The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การแต่งกายพื้นเมืองภูเก็ต

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by panrawipa2534, 2022-09-05 11:11:12

การแต่งกายพื้นเมืองภูเก็ต

การแต่งกายพื้นเมืองภูเก็ต

การแต่งกายพืน้ เมืองภูเกต็

- ความเป็นมาการแตง่ กายพืน้ เมืองภเู ก็ต

การแตง่ กายของคนภเู ก็ตจะเป็นการผสมผสานของหลายชนชาติออกมาอย่างสวยงามซง่ึ ปัจจบุ นั ชาวภเู ก็ตยงั คง
รกั ษาวฒั นธรรมการแตง่ กายแบบจีนบาบ๋าไวโ้ ดยปรบั เปล่ียนรายละเอียดใหเ้ หมาะสมกบั ยคุ สมยั โดยชดุ แตง่ กายท่ี
นาเสนอจะเป็นการแตง่ กายของคนภเู กต็ เม่อื สมยั รอ้ ยกวา่ ปีมาแลว้ ซง่ึ เป็นการผสมผสานของหลายชนชาติออกมา
อยา่ งสวยงาม

- ประวตั วิ ฒั นธรรมการแตง่ กาย

เปอรานากนั (มลายู : Peranakan) หรอื บา้ บา๋ – ย่าหยา คือกลมุ่ ลกู ครง่ึ มลายู – จีน ท่มี วี ฒั นธรรมผสมผสาน
และสรา้ งวฒั นธรรมแบบใหมข่ นึ้ มา โดยเป็นการนาเอาสว่ นดีระหวา่ งจีนและมลายมู ารวมกนั โดยช่ือ “เปอรานา
กนั ” มีความหมายวา่ “เกิดท่ีน่ี”

เปอรานากนั เป็นกลมุ่ ชาวจีนท่มี เี ชือ้ สายมลายู เน่ืองจากในอดีตกลมุ่ พอ่ คา้ ชาวจีนโดยเฉพาะกลมุ่ ฮกเกีย้ นเดิน
ทางเขา้ มาคา้ ขายในบรเิ วณดินแดนคาบสมทุ รมลายู และตดั สินใจตงั้ ถ่ินฐานในเมือง มะละกาประเทศ
มาเลเซยี ในตอนตน้ ทศวรรษท่ี 14 โดยแตง่ งานกบั ชาวมลายทู อ้ งถ่ิน โดยภรรยาชาวมลายูจะเป็นผดู้ แู ลกิจการ
การคา้ ท่ีน่ี แมแ้ ตค่ นในระดบั พระราชวงศ์ กม็ สี มั พนั ธไมตรีระหวา่ งกนั ระหวา่ งสลุ ตา่ นมะละกากบั จกั รพรรดิ
ราชวงศห์ มงิ โดยในปี ค.ศ. 1460 สลุ ตา่ นมนั โซชาห์ ทรงอภิเษกกบั เจา้ หญิงฮงั ลีโปแห่งราชวงศห์ มงิ และทรง
ประทบั บนภเู ขาจีน หรอื บกู ิตจีนา (Bukit Cina) พรอ้ มเชือ้ พระวงศอ์ กี 500 พระองค์

สาหรบั สายเลอื ดใหมข่ องชายชาวจีนกบั หญิงมลายหู ากเป็นชายจะไดร้ บั การเรยี กขานวา่ บา้ บ๋า หรือบา้ บา๋
(Baba) สว่ นผหู้ ญิงจะเรยี กวา่ ยา่ หยา (Nyonya) และเม่อื คนกลมุ่ นีม้ ีจานวนมากขนึ้ ก็ไดส้ รา้ งวฒั นธรรมรูปแบบ
ใหมท่ ่ีแตกตา่ งไปจากเดิมของบรรพบรุ ุษ โดยมาผสมผสานกนั เป็นวฒั นธรรมใหม่ เม่อื พวกเขาอพยพไปตงั้ ถ่ินฐาน
ในบรเิ วณนี้ กไ็ ดน้ าวฒั นธรรมของตนกระจายไปดว้ ยวฒั นธรรมใหมน่ ีจ้ งึ ถกู เรียกรวมๆ วา่ จีนช่องแคบ

ตอ่ มาเม่อื สมยั อาณานิคมดตั ช์ ชว่ งตน้ ทศวรรษ 1800 ไดม้ ชี าวจีนอพยพเขา้ มามากขนึ้ จนทาใหเ้ ลือดมลายขู องชาว
เปอรานากนั จางลง จนรุน่ หลงั แทบจะเป็นจีนเตม็ ตวั ไปแลว้ แตก่ ็ไมไ่ ดท้ าใหว้ ฒั นธรรมผสมผสานของชาวเปอรานา
กนั จืดจางลงไปเลย การผสมผสานนีย้ งั มใี หเ้ หน็ ในการแตง่ กายแบบมลายู เช่น ซารุง กบายา และชดุ ย่าหยา ซง่ึ
ถือเป็นการแตง่ กายอนั สวยงามท่ีผสมผสานรูปแบบของชาวจีนและมลายเู ขา้ ดว้ ยกนั อย่างงดงาม ฝ่ายหญิงใสเ่ สือ้
ฉลลุ ายดอกไม้ รอบคอ เอว และปลายแขนอยา่ งงดงาม นิยมนงุ่ ผา้ ซ่ินปาเตะ๊ ฝ่ายชายยงั คงแตง่ กาย คลา้ ยรูปแบบ
จีนดงั้ เดิม อาหารแบบเฉพาะตวั และภาษาท่ีผสมผสานคาทงั้ มลายู จีน และองั กฤษไวด้ ว้ ยกนั ดว้ ยการรบั เอา
วฒั นธรรมอนั หลากหลายเขา้ มาคาเรียกของชาวเปอรานากนั นนั้ จงึ แบง่ เป็นชายและหญิง โดยรบั ตอ่ ภาษาต่างๆ ท่ี
เขา้ มามีอิทธิพลทางดา้ นวฒั นธรรมในดนิ แดนแหง่ นี้

บา้ บา๋ หรอื บาบา๋ (Baba) เป็นคาท่ีภาษามลายู ท่ียืมาจากภาษาเปอรเ์ ซยี โดยคานีเ้ ป็นคาใหเ้ กียรติแกป่ ่ ยู ่าตายาย
โดยคานีจ้ ะใชเ้ รยี กชาวเปอรานากนั ท่ีเป็นผชู้ าย โดยเร่ิมจากการเป็นภาษาตลาด จากคนหาบเร่ และผขู้ าย จน
สดุ ทา้ ยคาวา่ บา้ บา๋ นีไ้ ดใ้ ชก้ นั โดยท่วั ไป

ยา่ หยา ญอญ่ะ หรอื โญญ่ะ (Nyonya) เป็นคาภาษาชวา ท่ียืมมาจากภาษาดตั ช์ คาวา่ Donaหมายถงึ ผหู้ ญิง
ตา่ งประเทศแตง่ งาน เน่ืองจากภาษาชวามีความโนม้ เอยี ง เพ่ือเนน้ ถงึ ผหู้ ญิงตา่ งประเทศ ภายหลงั ไดใ้ ชเ้ รียกชาว
เปอรานากนั ท่ีเป็นผหู้ ญิง แตช่ าวเปอรานากนั ในประเทศไทยยา่ หยาเป็นคาเรียกชดุ สตรีชนดิ หน่งึ

ในประเทศไทยคนกลมุ่ นีจ้ ะอยใู่ นจงั หวดั ภเู กต็ โดยมบี รรพบรุ ุษอพยพมาจากปีนงั และมะละกาโดยคนกลมุ่ นีม้ ี
วฒั นธรรมใกลเ้ คยี งกบั กลมุ่ เปอรานากนั ในประเทศมาเลเซีย,อนิ โดนีเซยี และ สงิ คโปร์ ชาว เปอรานากนั ในไทย
ใชภ้ าษาไทยถ่ินใต้ ท่ีเจือไปดว้ ยคาศพั ทจ์ ากภาษามาเลย์ , จีน และองั กฤษ ชาวเปอรานากนั ในภเู ก็ต นิยมเรียก
กนั วา่ บา้ บา๋ ไดท้ งั้ ชาย และหญิง

- รูปแบบการแตง่ กายและเคร่อื งประดบั

การแตง่ กายของคนภเู กต็ จะเป็นการผสมผสานของหลายชนชาติออกมาอย่างสวยงาม ซง่ึ ปัจจบุ นั ชาวภเู กต็
ยงั คงรกั ษา วฒั นธรรมการแตง่ กายแบบจีนบาบา๋ ไว้ โดยปรบั เปล่ยี นรายละเอยี ดใหเ้ หมาะสมกบั ยคุ สมยั โดยชดุ
แตง่ กายท่ีนาเสนอจะเป็นการแตง่ กายของคนภเู ก็ต เม่ือสมยั รอ้ ยกวา่ ปีมาแลว้ ซง่ึ เป็นการผสมผสานของหลายชน
ชาตอิ อกมาอยา่ งสวยงาม

1. ชดุ เสือ้ คอตงั้ แขนจีบ

ชดุ นใี้ ชไ้ ดต้ งั้ แตว่ ยั เดก็ จนถงึ ผสู้ งู อายุ ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ในโอกาสไปตลาด ไปวดั ไปไหวพ้ ระท่ีศาลเจา้ ผา้ นงุ่
เป็นผา้ ปาเตะ๊ ตวั เสือ้ ความยาวระดบั เอวชายเสือ้ แตง่ ขอบดว้ ยลกู ไม้ คอตงั้ ติดคอผ่าหนา้ ติดกระดมุ ทองหรอื เข็ม
กลดั แถว แขนเสอื้ ยาวจีบปลายแขน มกี ระเป๋ าใบใหญ่สองขา้ ง

2. ชดุ นายเหมอื งและภรรยา
ชดุ นายเหมอื ง ประกอบดว้ ยกางเกงและเสือ้ คอตงั้ แขนเสอื้ ยาว มีกระเป๋ าคลา้ ยชดุ ราชประเดน็ สวมหมวกกะโล่

สาหรบั ผสู้ งู วยั ก็จะใชไ้ มเ้ ทา้ ดว้ ยสว่ นภรรยา หากออกงานพิธีการสาคญั ๆ จะแตง่ ชดุ เสือ้ ครุย ประกอบดว้ ยเสือ้ ตวั
ในเป็นเสอื้ คอตงั้ ปลายแขนจีบเหมอื นชดุ เสือ้ คอตงั้ แขนจีบท่วั ไป นงุ่ ผา้ ปาเต๊ะ สวมทบั ดว้ ยเสอื้ ครุยยาวผา้ ป่ านรูเบีย
หรือผา้ มสั ลนิ มลี วดลาย ตดิ เขม็ กลดั ชิน้ ใหญ่เป็นชดุ เรยี กวา่ ชดุ โกสงั ซง่ึ มี 3 ตวั ใสก่ าไลขอ้ เทา้ สวมรองเทา้ ปักดนิ้
หรอื ลกู ปัด
ทรงผม เกลา้ ผมทรงสงู ดา้ นหนา้ เรยี บตงึ ดา้ นหลงั โป่ งออกเรยี ก ชกั อีโบย เกลา้ มวยไวบ้ นศีรษะ สว่ นดา้ นขา้ งสอง
ขา้ งดงึ ใหโ้ ป่ งออกเรียกวา่ อเี ปง มวยดา้ นบนดงึ ขนึ้ เป็นรูปหอยโขง่ ใชด้ อกมะลหิ รอื ดอกพดุ ตมู ประดบั รอบมวยผม
แลว้ ปักป่ินทอง

3. ชดุ เจา้ สาว
มลี กั ษณะเคร่อื งแตง่ กายและทรงผมแบบเดยี วกบั ชดุ คหปตานี ตา่ งกนั ท่ีเสอื้ ครุยเจา้ สาวสว่ นใหญ่จะใชผ้ า้ ลกู ไม้

โปรง่ หรือผา้ ป่ านแกว้ สว่ นผา้ นงุ่ จะใชป้ าเตะ๊ สสี ด รอบมวยผมเป็นฮ่วั ก๋วน หรอื มงกฎุ เจา้ สาว ประดบั ดว้ ยดอกไม้
ไหว ซง่ึ ทาจากทองคา ปักป่ินทองคา เคร่ืองประดบั เป็นทองและเพชรอลงั การ ใสต่ มุ้ หรู ะยา้ สวมสรอ้ ยคอทอง

เรียก หล่นั เตป่ ๋ าย ท่ีหนา้ อกเสือ้ จะประดบั ประดาดว้ ยป่ินตงั้ ทองคาเหมอื นรูปดาวเต็มหนา้ อก หอ้ ยสายสรอ้ ยทอง
สวมแหวน กาไลมอื กาไลขอ้ เทา้ สวมรองเทา้ ปักดนิ้ เงินดนิ้ สว่ นชดุ เจา้ บ่าว จะหนั มานิยมสวมสทู แบบตะวนั ตก
แตย่ งั นาจีส้ รอ้ ยคอหรือป่ินตงั้ มาตดิ ท่ีปกเสอื้

- ความเป็นมาของชดุ ยา่ หยา

ย่าหยา หรอื ชาวจีนภเู ก็ตเรยี กวา่ ป่ัวตง่ึ เต่ ท่ีแปลวา่ ครง่ึ สนั้ ครง่ึ ยาว ชาวปีนงั เรยี กวา่ ชดุ เคบายา่ เป็นชดุ การ
แตง่ กายทางชาวพืน้ เมอื งดงั้ เดิมภเู ก็ต ปัจจบุ นั การแตง่ กายชดุ ย่าหยา ถือวา่ เป็นการแตง่ กายท่ีงดงาม แสดงออกถงึ
ความสวยงามของความเป็นกลุ สตรีภเู กต็ ในงานสาคญั ๆ เชน่ งานบญุ งานประเพณีตา่ ง ๆ อาทิ งานแตง่ งาน
งานบวช งานประเพณีกินผกั งานวนั ปีใหม่ หรอื งานตรุษสงกรานต์ จะมโี อกาสไดเ้ ห็นสตรภี เู ก็ตแตง่ กายชดุ ย่าหยา
ท่ีงามสงา่ นา่ พิศ น่ามองเป็นท่ีประทบั ใจย่ิงของผไู้ ดพ้ บเห็น
ย่าหยา แตเ่ ดิมนนั้ เป็นชดุ แตง่ กายของผหู้ ญิงชาวภเู ก็ต ซง่ึ ปรบั ปรุงพฒั นามาจากชดุ ครุย ซง่ึ เป็นชดุ แตง่ กายของ
เจา้ สาวในประเพณีดงั้ เดิมของคนจีนท่ีมาตงั้ รกรากถ่ิน ฐานอยใู่ นเกาะภเู กต็ ชดุ ครุยนนั้ เป็นชดุ ท่ีตอ้ งสวมใสห่ ลาย
ชนั้ หลายชิน้ อาจไมค่ ลอ่ งตวั และไมเ่ หมาะกบั อากาศในบา้ นเมอื งแถบนี้ จงึ มกี ารปรบั เปล่ยี นรูปแบบการแตง่ กาย
ใหก้ ระฉบั กระเฉงและโปรง่ สบายขนึ้ ตาม ความเหมาะสม หากแตย่ งั คงความงามและสรา้ งเสน่หใ์ หผ้ สู้ วมใสไม่
เปล่ยี นแปลงไปเลย

- ลกั ษณะของชดุ ยา่ หยา
เป็นชดุ ลาลอง ตวั เสอื้ ตดั ดว้ ยผา้ ลกู ไมห้ รือผา้ ป่ านรูเบีย แขนยาว เขา้ เอวรดั รูป ปักลายฉลทุ งั้ ท่ีคอเสือ้ ชายเสือ้

และปลายแขน ตวั เสือ้ ดา้ นหนา้ ปลายแหลมยาว ความยาวตวั เสอื้ จะอย่รู ะดบั สะโพกบน ปกเสือ้ ดา้ นหนา้ แบะออก
สาหรบั ตดิ โกสงั หรือกระดมุ ทองฝังเพชรท่ีรอ้ ยเช่ือมดว้ ย สรอ้ ยทอง สว่ นผา้ น่งุ ปัจจบุ นั นิยมใชผ้ า้ ปาเต๊ะปักเล่อื ม
เพ่ือสนบั สนนุ งานฝีมอื ของกลมุ่ แมบ่ า้ นในชมุ ชน

เสือ้ ยา่ หยาในสมยั แรก จะเป็นผา้ โปรง่ สพี นื้ ปลายเสือ้ ดา้ นหนา้ แหลมยาวเกือบถงึ ตกั แตด่ า้ นหลงั จะสนั้
ประมาณเอว เขา้ รูปเลก็ นอ้ ยไมถ่ งึ กบั รดั รูป ชายเสือ้ ปลายแขนเสอื้ ขอบปกและคอเสือ้ ตดิ ลกู ไมถ้ กั ดอู ่อนหวาน
เป็นงานฝีมอื ของสาว ๆ ท่ีตอ้ งเรียนรูว้ ชิ าเย็บปักถกั รอ้ ยไวส้ าหรบั เย็บเสอื้ ใสเ่ อง กระดมุ ตดิ เสอื้ แบบโบราณจะใช้
กระดมุ ชดุ 3 ตวั มลี กั ษณะเป็นเข็มกลดั มีสายสรอ้ ยเช่ือมตอ่ กนั ทาดว้ ยทอง ทองเหลือง หรือนาก ในสมยั ตอ่ มา
ลายปักของเสือ้ ยา่ หยา มกั เป็นลวดลายของดอกไมง้ าม ตามวฒั นธรมตะวนั ออกท่ีมกั เปรยี บผหู้ ญิงเป็นดอกไม้ อกี
ทงั้ ดอกไมย้ งั แทนความเป็นธรรมชาตแิ ละมคี วามหมายท่ีแตกตา่ งกนั เชน่ ดอกกหุ ลาบแทนหญิงสาวในวยั ท่ีงาม
เปลง่ ปล่งั เตม็ ท่ี เช่นเดยี วกบั ดอกมะลซิ ง่ึ มีกล่ินหอม ดอกบวั หมายถงึ ความงามบรสิ ทุ ธิ์ผ่องใส ดอกเชอรร์ ่ีท่จี ะบาน
เฉพาะในฤดใู บไมผ้ ลิแทนความงามของสาวรุน่ ดอกเบญจมาศแทนความย่งั ยืนม่นั คงและความเป็นผใู้ หญ่ ดอก
กลว้ ยไมเ้ ป็นความงามแบบลกึ ลบั เป็นตน้

เสอื้ ย่าหยาในยคุ ปัจจบุ นั จะตดั เยบ็ เขา้ รูป เนน้ ความงามและสดั สว่ นของผสู้ วมใสม่ ากขนึ้ สว่ นผา้ ถงุ นนั้ ยงั คง
เป็นผา้ ปาเตะ๊ เนือ้ ดี สเี ขา้ กบั เสอื้ หรืออาจเป็นสีท่ีช่วยขบั ใหเ้ สอื้ ดเู ดน่ ขนึ้

ปัจจบุ นั สตรภี เู ก็ตนิยมสวมใสช่ ดุ ยา่ หยามากขนึ้ ทาใหส้ ตรภี เู กต็ มคี วามงามเป็นเอกลกั ษณ์ เป็นการสบื ทอด
วฒั นธรรมประเพณีเฉพาะของชนชาวภเู กต็ ท่ีไมม่ ีวนั จางหายไปกบั เสือ้ ผา้ ยคุ ปัจจบุ นั ท่หี าเอกลกั ษณไ์ มค่ อ่ ย

พบ คณุ คา่ ของย่าหยา คอื คณุ คา่ ของมรดกในวนั วาน แมจ้ ะเป็นอดตี แตเ่ ป็นอดีตท่ีรุง่ เรืองมากคา่ ดว้ ยวฒั นธรรม
เฉพาะถ่ิน และยงั สง่ ผา่ นจากรุน่ ส่รู ุน่ ไมเ่ คยหยดุ น่ิง หรือขาดตอนขาดชว่ งไป

- ผา้ ปาเต๊ะ

เป็นวฒั นธรรมรว่ มของผคู้ นในคาบสมทุ รมลายแู ละถือเป็นอตั ลกั ษณก์ ารแตง่ กายของวฒั นธรรมเพอรานากนั
ทงั้ สาวบาบา๋ และสาวภเู ก็ตท่วั ไปนิยมนงุ่ ผา้ ปาเตะ๊ มาตงั้ แตอ่ ดีต

คาวา่ ปาเตะ๊ หรือ บาติก (Batik) เดิมเป็นคาในภาษาชวาใชเ้ รยี กผา้ ท่ีมลี วดลายท่ีเป็นจดุ คาวา่ “ ตกิ ” มี
ความหมายวา่ เลก็ นอ้ ย หรอื จดุ เลก็ ๆ ผา้ ปาเตะ๊ จงึ หมายถงึ ผา้ ท่ีมลี วดลายเป็นจดุ ๆ ดา่ ง ๆ ซง่ึ มาจากกรรมวธิ ี
วธิ ีการทาผา้ ปาเต๊ะท่ีจะใชเ้ ทียนปิดสว่ นท่ไี มต่ อ้ งการใหต้ ดิ สแี ละใชว้ ธิ ีการแตม้ ระบาย หรือ ยอ้ ม ในสว่ นท่ีตอ้ งการ
ใหต้ ิดสี ผา้ บาติกบางชิน้ อาจจะผา่ นขนั้ ตอนการปิดเทียน แตม้ สี ระบายสี และ ยอ้ มสี ในผืนเดียวกนั

ลวดลายของผา้ ปาเตะ๊ จะเป็นรูปท่ีมตี น้ แบบมาจากธรรมชาติ เชน่ ตน้ ไม้ ดอกไม้ หรือรูปเลขาคณิตตา่ ง ๆ สาหรบั
ผา้ ปาเตะ๊ ในวฒั นธรรมเพอรานกนั จะนิยมรูปสญั ลกั ษณม์ งคลตามคตจิ ีน เช่น รูปดอกทอ้ ดอกโบต๋นั พดั ลายหงส์
หรือ นกฟินิกส์ ถือเป็นการผสมผสานทางวฒั นธรรมความเป็นมลายแู ละจีน

ผา้ ปาเตะ๊ ท่ีขนึ้ ช่ือและเป็นท่ีนิยมของสาวบาบา๋ ภเู ก็ต มาตงั้ แตอ่ ดตี มดี ว้ ยกนั 3 ประเภท คอื

1. ผา้ ปาเต๊ะลาสอ้ ม

(Lasem Style) เป็นผา้ ปาเต๊ะท่ีผลติ ในชวา ประเทศอนิ โดนีเซยี นิยมเป็นสนี าตาล และสสี ม้ อิฐ ลวดลายสว่ นใหญ่
เป็นลายขวาง รูปดอกไม้ และสตั วช์ นิดตา่ ง ๆ เชน่ ปลา นก

2. ผา้ ปาเต๊ะเมืองไทร
เป็นผา้ ปาเตะ๊ ท่ีไมม่ ที า้ ย เขียนลวดลายดอกทงั้ ผืน มีสามสดี ว้ ยกนั คือ สีดา สขี าวนาเงิน และสขี าวเขียว

3. ผา้ พนั
คือ ผา้ ปาเต๊ะท่ีมีความยาวกวา่ ผา้ ปาเต๊ะปกติ วธิ ีการน่งุ คือจะใชพ้ นั รอบตวั ลวดลายท่นี ิยมรูปดอกไม้ รูปสตั วช์ นิด
ตา่ ง ๆ เชน่ ปลา นก

ผา้ ปาเต๊ะทงั้ 3 แบบ เป็นท่ีนิยมและมรี าคาสงู เพราะดว้ ยเป็นผา้ ท่ีน่ิมมือ ไมล่ อกง่าย มลี วดลาย - สี เป็น
เอกลกั ษณแ์ ละมีกล่นิ หอมซง่ึ เป็นคณุ สมบตั ิหนง่ึ ของผา้ ปาเตะ๊ ท่ีดี

ปัจจบุ นั การน่งุ ผา้ ปาเต๊ะมกี ารพฒั นาไปตามยคุ สมยั และเทคโนโลยี โดยหากยอ้ นไปในอดตี การนงุ่ ผา้ ปาเตะ๊ ท่ี
ถกู ตอ้ ง ตอ้ งนงุ่ เอาสว่ นท่ีเรยี กว่า “ทา้ ยผา้ ” ใหอ้ ย่ทู างสะโพกดา้ นซา้ ย หลายคนอาจสงสยั วา่ ทา้ ยผา้ อย่ตู รงไหนละ?

สว่ นทา้ ยผา้ จะมลี กั ษณะเป็นกรอบส่ีเหล่ยี มท่ีมี สี – ลวดลายแตกตา่ งจากสว่ นท่ีเป็นพืน้ คาดผืนผา้ จากบนลงลา่ ง
การน่งุ โดยการเอาสว่ นของทา้ ยผา้ อยทู่ างสะโพกดา้ นซา้ ย(ดภู าพประกอบ) ถือเป็นทรคิ สาหรบั การนงุ่ ผา้ ปาเตะ๊ ให้
ถกู ตอ้ งตามแบบโบราณและเป็นลกู เลน่ ของการนงุ่ ผา้ ปาเต๊ะท่ีเม่อื มองจากทงั้ 2 ดา้ นท่ีมี สี - ลวดลายตา่ งกนั จะ
เหมือนกบั วา่ ผสู้ วมใสน่ งุ่ ผา้ ปาเตะ๊ คนละผืนกนั

ปัจจบุ นั ผา้ ปาเตะ๊ มหี ลากหลายรูปแบบ ยา่ นถนนถลางใจกลางเมืองเก่าภเู ก็ต เป็นแหลง่ รวมผา้ ปาเต๊ะนานา
ชนิดใหเ้ ลอื กสรรเป็นเจา้ ของ ถา้ มีโอกาสมาเยือนภเู กต็ อยา่ ลืมลองหาผา้ ปาเตะ๊ สกั ผืนถ่ายภาพกบั ย่านเมืองเก่า
อวดเพ่ือน ๆกนั นะคะ

ถา้ สภาพสตรีภเู กต็ โดยเฉพาะคนรุน่ ใหมจ่ ะชว่ ยกนั รกั ษาชดุ ยา่ หยาใหเ้ ป็นมรดกท่ีสืบตอ่ ช่วั ลกู ช่วั หลาน กจ็ ะย่ิง
สรา้ งคณุ คา่ แหง่ วฒั นธรรมการแตง่ กายอนั งดงามย่ิงนีต้ ลอดไป

- เคร่ืองประดบั ชดุ พืน้ เมือง ( เจา้ สาว )

( โกสงั ) ( ปินตงั้ )

( มงกฎุ ดอกไมไ้ หว ) ( ตมุ้ หู ) ( กาไลขอ้ มอื )

( สรอ้ ยคอ ,จีเ้ หรยี ญฝร่งั ) ( แหวน )

- เคร่ืองประดบั ชดุ พืน้ เมือง ( ชดุ เสือ้ คอตงั้ แขนจีบ )

(ปินตงั้ ) ( เขม็ กลดั 3 ตวั ) ( กระดมุ กมิ ตนู้ )


Click to View FlipBook Version