วัดมหาวนาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ ๓๗๐ ถนนหลวง ตำบลในเมือง
อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี สังกัดคณะสงฆ์ตำบลในเมืองเขต ๑ สถานภาพดั้งเดิมเป็นสำนัก
สงฆ์ตามกฎหมาย เมื่อวันที่ ๑๐ เดือนมีนาคม ๒๔๖๐ หรือเป็นวัดก่อนใช้พระราชบัญญั ติคณะสงฆ์ ๒๔๘๔
เป็นวิสุงคามสีมาเมือ่ วนั ที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๔๖๕ เป็นพัทธสีมา เมื่อวันที่ ๑๐ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๔๖๘
พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงถูกสร้างขึ้น เมื่อปีพุทธศักราช ๒๓๕๐ มีวิหารครอบองค์พระไว้ เพื่อป้องกันแดดฝน
จนกระทั่งในปีพุทธศักราช ๒๕๕๐ ได้เห็นว่ามีสภาพทรุดโทรมอาจเกิดความเสียหายต่อองค์พระ
และเป็นอันตรายต่อพุทธศาสนิกชนที่เข้ามากราบไหว้ จึงได้ดำเนินการจัดสร้างพระวิหารหลังใหม่ ท่ี มีความ
ม่นั คงแข็งแรง สวยงามตามสถาปัตยกรรมทางอสี าน
โดยมี สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นประธานโครงการ
ก่อสร้างพระวิหาร และมีพระครูสารกิจโกศล เจ้าอาวาสวัดมหาวนาราม รูปปัจจุบัน เป็นประธานดำเนินการ
ก่อสร้างพระวิหาร แล้วเสร็จในปีพุทธศักราช ๒๕๖๒ และในการนี้เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์
มีดำริว่าควรจะประกอบพิธีฉลองพระอาราม ๒๑๔ ปี และสมโภชพระวิหารพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง
และโดยดำริของเจา้ ประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร
เห็นควรดำเนินการจดั สร้าง ฉตั รขาวขลบิ ทอง ๕ ช้นั ถวายองค์พระเจ้าใหญอ่ นิ ทร์แปลง เพอ่ื ถวายเป็นพุทธบูชา
ในพระพุทธศาสนา ดงั นน้ั จึงได้จัดสรา้ ง ฉตั รขาวขลบิ ทอง ๕ ชัน้ เปน็ ฉตั รขาว ๕ ชน้ั ความกวา้ ง ๒ เมตร ความ
สูง ๓.๖ เมตร ใส่พวงแก้วไม่เดินระบบไฟ โครงทำด้วยไม้สัก ยอดไม้สักแกะลาย ใช้ผ้าขาวนวล ขลิบขอบทอง
ระบาย ๒ ชั้น ใส่อบุ ะพวงจำปาทอง ขนึ้ ประดิษฐานเหนอื เศยี รพระเจ้าใหญอ่ ินทร์แปลง
และในการนี้ วัดมหาวนาราม พระอารามหลวงและกรรมการจัดงานวัด จึงได้ขอ
พระมหากรุณาขอพระราชทานอัญเชิญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ
พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธียกฉัตรขึ้นประดิษฐานเหนือพระประธานพระวิหาร
“พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง” เพื่อให้งานฉลองพระอาราม และงานสมโภชพระวิหารพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง
สมสง่าบารมี แห่งพระอารามหลวง ให้ภิญโญสโมสรและเป็นสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล เป็นเกียรติประวัติแก่
วัดมหาวนาราม พระอารามหลวง และชาวจงั หวัดอบุ ลราชธานี สบื ไปตลอดกาลนาน
ประวัติวัดมหาวนาราม พระอารามหลวง
ประวตั คิ วามเปน็ มา
วัดมหาวนาราม หรือที่ชาวอุบลราชธานีเรียกว่า “วัดป่าใหญ่” ตั้งอยู่ เลขที่ ๓๗๐ ถนนหลวง ตำบลในเมือง
อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เดิมเป็นวัดราษฎร์ ได้ยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ แห่งแรกและแห่ง
เดียวของคณะสงฆ์มหานิกายในจังหวัดอุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๑ และเป็นวัดที่ประดิษฐาน
พระเจ้าใหญอ่ ินทรแ์ ปลง พระพุทธรปู ศกั ดิส์ ทิ ธิ์คู่บา้ นคู่เมอื งอุบลราชธานี นบั แต่แรกเรมิ่ สร้างเมอื งเม่อื ๒๐๐ กว่าปีที่ผ่านมา
วัดแห่งนี้อยู่ห่างจากฝั่งแม่น้ำมูลไปทางทิศเหนือราว ๑.๒ กิโลเมตร สถานภาพดั้งเดิมเป็นสำนักสงฆ์
ก่อนมีพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๘๕ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันท่ี ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๔ และเป็น
พัทธสีมาเมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ มีเนื้อที่ ๑๘ ไร่ ๒ งาน ๙๕.๒ วา ๑๐ ศอก ตามหนังสือโฉนดทีด่ ินเลขที่ ๑๙๔๓
ออกทสี่ ำนักงานทีด่ ินจงั หวัดอุบลราชธานี
อาณาเขตของวัด ทิศตะวันออกจรดตกึ แถวและถนนเทพโยธี ทิศตะวันตกจรดถนนหลวง ทิศเหนือที่เป็นบริเวณทา้ ย
วดั จรดถนนสรรพสทิ ธแ์ ละสถานีตำรวจภูธรจังหวดั อบุ ลราชธานี สว่ นทศิ ใต้หรอื หนา้ วัดจรดชุมชนหน้าวัดและถนนหลวง
ภายในวดั มหาวนารามแบ่งพ้ืนที่เป็น ๓ ส่วน ประกอบดว้ ย
เขตพทุ ธาวาส มพี ระวหิ ารพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงและพระอโุ บสถอย่กู ลางวัด
เขตสงั ฆาวาส เป็นที่พกั จำพรรษาของพระสงฆแ์ ละสามเณร และพระสงฆ์หรือฆราวาสท่ีมาอยู่ช่วั คราว ประกอบด้วย
กุฏิตา่ งๆ เชน่ กุฏิสมเด็จพระธีรญาณมุนี กฏุ สิ มเดจ็ พระพฒุ าจารย์ (สนิท ชวนปญโฺ ญ ป.ธ. ๙)
กฏุ นิ วกรรมโกวทิ กฏุ พิ รหมานสุ รณ์ กุฏิวิชิต อีกทัง้ ธรรมสภาสถาน ศาลากติ ิญาณ ตกึ โกศัลวฒั น์
โรงเรียนกิตติญาณวิทยา เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา เปิดสอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชั้น
มัธยมศึกษาปที ี่ ๖ รบั เฉพาะนกั เรียนพระและเณร ปจั จุบนั มีนักเรียน ๑๖๐ รูป
จากหลักฐานศิลาจารึกที่อยู่ข้างพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงกล่าวไว้ว่า “ศักราชได้ ๑๕๔ ตัว ปีเต่าสัน (จ.ศ. ๑๑๕๔ ปี
วอก จัตวาศก ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๓๕) พระพรหมวรราชสุรยิ วงศ์ เจ้าเมืองคนที่ ๒ ขึ้นเสวยเมืองอุบลฯ ได้ ๑๕ ปี จุลศักราชได้
๑๖๗ ตัว ปีฮวงเฮ้า (จ.ศ. ๑๑๖๗ ปีระกา สัปตศก ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๔๘) จึงได้มาสร้างวิหารอารามในวัดป่าหลวงมณีโชติศรี
สวัสดิ์ เพื่อให้เป็นที่สำราญแก่พระพุทธรูปเจ้า จุลศักราชได้ ๑๖๙ ตัว ปีเมิงเหม้า (จ.ศ. ๑๑๖๙ ปีเถาะ นพศก ตรงกับ พ.ศ.
๒๓๕๐) พระมหาราชครูศรีสัทธรรมวงศา จึงได้พาลูกศิษย์สร้างพระพุทธรูป “พระอินแปง” เสร็จเมื่อเดือน ๕ เพ็ง วัน ๑
(เดอื นเมษายน วนั เพ็ญหรือวนั ข้ึน ๑๕ ค่ำ ตรงกับวันอาทติ ย)์ ”
ตามจารกึ เรยี กนามวัดแหง่ น้วี า่ “วดั ปา่ หลวงมณีโชตศิ รสี วสั ดิ”์ จนกระทง่ั ปี พ.ศ. ๒๔๘๔
เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดมหาวัน” และต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๘๘ จึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่ตามสมัยนิยมว่า “วัดมหาวนาราม”
แตอ่ ย่างไรก็ตาม ชาวอบุ ลราชธานีนิยมเรยี กวดั นว้ี ่า วดั ป่าใหญ่
พระอารามแหง่ นม้ี เี จา้ อาวาสมาแล้วทั้งหมด ๑๐ รูป ได้แก่
๑. พระมหาราชครศู รีสัทธรรมวงศา
๒. พระหงส์
๓. พระสังวาล
๔. พระโสม
๕. พระพวง
๖. พระทอง
๗. พระครเู คน
๘. พระครนู วกรรมโกวิท (นาค ภูรปิ ญุ โฺ ญ) พ.ศ. ๒๔๘๕-๒๕๒๘
๙. พระเทพกิตตมิ ุณี (สมเกยี รติ สมกติ ฺติ ป.ธ. ๖) พ.ศ. ๒๕๒๙-๒๕๕๗
๑๐. พระครูสารกิจโกศล ดร. (สุดใจ นสิ ฺโสโก ป.ธ.๔) พ.ศ. ๒๕๕๘-ปัจจบุ นั
ศาสนสถานและโบราณวัตถุ
ภายในวัดมหาวนารามมศี าสนสถานและโบราณวัตถุทีส่ ำคัญ ดงั นี้
พระวิหารพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง หลังปัจจุบัน เริ่มสร้าง พ.ศ. ๒๕๕๙ การสร้างใช้วิธีสร้างครอบ
พระวิหารหลงั เดิม ก่อนทีจ่ ะรื้อพระวหิ ารหลังเดมิ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ กระทำพิธีบวงสรวงร้ือพระวิหารหลงั เดิมเม่ือวันพุธที่ ๒๙
พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยมี พระพรหมวชริ ญาณ ( ปจั จบุ ันดำรงสมณศกั ดท์ิ ี่ สมเด็จพระมหาธรี าจารย)์ กรรมการมหาเถร
สมาคม เจ้าอาวาสวัดยานนาวา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธาน
ฝ่ายฆราวาส
ทั้งนี้ พระวิหารหลังเดิม มีลักษณะเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ในผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาจั่วต่อปีกนกโดยรอบ
ซึ่งรูปแบบพระวิหารหลังเดิมนี้ อาจเป็นผลมาจากการบูรณะในปี พ.ศ. ๒๔๗๓-๒๔๗๔ โดยมี พระครูวิจิตรธรรมภาณี
(พวง ธมฺมทีโป) อดีตเจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม (วัดป่าน้อย) รูปที่ ๕ เป็นประธานในการบูรณะ และมีหลวงวัฒน์วิตรวิบูลย์
(นาค โกศัลวัฒน์) พร้อมด้วยนางอึ่ง ภรรยาและญาติ ๆ เป็นเจ้าศรัทธาในการบูรณะ (พระเทพมงคลเมธี, ม.ป.ป)
ลักษณะวิหารปัจจุบัน ภายนอกแลดูหนักแน่นมั่นคง ภายในโอ่โถง เป็นอาคารพื้นถิ่นอีสานประยุกต์ ในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้า
หลังคาจว่ั เรียงซอ้ นกนั ๕ ช้ัน โดยกลางหลังคาชั้นบนสุดเปน็ ยอดเจดีย์ และตอ่ หลงั คาจวั่
ในตอนกลางด้านหน้า ๒ ชั้น เพื่อคลุมทางเข้าด้านหน้า ส่วนด้านหลังเป็นหลังคาจั่วซ้ายขวา เพื่อคลุมทางเข้า
ที่มี ๒ ด้าน บริเวณหน้าจั่วทั้งด้านหน้าและหลังสลักหินเป็นภาพพุทธประวัติ หลังคานั้นคลุมลงมาต่ำอย่างหลังคาวิหาร
ตามแบบศิลปะลาวล้านช้าง เครื่องหลังคาประดับกระเบื้องเซรามิก โดยโหง่หรือช่อฟ้าเป็นรูปพญานาค ใบระกาแต่งเป็น
ลำตัวนาค และหางหงส์เป็นรูปพญานาคเช่นกัน บริเวณห้องสุดท้ายของพระวิหาร ได้ยกพื้นเพื่อประดิษฐานพระประธาน
คือ พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง ที่สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๔๙-๒๓๕๐ โดยพระวิหารหลังปัจจุบันนี้ได้เริ่มก่อสร้าง
ตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ แล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น ๑๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
(หนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทถ้วน) โดยเป็นเงินที่ผู้มีจิตศรัทธาในพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง บริจาคลงในตู้รับบริจาคของวัด
และจากพุทธศาสนิกชนทบี่ รจิ าคเปน็ การสว่ นตัว ในการเปน็ เจ้าภาพ
พระอุโบสถ หลังปัจจุบันก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐ แล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ค่าก่อสร้างรวมเป็นเงินทั้งส้ิน
๑,๙๒๑,๒๘๙.๗๐ บาท โดยเป็นเงินที่ผู้มีจิตศรัทธาในพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง บริจาคลงในตู้รับบริจาคของวัด
และจากพุทธศาสนิกชนที่บริจาคเป็นการส่วนตัว ในการเป็นเจ้าภาพสร้างซุ้มประตู หน้าต่าง กำแพงแก้ว ลูกนิมิต
ใบเสมา เป็นต้น
ประวัติพระเจา้ ใหญ่อนิ ทร์แปลง
“พระเจ้าใหญ่อินทรแ์ ปลง” เปน็ พระพุทธรปู ปางมารวิชยั กอ่ อฐิ ถือปนู พร้อมกบั ลงรักปดิ ทอง ลกั ษณะองคพ์ ระ
เปน็ พระพุทธรูปศลิ ปะแบบลา้ นชา้ ง เปน็ พระคู่บา้ นคู่เมืองของจังหวดั อุบลราชธานี หนา้ ตักกวา้ งประมาณ ๓ เมตร
สงู จากเรือนแท่นถงึ เปลวพระโมลี ๕ เมตร ประวตั ิเล่าสบื ตอ่ กันของพระพุทธรูปองคน์ ้ีมีมากมาย “พระเจา้ ใหญอ่ ินทร์แปลง”
ซง่ึ สำเนียงพนื้ เมอื งเรยี กว่า “อนิ แปง” ซ่งึ ประดิษฐานอยู่ที่วดั มหาวนาราม หรอื วดั ปา่ ใหญ่ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง
จงั หวัดอุบลราชธานี และมอี ายสุ องร้อยกว่าปีแลว้ สำหรบั ประเพณปี ฏิบัตติ ่อพระพุทธรปู องค์นี้ ในวันเพญ็ เดือน ๕ หรือในเดือน
เมษายนของทุกปี จะมีการทำบุญตกั บาตร เทศน์มหาชาตชิ าดก และสรงน้ำปดิ ทองพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง .
ตามหลักศิลาจารึกฉบับสมบูรณ์แปลได้ว่า จุลศักราชได้ ๑๑๔
( พ.ศ.๒๒๙๕ เหตกุ ารณเ์ ร่มิ ทเี่ วียงจันทน์ พระวอพระตาอพยพหนี ) ปี
มะแมเจ้าพระปทุมวรราชสรุ ิยะวงศ์ (ท้าวคำผงนอ้ งชายพระวอ ) ไดม้ า
สร้างเมืองอุบลราชธานีได้ ๒๖ ปี จุลศักราชได้ ๑๔๒ (พ.ศ. ๒๓๒๓) ปี
มะเมียจึงไดถ้ งึ แกอ่ นจิ กรรมล่วงไปตามลำดับปเี ดือนน้นั เอง
จลุ ศักราชได้ ๑๕๔ (พ.ศ. ๒๓๓๕) ปวี อก พระพรหมวรราชสรุ ิยวงศ์ จงึ
ได้ขนึ้ เสวยเมอื งอบุ ลราชธานี ได้ ๑๕ ปี จลุ ศกั ราชได้ ๑๖๗ (พ.ศ.
๒๓๔๘) ปีระกา จึงได้มาสร้างวิหารอารามในวัดป่าหลวงมณีโชติศรีสวัสด์ิ
จุลศักราชได้ ๑๘๙ (พ.ศ. ๒๓๕(ว๐ดั )มหปาีเถวานะารพามระ) มเพห่ือาใรหา้เชปค็นรทูศี่บรีสำเัทพธญ็ รแรมก่พวงรศะาพจุทึงธไรดูป้พแาลละูกพศริษะยค์แุณลเะจย้าานุศิษย์ทั้งหลาย
สร้างพระพุทธรูปพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงและได้นำเอาดินทรายเข้าวัดด้วย เสร็จเมื่อเดือนเมษายน วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ
วันอาทติ ยช์ ่วงเวลาบ่าย ๓ โมง ในนักขัตฤกษท์ ่ี ๑๒ ราศีกันย์ ซึง่ ถือว่ามีจิตใจเล่อื มใสเบิกบานดีแล้วในเวลาใกลจ้ ะมืดลง จึงได้
ชื่อว่า “พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง” เพื่อให้คนและเทวดาช่วยกันดูแลรักษาบูชาและอย่าให้ได้รับอันตรายใดๆแก่พระพุทธรูป
องค์วิเศษ เพื่อให้เป็นมงคลแก่บ้านเมือง พระมหาราชครูศรีสัทธรรมวงศาผู้สร้างจึงมีจิตใจเลื่อมใส จึงได้มอบน้องหญิงชื่อว่า
แม่ป๊ยุ พร้อมกับนางสาวปุ้ยหลานหญิงให้เป็นผู้ปฏิบัตแิ ก่พระเจ้าใหญ่อนิ ทร์แปลงองคน์ ้ี พรอ้ มกบั บุตรหญิงชื่อว่า นางสาวหล้า
นางสาวตวยและนางสาวทุมให้เป็นผู้ปฏิบัติพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงนางเพียโคตรพร้อมด้วยบุตร ๔ คน นางเพียแก้ว
พร้อมด้วยบุตร ๓ คน แม่เชียงทาพร้อมด้วยบุตร ๓ คน แม่ภาพร้อมด้วยบุตร ๕ คน ให้เป็นผู้ปฏิบัติต่อพระเจ้าใหญ่อินทร์
แปลงองค์นี้ แม่พระชาลี นางสาวดวงและนางสาวบุญ ๓ คนนี้ได้มอบคนเป็นผู้ปฏิบัติพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงทั้งหมดนี้รวม
เป็น ๒๓ คน
ถ้าหากผู้ใดปฏิบัติด้วยความเลื่อมใสศรัทธาจริงๆแล้ว จะไม่เรียกเอาข้าวของค่าตอบ แทนสิ่งใดๆ จากพระเจ้าใหญ่
อินทร์แปลง ถ้าหากว่าใครอยากจะออกจากการเป็นผู้ปฏิบัติแล้ว ก็ขอให้นำเอาปัจจัยไทยธรรมนำมามอบถวายพระเจ้าใหญ่
อนิ ทรแ์ ปลงใหต้ ามสมควรแกค่ วามเลือ่ มใส เพ่ือเป็นการเคารพสกั การบูชาจงึ จะออกไปไดเ้ พื่อไม่ใหม้ โี ทษและมีกรรม
พญาตนใด (ผู้ทม่ี าปกครองบ้านเมือง) มากินบา้ นกนิ เมืองตอ่ ไปในทน่ี ไ้ี ม่ใช้งานบา้ นและการเมืองแก่ผู้ท่ีปฏบิ ตั ิพระเจ้า
ใหญ่อินทร์แปลงได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่เคารพต่อพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงและพระพุทธศาสนาอีกด้วย อีกประการหน่ึง
ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ประกอบชอบธรรมและผู้ที่มาปกครองบ้านเมืองแห่งนี้ ขอให้มาดูศิลาจารึกนี้ให้รู้ว่าพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง
มีผู้ปฏบิ ัติอย่ขู ออยา่ ได้เรียกเอาพวกเขาเหล่าน้นั ไปทำงานบ้านและการเมืองเลย ขอให้บอกพวกเขาเหล่านน้ั จงอยู่เป็นผู้ปฏิบัติ
พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงต่อไป จักได้เป็นผู้ทีม่ ีวาสนาปัญญาบารมีและบุญกุศลอย่างกว้างขวางถือว่าเปน็ ผู้ท่ีเคารพต่อพระเจ้า
ใหญอ่ นิ ทรแ์ ปลงและพระพุทธศาสนา
อีกประการหนึ่ง พญาตนใด (ผู้ที่มาปกครองบ้านเมือง) มากินบ้านกินเมืองที่นี่แล้ว ให้เคารพสักการะบูชาพระเจ้า
ใหญ่อินทรแ์ ปลงด้วยเคร่ืองสักการะบูชาอย่างใดอย่างหนึ่งคือ ใหม้ มี หรสพสมโภชเมื่อถึงเดือนเมษายนของทุกๆ ปี ในวันเพ็ญ
เดือน ๕ ดังนั้นจึงจะได้ความวุฒิศรีสวัสดิ์แก่ชาวบ้านชาวเมือง ด้วยเหตุว่า พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงนี้ประกอบด้วยบุญคุณ
มากมาย เหตดุ งั นน้ั เทวดาจงึ ใหม้ ีวฒุ ศิ รีสวดั ดิ์ ้วยเดชะบญุ ญาบารมีคณุ พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง
อีกประการหนึ่ง อาญาเจ้า (ผู้ที่ปกครองบ้านเมือง) ผู้มีนามว่าพระพรหมวรราชสุริยะวงศ์จึงได้มีความเลื่อมใส
ประศาสน์ที่ดินนาทางด้วย ทิศเหนือท้ายวัดนั้นบริจาคให้เป็นทานแก่พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง ที่สุดกว้างใหญ่ถึงแดนดง
ถ้าหากว่าคนใดคนหนึ่งมาทำนาที่นี้แล้ว ถ้าหากว่าได้ข้าว ๑ เกวียนให้เก็บค่า ๑ ถัง ถ้าได้ ๒ เกวียนให้เก็บค่า ๒ ถัง
และให้เก็บขนึ้ ตามลำดบั และตามความสญั ญากนั นัน้ ๆ
ดังนั้น “พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง” จึงเป็นพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดอุบลราชธานี และพุทธศาสนิกชน
โดยทั่วไป พอถึงเพ็ญเดือน ๕ เมษายน ของทุกปีจะมีบุญประเพณีประจำปี คือ การทำบุญตักบาตรฟังเทศน์มหาชาติชาดก
และสรงน้ำพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง พร้อมปิดทองซึ่งถือว่าเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีมาจนทุกวันนี้ เป็นที่สักการะบูชา
เคารพกราบไหว้เล่อื มใสศรัทธาของพทุ ธบรษิ ัทอย่างกวา้ งขวางพากันมากราบไหว้อยู่มิได้ขาดจนถึงปัจจบุ ัน
ตำนานการสร้างพระเจา้ ใหญอ่ ินทร์แปลงอีกนยั หน่งึ
พระเจ้าใหญ่อนิ ทร์แปลง ได้มตี ำนานการก่อสรา้ งบอกเล่าขานกนั ต่อมาหลายอย่าง โดยนยั หนง่ึ วา่ ขณะท่ีก่อสร้างอยู่นั้น
ก็ไดม้ ีฝนตกฟา้ รอ้ งอยตู่ ลอดเวลา ใกล้จะแลว้ เสรจ็ อยูแ่ ล้วเพราะเหลอื แคก่ ารตกแต่งใหส้ วยงามเทา่ นนั้ พอถึงตอนดึกก็ได้มีแสง
สว่างเต็มบริเวณวัดไปหมดและสูงข้ึนสู่อากาศ ผู้คนต่างก็ตื่นตกใจและมาดูก็ไม่เห็นมีอะไร ต่างก็กลับสู่บ้านเรือนของตน
พอรุ่งเข้าก็ปรากฏว่าพระพุทธรูปที่สร้างยังไม่เสร็จนั้นก็ได้สำเรจ็ เรียบร้อยสวยงามเป็นอย่างยิ่ง พอเห็นเป็นอย่างน้ันชาวบ้าน
ต่างก็พดู ว่าเทวดามาสรา้ ง พระอินทรเ์ นรมิตรกายเปน็ ชปี ะขาวลงมาสร้างจึงไดส้ วยงามอยา่ งนี้ ถ้าคนธรรมดามาสร้างจะไม่
สวยงามไดเ้ พยี งนี้แค่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังเช่ือว่าพระอินทร์แปลงเนรมิตกายลงมาสรา้ งเสริมรูปร่างหน้าตาของพระพุทธรูป
องคน์ ้ีจงึ ได้สวยงดงามยงิ่ นัก เหตนุ ัน้ จึงได้ขนานนามวา่ "พระเจ้าอินทรแ์ ปลง" ตอ่ มาเรียกว่าพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง และก็ได้
มีความเชอ่ื กันมาตลอดตราบเท่าทุกวนั นี้ “พระเจา้ ใหญอ่ ินทร์แปลง” หลงั กอ่ สร้างเสรจ็ ก็ไดร้ บั ความเคารพบชู าจากชาวเมือง
มาโดยตลอด โดยเฉพาะในอดีตเมื่อมีความขัดแย้งกันขึ้น หรือเกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ ชาวเมืองก็จะชวนกันมาสาบานต่อ
หน้าองค์พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง เพราะต่างเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน หากใครไม่ทำตามที่ได้ให้คำสัตย์สาบานเอาไว้
ก็จะมีอันเป็นไปต่าง ๆ นานา รวมทั้งการมาขอพรให้ประสบความสำเร็จในการสอบไล่ หรือในหน้าที่การงาน และความ
ประสบโชคมีสุขในครอบครัว หรือแม้กระท่ังมีสิ่งของสำคัญสูญหายไปจะมาบนบานต่อหน้าองค์พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง
เพ่ือขอใหไ้ ด้สิง่ ของท่หี ายไปกลบั คืนมาพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง วัดมหาวนาราม หรือวัดป่าใหญ่ จงึ เปน็ ทพี่ ่งึ ทางจิตใจของชาว
จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดใกล้เคียงมาต่อเนื่องโดยเฉพาะเมื่อมีการเดินทางมารับตำแหน่งใหม่ของข้าราชการทุก
ระดับชนั้ จะตอ้ งมากราบไหว้นมัสการบอกกลา่ วต่อองคท์ ่าน เพอื่ ใหก้ ารปฏบิ ัตหิ น้าท่ีเป็นไปอยา่ งราบรื่นปราศจากอุปสรรคใด
ๆ สำหรบั การทำบุญกบั พระเจา้ ใหญ่อนิ ทรแ์ ปลงทีช่ าวบ้านนิยมคือการถวายดอกบวั ตมู ธูป และเทยี น และ ถวายสังฆทาน
อภินหิ ารพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง
พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง เป็นพระพุทธรูปที่สวยงามและศักดิ์สิทธิ์มาก ยิ่งกว่าพระพุทธรูปองค์ใดๆ บรรดามีในเขต
แคว้นจังหวัดอุบลราชธานี สำหรับอภินิหารของพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง ที่ปรากฏแก่ข้าพเจ้าถึง ๓ ครั้ง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๙
สอบได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค แตก่ อ่ นนั้นเคยสอบตกมาตลอด ไปไหว้วอนขอความศักด์ิสิทธจิ์ ากท่ีศักดิ์สิทธ์ิหลายแห่งแต่ไม่
ได้ผล จึงไดน้ ำเครื่องสักการะไปถวายพระเจา้ อินทรแ์ ปลง พร้อมต้งั สัตยาธษิ ฐานวา่ ถ้าสอบประโยค ๙ ได้ จกั นำผา้ ไตรจีวรไป
ถวายหลังจากสอบแล้วปรากฎว่าสอบได้จริงๆเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐ ได้แต่งงาน ในวันแต่งงานนั้นได้นำเครื่อง
สักการะไปถวายและได้ตัง้ สัจจาธิษฐานว่า ถ้าได้ลูกชายผูม้ ีบุญคนหวั ปีมาเกิด จักนำผ้าไตรจีวรมาถวาย หลังจากแต่งงานได้ปี
เศษก็ได้ลกู ชายสมดังปณิธานท่ีตงั้ ไว้ จงึ ได้นำผา้ ไตรจวี รไปถวายเป็นคร้ังที่ ๒ เมือ่ พ.ศ. ๒๕๑๔ การค้าขายตกต่ำ ท่ัวประเทศ
ประสบกับความฝืดเคืองต้องขนสินค้าที่มีอยู่ส่งออกจำหน่าย ได้ไปกราบไหว้เพื่อขอความโชคชัยสวัสดี ปรากฎว่าได้ผลสม
ความปรารถนา จึงนำไตรจีวรไปถวายเป็นครั้งที่ ๓ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ หรือสงครามเอเชียบูรพา ประเทศไทยของเรา
ตกลงให้ทหารญี่ปุ่นเข้าประเทศและให้เป็นทางผ่านเข้าไปสู่ประเทศพม่าและประเทศอินเดีย จังหวัดอุบลราชธ านี ซึ่งเป็น
จังหวัดหนึ่งที่อยู่ปลายแดนของประเทศไทยอยู่ในมณฑลภาคอีสานก็ได้นำฝูงบินมาทิ้งระเบิด ลงที่เมืองอุบลราชธานี
แต่ลูกระเบิดที่ทหารญี่ปุ่นได้ทิ้งลงมามากมายหลายลูกปรากฏว่าได้มีส่วนหนึ่งได้ตกลงมาที่วัดมหาวนารามหลายลูกใกล้ๆ
กบั พระวิหารขา้ งหลงั ด้านทศิ เหนอื แต่ไม่มลี ูกใดเกิดระเบิดเลย บางลกู ได้ระเบิดแตอ่ ยหู่ า่ งพระวิหารราว ๗๐ – ๘๐ เมตร ทาง
วัดก็ได้รับความเสียหายเพยี งเลก็ นอ้ ยนก้ี ค็ งจะเปน็ อภินิหารของหลวงพ่อพระเจ้าใหญ่อนิ ทรแ์ ปลงนั้นเอง
ลักษณะพระเจา้ ใหญ่อินทรแ์ ปลง
ความงดงามของพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง เกิดจากสัดส่วนที่ลงตัว ไม่สูงมากไปไม่ต่ำมากไป ไม่อวบอ้วนมากไป ไม่ผ่ายผอม
มากไป วงพระพักตร์คอ่ นข้างเหลยี่ ม มกี รอบพระพักตร์ มพี ระขนงโกงดังคันศร พระนาสกิ ใหญป่ ลายพระนาสิกงุ้มลงเล็กน้อย
รับกับพระโอษฐ์ที่หนาท้ังบนและลา่ ง แสดงกิริยาแย้มเล็กน้อยด้วยการแต่งมุมพระพระโอษฐ์ใหย้ กขึ้น แต่งเส้นรอบขอบพระ
โอษฐ์ พระกรรณใหญ่ ปลายพระกรรณยาว ลักษณะโค้งดังรูปพระจันทร์เสี้ยว ไม่เจาะปลายพระกรรณ ขมวดพระเกสาเล็ก
แบบหนามขนุน พระอุษณีษะเป็นต่อมนูน พระรัศมีเป็นกรวยแหลมที่มีกลีบบัวซ้อนรับกันเป็นชั้นด้านล่าง พระศอเป็นปล้อง
พระวรกายอวบอ้วน หนกั แน่น ทรงครองจีวรห่มเฉยี ง ซ้อนกนั ๒ ชนั้ เช่นเดียวกับสว่ นของจวี รทพี่ าดข้อพระหัตถ์ขวาและข้อ
พระบาททั้งสองก็ทำเป็น ๒ ชั้นเช่นกัน สังฆาฏิเป็นแผ่นแบนใหญ่ ซ้อนกัน ๒ ชั้น ปลายตัดตรง ยาวไปจรดพระนาภี
ปลายพระหัตถข์ วาท่ีช้ีลงสูพ่ ้ืนธรณีงอนข้นึ เลก็ นอ้ ย ปลายนว้ิ พระหตั ถ์ท้ัง ๔ เสมอกันและปลายน้ิวพระบาททงั้ ๕ เสมอกนั
ซุ้มเรอื นแก้ว
สำหรับซุ้มเรือนแก้วด้านหลัง สร้างใน พ.ศ. ๒๔๗๙ ตามจารึกภาษาไทย อักษรไทย ด้านหลังแผงซุ้มเรือนแก้วว่า
นางแกล้วกาญจนเขตร์ (ประทุม อรุณวงศ์) นางตุ่น แซ่ตั้ง ๑ ตัว นางคำผูย โกศัลวิตร์ นางแก้วพา ประทุมทอง นางประสาร
โทระ กิจ (หมิ) กับอิก (อีก) หลายคนช่วยเล็กน้อย ๔ ตัว สร้างเรือนแก้วนี้ ๑๐๐ บาท พ, ส่งศรี กับนายทาเป็นช่างทำ
ลักษณะเป็นซุ้มพระยานาค จำนวน ๕ ตัว เรียงต่อกันเป็นรูปซุ้มปลายแหลม ล้อไปกับรูปทรงพระวรกายของพระเจ้าใหญ่
อนิ ทรแ์ ปลง โดยพระยานาคตวั ท่ีอยู่ดา้ นลา่ งสดุ ๒ ตวั ด้านซ้ายและขวาของพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง อย่รู ะดับเดียวกับพระ
ชานุของพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง ตัวที่อยู่ตอนกลาง มี ๒ ตัว ด้านซ้ายและขวาของพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง อยู่ที่ระดับพระ
พาหาของพระเจา้ ใหญอ่ นิ ทร์แปลง ส่วนตวั บนสดุ มี ๑ ตัว อยู่ตอนกลาง เหนอื พระรัศมีของพระเจ้าใหญ่อนิ ทร์แปลง
การสร้างซุ้มเรือนแก้วนี้ สร้างขึ้นภายหลังจากท่ี พระครูวิจิตรธรรมภาณี (พวง ธมฺมทีโป) อดีตเจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม (วัด
ป่าน้อย) รูปที่ ๕ ได้เข้ามาบูรณะวิหารพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง ในปี พ.ศ. ๒๔๗๓-๒๔๗๔ การบูรณะวิหารในครั้งนั้น คงเป็น
การบูรณะครั้งใหญ่ ภายหลังจากที่ไม่ได้มีการบูรณะมานาน ท้ังนี้หลังจากมีการสร้างซุ้มเรือนแก้วใน พ.ศ. ๒๔๗๙ กรม
ศิลปากรจงึ ได้ขน้ึ ทะเบียนวัดมหาวนาราม เมอ่ื วนั ที่ ๒๗ กนั ยายน ๒๔๗๙ ในราชกจิ จานุเบกษา เลม่ ท่ี ๕๓ หน้า ๑๕๓๓
การบูรณะปิดทองพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง
ในอดีต มีการอนุญาตให้ประชาชนสามารถขึ้นไปปิดทองพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงได้ ผู้มีศรัทธาที่มากราบไหว้บูชา
พระเจ้าใหญอ่ ินทรแ์ ปลงกบ็ ูชาแผน่ ทองคำเปลวจากทางวดั โดยอนญุ าตให้บรุ ษุ เท่านน้ั ทีเ่ ปน็ ผูข้ น้ึ ไปปิดทองพระเจ้าใหญ่อินทร์
แปลง ส่วนสตรีก็สามารถฝากแผ่นทองคำเปลวไปกับบุรุษ การปิดทองของศรัทธาที่มีปริมาณมาก และใช้เวลานานหลาย
ทศวรรษ ทำให้ผวิ ขององค์ พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงมีความไม่สมำ่ เสมอ บางบรเิ วณนนู ออกมา พนื้ ผิวขององค์พระมีความนิ่ม
มาก เนื่องจากแผ่นทองที่ถูกปดิ ทับซ้อนกันวันแล้ววนั เล่า ทั้งสีทองที่ปิดก็กระดำกระดา่ งเพราะแผน่ ทองที่มคี ุณภาพแตกตา่ ง
กัน มีทง้ั ทเ่ี ปน็ แผน่ ทองคำเปลวแทแ้ ละแผ่นทองคำเปลวที่เป็นทองวทิ ยาศาสตร์ ทำให้องคพ์ ระแลดูไม่สวยงาม
พุทธศักราช ๒๕๕๒ สมัยพระเทพกิตติมุนี (สมเกียรติ สมกิตฺติ ป.ธ. ๖) เป็นเจ้าอาวาสวัดมหาวนาราม
(พระอารารมหลวง) ทป่ี รกึ ษาเจา้ คณะจังหวัดอุบลราชธานี โดยท่านปกครองวัดในช่วง พ.ศ. ๒๕๒๙-๒๕๕๗ มีความคิดเห็นท่ี
จะปิดทองพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงใหม่ โดยเมื่อปิดเสร็จแล้ว ก็ไม่อนุญาตให้ศรัทธาขึ้นไปปิดทองบนองค์พระเจ้าใหญ่อินทร์
แปลงอีก แต่ให้ปิดทองที่องค์พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงจำลองซึ่งประดิษฐานอยู่ทางด้านหน้าพระวิหาร นัยว่าเป็นการรักษา
ทองให้มีความงดงามอย่เู สมอ
พุทธศักราช ๒๕๖๒ เมื่อมีการสร้างพระวิหารหลังใหม่แล้วเสร็จ ในสมัยพระครูสารกิจโกศล (สุดใจ นิสฺโสโก ป.ธ. ๔)
เป็นเจ้าอาวาสวัดมหาวนาราม พระอารามหลวง เจ้าคณะอำเภอเมืองอุบลราชธานี ทำให้ฝุ่นละอองจากการก่อสร้างไปปก
คลุมและติดแนน่ เป็นแผ่นหนากับองค์พระเจ้าใหญอ่ ินทร์แปลง ด้วยความไม่เขา้ ใจในกระบวนการอนุรักษ์ ทำให้พระลูกวดั ได้
นำผา้ ชบุ น้ำไปเช็ดถูองค์พระ เพราะปรารถนาจะให้ฝุ่นผงเหล่าน้ันหลุดออกไปจากพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง จงึ เป็นเหตุให้องค์
พระเกิดริ้วรอย มีผลทำให้ผิวพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงไม่สวยงาม พระครูสารกิจโกศล เจ้าอาวาสวัดมหาวนาราม รูปปัจจุบัน
จงึ มีความคดิ เห็นท่จี ะปิดทองอีกครั้งหนึง่
วันที่ ๒๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ ได้กราบอาราธนา เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์
( ขณะดำรงสมณะศักดิ์ที่ พระพรหมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ) ปัจจุบัน กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัด
พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม ราชวรมหาวหิ าร กรุงเทพมหานคร มาเป็นองค์ปดิ ทองปฐมฤกษ์
วันที่ ๒๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ วัดมหาวนาราม พระอารามหลวง และคณะเจ้าภาพ ได้จัดพิธีบวงสรวงขออนุญาต
เทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อบูรณะองค์พระ ในการนี้มี พระครูสารกิจโกศล เจ้าอาวาสวัดมหาวนาราม พระอารามหลวง
เจ้าคณะอำเภอเมืองอุบลราชธานี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ท่านสิทธิชัย โค้วสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย
เปน็ ประธานฝ่ายฆารวาส พร้อมดว้ ยพทุ ธศาสนิกชนจังหวดั อุบลราชธานเี ปน็ จำนวนมาก
สำหรับการบูรณะปิดทอง ปีพุทธศักราช ๒๕๖๒ เริ่มตั้งแต่วันที่ ๒๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ แล้วเสร็จ
วนั ที่ ๙ พฤศจกิ ายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ ใช้ทองคำเปลวแท้ ๑๐๐ เปอร์เซน็ ต์ จากจังหวัดนครศรีธรรมราช
ประวตั ิ พระครูสารกิจโกศล ( สุดใจ นิสฺโสโก )
พระครสู ารกจิ โกศล ฉายา นสิ โฺ สโก
อายุ ๗๓ พรรษา ๕๒ วิทยฐานะ น.ธ.เอก, ป.ธ.๔, พธ.บ., M.A., Ph.D.
วัดมหาวนาราม ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี
ปจั จบุ นั ดำรงตำแหนง่
เจา้ อาวาสวดั มหาวนาราม พระอารามหลวง
และเจ้าคณะอำเภอเมืองอบุ ลราชธานี
สถานะเดมิ
ชื่อ สุดใจ นามสกุล คำบุญมา เกิดวัน ๒ ฯ๑๐๓ ค่ำ ปีฉลู วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๒
บิดาชื่อ นายทัย มารดาชื่อ นางเผือก คำบุญมา อยู่บ้านเลขที่ ๗๕ หมู่ที่ ๑๐ บ้านศีรษะกระบือ ตำบลคูเมือง อำเภอวารินชำ
ราบ จงั หวดั อบุ ลราชธานี
บรรพชา-อปุ สมบท
วัน ๖ ฯ๑๐ ๒ คำ่ ปจี อ วนั ที่ ๒๓ เดอื น มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๓ ณ ว ั ด บ ้ า น แ ข ม ต ำ บ ล ค ู เ ม ื อ ง อ ำ เ ภ อ
วารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พระอุปัชฌาย์ พระครูสุพจน์อุบลรัตน์ วัดวารินทราราม ตำบลธาตุ อำเภอ
วารินชำราบ จังหวดั อบุ ลราชธานี พระกรรมวาจาจารย์ พระปลดั ภมู ี ปิยวณฺโณ วดั บ้านแขม ตำบลคูเมือง อำเภอวารนิ ชำราบ
จ ั ง ห ว ั ด อ ุ บ ล ร า ช ธ า น ี พ ร ะ อ น ุ ส า ว น า จ า ร ย ์ เ จ ้ า อ ธ ิ ก า ร ส อ น อ ิ น ฺ ท ป ญ โ ญ ว ั ด โ พ ธ ิ ์ ใ ห ญ่
ตำบลโพธ์ิใหญ่ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอบุ ลราชธานี
วทิ ยฐานะ
พ.ศ. ๒๕๐๔ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านศีรษะกระบือ ตำบลคูเมือง อำเภอวารินชำราบ
จงั หวดั อบุ ลราชธานี
พ.ศ. ๒๕๑๗ สอบไล่ไดน้ ักธรรมช้นั เอก วัดบ้านแสงเกษม สำนกั เรียนคณะจังหวัดอบุ ลราชธานี
พ.ศ. ๒๕๑๙ สำเร็จการศึกษาผู้ใหญ่ ระดับ ๔ จากโรงเรียนการศึกษาผู้ใหญ่วิโรจน์รัตนวิทยา วัดทุ่งศรีเมือง
ตำบลในเมือง อำเภอเมอื งอบุ ลราชธานี จงั หวัดอุบลราชธานี
พ.ศ. ๒๕๒๑ สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ จากโรงเรียนบาลีสาธิตศึกษาวัดทุ่งศรีเมือง ตำบลในเมือง อำเภอ
เมอื งอบุ ลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี
พ .ศ . ๒ ๕ ๓ ๔ ส อ บ ไ ล ่ ไ ด ้ เ ป ร ี ย ญ ธ ร ร ม ๔ ป ร ะ โ ย ค ว ั ด ส ร ะ แ ก ้ ว อ ำ เ ภ อ ส ร ะ แ ก ้ ว จ ั ง ห ว ั ด ป ร า จ ี น บ ุ รี
สำนักเรยี นคณะจังหวัดปราจีนบรุ ี
พ.ศ. ๒๕๓๘ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี พุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.) จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬา
ลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตอบุ ลราชธานี ประเทศ
พ.ศ. ๒๕๔๑ สำเร็จการศึกษาปรญิ ญาโท สาขาสังคมศาสตรมหาบัณฑิต (M.A.) จากมหาวิทยาลยั ปูณา่
อินเดีย
พ.ศ. ๒๕๔๙ สำเร็จการศึกษาปริญญาเอก สาขาสังคมศาสตรดุษฎีบัณฑิต ( Ph.D. ) จากมหาวิทยาลัยมคธ
ประเทศอนิ เดีย
งานการปกครอง
พ.ศ. ๒๕๒๐ ไดร้ บั แต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาวนาราม ตราตง้ั ท่ี ๕/๒๕๒๐ ลงวนั ที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๒๐
พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดมหาวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี
พระบญั ชาสมเดจ็ พระสังฆราชท่ี ๔๗/๒๕๒๒ ลงวันท่ี ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๒
พ.ศ.๒๕๔๓ ไ ด ้ ร ั บ แ ต ่ ง ต ั ้ ง เ ป ็ น ร อ ง เ จ ้ า ค ณ ะ อ ำ เ ภ อ เ ม ื อ ง อ ุ บ ล ร า ช ธ า นี อ ำ เ ภ อ เ ม ื อ ง อ ุ บ ล ร า ช ธ า นี
จังหวัดอบุ ลราชธานี ตราตั้งท่ี ๖/๒๕๔๓ ลงวันที่ ๒๘ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๔๓
พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดมหาวนาราม อำเภอเมืองอุบลราชธานี
จังหวัดอุบลราชธานี พระบัญชาผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ที่ ๖/๒๕๕๘ แต่งต้ัง
วนั ท่ี ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี
ตราต้งั ท่ี ๕/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๘ พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๕๖๒
๖. สมณศกั ด์ิ
พ.ศ. ๒๕๒๓ ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นโท (ผจล.ชท.)
ในราชทินนาม ท่ี “พระครูสารกจิ โกศล”
พ.ศ. ๒๕๒๙ ไดร้ บั พระราชทานเล่อื นสมณศกั ดิ์ เปน็ พระครูสญั ญาบตั รผ้ชู ่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง
ช้ันเอก (ผจล.ชอ.) ในราชทินนามเดมิ
พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้รบั พระราชทานเลอื่ นสมณศักด์ิ เป็นพระครูสัญญาบัตรผ้ชู ว่ ยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นพเิ ศษ (ผจล.ชพ.)
ในราชทินนามเดิม
พ.ศ. ๒๕๕๘ ไดร้ ับพระบญั ชาสมเด็จพระสงั ฆราชแตง่ ตัง้ เป็นเจา้ อาวาสวดั มหาวนาราม พระอารามหลวง
พ.ศ. ๒๕๕๙ ไดร้ บั พระราชทานเล่ือนสมณศักด์ิ เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสพระอารามหลวงช้นั เอก (จล.ชอ.)
ในราชทินนามเดิม
ขอ้ มลู เพ่มิ เติม