่หากใช้ระยะปลูกห่างกันมากก็สามารถเติบโต
ื้
ื้
ร่วมกันได้ หรือในกรณีพนที่ขนาดใหญ่อาจมีสภาพพนที่หรือสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน การปลูกต้นไม้ชนิด
เดียวกันหรือการใช้รูปแบบเดียวกันทั้งพนที่อาจท าให้ได้ผลผลิตที่แตกต่างกัน ดังนั้นการปลูกต้นไม้หรือสวนป่าให้
ื้
ประสบความส าเร็จจะต้องมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องค านึงถึงร่วมกัน เป็นการยากทจะสร้างรูปแบบที่สามารถใช้ได้
ี่
ในทุกพนที่ ส าหรับการปลูกในเชิงสังคม ได้แก่ การปลูกต้นไม้ริมทางเท้า การเลือกชนิดของพนธุ์ไม้ที่ต้องการปลูก
ั
ื้
ุ่
บนทางเท้าพนที่สาธารณะต่าง ๆ ต้องค านึงถึงความเหมาะสมทั้งความสูง ลักษณะทรงพม การร่วงของใบ
ื้
การเติบโตการออกดอก สีของดอก และการลดมลพิษอากาศความปลอดภัยแก่ประชาชนผู้สัญจรด้วย
28
เอกสารอ้างอิง
ั
ุ
กรมวิชาการเกษตร กรมป่าไม้ และกรมอทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพนธุ์พช. 2558. คู่มือการตรวจ
ื
ั
พสูจน์เนื้อไม้พะยูง. กรมวิชาการเกษตรกรมป่าไม้ และกรมอทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพนธุ์พช. 54
ิ
ุ
ื
หน้า (ผู้ร่วมเรียบเรียง).
กรมอตุนิยมวิทยา. 2561. ประโยชน์ของฝนที่มีต่อพช. แหล่งที่มา www.arcim. tmd.go.th/Research_files/
ุ
ื
บทความประโยชน์ของฝนที่มีต่อพืช.pdf, 16 ธันวาคม 2561
โครงการความร่วมมือด้านการวิจัยระหว่างกรมป่าไม้และ JIRCAS. 2555. แผนที่ความเหมาะสมของดิน
ุ
ั
ั
ส าหรับปลูกไม้สักในจังหวัดอดรธานีและจังหวัดหนองบัวล าภู. ห้างหุ้นส่วนจ ากัด ฟนนี่ พบบลิซซิ่ง,
กรุงเทพฯ.
โครงการความร่วมมือด้านการวิจัยระหว่างกรมป่าไม้และศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์การเกษตรนานาชาติ
แห่งประเทศญี่ปุ่น (JIRCAS). 2558. แผนที่ความเหมาะสมของดินส าหรับปลูกไม้สักในจังหวัดชัยภูมิและ
จังหวัดขอนแก่น. บริษัท ไทยปริ้นท์ติ้ง เซ็นเตอร์ จ ากัด, กรุงเทพฯ.
โครงการความร่วมมือด้านการวิจัยระหว่างกรมป่าไม้และศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์การเกษตรนานาชาติ
แห่งประเทศญี่ปุ่น (JIRCAS). 2558. แผนที่ความเหมาะสมของดินส าหรับปลูกไม้สักในจังหวัดบุรีรัมย์
และจังหวัดอุบลราชธานี. บริษัท ไทยปริ้นท์ติ้ง เซ็นเตอร์ จ ากัด, กรุงเทพฯ.
ทศพร วัชรางกูร, จตุพร มัคลารัตน์, ประพาย แก่นนาค, สาโรจน์ วัฒนสุขสกุล, สมชาย นองเนือง และ
วิโรจน์ ครองกิจศิริ. 2553. รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการวิจัย การคาดคะเนการเจริญเติบโตและ
ผลผลิตของสวนป่าไม้เศรษฐกิจ ภายใต้แผนงานวิจัยและพัฒนาการใช้ประโยชน์ไม้สวนป่าเชิงพาณิชย์และ
อุตสาหกรรม. กลุ่มงานวนวัฒนวิจัย ส านักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ กรมป่าไม้, กรุงเทพฯ. 56 น.
บุญวงศ์ ไทยอุตส่าห์. 2554. เอกสารประกอบการบรรยาย วิชา 01311511: ภาพรวมทรัพยากรป่าไม้และ
สิ่งแวดล้อม: การจัดการสวนป่าเพื่อผลผลิตไม้ โครงการปริญญาโท สาขาวิชาการบริหารทรัพยากรป่าไม้
และสิ่งแวดล้อมภาคพิเศษคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ิ
ปกรณ์ จริงสูงเนิน. 2510. คุณสมบัติทางฟสิกส์และเคมีบางประการของดินในสวนสักธรรมชาติท้องที่
ป่าแม่หวด อ าเภองาว จังหวัดล าปาง. วิทยานิพนธ์ปริญญาตรี, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ั
พรพรรณ จงสุขสันติกุล และวิลาวัณย์ วิเชียรนพรัตน์. 2537. การศึกษาความสัมพนธ์ระหว่าง
คุณสมบัติบางประการของดินและการเจริญเติบโตของไม้สัก. ใน รายงานผลการวิจัย ฉบับที่ 1 ปี พ.ศ.
2537 ส่วนวนวัฒนวิจัย ส านักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้, กรุงเทพฯ.
พวงพรรณ ยงรัตนา สุวรรณ ตั้งมตรเจริญ ปทุม บุญนะฤธี. 2549. ชีพลักษณ์ ลักษณะดอกและผล
ิ
และความส าเร็จการสืบพนธุ์ของไม้มะขามป้อม. น. 81-92. ใน รายงานผลการวิจัย ประจ าปี 2549
ั
ส านักวิจัยการจัดการป่าไม้และผลิตผลป่าไม้ กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.
29
พรรษชล หนูเทพ สมพร แม่ลิ่ม วาทินี สวนผกา สุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ 2560. ความผันแปรของการ
เติบโต รูปทรง และแก่นของพะยูงอายุ 29 ปี ในแปลงทดสอบแม่ไม้ ณ สถานีวนวัฒนวิจัยหมูสี จังหวัด
นครราชสีมาอน.7-15. ใน เอกสารประกอบการประชุมการป่าไม้ประจ าปี 2560. เล่ม 2. “รวมพลังรักษ์
ป่า ด้วยศาสตร์พระราชา วันที่ 5-7 กันยายน พ.ศ.2560.เล่ม 2. มิราเคิล แกรน์ คอนเวนชั่น กรุงเทพ.
พรเทพ เหมือนพงษ์ สาพิศ ดิลกสัมพนธ์ จงรัก วัชรินทร์รัตน์ สาโรจน์ วัฒนาสุขสกุล และ สุวรรณ ตั้งมตรเจริญ.
ิ
ั
2560. การประเมินความเหมาะสมของพนที่ต่อการปลูกสักสายต้นต่าง ๆ ในประเทศไทย. วารสารวน
ื้
ศาสตร์ 36 :
ื้
ิ
วรวิทย์ อนศวร จงรัก วัชรินทร์รัตน์ และระเบียบ ศรีกงพาน. 2550. ศักยภาพทางกายภาพของพนที่
ส าหรับการปลูกสร้างสวนป่าไม้ยูคาลิปตัส ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง. น. 219-234. ใน การ
ื่
สัมมนาทางวนวัฒนวิทยา ครั้งที่ 8 “เทคโนโลยีวนวัฒน์เพอขจัดความยากจน”. ส านักวิจัยการจัดการป่า
ไม้และผลิตผลป่าไม้ กรมป่าไม้ และคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กรุงเทพฯ.
วิฑูรย์ เหลืองวิริยะแสง สุวรรณ ตั้งมตรเจริญ และ ลัทธชัย สบายกาย. 2557. การพฒนาไม้สายพนธุ์ดี
ิ
ั
ั
ั
ื่
เพอการส่งเสริมการปลูกป่า. ส านักวิจัยและพฒนาการป่าไม้ กรมป่าไม้. อกษรสยามการพมพ์
ิ
ั
กรุงเทพมหานคร.
ั
ิ
วิชาญ เอยดทอง กรองทอง ใจแก้วแดง และ สุวรรณ ตั้งมตรเจริญ. 2555. การปรับปรุงและพฒนา
ี
ื่
ต้นรักแกนมอเพอผลิตยางรักดิบในงานหัตถกรรมเครื่องรักไทย. น. 129-137. ในการประชุมวิชาการ
ผลงานวิจัยของมูลนิธิโครงการหลวง 2555 เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาท
เนื่องในโอกาสพระราชพธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 ณ ศูนย์
ิ
ประชุมนานาชาติ เอ็มเพรส เชียงใหม่ โรงแรมดิเอ็มเพลส จังหวัดเชียงใหม่
ิ
ิ
วิชาญ เอยดทอง อรพรรณ จันทร์แก้ว สุวรรณ ตั้งมตรเจริญ กุศล ตั้งใจพทักษ์. 2557. บันทึกถึงความ
ี
ผันแปรสีและลวดลายแก่นไม้พะยูงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย. วารสารการจัดการป่า
ไม้ 8(15) : 23-36.
ิ
วัฒนชัย ตาเสน สุวรรณ ตั้งมตรเจริญ มาลัยพร ทาแก้ว ประวัติศาสตร์ จันทรเทพ และ Kazuo Ogata.
2552. ความหลากชนิดและพฤติกรรมหาอาหารของแมลงในการช่วยผสมเกสรดอกกฤษณา
ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่. วารสารวนศาสตร์ 28(1): 17-28.
วัฒนชัย ตาเสน สุวรรณ ตั้งมตรเจริญ และเดชา วิวัฒน์วิทยา. 2543-2545. บทบาทและพฤติกรรม
ิ
ของแมลงที่ส าคัญบางชนิดในการช่วยผสมเกสรดอกสัก. วารสารวนศาสตร์. 19-21: 52-64.
30
ั
วสันต์ เกตุประณีต และสมศักดิ์ สุขวงศ์. 2517. ความสัมพนธ์ระหว่างการเจริญเติบโตทางความสูงของ
ไม้สัก (Tectona grandis Linn.f.) กับปัจจัยสิ่งแวดล้อมบางประการ. ใน รายงานวนศาสตร์วิจัย
เล่มที่ 30. คณะวนศาสตร์, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กรุงเทพฯ.
สาโรจน์ วัฒนสุขสกุล และสุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ. 2556 การปรับปรุงพันธุ์สักในประเทศไทย. ใน องค์ความรู้ไม้สัก
ไทย. กรมป่าไม้ โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. กรุงเทพฯ. 300 หน้า
สุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ. 2550. แนวทางการพฒนาแหล่งเมล็ดพนธุ์ไม้ป่า. ส านักวิจัยการจัดการป่าไม้และ
ั
ั
ผลิตผลป่าไม้ กรมป่าไม้ กรุงเทพฯ. 148 น.
สุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ. 2551. การจัดการทรัพยากรพนธุกรรมป่าไม้โดยกรมป่าไม้. ใน รวมบทคัดย่อการประชุม
ั
วิชาการระดับชาติ การวิจัยพรรณพืชป่าไม้ของประเทศไทย ครั้งที่ 1 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษาและฉลองครบรอบ 72 ปี
คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
สุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ. 2555. ความก้าวหน้าของการพัฒนาและใช้ประโยชน์แหล่งพนธุกรรมไม้ป่าเศรษฐกิจพันธุ์ดี
ั
ื้
ู
ใน เอกสารประกอบสัมมนาทางวนวัฒนวิทยา ครั้งที่ 9 การฟนฟป่าตามแนวพระราชด าริฝ่าวิกฤต
สิ่งแวดล้อม วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ.2555 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ น. 74-90.
สุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ. 2556. บทสรุป จากการประชุมไม้สักนานาชาติ World Teak Conference 2013
ด้านพันธุกรรม วนวัฒนวิทยา และการใช้ประโยชน์. น. 349-359. ใน เอกสารประกอบการประชุมการป่า
ไม้ ประจ าปี พ.ศ.2556 “ผลผลิตและงานวิจัยป่าไม้สู่การพฒนาอย่างยั่งยืน” วันที่ 5-9 สิงหาคม
ั
พ.ศ.2556 กรมป่าไม้.
สุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ. 2556. พะยูง: แนวทางการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรพนธุกรรม. น. 427-
ั
438. ใน เอกสารประกอบการประชุมการป่าไม้ ประจ าปี พ.ศ.2556 “ผลผลิตและงานวิจัยป่าไม้สู่การ
พัฒนาอย่างยั่งยืน” วันที่ 5-9 สิงหาคม พ.ศ.2556 กรมป่าไม้.
ั
ั
สุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ. 2557. แนวทางการพฒนาแหล่งเมล็ดพนธุ์ไม้ป่า. ส านักวิจัยและพฒนาการป่าไม้
ั
กรมป่าไม้ กรุงเทพฯ. 148 น. (ฉบับปรับปรุง ตีพิมพ์ครั้งที่ 2)
ั
ี
สุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ วิชาญ เอยดทอง และแก้วนภา กิตติบรรพชา 2560 แหล่งพนธุกรรมของกลุ่มชนิดรักใหญ่
เพอการคัดเลือกแม่ไม้พนธ์ดีในการผลิตยางรักของไทย. น. 318-329. ใน เอกสารประกอบการประชุม
ื่
ั
การป่าไม้ประจ าปี 2560. “รวมพลังรักษ์ป่า ด้วยศาสตร์พระราชา วันที่ 5-7 กันยายน พ.ศ.2560. มิรา
เคิล แกรน์ คอนเวนชั่น กรุงเทพ.
สุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ วิชาญ เอยดทอง ทศพร วัชรางกูร แก้วนภา กิตติบรรพชา พวงพรรณ ยงรัตนา.
ี
ั
์
2558.การอนุรักษและพฒนาพนธุ์ของพรรณไม้ให้ยางรักในประเทศไทย. ใน เอกสารประกอบการประชุม
ั
31
การป่าไม้ ประจ าปี พ.ศ.2558 “ป่าไม้ไทย...ใครก าหนด” วันที่ 22-26 เมษายน พ.ศ.2556 คณะวน
ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
สุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ และวัฒนชัย ตาเสน. 2547. การสืบต่อพนธุ์และการติดผลของไม้สักโดยแมลง
ั
ผสมเกสรที่ส าคัญในสวนผลิตเมล็ดพันธุ์. วารสารวนศาสตร์ 23 (1): 1-9.
สุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ และวัฒนชัย ตาเสน. 2547. เมล็ด และการเจริญเติบโตของกล้าไม้จากป่า
ธรรมชาติและสวนผลิตเมล็ดพันธุ์. วารสารวนศาสตร์ 23 (2): 161-168.
สุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ ประเสริฐ สอนสถาพรกุล และ สุดารัตน์ วิสุทธิเทพกุล. 2542. ผลของระยะปลูก
การตัดสางขยายระยะ การให้ปุ๋ย และการถางวัชพช ที่มีต่อผลผลิตเมล็ดและการเจริญเติบโตของไม้
ื
กระถินณรงค์ อายุ 2-5 ปี. วารสารวิชาการป่าไม้ 1 (2): 13-123.
สุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ พวงพรรณ ยงรัตนา วิฑูรย์ เหลืองวิริยะแสง วัฒนชัย ตาเสน ประวัติศาสตร์ จันทรเทพ และ
สุชาดา แสงทับทิม. 2551. ชีววิทยาดอกของไม้กฤษณา. วารสารวนศาสตร์ 27 (2): 1-13.
สุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ สาโรจน์ วัฒนสุขสกุล ประพาย แก่นนาค จรัส ช่วยนะ และ พรรษชล หนูเทพ. 2561. การ
เติบโตและสัดส่วนแก่นของไม้สักในแปลงทดสอบแม่ไม้อายุ 17 ปี. น2-44. ใน เอกสารประกอบการ
ประชุมการป่าไม้ประจ าปี 2561. การปฏิรูปการป่าไม้แห่งชาติ วันที่ 22-24 สิงหาคม พ.ศ.2561.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ส านักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้. 2548. แผนแม่บท การส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจ. ส านัก
ส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้, กรุงเทพฯ.
ส่วนปลูกป่าภาคเอกชน ส านักส่งเสริมการปลูกป่า. 2561. เอกสารเผยแพร่ (e-book). แหล่งที่มา
:http://forestinfo.forest.go.th/pfd/eBooks.aspx, 16 ธันวาคม 2561.
อษารัตน์ เทียนไชย สาพศ ดิลกสัมพนธ์ สุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ. 2556. สถานภาพปัจจุบันและแนวทางการจัดการ
ั
ิ
ุ
์
ั
ของการอนุรักษพนธุกรรมนอกถิ่นก าเนิดไม้ยางนาของกรมป่าไม้ น. 119-132. ใน วารสารวนศาสตร์ ปีที่
ิ
ื่
32 ฉบับพเศษ การประชุมทางวิชาการวนศาสตร์ระดับชาติ”การป่าไม้เพอสังคม” ระหว่างวันที่ 6-8
มีนาคม 2556 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
Changtragoon, S., P. Ongprasert, S. Tangmitcharoen, S. Diloksampan, V. Luangviriyasaeng, P.
Sornsathapornkul and S. Pattanakiat. 2012. Country Report on Forest Genetic
Resources of Thailand. Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation,
Bangkok, Thailand.
Haufe J. 2018. Aspects of Tree Species Selection, Presentation of Forestry Commission.
Available
32
source:http://www.lotc.org.uk/wp-
content/uploads/2012/11/aspectsoftreespeciesselection.pdf, 16 December, 2018.
Suwan Tangmitcharoen Wichan Eiadthong Tosporn Vacharangkura Kaewnapa Kittibanpacha
Phuangphan Yongrattana.2 0 1 5 . Germplasm Collection and Tree Improvement of
Lacquer Trees in Thailand. In The Second International Conference on study on oriental
lacquer initiated by H.R.H. Princess Maha Chakri Sirindhorn for the revitalization of Thai
wisdom. 22-25 July. Bangkok.
Tangmitcharoen S. 2009. Forest Genetic Resources Management by Royal Forest Department.
Journal of Tropical Research 2: 61-72. Kasetsart University. Thailand.
Tangmitcharoen S. 2009. Status of the conservation and management of forest genetic
resources in Thailand. In: R.Jalonen, K.Y.Choo, L.T. Hong and H.C.Sim, eds. Repot on
Forest genetic resources conservation and management: status in seven South and
Southeast Asian countries.
Tangmitcharoen S. and Owens J.N. 1996. Floral biology, pollination and pollen-tube growth in
relation to low fruit production of teak (Tectona grandis Linn.f.) in Thailand. In Tree
Improvement for Sustainable Tropical Forestry, Dieters M.J., Atheson A.C., Nikles D.G.,
Harwood C.E., and Walker S.M., (eds.).pp. 265-270. Proceedings of QFRI-IUFRO
Conference, Caloundra, Queensland, Australia, 27 October- 1 November (Queensland
Forestry Research Institute, Gympie).
Tangmitcharoen S. and Owens J.N. 1997. Floral biology, pollination, pistil receptivity, and
pollen-tube growth of teak (Tectona grandis L.f.). Annals of Botany: 79: 227-241.
Tangmitcharoen S. and Owens J.N. 1997. Pollen viability and pollen-tube growth following
controlled pollination and their relation to low fruit production in teak (Tectona grandis
Linn.f.): Annals of Botany 80 : 401-410.
Tangmitcharoen S., Nimpila S., Phuangjumpee J., Piananurak P. 2010. Two-year results of a
clonal
test of teak (Tectona grandis L.f.) in the northeast of Thailand. In Workshop on RFD-
JIRCAS joint research project: Development of Techniques for nurturing beneficial
indigenous tree species and combined management of agriculture and forestry in the
northeast of Thailand.
33
Tangmitcharoen, S., Nimpila, S., Phuangjumpee, J., Piananurak, P. 2012. Two year results of a
clonal test of teak (Tectona grandis L.f.) in the northeast of Thailand. JIRCAS Working
Report 74: 19-22.
Tangmitcharoen S., Takaso T., Siripanadilox S., Tasen W. and Owens J.N. 2006. Behavior of major
insect pollinators of teak (Tectona grandis L.f.): a comparison of clonal seed orchard
versus wild trees. Forest Ecology and Management 222: 67-74.
Tangmitcharoen S., Takaso T., Siripanadilox S., Tasen W. and Owens J.N. 2006. Insect
biodiversity in flowering teak (Tectona grandis L.f.) canopies: comparison of wild and
plantation stands. Forest Ecology and Management 222: 99-107.
Tangmitcharoen S., Tasen W., Owens J.N. and Bhodthipuks J. 2009. Fruit set as affected by
pollinators of teak (Tectona grandis L.f.) at two spacings in a seed orchard.
Songklanakarin J.Sci.Technol. 31(3): 255-259.
Tasen, W., S. Tangmitchareon, K. Ogata, and M. Thakeaw. 2009. Insect pollination of Aquilaria
crassna (Thymelaeaceae): Effect of Moths for the fruit setting in Thailand.
J.Fac.Agr.Kyushu Univ,54(2)321-328.
Usher, A., D. 2009. Thai Forestry. A critical history. Silkworm books. 6 Sukkasem Road,
Chiang Mai, 50200, Thailand. 238p.