The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เรื่องการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning : PBL)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Phakwalan Petchui, 2020-09-12 06:05:31

เรื่องการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning : PBL)

เรื่องการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning : PBL)

การจดั การเรยี นรู้โดยใชป้ ญั หาเป็นฐาน

การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน
(Problem Based Learning : PBL)

Problem-based Learning ก็ คื อ วิ ธี ก า ร เ รี ย น รู้ วิ ธี ห น่ึ ง
ที่มีรูปแบบการเรียนรู้โดยการนาปญั หามาเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการ
เรียนรู้ การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based learning)
หรือ (PBL) เป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่เกิดข้ึนจากแนวคิดตามทฤษฎี
การเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ นิยม (Constructivism) โดยให้ผู้เรียนสร้าง
ความรู้ใหม่ จากการใช้ปัญหาที่เกิดข้ึนจริงในโลกเป็นบริบท
ของการเรียนรู้ (Learning Context) เพื่อให้ผู้เรียน เกิดทักษะในการคิด
วิเคราะห์และคิดแก้ปัญหา รวมทั้งได้ความรู้ตามศาสตร์ในสาขาวิชาท่ีตน
ศึกษา ไปพร้อมกันด้วย การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน จึงเป็นผล
มาจากกระบวนการทางานที่ต้องอาศัยความเข้าใจและการแก้ไขปัญหา
เป็นหลัก ถ้ามองในแง่ ของยุทธศาสตร์การสอน PBL เป็นเทคนิค
การสอนท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ลง มือปฏิบัติด้วยตนเอง เผชิญหน้ากับ
ปญั หาด้วยตนเอง จะทาให้ผเู้ รยี นไดฝ้ ึกทกั ษะในการคิดหลายรูปแบบ

การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน
(Problem Based Learning : PBL)

รปู แบบของการจดั การเรยี นรแู้ บบการใชป้ ญั หาเป็นฐาน หรือ PBL มีลักษณะ สาคัญดงั นี้
1. ให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้อย่างแท้จริง (student-centered

Learning)
2. จัดผเู้ รยี นเป็นกลมุ่ ยอ่ ย ๆ ให้มจี านวนกลมุ่ ละประมาณ 5-8 คน
3. ผู้สอนทาหน้าที่ เป็นผู้อานวยความสะดวก (facilitator) หรือผู้ให้

คาแนะนา (guide)
4. ใช้ปัญหาเป็นตัวกระตุน้ (สงิ่ เรา้ ) ให้เกดิ การเรียนรู้
5. ลักษณะของปัญหาที่นามาใช้ ต้องมีลักษณะคลุมเครือ ไม่ชัดเจน

มวี ิธีแก้ไขปญั หาไดอ้ ย่าง หลากหลาย อาจมคี าตอบไดห้ ลายคาตอบ
6. ผู้เรียนเป็นผู้แก้ปัญหาโดยการแสวงหาข้อมูลใหม่ ๆ ด้วยตนเอง

(self-directed learning)
7. การประเมินผล ใช้การประเมินผลจากสถานการณ์จริง (authentic

assessment) ดูจาก ความสามารถในการปฏบิ ัติของผู้เรียนในขณะทากิจกรรมการเรยี นรู้
(Learning process) และ พิจารณาจาก ผลงานที่เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ (Learning
product) รูปแบบการเรียนรโู้ ดยใชป้ ัญหา เปน็ ฐาน (Problem-based Learning: PBL

การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน
(Problem Based Learning : PBL)

ข้ันตอนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานนั้น ประกอบดว้ ย 6 ขนั้ ตอน อนั ไดแ้ ก่

ข้ันท่ี 1 กาหนดปัญหา ผู้สอนสร้างสถานการณ์ต่าง ๆ เพ่ือกระตุ้นผู้เรียน
โดยอาจเป็นการ แนะนาแนวทาง ยกตัวอย่างสถานการณ์ หรือถามคาถามท่ีให้คิดต่อ
เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและ มองเห็นปัญหา มีโอกาสเลือกเฟ้นและเสนอปัญหาที่
หลากหลาย และสามารถแบ่งกลุ่มตามความสนใจ ซึ่งก่อนที่จะกาหนดปัญหาน้ัน
ครูผู้สอนควรทดสอบความรู้พ้ืนฐานของผู้เรียนเสียก่อน เพื่อใช้เป็นข้อมูล ในการ
กาหนดปญั หา ซง่ึ ตอ้ งเหมาะสมกบั ความรู้พนื้ ฐานทผี่ เู้ รียนมี

ข้ันท่ี 2 ทาความเข้าใจกับปัญหา ผู้สอนจะกระตุ้นผู้เรียนด้วยคาถามหรือ
การเสริมแรง เพ่ือให้ ผู้เรียนทาความเข้าใจกับปัญหาท่ีอยากรู้ โดยเน้นให้เกิดการระดม
สมอง เพ่ือหาแนวทางและวิธีการใน การหาคาตอบ โดยมีครูผู้สอนคอยดูแลตรวจสอบ
เพือ่ ให้เกิดความถูกตอ้ ง

ข้ันที่ 3 ดาเนินการศึกษาค้นคว้า ผู้เรียนจะต้องดาเนินการศึกษาค้นคว้า
อย่างเป็นระบบร่วมกัน โดยมีการกาหนดกติกา วางเป้าหมาย และดาเนินกิจกรรมตาม
ระยะเวลาที่กาหนด โดยมคี รผู สู้ อนคอย ใหค้ าชแ้ี นะและอานวยความสะดวก

การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน
(Problem Based Learning : PBL)

ข้ันตอนการจัดการเรยี นร้โู ดยใชป้ ญั หาเป็นฐานน้ัน
ขั้นท่ี 4 สังเคราะห์ความรู้ ผู้เรียนแต่ละคนสังเคราะห์ความรู้ที่ได้จากการ

ค้นคว้า โดยมีการ นาเสนอกันภายในกลุ่ม เพื่อหาข้อสรุป ทบทวนและตรวจสอบความ
ถูกต้อง โดยมีครูผู้สอนถามคาถาม โดยกระตุ้นให้ผู้เรียนมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
และเกิดความคิดรวบยอด

ข้ันที่ 5 สรุปและประเมินค่าของคาตอบ ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนาข้อสรุปท่ีได้มา
สร้างเป็นองค์ความรู้ ใหม่ และเลือกวิธีที่จะนาเสนอสู่ภายนอก โดยผ่านความเห็นชอบ
จากครผู ู้สอนในการตรวจสอบความ ถกู ตอ้ ง และความเหมาะสมในการนาเสนอ

ขั้นท่ี 6 นาเสนอและประเมนิ ผลงาน ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนาองค์ความรู้ที่ได้ไป
นาเสนอตามวิธีการ ท่ีได้กาหนดไว้ เพื่อเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ โดยครูผู้สอน
ประเมนิ ผลการเรียนรู้จากการดาเนินงานของผ้เู รยี นตามสภาพจรงิ

การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน
(Problem Based Learning : PBL)

การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน นับว่าเป็นหน่ึงในแนวทาง
การจัดการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับ การศึกษาในศตวรรษที่ 21 เพราะเป็นหนึ่งในแนวการ
จัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยสามารถ นามาใช้กับผู้เรียนแทบทุกระดับชั้น
โดยขนึ้ อย่กู บั การค้นหาปัญหาทเ่ี หมาะสมกับพ้ืนฐานความร้ขู อง ผเู้ รียน

สาหรบั ขอ้ จากดั ของการจดั การเรียนรรู้ ูปแบบนี้ คอื จะต้องมีพื้นที่เพียงพอ
ให้ผเู้ รยี นได้ ปฏบิ ัตกิ ารแบบกลุ่มย่อย มแี หล่งศกึ ษาค้นควา้ ท่เี หมาะสมและเข้าถึงงา่ ย และ
สาคญั ทส่ี ุด คือครแู ละ บคุ ลากรที่เก่ียวข้องจะตอ้ งมีความเขา้ ใจและมที ัศนคติที่ดีตอ่ การ
จัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานจึง จะสามารถดาเนินการตามแนวการจัดการเรียนรู้
โดยใช้ปัญหาเป็นฐานไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน
(Problem Based Learning : PBL)

แนวทางประยกุ ตส์ กู่ ารปฏบิ ตั ใิ นการบรหิ ารจดั การสถานศกึ ษา
การเตรยี มความพรอ้ มครบู คุ ลากร

1) ศึกษาหลักสูตร เพ่ือให้ครูเกิดความเข้าใจจุดประสงค์ของหลักสูตร
ตลอดจนตัวชี้วัดและมาตรฐานการเรียนรู้ต่างๆอย่างละเอียดและสามารถนาความรู้
ดังกล่าวไปจดั กระบวนการเรยี นรู้ ให้สอดคลอ้ งกับหลกั สูตรแกนกลางตามเปา้ หมายการ
เรยี นรู้ได้

2) วางแผนผังการจัดการเรยี นรู้เกี่ยวกับเน้อื เรือ่ งที่จะสอน โดยครูต้องหา
ความรู้ท่ีเชื่อมโยงกับเน้ือเร่ืองในการกาหนดแผนการจัดการเรียนรู้ คือมีการออกแบบ
กิจกรรมด้วยตนเอง ใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ชุมชนเพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจในการ
เรียนรู้ให้กับเด็ก ออกแบบกิจกรรมใช้ส่ือให้ทันกับเหตุการณ์ปัจจุบัน ทันกับคาตอบของ
เด็ก และเช่ือมโยงกับส่ิงที่เด็กเรยี นรู้ โดยเน้นออกแบบกิจกรรมการสอนแบบบูรณาการ
รายวชิ า

3) ออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสม ครูผู้สอนต้องออกแบบ
กิจกรรมการเรียนร้อู ยา่ งรัดกมุ ใหร้ ายละเอียดการจดั กจิ กรรมทีช่ ัดเจน คือ ไมว่ ่าครทู า่ น
ใดอ่านแผนการจดั การเรียนรู้ แล้วสามารถจัดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามแผนดังกล่าวได้

การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน
(Problem Based Learning : PBL)

แนวทางประยกุ ตส์ กู่ ารปฏบิ ตั ใิ นการบรหิ ารจดั การสถานศกึ ษา
การเตรยี มความพรอ้ มครบู คุ ลากร

4) ครผู สู้ อนสอบถามความตอ้ งการในการเรยี นและสรา้ งความคนุ้ เคยกบั
นกั เรยี น ครจู ะตอ้ งสรา้ งความคนุ้ เคยกบั นกั เรียนและถามความตอ้ งการของนักเรยี นวา่
อยากเรยี นอะไรในปีการศึกษานน้ั เพอื่ สารวจความต้องการของผเู้ รียนไวเ้ ป็นแนวทางใน
การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ใหส้ อดคลอ้ งระหว่างหลกั สตู รและความตอ้ งการของ
นักเรยี น เพื่อความสะดวกในการจดั กิจกรรมการเรียนรทู้ มี่ ีความเหมาะสมและเปน็
กจิ กรรมทนี่ ่าสนใจสาหรบั นักเรียนมากขน้ึ

การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน
(Problem Based Learning : PBL)

แนวทางประยกุ ตส์ กู่ ารปฏบิ ตั ใิ นการบรหิ ารจดั การสถานศกึ ษา
ขน้ั ตอนการเรยี นรแู้ บบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน สาหรับคู่มือการจดั การเรยี นรแู้ บบใชป้ ญั หา
เปน็ ฐานน้ี ไดน้ าข้นั ตอนการจดั การเรียนรแู้ บบใชป้ ัญหาเป็นฐานทไ่ี ดจ้ ากการวิเคราะห์
ขอ้ มูลการแลกเปลยี่ นเรยี นรู้โดยโครงการพฒั นาโรงเรียนต้นแบบและภาคีทเ่ี ก่ียวขอ้ งเพือ่
การพัฒนาทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 มูลนธิ สิ ดศรี-สฤษด์ิวงศ์ (มสส.) โดยมขี ั้นตอนการ
จัดการเรยี นรู้ ดงั น้ี

1) ทดสอบความรเู้ กยี่ วกบั เนอ้ื หาทจี่ ะสอนกอ่ นเรยี น เพอื่ จะไดท้ ราบความรู้
พน้ื ฐานของนกั เรียนเป็นรายบคุ คลในเรอื่ งดงั กล่าว และเป็นแนวทางในการออกแบบหรอื
ปรับกระบวนการจดั การเรยี นรขู้ องครูให้เหมาะสมและสอดคล้องกบั ความตอ้ งการของ
นกั เรยี นดว้ ย

2) ใหค้ วามรเู้ บอื้ งตน้ กอ่ นเรม่ิ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ความร้พู ืน้ ฐานจะนาไปสู่
การเรยี นรขู้ องเด็กในกจิ กรรมทต่ี ้องลงมอื ปฏิบตั ิ ดังน้ัน ครจู ึงตอ้ งอธบิ ายเนือ้ หา
คร่าวๆ เพอ่ื ใหเ้ ดก็ เกดิ ความเขา้ ใจในเบือ้ งต้น

3) เปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ เสนอสง่ิ ทอ่ี ยากเรยี นรู้ โดยใหเ้ ดก็ เขียนถึงสิง่ ทตี่ นเอง
อยากเรยี นรู้ และสง่ิ ทตี่ นเองเรยี นร้มู าแลว้ สิ่งทเ่ี ด็กอยากเรียนรู้อาจเปน็ ปัญหาใน
ชวี ิตประจาวนั หรอื ปญั หาของชมุ ชน หรือแนวทางในการแก้ปญั หาท่ถี กู กาหนดขนึ้ ในช้ัน
เรยี น ท่ีเดก็ ช่วยกนั คิดและอยากลงมอื ปฏบิ ตั ิ

การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน
(Problem Based Learning : PBL)

แนวทางประยกุ ตส์ กู่ ารปฏบิ ตั ใิ นการบรหิ ารจดั การสถานศกึ ษา
ขนั้ ตอนการเรยี นรแู้ บบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน

4) แบ่งกลุ่มเด็กในการทากิจกรรม เพ่ือให้เด็กรู้จักวางแผนคือ ให้เด็กรู้จัก
กาหนดกิจกรรมการเรยี นรู้ของตนเอง โดยการทาปฏิทินการเรียนรู้ตามความตอ้ งการใน
การเรียนของตน วิธีการดังกล่าวเพื่อให้เด็กรู้หน้าท่ีของตนเองและในขณะเดียวกัน
สามารถแบ่งหนา้ ท่คี วามรับผิดชอบใหแ้ ก่ตนเองและเพอ่ื นในกลมุ่ ได้

5) สร้างกติกาในการร่วมกิจกรรมในช้ันเรียน เพื่อให้เด็กรู้จักเคารพใน
เงอื่ นไขและกติกาที่กาหนดขน้ึ โดยทกุ คนในชนั้ เรียนจะตอ้ งยอมรับและปฏิบตั ิตาม

6) ให้เดก็ ลงมือปฏบิ ัติกจิ กรรมด้วยตนเอง ครูเปิดโอกาสให้เด็กได้เรยี นรแู้ ละ
ลงมือปฏิบัติได้กิจกรรมต่างๆด้วยตนเอง โดยครูจะคอยเป็นผู้แนะนา ตอบคาถามและ
สังเกตเด็กขณะทากจิ กรรม

7) ครใู หเ้ ดก็ สรปุ สง่ิ ท่เี รยี นรจู้ ากการทากจิ กรรมและใหเ้ ดก็ ได้นาเสนอผลงาน
ของตน โดยครเู ปน็ ผู้คอยสนับสนุนให้เกิดการนาเสนอท่ี

8) ประเมินผลการจัดการเรียนรู้ตามสภาพจริง ประเมินผลหลากหลาย
รปู แบบและเป็นไปอยา่ งสร้างสรรค์ ไมจ่ ากัดแนวคิดในการนาเสนอการจัดการเรียนรขู้ อง
เด็ก จากผลงานและพฤติกรรมทเี่ ด็กแสดงออกขณะรว่ มกจิ กรรม โดยกาหนดเกณฑก์ าร
ประเมินผลการเรยี นรูใ้ ห้สอดคลอ้ งกับเนอ้ื หาท่ีจะสอนเปน็ หลัก

การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน
(Problem Based Learning : PBL)

แนวทางประยกุ ตส์ กู่ ารปฏบิ ตั ใิ นการบรหิ ารจดั การสถานศกึ ษา
ขน้ั ตอนการเรยี นรแู้ บบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน

6. การประเมนิ ผลการเรยี นรแู้ บบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน การประเมินผล การ
เรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ควรจะมีการประเมินผลตามสภาพจริง มีการกาหนด
เป้าหมายทมี่ คี วามสัมพนั ธ์ในการประเมิน ไดแ้ ก่ 1) ควรทาความเขา้ ใจด้านกระบวนการที่
เกีย่ วกบั การเรยี นรโู้ ดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน 2) การพัฒนาการเรยี นรู้ดว้ ยตนเองของผูเ้ รยี น
และ 3) สง่ิ ท่ไี ด้รบั จากเนือ้ หาวชิ า โดยทาการประเมนิ ดังน้ี

1) การประเมินตามสภาพจริง เป็นการวัดผลหรือประเมินผลการ
ปฏิบัติงานของนักเรียนโดยตรงผ่านชีวิตจริง เช่น การดาเนินการด้านการสืบสวน
ค้นคว้าการร่วมมือกันทางานกลุ่มในการแก้ปัญหา การวัดผลจากการปฏิบัติงานจริง
เป็นตน้

2) การสงั เกตอย่างเป็นระบบ เป็นอกี วธิ หี นงึ่ ท่ีมคี วามเกย่ี วข้องกบั
การประเมินผลในด้านทักษะกระบวนการของผู้เรียนในขณะเรียน ผู้สอนต้องมีการ
กาหนดเกณฑ์การประเมินให้ชัดเจน เช่น การแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์น้ัน ควรมีการ
กาหนดเกณฑก์ ารประเมนิ ไว้ ไดแ้ ก่ การสรา้ งปญั หาหรอื คาถาม การสรา้ งสมมตฐิ าน การ
ระบุตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และตัวแปรควบคุม การอธิบายแนวทางในการเก็บรวบรวม
ขอ้ มูล และการประเมินผลสมมตฐิ านบนพ้ืนฐานของข้อมูลทดี่ ี

การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน
(Problem Based Learning : PBL)

แนวทางประยกุ ตส์ กู่ ารปฏบิ ตั ใิ นการบรหิ ารจดั การสถานศกึ ษา
ขน้ั ตอนการเรยี นรแู้ บบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน

7. บทบาทของครูในการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน การจัดการ
เรียนรแู้ บบใชป้ ัญหาเปน็ ฐานครูผู้สอนจะทาหน้าที่สนับสนุนการเรยี นรู้ของผ้เู รยี น คอยให้
คาปรึกษา กระตุ้นให้ผู้เรียนเอาความรู้เดิมท่ีมีอยู่มาใช้และเกิดการเรียนรู้โดยการต้ัง
คาถาม ส่งเสริมให้ผู้เรยี นประเมนิ การเรยี นรู้ของตนเอง รวมทั้งเป็นผู้ประเมินทักษะของ
ผูเ้ รยี นและกลุ่ม พรอ้ มใหข้ ้อมลู ย้อนกลับเพ่อื ใหผ้ ้เู รียนได้เกิดการพฒั นาตนเอง


Click to View FlipBook Version