มหาเวสสั นดรชาดก
ผลงานชิ้ นนี้ เป็นส่ วนหนึ่งในของการ
เรียนรู้รายวิชส ท๓๑๑๐๒ ภาษาไทย๒
เสนอ
ครูสุชาติ พิบูลย์วรศักดิ์
ครูประจำวิชา
๑
คำนำ
หนังสื ออิเล็กทรอนิกส์ เล่นนี้ เป็นส่ วนหนึ่งของ
รายวิชา ท๓๑๑๐๒ ภาษไทย๒ จัดทำขึ้นเพื่อศึกษา
และค้นคว้าในเรื่องมหาเวสสันดรชาดก ซึ่งเป็นหนึ่ง
ใน ทศชาติชาดก ลักษณะคำประพันธ์ของเรื่อง จุด
ประสงค์ในการแต่ง ข้อคิดที่ได้รับ คณะผู้จัดทำหวัง
ว่า ผู้อ่านและผู้ศึกษา จะได้รับความรู้ไม่มากก็น้อย
หากมีข้อผิดพลาดประการใดในข้อมูลขอภัย ณ ที่นี้
ด้วย
คณะผู้จัดทำ
นักเรียนชั้ นมัธยมตอนปลาย๔/๑๐
วันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๕
๒
สารบัญ ๑
๒-๓
คำนำ ๔-๗
สารบัญ ๘-๙
ผู้แต่ง ๑๐
ที่มาของเรื่อง ๑๑
ลักษณะคำประพันธ์ ๑๒
จุดประสงค์ในกานแต่ง ๓๖
เนื้ อเรื่ องทั้ง๑๓กัณฑ์
วิจารณ์ตัวละครสำคัญในเรื่อง
◈ พระเวสสันดร
◈ พระนางมัทรี
๓
สารบัญ
◈ พระกัณหา
◈ พระชาลี
◈ ชูชก ๔๑
◈ พระนางผุสดี ๔๒
◈ พระเจ้ากรุงสญชัย ๔๓
๔๔
ฝนโบกขรพรรษ ๔๕
ทศชาติ
ข้อคิดที่สามมารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
บรรณานุกรม
จัดทำโดย
๔
ผู้แต่ง
พระเทพโมลี (กลิ่น)
พระเทพโมลี ( กลิ่น ) นิพนธ์ 1 กัณฑ์ คือ
มหาพน
เจ้าพระยาพระคลัง (หน)
เจ้าพระยาพระคลัง ( หน ) นิพนธ์ 2 กัณฑ์ คือ กุมาร, มัทรี
๕
ผู้แต่ง
กวีสำนักวัดถนน
สำนักวัดถนน นิพนธ์ ๑ กัณฑ์ คือ ทานกัณฑ์
กวีวัดสั งขจาย
สำนักวัดสัขจายนิพนธ์ ๑ กัณฑ์ คือ ชูช กัณฑ์ชูชก
๖
ผู้แต่ง
กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงนิพนธ์ 5
กัณฑ์คือ ทศพร ,หิมพานต์, มหาราช,นครกัณฑ์
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระจอมเก้าเจ้าอยู่หัว พระราชนิพนธ์
3 กัณฑ์ คือ วนปเวสนื, จุลพน, สักบรรพ
๗
ผู้แต่ง
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงนิพนธ์ 5
กัณฑ์คือ ทศพร ,หิมพานต์, มหาราช,นครกัณฑ์
๘
ที่มาของเรื่อง
เวสสั นดรชาดกนี้ เป็นเรื่ องใหญ่จัดรวมไว้ในมหานิบาตชาดกรวม
เรื่องใหญ่ 10 เรื่อง ที่เรียกกันว่า ทศชาติ แต่อีก 9 เรื่อง ไม่เรียก
ว่ามหาชาติ คงเรียกแต่เวสสันดรชาดก เรื่องเดียวว่า มหาชาติ
ข้อนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์ เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
โปรดประทานอธิบายว่า พุทธศาสนิกชนชาวไทยตลอดจน
ประเทศใกล้เคียงนับถือกันมาแต่โบราณว่า เรื่องมหาเวสสันดร
ชาดก สำคัญกว่าชาดกอื่น ๆ ด้วยปรากฏบารมีของพระโพธิสัตว์
บริบูรณ์ ในเรื่องมหาเวสสันดรชาดกทั้ง 10 บารมี อานิสงส์การ
ฟังเทศน์มหาชาติ
๙
ที่มาของเรื่อง
การตั้งใจฟังเทศน์มหาชาติให้จบเพียงวันเดียวครบ
บริบูรณ์ ทั้ง 13 กัณฑ์จะเป็นเหตุให้สำเร็จความ
ปรารถนาทุกประการดับ 1. เมื่อตายจากโลกนี้แล้วจะมี
โอกาสได้พบพระพุทธเจ้า พระนามว่าศรีอริยเมตไตยใน
อนาคต 2. เมื่อดับขันธ์ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ จะ
เสวยทิพยสมบัติมโหฬาร 3. เมื่อตายไปแล้วจะไม่ตก
นรก 4. เมื่อถึงยุคพระพุทธเจ้าพระนามว่า ศรีอริยเมต
ไตย จะได้จุติไปเกิดเป็นมนุษย์ 5. ได้ฟังธรรมต่อหน้า
พระพักตร์ของพระพุทธองค์ จะได้ดวงตาเห็นธรรมเป็น
พระอริยบุคคล ในบวรพุทธศาสนา
๑๐
ลักษณะคำประพันธ์
ลักษณะคำประพันธ์ มหาเวสสันดรชาดกเป็น
มหาชาติกลอนเทศน์ มีลักษณะคำประพันธ์เป็น
ร่ายยาวที่มีคาถาบาลีนำ ร่ายยาว บทหนึ่งไม่
จำกัดจำนวนวรรค แต่ที่นิยมคือตั้งแต่ ๕ วรรคขึ้น
ไป และแต่ละวรรคก็ไม่จำกัดจำนวนคำเช่นกัน แต่
ไม่ควรน้อยกว่า ๕ คำ ซึ่งคำสุดท้ายของวรรค
หน้าจะส่งสัมผัสไปวรรคหลังคำใดก้ได้ แต่เว้นคำ
สุดท้ายของวรรคอาจจบลงด้วย “คำสร้อย”
๑๑
จุดประสงค์ในการแต่ง
จุดประสงค์ในการแต่ง เพื่อใช้เทศน์ให้ประชาชนฟัง มหา
เวสสันดรชาดก แต่งขึ้นเพื่อใช้เทศน์มหาชาติ เนื่องจากร่ายยาว
หมาเสสันดรชาดกเป็นชาดกเรื่องใหญ่ที่สุด เป็นชาติที่พระ
โพธิสั ตว์เสวยพระชาติเป็นพระเสสั นดรซึ่ งเป็นพระชาติสุดท้าย
ก่อนจะประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ แล้วเสด็จออกผนวชกระทั่งได้
ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเรื่องราวในพระชาติที่เป็นพระ
เวสสันดรได้ทรงบำเพ็ญทศบารมี ครบทั้ง ๑๐ ประการ โดนเฉพาะ
อย่างยิ่ง ทานบารมี ซึ่งทรงบริจาคบุตรทารทาน คือ บริจาคพระ
ชาลี พระกัณหา และพระนางมัทรี จึงเป็นชาติที่สำคัญและยิ่งใหญ่
เรียกว่า “มหาชาติ” หรือ “มหาเสสันดรชาดก”
๑๒
เนื้ อเรื่องทั้ง๑๓กัณฑ์
กัณฑ์ที่ ๑ ทศพร
พระนางผสุดีเทพอัปสรสิ้นบุญ พระอินทร์ทรง
ทราบจึงให้นางขอพร ๑๐ ประการคือ ให้ได้
อยู่ในประสาทของพระเจ้า สิริราชแห่งนครสีพี
ขอให้มีจักษุดำดุจน์นัยน์ตาลูกเนื้อ ขอให้คิ้วดำ
สนิท ขอให้นามว่า ผุสดี ขอให้มีโอรสที่ทรง
เกียรติยศเหนือกษัตริย์ทั้งหลายและใจบุญ ขอ
ให้มีครรถ์ที่ผิดไปจากสตรีสามัญคือแบนราบ
ในเวลาทรงครรถ์ขอให้มีถันงามอย่ารู้ดำและ
หย่อนยาน ขอให้มีเกศาดำสนิท ขอให้มีผิว
งาม และข้อสุดท้าย ขอให้มีอำนาจปลดปล่อย
นักโทษได้
๑๓
เนื้ อเรื่องทั้ง๑๓กัณฑ์
กัณฑ์ที่ ๒ หิมพานต์
พระนางผุสดีได้จุติลงมาเป็นพระราชธิดาพระเจ้ามัททราชได้อภิเษกสมรสกับ
พระเจ้ากรุงสุญชัย แห่งสิวิรัฐนคร ต่อมาได้ประสูติพระโอรสนามว่า “เวสสันดร”
ในวันที่ประสูตินั้นได้มีนางช้างฉัททันต์ตกลูกเป็นช้างเผือกขาวบริสุทธิ์ จึงนำมา
วางไว้ในโรงช้างต้นคู่บารมีให้มีนามว่า “ปัจจัยนาค” ต่อมาพระเจ้าสญชัยได้ทรง
มอบราชสมบัติแด่พระเวสสันดรและให้ทรงอภิเษก กับพระนางมัทรี เป็นคู่บารมี
ในการบริหารบ้านเมือง พระเวสสันดรทรงมีพระนิสัยน้อมไปในการบาเพ็ญทาน
ทรงมุ่งจะบริจาค เป็นอารมณ์ เมื่อเกิดภาวะฝนแล้งในแคว้นกลิงคะ ประชาชนจึง
มาขอช้างปัจจัยนาค พระองค์ ก็ทรงประทานให้ อันเป็นเหตุให้ชาวเมืองสีพีไม่
พอใจ ทูลขอให้พระเจ้าสญชัยเนรเทศไปสู่ ป่าหิมพานต์
๑๔
เนื้ อเรื่องทั้ง๑๓กัณฑ์
กัณฑ์ ๓ ทานกัณฑ์
พระเวสสันดรพร้อมด้วยนางมัทรีชาลี และกัณหาออกจาก
พระนครจึงทูลขอพระราชทานโอกาสบำเพ็ญมหาสั ตสดกทาน
คือ การให้ทานครั้งยิ่งใหญ่อันได้แก่ ช้าง ม้า โคนม นารี ทาสี
ทาสาสรรพวัตภาภรณ์ต่างๆรวมทั้งสุราบานอย่างละ ๗๐๐
๑๕
เนื้ อเรื่องทั้ง๑๓กัณฑ์
กัณฑ์ที่ ๔ นประเวศน์
เมื่อเดินทางถึงนครเขตราช ทั้งสี่กษัตริย์จึงแวะเข้าประ
ทัพพักหน้าศาลพระกษัตริย์ ผู้ครองนครเจตราชจึงทูล
เสด็จครองเมือง แต่พระเวสสันดรทรงปฏิเสธและเมื่อ
เสด็จถึงเขาวงกตได้พบอาศรม ซึ่งท้าววิษณุกรรมเพ
รมิดตามพระบัญชาของพระอินทร์กษั ตริย์ทั้งสี่ จึงทรง
ผนวชเป็นพระดาบสำนักในอาศรม
๑๖
เนื้ อเรื่องทั้ง๑๓กัณฑ์
กัณฑ์ที่ ๕ ชูชก
ชูชกได้นางอมิตตามาเป็นภรรยาและหมายจะได้โอรส และธิดาพระเวสสันดรมาเป็น
ทาส ในแควันกาลิงคะมีพราหมณ์แก่ชื่ อชูชก พนักในบ้านทุนวิฐะ เที่ยวขอทานใน
เมืองต่างๆ เมื่อได้เงินถึง ๑๐๐ กหาปณะ จึงนำไปฝากไว้กับพราหมณ์ผัวเมีย แต่ได้
นำเงินไปใช้เป็นการส่วนตัวเมื่อชูชกมาทวงเงินคืนจึงยกนางอมิตดาลูกสาว ให้แก่ชู
ชก นางอิมิตดาเมื่อมาอยู่ร่วมกับชูชกได้ทำหน้าที่ของภรรยาที่ดี ทำให้ชายใน
หมู่บ้านเปรียบเทียบกับภรรยา หญิงในหมู่บ้านจึงเกลียดชังและรุมทำร้ายทุบตีนา
งอมิตดา ชูชกจึงเดินทางไปทูลขอกัณหาชาลีเพื่อเป็นทาสรับ ใช้ เมื่อเดินทางมาถึง
เขาวงกตก็ถูกขัดขวางจากพราหมณ์จตบุตรผู้รักษาประตูป่า
๑๗
เนื้ อเรื่องทั้ง๑๓กัณฑ์
กัณฑ์ที่ ๖ จุลบน
ชูชกได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมแก่พรานเจตบุตรอ้างว่าเป็นพระ
ราชสาสน์ของเจ้ากรุงสญชัยจึงได้พาไปยังต้นทางที่จะ
ไปอาศรมฤาษี
๑๘
เนื้ อเรื่องทั้ง๑๓กัณฑ์
กัณฑ์ที่ ๗ มหาพน
เมื่อถึงอาศรมฤาษี ชูชกได้พบกับจุตฤาษี ชูชกใช้คารม
หลอกล่ออัจจุตฤาษีให้ที่พัก ๑คืน และบอกเส้นทางไป
ยังอาศรมพระเวสสั นดร
๑๙
เนื้ อเรื่องทั้ง๑๓กัณฑ์
กัณฑ์ที่ ๘ กัณฑ์กุมาร
พระเวสสันดรทรงได้ทานสองโอรสแก่เฒ่าชูชก พระนา
งมัทรีฝันร้ายเหมือนบอกเหตุแห่งการพลัดพรากรุ่ง
เช้าเมื่อนางมัทรีเข้าป่าหาอาหารแล้วชูชกจึงเข้าเฝ้าทูล
ขอสองกุมาร สองกุมารจึงพากันลงไปซ่อนตัวอยู่ที่
สระพระเวสสันดรจึงลงเสด็จติดตามสองกุมาร แล้ว
จึงมอบให้แก่ชูชก
๒๐
เนื้ อเรื่องทั้ง๑๓กัณฑ์
กัณฑ์ที่ ๙ กัณฑ์มัทรี
พระนางมัทรีทรงได้ตัดความห่วงหาอาลัยในสายเลือด อนุโมทนาทานโอรสทั้ง
สองแก่ชูชก พระนางมัทรีเดินเข้าไปหาผลไม้ในปาลีกจนคล้อยเย็นจึงเดินทาง
กลับอาศรม แต่มีเทวดาแปลงกายเป็นเสือนอนขวาง ทางจนค่ำ เมื่อกลับถึง
อาศรมไม่พบโอรส พระเวสสันดรได้กล่าวว่านางนอกใจ จึงออกเที่ยวหาโอรส
และกลับมาสิ้นสติ ต่อเบื้องพระพักตร์ พระองค์ทรงตกพระทัยลืมตนว่าเป็น
ดาบส จึงทรงเข้าอุ้มพระนางมัทรีและทรงกันแสง เมื่อนางมัทรี ฟื้ นจึงถวาย
บังคมประทานโทษพระเวสสั นดรจึงบอกความจริงว่าได้ประทานโอรสแก่ชูชก
แล้ว หากชีวิตไม่สิ้นคงจะได้พบนางจึงได้ทรงอนุโมทนา
๒๑
เนื้ อเรื่องทั้ง๑๓กัณฑ์
กัณฑ์ที่ ๑๐ สั กกบรรพ
พระอินทร์เจ้าจำแลงกายเป็นพราหมณ์มาขอพระนางมัทรี แล้วสลบลงเมื่อได้
พบ ท้าวสักกะเทวราชเสด็จแปลงเป็นพราหมณ์เพื่อทูลขอนางมัทรีพระ
เวสสันดรจึงพระราชทานให้พระนางมัทรีก็ยินดี อนุโมทนาเพื่อร่วมทานบารมี
ให้สำเร็จพระสัมโพธิญาณเป็นเหตุให้เกิดแผ่นดินไหวสะท้าน ท้าวสักกะเทวราช
ในร่าง พราหมณ์จึงฝากนางมัทรี่ไว้ยังไม่รับไป ตรัสบอกความจริงและถวาย
คืนพร้อมถวายพระพร ๘ ประการ
๒๒
เนื้ อเรื่องทั้ง๑๓กัณฑ์
กัณฑ์ที่ ๑๑ มหาราช
เทพเจ้าจำแลงองค์องค์ทำนุบำรุงขวัญสองกุมารก่อนเสด็จนิวัติถึงมหานครสีพี เมื่อเดินทางผ่านป่า
ใหญ่ชูชกจะผูกสองกุมารไว้ที่โคนต้นไม้ ส่วนตนปีนขึ้นไปนอนบนต้นไม้เหล่าเทวดาจึงแปลงร่างลง
มาปกป้องสองกุมาร จนเดินทางถึงกรุงสีพีเกิดนิมิตฝันตามคำทำนายยังความปีติปราโมทย์ เมื่อ
เสด็จลงหน้าลานหลวง ตอนรุ่งเช้าทอดพระเนตรเห็นชูชกพากุมารน้อยสองพระองค์ ทรงทราบ
ความจริงจึงพระราชทานค่าไถ่คืน ต่อมาชูชกก็ดับชีพตักษัยด้วยเพราะเดโชธาตุไม่ย่อย ชาลีจูงได้
ทูลขอให้ไปรับพระบิดาพระมารดานิวัติพระนคร ในขณะเดียวกันเจ้านครกลิงคะได้โปรดคืนช้าง
ปัจจัยนาคแก่นครสี พี
๒๓
เนื้ อเรื่องทั้ง๑๓กัณฑ์
กัณฑ์ที่ ๑๒ ฉกษัตริย์
หกกษัตริย์ถึงวิสัญญีภาพสลบลงเมื่อได้พบหน้า ณ อาศรมดาบสที่เขาวงกต พระเจ้ากรุงสญ
ชัยใช้เวลา ๑ เดือน กับ ๒๓ วัน จึงเดินถึงเขาวงกต เสียงโห่ ร้องของทหารทั้ง ๔ เหล่า พระ
เวสสันดรทรงคิดว่าเป็นข้าศึกมารบนนครสีพี จึงชวนนางมัทรีขึ้นไปแอบดูที่ยอดเขาพระนางมัท
รี ทรงมองเห็นกองทัพพระราชบิดา ได้ทรงตรัสทูลพระเวสสันดรและเมื่อหกกษัตริย์ได้พบหน้า
กันทรงกันแสงสุดประมาณ รวมทั้งทหารเหล่าทัพ ทำให้ป่าใหญ่สนั่นครั่นครืน ท้าวสักกะเทว
ราชจึงได้ทรงบันดาลให้ฝนตกประพรมหกกษั ตริย์และหวยหาญได้หายเศร้าโศก
๒๔
เนื้ อเรื่องทั้ง๑๓กัณฑ์
กัณฑ์ที่ ๑๓ นครกัณฑ์
หกกษัตริย์นำพยุหโยธาเสด็จนิวัติพระนครพระเวสสันดรขึ้นครองราชย์แทนพระราชบิดา พระ
เจ้ากรุงสัญชัยตรัสสารภาพผิด พระเวสสันดรจึงทรงลาผนวชพร้อมทั้งพระนางมัทรีและเสด็จ
กลับสู่สีพีนคร เมื่อเสด็จถึงจึงรับสั่ งให้ชาวเมืองปล่อยสัตว์ที่กักขัง ครั้นยามราตรีพระ
เวสสันดรทรงปริวิตกว่า รุ่งเช้าประชาชนจะแตกตื่นมารับบริจาคทาน พระองค์จะประทานสิ่ง
ใดแก่ประชาชนท้าวโกสีห์ได้ทราบจึงบันดาล ให้มีฝนแก้ว ๗ ประการ ตกลงมาในนครสีพีสูงถึง
หน้าแข้ง พระเวสสันดรจึงทรงประกาศให้ประชาชนขน เอาตามปรารถนา ที่เหลือให้ขนเข้า
คลังหลวง ในการต่อมาพระเวสสันดรเถลิงราชสมบัติปกครองนครสีพี โดยทศพิธราชธรรม
บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุขตลอดพระชนมายุ
๒๕
คำศัพท์ที่ปรากฏ
กระลี หมายถึง เหตุร้าย
กเลวระ หมายถึง ซากศพ
ชี หมายถึง นักบวช ในที่นี้หมายถึงพระเวสสันดร
เต็มเดือด หมายถึง เดือดเต็มที่ โกรธจัด
เถื่อน หมายถึง ป่า ทราม
คะนอง หมายถึง กำลังคะนอง กำลังซน น่า
ทุเรศ หมายถึง ไกล ในความหมายว่า จากบุรีทุเรศมา
หลากใจ หมายถึง น่าประหลาดใจ
นิ่งมัธยัสถ์ หมายถึง ประหยัดถ้อยคำ ไม่ยอมพูด
บริจาริกาการ หมายถึง ผู้ที่ทำหน้าที่หญิงรับใช้ ผู้ที่ทำหน้าที่ภรรยา
ในที่นี้หมายถึง พระนางมัทรี
ปริภาษณา หมายถึง บริภาษ กล่าวโทษ
พญาพาฬมฤคราช หมายถึง ราชาแห่งสัตว์ร้าย ราชาแห่งสัตว์ที่กิน
สั ตว์อื่นเป็นอาหาร
๒๖
๒
คำศัพท์ที่ปรากฏ ๗
พระราชสมการ หมายถึง พระราชาผู้ออกบวช เป็นคำที่พะนางมัทรีเรียก
พระเวสสั นดร
พร้า หมายถึง มีดขนาดใหญ่
พฤกษาลดาวัลย์ หมายถึง ไม้เลื้อยหรือไม้เถา แต่ในที่นี้หมายถึงไม้ผล
ซึ่งอาจหมายถึง ต้นไม้ที่ออกลูกออกผลแล้วตาย
พื้นปริมณฑล หมายถึง พื้นที่โดยรอบ ในที่นี้หมายถึง อาณาบริเวณ
มังสั ง หมายถึง มังสะ เนื้อ
มังฉริยธรรม หมายถึง ความตระหนี่
มาเลศ หมายถึง มาลี ดอกไม้
มุจลินท์ หมายถึง สระใหญ่ในป่าหิมพานต์ เป็นที่ที่หงส์อาศัยอยู่
"ปราศจากมุจลินห์" หมายความว่าไปจากสระมุจลินท์
มูนมอง หมายถึง มากมาย
๒๘
คำศัพท์ที่ปรากฏ
เมิล หมายถึงมองดู
ไม่มีเนตร หมายถึง ไม่มีตา ในที่นี้หมายความว่า ไม่เห็นหนทาง
หาทางออกไม่ได้ ยับ หมายถึง พังทลาย ในความว่า "อกของใคร
จะอาภัพยับพิกูลเหมือนอกของมัทรี"
ยุบลสาร หมายถึง ข่าว
ระแนง หมายถึง เรียงราย ในความว่า "ดั่งบุคคลเอาแก้วมา
ระแนง"
ศิโรเพฐน์ หมายถึง ผ้าโพกศีรษะ ในที่นี้หมายถึงศีรษะ "บ่ายศิโร
เพฐน์" คือ เอนศีรษะลง
สองรา หมายถึง สองคน คำว่า "รา" เป็นภาษาถิ่นล้านนา แปล
ว่า เราทั้งคู่
สั ตพิธรัตน์ หมายถึง แก้ว ประการ ได้แก่ ทอง เงิน มุกดาหาร
ทับทิม ไพฑูรย์ เพชร และแก้วประพาฬ
๒๙
คำศัพท์ที่ปรากฏ
แสรกคาน หมายถึง สาแหรกและคาน ซึ่งเป็นเครื่องหาบ
สาแหรกคือเครื่องใส่ของสำหรับหาบ ปกติทำด้วยหวาย ส่วนคาน
คือไม้คาน ซึ่งใช้คอนสาแหรกตรงปลายไม้ทั้งสองข้าง
หน่อกษัตริย์ หมายถึง เชื้ อสายกษัตริย์ ในที่นี้หมายถึงพระนา
งมัทรีผู้เป็นพระธิดาของกษั ตริย์มัททราช
หน้าฉาน หมายถึง หน้าที่นั่งในที่นี้หมายถึงตรงหน้าพระอาศรมที่
พระเวสสั นดรประทับอยู่
อัฏฐาการ หมายถึง ลุกขึ้น
๓๐
ข้อคิดที่ได้จากแต่ละกัณฑ์
๑. กัณฑ์ทศพร
การทำบุญจะได้ดังประสงค์ ต้องอธิษฐานจิต ตั้งเป้าหมายชีวิตที่
ตน ปรารถนาไว้ ตั้งมั่นและบริบูรณ์ในศีล ได้แก่ การทำความดี
รักษาความดีนั้นไว้ และหมั่นเพิ่มพูนความดีให้มากยิ่งขึ้น
๒. กัณฑ์หิมพานต์
การทำความดี มักมีอุปสรรค กัณฑ์ทานกัณฑ์: พึ่งยอมเสียสละ
ประโยชน์สุขส่ วนตัวเพื่อประโยชน์สุขของส่ วนรวม
๓๑
ข้อคิดที่ได้จากแต่ละกัณฑ์
๓. กัณฑ์ทานกัณฑ์
ความรักของแม่ ความห่วงของเมีย โทษทัณฑ์ของการเป็นหม้าย
คือถูกประนามหยามหมิ่นอาจถึงจบชีวิต ด้วยการก่อกองไฟให้
รุ่งโรจน์แล้วโดดฆ่าตัวตาย เพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวม พึงยอม
เสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว ยามบุญมีเขาก็ยกยามตกต่ำเขาก็
หยาม ชีวิตมีทั้งชื่ นบานและชื่ นขม
๔. กัณฑ์วนปเวศน์
มิตรแท้ แม้ในยามลำบากทุกข์ยากย่อมไม่ทอดทิ้งกัน
๕. กัณฑ์ชูชก
อย่าฝากของมีค่า ของสำคัญ หรือของหวงแหนไว้กับผู้อื่น
๓๒
ข้อคิดที่ได้จากแต่ละกัณฑ์
๖. กัณฑ์จุลพน
การรอบรู้กิจการงาน ผู้ที่ไม่รู้กิจการงานที่ทำ แม้จะเป็นคนฉลาด
เฉลียว ก็อาจทำให้การงานเสียหายได้ แต่ถ้าคนฉลาดได้เรียนรู้ก็จะ
ทำภารกิจได้ดี (มีอำนาจแต่ขาดปัญญาก็ไม่อาจประสบความ
สำเร็จในการทำกิจการงาน)
๗. กัณฑ์มหาพน
การเป็นคนฉลาด หากขาดสติ ก็อาจพลาดท่าเสียทีได้ ดังนั้นจึง
ต้องมีสติ ไตร่ตรองและรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมคนอื่น
๘. กัณฑ์กุมาร
ความป็นผู้รู้ จักกาลทศะ รู้จักโอกาส รู้ความควรไม่ควร จะเป็นผู้
ประสบ ความสำเร็จในสิ่งที่ตนเองปรารถนา
๓๔
ข้อคิดที่ได้จากแต่ละกัณฑ์
๙. กัณฑ์มัทรี
ไม่มีความรักใดยิ่งใหญ่เท่าความรักของพ่อแม่
๑๐. กัณฑ์สั กกบรรพ
การทำความดี แม้ไม่มีใครเห็น แต่เทวดาอารักษ์ย่อมรู้ย่อมเห็น
๑๑. กัณฑ์มหาราช
คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ย่อมได้รับการคุ้มครอง ปกป้องใน
ทุกที่ทุกสถาน
๓๕
ข้อคิดที่ได้จากแต่ละกัณฑ์
๑๒. กัณฑ์ฉกษัตริย์
การให้อภัยสามารถลบรอยร้าวฉานและความบาดหมางทั้งปวง
ก่อให้เกิด สันติสุขแก่ส่วนรวม
๑๓. กัณฑ์นครกัณฑ์
การทำความดี ย่อมได้รับผลตอบแทน การใช้ธรรมะในการ
ปกครองจะทำให้ บ้านเมืองมีแต่ความสงบร่มเย็น
๓๖
วิจารณ์ตัวละครสำคัญในเรื่อง
พระเจ้าสญชัย - พระนางผุสดี
พระเจ้ากรุงสัญชัย-พระนางผุสดี เป็นแบบอย่างของนัก
ปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ รู้จักผ่อนผันเพื่อคลี่คลาย
สถานการณ์ ไม่เว้นแก่พวกพ้อง แม้จะเป็นพระโอรสก็ตาม
๓๗
วิจารณ์ตัวละครสำคัญในเรื่อง
พระเวสสั นดร
เป็นแบบอย่างของผู้เสียสละประโยชน์ส่วนตัว เพื่อประโยชน์ของส่วน
รวม มุ่งบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง ยอมเสียสละ
ความสุขส่วนพระองค์ แม้จะทุกข์ก็ไม่หวั่น เป็นแบบอย่างของบุคคล
ผู้ไม่ยึดติดอำนาจวาสนา รู้ซึ้งถึงโลกธรรมที่ว่า "ยามมียศ เขาก็ยก
ยามต่ำตกเขาก็หยาม" หาได้หวั่นไหวหรือล้มเลิกบำเพ็ญบารมีไม่
๓๘
วิจารณ์ตัวละครสำคัญในเรื่อง
พระนางมัทรี
เป็นแม่แบบของภรรยาผู้มีลักษณะเป็นกัลยาณมิตรของสามี
สนับสนุนเป้าหมายชีวิตอันประเสริฐที่สามีได้ตั้งไว้ และยังเป็นแบบ
อย่างของภรรยาตามทัศนะของคนตะวันออก เช่น ปฏิบัติดูแลเรื่อง
ข้าวปลาอาหาร เป็นต้น ทรงคุณธรรมสำคัญ คือ "ซื่ อตรง จงรัก
หนักแน่น"
๓๙
วิจารณ์ตัวละครสำคัญในเรื่อง
พระชาลี - พระนางกัณหา
เป็นแบบอย่างของลูกที่เชื่ อฟังพ่อแม่ เข้าใจในเจตนาแห่งการ
ประพฤติธรรม เพื่อประโยชน์ของคนหมู่มากของพ่อคือพระเวสสันดร
๔๐
วิจารณ์ตัวละครสำคัญในเรื่อง
ชูชก
เป็นตัวอย่างของคนที่ติดอยู่ในกามคุณเข้าลักษณะว่า "วัวแก่กิน
หญ้าอ่อน" ต้องตกระกำลำบากในยามชรา เพราะ "รักสนุก จึงต้อง
ทุกข์ถนัด" ตำราหิโตปเทศว่า " ความรู้เป็นพิษเพราะเหตุไม่ใช้
ปราสาทเป็นพิษเพราะคนเข็ญใจ อาหารเป็นพิษเพราะไฟธาตุไม่ย่อย
เมียสาวเป็นพิษเพราะผัวแก่"
๔๑
ฝนโบกขรพรรษ
ฝนโบกขรพรรษ
ฝนโบกขรพรรษ เป็นฝนอันมหัศจรรย์อย่างที่ไม่เคย
ปรากฏมีมาก่อน มีความมหัศจรรย์ ดังนี้
๑. มีเม็ดน้ำฝนแดงเรื่อเหมือนแก้วทับทิม
๒. ผู้ใดปรารถนาได้เปียกก็เปียก ผู้ไม่ปรารถนาแม้ละอองก็ไม่สัมผัสผิวกาย
๓. ไม่เลอะเทอะขังนอง ก่อให้เกิดโคลนตมอันปฏิกูล พอฝนหาย แผ่นดินก็สะอาด
๔. ตกลงเฉพาะในสมาคมพระญาติ ไม่มีผู้อื่นอยู่ร่วมประชุมด้วย
๔๒
ทศชาติ
ทศชาติ ประกอบด้วยคำว่า ทศ (อ่านว่า
ทะ-สะ) แปลว่า สิ บ และคำว่า ชาติ (อ่านว่า
ชา-ติ) แปลว่าการเกิด ทศชาติ เป็นชื่ อคัมภีร์
ชาดกว่าด้วยเรื่ องของพระพุทธเจ้าครั้ งยังเป็น
พระโพธิสั ตว์ใน ๑๐ พระชาติก่อนที่จะตรัสรู้
เป็นพระสั มมาสั มพุทธเจ้า ชาดก หมายถึง
เรื่ องราวของพระพุทธเจ้าที่มีมาในอดีตชาติ
๔๓
ข้ อ คิ ด จ า ก เ รื่ อ ง ที่ ส า ม า ร ถ นำ ไ ป
ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ ใ น ชี วิ ต ป ร ะ จำ วั น
๑. ให้แง่คิดเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของผู้หญิงในฐานะที่
เป็นแม่และเป็นภรรยาที่ดี ซึ่ งเป็นสิ่ งสำคัญเหนือสิ่ งอื่ นใด
๒. สะท้อนแนวคิดสำคัญเกี่ยวกับความรักของแม่ที่มีต่อ
ลูกอย่างสุดชี วิต
๓. สามารถนาไปใช้ ในชี วิตประจาวันของทุกคนได้ เกี่ยว
กับการเป็นคู่สามีภรรยาที่ดี การเสี ยสละ เป็นคุณธรรมที่
น่ายกย่อง และการบริจาคทาน เป็นการกระทาที่สมควร
ไ ด้ รั บ ก า ร อ นุ โ ม ท น า
๔๔
ข้ อ คิ ด ที่ ส า ม ม า ร ถ นำ ไ ป ใ ช้ ใ น ชี วิ ต
ป ร ะ จำ วั น
๑. ให้แง่คิดเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของผู้หญิงในฐานะที่
เป็นแม่และเป็นภรรยาที่ดี ซึ่ งเป็นสิ่ งสำคัญเหนือสิ่ งอื่ นใด
๒. สะท้อนแนวคิดสำคัญเกี่ยวกับความรักของแม่ที่มีต่อ
ลูกอย่างสุดชี วิต
๓. สามารถนาไปใช้ ในชี วิตประจาวันของทุกคนได้ เกี่ยว
กับการเป็นคู่สามีภรรยาที่ดี การเสี ยสละ เป็นคุณธรรมที่
น่ายกย่อง และการบริจาคทาน เป็นการกระทาที่สมควร
ไ ด้ รั บ ก า ร อ นุ โ ม ท น า
๔๕
บ ร ร ณ า นุ ก ร ม
๑.geocities.ws. (ม.ป.ป). วิจารณ์ตัวละคร. สืบค้นเมื่อ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๕ .
จาก htt://www.geocities.ws
๒.board.postjung.com . 2556 . "ฝนโบกขรพรษ"-เว็บบอร์ด . สืบค้นเมื่อวันที่ ๒๒
ธันวาคม ๒๕๖๕ . จาก http://board.postjung.com
๓.สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. ๒๕๕๖.ทศชาติ(๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)-สำนักงายราช
บัณฑิตยาสภา. สืบค้นเมื่อ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๕. จาก http://legacy.orst.go.th
๔.Google Docs. (ม.ป.ป). ๒.ลัษณะคำประพันธ์. สืบค้นเมื่อ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๕. จาก
https://docs.google.com
๔๖
ร า ย ชื่ อ ส ม า ชิ ก
๑.นางสาวนาตาลี งามประเสริฐ ม.๔/๑๐ เลขที่๑๒
๒.นางสาวสิริพร ชัยสิทธิเวชช ม.๔/๑๐ เลขที่๒๒
๓.นางสาวธัญพิชชา แซ่โคว้ ม.๔/๑๐ เลขที่๓๖
๔.นางสาวเปรมปรียา กล่ำเจริญ ม.๔/๑๐ เลขที่๔๐
๕.นางสาวณิชากานต์ วรภัทรชัยสิน ม.๔/๑๐ เลขที่๔๒
๖.นางสาวบุญญาเรศม์ เผือกละออ ม.๔/๑๐ เลขที่๔๕