The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รพ.สต.ติดดาว รพ.สต.บ้านขามน้อย 65

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nongki.kamyai211, 2022-08-02 02:59:32

รพ.สต.ติดดาว รพ.สต.บ้านขามน้อย 65

รพ.สต.ติดดาว รพ.สต.บ้านขามน้อย 65

๕๑

ตารางที่ 21 แสดงอัตรากาลังด้านสขุ ภาพใน โรงพยาบาลสง่ เรมิ สขุ ภาพตาบลบา้ นขามน้อย ตาบลเยย้ ปราสาท

ชอ่ื สกุล ตาแหนง่ ขา้ ราชการ พกส./ สัดส่วนตอ่

ลกู จ้าง จานวน

ประชากร

1.นายปิยะ รัตน์ประโคน ผู้อานวนการ รพ.สต. / 1 : 2,218

2.นางไพรนิ กง่ิ สีดา พยาบาลวิชาชพี ชานาญการ / 1 : 2,218

3.นางสาวรัศมี ปญั ญา พยาบาลวิชาชพี ชานาญการ / 1 : 2,218

4.นางสาวพรุ่งสวา่ ง นามโคตร พนกั งานผชู้ ่วยเหลือคนไข้ /

5.นางสางรฐั นนั ท์ สท้านธรนิน พนักงานชว่ ยการพยาบาล /

6.นางสาวคุณญั ญา โคตรเสนา ลกู จา้ งรายวนั /

7.นายณฐั กฤต เรื่องศิริ จิตอาสา /

ทีม่ า : อัตรากาลังเจา้ หน้าท่ี ข้อมลู ณ. 27 กรกฎาคม 2565
การจดั ระบบบริหารบุคลากร

เพิ่มอตั รากาลงั ให้ไดม้ าตรฐานตามกรอบอัตรากาลงั ทคี่ วรมี ได้จัดหาบุคลากรเพิ่มเติมในหน่วยบริการปฐม

ภูมิท่ีไม่เพียงพอ จนมีจานวนเพียงพอให้เป็นไปตามกรอบ โดยสนับสนุนงบประมาณในการจ้างงานใช้งบประมาณ

จากเครอื ขา่ ยฯในการสนับสนนุ

การพฒั นาบคุ ลากร
- มีการจัดทานโยบาย คือพัฒนาบคุ ลากรเรม่ิ จากการคน้ หาความต้องการในการพัฒนาบุคลากร
- จดั ทาแผนพัฒนาบคุ ลากรในตาแหนง่ ทต่ี ้องการชดั เจน และมีงบประมาณสนับสนนุ จากเครอื ขา่ ย
- เนน้ ให้มีพยาบาลวิชาชพี ได้ผ่านหลักสตู รพยาบาลเวชปฏิบตั ิทุกแห่ง
- สร้างแรงจูงใจและพัฒนาบุคลากรทุกระดับโดยเน้นการเรียนรู้ อย่างต่อเนื่อง มีการจัดทาแผนพัฒนา

บุคลากรใน รพสต.เช่น การพัฒนาอย่างต่อเน่ือง มีแผนการอบรม สัมมนา เพ่ือพัฒนาให้สอดคล้องกับบทบาท
หนา้ ทีแ่ ละความรบั ผิดชอบ

- มกี ารควบคมุ กากบั ติดตาม โดยมีคณะกรรมการพัฒนาบคุ ลากรใหเ้ ปน็ ไปตามแผนยุทธศาสตร์
ท่ีวางไว้ และมกี ารประเมินผลอยา่ งต่อเนื่อง

- มีการกระบวนการเรยี นรู้จากการปฏิบัติงาน (Learning on job)

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย ตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองก่ี จงั หวดั บุรีรัมย์ หนา้ ๕๑

๕๒

3.2 มีการขยายการดาเนินการตามแนวทางหรือวิธีการในการดูแลพัฒนาและสร้างความพึงพอใจของ
บุคลากรเพ่ิมขึ้น ซงึ่ ดาเนินการร่วมกนั ในการใชท้ รัพยากร และพฒั นาบุคลากรในบางประเด็นปัญหาสาคัญของพื้นท่ี
(OTOP)

ผลการประเมนิ ความสุขของบุคลากรในหน่วยงาน happinometer.moph.go.th/ คา่ เฉลี่ย
ความสุข ของบุคลากรในหนว่ ยงานอยู่ในระดบั มีความสุข(Happy) ต้องสร้างเสรมิ และสนับสนนุ ใหม้ คี วามสุขย่ิงขึ้น
ต่อไป ค่าเฉลยี่ ร้อยละ 66.93 จาแนกรายด้าน ดงั น้ี

1.Very Happy ไดแ้ ก่ สขุ ภาพกายดี นา้ ใจดี ครอบครัวดี จิตวิญาณดี ใฝุรู้ดี
2.Happy ได้แก่ ผอ่ นคลายดี สุขภาพการเงนิ ดี สังคมดี การงานดี

สรปุ ผลการวิเคราะห์ และข้อเสนอแนะ
จากการจัดลาดับคะแนนและจัดลาดับผลการสารวจดัชนคี วามสุขของคนทางาน พบว่าประเด็นที่ควร

นาไปทาแผนพฒั นาให้กับบคุ ลากรสุขภาพของ โรงพยาบาลสง่ เริมสขุ ภาพตาบลบา้ นขามน้อย ตาบลเยย้ ปราสาท
ไดแ้ ก่ประเดน็ ท่ี 8 สขุ ภาพการเงินดี (66.93)

Happy Money (สขุ ภาพเงนิ ด)ี หมายถงึ การที่บคุ คลมวี ินัย ในการใชจ้ ่ายเงนิ มีความสามารถและพึง

พอใจในการบรหิ ารจัดการ ระบบการรบั จ่าย และออมเงินในแต่ละเดือน มติ ิน้ี มี 4 ตัวข้ีวดั คอื การผอ่ นชาระ

หนี้สนิ ตา่ งๆ การชาระหนี้ เงนิ ออม และความเพียงพอของค่าตอบแทนท่ีได้รบั โดยมีแนวทางหรือ กิจกรรมท่ีควร

ดาเนินการเพ่ือแกไ้ ขปญั หาดังต่อไปน้ี

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย ตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองกี่ จงั หวดั บุรีรัมย์ หนา้ ๕๒

๕๓

๑. สง่ เสริมใหบ้ ุคลากรของ โรงพยาบาลสง่ เรมิ สุขภาพตาบลบ้านขามน้อย ตาบลเย้ยปราสาทน้อมนาหลัก

เศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ในการดาเนินชวี ิต

๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีท่ีไมน่ อ้ ยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่ เบียดเบยี น

ตนเองและผอู้ ่นื เชน่ การผลติ และการบริโภคท่ีอยูใ่ นระดบั พอประมาณ

๒. ความมีเหตผุ ล หมายถงึ การตัดสินใจเกี่ยวกับระดบั ความพอเพียงน้ัน จะต้องเป็นไป อยา่ งมี

เหตผุ ล โดยพจิ ารณาจากเหตุปจั จยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ตลอดจนคานงึ ถึงผลท่ีคาดวา่ จะเกิดขึ้น จากการ

กระทานน้ั ๆ อย่างรอบคอบ

๓. ภมู ิคุ้มกัน หมายถงึ การเตรียมตัวใหพ้ รอ้ มรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงดา้ นตา่ งๆ ทจ่ี ะ

เกิดขึ้น โดยคานึงถงึ ความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดวา่ จะเกิดขึ้นในอนาคต
แนวพระราชดาริในการดาเนินชวี ิตแบบพอเพียง

1. ยึดความประหยัด ตดั ทอนค่าใช้จ่ายในทกุ ดา้ น ลดละความฟุมเฟอื ยในการใช้ชวี ติ

2. ยดึ ถอื การประกอบอาชพี ดว้ ยความถูกตอ้ ง ซ่อื สัตย์สุจรติ

3. ละเลกิ การแก่งแย่งผลประโยชน์และแขง่ ขนั กนั ในทางการค้าแบบต่อสูก้ นั อย่างรุนแรง

4. ไม่หยุดนง่ิ ทจ่ี ะหาทางใหช้ วี ติ หลุดพน้ จากความทุกขย์ าก ด้วยการขวนขวายใฝหุ าความรใู ห้ มี

รายได้เพิ่มพูนขนึ้ จนถงึ ข้ึนพอเพยี งเป็นเปูาหมายสาคญั

5. ปฏบิ ตั ิตนในแนวทางที่ดี ลดละสิง่ ชัว่ ประพฤติตนตามหลกั ศาสนา

6. สง่ เสริมการออมใหก้ บั บุคลากรสุขภาพของรพ.สต.เยย้ ปราสาท

7. สง่ เสริม สนบั สนุน ใหจ้ ัดทา บัญชรี ายรับรายจ่าย ของบุคลากรสุขภาพ รพ.สต.เย้ยปราสาท

8. ส่งเสรมิ สนับสนนุ ให้บคุ ลากร'ฝกึ วินัยดา้ นการบรหิ ารจัดการเงิน

9. สง่ เสรมิ ใหบ้ ุคลากรมวี ินยั มคี วามตรงตอ่ เวลาในการผอ่ นชาระหนสี้ นิ จดั อบรมหลกั สูตร การ

บรหิ ารจดั การเงิน เป็นต้น

แนวทางและวิธีปฏิบตั เิ พื่อส่งเสรมิ ใหด้ ชั นีความสุขเพิม่ ขน้ึ ในทุกดา้ นมีดังน้ี
ความสขุ การส่งเสรมิ

1.สุขภาพกายดี - การตรวจสุขภาพประจาปี

- การสรา้ งเสรมิ ภมู คิ ุ้มกันโรคแก่บุคลากร

- สง่ เสริมการออกกาลงั กายทกุ บ่ายวนั พธุ
2.ผอ่ นคลายดี - จดั มุมสนั ทนาการในหน่วยงาน

- การใหค้ าปรกึ ษา

3.น้าใจดี - สง่ เสริมกจิ กรรมเฟือสงั คมในขมุ ชน เซ่น บริจาคสิงของ การคดั แยกขยะ

4.จิตวญิ ญาณดี - รว่ มปฏบิ ตั ิกิจกรรมทางศาสนา

- ร่วมกิจกรรมประเพณีวฒั นธรรมในทอ้ งถ่ิน

ครอบครวั ดี - ส่งเสรมิ การปฏิบตั ิกจิ กรรมร่วมกันในครอบครวั เช่น วนั 'ข้ึนปีใหม่ วันเกิด

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย ตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองก่ี จงั หวดั บุรีรัมย์ หนา้ ๕๓

๕๔

5.สังคมดี - สง่ เสริมการปฏบิ ตั ติ ามกฎระเบียบ/ขอ้ บังคบั ของสังคม
การปอู งกนั ภัยในชีวติ และทรัพย์สนิ ของบุคลากรในการปฏิบัติงานนอกเวลาและยามวิกาล
เน่ืองจาก รพ.สต.อยหู่ า่ งจากชุมชน ดาเนนิ การแกป้ ญั หาโดยชว่ งเย็นถึงเวลา ปดิ บริการจะ
เปดิ ประตดู ้านหนา้ ทางทิศตะวนั ออกด้านเดียว เปิดไฟฟูาส่องสวา่ ง เพิ่มความระมดั ระวังใน
การใหบ้ รกิ าร มเี บอรโ์ ทรศัพทข์ อความช่วยเหลือหากมีเหตุอนั ไม่ปลอดภยั เชน่ สถานี

ตารวจ ผู้ใหญบ่ า้ น ผอ.รพ.สต.

6.ใฝรุ ู้ดี - สง่ เสริมการแสวงหาความรู้ใหมๆ่ เพม่ิ เตมิ จากแหล่งความรตู้ า่ งๆ เซ่น อินเตอร์เนต็
- - กสา่งเรสแรกมิ ่ไกขาปรัญอหบารแมล/ศะขกึ ้อษราอ้ตง่อท/ดกุ ูงขา้อนยา่ เงพม่อื ีปพรฒั ะสนิทาทธผิักลษะและความสามารถของบุคลากร
7.สขุ ภาพเงินดี
8.การงานดี - ส่งเสรมิ การนาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาใช้ในชีวติ ประจาวันแกบ่ คุ ลากร

- ส่งเสริมการแสดงความคิดเห็นและมสี ่วนรว่ มในขอ้ เสนอแนะกับผู้บริหาร
- การพิจารณาเล่ือนขั้น/เล่ือนตาแหนง่ /ปรบั ขน้ึ เงินค่าจ้างประจาปีด้วยความเหมาะสม
- การจา่ ยคา่ จ้าง ค่าล่วงเวลา มคี วามถูกตอ้ งและตรงเวลา
- เปดิ โอกาสในการพฒั นาและความกา้ วหนา้ ในอาชีพ
- ส่งเสรมิ บรรยากาศในการทางานและการสนับสนุนจากฝุายบริหาร
- จัดสถานท่ีทางานท่ีปลอดภัย มีการปูองกันภัย การตรวจสอบสภาพแวดล้อมในการ
ทางาน มีระบบเฝูาระวงั ความเสี่ยงดา้ นอาชวี อนามยั
- ภาระงานทีเ่ หมาะสมและมคี วามทา้ ทาย
- ความม่ันคงของงาน
- การได้รับมอบอานาจในการตัดสนิ ใจ
- การล่ือสารความร่วมมือและการทางานเปน็ ทมี ท่ีมปี ระสิทธผิ ล
- การตระหนกั ถึงความต้องการที่แตกต่างกันของกลุม่ บุคลากรท่หี ลากหลาย
- การสนบั สนุนของส่วนราชการในการให้บริการแกผ่ รู้ ับบรกิ ารและผ้มู ีส่วนได้ส่วนเสีย

3.3 มีการดาเนินการตามแนวทางหรือวิธีการ ดูแลพัฒนา สร้างความพึงพอใจ และความผูกพัน
(engagement) ของบุคลากร ให้สอดคล้องกบั ภารกิจทจ่ี าเปน็ อยา่ งเปน็ ระบบ

โรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพตาบลเยย้ ปราสาท มีการวิเคราะห์ปัจจัยท่ีเกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานที่ เป็นอยู่
ในปัจจุบันเพื่อนามาออกแบบปรับปรุงและจัดการให้เหมาะสมกับการปฏิบัติงานของบุคลากรทุกกลุ่มมี การจัด
บรรยากาศและสภาพแวดล้อมในการทางานจัดระบบสนับสนุนการดาเนินงานการพิจารณาค่าตอบแทน การ
ปฏิบัติงานนอกเวลา ค่าตอบแทนเหมาจ่าย ความก้าวหน้าในตาแหน่งงานการแก้ไขปัญหาและข้อร้องเรียน การ

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย ตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองกี่ จงั หวดั บุรีรัมย์ หนา้ ๕๔

๕๕

พัฒนาความรู้ความสามารถส่ิงแวดล้อมในการทางานการช่วยเหลือของผู้บริหารการช่วยเหลือของผู้บริการ ความ
ปลอดภัยในสถานที่ทางานภาระงานการส่ือสารความร่วมมือการทางานเป็นทีมรู้สึกเป็นส่วนหน่ึงของ องค์กร
บุคลากรในหน่วยงานรู้สึกผูกพันความมั่นคงในงาน ทาให้บุคลากรในองค์กรมีความผาสุกมีความพึงพอใจและมี
แรงจูงใจในการปฏิบัติงานเม่ือได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงานและท่ีทางานทาให้เกิดความไว้ใจซึ่งกันและกัน
แรงจูงใจในการปฏิบัติงานท่ีดีเสริมสร้างประสิทธิภาพการปฏิบัติงานสร้างความปลอดภัยต่อผู้ให้บริการและ
ผู้รับบริการความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมที่ร่วมกันปฏิบัติงานการสื่อสารท่ีดีการแลกเปล่ียนข้อมูลมีความ
คล่องตัวการให้อานาจในการตัดสินใจและความรับผิดชอบต่อผลการดาเนินการเป็นผลให้งาน พันธกิจ และ
วสิ ยั ทศั นข์ ององค์กรบรรลุผล

ปจั จยั แห่งความสาเร็จ ได้แก่
ดา้ นการสนับสนุนวชิ าการแก่บุคลการให้มคี วามพร้อมในการบริการ

โรงพยาบาลหนองกไ่ี ดม้ ีการสนับสนุนความรู้ ความสามารถทักษะการปฏิบัติงานด้านเภสัชกรรมโดยมีการ
จัดอบรมยา ใน รพ.สต. มีการสนับสนุนส่ือวิชาการและสนับสนุน การวางระบบในการบริการและสนับสนุนข้อมูล
การแพ้ยาของผู้ปุวยในพ้ืนท่ีตาบลตูมใหญ่ รวมถึงมีการให้ความรู้ในด้านโรคต่างๆที่เจอบ่อยๆใน รพสต. และยังมี
ทีมเย่ียมจากงานปูองกันและควบคุมการติดเช้ือมาให้ความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับระบบงานควบคุมและปูองกันการติด
เชื้อใน รพสต.เปน็ ประจาทุกปี

สานกั งานสาธารณสุขอาเภอหนองกี่ สนบั สนนุ การจดั หาคู่มือมาตรฐานการดาเนนิ งานด้านการให้บริการใน
บทบาทหนา้ ท่ีต่างๆ เพอื่ ใหบ้ คุ ลากรมีความรูแ้ ละความพรอ้ มให้บริการประชาชนทุกกลมุ่ วยั

ด้านการสนบั สนนุ คนภายใน CUP

- โรงพยาบาลหนองก่ีได้จัดสรรบคุ ลากรเพ่อื ช่วยในการดาเนนิ งาน ด้านการเยี่ยมบา้ น
กลุม่ ผพู้ กิ าร ติดบา้ นติดเตียง ออกใหบ้ รกิ ารทบ่ี า้ นของผูป้ วุ ย ในเขต รพ.สต. เย้ยปราสาทตามตารางนัด
เดือนละ 1-2 คร้งั

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย ตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองกี่ จงั หวดั บุรีรัมย์ หนา้ ๕๕

๕๖

3.3.2 มีการจัดการทรัพยากรและพัฒนาบุคลากรร่วมกันอย่างเป็นระบบและครอบคลุมตามบริบท และความ

จาเปน็ ของพืน้ ที่ เพอื่ สนบั สนุนการแกไ้ ขปญั หาสาคัญของพนื้ ที่( OTOPและคุณภาพบริการ )
 มแี ผนการเรยี นรู้บคุ ลากรรายบุคคล และตามกลุ่มวชิ าชีพ ว่าต้องเรยี นรูเ้ พิ่มเติมเรอื่ งใดเพ่ือ

สนบั สนนุ OTOPและคุณภาพบริการ พยาบาลวชิ าชพี ไดร้ ับการอบรม CARE MANAGER

 มีบันทึกการเรียนรู้รายบุคคล จากการประชุม/อบรม/เรียนรู้หน้างาน หรือมีบันทึกการเรียนรู้

ร่วมกนั ในหนว่ ยงานวา่ เรยี นรูเ้ ร่อื งอะไร (การเรยี นรูห้ นา้ งานทีป่ ฏิบตั ิ การประชมุ การอบรม)

3.4 มีการเรียนรู้ ทบทวนกระบวนการดูแลพัฒนาสร้างความพึงพอใจและความผูกพันของบุคลากรให้

สอดคล้องกับบริบทร่วมกัน มีการปรับปรุงการจัดการทรัพยากรพัฒนาบุคลากรให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

เพิ่มขนึ้

 มีการจัดระบบพัฒนาการเรียนรู้ของบุคลากรตามความจาเป็น และทบทวนระบบการ เรียนรู้

ของบุคลากร มีการค้นหาความจาเป็นวิเคราะห์ส่วนขาดและความต้องการในการ'ฝึกอบรม แสวงหา แนวทาง

พัฒนาน่ามาสู่การจัดทาแผนพัฒนาบุคลากรประจาปี และดาเนินการพัฒนาบุคลากรให้สอดคล้องกับ พันธกิจ

รวมทั้งการประเมินผลสาเร็จของการดาเนินงานการพัฒนาตามที่กาหนด มีการปรับปรุงแผนพัฒนา บุคลากร

เพ่ือให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาในพื้นท่ี เช่น การดาเนินงาน LTC การพัฒนาคลินิก NCD การพัฒนา งาน IC

งานควบคุมโรค งานแพทย์แผนไทย การสง่ เสริม
ความสุข

สุขภาพกายดี - การตรวจสขุ ภาพประจาปี

- การสรา้ งเสรมิ ภูมคิ มุ้ กนั โรคแกบ่ คุ ลากร

ผ่อนคลายดี - สง่ เสริมการออกกาลงั กายทุกบา่ ยวันพธุ
- จัดมุมสนั ทนาการในหน่วยงาน
- การใหค้ าปรึกษา

นา้ ใจดี - ส่งเสริมกิจกรรมเฟอื สังคมในขุมชน เซ่น บริจาคสิงของ การคดั แยกขยะ

จิตวิญญาณดี - รว่ มปฏิบัตกิ จิ กรรมทางศาสนา

- รว่ มกิจกรรมประเพณวี ฒั นธรรมในทอ้ งถิน่

ครอบครัวดี - ส่งเสริมการปฏบิ ัติกจิ กรรมร่วมกันในครอบครัว เชน่ วนั 'ข้ึนปใี หม่ วนั เกดิ

สังคมดี - สง่ เสรมิ การปฏบิ ัตติ ามกฎระเบยี บ/ขอ้ บงั คบั ของสงั คม
การปอู งกนั ภัยในชีวิตและทรัพยส์ ินของบคุ ลากรในการปฏิบตั ิงานนอกเวลาและยามวิกาล

เนอ่ื งจาก รพ.สต.อยูห่ า่ งจากชมุ ชน ดาเนินการแกป้ ัญหาโดยชว่ งเย็นถึงเวลา ปิดบริการจะ

เปิดประตูดา้ นหนา้ ทางทิศตะวนั ออกด้านเดยี ว เปิดไฟฟูาส่องสว่าง เพิ่มความระมัดระวงั ใน

การใหบ้ ริการ มเี บอรโ์ ทรศัพท์ขอความชว่ ยเหลือหากมีเหตุอันไม่ปลอดภัย เชน่ สถานี

ตารวจ ผู้ใหญ่บา้ น ผอ.รพ.สต.

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย ตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองก่ี จงั หวดั บุรีรัมย์ หนา้ ๕๖

- การแกไ่ ขปัญหาและข้อรอ้ งทุกข้อย่างมีประสิทธผิ ล

๕๗

ใฝุรดู้ ี - ส่งเสริมการแสวงหาความรู้ใหมๆ่ เพ่ิมเตมิ จากแหลง่ ความร้ตู า่ งๆ เซ่น อนิ เตอรเ์ นต็
- สง่ เสรมิ การอบรม/ศกึ ษาต่อ/ดงู าน เพื่อพัฒนาทักษะและความสามารถของบุคลากร
สุขภาพเงินดี
การงานดี - ส่งเสรมิ การนาปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใช้ในชวี ติ ประจาวันแก่บคุ ลากร

- สง่ เสรมิ การแสดงความคดิ เหน็ และมสี ่วนรว่ มในข้อเสนอแนะกบั ผู้บรหิ าร
- การพจิ ารณาเลื่อนขัน้ /เล่ือนตาแหนง่ /ปรับขึ้นเงนิ ค่าจา้ งประจาปดี ้วยความเหมาะสม
- การจ่ายคา่ จ้าง คา่ ล่วงเวลา มคี วามถกู ตอ้ งและตรงเวลา
- เปดิ โอกาสในการพฒั นาและความกา้ วหน้าในอาชีพ
- ส่งเสรมิ บรรยากาศในการทางานและการสนับสนนุ จากฝาุ ยบริหาร
- จัดสถานที่ทางานที่ปลอดภัย มีการปูองกันภัย การตรวจสอบสภาพแวดล้อมในการ
ทางาน มีระบบเฝูาระวงั ความเส่ยี งด้านอาชวี อนามยั
- ภาระงานทเ่ี หมาะสมและมีความทา้ ทาย
- ความมน่ั คงของงาน
- การได้รบั มอบอานาจในการตัดสนิ ใจ
- การลื่อสารความร่วมมอื และการทางานเป็นทีมท่ีมปี ระสทิ ธผิ ล
- การตระหนักถึงความต้องการที่แตกต่างกนั ของกลุม่ บุคลากรท่ีหลากหลาย
- การสนบั สนนุ ของส่วนราชการในการให้บริการแกผ่ ้รู ับบรกิ ารและผูม้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสีย

 มีระบบการประเมินผลการปฏิบัตงิ านของบคุ ลากร ปลี ะ 2 ครง้ั โดยคณะกรรมการ ระดับ
อาเภอ มีการจัดระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคลากรอย่างโปร่งใส เป็นธรรม มีการสื่อสาร แจ้งผล
การประเมนิ ให้บุคลากรทราบ การให้ดาปรึกษาเพื่อให้เกิดการพัฒนาและแกไขปรับปรุงการทางานให้ดี ย่ิงข้ึน มี
แนวทางในการยกย่องชมเขย ผู้บังคบั บัญชาน่าผลการประเมินไปพิจารณาในการเลื่อนข้ันเงินเดือน การให้รางวัล
และสิ่งจูงใจเพื่อสนับสนุนให้บุคลากรมีขวัญกาลังใจ มีการทางานที่มีประสิทธิผลมีจิตสานึกใน การทางานที่
มงุ่ เน้นผลประโยชน์ และความตอ้ งการของผูร้ ับบริการและผู้มสี ว่ นได้สว่ นเสยี

 มบี ันทกึ การเรยี นร้รู ่วมกันในหนว่ ยงาน ในรูปแบบของกระบวนการพัฒนาคณุ ภาพ เชน่ CQI
/ PDCA เป็นต้น

 มีการปรับปรุงพัฒนาตามประเดน็ การเรียนรูท้ เ่ี ชอื่ มโยงทัง้ ในระดบั หน่วยงาน และในระดบั
CUP

3.5 บคุ ลากร มีความสุข ภมู ใิ จ รบั รู้คณุ ค่า และเกิดความผูกพนั ในการพัฒนาคณุ ภาพและมีการใช้
ทรัพยากรจากชมุ ชน(เกิดการแก้ไขปญั หาสาคัญของพ้นื ท(่ี OTOP) และการพัฒนาคุณภาพบริการอย่างยั่งยนื )

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย ตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองก่ี จงั หวดั บุรีรัมย์ หนา้ ๕๗

๕๘

จากคาส่งั มอบหมายหนา้ ทรี่ ับผิดขอบของเจ้าหนา้ ที่ 1 คน ต้องรบั ผิดชอบงาน 6-9 งาน จะเกิดปัญหาใน
บางครง้ั ท่ีมีการประชุม อบรม ประเมนิ งานหรือการตดิ ตามงานพร้อมกันหลายงาน แตด่ ้วยการทางานเป็นทมี การ
ถา่ ยทอดรายละเอียดของงานแกเ่ จา้ หนา้ ท่ีใน รพ.สต.ด้วยกันเพ่ือการทางานท่ีสอดรบั ซ่ึงกันและกันทดแทนกันได้
เปน็ อยา่ งดี

ค่าเฉล่ยี ความสขุ ของบคุ ลากรในหนว่ ยงานอยใู่ นระดบั มีความสขุ (Happy) เกิดความภมู ใิ จ รับรู้คุณคา่
และ เกดิ ความผกู พัน ดว้ ยประหนง่ึ เปน็ เจ้าของ รพ.สต.แหง่ น้ี โดยได้มสี ่วนรว่ มมากกวา่ แค่ที่ทางาน เหน็ ได้จาก
บคุ ลากรไดร้ ่วมบริจาคทรัพยใ์ นโครงการ”ก่อต้ังโรงพยาบาลตาบล เพอ่ื พัฒนายกระดบั คุณภาพบรกิ ารของ
โรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพตาบลเย้ยปราสาท

 มกี ารใช้ทรัพยากรรว่ มกบั ชุมชน (บันทึกการประชมุ ประชาคม รูปถ่าย การทางานร่วมกัน)
 มกี ารประเมินความพงึ พอใจต่อการปฏิบตั งิ านและบรรยากาศในการทางานของบุคลากรใน
หนว่ ยงาน
 มีการใช้ทรัพยากรจากชุมชนในการพฒั นาโครงสรา้ งโรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพตาบลเย้ย
ปราสาทมีการแก้ไขปัญหาสาคญั ในพนื้ ที่ (OTOP)ที่มผี ลลพั ธช์ ัดเจน คือการแก้ไขปัญหาเรือ่ งการดูแลผู้สงู อายรุ ะยะ
ยาว มี อบต.เย้ยปราสาท เปน็ เจ้าภาพหลกั ในดา้ นงบประมาณ อีกท้ังบุคลากรยังเปน็ หลักทง้ั เจ้าหน้าทส่ี าธารณสุข
และมีบคุ ลากรในชุมชนทั้ง ผู้นา อสม. ส.อบต. โรงเรียน ประชาชน เป็นกาลังเสริม สว่ น รพ.สต. มีบทบาทในการ
เสริมแรง และในส่วนข้อมูลข่าวสารและขอ้ มูลทางด้านวิชาการ

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย ตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองกี่ จงั หวดั บุรีรัมย์ หนา้ ๕๘

๕๙

หมวดท่ี 4 การจัดระบบบรกิ ารครอบคลมุ ประเภทและประชากรทุกกลมุ่ วยั
สว่ นท่ี 4 บรกิ ารดี

การจัดบริการครอบคลุมประเภทและประชากรทุกวัย

4.1 จัดการตามสภาพปญั หาชมุ ชน บันทึกข้อมูลผู้รับบริการ 4.3 การให้บริการในชมุ ชน
(ODOP/OTOP) - ลงในโปรแกรม Hos_XP (เจ้าหน้าท่/ี อสม./อสค./ญาต)ิ
- บนั ทึกข้อมูลลงใน
4.2 การบรกิ ารในสถานบริการ(บทบาท Family Folder
เจ้าหน้าท่)ี
ช่องทางตดิ ต่อสื่อสารกับ 4.3.1 การบรกิ ารเชงิ รุกในชมุ ชน
4.2.1 OPD ผรู้ บั บริการและภาคี การคดั กรอง 35 ปขี น้ึ ไป
เครือข่าย
4.2.2 ER ใหค้ รอบคลุม
4.2.3 ANC Flow chart การทางาน
4.2.4 WBC ของ FCT 4.3.2 การควบคุมและการปอ้ งกนั
โรคตดิ ต่อ (SRRT)
4.2.5 NCD CPG รายบรกิ ารท่ไี ด้
4.2.6 แพทย์แผนไทย สนับสนุนจากแม่ขา่ ย 4.3.3 การคมุ้ ครองผ้บู รโิ ภค
4.2.7 ทันตกรรม (คบส)
4.2.8 กายภาพบาบดั เครื่องมอื ใหบ้ รกิ าร

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย ตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองก่ี จงั หวดั บุรีรัมย์ หนา้ ๕๙

๖๐

4.1 การจัดบริการตามสภาพปญั หาชมุ ชน (ODOP/OTOP)
การจดั บริการดา้ นสุขภาพของหนว่ ยบริการปฐมภูมิ ในระดับอาเภอหนองกี่และตาบล จากการลาดับ

ความสาคญั ของปัญหา ได้จัดทา ODOP/OTOP เพ่อื แก้ไขปญั หา 1 ประเดน็ ปญั หาสขุ ภาพของพ้นื ที่ ท่เี ปน็ ปัญหา
ของอาเภอหนองกี่และตาบลเย้ยปราสาท คอื การควมคุมปูองกนั โรคเบาหวาน/ความดันโลหิตสูง และโรคเกยี่ วกบั
หลอดเลือดสมอง (STOKE) โดยการมีส่วนร่วมของทกุ ภาคสว่ น ODOP/OTOP มีการปรับปรงุ พฒั นางาน การคดั
กรองสขุ ภาพ DM/HT การให้ความรู้ Stroke ตามประเดน็ การเรยี นรู้ท่เี ช่อื มโยงหน่วยงานและCUP พฒั นาประเด็น
การให้ข้อมลู ใหเ้ ข้าถึงชุมชน ให้ชุมชนมีสว่ นร่วมในการวางแผนดแู ลสุขภาพรว่ มกนั

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย ตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองก่ี จงั หวดั บุรีรัมย์ หนา้ ๖๐

๖๑

รพ.สต.เย้ยปราสาท
มกี ารใช้ทรพั ยากรบคุ คลรว่ มกนั กับชมุ ชน ผา่ นกระบวนการ ร่วมประชาคม การทางานร่วมกันในชมุ ชน

4.2 การบริการในสถานบรกิ าร (บทบาทเจ้าหน้าท่ี)
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลเย้ยปราสาทมีการจัดบริการท้ังรักษาพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพ ปูองกัน

โรคและฟื้นฟูสภาพ โดยทีมสหวิชาชีพ มีพยาบาลเวชปฏิบัติ (การรักษาโรคเบ้ืองต้น) ได้รับการสนับสนุนทันตาภิ
บาลหมุนเวียนจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลเย้ยปราสาทออกให้บริการทุกวันพฤหัสบดี มีผู้ช่วยแพทย์แผน
ไทย นวด อบ ประคบให้บริการบาบัดและฟ้ืนฟูสภาพ รวมถึงนักกายภาพบาบัดจากโรงพยาบาลหนองกี่มาเยี่ยม
ผูป้ ุวยติดเตียงตามแผนการเยี่ยม เดอื นละ 1 คร้ัง

โดยมีแนวทางการดูแลรักษาผู้ปุวยกลุ่มโรคต่างๆ (CPG) ท่ีจัดทาข้ึนโดยอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพ
พยาบาลและรูปแบบบรกิ ารโรงพยาบาลหนองกี่ จดั ทาตารางการให้บริการเพ่ือประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ มี
การจัดการข้อมูลกลุ่มเปูาหมาย มีระบบติดตามผู้ปุวยกรณีผิดนัด และบันทึกข้อมูลลง OPD Card ใน Family
folder และ บนั ทึกลงในโปรแกรม HOSxP_PCU

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย ตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองกี่ จงั หวดั บุรีรัมย์ หนา้ ๖๑

๖๒

ตารางที่ 18 การให้บริการในโรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพตาบลเยย้ ปราสาท

วนั ช่วงเชา้ (08.30 – 12.00 น.) ชว่ งบ่าย (13.00 – 16.00 น.) นอกเวลาราชการ

(16.30 -20.30)

วันจันทร์ ตรวจรักษาโรคทั่วไป/ บรกิ าร เยี่ยมบา้ น/รวบรวมรายงาน รกั ษาพยาบาล/กรณฉี ุกเฉิน

แพทย์แผนไทย

วันองั คาร ตรวจรักษาโรคท่ัวไป/ บริการ เยย่ี มบ้าน/รวบรวมรายงาน รกั ษาพยาบาล/กรณฉี ุกเฉนิ

แพทย์แผนไทย

วนั พุธ ตรวจรักษาโรคทวั่ ไป/ บรกิ าร เยี่ยมบา้ น/กจิ กรรม 5 ส/ รักษาพยาบาล/กรณฉี ุกเฉนิ

แพทยแ์ ผนไทย รวบรวมรายงาน

วนั พฤหสั บดี ตรวจรกั ษาโรคทั่วไป/ทนั ตกรรม/ เยีย่ มบ้าน/รวบรวมรายงาน รักษาพยาบาล/กรณีฉุกเฉนิ
บริการแพทยแ์ ผนไทย/คลินกิ
วนั ศกุ ร์ วางแผนครอบครัว เยี่ยมบา้ น/รวบรวมรายงาน รักษาพยาบาล/กรณฉี ุกเฉนิ
รกั ษาพยาบาล/กรณีฉุกเฉนิ -
เสาร์-อาทติ ย์ ตรวจรักษาโรคทวั่ ไป/ บรกิ าร
และวนั หยดุ แพทยแ์ ผนไทย
นกั ขตั ฤกษ์
รกั ษาพยาบาล/กรณีฉุกเฉนิ

*หมายเหตุ การใหบ้ ริการคลินกิ เด็กดี ทุกวนั ที่ 10 เปน็ กลุ่มเดก็ ดีอายุ 2 เดอื น – 4 ปี
การใหบ้ ริการคลินิกโรคเรื้อรัง เดือนล่ะ 1 คร้ัง ตาม ตารางของแพทย์คลนิ กิ NCD ลงไว้

การจดั บรกิ ารในสถานบริการ
ในการจัดบริการ มีการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือท่ีมีความจาเป็น ครบถ้วนตามเกณฑ์การขึ้นทะเบียน

หนว่ ยบริการประจา ทั้งอปุ กรณ์สาหรบั งานรกั ษาผูป้ ุวยนอก งานบริการดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย งานทันตกรรม งาน
กายภาพและฟ้นื ฟูสภาพ งานบรกิ ารเภสัชกรรม งานบริการเชิงรุกรวมถึงเครื่องมือปราศจากเชื้อ และเคร่ืองมือท่ีใช้
ในห้องตรวจทางห้องปฏิบัติการ มีการตรวจมาตรฐานเคร่ืองมือทุกปี และยังมีระบบฐานข้อมูลประชากร ครบถ้วน
สมบูรณ์ในระบบ Hos-xp PCU ในการให้บรกิ ารประชาชน

4.2.1 การให้บริการ ด้านการดแู ลผูป้ ุวยนอก OPD ทาง โรงพยาบาลสง่ เรมิ สขุ ภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย
ตาบลเย้ยปราสาทมีเคร่ืองมอื และอุปกรณ์ในการให้บริการครบถ้วนและพร้อมใช้งานเพือ่ ใหบ้ รกิ ารประชาชน

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย ตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองก่ี จงั หวดั บุรีรัมย์ หนา้ ๖๒

๖๓

ภาพแสดงคลินิกผูป้ ุวยนอกและพื้นท่ีให้บรกิ ารคลนิ กิ โรคเร้ือรงั
4.2.2 ห้องฉุกเฉนิ โรงพยาบาลสง่ เรมิ สขุ ภาพตาบลบ้านขามนอ้ ย ตาบลเย้ยปราสาทมเี ครอื่ งมือและ
อปุ กรณ์ในการให้บริการครบถว้ นและพร้อมใชง้ าน เพ่ือจดั บริการสาหรบั ผู้ปวุ ยและยงั มีห้องสาหรบั เฝูาสังเกต
อาการ ดังภาพ

ภาพแสดงพ้นื ที่ให้บริการห้องฉุกเฉินและหอ้ งสงั เกตอาการ
4.2.3 คลินกิ แมแ่ ละเดก็ ทาง โรงพยาบาลส่งเรมิ สขุ ภาพตาบลบา้ นขามน้อย ตาบลเยย้ ปราสาทมีเครื่องมือ
และอปุ กรณใ์ นการให้บริการครบถ้วนและพรอ้ มใชง้ าน มีการบรฝิ ากครรภ์ คลนิ ิกวัยรนุ่ เพือ่ ให้คาปรึกษาในกลุ่ม
วัยรุน่ ใหบ้ ริการคดั กรองมะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย ตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองก่ี จงั หวดั บุรีรัมย์ หนา้ ๖๓

๖๔

4.2.4 คลินิกสุขภาพเด็กดี ทาง โรงพยาบาลสง่ เริมสุขภาพตาบลบา้ นขามน้อย ตาบลเย้ยปราสาทมี
เครือ่ งมือและอุปกรณ์ในการให้บริการครบถว้ นและพร้อมใช้งาน การสรา้ งเสริมภมู ิคุ้มกันโรคตามเกณฑ์ การติดตาม
ภาวะโภชนาการ และเฝาู ระวงั ทนั ตะสุขภาพ และการใหบ้ ริการฉดี วัคซีนในวันที่ 10 ของทกุ เดือนและมกี ารสง่ เสรมิ
พัฒนาการเด็กตามกลมุ่ วัย

ภาพแสดงพนื้ ทีใ่ หบ้ รกิ ารคลินิกสขุ ภาพเด็กดี

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย ตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองก่ี จงั หวดั บุรีรัมย์ หนา้ ๖๔

๖๕

4.2.5 งานแพทย์แผนไทย ทาง โรงพยาบาลสง่ เรมิ สขุ ภาพตาบลบา้ นขามน้อย ตาบลเยย้
ปราสาทมเี ครื่องมือและอุปกรณ์ในการให้บริการครบถ้วนและพร้อมใช้งาน ครบตามมาตรฐาน ผา่ นการประเมิน
มาตรฐานแพทยแ์ ผนไทย ร่วมกับการตรวจโรคท่วั ไป เพ่อื สนับสุนนการใชย้ าสมนุ ไพรในชุมชน ดังภาพ

ภาพแสดงพน้ื ทใ่ี หบ้ ริการงานแพทย์แผนไทย

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย ตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองก่ี จงั หวดั บุรีรัมย์ หนา้ ๖๕

๖๖

4.2.6 ทันตกรรม ทาง โรงพยาบาลส่งเริมสขุ ภาพตาบลบา้ นขามน้อย ตาบลเย้ยปราสาทมีเคร่ืองมือและอปุ กรณ์ใน
การใหบ้ ริการครบถว้ นและพร้อมใชง้ าน มีทันตาภบิ าลจากโรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพตาบลบุกระสงั เป็นทันตาภิ
บาลหมุนเวียนมาให้บรกิ ารทุกวนั ศกุ ร์ ใหบ้ ริการท้ังดา้ นเชงิ รกุ และเชิงรบั ดังภาพ

ภาพท่ี แสดงพืน้ ที่ให้บริการงานทนั ตกรรม

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย ตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองก่ี จงั หวดั บุรีรัมย์ หนา้ ๖๖

๖๗

4.2.6 งานเภสชั กรรมและ RDU ออกให้บรกิ ารในวัน NCD พร้อมทมี แพทย์และทีมสหวิชาชพี
และออกให้บริการเยี่ยมบ้านกับประชาชน และการใช้ Antibiotic อยา่ งสมเหตุสมผล

ภาพแสดงพ้ืนทีใ่ ห้บรกิ ารงานเภสชั กรรม

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย ตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองก่ี จงั หวดั บุรีรัมย์ หนา้ ๖๗

68

4.3 การบรกิ ารในชุมชน (บทบาท เจา้ หนา้ ท/่ี อสม./กสค./อสค./ญาติผปู้ ุวย)
4.3.1 การดแู ลบรกิ ารสขุ ภาพท่บี า้ น (Home health care /LTC/Palliative care)

.
ภาพแสดงพ้นื ทใี่ ห้บริการงานบริการในชมุ ชน และการดูแลผู้สงู อายุท่ีมภี าวะพ่งึ พงิ

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามนอ้ ย ตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองก่ี จงั หวดั บุรีรัมย์ หนา้ 68

69

การจดั บรกิ ารทคี่ รอบคลมุ กบั ประชากรทกุ กล่มุ วัย

ตาราง แสดงการจดั บริการที่ครอบคลุมแต่ละกลุ่มวัย ต้ังแตก่ ารใหบ้ ริการในกลุม่ อายุ 0-5 ปี และ การ
ให้บรกิ ารในกลุ่มวัยเรียน

การดาเนนิ งาน รปู ภาพประกอบ

 วัยเด็ก 0-5 ปี
การดแู ลสขุ ภาพเดก็ ก่อนวยั เรียน
- การเฝูาระวังภาวการณ์เจริญเตบิ โต เดก็ 0-5 ปี
- การการประเมิน และสง่ เสริมพฒั นาการ
เด็ก 0-5 ปี

 กล่มุ วัยเรียน
- การตรวจสขุ ภาพนกั เรียน และการตรวจ
สุขภาพด้วยตนเองของนักเรยี น
- การเฝาู ระวังภาวะโภชนาการนักเรียน
- การเฝาู ระวัง ปอู งกันและแก้ไขภาวะโลหติ จาง
จากการขาดธาตเุ หลก็

70

การดาเนินงาน รปู ภาพประกอบ

 กล่มุ วยั ร่นุ
- การสมัครเขา้ ชมรมทบู นี มั เบอร์วนั
- การรณรงค์ สรา้ งกระแส และจัดกิจกรรม

เพือ่ ปูองกนั การต้ังครรภใ์ นวยั รุน่
การดาเนินงานคลนิ ิกวยั รุ่น

 วยั ทางาน
- คดั กรองความเสีย่ ง 35 ปขี ้ึนไป
- คัดกรองมะเร็งเต้านม
- คดั กรองมะเร็งปากมดลูก
- เฝูาระวังโรคจากการประกอบอาชีพและการ
สง่ เสรมิ สขุ ภาพและปูองกันโรค

 วัยสงู อายุ
- คัดกรอง Geriatric syndrome
- กล่มุ ตดิ สังคม ติดบ้าน ตดิ เตยี ง
- Care manager , Care giver

71

4.3.2 การควบคมุ และปอ้ งกนั โรค(SRRT)

ภาพแสดงการควบคุมและป้องกันโรค(SRRT)

72

4.4 การบริการแพทย์แผนไทย

ภาพแสดงพน้ื ทใี่ หบ้ ริการแพทย์แผนไทย

73

หมวดที่ 5 ผลลัพธ์

ข้อ ๕.๑ บทบาทของบุคลากรและครอบครวั ในการดูแลตนเอง (Self Care)
โดยให้มีการประเมินศักยภาพของประชาชนและครอบครัวในการดูแลสุขภาพตนเอง (Self Care) ท่ี

สอดคล้องกับปญั หาสขุ ภาพการบรกิ ารท้งั ในสถานบริการและชุมชน ตามแบบฟอรม์ ที่กาหนด จานวนร้อยละ 10

ของหลังคาเรือนทั้งหมด เป็นจานวน 1,333 หลัง ซึ่งผลประเมินพบว่าประชาชนและครอบครัวมีศักยภาพใน
การดูแลตนเอง(Self Care) ท่สี อดคลอ้ งกบั ปญั หาสุขภาพการบริการท้งั ในสถานบริการและชมุ ชนร้อยละ 85
กจิ กรรมในการดูแลสุขภาพตามกลุ่มวยั เพ่ือสง่ เสริม Self care

ข้อ 5.2 ผลลัพธ์ตามตัวชว้ี ัด

ตวั ชี้วดั เปูาหมาย จานวน ผลงาน ร้อยละ คะแนนเต็ม คะแนนท่ี

เปูาหมาย จานวน ได้

5.2.1. ตวั ช้วี ดั พื้นทกี่ าหนด 1 1 1 100 2 2

เกยี่ วกับ OTOP (ตามบริบทของ
พน้ื ทกี่ าหนด)

5.2.2 ตัวชีว้ ัดกระทรวง (จากHDC)

(1) ร้อยละหญิงตัง้ ครรภท์ ี่ได้รับการ ≥รอ้ ยละ 60 18 18 100 5 5

ดแู ลก่อนคลอด 5 คร้ัง ตามเกณฑ์ 317 182 77.20 5 5

คณุ ภาพ 186 45 24.19 5 ๕
510 307 60.02 5 ๕
(2) รอ้ ยละของเด็ก >ร้อยละ 20 77 44 77.27 5 5
3,835 1,795 46.81 5 5
9,18,30,42,60เดือนได้รบั การ 31 2 6.45 5 5

ตรวจพฒั นาการพบ สง่ สยั ล่าช้า

(3) รอ้ ยละของผู้ปุวยโรคเบาหวาน ≥รอ้ ยละ 40

ท่ีควบคุมได้

(4) ร้อยละของผ้ปู ุวยโรคความดนั ≥รอ้ ยละ 50

โลหิตสงู ท่คี วบคมุ ได้

(5) รอ้ ยละของเด็กกลุ่มอายุ 12 ปี ≥ร้อยละ56

ฟันดีไมม่ ผี ุ (Cavity free)

(6) ร้อยละของผปู้ ุวยนอกได้รับ ≥รอ้ ยละ 30

บริการการแพทย์แผนไทย

(7) ร้อยละของโรงพยาบาลส่งเสรมิ <รอ้ ยละ 20

สุขภาพตาบล/หนว่ ยบริการปฐมภมู ิ

ในเครือข่ายมีอัตราการใชย้ า

ปฏิชีวนะในโรคอุจจาระร่วง

เฉยี บพลัน≤ร้อยละ 20

74

ข้อ 5.3 นวัตกรรม งานวิจัย การจดั การองคค์ วามรู้

การพัฒนาความรแู้ ละทกั ษะของอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมู่บ้านในดา้ นการดูแลผู้ปว่ ยโรคเบาหวาน
และครอบครวั ในตาบลเยย้ ปราสาท อาเภอหนองก่ี จงั หวดั บรุ รี ัมย์

บทคัดยอ่
ยทุ ธศาสตรส์ าคัญของการสาธารณสขุ ประการหน่งึ คือ การมีส่วนร่วมของชุมชน โดยมีแนวปฏิบตั ทิ ่ี
สาคัญไดแ้ ก่ การสร้างอาสาสมคั รสาธารณสขุ เพ่อื ทางานร่วมกบั เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการจัดการกับปัญหา
ทางดา้ นสาธารณสขุ ที่พบบ่อยในชุมชน การศึกษาในคร้ังน้ี มวี ัตถปุ ระสงค์เพ่ือพัฒนาความรูแ้ ละทักษะของ
อาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหม่บู ้านในดา้ นการดแู ลผ้ปู วุ ยโรคเบาหวานและครอบครัวในตาบลเย้ยปราสาท
อาเภอหนองกี่ จังหวดั บรุ ีรมั ย์ ตามรปู แบบการพยาบาลสุขภาพครอบครวั มหาวิทยาลยั ขอนแก่น โดยใช้
กระบวนการฝึกอบรมเชิงปฏบิ ตั กิ ารท่มี เี น้ือหาการดูแลผปู้ ุวยโรคเบาหวานและครอบครัวเบอ้ื งตน้ โดยมี
อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมบู่ า้ น จานวน 45 คน ทีเ่ ขา้ รับการฝกึ อบรมแบ่งเปน็ 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1
จานวน 2 วัน คือ กจิ กรรมตามฐานการเรยี นรู้ 8 กจิ กรรมได้แก่กิจกรรมที่ 1 คือ ความรู้เรอื่ งโรคเบาหวานและ
การเจาะเลือดฝอยจากปลายน้ิวโดยใชเ้ ครอื่ งตรวจนา้ ตาลในเลอื ดชนิดพกพา กจิ กรรมท่ี 2 คือ บทบาทหนา้ ท่ี
ของครอบครวั ด้านการดูแลเร่ืองการควบคุมอาหาร กจิ กรรมท่ี 3 คือ บทบาทหน้าที่ครอบครวั ดา้ นการออกกาลัง
กาย กจิ กรรมที่ 4 คอื บทบาทหนา้ ท่ีครอบครวั ด้านการใช้ยาในผู้ปวุ ยเบาหวานและการดูแลภาวะฉกุ เฉิน
กิจกรรมที่ 5 คือ บทบาทหน้าท่ีครอบครวั ดา้ นการจัดการอารมณ์ กจิ กรรมที่ 6 คือ บทบาทหนา้ ที่ครอบครวั
ด้านการดูแลเท้าในผู้ปุวยโรคเบาหวาน กจิ กรรมที่ 7 การประเมนิ ปญั หาและความตอ้ งการของครอบครวั และ
กจิ กรรมท่ี 8 การเยี่ยมเยยี นครอบครวั และระยะท่ี 2 ฝกึ ปฏบิ ตั ิดแู ลผูป้ ุวยโรคเบาหวานและครอบครวั ในชมุ ชน
จานวน 8 สัปดาห์ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามเพื่อประเมนิ ความรูแ้ ละทักษะการดูแลผปู้ ุวย
โรคเบาหวานและครอบครวั ในชุมชนและแบบสอบถามความพงึ พอใจของผู้ปวุ ยและครอบครัวตอ่ การดูแลจาก
อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมู่บ้าน สถิติที่ใชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูล คือ การแจกแจงความถ่ี ร้อยละ คา่ เฉลีย่
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการศึกษา พบว่า ค่าเฉล่ียคะแนนความรู้และทักษะของอาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้านหลัง
การพฒั นาสงู กว่าก่อนการพัฒนาอยใู่ นเกณฑ์มาก(รอ้ ยละ 84.44) นอกจากน้ียังพบว่าผู้ปุวยโรคเบาหวาน และ

ครอบครัวมคี วามพงึ พอใจมากท่ีสุด( X = 4.55) และมาก( X = 4.43) ตามลาดับ

คาสาคัญ : การพัฒนาความรู้และทักษะ, อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน,การดูแลผู้ปุวยโรคเบาหวาน
และครอบครวั

75

ความเป็นมาและความสาคัญ/บทนา
โรคเร้ือรังท่ีเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศต่างๆ คือ โรคเบาหวาน เนื่องจากมีจานวนผู้เป็น

โรคเบาหวานเพม่ิ มากขนึ้ จากข้อมูลสถิติขององค์การอนามัยโลกปี พ.ศ. 2565 พบว่า 1 ใน 10 ของประชาชน
ในวัยผู้ใหญ่ปุวยเป็นโรคเบาหวาน และปัจจุบันพบว่ามีผู้ปุวยที่เป็นโรคเบาหวานท่ัวโลก 371 ล้านคน1 ใน
ประเทศไทยจากข้อมูลสานักนโยบายและยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุขพบว่า ปัจจุบันมีผู้ปุวยด้วย
โรคเบาหวาน 3.5 ล้านคนทั่วประเทศ และข้อมูลอัตราตายจากโรคเบาหวาน ปี พ.ศ. 2565 22.3 ต่อแสน2
สถานการณใ์ นจังหวดั บุรรี ัมยข์ อ้ มลู จานวนผปู้ ุวยโรคเบาหวานของสานักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างปี
2560 - 2565 พบมีแนวโน้มสูงขึ้นจาก 19,565 คนเป็น 37,701 คนและในจานวนผู้ปุวยโรคเบาหวาน
เสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะไตเร้ือรัง ภาวะผิดปกติของจอตา แผลเร้ือรังท่ีเท้า เป็นต้นในปี พ.ศ.
2560 – 2565 มีอัตราตาย 8.25, 8.10 และ 6.91 ต่อประชากรแสนคน3 และโรงพยาบาลส่งเริมสุขภาพ
ตาบลบ้านขามน้อย ตาบลเย้ยปราสาทมีจานวนผู้ปุวยมากขึ้นทุกปี จากปี 2557 – 2560 จานวน 252, 246
และ 241 คนตามลาดับราย4

ดงั นน้ั เปูาหมายที่สาคัญของการดูแลรักษาผู้ปุวยโรคเบาหวาน คือ การส่งเสริมให้ผู้ปุวยสามารถควบคุม
ระดับน้าตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ หรือใกล้เคียงปกติมากที่สุด ผู้ปุวยเบาหวานท่ีสามารถควบคุมระดับ
น้าตาลได้จะปูองกนั และชะลอการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ สุพัชร์ศักย์ พันธุ์ศิลา5 พบว่าครอบครัวมีบทบาทสาคัญ
มาก เพราะครอบครัวต้องมีส่วนร่วมดูแลผู้ปุวย เพ่ือให้ผู้ปุวยสามารถปรับตัวเข้ากับสภาวะของโรคเบาหวานท่ี
เป็นอยู่และสามารถดารงชีวิตได้อย่างปกติ6 รวมทั้งต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของเครือข่ายทางด้านสุขภาพใน
ชุมชน ได้แก่ อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมบู่ า้ น (อสม.) เพ่ือการดแู ลผปู้ ุวยโรคเบาหวานไดด้ ยี ิง่ ขึ้น

จากการศกึ ษาโดยการสมั ภาษณ์ ในปี พ.ศ. 2565 จานวน 10 ครอบครวั ในเขตรับผดิ ชอบโรงพยาบาล
สง่ เสริมสุขภาพตาบลบา้ นขามน้อย ตาบลเย้ยปราสาท พบว่า ผู้ปุวยเบาหวานไม่สามารถควบคุมโรคเบาหวานได้
จากพฤติกรรมการควบคมุ อาหารและการใช้ยาไม่ถูกต้อง นอกจากนั้นยังขาดการออกกาลังกายและขาดการดูแล
เท้า ด้านครอบครัว พบว่าสมาชิกในครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกรรมและรับจ้าง ต้องออกไปทางานแต่เช้า
หรือทางานต่างถิ่น และเป็นครอบครัวที่มีผู้สูงอายุดูแลกันเอง ส่งผลต่อการทาบทบาทในการดูแลผู้ ปุวย
โรคเบาหวาน

ปัญหาดังกล่าวผู้ศึกษาจึงได้เล็งเห็นความสาคัญของเครือข่ายทางด้านสุขภาพในชุมชน นั่นคือ
อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน (อสม.) ในการเข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริมบทบาทของครอบครัว โดย
นารูปแบบการพยาบาลสุขภาพครอบครัวมหาวิทยาลัยขอนแก่น (KKU Family Health Nursing Model- KKU
FHN Model) 7 เพ่ือใช้ในการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการอาสาสมัครสาธารณสุขในการดูแลผู้ปุวยโรคเบาหวานและ
ครอบครวั เนื่องจากแบบประเมินดังกล่าวมีรูปแบบท่เี ข้าถึงครอบครัว รูถ้ ึงปัญหาและความต้องการของครอบครัว
ทาให้อาสาสมัครสาธารณสุขสามารถมีความรู้และทักษะมากยิ่งพร้อมทานาความรู้ไปใช้เกิดประโยชน์แก่
ประชาชนต่อไป

76

วตั ถุประสงค์
วัตถปุ ระสงค์ทว่ั ไป
เพ่ือศึกษาผลของการพฒั นาความรู้และทักษะของอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมู่บา้ นในการ

ดแู ลผปู้ วุ ยโรคเบาหวานและครอบครัวในตาบลเย้ยปราสาท อาเภอหนองก่ี จังหวัดบุรรี มั ย์ โดยใชก้ ระบวนการ
ฝกึ อบรมเชิงปฏิบัติการตามคู่มอื ท่ีพฒั นาขนึ้ และตามรูปแบบการพยาบาลสุขภาพครอบครัว
มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น

วัตถุประสงค์เฉพาะ
1. เพื่อเปรยี บเทียบค่าเฉล่ียคะแนนความรู้และทักษะของอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมู่บา้ น

ในการดูแลผู้ปวุ ยโรคเบาหวานและครอบครวั กอ่ น และ หลังอบรม
2. เพื่อเปรียบเทยี บคา่ เฉลี่ยคะแนนความพงึ พอใจของผู้ปวุ ยโรคเบาหวานและครอบครัวที่ไดร้ ับ

การดูแลจากอาสาสมัครสาธารณสุขในระยะก่อนและหลังการปฏบิ ตั กิ ารจากอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจา
หมู่บ้านท่ไี ดร้ บั การพฒั นา
วธิ กี ารวจิ ัย

กรอบแนวคิด
การศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาได้ประยุกต์การปฏิบัติตามรูปแบบการพยาบาลสุขภาพครอบครัว

มหาวิทยาลัยขอนแก่น (KKU Family Health Nursing Model- KKU FHN Model)

กระบวนการฝึ กอบรมเชิงปฏิบตั กิ าร ตามคู่มอื การดแู ลผู้ป่ วยโรคเบาหวานและครอบครัว
1.กจิ กรรมฐานการเรียนรู้ 8 กจิ กรรม ระยะเวลา 2 วนั

2.การฝึ กปฏบิ ตั ิติดตามดแู ลผู้ป่ วยโรคเบาหวานและครอบครัวร่วมกบั พยาบาลครอบครัว จานวน 8 สัปดาห์ ดงั นี้
สัปดาห์ท่ี 1 – 2 เยย่ี มครอบครัว คร้ังที่ 1 อสม. ติดตามเยยี่ มดูแลผปู้ ่ วยโรคเบาหวานและครอบครัวท่ีบา้ น สร้างสมั พนั ธภาพ จดั ทาแผนภูมิครอบครัว
(Family genogram) ระบบนิเวศน์ครอบครัว(Family ecomap) แผนที่ครอบครัว(Family mapping) ความสมบูรณ์ของครอบครัว(Wellness of family
tree) อสม.ประเมินสญั ญาณชีพสมาชิกครอบครัว โดยมีพยาบาลครอบครัวเป็ นผฝู้ ึกปฏิบตั ิ
สัปดาห์ที่ 2 เยย่ี มครอบครัว คร้ังที่ 2 อสม. พยาบาลครอบครัว ร่วมกบั ผปู้ ่ วยโรคเบาหวานและครอบครัวช่วยกนั ประเมินปัญหาความตอ้ งการการดูแล
ช่วยเหลือดา้ นสุขภาพครอบครัว โดยใชแ้ ผน่ ประเมินปัญหาความตอ้ งการการดูแลช่วยเหลือดา้ นสุขภาพครอบครัว มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น
สัปดาห์ท่ี 3 เยย่ี มครอบครัว คร้ังที่ 3 อสม. พยาบาลครอบครัว ช่วยส่งเสริมสุขภาพผปู้ ่ วยโรคเบาหวานและครอบครัวในการปฏิบตั ิ เพ่ือใหค้ รอบครัว
สามารถผา่ นกบั ปัญหาท่ีกาลงั เผชิญอยไู่ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม
สัปดาห์ท่ี 4 - 8 เยย่ี มครอบครัว คร้ังที่ 4 ประเมินผล ติดตามการดูแลผปู้ ่ วยโรคเบาหวานและครอบครัว

77

ขอบเขตของการศึกษา

กลุ่มตัวอยา่ งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม

1.อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน คัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจงโดยกาหนดคุณลักษณะ

ดงั นี้ สามารถอา่ นออกเขียนได้ และสมัครใจเข้าร่วมการ จานวน 45 คน ประกอบด้วย อาสาสมัครสาธารณสุข

ประจาหมู่บา้ นที่ไม่ผา่ นการอบรม จานวน 29 คนและอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้านท่ีผ่านการอบรม 16

คน

2.ผปู้ วุ ยโรคเบาหวานทไ่ี มม่ ีภาวะแทรกซ้อนหรือมีโรคอื่นร่วมด้วย และผู้ดูแลในครอบครัว และ

สมัครใจเขา้ ร่วมการศกึ ษา โดยเปน็ ผู้ปวุ ยโรคเบาหวาน จานวน 45 คนและผู้ดแู ลในครอบครัว จานวน 45 คน

ในการดาเนินการศึกษาแบ่งออกเปน็ 2 ระยะ ประกอบดว้ ย ระยะที่ 1 กระบวนการฝกึ อบรม

เชิงปฏบิ ตั ิการ ตามกิจกรรมการเรียนรู้ 8 กจิ กรรม จานวน 2 วนั ระยะที่ 2 การฝึกปฏิบัติติดตามดแู ลผู้ปุวย

โรคเบาหวานและครอบครวั ในชุมชน จานวน 8 สปั ดาห์

เคร่ืองมือท่ีใช้ในการศกึ ษา

ในการศึกษาครั้งนี้ได้สร้างแบบสอบถามขึ้นมาเอง ได้ผ่านการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน 5

ท่าน นาแบบสอบถามไปทดสอบกับกลุ่มประชากร ท่ีมีลักษณะคล้ายกลุ่มตัวอย่าง จาวน 40 คนเพ่ือตรวจสอบ

ค่าความเท่ียง โดยใช้ค่าสัมประสิทธ์ิแอลฟุา ของคอนบาช (Cronbach’s alpha) ได้เท่ากับ 0.87

ประกอบดว้ ย

1. แบบสอบถามความรู้ในด้านการดูแลผู้ปุวยโรคเบาหวานและครอบครัวในชุมชน จานวน 35 ข้อ

ประกอบด้วยเนื้อหาความรู้เรื่องการดูแลผู้ปุวยโรคเบาหวาน, บทบาทของครอบครัวและการประเมินสุขภาพ

ครอบครัว ลักษณะคาตอบใหเ้ ลือก คือ ถูก ผิด ถ้าตอบถูกให้ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 35 คะแนน แปลผลโดยใช้

เกณฑ์ ดงั นี้

ระดบั มาก หมายถึง ช่วงคะแนนเฉลี่ย 0.67 - 1.00

ระดับปานกลาง หมายถงึ ช่วงคะแนนเฉล่ีย 0.34 - 0.66

ระดบั นอ้ ย หมายถงึ ช่วงคะแนนเฉลี่ย 0.00 - 0.33

2. แบบสอบถามการประเมินการปฏิบัติของอาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้านในด้านการดูแล

ผู้ปุวยโรคเบาหวานและครอบครัวในชุมชน จานวน 33 ข้อ ลักษณะคาตอบเป็นมาตราส่วนประมาณ 5 อันดับ

ได้แก่ มากที่สุด = 4 จนถงึ นอ้ ยทสี่ ุด = 0 แปลผลโดยใชเ้ กณฑ์ ดงั นี้

ระดบั มาก หมายถงึ ช่วงคะแนนเฉล่ยี 2.67- 4.00

ระดับปานกลาง หมายถึง ช่วงคะแนนเฉลีย่ 1.34-2.66

ระดบั น้อย หมายถงึ ช่วงคะแนนเฉลย่ี 0.00-1.33

3. แบบสอบถามประเมินความพึงพอใจของผู้ปวุ ยโรคเบาหวานและครอบครวั ตอ่ การดแู ลจาก

อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมู่บา้ น ประกอบด้วยข้อคาถาม 7 ขอ้ ลักษณะคาตอบเป็นมาตราสว่ นประมาณ

5 อันดับ ไดแ้ ก่ มากท่ีสุด = 5 จนถึงน้อยทสี่ ุด = 1 แปลผลโดยใช้เกณฑ์ ดงั น้ี

คะแนนเฉลยี่ สงู กวา่ หรือเทา่ กับ 4.50 มีความพึงพอใจในระดับมากทีส่ ดุ

คะแนนเฉล่ยี ระหว่าง 3.50 – 4.49 มีความพงึ พอใจในระดบั มาก

คะแนนเฉล่ยี ระหวา่ ง 2.50 – 3.49 มีความพงึ พอใจในระดบั ปานกลาง

คะแนนเฉลย่ี ระหว่าง 1.50 – 2.49 มีความพงึ พอใจในระดับนอ้ ย

คะแนนเฉลย่ี ตา่ กวา่ 1.50 มคี วามพึงพอใจในระดับน้อยท่ีสุด

การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ

78

แบบสอบถามและคู่มือการพัฒนาความรู้และทักษะของอาสาสมัครสาธารณสุขในด้านการดูแลผู้ปุวย
โรคเบาหวานและครอบครัวในชุมชน โดยการตรวจสอบความตรงของเน้ือหา (Content Validility) โดย
ผเู้ ชีย่ วชาญ 5 ทา่ น หลังจากนน้ั ปรบั ปรุงแกไ้ ขเนอ้ื หาแลว้ นามาตรวจสอบความเทยี่ งของเนอ้ื หา (Raliability) ได้
ค่าสมั ประสทิ ธิ์ความเที่ยงของเนอ้ื หา 0.877
ขั้นตอนการศึกษา

การพัฒนาความรู้และทักษะของอาสาสมัครสาธารณสุขในด้านการดูแลผู้ปุวยโรคเบาหวานและ
ครอบครัวในชุมชนพัฒนาข้ึนตามรูปแบบการพยาบาลสุขภาพครอบครัว มหาวิทยาลัยขอนแก่น แบ่งออกเป็น 3
ข้ันตอน ไดแ้ ก่

1. ข้ันเตรียมการ โดยการเตรียมทีมวิทยากร พัฒนาแผนการสอน คู่มือ และกิจกรรมการเรียนรู้ 8
กจิ กรรม

2. ข้นั ดาเนินการ ประเมินความรู้และทักษะของอาสาสมัครสาธารณสุขก่อนเข้ารับการอบรม และการ
อบรมเชิงปฏิบัติการเป็นเวลา 2 วัน โดยยึดหลักผู้รับการอบรมเป็นศูนย์กลางและการเรียนรู้แบบผู้ใหญ่8 ใช้
กิจกรรมการเรียนรู้ 8 กิจกรรมและฝึกปฏิบัติติดตามดูแลผู้ปุวยโรคเบาหวานและครอบครัวในชุมชนร่วมกับ
พยาบาลครอบครัว จานวน 8 สัปดาห์ พร้อมทั้งประเมินความพงึ พอใจของผู้ปุวยโรคเบาหวานและครอบครัวเมื่อ
ครบ8 สัปดาห์

3. ขัน้ ประเมนิ ผล ประชุมกลุ่ม เพื่อประเมินผลการดาเนินการ ซักถามพูดคุยเก่ียวกับปัญหาอุปสรรคที่
พบในการปฏิบัติงานและข้อเสนอแนะ และประเมินความรู้และทักษะของอาสาสมัครสาธารณสุขตาม
แบบสอบถาม
การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และการวิเคราะห์ข้อมลู

ข้อมูลเชิงปริมาณเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม ได้แก่ ข้อมูลทั่วไป แบบสอบถามความรู้และ
ทักษะของอาสาสมัครสาธารณสุขประจาหม่บู า้ นและแบบสอบถามประเมนิ ความพึงพอใจของผู้ปุวยโรคเบาหวาน
และครอบครัวต่อการดูแลจากอาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา วิเคราะห์ข้อมูล
ด้วยความถี่ ร้อยละ คา่ เฉล่ยี และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน
ผลการศกึ ษา
1. ข้อมูลสว่ นบุคคล

1.1 ข้อมูลทัว่ ไปของอาสาสมัครสาธารณสุข จานวน 45 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 62.2
เพศชายร้อยละ 37.8 ช่วงอายุมากท่ีสุดคือ 50 – 59 ปีคิดเป็นร้อยละ 51.4 ส่วนใหญ่สถานภาพคู่ ร้อยละ
91.1 อาชีพเกษตรกรมากทสี่ ดุ ร้อยละ84.4 จบการศึกษาประถมศึกษา ร้อยละ 46.7 รายได้ต่อเดือน 7,928
บาทและ ระยะเวลาการเปน็ อาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมู่บ้านมากท่ีสุดอยู่ในช่วง 1 - 5 ปีคิดเป็นร้อยละ40
ในรอบปที ่ผี า่ นมาไม่เคยไดร้ ับการอบรมความรู้เกยี่ วกบั โรคเบาหวาน ร้อย 64.4

1.2 ข้อมูลทั่วไปของผู้ป่วยโรคเบาหวาน จานวน 45 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 77.8
เพศชายรอ้ ยละ 22.2 อายุเฉล่ยี 61 ปี สว่ นใหญ่สถานภาพคู่ ร้อยละ 68.9 โดยผู้ปุวยโรคเบาหวานส่วนใหญ่
จบการศึกษาระดับประถมศึกษาคิดเป็นร้อยละ 95.6 ประกอบอาชีพเกษตรกร มากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 64.4
รายครอบครัวได้เฉล่ยี เดอื นละ 5,986 บาท ระยะเวลาการเจ็บปวุ ยดว้ ยโรคเบาหวานเฉล่ีย 11 ปีจานวนสมาชิก
ในครอบครัว เฉลี่ย 4 คน สถานะของท่านในครอบครัวส่วนใหญ่ เป็นหัวหน้าครอบครัว คิดเป็นร้อยละ 51.1
รกั ษาเบาหวานดว้ ยวิธียาเม็ดรับประทานมากท่ีสุดคิดเป็นร้อยละ 82.2 สถานบริการท่ีท่านเข้ารับการรักษามาก
ท่ีสดุ คือสถานีอนามัยและโรงพยาบาลคิดเปน็ ร้อยละ 100 เดินทางไปรักษากับคนในครอบครัวหรือลูกหลานมาก
ท่ีสุดคิดเป็นร้อยละ 75.6 เดินทางไปรับการรักษาด้วยใช้รถส่วนตัวมากท่ีสุดคิดเป็นร้อยละ 82.2 การมารับ

79

บริการตรวจรักษาตามนัดทุกคน คิดเป็นร้อยละ 100 ผู้ดูแลท่านในครอบครัวคู่สมรสมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ

64.4

1.3 ข้อมูลท่วั ไปของครอบครัวผู้ป่วยโรคเบาหวาน จานวนสมาชิกครอบครัวผู้ปุวยโรคเบาหวานที่

ตอบแบบสอบถามในการศึกษาครั้งนี้ 45 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 66.7 เพศชายร้อยละ 33.3 อายุ

เฉล่ีย 49.36 ปี ส่วนใหญ่สถานภาพสมรส ร้อยละ 68.9 โดยสมาชิกครอบครัวส่วนใหญ่จบการศึกษา

ประถมศึกษา ร้อยละ 68.9 ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรมากท่ีสุดร้อยละ 73.3 ระยะเวลาการดูแลปุวย

โรคเบาหวานเฉล่ยี 11 ปี ความสมั พันธ์กบั ผ้ปู วุ ยโรคเบาหวานส่วนใหญ่เป็นคู่สมรสร้อยละ 66.7

2. ผลของการพัฒนาความรู้และทักษะของอาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้านในการดูแลผู้ป่วย

โรคเบาหวานและครอบครัวในชุมชน

2.1 คะแนนความรู้ของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมูบ่ ้านก่อนและหลังการพัฒนาความรู้และ

ทักษะของอาสาสมัครสาธารณสุขประจาหม่บู า้ นในการดแู ลผปู้ ุวยโรคเบาหวานและครอบครัว

หลังการพัฒนาความรู้และทักษะทาให้อาสาสมคั รสาธารณสขุ มีคา่ คะแนนความร้สู งู กว่ากอ่ น

การพัฒนา รายละเอียดดังตารางท่ี 1

ตารางท่ี 1 คะแนนความรขู้ องอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมบู่ า้ นก่อนและหลังการพฒั นาความรู้และ

ทกั ษะ ของอาสาสมคั รสาธารณสุขประจาหมู่บา้ นในการดแู ลผ้ปู วุ ยโรคเบาหวานและครอบครวั (n =

45)

ระดับคะแนน(ร้อยละ) เกณฑ์ กอ่ นพัฒนาความรู้(รอ้ ยละ) หลังพัฒนาความรู้(ร้อยละ)

100 - 80 มาก 0 38 คน (84.44)

79 - 60 ปานกลาง 0 7 คน (15.55)

นอ้ ยกวา่ 60 นอ้ ย 45 คน (100) -

กอ่ นการพัฒนาความรคู้ า่ เฉล่ียและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความรู้ของอาสาสมัครสาธารณสขุ

ประจาหม่บู า้ น สว่ นใหญอ่ ยู่ในระดบั นอ้ ย โดยท่คี วามรู้ดา้ นการจัดการอารมณแ์ ละด้านการดูแลภาวะฉุกเฉินอยู่

ในระดับปานกลาง รายละเอียดดงั ตารางท่ี 2

หลงั จากพัฒนาความรู้ ดา้ นท่ีมีคะแนนสงู สดุ คือ ความรู้ด้านบทบาทครอบครวั รองลงมา

ความร้ดู ้านการดูแลเท้าและความร้ดู า้ นการดูแลภาวะฉุกเฉิน ตามลาดับ รายละเอียดดงั ตารางที่ 2

ตารางที่ 2 ค่าเฉล่ยี และคา่ เบี่ยงเบนมาตรฐานความรใู้ นด้านตา่ งๆของอาสาสมคั รสาธารณสุขประจาหม่บู า้ น

ก่อนและหลังการพัฒนาความรแู้ ละทักษะของอาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บา้ นในการดแู ล

ผปู้ ุวยโรคเบาหวานและครอบครัว (n = 45)

ความร้ขู อง อสม. กอ่ น หลัง

X SD แปลผล X SD แปลผล
ดา้ นความรโู้ รคเบาหวาน .259 .264 น้อย .911 .149 มาก

ด้านการควบคุมอาหาร .295 .130 น้อย .873 .143 มาก

ด้านการออกกาลังกาย .318 .255 น้อย .807 .279 มาก

ด้านการรับประทานยาและติดตามการรักษา .288 .268 น้อย .871 .166 มาก

ด้านการจัดการอารมณ์ .644 .313 ปานกลาง .911 .179 มาก

ดา้ นการดูแลเท้า .274 .277 นอ้ ย .948 .173 มาก

80

ดา้ นการดแู ลภาวะฉุกเฉิน .503 .252 ปานกลาง .925 .140 มาก

ด้านบทบาทครอบครัว .303 .282 นอ้ ย .963 .105 มาก

ดา้ นการประเมินสขุ ภาพครอบครวั .302 .220 นอ้ ย .884 .197 มาก

2.3 การปฏิบัติของอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้านก่อนและหลังการพฒั นาความรแู้ ละทกั ษะ

ในการดูแลผปู้ ุวยโรคเบาหวานและครอบครวั

กอ่ นและหลงั พฒั นาการปฏิบัตขิ องอาสาสมัครสาธารณสุข ค่าเฉลี่ยและสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน

ไม่มีการเปลย่ี นแปลงคือ ดา้ นการรับประทานยาและติดตามการรักษา และดา้ นการดแู ลเท้า และด้านทม่ี ี

คา่ เฉล่ยี และสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐานจากนอ้ ยเป็นมาก คือ ด้านความรโู้ รคเบาหวาน ดา้ นการควบคมุ อาหาร ดา้ น

การออกกาลังกาย ด้านการจัดการอารมณ์ ด้านการดูแลภาวะฉกุ เฉนิ ดา้ นบทบาทครอบครัวและดา้ นการ

ประเมินสขุ ภาพครอบครัวรายละเอียดดังตารางที่ 3

ตารางท่ี 3 คา่ เฉลี่ยและค่าเบีย่ งเบนมาตรฐานการปฏิบัติของอาสาสมัครสาธารณสุขในการดูแลผู้ปวุ ย
โรคเบาหวานและครอบครัวก่อนและหลงั พัฒนาความรู้และทักษะในการดูแลผปู้ วุ ยโรคเบาหวาน
และครอบครัว (n = 45)

การปฏิบัติของ อสม. ก่อน หลัง

ด้านการควบคุมอาหาร X SD แปลผล X SD แปลผล
1.004 .407 นอ้ ย 3.124 .242 มาก

ดา้ นการออกกาลงั กาย .511 .470 น้อย 3.622 .441 มาก

ดา้ นการรบั ประทานยาและติดตามการรักษา 1.363 .304 ปานกลาง 2.648 .273 ปานกลาง

ดา้ นการจัดการอารมณ์ .533 .358 น้อย 3.629 .342 มาก

ด้านการดแู ลเท้า 1.474 .270 ปานกลาง 2.570 .359 ปานกลาง

ด้านการดแู ลภาวะฉุกเฉิน .622 .447 น้อย 3.481 .352 มาก

ดา้ นบทบาทครอบครวั .585 .461 นอ้ ย 3.800 .260 มาก

ด้านการประเมินสุขภาพครอบครวั .508 .355 น้อย 3.750 .242 มาก

3. ความพงึ พอใจของผปู้ ว่ ยโรคเบาหวานและครอบครวั ต่อการดูแลของอาสาสมคั รสาธารณสุขทีไ่ ด้รบั
การพัฒนาความรแู้ ลว้

ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจโดยรวมของผู้ปุวยโรคเบาหวาน ต่อการดูแลของอาสาสมัครสาธารณสุขที่ได้รับ

การพัฒนาความรู้อยู่ในระดับมากที่สุด(X = 4.55) ในขณะที่ความพึงพอใจโดยรวมของครอบครัวอยู่ในระดับ

มาก ( X = 4.43) ดังแสดงตารางที่ 4 ทั้งผู้ปุวยโรคเบาหวาน และครอบครัวมีความพึงพอใจมากท่ีสุดในเร่ือง

การกล่าวคาทักทาย สร้างความสัมพันธภาพกับผู้ปุวยโรคเบาหวานและครอบครัวและ การเปิดโอกาสให้ซักถาม

ขอ้ สงสยั /ส่ิงที่ให้ชว่ ยเหลือ

81

ตารางที่ 4 คา่ เฉลยี่ และส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐานความพงึ พอใจของผปู้ วุ ยโรคเบาหวานและครอบครวั ในการ

ดแู ลของอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมู่บ้าน

ผปู้ ่วยเบาหวาน ครอบครัว

ข้อ กอ่ น หลัง ก่อน หลงั
X แปลผล
X แปล X แปลผล X แปลผล
ผล

1. การกลา่ วคาทักทาย สรา้ ง 3.61 มาก 4.58 มาก 3.73 มาก 4.51 มาก

ความสัมพันธภาพกับผูป้ ุวย ทส่ี ดุ ทส่ี ุด

โรคเบาหวานและครอบครวั

2. การสอบถามเกย่ี วกบั ปญั หา 2.37 นอ้ ย 4.44 มาก 2.31 น้อย 4.40 มาก

การดูแลผปู้ วุ ยโรคเบาหวานและ

ครอบครวั

3. กจิ กรรมในการให้บริการแก่ 2.31 น้อย 4.47 มาก 2.24 นอ้ ย 4.27 มาก

ผู้ปุวยเบาหวานและครอบครวั

4. การให้การมีส่วนร่วมในการ 2.08 น้อย 4.51 มาก 2.17 น้อย 4.24 มาก

วางแผนตดั สินใจในการดูแล ที่สุด

ผปู้ วุ ยโรคเบาหวานและ

ครอบครวั

5. การใหค้ าแนะนาในการ 1.70 น้อย 4.60 มาก 1.60 นอ้ ย 4.44 มาก

ปฏบิ ตั ติ นครบทกุ ปัญหา ถกู ตอ้ ง ทสี่ ดุ

และเหมาะสมกบั บริบทของ

ผปู้ วุ ยโรคเบาหวานและ

ครอบครวั เกย่ี วกับ การควบคุม

อาหาร ออกกาลงั กาย การ

รับประทานยา การดูแลเทา้

6. การแนะนาแหล่งสนับสนุน 4.35 มาก 4.58 มาก 4.20 มาก 4.49 มาก

การช่วยเหลอื เบื้องตน้ ให้กับ ที่สุด

ผ้ปู ุวยโรคเบาหวานและ

ครอบครัว

7. การเปิดโอกาสใหซ้ ักถามข้อ 2.86 ปานกลาง 4.69 มาก 2.95 ปาน 4.71 มาก

สงสัย/สิง่ ท่ีให้ชว่ ยเหลือ ท่ีสดุ กลาง ท่สี ุด

รวม 2.75 ปานกลาง 4.55 มาก 2.75 ปาน 4.43 มาก

ทีส่ ุด กลาง

82

วจิ ารณ์
ด้านความรูแ้ ละทกั ษะของอสม.ในการดูแลผู้ปวุ ยโรคเบาหวานและครอบครัว
การเปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังการพัฒนาอาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน พบว่า ค่า

คะแนนความรู้ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้านหลังจากให้ความรู้ทาให้อาสาสมัครสาธารณสุข มีค่า
คะแนนความรู้สูงกว่าก่อนการให้ความรู้ ซึ่งพบว่าเมื่อปฏิบัติการอบรมด้านความรู้แก่ประชาชนซ่ึงทาหน้าท่ี
อาสาสมัครสาธารณสุขแล้วได้ผลเป็นที่น่าพอใจ สอดคล้องกับการศึกษาของรัตนา แย้มศรี9 อาสาสมัคร
สาธารณสขุ มีความรู้และความสามารถในการดูแลผู้สูงอายุท่ีเป็นโรคเรื้อรังภายหลังจากเข้ารับการอบรมเพิ่มมาก
ขึ้นและยชุรเวท กระจ่างจิต10 ที่พบว่าค่าเฉล่ียคะแนนความรู้และทักษะของอาสาสมัครสาธารณสุขประจา
หมู่บ้านหลังได้รับการพัฒนาความรู้เร่ืองโรคความดันโลหิตสูงกว่าก่อนการพัฒนาอยู่ในเกณฑ์สูง พิจารณา
ค่าเฉล่ียความรู้และค่าเฉล่ียการปฏิบัติของอาสาสมัครสาธารณสุขรายด้านพบว่า ด้านบทบาทครอบครัวมี
ค่าเฉล่ียมากที่สุด การท่ีอาสาสมัครสาธารณสุขมีความรู้และปฏิบัติในเรื่องบทบาทครอบครัวมากท่ีสุด ส่งผลให้
ครอบครัวรับรู้ถึงบทบาทในเรื่องการดูแล การให้คาแนะนาที่มีประโยชน์ เสริมสร้างกาลังใจให้กับผู้ปุวย
โรคเบาหวาน6 จากกระบวนการฝกึ อบรมเชิงปฏบิ ตั ิการในครงั้ นี้ นอกจากนี้ การนากลยทุ ธ์การเรียนรู้ของผู้ใหญ่
มาใช้ในกระบวนการอบรมยังช่วยให้ อสม. มีการเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของ ปิยะศักดิ์
เจริญ11 ว่าแนวคดิ การเรียนรู้ของผู้ใหญ่เป็นจุดเร่ิมต้นของการจัดการศึกษาท่ีเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางและมีการ
เรียนรู้ท่ีดี ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของ Russell12 ว่าการสอนผู้ใหญ่ในการดูแลสุขภาพที่ใช้กระบวนการ
เรียนรู้ของผู้ใหญ่ ท่ีเน้นตัวผู้ใหญ่เป็นหลัก ให้ข้อมูลท่ีจาเป็นต่อการดูแลสุขภาพเพ่ือเกิดผลลัพธ์ในการดูแล
สขุ ภาพที่ดีขนึ้ และเข้ากับการดาเนนิ ชวี ติ ประจาวัน ผู้สอนเป็นเพียงผู้สนบั สนนุ และชแี้ นะให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง

จากผลประเมินความพึงพอใจข้างต้น พบว่าความพึงพอใจแยกเป็นรายข้อที่มีคะแนนค่าเฉลี่ยมากที่สุด
เหมือนกันทั้งผู้ปุวยโรคเบาหวานและครอบครัว คือ การเปิดโอกาสให้ซักถามข้อสงสัย/สิ่งท่ีให้ช่วยเหลือ และ
การลงฝึกปฏิบัติติดตามดูแลผู้ปุวยโรคเบาหวานและครอบครัวของอาสาสมัครสาธารณสุข ได้มีการใช้แบบ
ประเมินปัญหาและความต้องการด้านสุขภาพครอบครัวมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเป็นเคร่ืองมือที่สามารถ
จาแนกครอบครัวท่ีมปี ญั หาและความต้องการด้านสุขภาพของครอบครัวได้อย่างดีสอดคล้องกับลุนนี ราชไชย13
พบว่าแบบประเมนิ ปญั หาและความต้องการด้านสุขภาพครอบครัวมหาวิทยาลัยขอนแก่น สามารถจาแนกความ
ต้องแตกต่างของครอบครัวแรงงานนอกระบบที่มีสมาชิกเป็นโรคเบาหวานท่ีมีภาวะแทรกซ้อนกับครอบครัว
แรงงานนอกระบบทั่วไปได้ สามารถจาแนกครอบครัวที่มีปัญหาและความต้องการด้านสุขภาพของครอบครัวได้
อยา่ งมนี ัยสาคัญทางสถิตทิ ้งั ด้านและภาพรวม

นอกจากนี้ในการใช้แบบประเมินสุขภาพครอบครัวตามรูปแบบการพยาบาลสุขภาพครอบครัว
มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่ามีความเข้าใจง่ายในการปฏิบัติสาหรับประชาชนท่ัวไป ผู้ทาหน้าที่อาสาสมัครฯ
หลงั การอบรมการใช้แบบประเมนิ สุขภาพครอบครวั มหาวิทยาลัยขอนแก่น ช่วยทาให้ อสม. ได้รู้จักเข้าใจในการ
ดูแลครอบครวั ตามแบบประเมนิ สขุ ภาพครอบครวั มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่นมากขึน้ ในเครื่องมือประเมินครอบครัว 4
ชนิดและคาถาม 5 ข้อ14 อีกทั้งแผ่นบันทึกการประเมินมีเนื้อหาท่ีครอบคลุมทุกประเด็นที่ต้องการจัดเก็บข้อมูล
ทั้งระบบครอบครัวไว้ในแผ่นเดียว โดยเฉพาะคาถามท่ีใช้ประเมินปัญหาและความต้องการของครอบครัว ง่าย
ตอ่ การนาไปใชแ้ ละช่วยให้ อสม. มีความสามารถในการประเมินสุขภาพครอบครวั ประชาชนอย่างเปน็ รปู ธรรม
ข้อเสนอแนะในการทาวิจยั คร้ังต่อไป

1. ควรส่งเสริมการพัฒนาความรู้และทักษะอสม. ในการดูแลผู้ปุวยโรคเบาหวานและครอบครัว
เพอื่ เปน็ กาลงั สาคัญในการดแู ลผปู้ วุ ยโรคเบาหวานและครอบครวั รวมทัง้ โรคอน่ื ๆ

83

2. ควรนารูปแบบการพัฒนาความรู้และทักษะอสม. ในการดูแลผู้ปุวยโรคเบาหวานและครอบครัว
ไปประยกุ ตเ์ พอ่ื สง่ เสริมใหเ้ กิดความสาเรจ็ ในการควบคมุ โรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
กติ ติกรรมประกาศ

ผู้ศึกษา ขอแสดงความขอบคุณต่อผู้มีส่วนร่วมสาคัญในการดาเนินงานสาเร็จลุล่วงไปด้วยดี อันได้แก่
อาสาสมัครสาธารณสุข อาจารย์สาขาการพยาบาลครอบครัว คณะพยาบาลมหาวิทยาลัยขอนแก่น การศึกษาครั้ง
นี้จะก่อประโยชน์ในการพัฒนาการดูแลให้สอดคล้องและตรงกับความจาเป็นและความต้องการของทุกคนต่อไป
และรายงานฉบับน้ีคงจะสาเร็จไม่ได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสานักบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ผูศ้ กึ ษาจึงใคร่ขอแสดงความขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
เอกสารอ้างองิ
1. International Diabetes Federation. IDF Diabetes Atlas. Brussels, Belgium: IDF; 2013.
2. กองยุทศาสตร์และแผนงาน สานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสขุ . สรุปสถิตทิ ีส่ าคัญ 2560. นนทบุร:ี

กองยุทศาสตร์และแผนงาน สานกั งานปลัดกระทรวงสาธารณสขุ ; 2560
3. สานกั งานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรมั ย.์ สถานการณ์ผูป้ ุวยโรคเบาหวาน ในจงั หวัดบรุ ีรัมย.์ บุรรี ัมย์:

สานักงานสาธารณสุขจงั หวดั บุรีรมั ย์; 2555. (เอกสารอดั สาเนา)
4. โรงพยาบาลส่งเสรมิ สุขภาพส่งเสริมสุขภาพตาบลเยย้ ปราสาท. (2558). สถิติโรคไมต่ ิดต่อของ

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพส่งเสริมสขุ ภาพตาบลเย้ยปราสาท. บรุ ีรัมย์: โรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพ
ส่งเสรมิ สุขภาพตาบลเยย้ ปราสาท; (เอกสารอัดสาเนา)
5. สพุ ัชรศ์ ักย์ พันธุ์ศลิ า. (2551). ผลการใหค้ าปรกึ ษาในการดแู ลตนเองแกผ่ ปู้ ุวยเบาหวานทม่ี รี ะดบั
น้าตาลในเลือดสูงกวา่ ๑๕๐ มก./ดล. วารสารวิจยั ระบบสาธารณสุข 2551; 2(1): 571-5.
6. เพ็ญจันทร์ ประดับมขุ . ปฏิสมั พนั ธ์กบั ครอบครวั และชุมชนกบั การเจ็บปว่ ยเรื้อรัง : การทบทวนองค์
ความรู้ สถานการณ์ และปัจจยั ทเ่ี กย่ี วข้อง. นนทบุรี: สว่ นพฤติกรรมและสังคม สานักพัฒนาวชิ าการ
แพทย์; 2542.
7. ดารุณี จงอุดมการณ์. (2558). การพยาบาลสุขภาพครอบครัว: ทฤษฎีและการประยุกต์ใชใ้ นครอบครัว
ระยะวิกฤติ.กรงุ เทพ : บียอนด์ฯ
8. สมหมาย คชนาม. ระเบยี บวิจัย. [ม.ป.พ.: ม.ป.ป.]; 2557. (เอกสารอัดสาเนา)
9. สุขุมาล ธนาเศรษฐองั กลู . กระบวนการสอนผู้ปว่ ย. ขอนแก่น: ภาควิชาการพยาบาลสาธารณสขุ ศาสตร์
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น; 2545.
10. รัตนา แย้มศรี. การพฒั นาอาสาสมัคร สาธารณสุขเทศบาลเมอื งรังสติ อาเภอธญั บุรี จงั หวัดปทุมธานี
ในการดแู ลผสู้ ูงอายุทเี่ ปน็ โรค เรื้อรงั . [วทิ ยานพิ นธ์ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑติ ]. ขอนแกน่ :
บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น; 2553.
11. ยชรุ เวท กระจ่างจติ . การพัฒนาความรู้และทกั ษะของอาสาสมคั รสาธารณสุขประจาหมูบ่ ้านในด้าน
การดูแลผู้ป่วยโรคความดนั โลหิตสงู และครอบครัวในชุมชนตาบลดอนมนต์ อาเภอสตกึ จงั หวดั
บรุ รี ัมย.์ [การศึกษาอสิ ระปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าการพยาบาลครอบครัว].
ขอนแก่น: คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ ; 2559.
12. ปิยะศักด์ิ เจริญ. การพฒั นารูปแบบการฝึกอบรมผา่ นเว็บเพ่ือสง่ เสรมิ การรสู้ ารสนเทศและการเรียนรู้
แบบนาตนเองของผเู้ รยี นวัยผู้ใหญ่. วารสารครุศาสตร์ 2555; 40(1): 132-145.
13. Russell SS. An overview of adult-learning processes. Urol Nurs 2006 Oct; 26(5): 349-
52, 370.


Click to View FlipBook Version