องค์ประกอบศิลป์สำหรับงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา 20204-2006 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ผู้เรียบเรียง : สมภพ จงจิตต์โพธา (ครูเชี่ยวชาญ) ศษ.บ. (ศิลปกรรม : จิตรกรรมไทย) ศป.ม. (ทัศนศิลป์ : ศิลปะสมัยใหม่) พิมพ์ครั้ที่ 1: มีนาคม 2563 จำนวน : 3,000 เล่ม ผลิตและจำหน่ายโดย : บริษัท ศูนย์หนังสือ เมืองไทย จำกัด นางสาวปัญจนี วิทยสัมพันธ์ 101/14 หมู่บ้านมณียา 3 ซอย 10 ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลไทรม้า อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 โทร 0-2924-6316, 08-1445-9968, 08-6300-4113 โทรสาร 0-2594-3923 Website :www.muangthaibook.com E-mail : [email protected] ISBN : 978-616-281-768-7 ราคา : 115 บาท "หนังสือเล่มนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ บริษัท ศูนย์หนังสือ เมืองไทย จำกัด ห้ามทำช้ำ คัดลอก เลียนแบบ ทำสำเนาตัดแปลง หรือวิธีการอื่นใดไปเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของหนังสือเล่มนี้
นอกจากจะได้รับการยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ศูนย์หนังสือ เมืองไทย จำกัด" คำนำ หนังสือเรียนวิชา องค์ประกอบศิลป์สำหรับงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา 20204-2006 เล่มนี้ เรียบเรียงขึ้น เพื่อใช้ประกอบการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เนื้อหาของหนังสือมีด้วยกันทั้งหมด 8 หน่วย ประกอบด้วย (1) องค์ประกอบศิลป์ (2) หลักการออกแบบ (3) การทำช้ำ ความผันแปร การลดหลั่น และเอกภาพ (4) การจัดองค์ประกอบศิลป์ (5) การจัดวางวัตถุใน ภาพ (6) การใช้และการระบายสี ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์(7) การออกแบบจัดหน้าเ (8) การออกแบบสื่อดิจิทัล พร้อมทั้งกิจกรรม แบบฝึกหัด และแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะ ในสถานการณ์ต่าง ๆ มีทักษะการคิดและแก้ปัญหา และบูรณาการกับการทำงานตามสาขาอาชีพต่าง ๆ ต่อไป ผู้เรียบเรียงและฝ่ายวิชาการ ศูนย์หนังสือ เมืองไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเรียนวิชา องค์ประกอบ ศิลป์สำหรับงานคอมพิวเตอร์ เล่มนี้ จะสามารถใช้ศึกษาให้เกิดความรู้และเกิดประโยชน์แก่ผู้เรียน ผู้สอน ตลอดจนผู้สนใจศึกษาทั่วไปได้เป็นอย่างดี หากมีข้อผิดพลาดประการใดผู้เรียบเรียงและฝ่ายวิชาการ ศูนย์หนังสือ เมืองไทย ขอน้อมรับคำติชมเพื่อเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงแก้ไขในโอกาสต่อไป สมภพ จงจิตต์โพธา และ ฝ่ายวิชาการ ศูนย์หนังสือ เมืองไทย
หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ รหัสวิชา 20204-2006 ชื่อวิชา องค์ประกอบศิลป์สำหรับงาคอมพิวเตอร์ ท-ป-น 1-2-2 จุดประสงค์รายวิชา เพื่อให้ 1. เข้าใจเกี่ยวกับหลักการขององค์ประกอบศิลป์สำหรับงานคอมพิวเตอร์ 2. เข้าใจเกี่ยวกับการวิเคราะห์ จำแนก ธาตุทางทัศนศิลป์ หลักการ และกฎเกณฑ์ขององค์ประกอบศิลป์ 3. เข้าใจในการจัดพื้นที่ จุดสนใจของวัตถุ การเน้น การจัดวางตำแหน่งวัตถุและจัดวางวัตถุชนิดต่าง ๆ 4. สามารถออกแบบ สร้าง แก้ไข และตกแต่งชิ้นงานโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป 5. มีเจตคติและกิจนิสัยที่ดีในการปฏิบัติงานคอมพิวเตอร์ด้วยความละเอียดรอบคอบ และถูกต้อง สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ จำแนก ธาตุทางทัศนศิลป์ หลักการ และกฎเกณฑ์ของ องค์ประกอบศิลป์ 2. แสดงความรู้การจัดพื้นที่ จุดสนใจของวัตถุ การเน้นการจัดวางตำแหน่งวัตถุและจัดวางวัตถุชนิดต่าง ๆ
3. ออกแบบสื่อดิจิทัลตามหลักการของการจัดองค์ประกอบศิลป์ 4. ปฏิบัติการออกแบบ สร้าง แก้ไข และตกแต่งชิ้นงานโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป คำอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับหลักการขององค์ประกอบศิลป์ การจำแนก ธาตุทางทัศนศิลป์ หลักกา กฎเกณฑ์ขององค์ประกอบศิลป์ การจัดพื้นที่ จุดสนใจของวัตถุ การเน้นการจัดวางตำแหน่งวัตถุและจัดวางวั ชนิดต่าง ๆ การออกแบบ สร้าง แก้ไขและตกแต่งชิ้นงานโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป สารบัญ หน้า หน่วยที่ 4 การจัดองค์ประกอบศิลป์ 4.1 การจัดองค์ประกอบศิลป์………………………………………………………………………………………………………… 4.2 การจัดภาพ…………………………………………………………………………………………………………………………… 4.3 การเน้นให้เกิดจุดเด่น…………………………………………………………………………………………………………….. กิจกรรมหน่วยที่ 4………………………………………………………………………………………………………………………. แบบฝึกหัดหน่วยที่ 4…………………………………………………………………………………………………………………… แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 4…………………………………………………………………………………………………… หน่วยที่ 8 การออกแบบสื่อดิจิทัล………………………………………………………………………………………………….. 8.1 ความหมายของการออกแบบสื่อดิจิทัล…………………………………………………………………………………….. 8.2 ลักษณะของการออกแบบด้วยสื่อดิจิทัล…………………………………………………………………………………... กิจกรรมหน่วยที่ 8………………………………………………………………………………………………………………………. แบบฝึกหัดหน่วยที่ 8……………………………………………………………………………………………………………………
แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 8…………………………………………………………………………………………………… บรรณานุกรม………………………………………………………………………………………………………………………………
หน่วยที่4 การจัดองค์ประกอบศิลป์ หัวข้อเรื่อง (Topics) 4.1 การจัดองค์ประกอบศิลป์ 4.2 การจัดภาพ 4.3 การเน้นให้เกิดจุดเด่น แนวคิดสำคัญ (Main Idea) การจัดองค์ประกอบศิลป์ เป็นการนำองค์ประกอบศิลป์มาจัดวางบนพื้นที่ทำงานเพื่อให้ผลงานเกิด ความงาม การจัดวาง (Compos) ต้องอาศัยการหลักการออกแบบ (Principle of Design) เป็นแนวทางในการ จัดตามหลักของการออกแบบ การจัดภาพ เป็นวิธีการที่จะนำรูปต่าง ๆ มาจัดวางเข้าด้วยกันบนพื้นระนาบ โดยอาศัยหลักการ จัดองค์ประกอบศิลป์ ที่ต้องปฏิบัติควบคู่กันไป เพื่อให้การจัดภาพเกิดความรู้สึกลงตัวและมีความสมบูรณ์ จุดเด่น เป็นส่วนสำคัญในภาพหรือบริเวณที่มีความชัดเจน สะดุดตาเป็นแห่งแรก รับรู้ได้จากการมอง ผลงานที่เสร็จแล้วจุดเด่นจะมีลักษณะที่โดดเด่นกว่าส่วนประกอบอื่นทั้งหมด สมรรถนะย่อย (Element of Competency) เพื่อให้เข้าใจความหมายของการจัดองค์ประกอบศิลป์และการจัดภาพในงานคอมพิวเตอร์ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม (Behavioral Objectives) 1. อธิบายความหมายของการจัดองค์ประกอบศิลป์และการจัดภาพในงานคอมพิวเตอร์ได้
2. จัดภาพในงานคอมพิวเตอร์ได้หลายรูปแบบ 3. สร้างสรรค์องค์ประกอบศิลป์ โดยวิธีการจัดองค์ประกอบศิลป์และการจัดภาพในงานคอมพิวเตอร์ ให้เกิดจุดเด่นได้ เนื้อหาสาระ (Content) 4.1 การจัดองค์ประกอบศิลป์ การจัดองค์ประกอบศิลป์ เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ขององค์ประกอบ และการจัดวาง ตำแหน่ง การจัดวางองค์ประกอบศิลป์ มีผลต่อการรับรู้ความงามทางศิลปะ และยังมีความสำคัญต่อความคิด สร้างสรรค์ในการสร้างงานศิลปะ 2 มิติ และ 3 มิติ รวมไปถึงงานออกแบบในคอมพิวเตอร์ 4.1.1 ความหมายของการจัดองค์ประกอบศิลป์ การจัดองค์ประกอบศิลป์ หรือ Composition นั้นมาจากภาษาละตินว่า Composition แปลว่า นำ ใส่ จัดเข้าด้วยกัน สงวน รอดบุญ (2518 : 32) ได้กล่าวถึงความหมายของคำว่า Composition ไว้ว่า Composition แปลว่า องค์ประกอบแห่งศิลป์ หมายถึง การสร้างสรรค์ศิลปะแขนงต่าง ๆ ด้วยการนำเอา ส่วนประกอบของศิลปะ (Elements of Art) มาจัดผสมผสานเข้าด้วยกัน เมื่อดูแล้วจะบังเกิดความประสาน กลมกลืนกันตามความรู้สึกนึกคิด หรือประสบการณ์ภายใน (Inner Experience) (สมชาย พรหมสุวรรณ, 2548: 261) นอกจากนี้ ยังมีนักวิชาการทางศิลปะได้ให้ความหมายของคำว่า การจัดองค์ประกอบศิลป์ดังนี้ การจัดองค์ประกอบศิลป์ หมายถึง การนำองค์ประกอบศิลป์ (Elements of Art) มาจัดวางใน พื้นที่สร้างงานเพื่อให้ผลงานมีความงดงามน่าสนใจ (สมชาย พรหมสุวรรณ, 2548 : 261) การจัดองค์ประกอบศิลป์ หมายถึง การนำส่วนประกอบ (องค์ประกอบ) ที่จำเป็นในการ สร้างสรรค์งานศิลปะและการออกแบบต่าง ๆ มารวมเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสมลงตัว และเกิดผลงานขึ้น ซึ่งเราอาจจะใช้องค์ประกอบทุกชนิดหรือบางชนิดมาใช้ในการทำงานก็ได้ (ฉัตรชัย อรรถปักษ์, 2548 : 18) การจัดองค์ประกอบศิลป์ หมายถึง การนำองค์ประกอบศิลป์(Elements of Art) มาจัดวาง
ในพื้นที่สร้างงาน ผสมผสานเข้าด้วยกัน เมื่อดูส่วนรวมแล้วเกิดความกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เกิดความงุดงามและ น่าสนใจ ดังนั้น การจัด องค์ประกอบศิลป์จึงหมายถึง การนำองค์ประกอบศิลป์มาจัดวางบนพื้นที่ทำงาน เพื่อให้ผลงานเกิดความงาม ซึ่งในการจัดวาง (Compose) ต้องอาศัยหลักการออกแบบ (Principle of Design) เป็นแนวทาง ตัวอย่าง ภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบศิลป์และหลักการออกแบบ จุด เส้น รูปร่าง รูปทรง ระนาบ พื้นผิว บริเวณว่าง ความสว่างและความมืด สี ความสมดุล จังหวะ การเน้นให้เกิดจุดเด่น เอกภาพ องค์ประกอบศิลป์ หลักการออกแบบ
ภาพที่ 4.1 ภาพการออกแบบโลโก้เมืองอียิปต์โบราณ (ที่มา : https://argo.page.link/yWz1Q) จากภาพที่ 4.1 โลโก้เมืองอียิปต์โบราณ แสดงให้เห็นว่า ผลงานชั้นนี้ใช้องค์ประกอบศิลป์ 3 ตัวหลัก ในการสร้างงาน ได้แก่ เส้น สี รูปร่างและรูปทรง นำไปใช้โดยหลัก 3 ประการ ได้แก่ ความสมดุล จังหวะ และ จุดเด่นหากพิจารณาในรายละเอียด จุดเด่น คือรูปพีระมิด จะถูกสร้างโดยรูปทรงง่าย ๆ จังหวะจะถูกสร้างโดย น้ำหนักของสี รวมไปถึงความเป็นเอกภาพที่เกิดจากกลุ่มของพีระมิด สิ่งก่อสร้างและรูปสัตว์ ซึ่งจะมีจุดเน้น ให้ความสำคัญบางอย่างลดหลั่นกันไป จะไม่เน้นทุกอย่างเท่ากันหมด ผลงานศิลปะแต่ละชิ้นไม่จำเป็นต้องใช้องค์ประกอบศิลป์ทุกตัวและหลักการออกแบบทุกข้อเสมอไป หลักการออกแบบแต่ละข้อมีลักษณะเฉพาะแตกต่างกัน ศิลปินจะเลือกลักษณะเฉพาะที่สอดคล้องกับ จุดมุ่งหมายในการสร้างของตนเป็นสำคัญ โดยคำนึงถึงผลลัพธ์ที่ได้ให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายที่วางไว้ 4.1.2 องค์ประกอบศิลป์กับหลักการออกแบบ ประกอบศิลป์กับหลักการออกแบบ หมายถึง การนำองค์ประกอบศิลป์ไปใช้ตามหลักการออกแบบ เส้นเป็นองค์ประกอบศิลป์ตัวแรกที่ถูกนำไปใช้มากที่สุด ทั้งที่ปรากฏให้เห็นโดยตัวของมันเอง และแฝงอยู่ในรูปทรงอื่น ๆ และสามารถนำไปใช้ตามหลักการออกแบบได้ดังนี้ 1. เส้นกับความสมดุล เส้นทุกเส้นมีน้ำหนัก ซึ่งเกิดจากขนาดของเส้น ทิศทางของเส้น การทับซ้อน
ของเส้น ภาพที่ 4.2 เส้นกับความสมดุลในงานออกแบบกราฟิก (ที่มา : https:/argo.page.link/fgiym) ภาพที่ 4.2 แสดงความสมดุล ด้วยความรู้สึก โดยการใช้เส้นออกแบบลีลาท่าทางคนจัดวางในตำแหน่ง ถ่วงดุลกัน ให้ความรู้สึกน่าสนใจ เคลื่อนไหว ตื่นเต้น ชวนมอง 2. สีกับความสมดุล สีทุกสีมีน้ำหนัก หากพิจารณาสีในวง สีจะพบว่า สีบางสีมีความสุกสว่างมากกว่าสีอื่น บางสี มีความทึบเข้มมากกว่า เช่น สีเหลืองดูสว่างไสว สีน้ำเงิน ดูมืดทึบ ภาพที่ 4.3 แสดงให้เห็นถึงการใช้สีถ่วงน้ำหนักเนื่องจากสี น้ำเงินเป็นสีหนัก ผลงานชิ้นนี้จึงผสมด้วยสีขาวกลายเป็น สีฟ้าสามน้ำหนักเพื่อให้สีดูเบาขึ้น โดยมีสีเหลืองในวงกลม ถ่วงน้ำหนักของธงราวที่สลับกันระหว่างสีส้มและสีน้ำเงิน พาดเฉียงขึ้นไปทางซ้ายมือ ภาพที่ 4.3 แสดงการถ่วงสมดุลโดยสีในงาน ภาพประกอบ
(ที่มา : https://argo.page.link/XT3wi) 3. บริเวณว่างกับสัดส่วน หมายถึง สัดส่วนของบริเวณแต่ละช่องต่อกัน ซึ่งสามารถสร้างให้ กลมกลืนกันมากที่สุดหรือแตกต่างกันได้ ภาพที่ 4.4 บริเวณว่างกับสัดส่วนในงานออกแบบโปสเตอร์ (ที่มา : https://argo.page.link/Ca48y) 4.1.3 รูปร่างและรูปทรงกับความสมดุล การจัดรูปร่างและรูปทรงในกรอบสี่เหลี่ยมที่ว่างเปล่า เมื่อรูปทรงหนึ่งปรากฏขึ้นอาจทำให้ ความสมดุลเดิมที่มีอยู่เปลี่ยนไปได้ วิธีแก้ปัญหาความสมดุลที่ง่ายที่สุด ได้แก่ การทำช้ำรูปทรงเดิมอีก 1 รูป วางไว้ในด้านตรงกันข้ามในตำแหน่งเดียวกัน หรือไม่ก็ใช้รูปทรงนั้นไว้กึ่งกลางภาพ การจัดวางทั้งสองวิธีให้ ความสมดุลแบบซ้าย-ขวา เท่ากันทุกประการได้
ภาพที่ 4.5 รูปร่างและรูปทรงกับความสมดุลในงานออกแบบโลโก้ (ที่มา : https://qrgo.page.link/hHXKV) 4.1.4 พื้นผิวกับความสมดุล พื้นผิวกับความสมดุล หมายถึง การนำลักษณะผิวไปใช้ในงานให้มีความสมดุล โดยปกติลักษณะผิวขรุชระหรือ ผิวหยาบจะรู้สึกหนักกว่าลักษณะผิวมันหรือผิวลื่น ซึ่งรูปทรงก็เหมือนกัน ถ้ามีลักษณะผิวแตกต่างกันน้ำหนัก ของรูปทรงทั้งสองก็ต่างกันด้วย ภาพที่ 4.6 พื้นผิวกับความสมดุล.ในงานออกแบบโสโก้ของ Apple (ที่มา : https://qrgo.page.link/J3djH) 4.1.5 บริเวณว่างกับเอกภาพ บริเวณว่างกับเอกภาพ หมายถึง บริเวณว่างที่ให้ความรู้สึกเป็นกลุ่มก้อนเป็นหน่วยเดียวกัน หรือ ไปในทิศทางเดียวกัน สามารถสร้างช่องว่างให้มีเอกภาพได้โดยอาศัยวิธีการดังนี้ 1. ใช้หลักความกลมกลืน โดยการสร้างบริเวณว่างที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันไม่แตกต่างกันมากนัก
2. ใช้ตัวเชื่อมในบริเวณใดบริเวณหนึ่งที่รู้สึกว่า มีการตัดกันของช่องว่างเกิดขึ้น ให้เพิ่มช่องว่าง ใหม่ระหว่างกลาง เพื่อเป็นตัวเชื่อม การเพิ่มช่องว่างใหม่ทำได้โดยการเพิ่มรูปทรง 3. ใช้หลักการรวมกลุ่ม โดยทำให้ช่องว่างที่เกิดขึ้นรวมกันเป็นกลุ่ม ไม่กระจัดกระจาย ภาพที่ 4.7 บริเวณว่างกับเอกภาพ โดยการสร้างบริเวณว่างที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับรูปทรง (ที่มา : https://www.fiverr.com/loftydesignshop/do-minimalist-negative-space-logo-design) ภาพที่ 4.8 บริเวณว่างกับเอกภาพ โดยการเพิ่มช่องว่างใหม่ทำได้โดยการเพิ่มรูปทรง (ที่มา : https://qrgo.page.link/X5iJW)
ภาพที่ 4.9 บริเวณว่างกับเอกภาพ โดยทำให้ช่องว่างที่เกิดขึ้นรวมกันเป็นกลุ่ม (ที่มา : https://qrgo.page.link/Lnxkq) 4.2 การจัดภาพ การจัดภาพ หมายถึง วิธีการที่จะนำรูปต่าง ๆ มาจัดวางเข้าด้วยกันบนพื้นระนาบ โดยอาศัยหลักการ จัดองค์ประกอบศิลป์ที่ต้องปฏิบัติควบคู่กันไป เพื่อให้การจัดภาพเกิดความรู้สึกลงตัวและมีความสมบูรณ์ รูปแบบการจัดภาพ อารี สุทธิพันธุ์ (2532 : 209) ได้กล่าวถึงการจัดภาพไว้ว่า การออกแบบและการจัดภาพ มีความหมาย คล้ายกันและมักจะใช้สับกันเสมอ การออกแบบมีความหมายคลุมถึงผลงานศิลปะ แต่การออกแบบนั้นไม่ สามารถแสดงความจริงของวัตถุได้ การออกแบบเป็นเพียงความพยายามที่จะสร้างสรรค์ให้ได้ใกล้เคียงส่วนหนึ่ง เท่านั้น ส่วนการจัดภาพนั้นมีความหมายบ่งเฉพาะในผลงานโดยตรงบางประเภท เช่น ถ้าต้องการสร้างภาพจะ เรียกเป็นการจัดภาพ และเรียกการจัดภาพนั้น ๆ ต่างกันเพื่อเป็นแนว เช่น การจัดภาพเป็นวงกลม การจัดแบบ แผ่ขยาย การจัดแบบเส้นตรง เป็นต้น รูปแบบการจัดโครงสร้างของภาพหรือการจัดภาพอาจจะจัดได้ 2 แนวทาง คือ โดยการใช้รูปแบบที่ เคย จัดและใช้มาในอดีต และการจัดโครงสร้างตามแนวความคิดของนักออกแบบ ซึ่งแบ่งได้ดังนี้ 1. การจัดภาพเป็นรูปสี่เหลี่ยม เป็นการจัดภาพโดยเน้นการใช้เส้นรอบนอกหรือขอบเขตของภาพเป็น สี่เหลี่ยมผืนผ้าทั้งแนวนอนหรือแนวตั้ง (1) การจัดภาพแนวนอน เป็นการจัดภาพในแนวขนานกับพื้น ให้ความรู้สึกสงบ ราบเรียบ
ส่วนใหญ่จะใช้ในการเขียนภาพทิวทัศน์ และภาพที่มีองค์ประกอบที่มีพื้นที่ขยายออกไปในแนวนอน โดยเฉพาะ การออกแบบ Banner website ภาพที่ 4.10 การจัดภาพแนวนอนในการออกแบบ Banner website (ที่มา : https:/qrgo.page.link/8Edzz) (2) การจัดภาพแนวตั้ง เป็นการจัดภาพที่ให้ ความรู้สึกแข็งแรง มั่นคง ภาพจะประกอบด้วยเส้นใน ทิศทางแนวตั้ง หรือภาพที่มีองค์ประกอบที่มีพื้นที่ ขยายขึ้นในแนวตั้งส่วนใหญ่ใช้ในการออกแบบ โปสเตอร์ ภาพที่ 4.11 การจัดภาพแนวตั้ง ในการออกแบบโปสเตอร์
(ที่มา : https://qrgo.page.inkWzmRk) 2. การจัดภาพเป็นรูปสามเหลี่ยม เป็นการจัดภาพในรูปทรงของสามเหลี่ยม โดยอาจจะเป็น สามเหลี่ยมรูปมุมแหลม หรือสามเหลี่ยมมุมฉาก ซึ่งประกอบด้วยเส้นตั้งฉากเส้นทแยงมุม และเส้นแนวนอนการ ใช้รูปสามเหลี่ยมจะช่วยให้โครงสร้างของภาพแลดูสง่างาม มั่นคงแข็งแรง และมีเอกภาพ ภาพที่ 4.12 การจัดภาพเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมในการออกแบบโปสเตอร์ (ที่มา : https://www.holidaycardsapp.com/cards/decoratd_christmas_tree_ecard) 3. การจัดภาพเป็นรูปวงกลมหรือรูปวงรีเป็นการจัดภาพที่มีเนื้อหาให้อยู่ในลักษณะรูปวงกลม หรือส่วนโค้งของวงรี ซึ่งให้ความรู้สึกอ่อนหวาน นุ่มนวล และมีทิศทางต่อเนื่องกันไป
ภาพที่ 4.13 การจัดภาพเป็นรูปวงกลมในงานออกแบบภาพกราฟิก (ที่มา : https://qrgo.page.link/EjcEZ) 4. การจัดภาพเป็นรูปรัศมีเป็นการจัดภาพที่เน้นให้รูปร่างหรือรูปทรงแผ่กระจายหรือมีทิศทางที่พุ่ง ออกจากศูนย์กลาง แสดงให้เห็นถึงพลังความเคลื่อนไหวหรือต้นกำเนิดของพลังต่าง ๆ ภาพที่ 4.14 แสดงการจัดภาพเป็นรูปรัศมีในงานออกแบบภาพกราฟิก (ที่มา : https://qrgo.page.link/KHMrR) 5. การจัดภาพแบบใช้เส้นนำทิศทาง เป็นการจัดภาพโดยใช้ทิศทางของเส้นนำสายตาผู้ชมไปสู่จุดสนใจ
ภาพที่ 4.15 การจัดภาพภาพแบบใช้เส้นนำทิศทางในการออกแบบภาพกราฟิก (ที่มา : https://qrgo.page.link/spi1h) 6. การจัดภาพแบบช้ำ ๆ เป็นการจัดภาพในลักษณะเฉพาะอันเกิดจากองค์ประกอบที่ถูกจัดวาง แบบช้ำ ๆ อย่างเป็นจังหวะแบบต่อเนื่องกัน ภาพที่ 4.16 แสดงการจัดภาพแบบช้ำ ๆ ในการออกแบบภาพกราฟิก (ที่มา : https://argo.page.link/dUtHu)
7. การจัดภาพแบบผสม เป็นการจัดภาพแบบผสมผสานโดยจัดรูปลักษณะให้เกิดความกลมกลืนกัน เช่น ส่วนหนึ่งของภาพอาจจะเป็นโครงสร้างแบบวงกลม ในขณะส่วนหนึ่งอาจจะจัดโครงสร้างแบบสามเหลี่ยม หรือแบบอื่นผสมผสานกัน ภาพที่ 4.17 แสดงการจัดภาพแบบผสมในการออกแบบภาพกราฟิก (ที่มา : https://argo.page.link/3C8ui) 4.3 การเน้นให้เกิดจุดเด่น การสร้างลักษณะเด่นในงานศิลปะ คือการทำให้บริเวณใดบริเวณหนึ่งมีความน่าสนใจ บังคับให้ มองเห็น(Forcing Attention) เป็นวิธีการที่ศิลปินใช้บังคับสายตาของผู้ชมให้ติดตามไปสู่จุดที่ต้องการเห็น วิธีการเหล่านั้นเรียกว่า การย้ำเน้น (Emphasis) เมื่อบริเวณนั้น ๆ มีความน่าสนใจ เราเรียกบริเวณที่โดดเด่น นั้นว่าจุดเด่น (Dominance) (สมชาย พรหมสุวรรณ, 2548 : 217) 4.3.1 ความหมายของการเน้นให้เกิดจุดเด่น การเน้น (Emphasis) หมายถึง การกระทำหรือความพยายามในการกำหนดให้ภาพหรือผลงาน ทางศิลปะเกิดความโดดเด่น เกิดความสง่างาม เป็นจุดรวมของความสนใจ และแตกต่างไปจากส่วนอื่น จุดเด่น หมายถึง ส่วนสำคัญในภาพหรือบริเวณที่มีความชัดเจน สะดุดตาเป็นแห่งแรก รับรู้ได้ จากการมองผลงานที่เสร็จแล้ว จุดเด่นจะมีลักษณะที่โดดเด่นกว่าส่วนประกอบอื่นทั้งหมด ที่เรียกว่า ส่วนรอง
(Subordination) จุดเด่นอาจเกิดขึ้นจากการเน้นจากองค์ประกอบที่สำคัญของศิลปะ เช่น รูปร่าง รูปทรง สี ขนาด พื้นผิว น้ำหนัก เป็นต้น ดังนั้น การเน้นให้เกิดจุดเด่น จึงหมายถึง การทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือการย้ำส่วนใดส่วนหนึ่งให้มี ความโดดเด่นมากกว่าส่วนอื่น กลายเป็นจุดสนใจและสามารถรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว 4.3.2 ประธานและส่วนรอง ประธาน (Subject) หมายถึง ส่วนที่เราให้ความสำคัญในการเขียนภาพและการออกแบบ เพราะเป็นส่วนที่ต้องการจะเน้นให้เป็นจุดสนใจ ส่วนรอง (Subordination) หมายถึง ส่วนรองที่มีหน้าที่เสริมอยู่รอบ ๆ เพื่อเน้นตัวประธานให้เด่น และเกิดความสำคัญมากขึ้น ภาพที่มีวัตถุอยู่ในภาพเพียงชิ้นเดียวจะทำให้ภาพเกิดพื้นที่ว่างมาก ไม่น่าสนใจ แต่ถ้ามีส่วนประกอบย่อย ๆ เข้าไปเสริมในภาพ จะทำให้ภาพมีชีวิตชีวาเกิดความงามและน่าสนใจ ประธานและส่วนรองในงานศิลปะจึงเป็นลักษณะของการสร้างจุดเด่นและจุดรอง ซึ่งหมายถึง การจัดลำดับของการมองเห็น โดยเริ่มจากจุดเด่นที่สุดหรือจุดที่น่าสนใจที่สุดมาสู่จุดสนใจที่รองลงมา
ภาพที่ 4.18 แสดงการจัดภาพในส่วนของประธานไว้ในส่วนหน้า ซึ่งมีขนาดใหญ่และเด่นกว่า ส่วนรอง ในการออกแบบโปสเตอร์ภาพยนตร์ (ที่มา : https://qrgo.page.link/pGqpg) 4.3.3 ตำแหน่งการวางจุดเด่น ตามปกติสายตาของมนุษย์มักจะมองผลงานภาพในกรอบสี่เหลี่ยมบริเวณกึ่งกลางของภาพ เพราะเราจะเคยชินกับสิ่งที่อยู่ตรงข้างหน้า เวลาถ่ายภาพหรือมองกล้องส่องทางไกลจุดโฟกัสหรือจุดเพ่งจะอยู่ ตรงกลางเสมอ แต่เฮอร์มัน เอฟบรันดต์ (Herman F. Brandt ได้ศึกษาและทดลองถึงจุดสนใจของตำแหน่ง ที่เด่นที่สุด (วรพงศ์ วรชาติอุดมพงศ์, 2538 : 30 ในภาพจากการมองในกรอบสี่เหลี่ยม สรุปได้ดังนี้ 40% 20% 25% 14% ภาพที่ 4.19 ตำแหน่งจุดสนใจในกรอบภาพเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์
(ที่มา : วรพงศ์ วรชาติอุดมพงศ์, 2538 : 30) 4.3.4 กฎสามส่วน การกำหนดจุดสนใจในภาพที่เรียกว่ากฎสามส่วน (Rule of Third) โดยให้ลากเส้นแบ่งพื้นที่ ภาพในกรอบสี่เหลี่ยมออกเป็นสามส่วนทั้งแนวตั้งและแนวนอน บริเวณที่ตัดกันของเส้นตรงคือบริเวณที่ควรวาง จุดสนใจของภาพ ภาพที่ 4.20 ภาพแสดงกฎสามส่วน (ที่มา : สมภพ จงจิตต์โพธา) กฎสามส่วนมีความน่าสนใจ ดังนี้ 1. การวางจุดสนใจไว้ขอบริมภาพ จะทำให้ภาพเสียความสมดุลได้
ภาพที่ 4.21 การวางจุดสนใจชิดขอบทำให้ภาพเสียความสมดุล (ที่มา : สมภพ จงจิตต์โพธา) 2. การวางจุดสนใจไว้ตำแหน่งกึ่งกลางภาพ จะทำให้ดูสงบนิ่งจนเกินไป ภาพที่ 4.22 การวางจุดสนใจไว้กึ่งกลางภาพทำให้ภาพดูสงบนิ่ง (ที่มา : สมภพ จงจิตต์โพธา) 3. การวางจุดสนใจในตำแหน่งตามกฎสามส่วน จะทำให้เกิดความเคลื่อนไหวทางสายตา น่าสนใจกว่าและไม่ดูเท่ากันจนเกินไป
ภาพที่ 4.23 การวางจุดสนใจไว้ในตำแหน่งตามกฎสามส่วน (ที่มา : https://qrgo.page.link/E2fcV) ภาพที่ 4.24 แสดงการวางจุดเด่นบริเวณจุดตัดด้านซ้ายในตำแหน่งของจุดสนใจ ในการออกแบบภาพกราฟิก (ที่มา : https://qrgo.page.link/HMRPh)
ภาพที่ 4.25 แสดงการวางจุดเด่นบริเวรจุดตัดด้านขวา ทำให้ภาพน่าสนใจ ในการออกแบบโปสเตอร์ภาพยนตร์ (ที่มา : https://qrgo.page.link/ykjut) กล่าวถึงกฎบางประการเกี่ยวกับจุดเด่น มีดังนี้ 1. กฎของความเข้มข้น (Intensity Principle) 2. ขนาด (Size) 3. การตัดกัน (Contrast) 4. การช้ำ (Repetition) 5. การเคลื่อนไหว (Motion) 6. ความแปลกใหม่และความคุ้นเคย (Novelty and Familiar) การเน้นให้เกิดจุดเด่นควรเน้นให้เหมาะสมกับจุดประสงค์ เข้าใจได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ไม่สับสน
จนเกินไป และแลดูงดงาม นอกจากนั้น ผู้ออกแบบยังต้องคิดด้วยว่า จะเน้นมากน้อยเท่าใดและจะวาง จุดสำคัญ ณ ที่ใดจึงจะเกิดความงาม 4.3.5 หลักการเน้นในงานทัศนศิลป์ จากกฎดังกล่าวสามารถนำมาปรับใช้เพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะให้มีความน่าสนใจ ดังนี้ 1. การเน้นด้วยการตัดกัน เป็นการสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นภายในองค์ประกอบ เพื่อเน้น ให้เกิดจุดสนใจ เช่น ความแตกต่างของน้ำหนัก ความอ่อน-แก่ของสี ขนาดของรูปทรง พื้นผิว เป็นต้น ภาพที่ 4.26 แสดงการเน้นด้วยการตัดกันในงานออกแบบภาพกราฟิก (ที่มา : https://qrgo.page.link/hECbs) 2. การเน้นด้วยเส้นนำสายตา เป็นการใช้หลักทัศนียวิทยาแบบเส้นที่ใช้นำสายตาเข้าสู่ใจกลาง ของภาพเส้น จะทำหน้าที่เป็นโครงสร้างของการจัดภาพ เพื่อให้ส่วนต่าง ๆ ขององค์ประกอบพุ่งเข้าและพุ่งออก จากจุดศูนย์กลาง
ภาพที่ 4.27 แสดงการเน้นด้วยเส้นนำสายตา ในการออกแบบภาพโปสเตอร์ (ที่มา : https://qrgo.page.link/MPUx3) 3. การเน้นด้วยขนาด เป็นการเน้นด้วยรูปหรือองค์ประกอบที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดภายในภาพ ภาพที่ 4.28 แสดงการเน้นด้วยขนาดในการออกแบบภาพโปสเตอร์ (ที่มา : https://qrgo.page.link/RNb2B) 4. การเน้นด้วยกรอบ เป็นการจัดวางหรือเพิ่มกรอบให้เป็นฉากหน้าของภาพ จะช่วยสร้าง ความน่าสนใจและเน้นให้ภาพภายในกรอบดูเด่นขึ้น เช่น การเพิ่มช่องประตู หน้าต่าง รั้ว กิ่งไม้ เป็นต้น
ภาพที่ 4.29 แสดงการเน้นด้วยกรอบ ในการออกแบบภาพโปสเตอร์ (ที่มา : https://qrso.page.link/AUSvd) 5. การเน้นด้วยการแยกตัวออกไป เป็นการจัดวางให้ส่วนประกอบบางส่วนของภาพแยกตัว ออกไป เพื่อให้ส่วนประกอบของส่วนนั้นมีความโดดเด่น ภาพที่ 4.30 แสดงการเน้นด้วยการแยกตัวออกไป ในการออกแบบภาพโปสเตอร์ (ที่มา : https://qrgo.page.link/CtTpt) 6. การเน้นโดยท่าทางความเคลื่อนไหว เป็นการแสดงลักษณะความเคลื่อนไหวด้วยการแสดง
กิริยาท่าทางของรูปให้เกิดการเคลื่อนไหวและรับรู้ได้ด้วยการเห็น ภาพที่ 4.31 แสดงการเน้นโดยท่าทางความเคลื่อนไหว ในการออกแบบภาพกราฟิก (ที่มา : https://argo.page.link/xT2E) 7. การเน้นด้วยความหลากหลาย ความซับซ้อนส่วนใหญ่แล้วจะเป็นงานที่ใช้ความหลากหลาย เป็นตัวดึงดูดความสนใจ โดยพยายามเน้นบางส่วนของภาพให้เด่นชัดเท่า ๆ กัน ภาพที่ 4.32 แสดงการเน้นด้วยความหลากหลาย ในการออกแบบภาพโปสเตอร์ (ที่มา : https://qrgo.page.link/cRd1z)
สรุป การจัดองค์ประกอบศิลป์ การจัดภาพ รวมไปถึงการเน้นให้เกิดจุดเด่นในงานศิลปะ จะต้องปฏิบัติ ควบคู่กันไปบนพื้นที่ทำงาน เพื่อให้ผลงานเกิดความงามจากการจัดวางทัศนธาตุต่าง ๆ เช่น เส้น สี รูปร่าง รูปทรงต้น ให้เกิดจังหวะที่สัมพันธ์ต่อเนื่องกันอย่างเหมาะสม จุดมุ่งหมายในการเน้นก็คือ กาสร้างจุดสนใจในการออกแบบ การวางเลย์เอาท์ในงานกราฟิก หรืองาน สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ผู้ออกแบบจะต้องกำหนดไว้ว่าส่วนใดจะเป็นส่วนสำคัญ เป็นส่วนที่ต้องการเน้นให้เด่นชัดส่วนใด เป็นส่วนประกอบเสริม ในส่วนของการเน้นอาจเน้นที่รูปแบบตัวอักษร ข้อความพาดหัว เนื้อหาสาระ รายละเอียด หรือรูปภาพประกอบ อย่างใดอย่างหนึ่ง
กิจกรรมหน่วยที่ การจัดองค์ประกอบศิลป์ คำสั่ง ให้นักเรียนออกแบบแฟ้มสะสมงานของนักเรียน โดยจัดองค์ประกอบศิลป์ด้วยหลักการออกแบบ เน้น ให้เกิดจุดเด่นภายในภาพ วัสดุและอุปกรณ์ 1. เครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อม จอมอนิเตอร์ และเมาส์ 2. เครื่องพิมพ์ 3. กระดาษโฟโต้ วิธีปฏิบัติงาน 1. ให้นักเรียนสร้างสรรค์งานออกแบบแฟ้มสะสมงาน ขนาด A4 จำนวน 1 ภาพ 2. ให้นักเรียนใช้ การจัดองค์ประกอบศิลป์ หลักการออกแบบ ด้วยการเน้นให้เกิดจุดเด่นภายในภาพ 3. ชิ้นงานต้องประกอบไปด้วยรูปตัวนักเรียน ภาพประกอบ ข้อความและตัวอักษร ที่บ่งบอกถึงแฟ้ม สะสมงาน 4. ใช้ความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดความสวยงามตามหลักการออกแบบ 5. ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในคอมพิวเตอร์ 6. พิมพ์ลงในกระดาษโฟโต้ 4
แบบฝึกหัดหน่วยที่ การจัดองค์ประกอบศิลป์ คำสั่ง จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ได้ใจความสมบูรณ์ 1. การจัดองค์ประกอบศิลป์ หมายถึงอะไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. วิธีแก้ปัญหาความสมดุลที่ง่ายที่สุด คืออะไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การสร้างช่องว่างให้มีเอกภาพสามารถทำได้โดยอาศัยวิธีการใดบ้าง ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. การจัดภาพ หมายถึงอะไร 4
……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. จงอธิบายวิธีการจัดภาพแบบแนวนอน ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. จงอธิบายวิธีการจัดภาพแบบแนวตั้ง ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. จงอธิบายวิธีการจัดภาพเป็นรูปสามเหลี่ยม ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. จงอธิบายวิธีการจัดภาพเป็นรูปวงกลมหรือรูปวงรี ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………
9. จงอธิบายวิธีการจัดภาพเป็นรูปรัศมี ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. จงอธิบายวิธีการจัดภาพแบบใช้เส้นนำทาง ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ การจัดองค์ประกอบศิลป์ คำสั่ง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว 1. การจัดองค์ประกอบศิลป์ ต้องอาศัยสิ่งใดเพื่อให้เกิดความงาม ก. การสร้างสรรค์ ข. การออกแบบ ค. การจัดวาง ง. การร่างแบบ 2. การจัดองค์ประกอบแบบใดที่ทำให้ผลงานแทบทุกชิ้นดูกลมกลืน เรียบ สวย ก. ความสมดุลแบบซ้าย-ขวาไม่เท่ากัน ข. ความสมดุลแบบซ้าย-ขวาไม่เหมือนกัน ค. ความสมดุลแบบซ้าย-ขวาเท่ากันทุกประการ ง. ความสมดุลแบบซ้าย-ขวาไม่เท่ากันทุกประการ 4
3. ถ้าต้องการจัดองค์ประกอบศิลป์ที่แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัว ควรจัดองค์ประกอบข้อใด ก. ใช้แสงเงาและสีที่แดงสด ข. ใช้แสงเงาและสีที่กลมกลืน ค. ใช้แสงเงาและสีที่ทึบเข้ม ง. ใช้แสงเงาและสีที่สว่าง 4. ภาพที่ให้ความรู้สึกน่าสนใจ สวยงาม มีความเคลื่อนไหวพองาม มีเสน่ห์ชื่นชมได้นาน หมายถึงข้อใด ก. ความเหมือน ข. ความขัดแย้ง ค. ความกลมกลืน ง. ความผันแปร 5. การจัดภาพเพื่อแสดงออกถึงความมั่นคงและศรัทธาควรใช้รูปแบบใด ก. รูปสามเหลี่ยม ข. รูปแนวนอน ค. รูปวงกลม ง. รูปแนวตั้ง 6. การจัดภาพเพื่อแสดงความรู้สึกสงบ ราบเรียบ ควรใช้รูปแบบใด ก. รูปสามเหลี่ยม ข. รูปแนวนอน ค. รูปวงกลม ง. รูปแนวตั้ง 7. การจัดภาพที่ให้ความรู้สึกแข็งแรง มั่นคง ควรใช้รูปแบบใด ก. รูปสามเหลี่ยม ข. รูปแนวนอน ค. รูปวงกลม ง. รูปแนวตั้ง 8. การจัดภาพที่ให้ความรู้สึกอ่อนหวาน นุ่มนวล ควรใช้รูปแบบใด ก. รูปรัศมี ข. รูปสามเหลี่ยม ค. รูปวงกลม ง. ใช้เส้นนำสายตา 9. การจัดภาพที่เน้นและแสดงให้เห็นถึงพลังความเคลื่อนไหว ควรใช้รูปแบบใด ก. รูปรัศมี ข. รูปสามเหลี่ยม ค. รูปวงกลม ง. ใช้เส้นนำสายตา
10. การจัดภาพโดยนำสายตาผู้ชมไปสู่จุดสนใจควรใช้รูปแบบใด ก. รูปรัศมี ข. รูปสามเหลี่ยม ค. รูปวงกลม ง. ใช้เส้นนำสายตา
หน่วยที่ การออกแบบสื่อดิจิทัล หัวข้อเรื่อง (Topics) 8.1 ความหมายของการออกแบบสื่อดิจิทัล 8.2 ลักษณะของการออกแบบด้วยสื่อดิจิทัล แนวคิดสำคัญ (Main Idea) การออกแบบสื่อดิจิทัลเป็นหนึ่งในการสื่อสารแบบ Visual Communication Arts หรือ นิเทศศิลป์ซึ่ง เป็นศิลปะที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารทางการมองเห็น (Visual Communication) เพราะเป็นการสื่อสารไปยัง ผู้รับสารด้วยภาพเป็นสำคัญ (Visual Image) แม้จะมีบางองค์ประกอบคือการสื่อสารทางเสียงมาประกอบก็ ตามแต่สื่อหลักก็ยังเป็นการสื่อสารด้วยภาพ โดยเสียงเป็นตัวเสริมให้ภาพนั้นสมบูรณ์ขึ้น ทั้งนี้เพราะการรับรู้ ของมนุษย์เรานั้น รับรู้จากจักษุประสาทมากที่สุด สมรรถนะย่อย (Element of Competency) เพื่อให้เข้าใจในเรื่องความรู้เกี่ยวกับการออกแบบสื่อดิจิทัล จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม (Behavioral Objectives) 1. เขียนความหมายของการออกแบบสื่อดิจิทัลได้ 2. จำแนกการออกแบบสื่อดิจิทัลได้ 3. ออกแบบสื่อดิจิทัลตามหลักการจัดองค์ประกอบศิลป์ได้ 4. ออกแบบการออกแบบสื่อดิจิทัลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปได้ 8
เนื้อหาสาระ (Content) 8.1 ความหมายของการออกแบบสื่อดิจิทัล สื่อดิจิทัล หมายถึง สื่อที่มีการนำเอาข้อความ กราฟิก ภาพเคลื่อนไหว เสียง มาจัดรูปแบบ โดยอาศัย เทคโนโลยีและความเจริญก้าวหน้าทางด้านคอมพิวเตอร์ สื่อสารทางออนไลน์ หรือตัวกลางที่ถูกสร้างขึ้นโดย นำเอาข้อความ กราฟิกภาพเคลื่อนไหว เสียง และวิดีโอ มาจัดการตามกระบวนการและวิธีการผลิตโดยนำมา เชื่อมโยงกันเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการใช้งาน และตรงกับวัตถุประสงค์ ดังนั้น การออกแบบสื่อดิจิทัล หมายถึงการสร้างสรรค์ผลงานในเชิงนิเทศศิลป์เพื่อสื่อสารสิ่งต่าง ๆ ให้กับผู้รับสาร โดยใช้สื่อระบบดิจิทัลในกระบวนการออกแบบและการสื่อสาร 8.2 ลักษณะของการออกแบบด้วยสื่อดิจิทัล การออกแบบด้วยสื่อดิจิทัสสามารถแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ การออกแบบสิ่งพิมพ์ด้วยสื่อดิจิทัล และ การออกแบบเพื่อนำไปใช้สื่อดิจิทัล 8.2.1 การออกแบบสิ่งพิมพ์ด้วยสื่อดิจิทัล การออกแบบสิ่งพิมพ์ด้วยสื่อดิจิทัล มีวัตถุประสงค์ และเป้าหมายที่แตกต่างกัน ลักษณะเฉพาะหรือ เงื่อนไขต่าง ๆ ของงานและวิธีการดำเนินการจะต้องสอดคล้องกับปัจจุบันทุกด้าน การสร้างงานออกแบบจึง ควรศึกษาถึงองค์ประกอบสำคัญหลาย ๆ ด้าน แนวทางในการคิดงานกราฟิกจะแปรเปลี่ยนไปตามลักษณะของ สื่อหรืองานแต่ละประเภทที่มีข้อกำหนดเฉพาะ ซึ่งพอที่จะจัดหมวดหมู่ออกได้ดังนี้ 1. งานกราฟิกบนสื่อโฆษณาสิ่งพิมพ์ สื่อโฆษณาเป็นปัจจัยเบื้องต้นในการที่จะช่วยส่งเสริมการขายการตลาดได้อย่างดี โดยเฉพาะสื่อ สิ่งพิมพ์ที่สามารถปรับตัวเองให้มีการพัฒนาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งเสริมแนวทางในการออกแบบ กราฟิก และเทคนิคการผลิตได้อย่างกว้างขวาง สื่อโฆษณามีหลายประเภท แต่ที่ใช้มากและเป็นเรื่องรูปแบบ การออกแบบสื่อที่น่าสนใจ ได้แก่ (1) แผ่นป้ายโฆษณา (Poster) โปสเตอร์ หรือแผ่นป้ายโฆษณา สามารเผยแพร่ได้สะดวกและ กว้างขวาง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกพื้นที่ ในด้านการออกแบบสามารถผลิตได้ง่ายด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์
ดิจิทัล สร้างสรรค์รูปแบบภาพประกอบได้อย่างอิสระ แผ่นป้ายโปสเตอร์ จะต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบ 4 อย่างด้วยกัน คือ - ต้องเป็นแผ่นโดด ๆ ซึ่งสามารถปะติดลงบนพื้นผิวใดก็ได้ - ต้องมีข้อความประกอบเสมอ - ต้องปิดไว้ในที่สาธารณะ - ต้องผลิตขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ภาพที่ 8.1 ลักษณะของแผ่นป้ายโฆษณา (ที่มา : https://www.eventpop.me/e/7719-aloha-art-music-festival)
การออกแบบโปสเตอร์ 1. การกำหนดขนาด สามารถทำได้หลายวิธี เช่น ขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ ซึ่งขนาดใหญ่ก็ คือ 30" x 43" หรือ 24" x 35" ถ้าขนาดเล็กก็ตัดครึ่ง ซึ่งขนาดของงานจะขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่จะนำไปติดแสดงและ ความสะดวกในการนำไปใช้ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการโฆษณา 2. การกำหนดรูปภาพประกอบ รูปภาพประกอบในสื่อ ได้แก่ รูปภาพจากการถ่ายภาพ รูปจากการ วาดเขียน ระบายสี จากลวดลายต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบการออกแบบกราฟิก แนวคิดการออกแบบภาพ คือ การกำหนดขนาดภาพ กำหนดเรื่องราวของภาพ รูปแบบ เทคนิคในกรสร้างสรรค์ภาพ โครงสีภายในภายความ สวยงาม ความคมชัด การกำหนดตำแหน่งของภาพที่เหมาะสม เด่นชัด เนื้อหาสอดคล้องกับข้อความ 3. การกำหนดตัวอักษร ตัวอักษรข้อความหรือตัวอักษรหัวเรื่องที่จะต้องกำหนดออกแบบกราฟิก จะ ทำหน้าที่บรรยายข้อมูลสาระให้รับรู้ การกำหนดตัวอักษรจึงต้องเน้นหนักที่ขนาดของตัวอักษร รูปแบบ และ การกำหนดโครงสีบนตัวอักษรทั้งหมด ภาพที่ 8.2 การกำหนดโครงสีภายในภาพ ความสวยงาม ความคมชัด
การกำหนดตำแหน่งของภาพที่เหมาะสมของแผ่นป้ายโฆษณา (ที่มา : https://argo.page.link/bEM4T) (2) แผ่นพับ (Folders) เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ชนิดไดเร็กเมล์ (Direct Mail) ที่บริษัทผู้ผลิตสินค้าจะส่งตรงถึง ผู้บริโภคทั้งวิธีทางไปรษณีย์ และการแจกตามสถานที่ต่าง ๆ ลักษณะเด่นของแผ่นพับ คือมีขนาดเล็กหยิบถือ สะดวก สามารถให้ข้อมูลได้ละเอียดมาก จุดเด่นคือสามารถเลือกแจกได้ถึงกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะทำให้สื่อที่ ผลิตขึ้นเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง ภาพที่ 8.3 ลักษณะของแผ่นพับด้านหน้าและด้านหลัง (ที่มา : https://qrgo.page.link/JfxyH) วิธีการออกแบบ แผ่นพับมีลักษณะเด่นคือสามารถพับได้หลายแบบ การพับแบบต่าง ๆ ทำให้ภาพลักษณ์ของสื่อเปลี่ยนแปลงไป แผ่นพับเมื่อพับแล้วจะมีหลายหน้า อย่างน้อย 4 หน้า และสามารถพับได้ถึง 80 หน้าแต่ส่วนใหญ่แล้วนิยมพับ อย่างมาก 16 หน้า เนื่องจากจำนวนหน้าเกิดจากการแบ่งกระดาษด้วยการพับจึงไม่นิยมใส่เลขหน้า ในการ ออกแบบกราฟิกจึงต้องพิจารณาถึงขนาดของข้อมูลอย่างชัดเจน ต้องแสดงลักษณะเฉพาะแต่ละหน้า และ ความสัมพันธ์ระหว่างหน้าอื่น ๆ ที่จะพับมาต่อกันด้วย ถ้าผู้ออกแบบแบ่งสาระข้อมูลไม่ดี หรือวางหน้าไม่
เหมาะสมจะเกิดความสับสนในการอ่าน เพราะลักษณะเฉพาะของแผ่นพับอาจทำให้ผู้ดูเปิดพลิกไปไม่ได้ การ ออกแบบที่ดีมักจะให้ข้อมูลแต่ละหน้าจบในตัวของมันเอง และสามารถเริ่มอ่านตรงส่วนใดก่อนก็ได้ ภาพที่ 8.4 ลักษณะของแผ่นพับด้านใน (ที่มา : https://argo.page.link/FdLQZ) (3) แผ่นปลิว (Leaflets) เป็นสื่อที่มีค่าใช้จ่ายในการผลิตราคาถูกที่สุด รูปของการออกแบบนำเสนอ สระข้อมูลของแผ่นปลิวไม่มีข้อจำกัดตายตัว จากการที่มีลักษณะของการผลิตที่ใช้ค่าใช้จ่ายน้อย ทำให้สามารถ ผลิตขึ้นได้ครั้งละจำนวนมาก จึงได้รับความนิยมในการนำมาเป็นสื่อในการสื่อสารเพื่อให้ถึงกลุ่มเป้าหมายได้ อย่างกว้างขวางทั้งในรูปแบบของการแจกโดยบุคคล หรือวิธีการใช้เฮลิคอปเตอร์โปรยสู่กลุ่มประชาชน ซึ่งทำให้ ได้รับความสนใจได้มาก ขนาดของแผ่นปลิวมีขนาดไม่แน่นอน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเนื้อหาสาระที่ต้องการนำเสนอ การกำหนดขนาดยังคงอิงกับขนาดของกระดาษมาตรฐาน ส่วนใหญ่นิยมเป็นกระดาษ A4 เพราะเป็นขนาด ประหยัดที่สุด
ภาพที่ 8.5 แผ่นปลิวแบบด้านหน้าและด้านหลัง (ที่มา : https://argo.page.link/LE8Q) ภาพที่ 8.6 แผ่นปลิวแบบด้านเดียว (ที่มา : https://www.pinterest.nz/pin/360991726357446865/) (4) บัตรเชิญ (Cards) เป็นสื่อโฆษณาอีกประเภทที่มีบทบาทในวงการโฆษณาประชาสัมพันธ์การ ออกแบบกราฟิกทางด้านบัตรเชิญได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง นักออกแบบจะพยายามสร้างรูปแบบลก ใหม่ที่จะท้าทายให้ผู้ได้รับเชิญเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น อยากสัมผัส บัตรเชิญเรียกเฉพาะกิจ จะใช้ใน โอกาสสำคัญ ๆ เช่น เชิญเปิดร้าน เชิญปิดกิจการ เปิดนิทรรศการ การแสดการโชว์สินค้า การออกแบบ รูปลักษณ์ของบัตรเชิญจึงเน้นความประณีต สวยงาม มีคุณค่าสูงในด้านศิลปะเพราะต้องการใช้เป็นสื่อนำเพื่อ การชักจูงให้เกิดความรู้สึกคล้อยตาม นักออกแบบจะเสนอแนวคิดในรูปแบบบัตรเชิญแผ่นเดียว หรือลักษณะ เป็นแผ่นพับ 2 พับ หรือ 3 พับ หรือทำในลักษณะสามมิติความเหมาะสมกับโครงงานนั้น ๆ
ภาพที่ 8.7 ตัวอย่างบัตรเชิญ (ที่มา : https://th.postermywall.com) 2. งานกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์มีหน้าที่หลักคือเป็นตัวภาชนะสำหรับบรรจุสินค้า มีหลายรูปแบบแตกต่างกันไปตาม ลักษณะของสินค้า เช่น เป็นหีบห่อ เป็นกล่อง เป็นขวด เป็นลัง เป็นกระป้อง ฯลฯ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ 3 กลุ่มตามลักษณะหน้าที่ ดังนี้ (1) บรรจุภัณฑ์สำหรับการค้าปลีก ลักษณะของงานกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้จะบอก รายละเอียดของตัวสินค้าที่ถูกบรรจุอยู่ภายใน ได้แก่ ชื่อสินค้า สรรพคุณ ผู้จัดจำหน่าย และขนาดหรือปริมาตร ของการบรรจุ รายละเอียดต่าง ๆ (2) บรรจุภัณฑ์เพื่อการค้าส่ง ได้แก่บรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบขึ้น สำหรับจำนวนมาก ๆ เช่นเป็นโหล เป็น กล่องหรือเป็นหีบ มีการกำหนดรายละเอียด เช่น บอกชื่อสินค้า จำนวนของสินค้า บริษัทผู้ผลิตหรือข้อแนะนำ บางประการ (3) บรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่ง เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบขึ้นเพื่อใช้สำหรับขนส่งโดยเฉพาะที่จะต้อง เน้นความสะดวกในการขนส่ง ภาพที่ 8.8 การออกแบบกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์ (ที่มา : https://qrgo.page.inkVLjR)
ภาพที่ 8.9 ลักษณะของกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์แบบเซต (ที่มา : https://argo.page.link/xVoZZ) การออกแบบฉลากสินค้า ฉลากสินค้าจะติดมากับตัวสินค้าที่บรรจุมาในรูปขวด กล่อง ห่อ กระป๋อง หรือรูปแบบอื่นตามลักษณะ และประเภทของสินค้า ฉลากสินค้าจะช่วยให้ผู้บริโภคได้ทราบถึงรายละเอียดต่างเกี่ยวกับสินค้านั้นอย่างมาก ในบางครั้งฉลากสินค้าจะช่วยให้สามารถตัดสินใจเลือกซื้อเลือกใช้สินค้าได้ รายละเอียดที่ปรากฎบนฉลาก ได้แก่ ชื่อผลิตภัณฑ์ ชื่อบริษัท ที่อยู่ของผู้ผลิต ประเภท ชนิด สี ของวัสดุที่ใช้ ขนาดน้ำหนักหรือปริมาตร ส่วนผสม วิธีใช้ หรือสรรพคุณ วิธีการออกแบบ การออกแบบฉลากจะต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไขหลายอย่าง นักออกแบบจะสร้างลักษณ์ ของตัวสินค้าให้เกิดความน่าเชื่อถือ ความสวยงาม โดยการออกแบบกราฟิกบนตัวฉลากสินค้าที่สอดคล้องกับ ลักษณะของบรรจุภัณฑ์ ฉลากสินค้าบางอย่างมีเพียงเฉพาะข้อความเท่านั้น บางอย่างมีรูปภาพประกอบอย่าง สวยงาม
ภาพที่ 8.10 ลักษณะของฉลากสินค้าในรูปแบบต่าง ๆ (ที่มา : https://qrgo.page.link/qJZNz) 8.2.2 การออกแบบกราฟิกเพื่อนำไปใช้สื่อดิจิทัล การออกแบบกราฟิกเพื่อนำไปใช้สื่อดิจิตอล หมายถึงการออกแบบสื่อที่มีการนำเอาข้อความกราฟิก ภาพเคลื่อนไหวเสียง และ วิดีโอ เป็นต้น โดยใช้เทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ในการจัดการรูปภาพโดยการ สร้าง ตกแต่งแก้ไข และนำเสนอภาพกราฟิกผ่านหน้าจอ เข้ามาช่วยให้ข้อมูลที่เป็นสื่อต่างๆ มาแปลงสภาพและ เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน เพื่อสื่อสารทางออนไลน์ สามารถจัดหมวดหมูได้ดังนี้ 1. งานออกแบบเว็บไซต์
งานออกแบบเว็บไซต์ (Website Design) เป็นงานออกแบบกราฟิกอีกสาขาหนึ่งที่ได้รับความนิยม แพร่หลายมากในปัจจุบัน นักออกแบบเว็บไซต์ที่ดีมักจะทำงานด้วยการนำองค์ประกอบต่าง ๆมาผสมผสานให้ เกิดความสวยงามและก่อเกิดประโยชน์ในการใช้งานอย่างลงตัว เว็บไซต์ หมายถึง หน้าเว็บเพจหลายหน้า ซึ่งเชื่อมโยงกันผ่านทางไฮเปอร์ลิงก์ ส่วนใหญ่จัดทำขึ้นเพื่อ นำเสนอข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ โดยถูกจัดเก็บไว้ในเวิลด์ไวด์เว็บ หน้าแรกของเว็บไซต์ที่เก็บไว้ที่ชื่อหลักจะ เรียกว่า โฮมเพจ (1) โฮมเพจ (Home Page) คือ หน้าแรกหรือหน้าหลักที่เราจะเปิดเข้ามาเจอ โดยหน้าเว็บนี้จะต้อง ออกแบบให้ผู้ชมรับรู้ภาพทั้งหมดของเนื้อหาภายในว่าเกี่ยวกับอะไร เป็นเหมือนประดูทางเข้าเพื่อผ่านไปยัง หน้าเว็บทั้งหมดที่มีภายในเว็บนั้น ๆ และเมื่อรวมหน้าโฮมเพจและเว็บเพจ เข้าด้วยกันจะเรียกว่า เว็บไซต์ (Web Site) ภาพที่ 8.11 งานออกแบบเว็บไซต์ (ที่มา : https://argo.page.link/qJZNz) ในหน้าโฮมเพจของเว็บไซต์จะประกอบไปด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้ (ก) โลโก้ (l0go) คือ สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถจดจำเว็บไซต์ของเราได้นอกจากนี้ โลโก้ยัง ช่วยให้เว็บไซต์ของเราดูมีเอกลักษณ์อีกด้วย (ข) เมนูหลัก (link menu) เป็นจุดที่เชื่อมโยงข้อมูลที่สำคัญ ซึ่งรวบรวมไว้ในรูปแบบของปุ่มเมนูหรือ ข้อความที่ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์สามารถรับรู้เรื่องราวที่น่าสนใจของเว็บไซต์ได้ควรมีข่าวใหม่ ๆ และเนื้อหาใหม่ ๆ มานำเสนอ