The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก Platform Economy โดยธุรกิจแบบ Platform มีความลักษณะเฉพาะตรงที่ Platform จะอยู่ได้หรือน่าใช้งานไหมจะขึ้นกับจำนวน Users และ Engagement ของ Users บน Platform นั้นๆ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by วารสาร Bangkok Economy, 2022-05-26 02:18:49

จาก Platform Economy สู่ Ownership Economy?

ตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก Platform Economy โดยธุรกิจแบบ Platform มีความลักษณะเฉพาะตรงที่ Platform จะอยู่ได้หรือน่าใช้งานไหมจะขึ้นกับจำนวน Users และ Engagement ของ Users บน Platform นั้นๆ

ขา่ วสารเศรษฐกิจ

จาก Platform Economy สู่ Ownership Economy?

ยุคของ Platform Economy
ตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก Platform Economy โดยธุรกิจแบบ Platform มีความลักษณะเฉพาะตรงที่

Platform จะอยไู่ ดห้ รอื น่าใชง้ านไหมจะขึ้นกับจำนวน Users และ Engagement ของ Users บน Platform นัน้ ๆ
เชน่ Platform ประเภท E-Commerce (Shopee, Lazada, etc.) จะน่าใช้ก็ตอ่ เมือ่ มคี นซือ้ และคนขายมาใช้

เวลาอยู่บน Platform นั้นเยอะ ๆ หรือ Platform ประเภท Social Media (Facebook, Instagram, Twitter,
Tik Tok, etc.) จะน่าใช้ก็ต่อเมื่อเพื่อนๆ ของเราก็มาใช้เวลาอยู่บน Platform นั้นเยอะๆ เช่นกัน โดย Concept
นี้เรียกว่า Network Effects โดยรูปแบบของ Platform Economy มักมีเจ้าของ Platform เป็น Tech Company ใหญ่ๆ
ซ่ึงกจ็ ะพยายามหาวธิ ีการดงึ Users เข้ามาเยอะๆ และมาใชเ้ วลาอยูบ่ น Platform ของตัวเองเยอะๆ

วิธหี นึง่ ท่ใี ชค้ ือ การสงั เกตพฤตกิ รรมของ Users โดยการเกบ็ ขอ้ มูลตา่ ง ๆ ของลูกคา้ เม่ือ Users ใช้เวลาอยู่บน
Platform นั้นๆ ว่า Users ชอบอะไรไม่ชอบอะไร อย่างไรก็ดีระยะ หลังๆ ข้อมูลของ Users นี้เริ่มมีเยอะขึ้นและ
มคี า่ มากขน้ึ เจ้าของ Platform จงึ มีโอกาสในการใช้ประโยชนจ์ ากข้อมูลนี้ดว้ ย เชน่ การขายโฆษณา (Targeted Advertising)

นอกจากนีป้ ระเดน็ ที่ Platform ถกู โจมตบี ่อยอกี เร่ือง คือเร่ืองของ Censorship เนอ่ื งจากขอ้ มลู ท่ี Users สร้างข้ึน
(เชน่ Post หรอื VDO ตา่ งๆ) น้ัน เกบ็ อยบู่ น Platform เจ้าของ Platform สามารถลบขอ้ มูลทีต่ นคดิ ว่าไม่เหมาะสมออกได้
(ซึ่งจริงๆ ผู้เขียนมองวา่ ไม่ได้เป็นขอ้ เสียเสมอไป เนื่องจาก Contents ที่ไม่เหมาะสมบางอย่าง ก็อาจสมควรถูกลบออกไป
แต่ว่าบางคนมองว่า Platform สามารถเลือกปฏิบัติโดยลบ Contents ที่ตัวเองไม่ชอบออกไปได้ เช่น Contents
ที่สนับสนุนฝัง่ ตรงข้าม)

Ownership Economy คืออะไร?

จากประเด็นข้างต้น ท่ี Platform Economy ถูกโจมตี (ในเรื่องของการใช้ประโยชน์ของข้อมูล Users
กับเรื่อง Censorship) จึงเริ่มมีแนวคิดที่ว่าจะเป็นไปได้ไหมที่จะสร้างรูปแบบระบบเศรษฐกิจที่ Users เป็นเจ้าของ
ข้อมูลของตัวเอง หรือที่เรียกว่า Ownership Economy เช่น จะเป็นไปได้ไหมที่ หาก Users สร้าง Contents อะไรขึ้นมา
(เชน่ Post หรอื VDO ตา่ งๆหรือแม้แต่ Browsing Activities) Contents เหล่านัน้ จะถกู เกบ็ อยู่ใน “กระเป๋าสตางค”์ ของ Users

เมื่อ Users เดินทางไปท่ี Platform ไหน Users กส็ ามารถเปดิ กระเป๋าของตัวเองออกมา แล้วเอา Contents
ของตัวเองออกมานำเสนอหรือใช้งาน และหากวันไหนไม่พอใจ Platform นั้น ก็หอบกระเป๋า (ที่มี Contents
ของตัวเองอยู่ขา้ งใน) แลว้ ยา้ ยไปอยทู่ ่ี Platform อื่น โดยเจา้ ของ Platform ไม่สามารถเก็บ Contents เหล่านั้นไว้ได้,
ไมส่ ามารถใชป้ ระโยชน์จาก Contents เหลา่ น้ัน, และไม่มีอำนาจในการลบ Contents เหล่านัน้ ด้วย

ส่วนตัว Users จะสามารถใชป้ ระโยชน์จาก Contents เหลา่ น้นั ได้ เชน่ Users สามารถได้รับ Tokens
หากมใี ครมาดู VDO ทต่ี นสร้างขน้ึ หรอื หาก Users จะตอ้ งดูโฆษณาก็อาจจะได้รบั Tokens เปน็ การตอบแทน

Web 3.0 กบั Ownership Economy

ผู้ที่สนับสนุนหลักการของ Ownership Economy บอกว่ามันจะสามารถถูกสร้างได้ด้วยเทคโนโลยี
Web 3.0 ซงึ่ เปน็ Third Generation ของ Internet ต่อจากยคุ Web 1.0 และ Web 2.0

Web 1.0 หรือที่เรียกว่า The Information Economy คือยุคที่ Web Pages ถูกสร้างขึ้นมาแบบ
Read-Only โดย Users สามารถอา่ นขอ้ มลู จาก Web Pages ต่างๆ แตไ่ มส่ ามารถเขยี นหรือแกไ้ ขข้อมลู น้ันได้

Web 2.0 หรือที่เรียกว่า The Platform Economy คือยุคที่ Web Platforms มีลักษณะเป็น
Read-and-Write คือ Users สามารถอ่าน Contents จาก Platforms และสามารถเขียน Contents กลับไปบน
Platforms ได้ด้วย เช่น Facebook, YouTube, Twitter, etc.

ส่วน Web 3.0 หรือที่เรียกว่า The Ownership Economy มีลักษณะเป็น Read-Write-Own
คือ Users สามารถอ่าน Contents ที่มีอยู่ สร้าง Contents ขึ้นมาเอง และเป็นเจ้าของ Contents ขึ้นมาได้
โดยผ้ทู ่สี นบั สนุนหลักการนี้บอกว่า Blockchain จะสามารถทำให้ Ownership Economy แบบน้ถี ูกสร้างขึ้นมาได้

Ownership Economy จะเกิดขน้ึ ได้จริงไหม?

แม้แนวคดิ ในเรือ่ งนี้จะเปน็ เร่ืองนา่ ตืน่ เตน้ และน่าสนใจ ผเู้ ขียนมองวา่ ตอนนยี้ งั เพิ่งเป็นจดุ เรม่ิ ต้น และปัจจบุ นั
ยังไม่เห็น Use Case ที่เห็นประโยชน์ชัดเจนแบบจำเป็นต้องใช้ หรือใช้กันแพร่หลาย ผู้เขียนจึงมองว่า Ownership
Economy อาจขึ้นได้ (และเปน็ Solution ให้กับปัญหาบางอย่าง) แต่คงจะไมไ่ ด้มาแทนที่ Platform Economy ไดท้ ง้ั หมด

โดย Ownership Economy กับ Platform Economy น่าจะ Co-exist แต่ Ownership Economy
จะใหญ่โตแค่ไหนและจะมีความสำคัญกับระบบเศรษฐกิจในภาพรวมได้แค่ไหนในอนาคต ณ วันนี้คงเร็วเกินไป
ทีจ่ ะประเมนิ ได้ คงยังตอ้ งจับตามองอย่างใกล้ชิด

ประเดน็ เศรษฐศาสตรท์ นี่ า่ สนใจเก่ียวกับ Ownership Economy
หาก Ownership Economy เกิดขึ้นได้จริง สิ่งที่น่าจับตามองคือการเปลี่ยนมือของ Economic Power

จาก เจ้าของ Platform ใหญ่ๆ ที่เป็น Tech Companies มาสู่ Users กลายเป็นว่า Tech Companies จะเข้าถึง
หรือมีสิทธิ์ใช้ประโยชน์จากข้อมูลของ Users ได้น้อยลง และ Users สามารถมีโอกาสหารายได้จากข้อมูลหรือ
Contents ของตัวเองได้มากขึ้น นอกจากนี้ Web 3.0 ยังก่อให้เกิด Business Model รูปแบบใหม่ ๆ
เช่น GameFi, Blockchain-based Metaverse, etc.

อย่างไรก็ดี Ownership Economy นี้คงทำให้เกิดความเสี่ยงในรูปแบบใหม่ขึ้นมา เช่นกัน เช่น ความผัน
ผวนของราคา Token, ความเส่ียงของ Business Model แบบใหม่ ๆ ทอี่ าจยงั ไมช่ ดั เจน, การฉวยโอกาสจากการท่ีคน
ส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจและการที่ยังไม่มีการกำกับดูแลท่ีชัดเจน, การโจมตีทางไซเบอร์, etc. ซึ่งเหล่านี้เป็นประเด็น
ที่นา่ จับตาดูและนำมาถกพดู คุยกนั ตอ่ ไป

ทีม่ า : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกจิ


Click to View FlipBook Version