The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แนวทางสลัฟ

แนวทางสลัฟ

44

ยอมรับเศาะฮาบะฮ์ท่านอ่ืน) แต่เม่ือพวกเขามีโอกาสสอบถามท่าน
อบูบักร ท่านอุมัร หรือท่านอบูฮุรอยเราะฮ์ พวกเขาจะสอบถามทันที
เนื่องจากพวกเขาเช่ือว่าไม่อนญุ าตให้ฝักใฝ่ในตัวบุคคลใดบุคคลหน่ึงแบบ
หลังชนฝานอกจากท่านร่อซูล้ y เท่านั้น ซึ่งท่านร่อซู้ลจะไม่กล่าวส่ิงใด
ออกมาจากอารมณ์ นอกจากตามกรุ อานทีเ่ ป็นวะฮียท์ ่ถี ูกประทานลงมา

หากว่าเราเห็นด้วยกับผู้ที่กล่าวว่าเราขอเรียกตัวเองว่าเป็นมุสลิม
เท่าน้ัน และไม่พาดพิงตัวไปหาแนวทางสลัฟ (ไม่เรียกตัวเองว่าสะละฟีย์)
ทั้ง ๆ ท่ีเป็นชื่อที่มีเกียรติและถูกต้อง (คิดหรือว่า) พวกเขาจะเลี่ยงการ
เรียกตัวเองด้วยช่ือกลุ่มหรือแนวทางอื่นของพวกเขา (ท่ีหลงผิด) ท้ัง ๆ ที่
มันเปน็ ช่ือเรยี กท่ีไมม่ ใี นศาสนาและเปน็ ชอื่ ท่ไี ม่ถูกตอ้ ง !!

45

ปัจจัยทีท่ าให้เปล่ียนจากการเรียกวา่ “อะฮล์ ุซซนุ นะห์ วัลญะมาอะฮ”์
ไปสูก่ ารเรยี กวา่ “สะละฟยี่ ะฮ์” แทน34

เ ป็ น ท่ี ท ร า บ ดี ว่ า ก ลุ่ ม ห ล ง ผิ ด จ า น ว น ม า ก อ้ า ง อิ ง ไ ป ยั ง ช่ื อ
“อะฮล์ ุซซุนนะห์ วัลญะมาอะฮ์” จนทาให้ชื่อน้ใี ช้เรียกกลุ่ม อะชาอเิ ราะฮ์
มาตุรีดียะฮ์และกลุ่มหลงผิดอ่ืน ๆ ทาให้คานิยามของอะฮ์ลิซซุนนะห์
ขยายเปน็ วงกว้างมากข้ึนจนทาใหก้ ลุม่ ท่ีทราบกนั ถงึ ความผิดเพีย้ นในด้าน
รากฐานหลักความเชื่อ (อะกีดะฮ์) ลักษณะของอัลลอฮ์และหลักการ
ศรัทธาอ้างอิงถึงการใช้คาน้ีโดยอ้างว่าพวกเขานี่แหละคือผู้ครองสัจธรรม
ที่ชัดแจ้ง และกล่าวหากลุ่มอ่ืน ๆ นอกเหนือจากพวกเขาว่าเป็นกลุ่มท่ี
หลงทางอย่างชดั เจน

จากที่กล่าวมาเป็นความจาเป็นที่ทาให้ต้องเปล่ียนจากการเรียก
อะฮ์ลซุ ซนุ นะห์ วัลญะมาอะฮ์ เปน็ ชื่อ “สะละฟียะฮ์” เพอื่ เป็นการยืนยัน
ตามลักษณะของอัลฟิรเกาะฮ์อัลนาญียะฮ์ (กลุ่มที่รอดพ้น) หรือว่าอัล
มันซูเราะฮ์ (ผู้ถูกช่วยเหลือ) หรือ อัลฆุรอบาอ์ (คนแปลกหน้า) เพ่ือ
จาแนกออกจากกลุ่มท่ีบิดเบือนต่าง ๆ ที่พาดพิงมาหาพวกเขาทาให้การ

34 ชยั ค์ มฮุ มั มดั อาลี ฟัรกสู , เกียรตขิ องการอ้างองิ สูแ่ นวทางสลัฟ

46

ใชน้ ิยามว่า สะละฟียะฮ์ หลุดพน้ จากการอ้างองิ ของกลุม่ บิดอะฮ์และพวก
ใช้อารมณ์ต่าง ๆ และกลายเป็นเร่ืองต้องห้ามสาหรับผู้ที่เอาคาว่า
แนวทางสลฟั เปน็ สญั ลกั ษณข์ องพวกเขา

ทมี่ าของคาวา่ สลฟั

ในอีกมุมหนึ่งคาว่า สลัฟ มีกล่าวยืนยันในฮะดีษของท่านหญิง
อาอีชะฮ์h เมื่อท่านนบีy พูดกับลูกสาวของท่าน คือ ฟาติมะฮ์
h ขณะทา่ นนบใี กลจ้ ะเสยี ชีวติ วา่

،‫ ُفَوإِأَنَََّنِكلَ أََِّكوُل أَْهلِي ُِلُوقًا ِب‬،‫َوَل أَُراِن إََِّل قَ ْد َح َوَنضَِْعرَمأَاَلجلَِّسلَي‬

ความว่า : ฉันคิดว่าอะญัลของฉันใกล้เข้ามาแล้ว และเธอคือคน
แรกในครอบครวั ทค่ี อยติดตามฉัน และฉันคือสลฟั ที่ดีทสี่ ุดสาหรบั เธอ 35

และท่านกลา่ วขณะท่ลี กู สาวของทา่ น (ซัยนบั ) เสยี ชวี ิตเชน่ กันว่า

‫اِْلَِقي بِ َسلَِفنَا ال َّصالِ ِح اْْلَْيِر عُثْ َما َن بن َمظْعُوٍن‬

35 บคุ อรีย,์ เศาะฮหี บ์ คุ อรีย์ หมายเลข : 6285; มุสลิม, เศาะฮหี ์มสุ ลิม หมายเลข : 2450

47

ความว่า : เธอจงติดตามสลัฟศอลิห์ของเราไป คือท่านอุษมาน
อิบนิ มซั อูน36

ซ่ึงความหมายของฮะดีษ (ความหมายด้านภาษา จะบ่งถึงอดีต
กาลหรือช่วงเวลาท่ีผ่านมาจากชีวิตปัจจุบัน) หากแต่มีระบุในข้อความ
ของนักวิชาการสมัยตาบิอีนที่บ่งถึงความหมายด้านบทบัญญัติ เช่น
คาพูดท่านอะฏออ์ที่มีต่อท่านอิบนิญุรอยห์ในประเด็นเกี่ยวกับการ
รับประทานเนื้อม้า ท่านกล่าวว่า : ชาวสลัฟยังรับประทานเน้ือม้า
อย่างต่อเนื่อง ท่านอิบนิญุรอยห์กล่าวว่า : หมายถึงเศาะฮาบะฮ์ของท่าน
ร่อซู้ลกระนั้นหรือ ท่านตอบว่า : ใช่ครับ เป็นท่ีทราบกันดีว่าท่านอะฏออ์
มีชีวิตอยู่ทันบรรดาเศาะฮาบะฮ์ส่วนใหญ่ เช่น ท่านหญิงอาอีชะฮ์h
และเศาะฮาบะฮท์ า่ นอื่น ๆ 37

ท่านซุฮ์รีย์กล่าวถึงกระดูกของสัตว์ที่ตายแล้ว อาทิเช่นช้างและ
สัตว์อื่น ๆ ว่า: เรามีชีวิตอยู่ทันนักปราชญ์ชาวสลัฟ พวกเขานากระดูก

36 อะหม์ ดั , เตาะบะกอต หมายเลข : 5114
37 อิบนิฮสั ม,์ มฮุ ลั ลา เลม่ 6 หน้า 82

48

สัตว์มาทาหวีหรือนามาสกัดเป็นน้ามัน และพวกเขาไม่ได้เห็นว่าเป็น
ต้องหา้ มแตอ่ ยา่ งใด38

ท่านอีมาม อัดดารุลกุฏนีย์ v กล่าวว่า : บุคคลหน่ึงที่ไม่ได้ยุ่ง
เก่ียวกับวิชาตรรกะ (อิลมุลกะลาม) หรือการโต้เถียงหรือการลง
รายละเอียดในเร่ืองน้ีเว้นแต่เขาคือสะละฟีย์39 แน่นอนว่านักวิชาการ
ถ่ายทอดความหมายเช่นน้ีเพื่อบ่งบอกถึงการยึดม่ันในศาสนาและมั่นคง
อยู่ในแนวทางสลัฟศอลหิ ์ท่ีทาให้พวกเขาโดดเดน่ กว่ากลุ่มอืน่ ๆ จากกลุ่ม
ทัง้ หลายทหี่ ลงทาง

38 บุคอรีย,์ เศาะฮหี ์บุคอรีย์ เลม่ 1 หนา้ 56
39 ซะฮะบ,ี ซิยรั อะลามลิ นบุ ะละอ์ เล่ม 16 หนา้ 457

49

แนวทางสะละฟีย์40
รากฐานของแนวทางสลัฟ
หนง่ึ : อิบาดะฮ์ตอ่ อัลลอฮอ์ งค์เดยี วด้วยความบรสิ ทุ ธิ์ใจ
สอง : อยูร่ วมกันเป็นกลมุ่ เช่ือฟงั และปฏบิ ตั ติ ามผนู้ า
สาม : ออกหา่ งจากอตุ ริกรรมและผนู้ ิยมอตุ รกิ รรม
ทา่ นชัยคุลอสิ ลาม มุฮัมมัด อิบนิ อบั ดุลวาฮาบ กล่าวว่า : ย่อมไม่
เกิดความด่างพร้อยในศาสนาของมวลมนุษย์และกิจการโลกดุนยาของ
พวกเขา เว้นแต่มาจากสาเหตุของการบกพร่องท้ังสามเร่ืองน้ีหรือเร่ืองใด
เร่ืองหน่งึ ในสามเร่อื งนี้
รากฐานแรก : การอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์องค์เดียวเท่านั้นโดยอยู่
บนพนื้ ฐานของกิตาบุลลอฮ์ ซนุ นะห์
การอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์เพียงองค์เดียวโดยยึดถือตามพื้นฐานของ
กิตาบุลลอฮ์และซุนนะห์ผ่านความเข้าใจของชาวสลัฟ หมายถึง

40 มุฮมั มัด บาซมลู , แนวทางสะละฟยี ,์ หน้า 27- 46

50

การเคารพสกั การะต่ออัลลอฮ์องค์เดียว และเคารพสักการะตามท่ีศาสนา
ส่ังใช้ โดยการกล่าวยืนยันว่า ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮ์ มุฮัมมัด ร่อซู้ล
ลุลลอฮ์ เพราะสิ่งนี้คือพื้นฐานแรกของการเป็นสะละฟียะฮ์ มีรายงาน
จากทา่ น อบฮู รุ อยเราะฮ์ a ทา่ นร่อซ้ลู กลา่ วว่าy

‫ كِتَا َب اللهَ َو ُسَنِّْت‬: ‫إِِن قَْد تََرْك ُت فِْي ُك ْم َشْيئَ ْيِن لَ ْن تَ ِضُلّْوا بَْع َدُُهَا‬
‫َولَ ْن يَتََفَّرقَا َحَّت يَِرَدا علَ َّي اِلَْو َض‬

ความว่า : แท้จริงฉันได้มอบไว้ให้แก่พวกท่านสองประการ
พวกท่านจะไม่หลงผิดด้วยสองประการนี้อย่างแน่นอน คือ กิตาบุลลอฮ์
และ ซุนนะห์ของฉัน จะไม่ถูกแยกกันจนกว่าจะมาด้วยกันยังบ่อน้าของ
ฉัน

กุรอานและซุนนะห์คือทางนาสาหรับผู้ที่ยึดม่ันในสองส่ิงน้ี
และเศาะฮาบะฮ์ คือผู้ท่ีรู้ดีท่ีสุด และใครท่ีทาตามกุรอานและซุนนะห์
ตามความเข้าใจของชาวสลฟั ศอลหิ ์เขาจะปลอดภัย

51

รากฐานท่ีสอง : อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เชื่อฟังและปฏิบัติตาม
(ผู้นา) รักษาสิทธิของผู้นา ตราบใดที่พวกเขาไม่ใช้ให้ ทาเรื่อง
ฝา่ ฝนื อลั ลอฮ์

อลั ลอฮต์ รสั ว่า

‫يَا أَُيَّها اَلّ ِذي َن آَمنُوا أَ ِطيعُوا الَلّهَ َوأَ ِطيعُوا الَّر ُسوَل َوأُوِل اْۡلَْمِر‬
‫ِمن ُك ْم ۡۖ فَِإن تََِنَلَالَّزِهْعتَُوْاملْيَِْوفِم اَشْلْيٍِِخِرفَُۚرُّٰدََذلِوهُ َإكِلَىَخاْيلٌَلرِّهَوأََواْلحَّرَسُسُنوِلََتْإِِوينلًاُكنتُْم تُْؤِمنُوَن‬

ความว่า : ผู้ศรัทธาท้ังหลาย ! จงเช่ือฟังอลั ลอฮ์ และเชอ่ื ฟงั รอ่ ซู้ล
เถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกเจ้าด้วย แต่ถ้าพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด
ก็จงนาสิ่งนั้นกลบั ไปยังอัลลอฮ์ และร่อซู้ล หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮ์
และวันปรโลก นั่นแหละเป็นส่ิงที่ดีย่ิงและเป็นการกลับไปท่ีสวยงามย่ิง
[อนั นซิ าอ์ : 69]

อายะฮ์น้ีเป็นหลักฐานบ่งช้ีว่าจาเป็นต้องเช่ือฟังและปฏิบัติตามท่ี
ผนู้ าสั่งใช้ ในเรื่องที่ไม่คา้ นกับการเช่ือฟังอลั ลอฮ์และรอ่ ซ้ลู

52

มีรายงานจากท่าน อิบนิ อมุ รั ท่านรอ่ ซู้ลy กลา่ ววา่

‫ فإذا أمر ِبعصية فلا َسع‬،‫ ما لم يؤمر َلمعصية‬،‫السمع والُطاعة حق‬
‫وَل طاعة‬

ความว่า : การเช่อื ฟงั และปฏบิ ตั ิตามเป็นสิทธิ (ของผู้นา) ตราบใด
ท่ีเขามิได้ส่ังใช้ให้กระทาความผิด และเม่ือใดท่ีถูกสั่งให้กระทาความผิดก็
ไม่มีการเชอื่ ฟังหรอื ยอมทาตามใด ๆ

แน่นอนว่าท่านร่อซู้ลให้ความสาคัญต่อคาส่ังเรื่องการเชื่อฟังผู้นา
ท่านยังบอกว่าทางรอดพ้นจากนักดาอีย์ (ผู้เชิญชวนอิสลาม) ไปสู่ประตู
นรก คือ การยึดมั่นในกลุ่มของผู้ศรัทธา เชื่อฟังและปฏิบัติตามผู้นาของ
พวกเขา

ท่านฮุซยั ฟะฮ์ อิบนิ ยามาน กล่าวว่า : ผู้คนท้ังหลายต่างถามทา่ น
ร่อซู้ลลุลลอฮ์y ถึงความดี (เพ่ือจะนามาปฏิบัติ) แต่ฉันถามท่านร่อซู้ล
เกี่ยวกับความชั่ว (บาปที่เป็นความชั่ว) เพราะเกรงว่ามนั จะมาประสบกับ
ฉัน

53

ดังน้ันฉันพูดกับท่านร่อซู้ลลุลลอฮ์ว่า : ท่านร่อซู้ลครับ เราเคยอยู่ในยุค
ญาฮิลียะฮ์และความเลวร้าย และพระองค์ทรงมอบส่ิงดี ๆ เหล่านี้ให้กับ
เรา (สภาพความเป็นอยู่ท่ีดี ห่างไกลจากความป่าเถ่ือน) หลังจากความดี
เหลา่ นี้ จะมคี วามชว่ั รา้ ยอกี หรอื เปล่าครับ

ท่านตอบว่า : มีครับ (หลังจากความดีเหล่าน้ีจะมีความช่ัวร้าย)
ฉันถามตอ่ วา่ และหลังจากความชว่ั จะมคี วามดีเหลืออยูอ่ กี ไหมครับ

ท่านตอบว่า : มีและในสภาพเช่นนั้นจะเกิดสภาพท่ีเลวร้ายด้วย (บ่งชี้ถึง
ความดีท่ีมาหลงั ความชั่วมิใช่ความดีที่บริสุทธิ์ท้ังหมดแต่มคี วามช่ัวปะปน
อยดู่ ว้ ย)

ฉันถามต่อวา่ : อะไรกันครบั คอื สภาพท่ีเลวร้าย

ท่านตอบว่า : กลุ่มชนหน่ึงท่ไี ม่ได้เรยี กรอ้ งส่ทู างของเรา ท่านรู้จักพวกเขา
จากการปฏิบตั ขิ องพวกเขา และทา่ นจะไมย่ อมรับเขา

ฉันถามต่อว่า : และหลังจากความดีนั้นแล้วมียุคแห่งความชั่วต่ออีกไหม
ครบั

54

ทา่ นตอบว่า : มี คือนกั ดาอีย์ท่เี ชิญชวนไปสู่ประตูขุมนรก และผู้ใดที่ตอบ
รับพวกเขา เขาจะโยนท่านลงส่ไู ฟนรก
ฉนั พูดกับท่านร่อซู้ลว่า : ท่านร่อซู้ลลุลลอฮ์ครับ บอกลักษณะพวกเขาแก่
เราด้วย
ท่านกล่าวว่า: พวกเขามาจากกลุม่ ชนของเรา (เปน็ ชาวอาหรับและนบั ถือ
ศาสนาเดียวกับเรา) และพดู ภาษาเดยี วกบั เรา
ฉนั กล่าวว่า : ท่านมคี าส่ังอยา่ งไรเม่ือส่ิงนีม้ าประสบกับเรา
ท่านกล่าวว่า : จงยึดญะมาอะฮ์ของผู้ศรัทธาและผู้นาของพวกเขาเอาไว้
ฉันถามต่ออีกว่า : และถ้าหากไม่มีญะมาอะฮ์และไม่มีผู้นาละครับท่าน
ท่านตอบว่า : ท่านก็จงท้ิงกลุ่มต่าง ๆ ท้ังหมด ถึงแม้ท่านจะกัดรากไม้กิน
ก็ตามจนกว่าความตายจะมาถึงท่านและท่านคงอยู่ในสภาพเช่นนั้น 41
(หมายถึง ในสภาพท่ีไม่มีผู้นา ให้ท่านแยกตัวออกมาและอดทนในสภาพ

41 บุคอรีย,์ เศาะฮีหบ์ คุ อรีย์ หมายเลข : 3606

55

เช่นน้ัน การตายในสภาพที่กัดกินรากไม้ย่อมดีกว่าท่ีท่านไปติดตามคน
หนงึ่ คนใดในกลุ่มของพวกเขา)

อีกฮะดีษท่านร่อซู้ลสั่งใช้ให้เช่ือฟังและปฏิบัติตามผู้นาถึงแม้
ทรพั ย์ของท่านจะถกู ยดึ และหลงั ท่านจะถูกตกี ต็ าม

ท่านฮุซัยฟะฮ์กล่าวว่า : ท่านร่อซู้ลครับเราเคยอยู่ในยุค
ญาฮิลียะฮ์และความเลวร้าย และพระองค์ทรงมอบส่ิงดี ๆ เหล่าน้ีให้กับ
เรา (สภาพความเป็นอยู่ที่ดี ห่างไกลจากความป่าเถื่อน) หลังจากความดี
เหลา่ น้ี จะมคี วามชัว่ รา้ ยอกี หรอื เปลา่ ครบั

ท่านตอบวา่ : มคี รบั (หลงั จากความดเี หลา่ นีจ้ ะมคี วามชวั่ รา้ ย)

ฉนั ถามต่อว่า และหลังจากความชว่ั จะมคี วามดีเหลืออยู่อีกไหมครบั

ท่านตอบวา่ : มี

และฉนั ถามต่อวา่ : และหลังจากความดจี ะมคี วามชว่ั ตอ่ อีกไหม

ทา่ นตอบวา่ : มี

ฉนั ถามว่า : แล้วมสี ภาพเป็นอย่างไรครับ

56

ท่านตอบว่า : หลังจากเราจะเกิดผู้นาท่ีไม่ได้ดาเนินตามทางของเราและ
แบบอย่างของเรา และจะเกิดบคุ คลในหมู่พวกเขาท่ีหัวใจพวกเขาเหมือน
หัวใจของชยั ฏอนในร่างมนุษย์

ฉันกล่าวว่า : แล้วเราจะรับมืออย่างไรครับท่านร่อซู้ลหากว่ามาประสบ
กับเรา

ท่านตอบว่า : ท่านต้องเช่ือฟังและปฏิบัติตามผู้นาถึงแม้ทรัพย์ท่านจะถูก
ยึดและหลังท่านจะถกู ตดี ังน้นั จงเชอื่ ฟงั และทาตามเขา42

และท่านร่อซู้ลใช้ให้เชื่อฟังผู้นา เมื่อเห็นผู้นาทาส่ิงที่ไม่ดีจงอย่า
ถอนตวั ออกจากการเช่อื ฟงั เขา

،‫ َويُ َصُلّوَن َعلَْي ُك ْم‬،‫َويُ ِحُبّونَ ُك ْم‬ ‫ِخيَاُر أَئَِّمتِ ُك ُم اَلّ ِذي َن تُ ِحُبّونَ ُه ْم‬
،‫اَلّ ِذي َن تُْبُِ ُضونَ ُه ْم َويُْبُِ ُضونَ ُك ْم‬ ‫ َوِشَراُر أَئَِّمتِ ُك ُم‬،‫َوتُ َصُلّوَن َعلَْي ِه ْم‬
‫ يَا َر ُسوَل الله أَفَلا نُنَابُِذ ُه ْم َِل َّسْي ِف؟‬:‫َوتَْلَعنُونَ ُه ْم َويَْلَعنُونَ ُك ْم» قِي َل‬

42 มุสลมิ , เศาะฮหี ม์ สุ ลิม หมายเลข : 1847

57

ً‫َشْيئا‬ ‫ُوَلتِ ُك ْم‬ ‫ِم ْن‬ ‫َوإذَا َرأَيْتُ ْم‬ ،َ‫ َما أَقَاُموا فِي ُك ُم ال َّصلاة‬.‫«َل‬ :‫فََقا َل‬
‫طَا َعٍة‬ ‫ِم ْن‬ ً‫تَْنِزعُوا يَدا‬ ‫ َوَل‬،‫تَ ْكَرُهونَهُ فَا ْكَرُهوا َع َملُه‬

ความว่า :ผู้นาท่ีดีของพวกท่านคือบรรดาผู้ท่ีพวกเขารักพวกท่าน
และพวกท่านก็รักพวกเขา พวกเขาขอพรให้แก่พวกท่านและพวกท่านก็
ขอพรให้แก่พวกเขา ส่วนผู้นาท่ีเลวของพวกท่าน คือ บรรดาผู้ที่พวก
ท่านเกลียดชังพวกเขา และพวกเขาก็เกลียดชังพวกท่าน พวกท่าน
สาปแช่งพวกเขาและพวกเขาก็สาปแช่งพวกท่าน มีคนกล่าวว่า : โอ้ท่าน
รอ่ ซู้ลลุลลอฮ์เราจะถอนตัวจากพวกเขาด้วยคมดาบได้หรือไม่? ท่านตอบ
ว่า : ไม่ได้ ตราบใดท่ีพวกเขายังคงนาละหมาดพวกท่าน และเม่ือพวก
ท่านเห็นสิ่งใดที่น่าตาหนิจากบรรดาผู้ปกครองจงตาหนิการกระทาของ
เขา พวกท่านอย่าได้ถอนตวั ออกจากการเชอื่ ฟังปฏบิ ัตติ ามพวกเขา43

และท่านบอกวา่ การเชอื่ ฟงั ผนู้ าคือเหตหุ นง่ึ ท่ีทาให้เขา้ สวรรค์

،َ‫ َوَم ْن َع َصاِن فََق ْد عَ َصى الله‬،َ‫َم ْن أَطَا َعِن فََق ْد أَطَا َع الله‬
‫ َوَم ْن َع َصى أَِميِري فََق ْد َع َصاِن‬،‫َوَم ْن أَطَا َع أَِميِري فََق ْد أَطَا َعِن‬

43 มุสลมิ , เศาะฮีหม์ สุ ลมิ หมายเลข : 1855

58

ความว่า : ผู้ใดเชื่อฟังฉัน ก็เท่ากับว่าเขาได้เช่ือฟังอัลลอฮ์ และ
ผู้ใดทรยศต่อฉัน ก็เท่ากับว่าเขาได้ทรยศต่ออัลลอฮ์ และผู้ใดเช่ือฟังผู้นา
ของฉัน ก็เท่ากับว่าเขาได้เช่ือฟังฉัน และผู้ใดทรยศต่อผู้นาของฉัน
กเ็ ทา่ กบั ว่าเขาได้ทรยศต่อฉัน

!‫ َوَم ْن ََيََْ يَا َر ُسوَل اََّّلِل ؟‬: ‫ قيل‬،َ‫ُك ُّل أَُّمِت يدخلون الجنة إَل من أ‬
َََ‫ َوَم ْن َع َصاِن فََق ْد أ‬،َ‫ َم ْن أَطَا َعِن َد َخ َل الْجََنّة‬:‫قال‬

ความว่า : ประชาชาติของฉันทุกคนจะได้เข้าสวรรค์ ยกเว้นคนที่
ปฏิเสธ มีคนถามข้ึนมาว่า และใครกันล่ะครับที่ปฏิเสธ โอ้ร่อซู้ลลุลลอฮ์ ?
ใครก็ตามที่เช่ือฟังฉัน เขาก็ได้เข้าสวรรค์ และใครก็ตามที่ฝ่าฝืนฉัน
แน่นอนเขาคอื คนปฏเิ สธ44

ท่านอิบนิ รอญับv กล่าวว่า : การเช่ือฟังและปฏิบัติตาม
ผู้รับผิดชอบกิจการของมุสลิมย่อมเกิดความผาสุกในดุนยา พวกเขาย่อม

44 บุคอรีย,์ เศาะฮีห์บุคอรีย์ หมายเลข : 7280; มุสลิม, เศาะฮหี ม์ ุสลมิ หมายเลข : 1835

59

จัดการผลประโยชน์ในชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน และพวกเขาอาศัย
ผูป้ กครองในการประกาศศาสนาและเชื่อฟงั พระเจ้าของเขา45

ท่านอิบนิตัยมียะฮ์v กล่าวว่า : การอดทนต่อผู้นาท่ีช่ัวร้ายคือ
รากฐานหนึ่งของอะลิสซนุ นะห์ วลั ญะมาอะฮ์

การตักเตือนผู้นาเป็นเรื่องหนึ่งที่สาคัญมากในศาสนาเช่นท่ีท่าน
รอ่ ซู้ลกล่าวว่า ศาสนา คือ การรักษาสิทธิ เรา (เศาะฮาบะฮ์) ถามว่า : ใน
เรื่องใดบ้างครับท่าน ท่านร่อซู้ลตอบว่า : ในเร่ืองของอัลลอฮ์ คัมภีร์
ของอลั ลอฮ์ ร่อซู้ลของพระองค์ ผนู้ าของมสุ ลิม และผ้ศู รัทธาท่ัว ๆ ไป46

ท่านอบูนะอีม อัลอัศบะฮานีย์ กล่าวว่า : ผู้ใดก็ตามที่ตักเตือน
ผู้นาหรือหวั หน้า เขาย่อมไดร้ ับทางนา และผู้ใดทค่ี ดโกงพวกเขา เขาย่อม
หลงทางและเกิดการอธรรม

ไม่อนุญาตให้กล่าวโจมตีผู้นาบนมิมบัร ในการบรรยายหรือในท่ี
ประชุม ครั้งหน่ึงท่านชัยค์ อิบนิ บาซv (ถูกถามตามที่ระบุในหนังสือ

45 ญามิอุล อุลมู วัลฮกิ มั เลม่ 2 หนา้ 117
46 มสุ ลมิ , เศาะฮีหม์ สุ ลมิ หมายเลข : 55

60

“อัลมะลูม มิน วาญิบิล อะลาเกาะ บัยนัลฮากิม วัลมะฮ์กูม” คาถาม
หมายเลข 20) การวิพากษ์ผู้นาบนมิมบัรถือเป็นแนวทางสลัฟใช่หรือไม่
และแนวทางสลฟั ต่อการตักเตอื นผนู้ าเป็นเชน่ ไร ?

ท่านตอบว่า : การเปิดโปงข้อตาหนิของผู้นาหรือกล่าวตาหนิบน
มิมบัรไม่ใช่แนวทางสลัฟเพราะนาไปสู่ความหายนะและประชาชนจะไม่
เชือ่ ฟังและทาตามพวกเขาในเรื่องทดี่ ี และจะนาไปสู่การขุดคุ้ยเร่ืองราวท่ี
เป็นโทษและไม่ก่อประโยชน์ฉะนั้นแนวทางของชาวสลัฟ คือ
การตักเตือนส่วนตัวระหว่างผู้นา หรือเขียนจดหมายถึง หรือติดต่อ
นกั วชิ าการทตี่ ิดตอ่ ใกล้ชดิ ทา่ นผู้นาเพ่อื ชีน้ าไปส่สู ิ่งทีด่ ี และการห้ามปราม
สงิ่ ที่ชว่ั ต้องไม่กระทาโดยกล่าวช่ือผกู้ ระทา เช่น การตักเตือนเรอื่ งการผิด
ประเวณี การด่ืมสุรา และดอกเบ้ียต้องกระทาโดยไม่กล่าวชื่อผู้กระทา
เพราะเป็นการเพียงพอท่ีจะห้ามปรามความชั่วและตักเตือนโดยไม่ต้อง
กลา่ วถึงผกู้ ระทาไม่วา่ จะเปน็ ผปู้ กครองหรอื ไมก่ ต็ าม

เม่ือเกิดฟิตนะฮ์ในสมัยการปกครองท่านอุษมานz ผู้คน
กล่าวกับท่านอุซามะฮ์ อิบนิ เซตz ว่า : ท่านจะไม่พูดเตือนท่าน
อุษมานหรือ ท่านอุซามะฮ์กล่าวว่า : พวกท่านคิดหรอื ว่าฉันจะต้องพูดให้

61

พวกท่านได้ยิน แท้จริงแล้วฉันพูดกับเขาเป็นการส่วนตัว โดยไม่ได้
เปิดเผยและฉันไม่ชอบท่จี ะเป็นบคุ คลแรกที่ป่าวประกาศเร่ืองน้ีออกไป

จากข้อมลู ที่กล่าวมาอยู่บนรากฐานของประเดน็ ตอ่ ไปน้ี

 ไมม่ กี ารญฮิ าดนอกจากตอ้ งมีผูน้ าและดว้ ยคาสง่ั ของผู้นา
 พวกเขาจะต้องรักษาสัญญา หมายถึง ต้องไม่ประกาศศึก

กบั ผูท้ ท่ี าสญั ญากับฝา่ ยมสุ ลมิ
 พวกเขาต้องไม่โค่นล้มผู้ปกครองเพียงเพราะการทาบาป

และต้องไม่โต้เถียงผู้ปกครองหรือตัดสินพวกเขาเป็น
กาฟิรนอกจากว่าผู้ปกครองทาบาปกุฟร์อย่างชัดเจนโดย
มีหลักฐาน ในกรณีที่พวกเขาออกมาปราบปราม
ผู้ปกครอง (หลังจากแน่ชัดแล้วว่าเขาทาบาปกุฟร์อย่าง
ชัดเจน - ผู้แปล) ต้องแน่ใจเสียก่อนว่าจะต้องไม่เกิดผล
เสียตามมา ไม่ว่าจะเป็นผลเสียต่อประเทศชาติหรือ
ประชาชน และต้องมีความพร้อมในการออกมาต่อสู้
เพราะหากไม่มีความพร้อมก็ให้ระงับเร่ืองดังกล่าว และ

62

อย่าทาให้ประชาชาติเป็นสถานที่ทดลองหรือใช้การ
วนิ ิจฉยั

รากฐานทสี่ าม การออกหา่ งจากอตุ รกิ รรมและผู้นยิ มอตุ รกิ รรม

เพราะท่านร่อซู้ลb เตือนพวกเราให้ออกห่างจากส่ิงนี้ เช่นที่
ทา่ นกลา่ วว่า

‫وإياكم ومحدثات اۡلمور فإنها ضلالة فمن أدرك ذلك منكم فعليه‬
‫بسنِت وسنة اْللفاِ الراشدين المهديين عضوا عليها َلنواجذ‬

ความว่า : และพวกท่านพึงระวังเร่ืองอุตริกรรมเพราะมันคือการ
หลงทาง ถ้าหากคนหน่ึงในหมู่พวกท่านอยทู่ ันยคุ น้นั ก็จงยึดแนวทางของ
ฉนั และแนวทางของเคาะลีฟะฮ์ผู้เปน็ ทางนา และกดั มันไว้ด้วยฟันกราม47

มีคนถามอีมามอะหมัด อบิ นิ ฮมั บัลv วา่ ระหว่างผทู้ ่ถี ือศลี อด
ละหมาดและเอียะติกาฟ กับผู้ท่ีพูดเปิดโปงเรื่องผู้นิยมอุตริกรรมคนไหน
ทา่ นรกั มากกวา่ กัน

47 อตั ติรมีซยี ์, สุนันตริ มีซีย์ หมายเลข : 2676

63

ท่านตอบว่า : เม่ือคนหนึ่งถือศีลอด ละหมาด เอียะติกาฟ เป็นเร่ืองท่ีได้
กับตัวของผู้น้ันเอง แต่ผู้ท่ีเปิดโปงเร่ืองอุตริกรรมถือว่าเป็นประโยชน์
สาหรับมุสลิมและสง่ิ นี้ย่อมประเสริฐกวา่

อะบุลมุลมุซอฟฟัร อัสซัมอานีย์v กล่าวว่า : เราถูกส่ังและถูก
ช้ีนาให้ทาตามและถูกห้ามไม่ให้อุตริ สัญลักษณ์ของชาวซุนนะห์คือ การ
ตามแนวทางสลฟั ศอลหิ ์ และละทง้ิ ผู้นิยมอตุ รกิ รรมและตวั อตุ รกิ รรม

เกาวามุซซุนนะห์ อัลอัศบะฮานีย์v กล่าวว่า : ความรู้ไม่ได้วัด
กันท่ีการสืบทอดสายรายงานอันมากมาย แต่ความรู้คือการปฏิบัติตาม
และนามาใช้งาน ทาตามเศาะฮาบะฮ์และตาบิอีนถึงแม้ว่าผู้ตามจะมี
ความรู้เพียงเลก็ น้อยก็ตาม และผู้ใดท่ีทาค้านกับเศาะฮาบะฮแ์ ละตาบิอีน
เขาคอื ผูห้ ลงออกจากแนวทางซนุ นะหถ์ งึ แม้จะมคี วามร้มู ากมายก็ตาม

และพวกเขา (ชาวสลัฟ) เตือนให้ออกห่างจากการร่วมวงกับผู้ท่ี
ทาอตุ ริกรรม

ท่านฮะซันกล่าวว่า : ท่านอย่าน่ังร่วมวงกับผู้ท่ีทาอุตริกรรม
เพราะทาให้หวั ใจของท่านป่วย

64

เช่นเดียวกันชาวสลัฟเตือนให้ออกห่างจากตาราของผู้ท่ีทา
อุตริกรรม และการรบั ความรูจ้ ากผทู้ ีร่ ูจ้ ักในนามผู้นิยมทาบิดอะฮ์

ท่านอบูนัสร อุบัยดิลลาฮ์ อิบนิ ซะอีด อิบนิฮาติม อัลวาญิรี
อลั บิกรี เขียนจดหมายไปถึงชาวเมืองซุบัยดใ์ หร้ ะวงั การยดึ เอาความรจู้ าก
บุคคลหน่ึงหรือจากหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่ง (โดยไม่แยกแยะ) เพราะการ
ตบตาผู้คนเกิดข้ึนมากมาย และการโกหกท่ีอยู่ในแนวทางต่าง ๆ กาลัง
แพร่กระจาย โดยท่านกล่าวว่า : ทา่ นอยา่ รับคาพูดของบุคคลใดเวน้ แต่จะ
สอบถามถึงความถูกต้องด้วยอายะฮ์ท่ีเป็นวิทยปัญญาและซุนนะห์ที่
เชื่อถือได้ หรือคาพูดของเศาะฮาบะฮ์ท่ีมาจากแนวทางท่ีถูกต้อง และจง
ระวังตาราต่าง ๆ ของผู้เปล่ียนแปลงสภาพของพวกเขากลับไปกลับมา
เพราะมันคอื ส่ิงชัว่ รา้ ยและบางครั้งไมส่ ามารถจะหายาถอนพิษรา้ ยได้

65

บนั ทกึ


Click to View FlipBook Version