ไมสนในประเทศไทย
โดย
อําไพ พรลีแสงสุวรรณ
ศูนยวนวัฒนวิจัยภาคเหนือ กลุมงานวนวัฒนวิจัย
สํานักวิจัยและพัฒนาการปาไม กรมปาไม
1
2559
ไมสนในประเทศไทย
บทนํา
้
ไมสนที่พบขึนอยูตามธรรมชาติในประเทศไทยเปนไมสนเขตรอน (Tropical pine) มีอยู 2
ชนิด คือ สนสามใบ (Pinus kesiya Royal ex Gordon) และสนสองใบ (Pinus merkusii Jungh. et de
ั
Vriers) ตอมาโครงการสํารวจวัตถุดิบเพื่อทําเยื่อกระดาษ ซึงไดรบความชวยเหลือจากกองทุนพิเศษของ
่
องคการสหประชาชาติไดเริมนาไมสนตางประเทศเขามาปลูกในประเทศไทยในป พ.ศ. 2507 และในป
ํ
่
ุ
้
พ.ศ. 2512 ไดมีโครงการปรบปรงพันธุไมสนและไมโตเรวเกิดขึน โดยความรวมมือระหวางรัฐบาลไทย
ั
็
ั
โดยกรมปาไมกับรฐบาลเดนมารกโดย DANIDA (Danish International Development Agency) วาง
แผนการปรบปรงพันธุไมสนในประเทศไทย และไดนาไมสนตางประเทศเขามาทดลองปลูก ซึ่งพบวามีไม
ั
ํ
ุ
่
ั
่
่
สนตางถิน 3 ชนิด ทีมีถิ่นกําเนิดอยูในแถบอเมริกากลาง จดเปนไมสนเขตรอนทีนาสงเสริมในการปลูก
สรางสวนปาของประเทศไทย คือ สนคาริเบีย (Pinus caribaea Morelet) สนโอคารปา (Pinus oocarpa
่
ู
่
Schiede) และสนเทคูนูมานี (Pinus patula ssp. tecunumanii) เนืองจากเติบโตดี รปทรงสวยงาม
่
(ประดิษฐ, 2540) การพัฒนาไมสนในประเทศไทยไดทําการทดสอบชนิดไมทีเหมาะสม คัดเลือกแมไม
่
สนชนิดตางๆ นาเมล็ดพันธุไมสนจากถินกําเนิดตางๆ ทั้งภายในและนอกประเทศมาทดสอบถินกําเนิด
่
ํ
ุ
ั
ั
ั
ั
และจดสรางเปนสวนอนรกษพันธุ (Gene conservation) สวนผลิตเมล็ดทั้งแบบอาศยเพศและไมอาศย
เพศ (Seedling seed orchard and Clonal seed orchard) และทดสอบสายพันธุ (Progeny test) มีการ
ั
ทดสอบการผสมเกสรเพือหาสายพันธุที่ดี ศึกษาการขยายพันธุโดยไมอาศยเพศ ศึกษาเทคนิคการเพาะ
่
ั
ชําไมสนและวนวัฒนวิธีตางๆ เพื่อสงเสริมและสนบสนุนการปลูกสรางสวนปาไมสนในประเทศไทย
ู
ศึกษาการเติบโต ผลผลิต และการกักเก็บคารบอน ตลอดจนการใชประโยชนไมสนในรปแบบตางๆ
ขอดีของไมสน
ไมสนมีขอดีหลายประการ คือ
1. ไมสนเปนไมโบราณทียังหลงเหลืออยูถึงปจจบันจึงมีการปรบตวสูงสามารถขึนไดแมใน
้
ั
ั
ุ
่
่
้
่
สภาพพืนทีทีเสือมโทรม ดินมีความอุดมสมบูรณตาจนบางแหงหนาดินแทบจะไมหลงเหลืออยูเลย ไมสน
่
่
ํ
่
้
ํ
ํ
่
่
ั
จึงเปนไมเบิกนาทีดี เหมาะทีจะนามาปลูกเพือปรบสภาพดินและสภาวะแวดลอมใหดีขึนกอนทีไมใบ
่
กวางจะเขามาทดแทนตามธรรมชาติ
ุ
2. ไมสนเปนไมไมผลัดใบ มีใบเขียวชะอมตลอดทั้งป เรือนยอดเปนรปปรามิดสวยงาม
ู
่
เหมาะทีจะนาไปปลูกเปนไมประดับ
ํ
2
่
ู
ั
3. ไมสนมีระบบรากลึก สามารถยึดดินไดดี เหมาะทีจะนาไปปลูกในทีภเขาสูงชนเพือยึดดิน
่
ํ
่
ไมใหพังทะลายไดงาย
4. ไมสนมีเสนใยยาว เหมาะที่จะนําไปผลิตกระดาษที่ทนตองแรงฉีกขาดไดสูง
5. ไมสนเปนไมที่มียางในกระพี้ เมื่อนํามากลั่นจะไดน้ํามันและชันสน ซึ่งสามารถนํามาใชใน
อุตสาหกรรมหลายชนิด
ั
้ํ
้ํ
ั
ั
5.1 นามน ใชในการผสมสี พิมพลายผา ผสมนามนชกเงา ทํายาขดรองเทา ยาขดพื้น
ั
ั
ใชเปนตัวทําละลายไขมัน ยาง และอื่นๆใชทําเครื่องยา เชน น้ํามันสะโตก
5.2 ชันสน ใชทําน้ามนชกเงา ใชในทางการแพทย อตสาหกรรมสบู อตสาหกรรม
ํ
ั
ุ
ั
ุ
่
ํ
ั
ํ
ั
่
ั
กระดาษ พรมน้ามน ผาน้ามน การบัดกรีโลหะ ใชเปนวัตถุดิบเจือปนกับครงและชันตะเคียน เครืองสาย
ที่ตองใชคันชักทั้งดนตรีไทยและสากลตองอาศัยชันสนเปนสื่อในการเสียดสี
6. ไมสนมีเนื้อไมที่เห็นวงปเดนชัด มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว จึงนิยมนามาใชในอตสาหกรรม
ํ
ุ
เครื่องเรือนและไมสําหรับตกแตงตางๆ
แนวทางการปลกและการใชไมสนในประเทศไทย
ู
เมือเปรียบเทียบการเจริญเติบโตระหวางไมสนทองถินและไมตางประเทศทั้ง 3 ชนิดที ่
่
่
นาเขามาปลูกในประเทศไทย พบวา สนคาริเบีย สนเทคูนูมานี และสนโอคารปามีการเจริญเติบโตดีกวา
่
ํ
สนสามใบและสนสองใบ โดยเฉพาะสนคาริเบียมีการเจริญเติบโตดีที่สุดในชวงระยะไมหนม แตเมื่ออายุ
ุ
มากขึ้นสนเทคูนูมานีและสนโอคารปาเจริญเติบโตดีกวาสนคาริเบียเล็กนอย (ประดิษฐ, 2540; ประดิษฐ
่
และคณะ, 2545) อยางไรก็ตาม พบวาสนเทคูนมานีและสนโอคารปาไมคอยทนตอสภาพแหงแลง
ู
่
่
ู
้
ในขณะทีสนคาริเบียมีการกระจายพันธุกวางขวางกวา ขึ้นไดในหลายสภาพภมิอากาศและลักษณะพืนที ่
่
้
ที่แตกตางกัน (Robbins, 1983) สามารถปลูกไดทั้งในพืนทีระดับสูงและระดับตา มีการเจริญเติบโตดีใน
ํ
่
พืนที่ที่มีปริมาณน้ําฝนสูง (Granhof, 1983) หากมีการจดการสวนปาอยางดีใหผลผลิตถึง 6-12
ั
้
ลูกบาศกเมตร/เฮกแตร/ป (Granhof and Homjeen, 1983) นอกจากนี้ยังมีความตานทานตอแรงฉีก
่
และการหกพับงอสูงกวาไมสนสามใบและสนสองใบ แตเมือเปรียบเทียบคุณสมบัติทางเสนใยพบวาไม
ั
สนสองใบและสนสามใบมีเสนใยยาวกวาสนคาริเบียและสนโอคารปา (ทัศนีย และคณะ, 2529) และ
ั
พบวาน้ํามนและชันสนจากสนสามใบมีคุณภาพดีที่สุดในพวกตระกูลสนดวยกัน เนื่องจากมี Alpha-
็
pinene และ Beta-pinene สูงมาก (Watt, 1980 cited in Armitage and Burley, 1980) เหนไดวาไมสน
ํ
ั
ทองถินของไทยมีคุณสมบัติดีกวาสนตางประเทศทั้งในดานความยาวเยือ คุณภาพน้ามนสนและชนสน
่
่
ั
แตการเจริญเติบโตสูสนตางประเทศไมได สนคาริเบียจึงเหมาะทีจะสงเสริมใหมีการปลูกสรางเปนสวน
่
ั
ั
ุ
ปาเศรษฐกิจตอไปในอนาคต ดังน้น การปรบปรงพันธุไมสนจึงใหความสําคัญกับไมสนคาริเบียเปน
่
่
อันดับแรก เนืองจากมีศักยภาพมากที่สุดที่จะสงเสริมใหมีการปลูกสรางสวนปา ในขณะทีสนสามใบ สน
สองใบ สนโอคารปา และสนเทคูนูมานี่ จะมีความสําคัญรองลงมาตามลําดับ
3
่
ไมสน เปนไมทีมีลักษณะเสนใยยาว ปริมาณเซลลูโลสสูง ใชทํากระดาษเหนียวไดดี มีความ
ตานทานตอแรงฉีกและการหกพับงอสูง ลักษณะเนื้อไมละเอียดสีขาวอมเหลือง เสี้ยนตรง การไส
ั
ั
่
ั
่
ตกแตงและขดงาย ไมแหงมีการหดตวปานกลาง ใชทําเครืองเรือนไดดี ทําไมประสาน ใชงานทัวไปหรือ
ใชกลึงและแกะสลักไดดี ทําไมวงกบ ไมวงกบประสาน หรือไมกรอบและบานหนาตาง (สุธี และ ภิรมย,
2531) เนือไมสามารถใชประโยชนในอุตสาหกรรมอื่นอีกหลายประเภท เชน อุตสาหกรรมการกอสราง
้
ั
ไมอด ไมบาง นอกจากนี ยางสนยังใชในอุตสาหกรรมสี น้ามนชักเงา และใชเปนสารแตงกลิ่นตลอดจน
ั
ํ
้
ู
ํ
ํ
ใชเปนสวนผสมในน้าหอม (สาโรจน, 2544) ประเทศไทยตองนาเขาไมสนแปรรปและไมทอน ในป พ.ศ.
ํ
2553 ถึง 1,996,824 ลูกบาศกเมตร คิดเปนเงิน 2,182,563,653 ลานบาท และนาเขาเยือไมถึง
่
15,378,424,400 ลานบาท (สํานักแผนงานและสารสนเทศ, 2558)
ู
การเลอกชนิดพันธุไมสนในการปลกสรางสวนปา
ื
ระดับความสูงของพืนที่มีผลตอการเติบโตของไมสนชนิดตางๆ ดังน้น การคัดเลือกชนิดพันธุ
้
ั
่
่
ใหเหมาะสมกับสภาพพืนทีจึงมีความสําคัญอยางยิ่งตอความสําเร็จของการปลูกปา เพือใหไดผลผลิตสูง
้
และคุมคาที่สุด แนวทางในการเลือกชนิดพันธุไมสนทีจะปลูกในประเทศไทย มีดังนี้ (ประดิษฐ, 2540)
่
1) ทีสูงกวา 1,000 เมตรจากระดับน้าทะเลขึนไป ไมสนเทคูนมานี่และสนโอคารปา
่
ู
้
ํ
เจริญเติบโตดีทีสุด รองลงมาคือไมสนสามใบ แตทั้งนีสําหรบสนโอคารปาตองใชพันธุหรือถินกําเนิดที ่
ั
้
่
่
สามารถเจริญเติบโตไดดีในพื้นที่สูง
2) ที่ระดับ 700-1,000 เมตรจากระดับน้าทะเล สนเทคูนูมานี่และสนโอคารปายัง
ํ
เจริญเติบโตดีที่สุด รองลงมาคือสนคาริเบีย และสุดทายคือสนสามใบแตไมเหมาะในการปลูกเพื่อ
การคาเพราะการเจริญเติบโตยังนอยกวาสนเทคูนูมานี่และสนโอคารปามาก
ํ
3) ที่ระดับ 300 - 700 เมตร และระดับ 0 - 300 เมตร จากระดับน้าทะเล ไมสนคาริเบีย
่
จะเหมาะสมทีสุด รองลงมาคือสนโอคารปาบางสายพันธุ และสุดทายคือสนสองใบซึงในทางการคาไม
่
่
ํ
่
้
เหมาะเพราะความยุงยากในการปลูก และการเติบโตในระยะแรกจะตากวาไมสนชนิดอืนๆ บางพืนทีสน
่
ั
คาริเบียอาจโตดีกวา แตบางพื้นทีสนโอคารปาอาจโตดีกวา ดังน้น จะตองระมดระวังและพิจารณาใหดี
่
ั
ในการใชสายพันธุของทั้งสองชนิดใหเหมาะสมเพือประโยชนสูงสุดในการดําเนินงาน ในทางการคาแลว
่
่
่
ั
สนโอคารปาและสนคาริเบียเทาน้นทีจะมีความเหมาะสมในการปลูก เพราะจะไดเยือกระดาษคุณภาพ
ดีกวาไมสนสองใบและไมสนสามใบ รวมทั้งคุณภาพไมดีกวาเพราะมีตาหนิจากตาไมนอยกวารวมทั้ง
ํ
การเติบโตก็ดีกวาดวย ถาไดพันธุดีเหมาะสมกับพื้นทีและการจดการถูกตองสามารถใหผลผลิต 2-5
ั
่
ลูกบาศกเมตร/ไร/ป แตถาผลผลิตต่ํากวานีตลอดชวงอายุรอบตัดฟนก็จะไมคุมคาในการลงทุน
้
ไมสนสองใบ สามารถขึนในทีแลงระดับตาและสามารถทนอุณหภมิรอนไดดีกวาไมสนชนิด
่
ํ
่
ู
้
อื่นๆ กลาวไดวาเหมาะที่จะปลูกในที่ระดับต่ํากวา 1,000 เมตรลงไปจนถึงระดับน้ําทะเล จดออนของสน
ุ
4
่
้
สองใบคือการเติบโตในระยะแรกชาและมีลักษณะสภาพหญาเปนพุมเตียอยูหลายปกวาจะเริมพุง
ั
ั
เจริญเติบโตตอไป ทําใหการดูแลรกษาเปนไปไดยากในชวงแรก ไมเหมาะสําหรบการใชประโยชนในรอบ
ตัดฟนต่ํากวา 20 ป การเติบโตในระยะหลังจากพนสภาพหญาแลวจะรวดเรวมาก การปลูกเพือไมซุง
็
่
ั
่
ขนาดใหญรอบตดฟนยาวนาจะคุมคาหรือดีกวาไมอืน ขอดีคือมีความทนทานตอไฟคอนขางสูงทําให
่
สะดวกในการจดการในบางพืนที
้
ั
ี่
ี่
ถนกําเนิดทดีของไมสนทเหมาะตอการปลูกสรางสวนปาในประเทศไทย
ิ่
1. สนสามใบ ถิ่นกําเนิดที่ดีที่สุด คือ ดอยอินทนนท จงหวัดเชยงใหม รองลงมา คือ ดอยสุ
ี
ั
ั
เทพ และแมริด จงหวัดเชยงใหม
ี
่
ั
ั
2. สนสองใบ ถิ่นกําเนิดที่ดีทีสุด คือ สังขะ จงหวัดสุรินทร และ หวยทา จงหวัดศรีสะเกษ
3. สนคาริเบีย แบงเปน
3.1 พืนที่ระดับสูง ถิ่นกําเนิดที่ดีที่สุด คือ Culmi และ Limones ประเทศฮอนดูรัส
้
3.2 พืนที่ระดับต่ํา ถิ่นกําเนิดที่ดีที่สุด คือ Alamicamba ประเทศนิคารากัว และ Poptun
้
ประเทศกัวเตมาลา
่
4. สนโอคารปา ถินกําเนิดทีดีที่สุด คือ Dola Hill ประเทศแซมเบีย และ Conacaste
่
ประเทศกัวเตมาลา
ู
5. สนเทคนูมานี แบงเปน
่
่
้
3.1 พืนที่ระดับสูง ถินกําเนิดทีดีทีสุด คือ Rafael, Camelias และ Yucul ประเทศนิคา
่
่
รากัว
่
่
3.2 พื้นทีระดับปานกลางถึงตา ถินกําเนิดที่ดีที่สุด คือ Camelias และ Yucul ประเทศนิ
่
ํ
คารากัว และ Mountain Pine Ridge ประเทศเบลิซ
การปรับปรุงพันธุไมสนในประเทศไทย (อาไพ, 2555)
ํ
1. สนสามใบ (Pinus kesiya Royal ex Gordon)
การปรบปรงพันธุไมสนสามใบทีดําเนินการจนถึงปจจบัน มีแหลงฐานพันธุกรรมในประเทศ
ุ
ั
่
ุ
ไทย (Genetic resources establishment) ดังนี้
่
ิ
1.1 แปลงทดลองถนกําเนิด
ี
ั
ป พ.ศ. 2514 (Provenance trial 1971) ทีสถานีวนวัฒนวิจัยหวยบง จงหวัดเชยงใหม
่
พื้นที่ 14.5 ไร 18 ถิ่นกําเนิด
1.2 สวนอนุรักษพันธุ
5
สวนอนุรักษพันธุนอกถิ่นกําเนิดของสนสามใบ จํานวนรวม 9 ถิ่นกําเนิด พืนที่รวม
้
1,936 ไร ใน 3 พืนทีคือ
้
่
(1) สถานีวนวัฒนวิจัยหวยบง จังหวัดเชียงใหม 774 ไร (4 ถิ่นกําเนิด)
ั
(2) สถานีวนวัฒนวิจัยแมสะนาม จงหวัดเชยงใหม 1,100 ไร (5 ถิ่นกําเนิด)
ี
ี
ั
(3) สถานีวนวัฒนวิจัยหนองกระทิง จงหวัดเชยงใหม 62 ไร (1 ถิ่นกําเนิด)
1.3 สวนรวมพนธุ
ั
ั
จดสรางสวนรวมพันธุ (Clone bank 1979) โดยคัดเลือกแมไมจากปาธรรมชาติบานแม
ั
ํ
่
ํ
ริด และดอยอินทนนท และสวนผลิตเมล็ดทีสถานีวนวัฒนวิจยหวยบง จานวน 76 แมไม นามาเสียบ
ี
ยอดและจัดสรางเปนสวนรวมพันธุที่สถานีวนวัฒนวิจัยแมสะนาม จังหวัดเชยงใหม
(1) แมไมจากปาธรรมชาติบานแมริด 24 แมไม
(2) แมไมจากสวนผลิตเมล็ด ที่สถานีวนวัฒนวิจัยหวยบง 22 แมไม
(3) แมไมจากปาธรรมชาติ อุทยานแหงชาติดอยอินทนนท 30 แมไม
ั
1.4 การคดเลือกแมไม
คัดเลือกแมไมสนสามใบจากปาธรรมชาติ แปลงทดสอบถินกําเนิด สวนผลิตเมล็ด
่
แหลงผลิตเมล็ด แปลงทดสอบชนิดพันธุไม และสวนอนุรักษพันธุ จํานวน 326 แมไม
1.5 แหลงผลิตเมล็ดไม
(1) แหลงผลิตเมล็ดพันธุ ป พ.ศ. 2514 (Seed production area 1971) ที่สถานี
วนวัฒนวิจัยหวยบง จังหวัดเชียงใหม พื้นที่ 12 ไร 4 ถิ่นกําเนิด
1.6 สวนผลิตเมล็ดพันธุ
ก. สวนผลิตเมล็ดพันธุแบบไมอาศัยเพศ (Clonal seed orchard)
(1) สวนผลิตเมล็ดพันธุ ป พ.ศ. 2519 (Clonal seed orchard 1976) ที่สถานี
่
่
ั
ี
ั
วนวัฒนวิจยอินทขิล จงหวัดเชยงใหม พื้นที 30 ไร 9 ถินกําเนิด 144 clones (V.0/41 – V.0/184)
คัดเลือกแมไมจากแปลง Provenance trial และ Seed Production area แปลงปลูกป พ.ศ. 2514 ที่สถานี
ทดลองปลูกพรรณไมหวยบง จังหวัดเชียงใหม ปจจุบันตนไมแปลงนี้ยังไมสามารถผลิตเมล็ดได
เนื่องจากไมมีการออกดอกตัวผและตัวเมีย
ู
(2) สวนผลิตเมล็ดพันธุ ป พ.ศ. 2523 (Clonal seed orchard 1980) ที่สถานี
วนวัฒนวิจัยหวยบง จังหวัดเชียงใหม พื้นที่ 36 ไร 6 ถิ่นกําเนิด 80 clones
ั
ั
ข. สวนผลิตเมล็ดพนธุแบบอาศยเพศ (Seedling seed orchard)
6
(1) สวนผลิตเมล็ดพันธุ ป พ.ศ. 2530 (Seedling seed orchard 1987) ทีสถานี
่
วนวัฒนวิจัยหวยบง จังหวัดเชียงใหม พื้นที่ 50 ไร 3 ถิ่นกําเนิด คือ ดอยอินทนนท ดอยสุเทพ แมริด
่
(2) สวนผลิตเมล็ดพันธุ ป พ.ศ. 2531 (Seedling seed orchard 1988) ทีสถานี
วนวัฒนวิจัยหวยบง จังหวัดเชียงใหม พื้นที่ 50 ไร
ั
1.7 แปลงทดสอบสายพนธุ (Progeny trial)
(1) ป พ.ศ. 2518 ปลูกทดสอบสายพันธุ ทีสถานีวนวัฒนวิจัยหวยบง จังหวัด
่
เชียงใหม 1 ถิ่นกําเนิด (Doi Inthanon) 30 สายพันธุ
(2) ป พ.ศ. 2520 ปลูกทดสอบสายพันธุ ทีสถานีวนวัฒนวิจัยหวยบง จังหวัด
่
เชียงใหม 1 ถิ่นกําเนิด (Mae Rid) 30 สายพันธุ
(3) ป พ.ศ. 2530 ปลูกทดสอบสายพันธุ ทีสถานีวนวัฒนวิจัยหวยบง จงหวัด
่
ั
เชียงใหม 5 ถิ่นกําเนิด 100 สายพันธุ (พื้นที่ 7.5 ไร)
(4) ป พ.ศ. 2530 ปลูกทดสอบถินกําเนิด/สายพันธุ ทีสถานีวนวัฒนวิจยหวยบง
่
ั
่
ี
ั
จงหวัดเชยงใหม 12 ถิ่นกําเนิด 25 สายพันธุ (พื้นที่ 72.56 ไร)
ั
(5) ป พ.ศ. 2531 ปลูกทดสอบสายพันธุ ที่สถานีวนวัฒนวิจยหวยบง จังหวัด
เชียงใหม 17 ถิ่นกําเนิด 80 สายพันธุ
2. สนสองใบ (Pinus merkusii Jungh. et de Vriers)
่
การปรบปรงพันธุไมสนสองใบทีดําเนินการจนถึงปจจบัน มีแหลงฐานพันธุกรรมในประเทศ
ุ
ุ
ั
ไทย (Genetic resources establishment) ดังนี้
่
ิ
2.1 แปลงทดลองถนกําเนิด
ป พ.ศ. 2514 (Provenance trial 1971) ทีสถานีวนวัฒนวิจยหวยบง จงหวัดเชยงใหม 13
่
ั
ี
ั
ถิ่นกําเนิด พื้นที่ 11.5 ไร
2.2 สวนอนุรักษพันธุ (In Situ Gene Conservation) 3 พื้นที่
(1) ปาสนสองใบโขงเจียม อําเภอโขงเจียม จงหวัดอุบลราชธานี
ั
(2) ปาสนสองใบดงตาหวัง อําเภอโพธิ์ไทย จังหวัดอุบลราชธานี
(3) ปาสนสองใบทองที่ตําบลทับทัน อําเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร
ั
2.3. สวนผลิตเมล็ดพนธุ
(1) สวนผลิตเมล็ดพันธุ ป พ.ศ. 2518 (Seedling seed orchard 1975) ทีสถานี
่
วนวัฒนวิจัยอินทขิล จังหวัดเชยงใหม พืนที 6 ไร 7 ถิ่นกําเนิด
่
้
ี
7
่
(2) สวนผลิตเมล็ดพันธุ ป พ.ศ. 2520 (Seedling seed orchard 1977) ทีสถานี
ี
้
วนวัฒนวิจัยอินทขิล จังหวัดเชยงใหม พืนที 12 ไร 3 ถิ่นกําเนิด
่
ั
2.4 การคดเลือกแมไม
คัดเลือกแมไมสนสองใบจากปาธรรมชาติ และแปลงทดสอบถินกําเนิด มีจานวนแมไม
่
ํ
13 แมไม
ั
2.5 แปลงทดสอบสายพนธุ
ป พ.ศ. 2520 ปลูกทดสอบสายพันธุ ทีสถานีวนวัฒนวิจยหวยบง จงหวัดเชยงใหม (8
ั
ั
ี
่
Blocks 6 Plots 20 คูผสม)
3. สนคาริเบีย (Pinus caribaea Morelet)
การปรับปรุงพันธุไมสนคาริเบียทีดําเนินการจนถึงปจจบัน มีแหลงฐานพันธุกรรมใน
่
ุ
ประเทศไทย (Genetic resources establishment) ดังนี้
่
ิ
3.1 แปลงทดลองถนกําเนิด
ั
ั
(1) ป พ.ศ. 2515 (Provenance trial, 1972) ที่สถานีวนวัฒนวิจยหวยบง จงหวัด
เชียงใหม พื้นที่ 15 ไร 13 ถิ่นกําเนิด
ั
ป พ.ศ. 2515 รวมมือกับสถาบันปาไมแหงสหราชอาณาจกร (Common Wealth
ุ
Forestry Institute : CFI หรือ Oxford Forestry Institute : OFI ในปจจบัน) โดยการประสานงานของ
ํ
่
่
้
DANIDA ทําการทดลองถินกําเนิดนานาชาติของไมสนคาริเบีย จานวน 22 ถินกําเนิด ใน 4 พืนทีของ
่
ประเทศไทย คือ ทีสถานีวนวัฒนวิจัยหวยบง จงหวัดเชยงใหม จานวน 13 ถินกําเนิด หวยยะอุ จงหวัด
ั
ํ
ี
ั
่
่
ั
่
ั
ตาก จํานวน 9 ถินกําเนิด สถานีวนวัฒนวิจยหนองคู จงหวัดสุรินทรจํานวน 10 ถินกําเนิด และทีแปลง
่
่
ั
ั
ทดสอบทาแซะ จงหวัดชมพร จํานวน 14 ถินกําเนิด โดยทีจงหวัดตากและสุรินทร แปลงทดลองไดรบ
่
ั
ุ
่
ั
ั
ความเสียหายต้งแตตนไมยังเล็กๆ สวนทีจงหวัดชมพรน้นตนไมมีการเจริญเติบโตดีมาก แตแปลง
่
ั
ุ
ทดลองไดรบความเสียหายจากพายุเกยในปลายป พ.ศ. 2532 คงเหลือแปลงทดลองอยูแหงเดียวคือที ่
ั
ั
จงหวัดเชยงใหม
ี
(2) ป พ.ศ. 2523 ทดสอบถิ่นกําเนิดไมสนคาริเบีย ที่สถานีวนวัฒนวิจัยหวยบง
จงหวัดเชยงใหม จานวน 9 ถิ่นกําเนิด
ั
ี
ํ
3.2 สวนอนุรักษพันธุ
8
ุ
่
ปลูกสวนอนรักษพันธุนอกถินกําเนิดของ P. caribaea var. hondurensis, P. caribaea
้
่
่
ํ
var. caribaea และ P. caribaea var. bahamensis จานวนรวม 13 ถินกําเนิด พืนทีรวม 2,144 ไร ใน 4
พืนที่คือ
้
ี
ั
(1) สถานีวนวัฒนวิจัยหวยบง จงหวัดเชยงใหม 971 ไร (9 ถิ่นกําเนิด)
(2) สถานีวนวัฒนวิจัยแมสะนาม จงหวัดเชยงใหม 325.6 ไร (4 ถิ่นกําเนิด)
ี
ั
ั
(3) สถานีวนวัฒนวิจัยหนองกระทิง จงหวัดเชยงใหม 626 ไร (7 ถิ่นกําเนิด)
ี
ี
(4) สถานีวนวัฒนวิจัยแมแตง จังหวัดเชยงใหม 222 ไร (3 ถิ่นกําเนิด)
3.3 แหลงผลิตเมล็ดไม
(1) แหลงผลิตเมล็ดพันธุ ป พ.ศ. 2514 (Seed production area 1971) ที่สถานี
่
ั
ั
่
้
ี
วนวัฒนวิจยหวยบง จงหวัดเชยงใหม พืนที 10 ไร 2 ถินกําเนิด (seedlot 2002 Bowenia, Queensland,
Australia และ seedlot 2003 Cayo, Mt. Pine Ridge, Br. Honduras) เริมใหผลผลิตเมล็ดต้งแตป พ.ศ.
ั
่
2527
(2) แหลงผลิตเมล็ดไม ป พ.ศ. 2546 (Seed stand 2003) ที่สถานีวนวัฒนวิจย
ั
บอแกว จังหวัดเชียงใหม พื้นที่ 14.44 ไร 1 ถิ่นกําเนิด (Limones, Honduras)
3.4 สวนผลิตเมล็ดพันธุ
(1) สวนผลิตเมล็ดพันธุ ป พ.ศ. 2520 (Clonal seed orchard 1977) ที่สถานี
้
่
่
ั
วนวัฒนวิจยอินทขิล จงหวัดเชยงใหม พืนที 27 ไร 8 ถินกําเนิด โดยใชยอดไมสนคาริเบียจากแมไมอายุ
ั
ี
ุ
5 ป ในแปลงทดลอง Provenance trial ที่จงหวัดชมพร และหวยบง จงหวัดเชยงใหม ที่คัดเลือกมาทํา
ั
ี
ั
การเปลี่ยนยอดในแปลงปลูกที่สถานีวนวัฒนวิจัยอินทขิล จํานวน 100 clones ซึ่งมีถิ่นกําเนิดเดิม (origin)
้
่
จากประเทศ Nicaragua Honduras และ Guatemala ซึ่งมีทั้งถิ่นกําเนิดจากพืนที่ระดับสูง และพืนทีระดับ
้
ต่ํา มีระยะปลูก 6.4 x 6.4 เมตร ปจจุบันแปลงทดลองนีกําลังประสบปญหาการเขากันไมไดของตนตอ
้
็
กับยอดพันธุ (Incompatability) ทําใหยอดพันธุเจริญเติบโตเรวกวาและมีขนาดใหญกวาตนตอ สวนผลิต
่
แหงนี้ใหผลผลิตเมล็ดเมืออายุ 8 ป
(2) สวนผลิตเมล็ดพันธุ ป พ.ศ. 2551 (Seedling seed orchard 2008) ที่สถานี
้
วนวัฒนวิจยอินทขิล จงหวัดเชยงใหม พืนที 7 ไร 7 ถินกําเนิด 14 สายพันธุ (Origin: จากแปลง Progeny
ั
ี
่
ั
่
trial 1980 และ Progeny trial 1981 ที่สถานีวนวัฒนวิจัยหวยบง จังหวัดเชยงใหม)
ี
3.5 การคัดเลือกแมไม
่
คัดเลือกแมไมสนคาริเบียจากแปลงทดสอบถินกําเนิด สวนผลิตเมล็ด แหลงผลิตเมล็ด
่
่
่
แปลงทดสอบชนิดพันธุไม และสวนอนุรักษพันธุ ซึงเปนแมไมทีมีถินกําเนิดเดิมจากตางประเทศ ไดแก
Alamicamba ประเทศนิคารากัว, Rio Coco ประเทศนิคารากัว, Karawala ประเทศนิคารากัว, Poptun
ั
ประเทศกัวเตมาลา, Limones ประเทศฮอนดูรัส, Brus ประเทศฮอนดูรส, Santa Clara ประเทศฮอนดูรส
ั
9
ั
ั
ั
, Potosi ประเทศฮอนดูรส, Cayo – Mountain Pine Ridge ประเทศฮอนดูรส และ Bowenia รฐควีนส
แลนด ประเทศออสเตรเลีย จํานวน 473 แมไม
นอกจากนี Oxford Forestry Institute ไดทําการคัดเลือกแมไมสนเขตรอน สําหรับเอเซีย
้
ตะวันออกเฉียงใต เพือจดสราง Regional Seed Orchard ของสนคาริเบีย สนโอคารปา และสนเทคูน ู
ั
่
ุ
ํ
ั
มานี โดยโครงการปรบปรงพันธุไมสนไดทําการคัดเลือกและลงทะเบียนแมไมทั้ง 3 ชนิดไวจานวน 13
แมไม คือแมไมเบอร OFI 89-101
ั
3.6 แปลงทดสอบสายพนธุ
(1) ป พ.ศ. 2523 ปลูกทดสอบสายพันธุนานาชาติไมสนคาริเบีย ที่สถานีวนวัฒน
ั
ํ
ั
ี
วิจยหวยบง จงหวัดเชยงใหม โดยนาเมล็ดจากแมไมในสวนผลิตเมล็ดไมแหลงตางๆ จาก Queensland
ประเทศออสเตรเลีย ไดแก Byfield, Toolara, Kennedy Seed Orchard และ Cardwell และจากประเทศ
ฮอนดูรัส, ฟจิ และ Malalo Manga Seed Orchard ประเทศคองโก รวมทั้งหมด 90 สายพันธุ (Families)
(2) ป พ.ศ. 2524 ปลูกทดสอบสายพันธุนานาชาติไมสนคาริเบีย ที่สถานีวนวัฒน
ั
ั
ี
วิจัยหวยบง จงหวัดเชยงใหมโดยไดรับการสนบสนนเมล็ดจากสถาบันปาไมแหงสหราชอาณาจกร (OFI)
ั
ุ
จํานวน 88 สายพันธุ
(3) ป พ.ศ. 2535 ปลูกทดสอบสายพันธุไมสนคาริเบีย ที่สถานีวนวัฒนวิจัยหวย
่
่
บง จงหวัดเชียงใหม โดยใชเมล็ดจากแมไมของโครงการปรบปรงพันธุไมสน ซึงมีถินกําเนิดเดิมจาก
ั
ุ
ั
Limones ประเทศฮอนดูรัส จํานวน 70 Families
3.7 การผสมเกสรขามตนระหวางพอ–แมพันธุทีคัดเลือกแลว เพอใหมีลูก (F)
่
ื่
รุนตอๆ ไปที่ดียิ่งขน
ึ้
ป พ.ศ. 2551-2555 ผลิตลูกผสมไมสนคาริเบีย ทีสถานีวนวัฒนวิจยหวยบง จงหวัด
ั
ั
่
ี
เชยงใหม จาก 2 กลุมประชากร ในแปลงทดสอบสายพันธุป 2523 และแปลงทดสอบสายพันธุป 2524
จํานวนกลุมประชากรละ 5 แมไม ผลการผสมเกสรของประชากร 2 กลุม ในชวงเวลา 3 ป จานวน 30
ํ
ั
คู ใหผลผลิตเมล็ดระหวาง 33-3,340 เมล็ด คิดเปนน้ําหนก 0.27-25.22 กรัมตอคูผสม แตสามารถ
เตรียมกลาไมไดเพียง 25 คูผสม และปริมาณกลานอยเกินไปไมสามารถปลูกทดสอบสายพันธุได จึงได
ั
ปลูกเปน Clone bank ในป พ.ศ. 2555 ทีสถานีวนวัฒนวิจยหวยบง และสถานีวนวัฒนวิจยแมสะนาม
ั
่
ุ
่
ั
ระยะปลูก 3 x 3 เมตร ปลูกคูผสมละ 1 แถว ปจจบัน ทีสถานีวนวัฒนวิจยหวยบง เหลือแมไม 25
คูผสม จํานวน 351 ตน และสถานีวนวัฒนวิจัยแมสะนาม เหลือแมไม 24 คูผสม จํานวน 153 ตน
ู
4. สนโอคารปา (Pinus oocarpa Schiede) และ สนเทคนูมานี (Pinus
่
patula ssp. tecunumaii)
10
่
่
ั
ุ
การปรบปรงพันธุไมสนโอคารปา และสนเทคูนูมานี ทีดําเนินการจนถึงปจจบัน มีแหลงฐาน
ุ
พันธุกรรมในประเทศไทย (Genetic resources establishment) ดังนี้
ิ
่
4.1 แปลงทดลองถนกําเนิด
(1) แปลงทดลองถินกําเนิด ป พ.ศ. 2515 (Provenance trial 1972) พื้นที 16 ไร
่
่
่
ั
่
ั
(สนโอคารปา 12 ถินกําเนิด และสนเทคูนูมานี 3 ถินกําเนิด) ทีสถานีวนวัฒนวิจยหวยบง จงหวัด
่
่
เชียงใหม
ป พ.ศ. 2515 รวมมือกับสถาบันปาไมแหงสหราชอาณาจกร (Common Wealth
ั
Forestry Institute : CFI หรือ Oxford Forestry Institute : OFI ในปจจบัน) โดยการประสานงานของ
ุ
่
ํ
ู
DANIDA ทําการทดลองถิ่นกําเนิดนานาชาติของไมสนโอคารปา/เทคูนมานี จานวน 21 ถินกําเนิด (สนโอ
่
้
่
ู
่
คารปา 12 ถินกําเนิด และสนเทคูนมานี 3 ถินกําเนิด) ใน 2 พืนทีของประเทศไทย คือ ทีสถานีวนวัฒน
่
่
่
วิจัยหวยบง จังหวัดเชียงใหม จํานวน 12 ถินกําเนิด และทีแปลงทดสอบทาแซะ จงหวัดชมพร จานวน 5
่
ุ
ํ
ั
่
ถิ่นกําเนิด โดยที่จังหวัดชุมพรนั้นตนไมมีการเจริญเติบโตดีมาก แตแปลงทดลองไดรับความเสียหายจาก
พายุเกยในปลายป พ.ศ. 2532 คงเหลือแปลงทดลองอยูแหงเดียวคือที่จังหวัดเชียงใหม
(2) แปลงทดลองถินกําเนิดสนโอคารปา ป พ.ศ. 2523 (Provenance trial 1972)
่
ี
3 ถิ่นกําเนิด ที่สถานีวนวัฒนวิจัยหนองกระทิง จังหวัดเชยงใหม
ั
4.2 สวนอนุรักษพนธุ (Ex Situ Gene Conservation)
ก. สวนอนุรักษพนธุไมสนโอคารปา
ั
สวนอนุรกษพันธุนอกถิ่นกําเนิดของสนโอคารปา จํานวนรวม 7 ถินกําเนิด พืนทีรวม
้
ั
่
่
672 ไร ใน 4 พื้นที่คือ
(1) สถานีวนวัฒนวิจัยหวยบง จังหวัดเชียงใหม 302 ไร (7 ถิ่นกําเนิด)
ี
(2) สถานีวนวัฒนวิจัยแมสะนาม จงหวัดเชยงใหม 50 ไร (1 ถิ่นกําเนิด)
ั
ี
ั
(3) สถานีวนวัฒนวิจัยหนองกระทิง จงหวัดเชยงใหม 220 ไร (3 ถิ่นกําเนิด)
ี
ั
(4) สถานีวนวัฒนวิจัยแมแตง จงหวัดเชยงใหม 100 ไร (1 ถิ่นกําเนิด)
ู
ข. สวนอนรักษพันธุไมสนเทคนูมาน่
ุ
ี
สวนอนุรักษพันธุนอกถิ่นกําเนิดของสนเทคูนูมานี่ จํานวนรวม 4 ถิ่นกําเนิด พืนที่รวม
้
922 ไร ใน 4 พื้นที่คือ
(1) สถานีวนวัฒนวิจัยหวยบง จังหวัดเชียงใหม 420 ไร (3 ถิ่นกําเนิด)
(2) สถานีวนวัฒนวิจัยแมสะนาม จงหวัดเชยงใหม 202 ไร (3 ถิ่นกําเนิด)
ี
ั
(3) สถานีวนวัฒนวิจัยหนองกระทิง จงหวัดเชยงใหม 200 ไร (3 ถิ่นกําเนิด)
ั
ี
(4) สถานีวนวัฒนวิจัยแมแตง จงหวัดเชยงใหม 100 ไร (1 ถิ่นกําเนิด)
ั
ี
11
4.3 สวนผลิตเมล็ดพันธุ
(1) สวนผลิตเมล็ดพันธุสนเทคูนมานี ป พ.ศ. 2518 (Clonal seed orchard 1975)
ู
่
ที่สถานีวนวัฒนวิจัยหวยบง จังหวัดเชียงใหม พื้นที่ 30 ไร 5 ถิ่นกําเนิด 135 สายพันธุ
4.4 การคัดเลือกแมไม
ก. สนโอคารปา
่
่
คัดเลือกแมไมทีมีถินกําเนิดเดิมจาก Guimaca ประเทศฮอนดูรัส และ Mal Paso
ประเทศกัวเตมาลา ในแปลงทดสอบถิ่นกําเนิด และสวนอนุรักษพันธุ จํานวน 31 แมไม
ข. สนเทคนูมานี
ู
่
คัดเลือกแมไมทีมีถินกําเนิดเดิมจาก Yucul ประเทศนิคารากัว, Camelias ประเทศนิคา
่
่
่
ั
รากัว, Rafael ประเทศนิคารากัว และ Mt. Pine Ridge ประเทศบริทิชฮอนดูรส จากแปลงทดสอบถิน
กําเนิด สวนผลิตเมล็ด และสวนอนุรักษพันธุ จํานวน 150 แมไม
ั
4.5 แปลงทดสอบสายพนธุ
ป พ.ศ. 2525 ปลูกทดสอบสายพันธุ ที่สถานีวนวัฒนวิจัยหวยบง จังหวัดเชียงใหม 11
ถิ่นกําเนิด 90 สายพันธุ (สนโอคารปา 8 ถิ่นกําเนิด 66 สายพันธุ และสนเทคูนูมานี่ 3 ถิ่นกําเนิด 24
สายพันธุ)
การจัดสราง Clone bank/Hedge orchard
การจดสราง Clone bank/Hedge orchard เพื่อเปนแหลงฐานพันธุกรรมเพิ่มเติมทดแทนแม
ั
่
ไมเดิมทีมีอายุมากและมีแนวโนมลมตายไปเรือยๆ ที่ดําเนินการในป พ.ศ. 2554-2559 มีดังนี้
่
1. สนสามใบ จดสราง Clone bank/Hedge orchard 3 พื้นที่ ดังนี้
ั
ั
ี
ั
(1) สถานีวนวัฒนวิจัยแมสะนาม จงหวัดเชยงใหม จดสราง Hedge orchard ในป พ.ศ.
2554-2558 ระยะปลูก 2 x 2 เมตร จํานวน 42 แมไม รวม 170 ตน
ั
ั
(2) สถานีวนวัฒนวิจัยหวยบง จงหวัดเชียงใหม จดสราง Clone bank ในป พ.ศ. 2559
ระยะปลูก 4 x 3 เมตร จํานวน 14 แมไม รวม 123 ตน
(3) สถานีวนวัฒนวิจัยบอแกว จังหวัดเชียงใหม จัดสราง Clone bank ในป พ.ศ. 2559
ํ
ระยะปลูก 2 x 2 เมตร จานวน 19 แมไม รวม 161 ตน
2. สนสองใบ จัดสราง Hedge orchard 1 พื้นที่ ดังนี้
ั
(1) สถานีวนวัฒนวิจัยแมสะนาม จงหวัดเชยงใหม จดสราง Hedge orchard ในป พ.ศ.
ั
ี
2559 ระยะปลูก 3 x 2 เมตร จํานวน 23 แมไม 155 ตน
12
3. สนคาริเบีย จัดสราง Clone bank/Hedge orchard 2 พื้นที่ ดังนี้
ั
ี
ั
(1) สถานีวนวัฒนวิจัยแมสะนาม จงหวัดเชยงใหม จดสราง Hedge orchard ในป พ.ศ.
2554 ระยะปลูก 2 x 2 เมตร จํานวน 41 แมไม 78 ตน
(2) สถานีวนวัฒนวิจัยหวยบง จงหวัดเชียงใหม จดสราง Clone bank ในป พ.ศ. 2559
ั
ั
ระยะปลูก 4 x 3 เมตร จํานวน 6 แมไม รวม 25 ตน
การเติบโต ผลผลิต และการกักเก็บคารบอนของไมสน
1. การเติบโตของไมสน
่
ํ
สนคาริเบียทีนาเขามาปลูกในประเทศไทย มีการปรบตัวและเติบโตดีกวาสนสามใบและสน
ั
่
่
ั
่
่
สองใบซึงเปนไมทองถิน สนคาริเบียทีปลูกในจงหวัดเชียงใหมชวง 7 ปแรก พบวา มีความเพิมพูนทาง
ความสูงเฉลีย 1 เมตรตอป และความเพิมพูนทางเสนผานศนยกลางเพียงอก 1.2-1.4 เซนติเมตรตอป
่
่
ู
ู
่
่
(สาโรจน และคณะ, 2544) ความเพิมพูนดานความสูงและขนาดเสนผานศนยกลางเพียงอกเริมลดลง
หลังอายุ 10 ป สวนทีจงหวัดสุรินทร พบวา มีความเพิมพูนทางความสูงเฉลีย 0.99 เมตรตอป และ
่
่
ั
่
ความเพิมพูนทางเสนผานศนยกลางเพียงอก 1.1 เซนติเมตรตอป (ประดิษฐ, 2540) และจากการเก็บ
ู
่
่
่
ั
ขอมลการเติบโตของสนคาริเบียที่ดงลาน จงหวัดขอนแกน พบวา มีความเพิมพูนทางความสูงเฉลีย 1.1
ู
่
เมตรตอป และความเพิ่มพูนทางเสนผานศูนยกลางเพียงอกเฉลีย 1.1 เซนติเมตรตอป นอกจากนี สนคา
้
ั
็
ริเบียที่ปลูกในจังหวัดชุมพรซึ่งมีปริมาณน้ําฝนสูง (2,070 มิลลิเมตรตอป) โตเรวกวาจงหวัดเชียงใหม
้ํ
(ปริมาณนาฝน 1,191 มิลลิเมตรตอป) ถึง 6.67 เทา เมือตนไมมีอายุ 7 ป (Granhof, 1983)
่
ี
ั
้
่
่
นอกจากนี ไดมีการศึกษาการเติบโตของสนคาริเบียในหลายพืนทีของจงหวัดเชยงใหม ซึง
้
่
่
็
พบวาสนคาริเบียมีอัตราการเติบโตคอนขางเรวในชวงแรก เมืออายุ 6 ป มีอัตราความเพิมพูนทางความ
ู
สูงและเสนผานศนยกลางเพียงอกเฉลี่ย 1.1 เมตรตอป และ 1.4 เซนติเมตรตอป และอายุ 9 ป เฉลี่ย 1.5
่
้
เมตรตอป และ 1.5 เซนติเมตรตอป แนวโนมการเติบโตมีอัตราลดลงเมื่อตนไมมีอายุเพิมขึน เมืออายุ 18
่
ป มีอตราความเพิมพูนทางความสูงและเสนผานศนยกลางเพียงอกเฉลีย 1.1 เมตรตอป และ 1.2
่
่
ู
ั
เซนติเมตรตอป และอายุ 29 ป เฉลีย 0.7 เมตรตอป และ 0.9 เซนติเมตรตอป ตามลําดับ หลังอายุ 6
่
่
ุ
ป พบวาเรือนยอดของสนคาริเบียเริมเบียดชดกัน จึงเกิดการแกงแยงแสงแดด น้า และธาตอาหาร ทํา
ิ
ํ
ใหอัตราการเติบโตดานเสนผานศนยกลางเพียงอกเริมลดลง ดังน้น ระยะปลูกจึงมีผลตอความกวาง
ู
่
ั
เรือนยอดและการเติบโตของตนไม การปลูกสวนปาไมสนทีระยะปลูกเริมแรก 3 x 3 เมตร ควรมีการ
่
่
ั
ตัดสางขยายระยะครั้งแรกเมื่อตนไมมีอายุ 6 ป โดย จกรพันธ และขวัญชย (2543) พบวา สนสามใบที ่
ั
่
ั
ตดสางขยายระยะเมืออายุ 6 ป มีความโตของขนาดเสนผานศนยกลางมากกวาไมทีไมมีการตดสาง
ั
ู
่
ั
ขยายระยะถึง 10.13 เซนติเมตร Whitmore and Liegel (1980) ดังน้น การปลูกไมสนในระยะแรกควรใช
้
ั
ระยะปลูก 2 x 2 ถึง 3 x 3 เมตร และควรตัดขยายระยะคร้งแรกเมืออายุ 6 ป จะใหผลผลิตเนือไม
่
13
้
้
เพิ่มขึน การปลูกเพื่อใชประโยชนเนือไมควรมีรอบตัดฟนไมเกิน 20 ป การปลูกสรางสวนปาโดยใชเมล็ด
่
่
่
่
้
พันธุที่มีคุณภาพดีผานการปรับปรุงพันธุและมีถินกําเนิดทีเหมาะสมกับสภาพพืนทีจะชวยเพิมอัตราการ
เติบโตของตนไมในสวนปา
ถินกําเนิดสนสามใบจากประเทศไทย 3 ถินกําเนิด มีการเจริญเติบโตอยูในกลุมดีทีสุด คือ
่
่
่
ดอยอินทนนท ดอยสุเทพ และแมริด จงหวัดเชยงใหม ถินกําเนิดจากดอยอินทนนทและดอยสุเทพเปน
ี
่
ั
พันธุทีควรสนบสนุนใหนาไปปลูกไดทั้งในพืนทีสูงและพืนทีตาของประเทศไทย เนื่องจากมีการเติบโตดี
ํ
้
่
้
่
ํ
่
ั
่
้
่
่
ั
และมีอตรารอดตายคอนขางสูง สวนถินกําเนิดจากแมริดเปนพันธุทีควรสงเสริมใหปลูกเฉพาะบนพืนที ่
่
ํ
สูง และยังพบวาไมสนสามใบทีปลูกในพืนที่ตาแตมีปริมาณน้ําฝนมากมีการเติบโตดีกวาสนสามใบที ่
่
้
้
ํ
ปลูกในพืนที่สูง (อาไพ และคณะ, 2551)
่
ํ
่
เมือเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของไมสนทั้ง 3 ชนิด ในชวง 4 ปแรก พื้นที่ระดับตาที่แปลง
ทดลองทาแซะ จงหวัดชมพร พบวา ไมสนคาริเบียถินกําเนิด Alamicamba, Nicaragua เติบโตดีทีสุด
่
่
ั
ุ
ํ
่
รองลงมาคือสนโอคารปา และสนสามใบเติบโตตาที่สุด และพืนทีระดับสูงทีจงหวัดเชยงใหม พบวา ไม
ี
่
้
่
ั
สนคาริเบียถิ่นกําเนิด Alamicamba. Nicaragua ยังคงเติบโตดีทีสุด แตสนสามใบกลับมีการเติบโตดีกวา
่
สนโอคารปา (อาไพ และคณะ, 2551)
ํ
2. ผลผลิตของไมสน
ู
้
ผลผลิตของสวนปาสามารถประเมินได 2 รปแบบ ขึนกับวัตถุประสงคของการนําไปใช
้
ู
ู
ประโยชน หากตองการนําไปใชในรปไมซุงหรือไมแปรรปจะประมาณผลผลิตเปนปริมาตรเนือไม สวน
ู
ี
ั
ํ
การประมาณผลผลิตสวนปาในรปมวลชวภาพหรือน้าหนกแหงจะใชในกรณีเปนการปลูกสรางสวนปา
ี
เพื่อขายคารบอนเครดิต การประมาณปริมาตรลําตนใตเปลือกและมวลชวภาพตามขนาด
เสนผาศนยกลางเพียงอกของสนคาริเบียดังแสดงในตารางที่ 1
ู
ี
ตารางที่ 1 การประมาณปริมาตรลําตนใตเปลือกและมวลชวภาพของสนคาริเบียตามขนาด
เสนผาศนยกลางเพียงอก
ู
Volume under bark
-1
DBH (cm) Biomass (kg.individual )
-1
3
(m .individual )
5 0.005 5
10 0.034 30
15 0.109 86
20 0.248 187
25 0.471 340
14
30 0.795 557
ั
่
การประมาณปริมาตรลําตนใตเปลือกของสนคาริเบียทีช้นอายุตางๆ ไดแก 6, 9, 18 และ
่
29 ป ในพืนทีจงหวัดเชยงใหม ขอนแกน และอบลราชธานี พบวาอตราความเพิมพูนของปริมาตรลําตน
ุ
ั
้
ั
ี
่
่
ั
ไมไดขึนอยูกับอายุทีเพิมขึนเพียงอยางเดียว การจดการสวนปาโดยกําหนดระยะปลูกถีในชวงแรกของ
่
้
่
้
แปลงอายุ 6 ป (ระยะปลูก 1.5 x 3 เมตร มีปริมาตร 2.51 ลูกบาศกเมตรตอไร) ทําใหมีปริมาตร
มากกวาแปลงอายุ 9 ป (ระยะปลูก 3 x 3 เมตร มีปริมาตร 0.99 ลูกบาศกเมตรตอไร) และเมือ
่
เปรียบเทียบแปลงอายุ 18 ป (อัตราความเพิ่มพูนของปริมาตร 0.015 ลูกบาศกเมตรตอตนตอป) กับ
แปลงอายุ 29 ป (อตราความเพิ่มพูนของปริมาตร 0.014 ลูกบาศกเมตรตอตนตอป) ทีปลูกในพืนที ่
้
ั
่
่
่
ใกลเคียงกันทีหวยบง จงหวัดเชยงใหม พบวาตนไมเติบโตเตมทีเมืออายุ 18 ป หากยังไมมีการตดขยาย
่
ั
ี
็
ั
ิ
ั
ระยะหรือตดฟนมาใชประโยชน จะทําใหตนไมเบียดชดกัน อัตราการเติบโตลดลง มีผลใหความเพิ่มพูน
ั
ของปริมาตรลดลงดวย อยางไรก็ตาม อตราการรอดตายหรือความหนาแนนของตนไมในแปลงมีผลตอ
ผลผลิตสวนปาดวย
่
ั
สภาพแวดลอมก็เปนปจจยสําคัญทีทําใหสนคาริเบียเติบโตแตกตางกัน สงผลตอผลผลิต
่
่
เนือไม จากการเปรียบเทียบแปลงสนคาริเบียอายุ 29 ป ทีปลูกในพืนทีตางกัน พบวา สนคาริเบียทีดง
้
่
้
ลาน ขอนแกน โตดีที่สุด (อัตราความเพิ่มพูนของปริมาตร 0.030 ลูกบาศกเมตรตอตนตอป) รองลงมา
คือ โขงเจียม อุบลราชธานี (อัตราความเพิมพูนของปริมาตร 0.024 ลูกบาศกเมตรตอตนตอป) อินทขิล
่
ี
และหวยบง จังหวัดเชยงใหม (อัตราความเพิ่มพูนของปริมาตร 0.023 และ 0.014 ลูกบาศกเมตรตอตน
ตอป) ตามลําดับ
ั
่
การปลูกสนคาริเบียเพือตองการใชประโยชนเนื้อไมควรมีรอบตดฟนไมเกิน 20 ป จะให
ผลผลิต 1.12-2.56 ลูกบาศกเมตรตอไรตอป ทีระยะปลูก 3 x 3 เมตร (เริงชย, 2527) ทั้งนี ขึ้นกับการ
้
ั
่
่
ั
คัดเลือกพันธุทีดี มีการจดการดี และปลูกในสภาพแวดลอมทีเหมาะสมจึงจะใหผลผลิตสูง
่
ํ
ั
ั
การประมาณผลผลิตสวนปาในรปมวลชวภาพหรือน้าหนกแหง มกใชในการประมาณการ
ี
ู
ี
การกักเก็บคารบอนในสวนปาเพื่อขายคารบอนเครดิต การประมาณมวลชวภาพสวนปา เปนการหา
ั
น้ําหนกแหงของสวนตางๆ ของตนไม ไดแก ลําตน กิ่ง ใบ และราก ตอหนวยพื้นที่
ั
้
้
การประมาณมวลชวภาพของสนคาริเบียทีชนอายุตางๆ ในพืนที่จงหวัดเชยงใหม ขอนแกน
ี
่
ั
ี
และอุบลราชธานี พบวาอตราความเพิมพูนของมวลชวภาพเพิมขึนตามอายุ สนคาริเบียทีปลูกในจงหวัด
ั
่
ี
่
้
ั
่
่
เชียงใหม อายุ 6, 9, 18 และ 29 ป มีอัตราความเพิ่มพูนของมวลชวภาพรวมเฉลีย 2.7, 4.6, 12.5 และ
ี
่
่
้
14.3 กิโลกรัมตอตนตอป และเมื่อเปรียบเทียบที่อายุ 29 ป แตปลูกตางพืนทีพบวา สนคาริเบียทีดงลาน
ขอนแกน มีความเพิ่มพูนของมวลชวภาพเหนือพืนดินมากที่สุด (22.5 กิโลกรมตอตนตอป) รองลงมาคือ
้
ั
ี
ี
ั
อินทขิล จังหวัดเชยงใหม (14.8 กิโลกรัมตอตนตอป) โขงเจียม อุบลราชธานี (13.8 กิโลกรมตอตนตอป)
ั
และหวยบง จงหวัดเชียงใหม (9.4 กิโลกรมตอตนตอป) ตามลําดับ มวลชีวภาพของสวนปาขึ้นอยูกับ
ั
15
ั
่
ขนาดและความหนาแนนของตนไม ดังน้น การเลือกพันธุและสิงแวดลอมทีดี ยอมสงผลใหตนไมมีการ
่
่
ี
ั
เติบโตดีและอัตรารอดตายสูง อีกทั้งการจดการสวนปาดีจะสามารถเพิมพูนมวลชวภาพสวนปาไดมาก
ยิ่งขึ้น
3. การกักเก็บคารบอนของไมสน
การสะสมคารบอนในมวลชีวภาพปาไมของสวนปาสนคาริเบีย อายุ 6, 9, 18 และ 29 ป ใน
ี
ั
จงหวัดเชยงใหม เฉลีย 0.19, 0.26, 0.80 และ 0.57 ตนคารบอนตอไรตอป หรือคิดเปน 1.9, 2.2, 6.8
่
ั
ํ
และ 7.0 กิโลกรมตอตนตอป (อําไพ และคณะ, 2555; สมชาย และคณะ, 2555; อาไพ และคณะ,
ั
ี
์
2556; ศรีศกดิ และคณะ, 2556; อําไพ และคณะ, 2557) พบการสะสมคารบอนพบในมวลชวภาพลํา
ั
้
ั
่
ตนมากที่สุด รองลงมาคือ ราก กิง และใบ ตามลําดับ การกักเก็บคารบอนในสวนปาขึนอยูกับปจจย
ั
้ํ
้
หลายอยาง ไดแก ชนิดพรรณไม อตราการเติบโต อายุพันธุไม ปริมาณนาฝน ฤดูกาลและลักษณะพืนที่
่
ฯลฯ การกักเก็บคารบอนจะมีประสิทธิภาพมากในระยะทีเปนไมหนมและจะลดลงเมื่อสวนปามีอายุมาก
ุ
ขึ้น (Ciesla, 1995)
้
การกักเก็บคารบอนของสนสามใบและพรรณไมที่ขึนทดแทนในสวนปาสนสามใบของหนวย
ั
ั
ี
ั
ั
ํ
จดการตนน้าบอแกว จงหวัดเชยงใหม อายุ 14-34 ป ผนแปรระหวาง 6.2-18.7 ตนคารบอนตอไร โดย
่
มีการสะสมคารบอนในมวลชวภาพสนสามใบ 1.5-13.9 ตันคารบอนตอไร และในพันธุไมชนิดอืนๆ 0.8-
ี
ี
9.5 ตนคารบอนตอไร การสะสมคารบอนในมวลชวภาพของสนสามใบมีความผนแปรระหวางชนอายุ
้
ั
ั
ั
อยางไรก็ตามมีแนวโนมเพิ่มตามอายุของสวนปา (Nongnuang, 2012)
การใชประโยชนไมสนในประเทศไทย
ไมสน เปนไมทีมีลักษณะเสนใยยาว ปริมาณเซลลูโลสสูง ใชทํากระดาษเหนียวไดดี มีความ
่
ั
ตานทานตอแรงฉีกและการหกพับงอสูง ลักษณะเนื้อไมละเอียดสีขาวอมเหลือง เสี้ยนตรง การไส
่
่
ั
ตกแตงและขดงาย ไมแหงมีการหดตวปานกลาง ใชทําเครืองเรือนไดดี ทําไมประสาน ใชงานทัวไปหรือ
ั
ใชกลึงและแกะสลักไดดี ทําไมวงกบ ไมวงกบประสาน หรือไมกรอบและบานหนาตาง (สุธี และ ภิรมย,
2531) เนือไมสามารถใชประโยชนในอุตสาหกรรมอื่นอีกหลายประเภท เชน อุตสาหกรรมการกอสราง
้
ั
้
ั
ํ
่
ไมอด ไมบาง นอกจากนี ยางสนยังใชในอุตสาหกรรมสี น้ามนชกเงา และใชเปนสารแตงกลินตลอดจน
ั
ใชเปนสวนผสมในน้ําหอม (สาโรจน, 2544)
สนคาริเบีย เมื่อนํามาทําเปนเชอเพลิงอัดแทงใหคาความรอนสูงกวากระถินออลาโคคารปา
้
ื
ั
และกระถินเทพา (นฤมล และคณะ, 2556) และเมื่อนํามาผลิตเปนถานกัมมนต สามารถดูดซับสีและ
ํ
้
กลิ่นในน้าทิงจากชุมชน โรงงาน และน้ําสีสังเคราะหไดดีกวา กระถินเทพณรงค สนประดิพัทธ และไผ
ู
ั
รวก (สิริลักษณ และคณะ, 2556) ดังน้น ถานกัมมนตไมสนจึงเหมาะทีจะนามาแปรรปเพิมมลคาเปน
ํ
่
่
ั
ู
่
สบู และถานดูดกลินในตูหรือรถยนตไดดี
16
สนสามใบ สนคาริเบีย สนสองใบ และสนโอคารปา ใหคาความรอนของถาน 7,887,
ั
่
7,810, 7,769 และ 7,748 แคลอรี/กรม ตามลําดับ ซึงสูงกวาคาความรอนของถานไมโกงกาง (7,197
็
แคลอรี/กรม) แตถานไมสนมอดเรวกวาถานไมโกงกาง สวนถานสนเทคูนูมานี่ ใหคาความรอน 6,516
ั
แคลอรี/กรัม คุณภาพถานไมสนที่ดีทีสุด คือ ใหคาความรอนสูงและอัตราการเผาไหมชา เรียง
่
ู
่
ตามลําดับ คือ สนโอคารปา สนสองใบ สนสามใบ สนคาริเบีย และสนเทคูนมานี (นฤมล และคณะ,
2559)
ั
ั
นกวิจยคณะวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหมไดคิดคน ผาฝายกันน้า เพิมมลคาผา
่
ํ
ู
่
ั
ุ
พื้นเมือง ดวยการชบเคลือบสารละลายชนสนและสารสม ซึงมีราคาถูก และไมเปนพิษตอสิ่งแวดลอม
(มาโนช และ วิมล, 2553)
ยางสน มีสวนประกอบหลักอยู 2 สวน คือ เทอรเพนไทน (turpentine) และโรซิน (rosin) ใน
แงของการใชประโยชนในอตสาหกรรมขนาดเล็กจะเนนไปทีปริมาณเปนหลัก แตในแงของการผลิตเชง
ิ
่
ุ
อุตสาหกรรมขนาดใหญเปนโรงกลั่นจะเนนไปที่องคประกอบทางเคมีของยางสนที่เหมาะสม อิทธิพล
ของชนิดไมสน (species) จะสงผลกระทบตอองคประกอบปริมาณโรซิน แตปริมาณเทอรเพนไทนจะ
้
ขึ้นอยูกับถินกําเนิด สิงแวดลอม และชนิดไมสน ในการเก็บยางสน ปริมาณยางสนที่ไดขึนอยูกับ
่
่
่
สิงแวดลอมและชนิดไมสนเปนหลัก ฤดูรอนจะใหปริมาณยางสนมากทีสุด รองลงมา คือ ฤดูหนาว และ
่
่
ฤดูฝน ตามลําดับ ในแถบประเทศเขตหนาวจะเก็บยางสนประมาณ 8−9 เดือนตอป ในขณะทีประเทศ
เขตรอนจะเก็บยางสนไดทั้งป อายุที่เหมาะในการเก็บยางสนไมควรตากวา 15-20 ป หรือเมือมีขนาด
่
่
ํ
ํ
่
เสนผานศนยกลางเพียงอกไมตากวา 20-25 เซนติเมตร การเลือกชนิดไมสนที่เหมาะสมเปนสิ่งสําคัญ
ู
ในการกรีดยางสน สนคาริเบียใหปริมาณยางสนมากทีสุด รองลงมา คือ สนสองใบ และสนสามใบ
่
่
่
ขณะทีสนโอคารปาใหปริมาณยางนอยทีสุด สวนในดานคุณภาพยางสน สนสองใบ สนสามใบ และสน
คาริเบีย ใหคุณภาพดีไมตางกัน แตสนโอคารปาใหคุณภาพยางต่ําสุด (Coppen and Hone, 1995;
Haneke, 2002)
ไมสนพื้นเมืองและสนตางถิ่นทั้ง 5 ชนิด จดเปนไมทีมีน้าหนกเบาถึงปานกลาง ไมสนตางถิน
ํ
่
่
ั
ั
่
็
เชน สนคาริเบีย สนโอคารปา และสนเทคูนูมานี มีคาความแขงแรงและความยึดหยุนมากกวาสน
้
พืนเมืองพวกสนสองใบ และสนสามใบ เมื่อเปรียบเทียบคุณสมบัติของสนพืนเมือง พบวาสนสามใบมี
้
็
่
ความแขงแรงและความยึดหยุนดีกวาสนสองใบ และเมือเปรียบเทียบคุณสมบัติของสนตางถินดวยกัน
่
แลว พบวาสนโอคารปามีความแขงแรงและความยืดหยุนดีกวาสนคาริเบียและสนเทคูนมานี สนตางถิน
็
ู
่
่
มีคุณสมบัติทีโดดเดนในแงของการรบแรงเปนโครงสรางตางๆ เชน คาน ตง และโครงถักตางๆ เปนตน
่
ั
็
ไมสนตางถินและสนสามใบเหมาะทีจะใชทําเสาอาคาร เสาเขม คราวฝา และไมรองหมอนรถไฟ เปนตน
่
่
็
เมือเปรียบเทียบคาคุณสมบัติเชิงกลรอง เชน ความแขง ความเหนียว ความตานทานแรงฉีก และความ
่
่
่
่
ตานทานแรงถอนตะปู ไมสนทีโดดเดนยังเปนสนตางถินและสนสามใบทีมีความเหมาะสนในการใช
้
ประโยชนเปนขอตอ ไมพืน และเครื่องเรือนตางๆ (กอบศกดิ และคณะ, 2559)
์
ั
17
เอกสารอางอิง
ั
ั
์
ิ
่
กอบศกดิ วันธงไชย, สมพร แมลิม, ไตรรัตน เนียมสุวรรณ, พิชต ลําใย, ณัฐวัฒน คลังทรพย, สมชาย
นองเนือง, อําไพ พรลีแสงสุวรรณ และกิตติศกดิ จินดาวงศ. 2559. รายงานฉบับสมบูรณ
ั
์
้
่
ั
ุ
โครงการยอยที 2: โครงการศึกษาชนิด/พันธุไมสนเพือปลูกเปนสวนปาและการอนรกษในพืนที ่
่
ุ
โครงการหลวงวัดจนทร. โครงการยอยภายใตชดโครงการ: ศึกษาชนิดไมและการใชประโยชน
ั
ั
่
เพือการปลูกปาชาวบาน, แผนงานวิจัย: เพื่อฟนฟูและอนุรักษทรพยากรธรรมชาติและ
้
สิ่งแวดลอม. สถาบันวิจัยและพัฒนาพืนที่สูง (องคการมหาชน). 133 น.
จักรพันธ สกุลมีฤทธิ์ และ ขวัญชัย ดวงสถาพร. 2543. ผลของการตัดสางขยายระยะตอการ
ี
เจริญเติบโตของไมสนสามใบสวนปาดอยบอหลวง อําเภอฮอด จังหวัดเชยงใหม.
วารสารวิชาการปาไม 2(1): 32-40.
ั
ทัศนีย รติวานิช, อรรณพ อภิชาตบุตร, เพ็ญศรี นามประเสริฐ, วิชต สนธิวนิช และ รตนา หมอมณี.
ิ
ั
ั
2529. เยือกระดาษไมสนคาริเบียและไมสนโอคาปา. กองวิจยผลิตผลปาไม กรมปาไม
่
ุ
กรงเทพฯ. 21 หนา.
ั
นฤมล ภานนาภา ลักษมี สุทธิวิไลรตน และ ทินกร พิริยโยธา. 2556. การใชประโยชนไมโตเรวเพือ
่
็
ุ
ํ
ผลิตเช้อเพลิงเขียว, น. 26-49. ใน ผลงานวิชาการปาไม การประชมการปาไมประจาป พ.ศ.
ื
ุ
ํ
2556 ผลผลิตและงานวิจยปาไม สูการพัฒนาอยางยังยืน. ณ หองประชม 1 อาคารเทียม
ั
่
ุ
คมกฤส กรมปาไม ระหวางวันที่ 5-9 สิงหาคม 2556.
ั
ั
ประดิษฐ หอมจีน. 2540. การปลูกสรางสวนปาไมสนในประเทศไทย. สวนวนวัฒนวิจย สํานก
วิชาการปาไม กรมปาไม กระทรวงเกษตรและสหกรณ. 161 น.
่
่
์
ั
ประดิษฐ หอมจีน, วินย ศิริกุล, ประสิทธิ สะอาดอาวุธ, สมเกียรติ กลันกลิน, อําไพ พรลีแสง
สุวรรณ, สาโรจน วัฒนสุขสกุล, สมชาย นองเนือง และ คณิต รัตนวัฒนกุล. 2545. ไมสน.
่
ั
ศูนยวนวัฒนวิจัยที 1 จงหวัดเชยงใหม, สวนวนวัฒนวิจย, สํานกวิชาการปาไม, กรมปาไม. 207
ั
ั
ี
น.
พงษศกดิ ฉัตรเตชะ, อําไพ พรลีแสงสุวรรณ, สมชาย นองเนือง และ จฑารตน แสงเสถียร. 2555.
ั
์
ั
ุ
ุ
การเจริญเติบโตและสมบัติดินในสวนปาสนคาริเบีย. เอกสารประกอบการประชมการปาไม ณ
กรมปาไม กรุงเทพฯ ระหวางวันที่ 12-17 กันยายน 2555. 10 น.
พงษศกดิ์ สหุนาฬุ. 2538. ผลผลิตและการหมุนเวียนของธาตุอาหารในระบบนิเวศปาไม. คณะวน
ั
ศาสตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร กรุงเทพฯ. 557 น.
มาโนช นาคสาทา และ วิมล นาคสาทา. 2553. ผาฝายกันน้ํา. คณะวิทยาศาสตร
ม หา วิท ย า ลั ย เ ชีย งใ หม. [ร ะ บบอ อ น ไ ล น ] แหลงที ม า
่
http://www.prcmu.cmu.ac.th/perin_detail.php?perin_id=600 (1 กันยายน 2559).
18
ั
่
เริงชย เผาสัจจ. 2527. การทดลองชนิดพันธุและถินกําเนิดไมสนเพือทําเยือกระดาษ, น. 432-459.
่
่
ใน การประชมการปาไมประจาป 2527 เลม 3 กรมปาไม. กรงเทพฯ.
ุ
ุ
ํ
วิโรจน ครองกิจศิริ สมชาย นองเนือง และ อําไพ พรลีแสงสุวรรณ. 2557. การประมาณปริมาตรไม
่
และมลคาสวนปาไมสนคาริเบียอายุ 29 ป ทีสถานีวนวัฒนวิจยดงลาน จงหวัดขอนแกน. กลุม
ู
ั
ั
งานวนวัฒนวิจัย สํานักวิจัยและพัฒนาการปาไม กรมปาไม กรุงเทพฯ. 13 น.
ุ
ั
สมชาย นองเนือง, อําไพ พรลีแสงสุวรรณ, พงษศกดิ ฉัตรเตชะ และ จฑารตน แสงเสถียร. 2555. การ
์
ั
ี
ั
ั
ั
ประมาณปริมาตรไมและมวลชวภาพสวนปาสนคาริเบีย. กลุมงานวนวัฒนวิจย สํานกวิจยและ
ุ
พัฒนาการปาไม กรมปาไม กรงเทพฯ. 10 น.
ั
สมชาย นองเนือง, อําไพ พรลีแสงสุวรรณ, พงษศกดิ ฉัตรเตชะ และ วรพจน คําใบ. 2557. การ
์
่
ู
ั
ประมาณปริมาตรไมและมลคาสวนปาไมสนคาริเบียอายุ 29 ป ทีสถานีวนวัฒนวิจยอินทขิล
ั
ั
จงหวัดเชยงใหม. กลุมงานวนวัฒนวิจย สํานกวิจยและพัฒนาการปาไม กรมปาไม กรงเทพฯ.
ั
ั
ี
ุ
13 น.
สมบูรณ กีรติประยูร และ สมหมาย นามสวาท. 2537. เทคนิคบางอยางในการประมาณผลผลิตของ
ี
สวนปา II. การประมาณมวลชวภาพของสวนของลําตนที่มีขนาดจํากัด, น. 124-137. ใน
่
ํ
รายงานการประชุมวิชาการปาไม ประจาป 2537: การปลูกปาเพื่อพัฒนาสิงแวดลอม. ระหวาง
วันที่ 21-25 พฤศจิกายน 2537 ณ โรงแรมวังใต อําเภอเมือง จังหวัดสุราษฎรธานี.
สาโรจน วัฒนสุขสกุล, สมชาย นองเนือง และอาไพ พรลีแสงสุวรรณ. 2544. การทดสอบสายพันธุ
ํ
ั
ไมสนคาริเบีย อายุ 7 ป. สวนวนวัฒนวิจัย สํานกวิชาการปาไม กรมปาไม. 19 น.
ั
ํ
สาโรจน วัฒนสุขสกุล, อาไพ พรลีแสงสุวรรณ และ คณิต รตนวัฒนกุล. 2540. การทดสอบถิ่น
ั
่
ี
ั
ั
ั
กําเนิดไมสนคาริเบียป 2515. ศนยวนวัฒนวิจยที 1 จงหวัดเชยงใหม สวนวนวัฒนวิจย สํานก
ู
วิชาการปาไม กรมปาไม. 14 น.
ั
สาโรจน วัฒนสุขสกุล. 2544. สนคาริเบีย. สวนวนวัฒนวิจย สํานกวิชาการปาไม กรมปาไม
ั
ุ
กรงเทพฯ. 93 น.
ู
ั
สํานกแผนงานและสารสนเทศ. 2558. ขอมลสถิติการปาไม ป 2558. กรมปาไม กระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิงแวดลอม กรุงเทพฯ. 158 น.
่
ั
สิริลักษณ ตาตะยานนท ทินกร พิริยโยธา ฐิติภรณ บุญแยม และ ชนะภย โอสถ. 2556. การใช
ประโยชนไมโตเรวเพือผลิตถานกัมมันต, น. 50-61. ใน ผลงานวิชาการปาไม การประชมการ
็
่
ุ
ปาไมประจาป พ.ศ. 2556 ผลผลิตและงานวิจยปาไม สูการพัฒนาอยางยังยืน. ณ หองประชม
ํ
ุ
่
ั
1 อาคารเทียมคมกฤส กรมปาไม ระหวางวันที่ 5-9 สิงหาคม 2556.
สุธี วิสุทธิเทพกุล และ ภิรมย หอตระกูล. 2531. คุณสมบัติและการใชประโยชนไมโตเรว (3). เอกสาร
็
ั
ํ
ุ
การประชมการปาไม ประจาป 2531 สาขาวนผลิตภณฑ กรมปาไม กรุงเทพฯ. 13 น.
19
ั
อนนต ประทุมชาติ, สมชาย นองเนือง และ อําไพ พรลีแสงสุวรรณ. 2557. การประมาณปริมาตรไม
และมลคาสวนปาไมสนคาริเบียอายุ 29 ป ทีสถานีวนวัฒนวิจยโขงเจียม จงหวัดอบลราชธานี.
่
ุ
ั
ั
ู
กลุมงานวนวัฒนวิจัย สํานักวิจัยและพัฒนาการปาไม กรมปาไม กรุงเทพฯ. 12 น.
อาไพ พรลีแสงสุวรรณ, สมชาย นองเนือง, พงษศกดิ์ ฉัตรเตชะ และ วรพจน คําใบ. 2557. การ
ั
ํ
ประมาณปริมาตรไมและมวลชวภาพสนคาริเบีย. กลุมงานวนวัฒนวิจย สํานักวิจัยและ
ี
ั
ุ
พัฒนาการปาไม กรมปาไม กรงเทพฯ. 16 น.
อําไพ พรลีแสงสุวรรณ, สมชาย นองเนือง, พงษศักดิ์ ฉัตรเตชะ และ สาโรจน วัฒนสุขสกุล. 2556.
ี
การประมาณมวลชวภาพและการเก็บกักคารบอนในสวนปาไมสนคาริเบียอายุ 18 ป. เอกสาร
ํ
ประกอบการประชมวิชาการและนาเสนอผลงานวิชาการเครือขายงานวิจยนิเวศวิทยาปาไม
ุ
ั
ั
่
ั
ี
ประเทศไทย คร้งที 2 ณ มหาวิทยาลัยแมโจ จงหวัดเชยงใหม ระหวาง วันที 24-26 มกราคม
่
พ.ศ. 2556. 8 น.
อําไพ พรลีแสงสุวรรณ, สมชาย นองเนือง, สาโรจน วัฒนสุขสกุล, พงษศักดิ ฉัตรเตชะ, คณิต รัตน
์
ั
ุ
ู
วัฒนกุล และ จฑารตน แสงเสถียร. 2555. การประมาณปริมาตรไมและมลคาสวนปาไมสน
ั
่
่
คาริเบียอายุ 6 ป. เอกสารประกอบการสัมมนาทางวนวัฒนวิทยา คร้งที 9 ระหวางวันที 21-
้
ุ
ั
ั
22 มิถุนายน 2555 ณ หองประชมชน 7 อาคารวิจยและพัฒนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร
กรงเทพ. 14 น.
ุ
์
อําไพ พรลีแสงสุวรรณ, สัญญา สิริบุญยะพร, ศรีศกดิ พุมพวง, สมชาย นองเนือง และ วรพจน คําใบ.
ั
ู
2556. การประมาณปริมาตรไมและมลคาสวนปาไมสนคาริเบียอายุ 9 ป. กลุมงานวนวัฒน
วิจัย สํานักวิจัยและพัฒนาการปาไม กรมปาไม กรุงเทพฯ. 18 น.
ั
์
อําไพ พรลีแสงสุวรรณ, สาโรจน วัฒนสุขสกุล, สมชาย นองเนือง, คณิต รัตนวัฒนกุล, พงษศกดิ ฉัตร
เตชะ และ วาสนา ทอทอง. 2551. การปรับปรุงพันธุไมสนในประเทศไทย. ศูนยวนวัฒนวิจัย
ภาคเหนือ กลุมงานวนวัฒนวิจัย สํานักวิจัยและพัฒนาการปาไม กรมปาไม กรุงเทพฯ. 57 น.
อาไพ พรลีแสงสุวรรณ. 2555. แผนการปรับปรุงพันธุไมสน. กลุมงานวนวัฒนวิจัย สํานักวิจัยและ
ํ
พัฒนาการปาไม กรมปาไม กรงเทพฯ. 59 น.
ุ
Armitage, F.B. and J. Burley. 1980. Pinus kesiya Royle ex Gordon. Complied by F.B. Armitage
and J. Burley, with contributions from F.G. Browne, I.A.S. Gibson, P. Guldager, B.T. Styles,
J.W. Turnbull, P.J. Wood and J.G. Worrall. Tropical Forestry Papers No. 9, Department of
Forestry, Commonwealth Forestry Institute, University of Oxford. 199 p.
Ciesla, W. 1995. Climate change, forests and forest management. FAO Forest Paper. Food and
Agriculture Organization.
Coppen, J.J.W. and G.A. Hone. 1995. Gum naval stores: turpentine and rosin from pine resin.
Natural Resources Institute. Food and Agriculture Organization of the United Nations.
20
Coppen, J.J.W. and G.A. Hone. 1995. Gum naval stores: turpentine and rosin from pine resin.
Natural Resources Institute. Food and Agriculture Organization of the United Nations.
Granhof, J.J. 1983. “Growth and variation in Pinus caribaea (Morelet) at high and low elevation
and latitude in Thailand”, p: 2E1-2E52. In: Thai-Danish Cooperation on Eucalyptus and
Pine Improvement 1969-1980. Vol. II. Forest Research Paper. Silvicultural Research
Sub-Division, Royal Forest Department, Bangkok; and Danish International Development
Agency (DANIDA), Copenhagen.
Granhof, J.J. and P. Homjeen. 1983. Growth of 5 coniferous species at high elevation in northern
Thailand, p: 1A1-1A44. In: Thai-Danish cooperation on Eucalyptus and Pine Improvement
1969-1980. Vol II: Research papers. Silvicultural Research Sub-division, Royal Forest
Department, Bangkok and Danish International Development Ageney, Copenhagen.
Nongnuang, S., S. Khamyong, N. Anongrak and K. Sri-ngernyuang. 2012. Carbon Sinks and
Nutrient Accumulation in Ecosystems of Series of Pinus kesiya Plantations and Fragmented
Forests in Boakaew Highland Watershed, Chiang Mai Province. Ph.D. Thesis. Chiang Mai
University. 267 p.
Robbins, A.M.J. 1983. Pinus caribaea Morelet. Seed Leaflet No. 2. June 1983.
DANIDAForestSeedCenter, Humlebaek, Denmark. 21 p.