สนคารเบีย
ิ
(Pinus caribaea Morelet)
ศูนยวนวัฒนวิจัยเชยงใหม ่
ี
์
่
์
สานกบรหารจัดการในพื นที ปาอนุรกษ 16 จงหวัดเชยงใหม ่
ั
ี
ั
ิ
ั
ํ
่
์
กรมอุทยานแหงชาติ สตวปา และพันธุพืช
่
์
ั
2547
จัดทําโดย
์
ประดิษฐ หอมจน
ี
ิ
วินย ศรกุล
ั
ิ
สมเกียรติ กลั นกลิ น
อําไพ พรลีแสงสุวรรณ ์
์
สาโรจน วัฒนสุขสกุล
ื
สมชาย นองเนอง
คํานํา
ี
ิ
ไม้สนคารเบย (Pinus caribaea Morelet) เปนไม้ใน
็
ี
ิ
ิ
ี
ตระกูล Pinaceae มถ ินกําเนดอยู่ในทวปอเมรกากลางและมการ
ี
ึ
็
ิ
ิ
์
ุ
กระจายพันธตามธรรมชาตอยู่เปนบรเวณกว้างขวาง สามารถข นได้ใน
ิ
้
ื
ี
สภาพภูมประเทศและสภาพดนฟาอากาศทแตกต่างกัน กล่าวคอสามารถ
ิ
ข นได้ตั งแต่พ นที ราบตดชายฝ งทะเล ทมความสงเท่ากับระดับนํ าทะเล
ิ
ื
ี
ึ
ี
ั
ู
ื
ี
ี
จนถึง 1,000 เมตรของพ นที ภายในทวปทเปนภูเขา ปรมาณนํ าฝนเฉลย
็
ี
ิ
ิ
ี
ปละ 660 – 3,500 มลลิเมตร มการเจรญเตบโตได้ดในพ นทระดับตําของ
ี
ื
ิ
ิ
ี
ี
ู
ึ
ี
ี
้
็
ื
ิ
เขตรอนช นแถบใกล้เส้นศูนย์สตร เปนหนงในไม้สนไม่กี ชนดทมความ
ิ
ี
ู
ื
ี
ิ
ิ
โดดเด่นในเรองรปทรงและการเจรญเตบโต เนองจากไม้สนคารเบยมความ
ื
ิ
ั
เหมาะสมสําหรบเปนวัตถุดบในอุตสาหกรรมหลายชนด โดยเฉพาะ
ิ
็
อย่างยิ งในอุตสาหกรรมผลตเยื อและกระดาษ และการก่อสราง
ิ
้
ี
ี
ิ
สนคารเบยเปนไม้ต่างถ นทนําเข้ามาทดลองปลูกใน
ิ
็
ั
ิ
ประเทศไทยเปนเวลากว่า 30 ป พบว่าสามารถเจรญเตบโตและปรบตัว
ี
็
ิ
ิ
์
ุ
ี
ี
ื
ได้ดในหลายสภาพพ นท และได้มการคัดเลือกสายพันธและถิ นกําเนดมา
ี
ุ
ุ
์
ึ
ปรบปรงพันธโดยโครงการปรบปรงพันธไม้สน ซงเปนแนวทางท ี
ั
ุ
์
ั
ุ
็
้
่
เหมาะสมในการส่งเสรมการปลูกสรางสวนปาไม้สนคารเบยต่อไป
ี
ิ
ิ
ในอนาคต
คณะผู้จัดทํา
สารบัญ
หน้า
บทนํา 1
ลักษณะทั วไป 2
การกระจายพันธ์ตามธรรมชาต ิ 9
ุ
ิ
การนําสนคารเบียเข้ามาปลูกในประเทศไทย 12
ุ
์
การขยายพันธ 14
้
่
การปลูกสรางสวนปา 21
ิ
ิ
ิ
การเจรญเตบโตและผลผลต 40
ิ
ี
โรค แมลงและตําหนทเกิดตามธรรมชาต ิ 44
การใช้ประโยชน ์ 51
ิ
เอกสารอ้างอง 57
ี
ิ
สนคารเบย
(Pinus caribaea Morelet)
ํ
บทนา
สนคารเบียเปนไม้ในวงศ์ Pinaceae มชอวทยาศาสตรว่า
ี
ื
ิ
็
ิ
์
ิ
Pinus caribaea Morelet ในลาตนอเมรกาเรยก Pino de la costa, Pino
ิ
ี
costanero, Pino colorado, Pino caribaea, Ocote blanco และ Pino macho
ไม้เรยก Caribbean pine หรอ Caribbean pitch pine สนคารเบย
ื
ิ
ี
ี
ื
ี
แบ่งออกเปน 3 วาไรต (variety) คอ
็
ี
(1) สนคารเบีย วาไรต คารเบีย (Pinus caribaea Mor. var.
ิ
ิ
ิ
ุ
์
ิ
็
ี
caribaea) เปนสนคารเบียทกระจายพันธในประเทศควบา (Cuba) และ
Isle of Pines
(2) สนคารเบย วาไรต ีฮอนดูเรนซส (Pinus caribaea
ี
ิ
ี
็
ี
Mor. var. hondurensis Barr. and Golf. Nov var.) เปนสนคารเบยท ี
ิ
กระจายพันธ์ในประเทศแถบอเมรกากลาง
ิ
ุ
ิ
(3) สนคารเบย วาไรต ีบาฮาเมนซส (Pinus caribaea
ี
ี
ิ
ี
็
Mor. var. bahamensis Barr. And Golf. Nov. var. เปนสนคารเบยท ี
ุ
กระจายพันธ์ในประเทศบาฮามาและเกาะไคคอส
1
ลักษณะทั วไป
ิ
ี
ี
ลําตน (stem) มขนาดใหญ่ ในสภาพธรรมชาตต้นท
้
ู
ี
โตมากๆ สงถง 45 เมตร และมความโตทางเส้นผ่าศูนย์กลางถง 1.35
ึ
ึ
ี
ึ
ื
ี
ู
เมตร เมอข นอยู่ในพื นที ทมความอุดมสมบูรณ แต่อย่างไรก็ตามรปทรง
์
ของลําต้นและเรอนยอดมความผันแปรแตกต่างกัน เช่น มกิ งสั น ยาว
ี
ี
ื
แน่น โปร่ง ชัน ตั งฉาก หรอลู่ลงแตกต่างกันไปในแต่ละถ นกําเนดและ
ิ
ิ
ื
ิ
ี
ิ
วาไรต ในประเทศเบลซ ถ นกําเนดแถบคาบสมทร (Insular) จะมขนาด
ิ
ี
ุ
ิ
่
เล็กกว่าถ นกําเนดในทวป (penisular) ในปาธรรมชาตบางพ นที เกิดเปน
็
ิ
ี
ื
ิ
ี
ี
ิ
่
ปาชนดเดยวกัน (pure stand) และจะมกลุ่มไม้อายุเดยวกันกระจายไปทั ว
ี
ี
โดยมไม้ใบกว้างพวกไม้โอ๊กและก่อแทรกอยู่ด้วยเปนหย่อมๆ ในแง่ทาง
็
ี
ิ
็
นเวศวทยาแล้วไม้สนคารเบยจัดเปนกลุ่มไม้ fire climax ซงจะมไฟ
ึ
ี
ิ
ิ
ื
็
ึ
็
เกิดข นเปนคร ังคราวแต่ต้นไม้ยังคงอยู่ได้ ไฟจะเปนตัวจํากัดหรอกีดกัน
ื
ิ
ี
ี
ี
ี
ื
ี
การแก่งแย่งพ นทของไม้ใบกว้าง สนคารเบยจะมเรอนยอดทยังมชวต
ิ
ี
ื
1/4 - 2/3 ของความสงของลําต้น แต่ถ้าข นอยู่เดยวๆ หรอห่างกันจะม ี
ึ
ี
ู
ู
ิ
ี
เรอนยอดแผ่กว้าง กิ งก้านใหญ่ ความสงน้อย บางต้นบิดคดงอ มเส ยนบด
ี
ื
ี
ี
ื
(spiral grain) มเปลอกสนํ าตาลดําถงเทาดํา หนาประมาณ 0.5 – 1.0
ึ
ิ
ื
เซนตเมตร เปลอกแตกเปนร่องต นๆ ตามยาวและแนวขวางของลําต้น
็
ื
เปนระยะๆ เปลอกหลุดลอกเปนเกล็ดยาว 10 – 15 เซนตเมตร และกว้าง
็
ิ
็
ื
2 – 5 เซนตเมตร
ิ
2
็
็
ใบ (Leaf) เปนรปเข็ม (needle) ยาวจับเปนกลุ่ม
ู
ิ
(fascicle) กลุ่มละ 3 - 5 ใบ ยาวประมาณ 15 - 25 เซนตเมตร หนา 1.5
็
ี
ิ
ี
ิ
ี
ี
ี
มลลเมตร มสเขยวเข้มเปนมัน ปลายแข็ง มปากใบเปนแถบสขาวอยู่
็
รอบๆ ใบ กลุ่มใบห่อห้มด้วยกาบสนํ าตาลอ่อนยาว 1.0 - 1.2 เซนตเมตร
ุ
ี
ิ
อยู่ทโคนใบซงจะเปลยนเปนสนํ าตาลเข้มเกือบดําเมอใบแก่ ใบจะตดอยู่
ึ
ี
ี
ื
ิ
ี
็
ึ
ี
กับกิ งประมาณ 2 ปจงร่วงลงมา
ี
ดอก (Flower) สนคารเบยเปนไม้ทมดอกแยกเพศ
็
ี
ิ
ี
ี
ี
ี
(monoecious) อยู่ต้นเดยวกัน ปลดอกตัวผู้ (male strobili) มขนาดเล็ก
ิ
จํานวนมากมก้านสั นเล็กตดอยู่รอบเกือบปลายกิ งเป็ นกลุ่มสั นๆ
ี
ี
ส่วนใหญ่อยู่ตอนล่างของทรงพุ่มแต่ละปลดอกยาว 20 – 32 มลลเมตร
ิ
ิ
กว้าง 5 มลลเมตร ม 12 – 18 กะเปาะเกสร กาบรองดอกสนํ าตาลแดง
ิ
ี
ิ
ี
อยู่ทฐานของปล ปลดอกตัวเมย (female strobili) ส่วนมากพบตอนบน
ี
ี
ี
ี
ื
ของเรอนยอดใกล้ปลายยอดสดของกิ งที กําลังยืดขยายออก และต่อมาจะ
ุ
ี
ี
อยู่ด้านข้างของกิ ง เกิดอยู่เปนฉัตรๆ ละ 2 – 4 ปล และม 1 – 3 ฉัตรต่อป
ี
็
ี
ต้นทมปลดอกตัวผู้มากจะมลักษณะการจัดของใบแตกต่างออกไป
ี
ี
ี
อย่างเด่นชัด ทําให้เกิดช่องว่างระหว่างใบเมอปลดอกได้ร่วงหล่นไปแล้ว
ื
ี
3
ดอกตัวผู้
เปลือก
ดอกตัวผู้ ดอกตัวเมีย
ใบ
cone
ิ
ภาพท 1 ลักษณะเปลือก ดอก ใบ และผลของสนคารเบีย
ี
4
ผล ของสนคารเบยเรยกว่าโคน (cone) มลักษณะเปน
ี
็
ิ
ี
ี
ิ
ิ
ื
ี
ู
รปกรวย เมอแก่มความสมดุลย์ไม่บดเบี ยวยาว 5 – 10 เซนตเมตร กว้าง
็
ื
2.5 –3.5 เซนตเมตร โคนจะร่วงอย่างรวดเรวเมอแก่เต็มที แต่บางท้องท ี
ิ
็
โคนอาจจะตดอยู่บนต้นเปนปหรอนานกว่า ระหว่างต้นไม้แต่ละต้น
ี
ิ
ื
ี
ู
อาจจะมรปทรงและขนาดของโคนแตกต่างกัน เมอกลีบของโคนอ้าออก
ื
ี
ู
ึ
์
ี
จะมลักษณะรปร่างแบบถังเบยร ซงกลีบโคนจะมความยืดหยุ่น ในแต่ละ
ี
ี
โคนจะมกลบประมาณ 150 – 190 กลบ และจะมเมล็ดทสมบูรณ ์
ี
ี
ี
ี
ี
ี
็
ประมาณ 70 เปอรเซนต์ ในแต่ละกลีบจะมเมล็ดอยู่ทโคนกลีบ 1 คู่
์
ี
็
็
ู
ี
เมล็ด มลักษณะเปนรปไข่เรยวความยาวเปนสองเท่า
็
ี
ของความกว้าง มปลายแหลมเปนสามเหลี ยมทั งสองด้าน ความกว้างของ
ิ
เมล็ดประมาณ 3 มลลเมตร และยาวน้อยกว่า 6 มลลเมตร สนคารเบย
ิ
ิ
ิ
ี
ิ
ู
ึ
ี
ื
ี
ึ
ี
วาไรต บาฮาเมนซส มขนาดของเมล็ดโตข น เมอปลูกในที สงข น สของ
ี
ี
เมล็ดจะแตกต่างกันไปจากสดําประเทาจนถึงสนํ าตาลอ่อน สนคารเบีย
ิ
ี
้
วาไรต ฮอนดูเรนซสและวาไรต บาฮาเมนซสมส่วนที ห่อหมเปลอกเมล็ด
ื
ุ
ี
ี
ี
ี
ี
ี
เรยกว่า integument ยึดตดแน่นอยู่กับเมล็ด และไม่สามารถแยกเอา
ิ
ิ
ุ
ื
integument ออกจากเมล็ดได้นอกจากทําลายเปลอกห้มเมล็ด สนคารเบีย
ิ
จากประเทศเบลซทําการแยกเอา integument ออกจากเมล็ดยากกว่า
ี
ี
ื
ื
ี
แหล่งกําเนดอนๆ ในพ นทวป โดยทั วไปปกของเมล็ดจะมความยาว
ิ
ึ
็
ิ
10 – 20 มลลเมตร ซงเปนสัดส่วนกับความยาวของเมล็ด ลักษณะภายใน
ิ
5
ี
ั
ื
เมล็ดเหมอนกับไม้ตระกูลสนทั วไป คอมต้นอ่อน (embryo) ฝงอยู่ตาม
ื
ื
ี
แนวยาวของเน อเยื อททําหน้าทเก็บอาหาร (female gametophytic tissue
ี
หรอ endosperm)
ื
การออกดอกติดโคนและการพัฒนาของเมล็ด
็
ิ
(Reproductive biology) พบว่าสนคารเบียสามารถออกดอกได้เรวตั งแต่
ปท 3 แม้ว่าการเกิดดอกจะแตกต่างกันไปแล้วแต่ท้องท และยังไม่ทราบ
ี
ี
ี
ั
ี
ิ
ชัดว่าปจจัยส งแวดล้อมของท้องทมผลต่อการออกดอกอย่างไร ดอก
ี
ี
ี
ในช่วงอายุน้อยส่วนมากเปนดอกตัวเมย ในประเทศไนจเรย (Nigeria)
็
ี
ี
ี
ื
ี
ิ
ี
สนคารเบยวาไรต ฮอนดูเรนซสออกดอกเมออายุเพยง 3 ปครง การออกดอก
ึ
ี
ิ
ื
ี
ู
ของสนคารเบยในพ นทระดับสงและระดับตําในประเทศศรลังกา
ี
ี
ี
ี
ิ
ี
(Srilangka) ทอายุ 5 ป ปรากฏว่าสนคารเบียให้ดอกทั งสามวาไรต
่
็
ในปาธรรมชาตช่วงโคนแก่จะตรงกับต้นฤดูฝนเปนเช่นน ี
ิ
ื
ิ
ึ
ี
เกือบทุกประเทศ ถงแม้ว่าจะมสภาพฝนตก การแตกอ้าหรอเปดของโคน
ึ
ื
และการร่วงของเมล็ดจะรวดเรวมากเกิดภายในช่วงหนงเดอนหรอตํากว่าน ี
็
ื
อย่างไรก็ดความแตกต่างระหว่างต้นและกลุ่มไม้จะยืดช่วงเวลาการแก่
ี
ของโคนออกไปในแต่ละท้องทเปนเวลา 2 – 3 เดอน โดยทั วไปแล้วการแก่
็
ี
ื
ี
ี
ของโคนจะเกิดในเวลาไล่เรยกัน แม้ว่าจะมเวลาออกดอกแตกต่างกัน
ื
ึ
การลีบของโคนเล็ตอาจเกิดข นได้ เนองจากการผสมเกสร
ไม่สมบูรณ การแก่งแย่งระหว่างโคนเล็ตและการเจรญเตบโตทางลําต้น
ิ
ิ
์
6
ี
ี
และการทําลายจากแมลง หลังจากการผสมของไข่แล้วยังมการลบของ
ี
โคนเล็ตอกมาก
ิ
่
ผลผลตเมล็ดของสวนปานอกถ นกําเนดจะตําเสมอ
ิ
ิ
ื
ื
ิ
เนองจากอุณหภูมเย็นทําให้ไม่เกิดดอก หรอช นจัดช่วงออกดอกทําให้
ื
ื
ิ
เกสรไปไม่ถงปลดอกตัวเมย ดังนั นแหล่งผลตเมล็ดหรอสวนผลตเมล็ด
ึ
ี
ิ
ี
้
ิ
ิ
ี
ี
ี
์
ุ
็
พันธนอกถ นกําเนดจะต้องอยู่ในพื นททเปนเขตรอนและมฤดูหนาวที ม ี
อากาศแห้งแล้งเด่นชัด
ั
สําหรบในประเทศไทยนั นทางโครงการปรบปรงพันธ ุ ์
ุ
ั
ี
ิ
ิ
ิ
ึ
ิ
ไม้สนได้ทําการศกษาการเกิดดอกตดโคนของสนคารเบย ถ นกําเนด
เมาเทนไพนรดจ์ ในแหล่งผลตเมล็ดไม้ (seed production area) ทสถาน ี
์
ิ
ิ
ี
ทดลองปลูกพรรณไม้ห้วยบง อําเภอฮอด จังหวัดเชยงใหม่ ในป พ.ศ.
ี
ี
ิ
ื
ิ
2519 – 2522 พบว่าสนคารเบียเร มมดอกตัวผู้ประมาณปลายเดอนตุลาคม
ี
ิ
ิ
ึ
ื
ึ
ถงต้นเดอนพฤศจกายนซงเกสรเร มแก่และถูกปลดปล่อยไปตามลมปลาย
ิ
ื
เดอนพฤศจกายนถงกลางเดอนธันวาคม ส่วนดอกตัวเมยก็ปรากฏ
ี
ื
ึ
ึ
ื
ึ
ุ
ี
็
ให้เหนในช่วงเดยวกัน ซงการผสมพันธจะเกิดข นประมาณกลางเดอน
์
ื
ิ
ึ
พฤศจกายนถงกลางเดอนธันวาคม โคนทได้รบการผสมแล้วจะพัฒนาไป
ี
ั
ี
ึ
ื
ื
้
เรอยๆ ใช้ระยะเวลาประมาณ 20 – 22 เดอน ถงจะแก่และพรอมทจะเก็บได้
คอจะแก่ประมาณปลายเดอนมถุนายนถงเดอนสงหาคมซงเปนช่วงฤดูฝน
ื
ื
ิ
ึ
็
ื
ึ
ิ
ทําให้ไม่สะดวกในการตากโคนเพอสกัดเอาเมล็ดโดยใช้แสงแดดตามธรรมชาต ิ
ื
7
ี
ื
เมอโคนแก่เต็มทก็จะอ้าออกและทําให้เมล็ดหลุดร่วง
ึ
ี
ี
ั
และแพร่กระจายไปโดยลมซงส่วนใหญ่จะอยู่ในรศม 25 เมตร มอยู่บ้าง
ื
ึ
ี
ี
เหมอนกันทลมพัดกระจายห่างออกไปถง 100 เมตร ในขณะทบางคร ัง
ลมพายุสามารถหอบเมล็ดกระจายออกไปได้ไกล ปกตโคนสนจะแก่
ิ
ในช่วงฤดูฝนเมอเมล็ดร่วงลงมาพบกับความช นจะงอกอย่างรวดเรว โดย
ื
็
ื
ิ
็
ตอนแรกรากอ่อน (radicle) จะงอกออกมาก่อน และเจรญเปนรากแก้ว
ี
หลังจากนั นก้านชูใบเล ยง (hypocotyl) จะยืดยาวออกและเกิดใบเล ยง
ี
เหนอผิวดน ซงยังมเปลอกของเมล็ดตดค้างอยู่ จํานวนใบเลี ยงจะม 4 – 8
ี
ิ
ึ
ื
ิ
ี
ื
ึ
ใบ หลังจากนั นจะเกิดใบอ่อนและใบเต็มวัยซงลักษณะกล้าไม้ของแต่ละ
ิ
ี
ิ
วาไรต มความแตกต่างกัน โดยกล้าไม้ของสนคารเบียวาไรต คารเบยและ
ี
ี
ี
ี
ี
ี
วาไรต บาฮาเมนซสมสเขียวอ่อน และมใบทุตยภูมหลังจากกล้าไม้อายุ
ิ
ี
ิ
ี
ื
ี
ื
ิ
2 – 3 เดอน ส่วนใบปฐมภูมจะหมดไปหลังจากกล้าไม้มอายุ 6 เดอน
ี
ในขณะทกล้าไม้ของสนคารเบียวาไรต ฮอนดูเรนซสจากผืนแผ่นดนใหญ่
ี
ี
ิ
ิ
ิ
ี
ู
มการเจรญเตบโตอย่างรวดเรว ลําต้นผอมสง ใบเต็มวัยจะเกิดข นเมอ
ึ
ื
็
ิ
ื
กล้าไม้อายุได้ 9 เดอน และใบปฐมภูมจะตดอยู่เปนเวลา 1 ปหรอ
ี
ื
็
ิ
ิ
ี
ิ
ั
ี
นานกว่าน กล้าไม้สนคารเบียวาไรต ฮอนดูเรนซสจากประเทศฮอนดูรส
ี
ี
์
จะมลักษณะคล้ายกับกล้าไม้ของสนโอคารปาจากประเทศเดยวกัน แต่จะ
ี
์
ึ
ี
ี
ี
มก้านชูใบเล ยงยาวกว่าและไม่มสชมพูเหมอนกับสนโอคารปา ซงสน
ื
ี
ี
ิ
คารเบียวาไรต ฮอนดูเรนซสจะมใบเล ยงสเขียวอ่อนและยาวมากกว่า
ี
ี
ี
ี
8
์
การกระจายพันธุตามธรรมชาติ
ื
ิ
ี
์
ุ
ขอบข่ายพ นทการกระจายพันธของสนคารเบียจะอยู่ใน
ี
ิ
้
ี
ี
สภาพภูมอากาศทมฝนในฤดูรอนและแห้งแล้งในฤดูหนาว ไม่มนํ าค้างแข็ง
ี
็
ื
ิ
(frost) อากาศอบอุ่นและช นเกือบตลอดป ปรมาณนํ าฝนเปนส่วนของ
ี
ู
ี
ุ
ิ
ภูมอากาศทมความผันแปรมากทสด ปรมาณนํ าฝนสงสดถง 4,000
ี
ุ
ึ
ิ
ึ
ิ
็
ุ
มลลเมตรต่อป ท Laguna del Pinar ซงเปนจดใต้สดของขอบเขต
ี
ิ
ุ
ี
ี
ึ
การกระจายพันธของสนคารเบย ส่วนท้องทซงแห้งแล้งทสดคอ
ื
ิ
ี
ี
์
ุ
ุ
Los Limones เปนพ นทตอนบนของหบเขา Choketeca อยู่ในประเทศ
็
ื
ุ
ี
ิ
ี
ิ
ั
ึ
ฮอนดูรส ซงมปรมาณนํ าฝนประมาณ 660 มลลิเมตรต่อป
ี
ิ
ุ
์
ความกว้างขวางของการกระจายพันธของไม้สนคารเบย
ี
ี
ู
ี
ิ
0
ทั ง 3 วาไรต ครอบคลุมทางละตจดเกือบ 15 ดกร คอจาก 12 13 เหนอ
/
ี
ื
ื
ี
0
/
ิ
ึ
ื
ในประเทศนคารากัว จนถง 27 00 เหนอ ท Little Abaco Island
ึ
ี
ในประเทศบาฮามา ส่วนระยะในทางลองตจดมความยาวเกือบถง 17
ิ
ู
/
ี
ดกร คอจาก 71 40 ตะวันตก ในเกาะ Caicos ถง 89 25 ตะวันตก
0
ึ
/
0
ี
ื
ทเมอง Poptun ประเทศกัวเตมาลา
ี
ื
9
์
ิ
ี
การกระจายพันธุของสนคารเบียวาไรตี ฮอนดูเรนซส
(Distribution of Pinus caribaea var. hondurensis)
ี
สนคารเบยวาไรต ฮอนดูเรนซสมการกระจายพันธอยู่
ี
ี
ิ
ี
ุ
์
ิ
ื
จําเพาะในพ นทผืนแผ่นดนใหญ่ของทวปอเมรกากลางกับทเกาะ
ี
ี
ี
ิ
ุ
ั
ื
ุ
ั
Guanaja นอกชายฝ งทะเลเหนอของประเทศฮอนดูรส จดใต้สดของช่วง
0
/
ุ
ี
ื
ื
การกระจายพันธ์อยู่ท 12 13 เหนอ คอตอนเหนอของเมอง Bluefield ใน
ื
ื
ิ
ุ
ุ
์
ุ
ื
ประเทศนคารากัว จดจํากัดของขอบเขตการกระจายพันธตอนเหนอสด
ี
ึ
/
อยู่ท 18 00 เหนอ เกือบถงชายแดนระหว่างประเทศเบลซกับประเทศ
ิ
ื
0
ี
ี
ี
ื
ุ
เม็กซโก อย่างไรก็ดเกือบแน่ชัดว่ายังมอกทหนงคอมมทางตะวันออก
ึ
ี
ิ
ึ
ิ
เฉยงใต้ของรฐ Quintana Roo ในประเทศเม็กซโก ซงอยู่เหนอเส้นเขต
ื
ั
ี
ึ
ิ
ุ
ุ
แดนข นไปจากจดสงสดในประเทศเบลซ
ู
ี
่
็
ปาสนคารเบียวาไรต น ส่วนใหญ่จะเกิดเปนผืนยาวซงม ี
ิ
ึ
ี
ี
ื
ความกว้างต่างๆ กัน บนพ นทราบระดับตําของชายฝ งมหาสมทร
ุ
ั
ื
ั
ี
ี
ิ
ู
แอตแลนตคทมความช นในบรรยากาศสง เช่นทราบชายฝ งทะเลของ
ี
ี
ั
ประเทศเบลซ ทราบชายฝ งทะเลทางตะวันออกเฉยงเหนอของประเทศ
ี
ื
ิ
ื
ี
ั
ี
ฮอนดูรส และทราบชายฝ งทะเลทางตะวันออกเฉยงเหนอของประเทศ
ั
ี
ิ
ุ
ี
ิ
์
ุ
นคารากัว การกระจายพันธของสนคารเบยวาไรต ีน ี มจดใหญ่ๆ
ี
หลายแห่งทเปนผืนปาไม่ต่อเชอมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ งทางชายฝ งทะเล
็
่
ื
ั
ึ
ตอนเหนอของประเทศฮอนดูรสซงเปนเทือกเขาสงอยู่เกือบตดทะเล
ั
็
ิ
ื
ู
10
่
ื
การกระจายของปาสนจะเกิดแทรกเข้าไปในพ นท ี
ุ
็
ภายในทวปตามแนวของหบเขาได้เปนระยะไกลต่างๆ กัน ในประเทศ
ี
ิ
่
ั
ั
นคารากัวและฮอนดูรส พบว่าปาบางแห่งอยู่ห่างจากชายฝ งทะเลเข้าไป
200 – 300 กิโลเมตร แม้ว่าปาสนคารเบยวาไรต ฮอนดูเรนซสส่วนใหญ่
ิ
ี
ิ
่
ี
ื
ี
่
จะเกิดบนพ นที ราบระดับตําใกล้กับระดับนํ าทะเล แต่มบางส่วนของปา
ี
ู
ื
ื
ึ
ทเกิดในพ นทภายในทวีปทอยู่บนพ นทในระดับสงถง 800 เมตร สงข นไป
ี
ู
ี
ึ
ี
์
ึ
ิ
ี
จากน ปกตจะพบสนโอคารปา (Pinus oocarpa Schiede) ข นแทน
์
การกระจายพันธุของสนคารเบียวาไรตี บาฮาเมนซส
ี
ิ
(Distribution of Pinus caribaea var. bahamensis)
ไม้สนคารเบยวาไรต บาฮาเมนซส จะพบข นอยู่บนเกาะ
ี
ี
ึ
ี
ิ
ื
สําคัญๆ 5 หม่เกาะในประเทศบาฮามา คอ Great Bahama, Great and
ู
Little Abaco, New Providence และ Andros เคยมรายงานว่าพบข นอยู่
ึ
ี
ึ
ี
บนเกาะ Barry ซงตั งอยู่ระหว่างเกาะ Andros และ Abaco นอกจากน ยัง
ื
ู
ี
พบว่ามข ึนอยู่บนหม่เกาะ Pine cay, North Caicos และ Grand (หรอ
ู
Middle) Caicos ในหม่เกาะ Turks และหม่เกาะ Caicos ช่วงการกระจาย
ู
ิ
/
ื
พันธตามละตจดคอจาก 21 45 เหนอ ถง 27 00 เหนอ ช่วงระดับ
ุ
์
0
0
ึ
/
ู
ื
ื
ความสงที มปาสนจะมตั งแต่ระดับนํ าทะเลจนถง 30 เมตร
ี
ี
่
ู
ึ
11
ิ
ิ
์
การกระจายพันธุของสนคารเบียวาไรตี คารเบีย
(Distribution of Pinus caribaea var. caribaea)
ิ
ี
ไม้สนคารเบียวาไรต น จะพบขึ นกระจายอยู่ในช่วงละติจูด
ี
ึ
ี
/
0
ื
0
ึ
21 35 เหนอ ถง 22 50 เหนอ ข นอยู่แยกจากกันบนพื นทต่างๆ หลาย
/
ื
ิ
แห่งบนเกาะของประเทศควบา และ Isle of pines ปาสนหลักๆ ใน
่
ึ
ิ
ประเทศควบา จะข นอยู่ในช่วงความสงจาก 46 เมตร ถง 333 เมตรจาก
ู
ึ
ึ
ื
ระดับนํ าทะเลอย่างกระจัดกระจาย พบไม้สนแคระแกรนข นอยู่บนพ นที
ราบชายฝ งทะเลตอนใต้อยู่สงจากระดับไม่กี เมตรบนเกาะ Isle of Pines
ู
ั
และมปาไม้สนแบบสะวานาข นอยู่อย่างหนาแน่นทางตอนเหนอและ
ี
ื
ึ
่
ื
ี
็
ื
็
ทางตะวันตกเปนเน อทสองในสามของเกาะ พ นที ส่วนใหญ่เปนทราบ
ี
ู
ี
ี
มน้อยมากทจะสงเกิน 30 เมตร จากระดับนํ าทะเล
้
การนาสนคารเบยเขามาปลูกในประเทศไทย
ํ
ิ
ี
ิ
ไม้สนคารเบียได้นําเข้ามาปลูกในประเทศไทยคร ังแรก
ในป 2507 ภายใต้โครงการสํารวจวัตถุดบเพอทําเยื อกระดาษ ซงมระยะ
ี
ึ
ื
ิ
ี
ิ
ี
ดําเนนการระหว่างป พ.ศ. 2507 – 2510 โดยความช่วยเหลือจากโครงการ
ิ
พัฒนาแห่งสหประชาชาต (United Nation Development Project :
ึ
้
UNDP) ซงได้นําไม้สนในเขตรอน (Tropical) และไม้สนในเขตอบอุ่น
12
ั
ิ
ี
(Temperate) จากต่างประเทศหลายชนด ทคาดว่าเหมาะสมสําหรบทํา
ิ
เยื อกระดาษได้แก่ ไม้สนคารเบีย (P. caribaea Morelet) สนพาทูล่า (P.
patula Schiede and Deppe) สนเอลลออททไอ (P. elliottii Engelm)
ิ
ิ
ื
ื
สนทีด้า (P. taeda L.) ปลูกทดลองร่วมกับไม้สนพ นเมองของไทยคอไม้
ื
สนสามใบ (P. kesiya Royle ex Gordon) และสนสองใบ (P. merkusii
ื
ี
์
Jungh et de Vriese) มวัตถุประสงค์เพอหาชนดพันธไม้สนที เหมาะสม
ุ
ิ
ิ
้
ั
ื
่
ั
สําหรบการปลูกสรางสวนปาเพอรองรบอุตสาหกรรมผลตเยื อและ
ิ
กระดาษ ได้ดําเนนการทดลองใน 4 พ นที ซงมลักษณะภูมประเทศและ
ี
ื
ิ
ึ
ิ
ื
ภูมอากาศต่างๆ กัน ได้แก่ ศูนย์ทดลองปลูกพันธไม้ภาคเหนอ (สถาน ี
ุ
์
ทดลองปลูกพรรณไม้บ่อแก้วในปจจบัน) ตําบลบ่อหลวง อําเภอฮอด
ั
ุ
จังหวัดเชยงใหม่ ทบ้านห้วยทา อําเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรสะเกษ
ี
ี
ี
ี
์
ทบ้านห้วยมด อําเภอนาสาร จังหวัดสราษฎรธาน และทบ้านลําเภา-
ี
ุ
ี
ุ
ั
ลําทราย จังหวัดกาญจนบุร ผลปรากฏว่าไม้สนคารเบียสามารถปรบตัว
ิ
ี
ี
เข้ากับสภาพแวดล้อมของประเทศไทยได้ด มอัตราการเจรญเตบโต
ิ
ิ
ี
ู
ื
ี
ทางด้านความสงและความโตทางเส้นผ่าศูนย์กลางดกว่าไม้สนพื นเมอง
ิ
ื
้
และไม้สนชนดอนๆ ทนําเข้ามาปลูกพรอมกัน
ี
ื
ิ
ี
หลังจากทโครงการสํารวจวัตถุดบเพอทําเยื อกระดาษ
ุ
่
ิ
ั
ื
ส นสดลง ทางประเทศไทยโดยกรมปาไม้ได้รบความร่วมมอทางวิชาการ
์
จากรฐบาลประเทศเดนมารกโดย DANIDA (Danish International
ั
13
ุ
ั
์
ุ
Development Agency) ได้ทําการจัดตั งโครงการปรบปรงพันธไม้สน
ไม้โตเรวข นทบ้านแม่สะนาม อําเภอฮอด จังหวัดเชยงใหม่ ในป พ.ศ.
็
ี
ึ
ี
ี
ิ
ื
ึ
2512 ซงยังคงดําเนนการค้นคว้าวจัยเกี ยวกับไม้สนอย่างต่อเนอง โดยม ี
ิ
วัตถุประสงค์หลัก ดังน ี
ิ
ื
ึ
1. ทําการศกษาวจัยทดลองไม้สนพื นเมองและไม้สนท ี
นําเข้ามาจากต่างประเทศ
2. สํารวจคัดเลอกแม่ไม้ไว้ทําการขยายพันธและ
์
ุ
ื
ปรับปรงพันธ ุ ์
ุ
ุ
3. สรางสายพันธ์ลูกผสม (Hybrid) ใหม่ๆ ข นมา
้
ึ
4. สร้างสวนอนุรักษ์พันธุ์ไม้สนชนิดและแหล่งที ดี
5. จัดสร้างแหล่งผลิตเมล็ดไม้และสวนผลิตเมล็ดไม้ของ
ิ
ิ
ิ
ิ
ชนดและถ นกําเนดทดสําหรบผลตเมล็ดคุณภาพดให้มปรมาณเพียงพอ
ี
ี
ี
ิ
ั
ี
่
้
ต่อความต้องการในการปลูกสรางสวนปาไม้สน
การขยายพันธุ ์
ี
ิ
ื
์
ุ
โดยทั วไปพชพรรณทุกชนดจะมการขยายพันธเองตาม
ิ
็
ุ
์
ี
็
ธรรมชาตอยู่แล้ว ทั งน เพื อเปนการดํารงไว้ซงเผ่าพันธเดมและเปนการ
ิ
ึ
ี
ื
์
ุ
ขยายหรอกระจายเผ่าพันธเพ มข น ไม้ปาก็เช่นเดยวกัน การขยายพันธ
่
ึ
ิ
์
ุ
ุ
ี
์
่
ไม้ปา (forest tree propagation) ในอดตส่วนใหญ่เปนการขยายพันธเอง
็
14
ิ
ิ
ื
ตามธรรมชาตจากเมล็ดโดยอาศัยธรรมชาตคอ ลมและนํ า ตลอดจนคน
ุ
ี
์
ุ
และสัตว์ช่วยในการกระจายพันธ ต่อมามนษย์มความต้องการใช้
ี
ุ
์
ิ
์
ี
ประโยชนจากไม้มากข ึน มการกําหนดชนดพันธไม้ทต้องการใช้
ิ
ี
ิ
ึ
์
ี
์
ิ
่
ประโยชนเพ มข น จงได้มการคดค้นวธการเพอการขยายพันธไม้ปา
ื
ึ
ุ
ิ
ุ
ิ
ี
์
ุ
ี
ี
กันข น ไม้สนคารเบยก็เปนพันธไม้ชนดหนงทมนษย์มความต้องการ
็
ึ
ึ
ใช้ประโยชน์และได้นําวธการขยายพันธ์ไม้ปามาประยุกต์ใช้และทําการ
่
ิ
ุ
ี
ั
์
ปรบปรงพันธเพอให้ได้ผลตอบสนองต่อความต้องการใช้ประโยชน
ุ
์
ื
ุ
ิ
์
ุ
ซงการขยายพันธไม้ สนคารเบียสามารถทําได้ 2 แบบ ดังน ี
ึ
ั
์
การขยายพันธุโดยอาศยเพศ (Sexual reproduction)
ี
การขยายพันธแบบน เปนวิธการขยายพันธแบบทั วๆ ไป
ุ
์
็
์
ี
ุ
ี
ึ
โดยอาศัยเมล็ดซงเกิดจากการผสมกันของไข่ของปลดอกตัวเมย (female
ี
ึ
ี
strobili) จากต้นแม่กับเกสรตัวผู้ (pollen) จากต้นพ่อ ซงกล้าไม้ทได้จะม ี
ความผันแปรจากต้นพ่อและแม่มากน้อยแค่ไหนข นอยู่กับความสามารถ
ึ
ุ
ั
ุ
ในการถ่ายทอดทางพันธกรรมของต้นพ่อและแม่เหล่านั น นักปรบปรง
ี
พันธได้นําเอาหลักความผันแปรทางพันธกรรม (genetic variance) น มา
ุ
ุ
์
ี
ั
ี
ุ
์
ุ
่
ใช้ในการปรบปรงพันธไม้ปาให้มคุณลักษณะตามทต้องการได้ การ
ุ
์
ขยายพันธโดยวธน สามารถทําได้ง่ายและสามารถขยายพันธได้จํานวน
ี
ี
์
ุ
ิ
ื
มากในช่วงเวลาสั นๆ ค่าใช้จ่ายถูกกว่าวธอน สะดวกในการจัดการขนส่ง
ิ
ี
และสามารถเก็บรกษาเมล็ดไว้ได้นานหลายปโดยลดความช นของเมล็ด
ื
ั
ี
15
์
ื
็
ึ
ให้เหลอน้อยกว่า 8 เปอรเซนต์ และเก็บไว้ในห้องเย็น ซงเมล็ดสน
ั
ี
ิ
ิ
คารเบีย 1 กิโลกรม มเมล็ดประมาณ 45,000 – 50,000 เมล็ด สามารถผลต
กล้าไม้ได้ประมาณ 30,000 - 35,000 กล้า
่
ั
การขยายพันธุโดยไมอาศยเพศ (Asexual reproduction)
์
ุ
์
็
เปนการขยายพันธโดยไม่ต้องรอให้ต้นไม้ออกดอก
ตด ผลก่อน แต่สามารถจะนําเอาส่วนต่างๆ ของต้นไม้เช่น ยอด และกิ ง
ิ
ุ
ี
ไปทําการขยายพันธ์ได้หลายวิธ เช่น
ื
การตอนกิ ง (air layering หรอ marcotting) โดยการใช้
ี
ื
ี
มดคมๆ ควั นเปลอกรอบๆ กิ งที มีอายุ 1 ป ห่างกันประมาณ 1.5 – 2
ิ
์
ื
เซนตเมตร ลอกเปลอกและขูดเยื อเจรญออกแล้วใช้ฮอรโมน IBA
ิ
์
ื
ี
์
ิ
(Indole Butyric Acid) 500 ppm หรอ เซราดกซ เบอร 3 ปายทรอยควั น
้
ี
ิ
ใช้ดนเหนยวที มความช นพอสมควรห่อห้มรอยควั นนั น หลังจากนั นเอา
ุ
ื
ี
ื
้
ื
ี
ขุยมะพราวที แช่นํ าเพอให้มความช นพอเหมาะใส่ถุงพลาสตกผูกปากถุง
ิ
ุ
และใช้มดผ่าตรงกลางถุงนําไปห่อห้มรอบตุ้มดนบนกิ งตอน ผูกยึดกับกิ ง
ิ
ี
ี
ให้แน่น หลังจากนั นประมาณ 2 เดอน กิ งตอนจะเร มมรากโผล่ออกมา
ื
ิ
็
ต้องรอให้รากแก่เปนสนํ าตาลก่อนถงจะตัดไปชําในถุงดน เปอรเซนต์
์
ิ
ี
ึ
็
ึ
ความสําเรจจะมากหรอน้อยข นอยู่กับอายุของไม้ททําการตอนและ
ี
็
ื
ู
ความชํานาญ ต้นไม้ทมอายุน้อยจะมเปอรเซนต์การแตกรากสง ซงจากการ
ึ
ี
์
็
ี
ี
ุ
็
ุ
์
ตอนกิ งของโครงการปรบปรงพันธ์ไม้สนได้ผลสําเรจ 40 – 60 เปอรเซนต์
ั
็
16
ี
ภาพท 2 การตอนกิ งสนคาริเบีย
ี
ิ
ภาพท 3 กิ งตอนสนคารเบียในถุงชํา
17
ั
การปกชากิ ง (cutting) เปนการนํากิ งยอดจากต้นแม่ทม ี
ํ
ี
็
ี
ความยาว 4 – 5 ตัดแบบปากฉลามเอามาจ่มในสารเคมทช่วยกระตุ้น
ี
ุ
//
//
ั
ั
ให้เกิดราก เช่น IBA แล้วนําไปปกชําในกระบะทราย ควบคุมปจจัย
ั
ส งแวดล้อมให้พอเหมาะหรอปกชําในกระโจมถุงพลาสตก ประมาณ 2
ื
ิ
ิ
เดอน กิ งชําก็จะแตกราก แต่จากการทดลองของโครงการปรบปรงพันธ ุ ์
ุ
ั
ื
ิ
็
์
ึ
ึ
ไม้สนยังได้เปอรเซนต์การแตกรากน้อยซงยังดําเนนการศกษาทดลองอยู่
ั
ี
ั
ั
ื
ี
สําหรบปจจัยที มผลต่อการปกชํานั นมอยู่ 2 ปจจัย คอ
ั
ั
1. ปจจัยเกี ยวกับสภาพของกิ งไม้สนคาริเบีย เช่น อายุของ
ต้นแม่และตําแหน่งของกิ ง จากการทดลองพบว่ากิ งชําที นํามาจากต้นแม่
ี
ี
ี
อายุน้อยจะให้เปอรเซนต์การออกรากดกว่าต้นแม่ทมอายุมาก และ
์
็
ตําแหน่งของกิ งบริเวณกลางๆ เรือนยอดจะให้เปอร์เซ็นต์การออกรากดี
ี
ทสด ฉะนั นก่อนทจะนํากิ งไม้ทมอายุมากๆ มาปกชํา ก็ควรทําให้กิ งไม้ม ี
ุ
ั
ี
ี
ี
ึ
ื
ุ
ี
ความหน่ม (rejuvenile) เสยก่อน โดยการตัดให้แตกยอดข นมาใหม่ หรอ
ี
ี
ิ
การใช้วธการเสยบยอดแบบต่อเนอง (serial grafting)
ื
ั
2. ปจจัยเกี ยวกับส งแวดล้อม ได้แก่ ฤดูกาลในการปกชํา
ิ
ั
์
ี
จากการทดลองพบว่าฤดูหนาวจะให้เปอรเซนต์การออกรากดกว่าฤดูกาล
็
ื
อนๆ การใช้สารเร่งราก เช่น ใช้ IBA และ NAA (Naphthalene acetic
acid) จะช่วยเร่งการออกรากเรวข ึนและมรากมากข น อุณหภูมและ
ี
ิ
ึ
็
ื
ี
ิ
ื
ความช นจะต้องมความเหมาะสม คอ อุณหภูมกลางวันประมาณ 21 – 27
18
ิ
ี
ี
ื
องศาเซลเซยส และอุณหภูมกลางคนประมาณ 15 องศาเซลเซยส
์
ิ
โดยปกตกิ งชําควรได้รับแสงสว่างประมาณ 30 – 50 เปอรเซนต์ และ
็
ั
ึ
ึ
ี
ิ
ั
ี
ื
อกปจจัยหนงที ควรคํานงถึงคอวัสดุทใช้ในการปกชํา ปกตจะต้องใช้วัสดุ
ี
ี
ี
ทโปร่ง ถ่ายเทอากาศด อุ้มนํ าได้มากและระบายนํ าได้ด วัสดุทใช้ทั วไป
ี
ี
ได้แก่ ทรายหยาบ และข เถ้าแกลบ
ี
ั
ิ
ภาพท 4 การปกชําสนคารเบีย
การเสยบยอดหรอตอยอด (grafting) เปนการนําเอา
็
่
ื
ี
ิ
ุ
ิ
์
ยอดจากต้นแม่พันธ (scion) มาเสยบกับต้นตอ (stock) เปนวธทนยม
ี
็
ี
ี
ี
์
ุ
ั
์
ุ
ุ
ึ
ทํากันในโครงการปรบปรงพันธไม้สน ซงการขยายพันธแบบน ได้รบ
ั
์
็
ผลสําเรจ 70 – 80 เปอรเซนต์ แต่ปรากฏว่ามข้อเสยตรงทเกิดภาวะ
ี
ี
ี
็
เน อเยื อไม่ประสานกัน (Incompatibility) ซงจะแสดงอาการให้เหน
็
ึ
ื
19
ี
ในเวลาต่อมา และทําให้ต้นไม้อ่อนแอมโรคและแมลงเข้าทําลายได้ง่าย
ี
ื
ั
ั
ิ
ี
ี
สําหรบปจจัยที มผลต่อการเสยบยอดหรอเปลยนยอดของไม้สนคารเบย
ี
สามารถแบ่งได้ดังน ี
1. ขนาดของกิ งพันธุ์ (scion) และต้นตอ (stock) ควรใช้
ขนาดทเท่าๆ กัน
ี
ี
ี
2. ระยะเวลาในการเปลยนยอด ช่วงทเหมาะสมคอ
ื
ช่วงเดอนเมษายน – พฤษภาคม และช่วงเดอนตุลาคม – พฤศจกายน
ื
ื
ิ
แต่อย่างไรก็ตามความสําเรจก็ข นอยู่กับความชํานาญของบุคลากร และ
็
ึ
ื
ื
ื
เครองมอจะต้องสะอาดปราศจากเช อโรค
ภาพท 5 การต่อยอดสนคารเบีย
ิ
ี
20
์
ั
ุ
สําหรบการขยายพันธโดยใช้ช นส่วนเล็กๆในสภาพ
ิ
ื
ปลอดเช อ (micropropagation) นั น ได้ถูกนํามาใช้ในพชเกษตรอย่าง
ื
ุ
่
ิ
แพร่หลายและใช้ในการขยายพันธไม้ปาหลายชนดทประสบผลสําเรจ
ี
์
็
ั
แต่สําหรบไม้สนคารเบียนั นปจจบันในประเทศไทยยังไม่มขยายพันธ ุ ์
ั
ุ
ี
ิ
ี
แบบน
้
่
การปลูกสรางสวนปา
ิ
ี
ื
ี
เนองจากสนคารเบยมการกระจายพันธตามธรรมชาตอยู่
ิ
์
ุ
ิ
็
เปนบรเวณกว้างขวาง สามารถขึ นได้ในสภาพภูมประเทศและสภาพดน
ิ
ิ
ั
ี
ี
ฟาอากาศทแตกต่างกัน สามารถข นได้ตั งแต่พ นทราบตดชายฝ งทะเลที ม ี
ิ
ึ
้
ื
ี
ู
ความสงเท่ากับระดับนํ าทะเลจนถึง 1,000 เมตรของพื นที ภายในทวปท ี
็
ิ
ึ
เปนภูเขา ปรมาณนํ าฝนเฉลยปละ 660 – 3,500 มลลิเมตร เปนหนงในไม้
ี
็
ิ
ี
ี
สนไม่กี ชนดทมความโดดเด่นในเรองรปทรงและการเจรญเตบโต และม ี
ิ
ี
ื
ิ
ู
ิ
ความเหมาะสมสําหรบเปนวัตถุดบในอุตสาหกรรมผลิตเยื อและกระดาษ
ั
็
ิ
ี
ิ
ึ
ตลอดจนใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสราง จากการนําสนคารเบยซงเปน
็
้
ี
ิ
ไม้ต่างถ นเข้ามาทดลองปลูกในประเทศไทยคร ังแรกในป 2507 พบว่า
ี
ี
ื
ิ
สามารถเจรญเตบโตและปรบตัวได้ดทั งในพื นทระดับสงคอทจังหวัด
ั
ี
ิ
ู
เชยงใหม่ซงสงจากระดับนํ าทะเลประมาณ 800 – 1,100 เมตร ปรมาณ
ี
ึ
ู
ิ
ิ
ิ
ื
นํ าฝน 1,100 – 1,400 มลลเมตร และในพื นที ระดับตําคอทจังหวัดชุมพร
ี
21
ู
ี
ิ
ซงสงจากระดับนํ าทะเลประมาณ 60 เมตร มปรมาณนํ าฝน 1,500
ึ
ี
ิ
ื
มลลิเมตร และได้มการนําไปทดลองปลูกทางภาคตะวันออกเฉยงเหนอที
ี
ุ
์
ี
ิ
ึ
ู
จังหวัดสรนทรและศรษะเกษ ซงสงจากระดับนํ าทะเล 130 – 170 เมตร
ิ
ิ
มปรมาณนํ าฝน ประมาณ 1,300 มลลิเมตร การเจรญเตบโตก็อยู่ในเกณฑ์
ี
ิ
ิ
ื
ิ
ี
ิ
ิ
ด ในการปลูกเพื อการพาณชย์นั นจะต้องคัดเลอกวาไรต และถ นกําเนด
ี
ี
ทเหมาะสม
้
่
หลักการพิจารณาในการปลูกสรางสวนปาไมสนคารเบีย
ิ
้
โดยทั วไปการปลูกสรางสวนปาไม้สนคารเบียนั น จะต้อง
ิ
้
่
ิ
ึ
พจารณาถงส่วนประกอบต่างๆ ซงสามารถแบ่งได้ดังน ี
ึ
ื
้
1. วัตถุประสงค์หรอเปาหมายในการปลูกจะต้อง
ุ
ื
์
ั
เด่นชัดว่าประโยชนสดท้ายใช้ทําอะไร เช่น เพอการอนรกษ์ หรอปลูก
ื
ุ
ี
ิ
ิ
ึ
้
เพื อการพาณชย์ ซงการปลูกเชงการค้านั นต้องมเปาหมายที แน่นอน เช่น
ั
ุ
เพอทําท่อนซงสําหรบไม้แปรรป ทําเยื อกระดาษ ทําไฟเบอรบอรด
ื
ู
์
์
ทําแผ่นใยไม้อัด เพื อเจาะเอายาง หรอหลายอย่างผสมผสานกัน เพอให้
ื
ื
ู
์
ุ
ื
้
ู
ได้ผลประโยชนสงสด เมอเตรยมข้อมลพรอมจะทําให้การวางแผน
ี
ิ
ดําเนนการง่ายข น
ึ
ึ
็
ี
้
2. การเลอกพ ืนทเปาหมายทจะปลูกซงเปน
ื
ี
ี
ึ
ขั นตอนสําคัญอกขั นตอนหนงเพราะไม้สนคารเบยสามารถข นได้ใน
ึ
ิ
ี
22
ู
ิ
ี
ี
ื
หลายสภาพพ นที ทมภูมอากาศแตกต่างกันอย่างมาก ตั งแต่ความสงจาก
ึ
ระดับนํ าทะเล 0 ถง 1,000 เมตร ปรมาณนํ าฝนตั งแต่ 650 – 3,500
ิ
ิ
ี
ิ
็
ื
ึ
ิ
มลลเมตรต่อป หรออาจจะถง 4,000 มลลเมตรต่อป ความเปนกรดด่าง
ิ
ี
ิ
ื
ของดน 5.5 – 8 เปนต้น แต่ไม่สามารถข นได้ในสภาพพ นที ทนํ าท่วมขัง
ึ
ี
็
ี
ิ
ื
ี
นานๆ ถงแม้ว่าสนคารเบยสามารถนําไปปลูกได้ในพ นทหลากหลาย
ึ
ึ
ิ
่
แต่ก็ควรคํานงถงการดําเนนการปลูก การดูแลจัดการสวนปา
ึ
ื
การคมนาคม แหล่งแรงงาน แหล่งรบซ อคอควรอยู่ใกล้โรงงานเพอ
ื
ั
ื
ลดต้นทุนในการขนส่ง
ี
ิ
ี
ิ
3. การคัดเลือกวาไรต และถ นกําเนดทเหมาะสม
ิ
ดังได้กล่าวมาแล้วว่า สนคารเบยสามารถข นได้ในหลายสภาพพ นท ี
ึ
ี
ื
ี
ึ
็
ั
ฉะนั นการคัดเลือกวาไรต และถิ นกําเนดจงมความจําเปนอย่างยิ งสําหรบ
ิ
ี
ี
ิ
ิ
ื
การคัดเลือกถ นกําเนดเพื อให้เหมาะสมกับพ นที ได้มการแบ่งโซนและ
ิ
ถ นกําเนดสําหรบการปลูกสนคารเบียไว้ดังตารางที 1 คอ
ิ
ั
ิ
ื
23
ิ
ิ
ี
ี
ั
่
ตารางท 1 การแบงโซนและถิ นกําเนดสําหรบการปลูกสนคารเบย
ี
ี
โซน พื นทระดับตํา พื นทระดับปานกลาง พื นทระดับสง
ี
ู
0 – 150 เมตร 150 – 700 เมตร 700 – 1,200 เมตร
1
ิ
ิ
ถ นกําเนด Coastal /Lowland Coastal*/Lowland Inland** Inland**
่
่
การรอดตาย คอนข้างด ี คอนข้างด ี คอนข้างด ี คอนข้างด ี
่
่
่
ผลผลิต ด ี ด ี คอนข้างด ี คอนข้างด ี
่
ิ
อัตราการเพ มพูน 1.92 1.92 1.92 1.2
ลบ.ม. /ไร/ป ี
่
่
่
่
่
ุ
คณภาพของไม้ คอนข้างด ี คอนข้างด ี คอนข้างด ี คอนข้างด ี
ปรมาณ Resin ปานกลาง ปานกลาง ปานกลาง ปานกลาง
ิ
่
่
่
การทําเยื อกระดาษ คอนข้างด ี คอนข้างด ี คอนข้างด ี คอนข้างด ี
่
ที มา : Granhof (1978)
ิ
* ถิ นกําเนด Coastal ได้แก Kuakuil, Nicaragua; Karawala, Nicaragua;
่
Alamicamba, Nicaragua; Rio Coco, Nicaragua; Brus, Honduras; Guanaja,
Honduras; Santos, Belize; Andros, Bahamas Islands; Flores Cruz, Cuba; Baren,
็
Cuba; Byfield, Australia เปนต้น
** ถิ นกําเนด Inland ได้แก Poptun, Guatemala; Limones, Honduras; Culmi,
ิ
่
็
Honduras; Potosi, Honduras; Santa Clara, Nicaragua เปนต้น
24
ู
ื
ื
ื
4. การสํารวจข้อมลเบ องต้น เมอทราบพ นท ี
ื
้
ี
เปาหมายทจะทําการปลูกแล้ว ก็ทําการสํารวจข้อมูลเบ องต้นเกี ยวกับ
ู
1) ข้อมลเกี ยวกับพ นที เช่น การคมนาคม
ื
็
ิ
็
ื
ี
ู
ื
ลักษณะภูมประเทศ ความสงจากระดับนํ าทะเล พ นที เปนทราบหรอเปน
ี
ิ
ึ
ิ
ภูเขา ความลาดชัน ซงจะมผลต่อการปฏบัตงาน สภาพภูมอากาศ เช่น
ิ
ปรมาณนํ าฝน อุณหภูม จํานวนเดอนทแห้งแล้ง นํ า และแหล่งนํ า
ิ
ื
ี
ิ
2) ด้านเศรษฐกิจและสังคม ข้อมูลเกี ยวกับ
ประชากรในพ นท การสอสาร อุปนสัยของประชากรในพ นทนั น
ิ
ื
ื
ี
ี
ื
เมอได้ข้อมลรายละเอียดต่างๆ มาแล้วก็ทําการวางแผน
ู
ื
ิ
ี
ี
ั
การดําเนนงานและแนวทางในการแก้ไขกรณทเกิดปญหาข น หลบเลี ยง
ึ
ี
ี
ุ
ั
ปญหาทจะเกิดข นหรอให้มความเสยงน้อยทสด การวางแผนต่างๆ ข นอยู่
ึ
ี
ื
ี
ึ
ี
ู
กับข้อมลเบ องต้น ฉะนั นข้อมลเบื องต้นควรมความแม่นยํา การสราง
้
ื
ู
ู
ู
แบบจําลองจากข้อมลเบ องต้นรวมกับข้อมลเกี ยวกับไม้สนคารเบย
ิ
ี
ื
ิ
ิ
ี
ี
ก็สามารถทจะประเมนออกมาได้ว่ามค่าใช้จ่ายเท่าใด ผลผลตต่อไร่
ั
ได้เท่าใด สมควรตัดฟนนําออกมาใช้ประโยชนในระยะเวลาไหน เช่น
์
ช่วง 7 – 10 ป และ 17 – 18 ป ทําการตัดสางขยายระยะนําไม้มาทําเยื อ
ี
ี
ี
ั
ุ
ึ
็
ี
ื
ั
กระดาษหรอไม้ซงขนาดเล็ก สําหรบการใช้รอบตัดฟนท 25 ป ซงเปน
แบบผสมผสานกัน รปแบบของการดําเนนการนั น ต้องระบุถงการแบ่ง
ู
ิ
ึ
ขนาดของแปลงปลูกแต่ละป การดําเนนการในพื นที ปลูก การปลูกและ
ิ
ี
25
ึ
ี
ี
ั
ดูแลรกษา ซงทุกขั นตอนจะต้องมค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ดความสามารถและ
ึ
ิ
ั
สมรรถภาพของบุคลากรที จะเข้ามาดําเนนการก็เปนปจจัยหนงทไม่ควร
ี
็
มองข้าม
การเตรยมกลาไม (Seedling preparation)
้
้
ี
ซงเปนขั นตอนทสําคัญไม่ด้อยไปกว่าขั นตอนอื นๆ การ
ี
็
ึ
เตรยมกล้าไม้ดให้มความแข็งแรงปราศจากโรคต่างๆ ก็เหมอนกับการ
ี
ื
ี
ี
ึ
็
ี
ี
ประสบผลสําเรจไปส่วนหนง ซงการเตรยมกล้าไม้มรายละเอยดพอ
ี
ึ
สรปได้ดังน ี
ุ
1. การเพาะเมล็ด (Seed sowing) เมอจัดหาเมล็ด
ื
ิ
ี
ี
ตามวาไรต และแหล่งกําเนดทต้องการได้แล้วควรทําการเพาะเมล็ด
ื
ี
ื
ในเดอนพฤศจกายน – เดอนธันวาคม (ขนาดกล้าทเหมาะสมก่อนนําไป
ิ
ิ
ี
ิ
ปลูกควรจะมอายุได้ 6 – 7 เดอน) โดยใช้หน้าดน (top soil) บรเวณปาสน
่
ื
ิ
ิ
มความลก 10 – 15 เซนตเมตร เหตุทใช้ดนบรเวณปาสน เนองจากไม้
ื
ี
่
ี
ิ
ึ
ในตระกูลสนเขาจะเจรญเตบโตได้ดและมความแข็งแรง จะต้องมเช อ
ื
ี
ิ
ี
ี
ิ
์
ไมคอรไรซ่า (Mycorrhiza) ซงเกาะอยู่ตามรากเปนตัวช่วยเพิ มพื นที ของ
ึ
็
ิ
ิ
รากและเพ มอัตราการดูดซับธาตุอาหารในดน นอกจากน ยังช่วยยืดอายุ
ี
ของราก สําหรบในพ นทห่างไกลจากปาสนเขา ซงมความยากลําบากในการ
ึ
ั
่
ื
ี
ี
์
ี
ิ
ิ
ี
ื
ี
นําดนมาเพาะและเสยค่าใช้จ่ายมาก อาจจะนําดนทมเช อไมคอรไรซ่า
26
ิ
บางส่วนมาผสมกับดนทั วไปประมาณ 5 % ก็สามารถใช้ได้แล้ว ส่วน
ี
ิ
ื
ิ
่
ี
ี
์
แหล่งทอยู่ไกลจากปาสนมาก ก็มวธการเพ มเช อไมคอรไรซ่าให้แก่
็
ิ
ื
็
กล้าไม้โดยนําเหดก้อนกรวดหรอเหดดนแดงหรอเหดขลําหมา
ื
็
(Pisolithus tinctorius (Pers.) Coker & Couch) ทแก่มาผึงให้แห้งและบด
ี
ื
ิ
ี
ให้ละเอียดนําไปผสมกับดนททําการเพาะโดยตรง หรออาจจะผสมกับ
นํ าแล้วรดแปลงเพาะได้เลย ในการเพาะเมล็ดนั นอาจจะเพาะในกระบะ
ึ
ื
เพาะหรอแปลงเพาะเมล็ดซงแปลงเพาะขนาด 1 x 4 เมตร จะเพาะเมล็ด
ี
ั
ิ
สนคารเบยได้ประมาณ 200 กรม จํานวนกล้าทได้ 6,400 – 7,400 กล้า
ี
การหว่านนั นอาจจะหว่านกระจายทั งแปลง โดยให้มระยะสมําเสมอ
ี
ระวังอย่าให้เมล็ดซ้อนกัน แล้วใช้ไม้กดทับเมล็ดให้ฝงลงไปในดนโดย
ั
ิ
ิ
ี
ุ
ให้ส่วนบนสดของเมล็ดเสมอกับผิวดน หลังจากนั นใช้ทรายละเอยด
็
โรยทับหนาประมาณ 3 มลลิเมตร ซงทรายจะเปนตัวช่วยให้นํ าซมลงดน
ึ
ิ
ิ
ึ
ี
ั
ได้สะดวก ทําการบันทกรายละเอยด วันเดอนปทเพาะ ถ นกําเนด สําหรบ
ิ
ิ
ี
ึ
ี
ื
็
ื
ี
ั
การให้นํ าให้ใช้บัวรดนํ าทฝกบัวเปนฝอยละเอียด ทําการพ่นยาฆ่าเช อรา
้
ู
ยาฆ่าแมลง และนําตะแกรงมาครอบปองกันหน และสัตว์เล็กต่างๆ มาคุ้ย
ิ
กินเมล็ด หลังจากการเพาะ 7 – 10 วัน เมล็ดก็จะเร มงอกออกมา ช่วงน ี
การรดนํ าก็ต้องระวังไม่ให้แฉะเกินไปเพราะจะทําให้เกิดโรครากเน่า
ึ
ิ
คอดน (damping off) ซงเกิดจากเช อ Fusarium
ื
27
2. การย้ายชํานั นจะสามารถย้ายกล้าลงไปชําในถุง
ี
ึ
ิ
ิ
ี
เพาะชําขนาด 4 x 6 ซงการเตรยมดนก็เช่นเดยวกับดนที ใช้เพาะเมล็ด
//
//
ิ
ื
แต่อาจจะหยาบกว่า การย้ายชํากล้าจะเร มเมอกล้าอายุได้ประมาณ
ึ
2 อาทตย์ ซงยังมเปลอกเมล็ดตดอยู่ทปลายยอด กล้าจะมความสง
ื
ิ
ี
ู
ี
ี
ิ
ี
ประมาณ 4 – 6 เซนตเมตร กล้าไม้ทถอนขึ นมาจากแปลงเพาะ (seed bed)
ิ
ิ
ี
ุ
ควรจะพักไว้ในถังพลาสตกที มนํ าบรรจอยู่เล็กน้อยขนาดพอท่วมต้นกล้า
ั
ทใส่ลงไป การถอนกล้าไปชํานั นสําหรบคนงาน 1 คน ไม่ควรเกิน 300
ี
ิ
ื
็
กล้าต่อคร ัง เมอชําเสรจค่อยกลับไปถอนใหม่ เพื อไม่ให้กล้าท งอยู่นาน
ื
ิ
ึ
ื
เกินไป วธการชํานั นโดยการใช้มอข้างหนงจับลําต้นหรอส่วนของใบ
ี
ู
ี
เลี ยงของต้นกล้าสอดใส่ส่วนรากลงไปในรทแทงไว้แล้วในถุงชํา แล้วใช้
ึ
มออกข้างกดดนให้แน่นเพอมให้เกิดช่องว่างมนํ าขังซงอาจจะทําให้เกิด
ี
ี
ิ
ิ
ื
ื
ิ
ื
รากเน่าได้และเพอมให้รากพับหรอบดงอ (root distortion) ถ้ากล้าไม้
ิ
ื
ี
มรากยาวไม่สะดวกต่อการชําก็เด็ดรากออกเสยบ้าง หลังการชําแล้ว
ี
ประมาณ 10 วัน ก็จะทราบว่ากล้าทชํานั นรอดตายหรอไม่ ทําการแยก
ี
ื
ี
ถุงตายออกมาเรยงไว้ในแปลงใหม่ ถอนต้นทตายออกแล้วเตมดนให้เต็ม
ิ
ิ
ี
ถุงชําเหมอนเดมเพื อทําการย้ายชําใหม่
ิ
ื
3. การให้นํ าและให้ร่ม หลังจากการย้ายชําในช่วง
ิ
ื
ื
เดอนแรกจะต้องให้ร่มประมาณ 70 % เมอกล้าแข็งแรงก็ให้แสงเพ ม
์
ึ
มากข น การให้นํ านั น ในช่วง 5 สัปดาหแรกจะต้องให้นํ าวันละ 2 คร ัง
28
ี
ื
ื
ในตอนเช้าและเย็นเพอให้ถุงชํามความช นอยู่เสมอจะทําให้กล้าไม้ตั งตัว
ึ
ื
็
ื
ได้เรวข น หลังจากนั นก็ให้นํ าวันละคร ังหรอวันเว้นวันขึ นกับความช น
ในอากาศ
้
4. การโรยทรายหน้าถุงชํา เพอปองกันมให้
ื
ิ
หน้าดนจับกันแน่น (soil compaction) หรอเกิดตะไคร่นํ าหน้าผิวดน และ
ื
ิ
ิ
ื
ิ
ี
เหตุผลอกอย่างคือเมอรดนํ าไปแล้วดนในถุงชําจะยุบตัวทําให้ขอบปาก
ั
ี
ถุงพับลงมาหาโคนต้นกล้า ทําให้กล้าไม้ได้รบนํ าน้อยลงในขณะทรดนํ า
ิ
ื
นอกจากน ยังทําให้สะดวกในการถอนวัชพช ปกตจะทําการโรยทราย
ี
ึ
ประมาณ 1 เดอน หลังจากย้ายชํากล้า ซงคนงาน 1 คน จะทําการโรยทราย
ื
้
หน้าถุงต้นกล้า และแยกต้นตายออกพรอมกับตบแต่งขอบปากถุงชํา
ได้ประมาณวันละ 3,500 ถุง
้
ื
5. การกําจัดวัชพชในถุงชําเปนการปองกันมให้
็
ิ
ื
วัชพชมาแย่งอาหารและเบียดบังต้นกล้า ควรทําการถอนวัชพชอย่างน้อย
ื
็
ื
ื
ิ
อาทตย์ละคร ังในเดอนแรก หลังจากนั นให้ทําเดอนละคร ังก็เปนการ
็
เพียงพอ การถอนวัชพชจะทําหลังจากรดนํ าเสรจเพราะจะถอนได้ง่าย
ื
ื
ื
เนองจากดนยังช นอยู่
ิ
ี
6. การตัดราก (root pruning) มความสําคัญมาก
ขั นตอนหนง เนองจากเมอกล้าไม้โตข นจะมรากบางส่วนไชชอนออกมา
ื
ื
ี
ึ
ึ
ื
ี
ู
ตามรของถุงชําทเจาะไว้เพอระบายนํ า ถ้าปล่อยไว้นานรากก็จะหยั ง
29
ั
ิ
ลงดนลึกทําให้เวลานํากล้าไม้ไปปลูกจะได้รบความกระทบกระเทือน
ั
ี
ื
และเหยวเฉาตั งตัวได้ช้าหรออาจตายได้ การตัดรากสําหรบสนคารเบีย
ิ
จะทําหลังจากย้ายชําประมาณ 2½ เดอน โดยการจับกึ งกลางถุงแล้ว
ื
ื
ื
เลอนถุงแนบกับพ นก็จะทําให้รากขาดได้แล้ว การตัดรากนั นทํา
ื
ุ
อย่างน้อย 2 เดอนต่อ 1 คร ัง และคร ังสดท้ายควรทําก่อนนํากล้าไม้
ื
ื
ไปปลูก 1 เดอน เมอทําการตัดรากแล้วควรรดนํ าทันทีเพื อช่วยให้กล้าไม้
ฟนตัวเรว
็
ื
7. การจัดแยกชั นความสง (height grading) กล้าไม้
ู
ี
ิ
ู
ี
ิ
ในแปลงชําแต่ละต้น มการเจรญเตบโตไม่เท่ากันมตําบ้างสงบ้าง เพื อให้
ู
ต้นไม้ได้รบแสงอย่างสมําเสมอกันทุกต้นจงทําการจัดแยกชั นความสง
ั
ึ
ี
โดยนํากล้าไม้ททําการตัดรากแล้วมาเรยงตั งแต่ขนาดสงสดไปหาขนาด
ี
ู
ุ
ิ
ุ
ั
ตําสด นอกจากจะเปดโอกาสให้กล้าไม้ได้รบแสงสมําเสมอกันแล้ว
ึ
ี
ี
ยังสะดวกต่อการคัดเลอกกล้าทมขนาดเดยวกันนําไปปลูกง่ายยิ งข น
ื
ี
ู
คนงาน 1 คน จะทําการตัดรากและแยกชั นความสงได้ประมาณ วันละ
4,500 กล้า
็
8. การคัดแยกกล้าไม้ (culling) เปนการคัดกล้าท ี
เปนโรคหรอที มลักษณะผิดปกตออกจากแปลงแล้วนําไปทําลายเพอมให้
ื
ิ
็
ื
ิ
ี
้
เกิดการระบาดไปยังต้นกล้าอนๆ ซงจะทําพรอมกับการตัดรากและ
ื
ึ
แยกชั นความสง
ู
30
9. การทําให้กล้าไม้แกร่ง (seedling hardening)
็
็
ิ
ี
เปนส งจําเปนก่อนทจะนํากล้าไม้ไปปลูก เปนการให้กล้าไม้ปรบตัวเข้ากับ
ั
็
สภาพแวดล้อมที แปรปรวนและแตกต่างจากแปลงเพาะ โดยจะทําก่อน
ึ
ิ
ี
ี
ี
ื
ิ
นํากล้าไม้ไปปลูกประมาณ 1 เดอน วธทใช้ทั วไปมการให้แสงเพ มข น
ลดการให้นํ าให้ปุย และการขยายระยะห่างระหว่างต้นเพอให้มสภาพ
ื
๋
ี
เช่นเดยวกับแปลงปลูก
ี
ี
การเตรยมกล้าไม้อกวธหนงคอการหยอดเมล็ดลงใน
ิ
ี
ึ
ื
ี
ี
์
็
ิ
ี
ึ
ถุงชําโดยตรง ซงวธน ีเมล็ดจะต้องมคุณภาพด เปอรเซนต์การงอกสง
ี
ู
ี
ิ
ในการหยอดนั นจะหยอดถุงละ 2 เมล็ดบรเวณกึ งกลางถุงทรดนํ าเปยกชุ่ม
ี
ิ
ี
ี
แล้ว การเตรยมถุงชําและขั นตอนต่างๆ ก็ปฏบัตเช่นเดยวกันกับวธแรก
ิ
ี
ิ
ภาพท 6 กล้าสนคารเบียในแปลงเพาะชํา
ี
ิ
31
ขั นตอนการดูแลกล้าไม้นอกจากที กล่าวมาแล้วก็อาจจะม ี
ิ
๋
ู
การพ่นยากันเช อราและแมลง และการให้ปุย ปกตใช้ปุยสตร 15-15-15 ใส่
๋
ื
ื
ื
ื
2 คร ัง เมอกล้าไม้อายุประมาณ 1 ½ เดอน และ 3 ½ เดอนหลังจาก ย้ายชํา
ู
็
ู
โดยใช้ไม้ปลายแหลมเล็กๆ เจาะเปนร 3 รรอบถุง แต่อย่าให้ใกล้ต้นกล้า
ี
เกินไปจะต้องเจาะชดมาทางขอบถุง แต่ละรใส่ปุยจํานวน 1 เม็ด ก็เพยงพอ
๋
ู
ิ
ู
้
ึ
ึ
๋
ี
แล้วกลบรให้เรยบรอยซงถุงหนงจะใช้ปุยจํานวน 3 เม็ดใน คร ังแรก
ิ
๋
สําหรบคร ังที สองจํานวนปุยที ใส่ให้พจารณาจากสภาพของต้นไม้ ถ้าใช้
ั
ิ
ิ
ี
่
หน้าดนจากปาสนเขาธรรมชาตมาใส่ถุงเตรยมกล้าไม้นั น แร่ธาตุในดน
ิ
ื
ี
จะมพอเพยงจนกระทั งกล้าไม้อายุประมาณ 6 เดอน อย่างไรก็ตามก็ควรจะ
ี
สังเกตดูว่ากล้าไม้แสดงอาการขาดธาตุอาหารหรอไม่ ซงอาจจะนําดนไป
ื
ิ
ึ
ี
ตรวจสอบว่าขาดธาตุอาหารอะไรบ้างทจําเปนสําหรบกล้าไม้แล้วค่อย
ั
็
๋
ให้ปุย
ี
ื
การเตรยมพ นที (Site preparation)
ื
ี
ึ
ี
ี
ี
็
การเตรยมพ นทปลูกก็เปนขั นตอนทสําคัญอกขั นตอนหนง
็
ี
ื
ี
ถ้ามการเตรยมพ นทด การดําเนนการปลูกก็จะสะดวกรวดเรวทําให้
ิ
ี
ี
็
ประหยัดค่าใช้จ่ายในการดําเนนงานทางด้านน เพราะเหตุว่าไม้สนเปนไม้ท ี
ิ
ี
ึ
ี
ต้องการแสงมาก ไม่ชอบข นตามร่มเงาไม้อน ฉะนั นการเตรยมพ นทก็ต้อง
ี
ื
ื
ื
ทําการถางวัชพชออกให้หมด ถ้ามไม้ใหญ่อยู่บ้างก็ทําการโค่นล้มโดยตัด
ี
32
ิ
ื
ิ
ให้ตอชดดนเพื อความสะดวกในการที จะใช้เครองจักรเข้าไปทํางาน เช่น
ี
ื
ี
็
ื
การไถพรวน หรอ การขนส่งกล้าไม้ เปนต้น การเตรยมพ นทโดยการถาง
วัชพชออกให้หมดและทําการเก็บรบสมเผาจนพื นทโล่งเตยนก็สามารถ
ื
ี
ี
ิ
ุ
ี
ิ
ปลูกไม้สนคารเบยได้ แต่การเจรญเตบโตจะช้ากว่าการเตรยมพ นทแบบ
ิ
ี
ี
ิ
ื
ไถพรวน
ิ
ิ
ิ
ื
ฉะนั นการปลูกสนคารเบียในเชงพาณชย์ควรเลือกพ นท ี
ี
ู
ี
ี
ค่อนข้างราบไม่ควรมความลาดชันสง เปนพ นททสามารถนําเครองไม้
ื
็
ื
ั
ี
ึ
ึ
ื
ื
เครองมอเข้ามาทํางานได้สะดวก ซงปจจัยตัวน จะส่งผลไปถงค่าใช้จ่าย
ั
้
ั
ในการดูแลรกษาปองกันไฟ การจัดการ ตลอดจนการตัดฟนและชักลากไม้
ี
ื
ิ
็
ออกจากแปลงเพอให้ได้ผลสําเรจและต้นไม้มการเจรญเตบโตด การเตรยม
ี
ี
ิ
ื
พ นทก็ควรจะทําการไถพรวนด้วย
ี
ื
ั
สําหรบการแบ่งแปลงปลูก (Compartment) นั นเพอความ
สะดวกในการปฏบัตงาน การตรวจการ การดูแลรกษาและปองกันไฟ
ิ
ั
ิ
้
ควรแบ่งพื นทปลูกทั งหมดออกเปนแปลงย่อย แต่ละแปลงไม่ควรใหญ่กว่า
็
ี
ื
ี
ื
500 x 500 เมตร หรอ 156.25 ไร่ (รวมพ นทถนนและแนวกันไฟ) ถ้าหากว่า
ี
แปลงใหญ่กว่าน การขนส่งกล้าไม้ ตลอดจนการตรวจการดูแลรกษาจะทํา
ั
ได้ยาก ถ้าแปลงเล็กเกินไปก็จะเปนการใช้พ นทเปนถนน และแนวกันไฟ
็
็
ี
ื
ื
เปนส่วนใหญ่ซงทําให้เสยพ นท ในการเตรยมพ นทนั นสําหรบพ นทราบ
ี
ี
ี
ี
ื
ี
ั
็
ื
ึ
ี
ี
ี
็
อาจจะวางแปลงแบบสเหลี ยมเปนตารางหมากรกได้ แต่สําหรบพ นททม ี
ั
ื
ุ
33
ี
ี
ความลาดชัน มสันเขา มห้วย การวางแปลงปลูกก็วางไปตามสภาพ
ื
ิ
ภูมประเทศ แต่พ นทรวมกันแล้วก็ไม่ควรเกิน 156.25 ไร่ การทําถนน
ี
ึ
ี
ี
ื
้
และแนวกันไฟอาจจะทําไปพรอมๆ กับการเตรยมพ นท ซงจะใช้เปนทาง
็
็
ขนส่งกล้าไม้ เปนทางตรวจการและเปนทางชักลากไม้ตอนตัดสาง
็
ขยายระยะและชักลากไม้เมอถึงรอบอายุตัดฟน
ื
ั
ี
ี
การเตรยมพ นที อย่างพถพถันนั นใน 1 – 2 ปแรกอาจจะ
ิ
ี
ิ
ื
ทําการปลูกพชเกษตรควบ (Agroforestry) กับไม้สนคารเบียก็ได้ซงปกต
ิ
ึ
ื
ิ
ึ
ิ
ี
ิ
ไม้สนคารเบียสามารถข นได้ในดนที มความอุดมสมบูรณตํา แต่ถ้าปลูก
์
ิ
ื
ี
พชเกษตรมการใส่ปุยเพ มธาตุอาหารลงไปในดนก็จะมธาตุอาหารบางส่วน
๋
ิ
ี
์
ิ
ึ
ซมซับลงไปในดนและเปนประโยชนต่อไม้สนคารเบียด้วย แต่ควร
ิ
็
ี
ี
ิ
ิ
๋
ื
ั
ระมัดระวังเพราะวัชพชก็ได้รบปุยและมการเจรญเตบโตดเช่นกัน
ี
ี
ิ
ระยะปลูกทเหมาะสมในการปลูกไม้สนคารเบยเชงพาณชย์
ิ
ิ
์
ควรจะใช้ระยะปลูก 3 x 3 เมตร เพราะต้องใช้รถแทรกเตอรเข้าไป
ี
ื
ื
ื
ิ
ดําเนนการในพ นท เช่น การกําจัดวัชพช เน อท 1 ไร่ จะใช้กล้าไม้ปลูก
ี
ประมาณ 177 ต้น ถ้าระยะปลูกกว้างมากกว่าน ก็อาจจะทําให้ต้นไม้มการ
ี
ี
ื
เจรญเตบโตทางความสงน้อย กิ งก้านใหญ่ ในกรณปลูกร่วมกับพชเกษตร
ิ
ิ
ู
ี
ุ
ี
ื
อาจจะใช้ระยะปลูก 1.5 x 6 เมตร หรอถ้ามจดประสงค์ใช้ไม้ ขนาดเล็ก
ี
ุ
ึ
ก็ปลูกในระยะ 1.5 x 3 เมตร ซงระยะปลูกทโครงการปรับปรงพันธ์ไม้สน
ุ
็
ปลูกส่วนใหญ่จะเปน 3 x 3 เมตร และ 1.5 x 6 เมตร
34
ึ
ั
การปกหลักหมายจุดปลูก ซงจะวางแนวหลัก (Base line)
ี
็
ื
ก่อน ให้เปนแนวเส้นตรงครอบคลุมพ นทให้มากทสดหรอให้อยู่บรเวณ
ุ
ื
ิ
ี
ี
ื
ิ
ื
ื
กึ งกลางของพ นทโดยใช้เชอกหรอลวดสลงวางแนวหลัก 2 แนวตั งฉากกัน
็
ี
ื
แล้วทําเปนกรอบแนวปลูกสเหลยม โดยสรางกรอบไปเรอยๆ จนหมดพ นท ี
ี
้
ื
ั
แล้วดําเนนการปกหลักหมายจดปลูก การปกหลักหมายจดปลูกนั นม ี
ุ
ุ
ั
ิ
ี
ิ
ี
็
็
ิ
อุปสรรคอยู่บ้างในกรณทสภาพภูมประเทศไม่สมําเสมอ เปนสันเขาเปนเนน
การปลูก (Planting)
ุ
ั
ื
เมอทําการปกหลักหมายจดปลูกไว้แล้วก็ทําการ
ึ
ิ
ึ
ขุดหลุมปลูก ซงปกตจะใช้จอบขุดลกประมาณ 20 – 30 เซนตเมตร และ
ิ
จะต้องขุดในแนวเดยวกันตลอด เพอให้ต้นไม้ทปลูกเปนแถวเปนแนวจะได้
ี
็
็
ี
ื
ี
สะดวกในการดูแลรักษา การขุดหลุมก็ควรจะทําในวันเดยวกับวันปลูก
ื
ี
ซงในการปลูกนั นสามารถแบ่งทมงานได้เปน 3 ชุด คอ ชุดขุดหลุม
็
ึ
ุ
ชุดขนกล้าไปจดปลูก และชุดปลูก
ิ
ในการปลูกไม้สนคารเบียนั นจะเร มปลูกต้นฤดูฝนในขณะ
ิ
ทดนมความช นเพยงพอ สังเกตได้โดยขุดดนลก 20 – 30 เซนตเมตร ถ้าดนม ี
ื
ี
ิ
ี
ึ
ิ
ี
ิ
ิ
ื
ความช นอยู่ก็สามารถปลูกได้ ทําการปลูกโดยฉกถุงพลาสตกออกแล้วนําถุง
ี
ิ
ี
ุ
ื
ครอบไว้ทปลายหลัก เพอจะได้ทราบว่าจดใดบ้างทยังไม่ได้ปลูก การปลูก
ี
นั นทําการวางกล้าไม้ให้ต้นตั งตรง แล้วกลบดนให้มดโคนกล้าใช้เท้าเหยียบ
ิ
ิ
35
ื
ิ
ี
ดนรอบข้างให้แน่น ได้มการทดลองปลูกแบบเปลอยรากแช่ในนํ าและ
ชุบโคลนแต่ไม่ค่อยประสบผลสําเรจเท่ากับกล้าทเตรยมไว้ในถุงเพาะชํา
็
ี
ี
ื
เมอปลูกได้ 1 เดอน ทําการสํารวจต้นไม้ในแปลงปลูกและทําการปลูกซ่อม
ื
ั
การบํารุงดูแลรกษา (Maintenance)
็
่
ั
ุ
ี
ิ
การบํารงรกษาสวนปาไม้สนคารเบยเปนขั นตอนจําเปนมาก
็
ี
ี
ู
็
์
เพอให้ต้นไม้มเปอรเซนต์การรอดตายสง มการเจรญเตบโตด ซงมขั นตอน
ี
ึ
ี
ิ
ื
ิ
ต่างๆ ดังน ี
็
ื
ื
1. การกําจัดวัชพช วัชพชเปนตัวแก่งแย่งอาหารจาก
ื
็
ี
ิ
ี
ิ
ต้นไม้ทปลูกและมการเจรญเตบโตรวดเรว บางคร ังหลังปลูกเพยงเดอนเดยว
ี
ี
็
ี
ิ
ึ
็
ื
ี
ึ
วัชพชก็ข นมาเบยดบังต้นกล้า จงจําเปนต้องรบถางออกโดยเรว ปกตแล้วใน
ื
ี
ื
ี
ิ
ื
ี
การเตรยมพ นทแบบไถพรวนอย่างด การกําจัดวัชพชคร ังแรกจะทําเมอส น
ื
ฤดูฝนคอประมาณเดอนตุลาคม – ธันวาคม โดยใช้รถแทรกเตอรพรวน
์
ื
็
ื
ี
ระหว่างแถวและใช้คนถางวัชพชส่วนทเหลอ ถ้าเปนพื นที ราบก็ทําการ
ื
ื
ิ
ไถพรวนแบบกากะบาด การไถพรวนกลบวัชพชลงไปในดน ทําให้
เศษซากพชเน่าเปอยสลายเปนอินทรยวัตถุเพ มธาตุอาหารให้แก่ต้นไม้
ี
ื
ิ
ื
็
ี
ี
ู
ี
ื
ถ้าเปนพ นททมความลาดชันสงรถแทรกเตอร ไม่สามารถเข้าไปทํางานได้
็
์
ก็ใช้แรงงานคนทําการแผ้วถางวัชพช ซงมหลายแบบ เช่น ถางวัชพชทั งหมด
ื
ี
ื
ึ
36
ื
ตลอดพ นที การถางตามช่องระหว่างแนวปลูก และการถางรอบๆ ต้นไม้
ี
ึ
ทปลูก ซงก็เปนการลดการแก่งแย่งอาหารและแสงแดดของต้นไม้ทปลูก
็
ี
๋
ั
ิ
ี
่
ิ
การใส่ปุยสําหรบการปลูกปาในเชงพาณชย์ก็มความ
็
ื
ี
ิ
ิ
ิ
ิ
ี
จําเปน เพอช่วยให้ต้นไม้เจรญเตบโตดมความแข็งแรงและเพ มผลผลต
ั
ทําให้ลดระยะเวลาของรอบตัดฟนให้ตําลงมาได้ ส่วนใหญ่แล้วปุยท
๋
ี
็
นยมใช้กันเปนสตร 15 – 15 – 15 หรอ 16 – 16 – 16 ซงใช้ประมาณ
ิ
ื
ู
ึ
ั
ต้นละ 50 กรม หลังจากปลูกแล้วประมาณ 1 เดอน
ื
ี
้
่
2. การปองกันไฟปา มความสําคัญมากสําหรบ
ั
ี
ี
็
ิ
ื
้
ิ
การปลูกสรางสวนปา เนองจากไม้สนคารเบยมนํ ามันสนเปนเช อเพลง
ื
่
อย่างด กล้าไม้อายุน้อยๆ ทถูกไฟไหม้จะมโอกาสรอดตายน้อยมาก
ี
ี
ี
ึ
ิ
ิ
ิ
ต้นที รอดตายก็ชะงักงันการเจรญเตบโตไประยะหนง ปกตแล้วสวนปา
่
ไม้สนคารเบียอายุ ตํากว่า 3 ป ถ้าเกิดไฟไหม้มโอกาสตายเกือบ 100
ี
ิ
ี
ึ
์
ิ
็
ื
เปอรเซนต์ ทั งน ีข นอยู่กับสภาพพ นที ความหนาแน่นและปรมาณของ
ึ
ิ
ู
เช อเพลง ตลอดจนความสงและความโตของต้นไม้ ถงแม้ว่าในสวนปา
่
ื
ิ
ี
อายุมากทถูกไฟไหม้ต้นไม้จะไม่ตาย แต่ก็จะชะงักการเจรญเตบโต
ิ
ึ
ื
็
ทําให้เกิดรอยแผล ซงเปนผลให้เช อโรคและแมลงเข้าทําลายได้ง่ายข ึน
ื
ื
ิ
ี
ุ
ื
้
วธการปองกันไฟทดทสดคอการไม่ให้มเช อเพลงหรอลดเช อเพลงให้เหลอ
ี
ี
ิ
ี
ื
ื
ี
ิ
ึ
ในแปลงปลูกน้อยทสด เช่น การใช้รถแทรกเตอรไถพรวนตลอดพ นทซง
ี
์
ุ
ี
ื
ั
้
ี
เปนการกําจัดวัชพชไปด้วย และเปนการปองกันไฟทได้ผลแน่นอน สําหรบ
ื
็
็
37
ื
ิ
ี
ี
ิ
ในแปลงปลูกทต้นไม้โตแล้วก็สามารถลดเช อเพลงให้น้อยลงโดยวธการเผา
ึ
็
ี
ี
แบบมการควบคุม ซงเปนการลดค่าใช้จ่ายและได้ผลด การเผาแบบควบคุม
ี
ิ
ื
ื
ื
ี
ื
นั นจะทําในช่วงทมความช นไม่มากหรอน้อยเกินไป กล่าวคอเช อเพลง
ุ
ิ
สามารถตดไฟได้แต่เปลวไฟไม่รนแรง ปกตจะทําการเผาในเวลา
ิ
19.00 – 22.00 นาฬกา แต่ในการเผานั นเปนการทําลายเศษไม้ ใบไม้
ิ
็
ื
ื
และวัชพชให้เหลอเพยงข เถ้าแทนทจะสลายตัวเปนธาตุอาหารแก่ต้นไม้
ี
ี
็
ี
ี
ิ
ี
ื
ึ
้
ี
ั
ี
ทปลูก ถ้าหลกเลยงได้ ก็ควรใช้วธอน อกประการหนงสําหรบการปลูกสราง
ี
ี
ี
ื
ิ
ิ
่
สวนปาไม้สนคารเบียทขาดเสยมได้ก็คอแนวกันไฟ เพื อกันมให้ไฟ
ิ
ิ
จากนอกแปลงลุกลามเข้ามา ในแปลงปลูก ปกตแล้วการทําแนวกันไฟ
ี
มความกว้าง 6 – 8 เมตร ก็เปนการเพียงพอและก็ใช้แนวกันไฟน
ี
็
็
เปนทางตรวจการไปในตัวด้วย
3. การปองกันอันตรายจากสัตว์ ถ้าแปลงปลูก
้
อยู่ใกล้ชุมชน ปญหาสัตว์เลี ยง เช่น วัว ควาย แพะ แกะ อาจจะทํา
ั
ึ
ี
ิ
ี
็
ี
ี
ความเสยหายแก่ไม้สนคารเบยทมอายุตํากว่า 5 ป จงจําเปนต้องกั นรั ว
ี
ิ
ื
้
เพอปองกันมให้สัตว์เล ยงมาเหยียบยํ าต้นไม้ในแปลงปลูก
ี
้
4. การปองกันโรคและแมลง จากการปลูก
ั
ิ
ี
ุ
ี
ไม้สนคารเบยของโครงการปรบปรงพันธไม้สนเปนเวลาประมาณ 30 ป
์
็
ุ
ึ
ิ
ยังไม่พบว่าไม้สนคารเบยทปลูกถูกทําลายโดยโรคและแมลง ถงขั น
ี
ี
เสยหายรายแรงแต่อย่างใด
้
ี
38
ิ
ี
็
ิ
ิ
5. การลดกิ ง (pruning) การลดกิ งเปนวนวัฒนวธ
ี
ี
ี
ิ
ิ
ทช่วยเพ มคุณภาพของต้นไม้ ปกตแล้วไม้สนคารเบยมกิ งค่อนข้างเล็ก
ิ
ี
ื
ี
ิ
เมอเทยบกับสนสามใบ มการลดกิ งตามธรรมชาติได้ดี การลิดกิ งไม้สน
ิ
็
คารเบยจะมผลต่อคุณสมบัตและคุณภาพของเน อไม้ เปนการลดตําหน
ี
ื
ี
ิ
ิ
ี
์
ในเน ือไม้ ซงการใช้ประโยชนจากไม้สนคารเบียมความแตกต่างจาก
ิ
ึ
ื
ไม้ใบกว้าง การมตาหรอกิ งขนาดใหญ่จํานวนมากจะทําให้คุณภาพของไม้
ี
ิ
และความแข็งแรงลดลงไป ส่วนใหญ่แล้วจะทําการลดกิ งเมื อต้นไม้
มอายุ 5 ปข นไป โดยใช้เลื อยตัดกิ งที จะลิดออกให้ชดกับลําต้น แล้วใช้
ิ
ี
ึ
ี
้
ี
ื
สหรอปูนทาบรเวณรอยตัดเพื อปองกันเช อราเข้าทําลาย
ิ
ื
6. การตัดสางขยายระยะ (thinning) เมอต้นไม้สน
ื
ื
ิ
ี
ี
ิ
คารเบียมการเจรญเตบโตจนเรอนยอดชดกัน มการแก่งแย่งทางด้าน
ิ
ิ
็
ึ
ิ
ิ
เรอนยอด และอาหารก็จะทําให้อัตราการเจรญเตบโตลดลง จงมความจําเปน
ื
ี
ื
ี
ื
จะต้องตัดไม้บางส่วนออกไปเพอ เปดโอกาสให้ต้นไม้ทเหลออยู่มการ
ิ
ี
เจรญเตบโตเพ มมากข น ส่วนระยะเวลาททําการตัดสางขยายระยะนั นข นอยู่
ิ
ิ
ี
ึ
ิ
ึ
ี
ี
กับระยะปลูก สภาพพ นท และการดูแลรกษา สนคารเบยทปลูกระยะ 3 x 3
ี
ั
ิ
ื
ี
ี
ั
ี
ื
เมตร มการดูแลรกษาด เมออายุได้ 7 – 10 ป ก็ควรจะทําการตัดสางขยาย
ระยะ ในการตัดสางขยายระยะนั นอาจจะใช้วธคัดเลือกตัด (Selection
ิ
ี
ื
็
thinning) หรออาจใช้การตัดเปนระบบ (Mechanical thinning) หรอใช้ทั ง
ื
2 แบบผสมผสานกัน ข นอยู่กับวัตถุประสงค์และความสมําเสมอของต้นไม้
ึ
39
ในแปลงปลูก ความหนักเบาและจํานวนคร ังของการตัดสางขยายระยะ
ึ
ั
์
ในรอบตัดฟนข นอยู่กับการใช้ประโยชนไม้ว่าจะนําไปใช้ทําอะไร และจะ
ั
ื
ั
ุ
ิ
ให้เหลอต้นไม้ในรอบตัดฟนสดท้ายกี ต้นต่อไร่ เช่น สําหรบผลต
ี
ี
ั
เยื อกระดาษ กําหนดรอบตัดฟนไว้ท 16 – 17 ป จะทําการตัดสาง
ี
ี
ี
ี
ี
ขยายระยะคร ังแรกประมาณปท 7 – 8 คร ังท 2 ตัดสางปท 12 – 13 และ
ี
ทําการตัดหมดในปท 16 แต่ถ้าต้องการไม้ท่อนเพื อแปรรปสําหรบ
ั
ู
ี
ี
ในการก่อสรางอาจจะกําหนดรอบตัดฟนไว้ท 20 – 25 ป และทําการตัดสาง
ี
ั
้
็
ั
ขยายระยะ 3 – 4 คร ง เปนต้น
การเจรญเติบโตและผลผลิต
ิ
ิ
ิ
ี
ิ
การเจรญเตบโตของไม้สนคารเบียมความผันแปร
เปนอย่างมากเนองมาจากพันธกรรม และสภาพแวดล้อม สนคารเบยมความ
ิ
ี
็
ื
ี
ุ
ุ
ี
์
ึ
ุ
์
ี
หลากหลายทางพันธอยู่ถง 3 วาไรต และมการกระจายพันธในหลายสภาพ
ิ
ุ
ุ
ื
ี
พ นที และภูมอากาศ จากการทโครงการปรบปรงพันธไม้สนได้นําสน
์
ั
คารเบียวาไรต ีฮอนดูเรนซส จากแหล่ง Bowenia, Queensland ประเทศ
ี
ิ
ี
ออสเตรเลย และ Mountain Pine Ridge ประเทศเบลซ มาทดลองปลูกร่วมกับ
ิ
์
ไม้สนสองใบแหล่งแม่สะนาม ไม้สนสามใบแหล่งอมก๋อย ไม้สนโอคารปา
แหล่ง Guiamaca ประเทศฮอนดูรส และสนจนทสถานทดลองปลูกพรรณไม้
ี
ี
ั
ี
ี
ิ
ี
ห้วยบง จังหวัดเชยงใหม่ ในป 2514 ผลปรากฏว่าทอายุ 9 ½ ป ไม้สนคารเบย
ี
ี
ี
40
ื
์
ี
ื
ื
็
ิ
มปรมาตรเหนอเปลอกมากกว่าสนสามใบถึง 74 เปอรเซนต์ และเมอต้นไม้
ิ
ู
อายุ 26 ป มความสงและความโตเฉลยเท่ากับ 21 เมตร และ 22 เซนตเมตร
ี
ี
ี
ี
ึ
ื
ี
ิ
ิ
ตามลําดับ ซงมอัตราการเจรญเตบโตดกว่าไม้สนพ ืนเมองของไทย
ิ
ิ
์
ี
ึ
แต่ด้อยกว่าไม้สนโอคารปา และได้มการศกษาการเจรญเตบโตของไม้สน
ิ
ี
ึ
คารเบยในแปลงทดลองถิ นกําเนดนานาชาต ซงปลูกในป 2515 ทสถาน ี
ิ
ี
ิ
ี
ี
ทดลองปลูกพรรณไม้ห้วยบง จังหวัดเชยงใหม่ มความสงจากระดับนํ าทะเล
ู
ี
็
ปานกลาง 800 เมตร และทแปลงทดลองท่าแซะ จังหวัดชุมพร ซงเปน
ี
ึ
ื
ี
พ นที ตํามความสงจากระดับนํ าทะเล 100 เมตร เมอต้นไม้อายุได้ 9½ ป
ู
ื
ี
ิ
ี
ี
ิ
ิ
พบว่าการเจรญเตบโตของไม้สนคารเบยในพ นทสองแห่งน มความแตกต่าง
ื
ี
ี
กันอย่างมาก โดยไม้สนคารเบยที จังหวัดชุมพรมการเจรญเตบโตดกว่า
ิ
ี
ี
ี
ิ
ิ
ี
ี
ี
ิ
ทจังหวัดเชยงใหม่ในแปลงทดลองถ นเดยวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ งทางด้าน
ี
ื
็
ึ
ี
ี
็
ิ
ปรมาตร อาจจะเปนไปได้ว่าทจังหวัดชุมพรซงเปนพ นทตํา มปรมาณนํ าฝน
ิ
ี
ี
ี
ู
ต่อปสงกว่าทสถานทดลองปลูกพรรณไม้ห้วยบง จังหวัดเชยงใหม่
ี
ิ
ื
ี
ิ
เมอต้นไม้อายุได้ 25 ป พบว่าไม้สนคารเบีย ถ นกําเนด Brus ประเทศ
ิ
ี
ั
ี
ิ
ี
ุ
ู
ฮอนดูรสมการเจรญเตบโตทางด้านความสงมากทสดมค่าเฉลยเท่ากับ 22.11
ิ
ี
ิ
ิ
ั
ิ
เมตร ส่วนถ นกําเนด Limones ประเทศฮอนดูรสมการเจรญเตบโตทางด้าน
ิ
ี
ู
ุ
ื
เส้นผ่าศูนย์กลางมากทสด คอ 24.32 เซนตเมตร โดยมความสงและ
ี
ิ
ี
ิ
ี
ความโตเฉลยทั งแปลงเท่ากับ 20.32 เมตร และ 21.29 เซนตเมตร (สําหรบ
ั
แปลงทดลองทชุมพรนั นได้รบความเสยหายจากพายุเกย์ในปลายป 2532)
ี
ี
ั
ี
41
ุ
ิ
ั
ี
ี
ิ
แปลงทดลองถ นกําเนดไม้สนคารเบยทสถานปรบปรงแหล่ง
ี
ิ
ึ
ิ
ี
์
ู
ุ
ิ
่
ผลตเมล็ดพันธไม้ปาหนองกระทง ซงมระดับความสงประมาณ 1,080 เมตร
ิ
จากระดับนํ าทะเล และมปรมาณนํ าฝนประมาณปละ 1,050 มลลเมตร
ี
ิ
ี
ิ
ี
ื
ี
ี
ู
ื
ปลูกเมอป 2522 เมอต้นไม้อายุได้ 20 ป มความสงเฉลยเท่ากับ 16.29 เมตร
ี
ิ
และมความโตทางเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลยเท่ากับ 18.25 เซนตเมตร ส่วนใน
ี
ี
ี
แปลงทดลองถ นกําเนดไม้สนคารเบยทสถานทดลองปลูกพรรณไม้ห้วยบง
ี
ิ
ิ
ิ
ี
ื
ู
ี
ี
ี
ี
จังหวัดเชยงใหม่ เมอต้นไม้อายุได้ 19 ป มความสงเฉลยเท่ากับ 15.02 เมตร
ี
ี
และมความโตทางเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลยเท่ากับ 17.52 เซนตเมตร
ิ
ิ
ิ
การเจรญเตบโตของไม้สนคารเบียในแปลงทดสอบ
ิ
ี
ึ
ี
์
ุ
สายพันธป 2535 ทสถานทดลองปลูกพรรณไม้ห้วยบง ซงใช้เมล็ดจาก
ี
แม่ไม้ทโครงการปรับปรงพันธไม้สนได้คัดเลอกไว้โดยทําการเก็บข้อมูล
ุ
ื
์
ุ
ี
ิ
ิ
ี
ึ
ี
ตั งแต่ปลูกจนถงอายุ 7 ป พบว่าไม้สนคารเบยมการเจรญเตบโตทางด้าน
ิ
ี
ู
ิ
ิ
ความสงเฉลยปละ 1 เมตร และการเจรญเตบโตทางด้านเส้นผ่าศูนย์กลาง
ี
ี
ประมาณปละ 1.2 – 1.4 เซนตเมตร และจากการทดลองชนดไม้ของ
ิ
ิ
ี
โครงการสํารวจวัตถุดบเพอทําเยื อกระดาษทบ้านบ่อหลวง เมอต้นไม้มอายุ
ี
ื
ิ
ี
ื
ี
10 ป ไม้สนคารเบียมความสงเท่ากับ 11.84 เมตร และความโตทาง
ู
ิ
ี
เส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับ 18.31 เซนตเมตร
ิ
ี
การเจรญเตบโตของไม้สนคารเบยที ปลูกในภาคตะวันออก
ิ
ิ
ิ
่
ุ
ื
ุ
ี
เฉยงเหนอทสถานอนรกษ์พันธ์ไม้ปาหนองคู จังหวัดสรนทร เมออายุ 18 ป
ั
ุ
์
ื
ี
ี
ี
ิ
42
ี
ี
ู
ี
มความสงเฉลยเท่ากับ 17.82 เมตรและมความโตทางเส้นผ่าศนย์กลาง
ู
ี
ี
ิ
ี
ี
เพยงอกเฉลย 19.80 เซนตเมตร ส่วนทสถานทดลองปลูกพรรณไม้
ี
ู
ี
ี
ื
ี
ห้วยทา จังหวัดศรสะเกษ เมออายุ 30 ป มความสงเฉลยเท่ากับ 18.88 เมตร
ี
และมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพยงอกเฉลย 25.57 เซนตเมตร
ิ
ี
ี
ิ
ี
ิ
ิ
การเจรญเตบโตและอัตราการเพ ิมพูนของไม้สนคารเบย
ิ
ี
ื
ิ
ในแปลงทดลองถ นกําเนดท Jari ประเทศ Brazil เมออายุ 6 ป พบว่าอัตรา
ี
ี
ี
การเพ ิมพูนของไม้สนคารเบย มความแตกต่างกันมากตั งแต่ 11.8 - 30.3
ิ
ี
ิ
ิ
์
ี
ิ
ลูกบาศก์เมตร/เฮกแตร/ป การเจรญเตบโตและผลผลตของสนคารเบยวาไรต ี
ิ
ื
ึ
ั
ฮอนดูเรนซส ในตอนเหนอของรฐ Queensland ประเทศออสเตรเลย ซงได้ผ่าน
ี
ี
การคัดเลอกและปรบปรงพันธแล้ว และมการดูแลรักษาด จงทําให้ มการ
ุ
ี
ึ
ื
ี
์
ี
ุ
ั
เจรญเตบโตค่อนข้างดทัดเทยมกับสนราเดยตา (Pinus radiata) ทปลูกบนพ นท ี
ิ
ี
ี
ี
ิ
ี
ื
ี
ี
ี
ึ
ี
ี
ทมคุณภาพดในตอนใต้ ซงให้ผลผลตเฉลย 2.29 ลูกบาศก์เมตร ต่อไร่ต่อป
ิ
ี
ิ
ิ
ี
ี
ส่วนทมาเลเซยไม้สนคารเบยอายุ 7 – 8 ป ให้ผลผลต 1.78 – 2.86 ลูกบาศก์เมตร
ี
ี
ิ
ิ
ต่อไร่ต่อป และในอาฟรกาใต้พบว่าในสภาพดนลกโปร่ง ซงรากสามารถ
ึ
ึ
ุ
ึ
ึ
ิ
ิ
หยั งลกถงระดับนํ าใต้ดนและความหนาวไม่รนแรง ไม้สนคารเบยวาไรต ี
ี
ึ
ิ
ี
ี
ึ
ฮอนดูเรนซสให้ผลผลตสงถง 3.36 ลูกบาศก์เมตร ต่อไร่ต่อป จนถงอายุ 33 ป
ู
ี
ี
ถงแม้ว่าจะมปรมาณนํ าฝนเพยงปละ 965 มลลเมตร สําหรบประเทศไทยนั น
ึ
ิ
ิ
ี
ิ
ี
ั
ิ
ิ
พบว่าไม้สนคารเบยถ นกําเนดดมผลผลต 1.12 – 2.56 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่
ี
ี
ิ
ิ
ี
ี
ิ
ิ
ิ
ี
ี
ต่อปและถ นกําเนดปานกลาง มผลผลต 0.96 – 1.92 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ต่อป
43
ิ
ี
ภาพท 7 การเจรญเตบโตของสนคารเบย
ิ
ี
ิ
ิ
โรค แมลงและตําหนที เกิดตามธรรมชาติ
ุ
ั
ุ
ี
ิ
์
ตั งแต่โครงการปรบปรงพันธไม้สนนําไม้สนคารเบย
เข้ามาทดลองปลูกในประเทศไทย ยังไม่ปรากฏว่าเกิดโรคระบาด
ทรนแรง ข้อมลส่วนใหญ่จงเปนของต่างประเทศ โรคต่างๆ ทเกิดกับ
ี
ู
ุ
็
ึ
ี
ิ
ี
สนคารเบีย ทพบมทั งในระยะกล้าไม้และสวนปา
ี
่
44
ึ
โรคที เกิดกับกลาไม (Seedling diseases) เปนโรคทเกิดข นกับกล้าไม้
ี
็
้
้
ในเรอนเพาะชําได้แก่
ื
โรคเนาคอดิน (Damping – off) ซงเกิดจากเช อ Fusarium spp.,
ึ
ื
่
ythium spp., Rhizoctonia solani Kuhn ซงส่วนมากจะมากับดนทใช้เพาะและ
ี
ึ
ิ
ุ
บรรจถุงปลูก สามารถลดการเกิดโรคโดยการใช้วัสดุทมอนทรยวัตถุ (organic
ี
ี
ิ
ี
ื
ี
็
matter) น้อย ความช นตําและให้มความเปนด่างเล็กน้อย
ื
้
ื
้
โรคใบไหมหรอใบแหง เกิดจากเช อ Cercorspora pini –
ิ
ี
ึ
็
densiflorae Hori et Nambu ซงเปนโรคชนดเดยวกับ brown needle disease
ทําการควบคุมโดยใช้ดาโคนล (daconil) 0.25 % ฉดพ่น
ี
ิ
โรคกลาไมยนตนตาย ซงเกิดจากเช อ Sclerotinia fuckeliana
ื
ึ
้
ื
้
้
ี
ึ
(de Bary) Fuekel ทําให้กล้าไม้สนคารเบยในแปลงเพาะชํา ยืนต้นตาย ซงพบ
ิ
ี
ในประเทศโรดเซย และ จาไมกา และยังพบว่ากล้าไม้สนคารเบยในมาเลเซย
ิ
ี
ี
ี
ื
ถูกทําลายด้วยเช อ Pseudomonas solanacearum E.F. Smith ทําให้ต้นแห้ง
และตาย
โรค และแมลงที เกิดกับไมในสวนปา (Plantation diseases) เปนโรค
็
่
้
ทเกิดข นกับต้นไม้ทอยู่ในแปลงปลูกได้แก่
ี
ึ
ี
ี
ื
โรคใบไหม เกิดจากเช อตัวเดยวกับโรคของกล้าไม้ใน
้
ึ
ื
ิ
เรอนเพาะชํา คอ Cercorspora pini – densiflorae ซงพบในไม้สนคารเบย
ี
ื
ี
ี
ทอายุน้อยในตอนใต้ของประเทศแทนซาเนย
45
้
้
ื
โรคยนตนตาย และลําตนแหง ส่วนใหญ่เกิดจาก
้
้
ึ
ื
เช อ Cronartium fusiform Hedge & Hunt ซงสามารถปองกันได้โดยใช้ยา
ิ
ุ
ฆ่าเช อรา ไม้สนคารเบยวัยหน่มในอเมรกาเหนอถูกเช อ Atropellis tingens
ื
ิ
ื
ี
ื
่
ี
Lehrnan and Cash เข้าทําลาย ทําให้เกิดปุมปมรอบต้นและยืนต้นตาย มการ
ค้นพบว่าเช อ Fusicoccum tingens Goid. (Botryos phaeriaribis Grossenb &
ื
ิ
Dugg.) ทําให้ไม้สนคารเบยในอาฟรกาตะวันออกยืนต้นตาย
ี
ิ
ึ
ิ
โรคเกี ยวกับโคน โคนสนคารเบยทข นตามธรรมชาตใน
ี
ิ
ี
ื
ื
ิ
อเมรกากลางถูกทําให้ลดลงเนองจากถูกเช อราพวก Cronartium conigenum
Hedgc. & Hunt เข้าทําลาย
ิ
โรคเกี ยวกับราก สวนปาสนคารเบยในจาไมกาถูกทําลายโดย
ี
่
เช อราพวก Armillaria mellea (Vahl) Kummer ทําลายรากและต้นสนคารเบย
ื
ี
ิ
ิ
ยืนต้นตาย ในประเทศเคนยา อูกานดา แทนซาเนยและมอรเทยส ก็เกิดจากเช อ
ี
ื
ี
ตัวเดยวกัน แต่ไม่พบในประเทศฮอนดูรส และไม่พบในประเทศตรนแดด
ิ
ิ
ี
ั
และประเทศโทบาโก
สําหรบในประเทศบราซลพบว่าโรคเกี ยวกับรากเกิดจากเช อ
ื
ั
ิ
Cylindrocladium scoparium Morgan และ Cylindrocladium clavatum Hodges
ึ
ี
ื
ื
& May ซงลักษณะอาการของต้นไม้ทเปนโรคก็เหมอนกับเกิดจากเช อรา
็
Armillaria mellea (Vahl) Kummer
46