The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Best Practice สื่อสารเชิงบวก ปี 63

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ksnklongkachan.y63, 2022-05-16 12:22:42

Best Practice สื่อสารเชิงบวก ปี 63

Best Practice สื่อสารเชิงบวก ปี 63

Best Practice

การใชก้ ารสื่อสารเชงิ บวกแก้ปัญหาผูเ้ รยี น
ไมม่ าเรียนอย่างตอ่ เนอ่ื ง

โดย

นางสาวศิรเิ พ็ญ ฟพู งษ์
ครู กศน.ตำบล

กศน.ตำบลคลองคะเชนทร์

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย
อำเภอเมอื งพิจิตร

Best Practice
การใช้การสื่อสารเชิงบวกแกป้ ญั หาผู้เรยี นไมม่ าเรยี นอย่างต่อเนือ่ ง

1.ชื่อโครงการ/กจิ กรรม : การใช้การส่อื สารเชิงบวกแก้ปัญหาผเู้ รียนไมม่ าเรยี นอยา่ งต่อเนอ่ื ง
2.จุดเดน่ /เหตผุ ล/ความสำเรจ็ /ผลปรากฏของเร่ือง

จากการสังเกตพฤติกรรมการมาพบกลุ่มและทำกิจกรรมของผู้เรียน กศน.ตำบลคลองคะเชนทร์ ในช่วง
ต้นๆของการเปิดภาคเรียน พบว่า ผู้เรียน กศน.ตำบลคลองคะเชนทร์ มาพบกลุ่มและทำกิจกรรมอย่างไม่ต่อเน่ือง
เท่าที่ควร ทำให้มีการเรียนรู้ท่ีไม่ต่อเน่ือง ซ่ึงมีสาเหตุมาจากหลายๆปัจจัยด้วย ซ่ึงจากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้เรียน
แล้ว ทำให้สามารถแบ่งกลุ่มผู้เรียนออกไดเ้ ป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆคือ กล่มุ ผูม้ ีงานประจำทำ,กลุ่มผูป้ ระกอบอาชีพรับจ้าง
ทั่วไปเป็นคร้ังคราว/งานพาร์ทไทม์ และกลุ่มผู้ที่ไม่ได้ประกอบอาชีพ(อยู่บ้านเฉยๆ) ซ่ึงในแต่ละกลุ่ม จะมีการดูแล
ช่วยเหลือผู้เรียนท่ีแตกต่างกันออกไป ในกลุ่มผู้เรียนที่ไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆเลยน้ัน มีอยู่จำนวนทั้งสิ้น 18 คน
ซึ่งก็พบว่า มีความแตกต่างในระดับผลความรู้หนังสือมาก บางคนออกมาจากในระบบ ซง่ึ มีพื้นฐานในความรู้แน่น
บางคนมาจากเด็กที่ไม่รอู้ ะไรเลย มีพื้นฐานความรทู้ ่ีอ่อน ทำให้เกิดความแตกต่างท่ีวา่ ผู้ที่มีความรูแ้ น่นนน้ั จะเบ่ือ
ท่ีจะมาพบกลุ่มและเรียนนำคนอ่ืน ส่วนผู้ท่ีมีความรู้อ่อนก็เกิดความเขินอายในเร่ืองท่ีตัวเองไม่รู้จนส่งผลให้มีการ
พบกลุ่มและทำกจิ กรรมอย่างไมต่ ่อเน่ือง

การสนทนาเชิงบวก (Positive conversation) หมายถึง การพูดคุยโดยใช้คำพูดท่ีดีและสร้างสรรค์ ซึ่งมี
ผลตอ่ การเสรมิ สร้างความสมั พันธท์ ีด่ ใี หก้ ับผทู้ เี่ ราส่อื สารด้วย การใชค้ ำพูดในเชงิ บวกช่วยสร้างสรรค์สิง่ ทด่ี ีงามให้ซึ่ง
กันและกัน ทำให้คู่สนทนารู้สึกประทับใจ เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความรู้สึกมั่นใจ และไว้วางใจต่อกัน
ได้ โดยเฉพาะการใช้คำพูดในเชิงบวกของครู พ่อแม่ ผู้ปกครองหรือผู้เลี้ยงดูเด็ก ย่อมมีผลกระทบโดยตรงต่อเด็ก
ทงั้ ทางตรงและทางอ้อม ซ่ึงตรงข้ามกับการสนทนาเชิงลบ ซ่ึงเมื่อพูดแลว้ จะไปทำลายความรสู้ ึกหรือบ่นั ทอนสภาพ
จิตใจของเด็ก ทำให้เด็กขาดความเชอื่ มั่น หรือเกิดภาวะความเครยี ดข้ึนในจิตใจ ความรสู้ ึกว่าได้รบั ความบาดเจ็บใน
ส่วนลึกของจิตใจ ไปสกัดกั้นการเจริญงอกงามทาง ด้านการคิดและสติปัญญา ที่ส่งผลต่อพัฒนาการโดยรวมของ
ผู้เรียน ให้ผู้เรียนเกิดการเห็นคุณค่าในตัวเองและการมาเรียนหนังสือ เวลาฟังให้ฟังอย่างมีสติ คิดบวก พูดบวก
ถามไถ่ และใช้ภาษากายบ้าง กจ็ ะทำให้ทุกความสัมพันธ์เดินหนา้ ตอ่ ไปได้ดี

ซึ่งการนำการส่ือสารเชิงบวกมาใช้ในครั้งนี้มุ่งหวังเพื่อให้ผู้เรียนเกิดสัมพันธภาพท่ีดีในหมู่เพ่ือน และครู
เกิดความรู้สึกอันดีในการมาพบกลุ่ม ด้วยการใช้การสื่อสารเชิงบวกกับผู้เรียน ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการยอมรับ ให้
ความรว่ มมือรวมถงึ การมาพบกล่มุ และทำกจิ กรรมอย่างต่อเนื่อง

ภาพบัญชลี งเวลาผ้เู รยี นในช่วงสปั ดาหแ์ รกๆ ทผ่ี เู้ รยี นมาพบกลุ่มไม่ตอ่ เน่ือง

โดยมีขั้นตอนเริ่มจากการสังเกตผู้เรียนและวิเคราะห์ผู้เรียนแต่ละบุคคล เพ่ือให้รับทราบพฤติกรรมของ
ผู้เรียนและปัญหาของผู้เรียนแต่ละคนว่าเกิดขึน้ จากอะไรบ้าง จากน้ันจงึ เร่มิ ศกึ ษาการใช้การสอ่ื สารเชิงบวกและนำ
วิธีการสื่อสารเชิงบวกมาใช้กบั ผู้เรียน รวมถงึ การออกแบบการเรยี นการสอนท่ีเหมาะสมกับวัยของผู้เรยี น ให้ผู้เรยี น
เกดิ ความสขุ ในการเรยี นรู้ ทำให้ผเู้ รียนอยากมาพบกลุ่มอยา่ งต่อเน่ือง

ภาพการมาพบกลมุ่ ของผู้เรยี น ทสี่ นกุ สนานกบั การมาเรยี นในแตล่ ะครั้ง

ภาพบัญชลี งเวลาผูเ้ รยี นหลังจากการใช้การสอ่ื สารเชงิ บวกแกป้ ญั หาผเู้ รยี น
3.วิธกี ารดำเนนิ การ

• สงั เกตุการมาพบกลุม่ ของผ้เู รยี น
• สงั เกตุการเขา้ กล่มุ กับเพอื่ น
สงั เกตพุ ฤตกิ รรมผ้เู รียน • พดู คยุ กบั ผู้เรยี น

• วธิ กี ารสื่อสารเชงิ บวก(วธิ กี ารพูด/การแสดงออกทางพฤติกรรม)

• การสร้างความเปน็ มติ ร ใหค้ วามรสู้ กึ เป็นพวกเดยี วกัน
ศึกษาวธิ ีการสอ่ื สารเชิง

บวก

ใช้การสื่อสารเชิงบวก • สรา้ งขอ้ ตกลงร่วมกันของหอ้ งเรียน โดยผู้เรียนเป็นผ้กู าหนดเอง
กับผู้เรียน • การใช้ ไอแมสเสรจสื่อสารกบั ผเู้ รยี น
• การสื่อสารใหผ้ เู้ รียนเหน็ ความสาคญั ของการมาเรียน
• การใช้เพอื่ นชว่ ยเพอ่ื น

ผลได้รับจากการดำเนินงาน : จากการศึกษาในครั้งนี้ พบว่าการนำวิธีการส่ือสารเชิงบวก มาใช้กับผู้เรียน ท้ังใน
ระดบั ผเู้ รยี นกับครู และในระดบั ผู้เรียนกับผู้เรียนเองน้ัน ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดสัมพันธภาพที่ดตี ่อกนั มคี วามเป็นมิตร
มีความเป็นพวกพ้องต่อกัน และมีสัมพันธภาพท่ีดีกับครู กล้าพูดกล้าแสดงออก ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงาน
กับครูดีขึ้น รวมถึงการมาพบกลุ่มท่ีผู้เรียนมาพบกลุ่มอย่างต่อเน่ืองและมาก่อนเวลามากข้ึน โดยสรุปได้เป็นข้อๆ
ดังน้ี

1.การใช้การสอ่ื สารเชงิ บวก ชว่ ยใหผ้ ูเ้ รียน เกิดสัมพนั ธภาพทดี่ ีต่อกนั ทั้งระหวา่ งครูกบั ผู้เรียนและ
ผเู้ รยี นกับผูเ้ รยี น

2.การใช้การส่ือสารเชิงบวก ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นใหค้ วามรว่ มมือกับครไู ด้ดมี ากขน้ึ เพราะเกิดความรสู้ กึ เช่อื ใจ
3.การใช้การส่อื สารเชงิ บวกทาให้ครไู ดร้ จู้ กั ผู้เรยี นมากยิ่งขึน้

4.ปจั จัยปอ้ น (ทที่ ำใหส้ ามารถดำเนนิ การตามข้อ 3 ได้)
การรูจ้ ักผู้เรียนและวิเคราะหผ์ เู้ รียน

5.เงอ่ื นไข/ปัจจัยที่สง่ ผลตอ่ ความสำเรจ็
ความเอาใจใสผ่ เู้ รียน การรบั สงั เกตและรบั ฟงั ผูเ้ รยี นอยา่ งตงั้ ใจ ผา่ นกระบวนการการสอ่ื สารเชิงบวก

6.ปัญหา อุปสรรค หรอื ข้อจำกัดท่ีเกดิ ขน้ึ ในการปฏบิ ัตงิ าน
-ผู้เรียน กศน.น้ัน มีความหลากหลายและมีความแตกต่างกันในหลายๆด้าน ทั้งสภาพแวดล้อมความ

เป็นอยู่ และระดับความรู้หนังสือ ซึ่งจะเป็นเรื่องดีอย่างมาก หากครูได้รู้จักผู้เรียน เข้าใจผู้เรียนผ่านการวิเคราะห์
ผู้เรียน และคิดหากระบวนการวิธีต่างๆ เพ่ือให้เข้าใจผู้เรียนให้ได้มากที่สุด ซ่ึงการสื่อสารเชิงบวกน้ี เป็นหนทาง
หนึ่งที่จะช่วยให้ครูและผู้เรียนเกิดสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน ทำให้ครูเข้าใจในตัวผู้เรียน นำผลสู่การวางแผนการจัด
กระบวนการเรียนการสอนทเี่ หมาะสมกับผูเ้ รียนต่อไปได้

7.ขอ้ เสนอแนะวิธปี ฏบิ ตั จิ รงิ ที่จะทำใหด้ ยี ง่ิ ข้ึน
-ควรมีการรว่ มมือกันระหว่างครูและผู้ปกครองในการดูแลผู้เรียน ด้วยการใช้การส่ือสารเชิงบวกในเวลาที่

ผเู้ รียนอยทู่ บ่ี า้ น

ภาคผนวก

การสอื่ สารทางบวกกับ วัยรุ่น (Positive Communication with Teenager)

การส่อื สารทางบวก (positive communication) เปน็ รปู แบบและเทคนคิ การสอ่ื สารเชิงสร้างสรรค์ สรา้ ง
ความรูส้ ึก ความสัมพันธ์ทดี่ ี เกิดความเข้าใจ จูงใจให้ร่วมมือ ยอมรบั และเกดิ การเปลยี่ นแปลงพฤติกรรม เหมาะ
สำหรับผทู้ ีต่ ้องสอ่ื สารกับวยั รนุ่ ซง่ึ มักมีปัญหาในการพูดคยุ สอน ตักเตือน และปรบั เปล่ียนพฤติกรรม เทคนิค
ต่อไปนี้ พอ่ แม่ ครูอาจารย์ และผปู้ ฏิบัตงิ านกบั วัยรนุ่ สามารถนำไปใช้เพมิ่ ประสิทธภิ าพการสอ่ื สารกับวยั รนุ่

1. มที ศั นคติทีด่ ีกบั วยั รุ่น (Good Attitudes)
2. จัดส่ิงแวดล้อมใหด้ ี
3. ทักทาย (Greeting)
4. เริ่มต้นจากข้อดขี องวัยรนุ่ (Beginning with Positive Aspects)
5. สำรวจลงไปในปญั หา
6. ฟงั อย่างต้ังใจ (Active listening)
7. หลกี เลย่ี งการใช้คำถามที่ข้ึนต้นวา่ “ทำไม”
8. ใช้คำพดู ที่ข้นึ ตน้ “ฉนั ......” มากกว่า “เธอ.............” ( I - YOU Message)
9. กระตนุ้ ใหบ้ อกความคดิ ความรสู้ กึ ความต้องการ
10. ถามความร้สู ึก สะท้อนความรสู้ ึก
11. ถามความคดิ และสะท้อนความคิด
12. การกระตุ้นให้เล่าเร่อื ง (Facilitation)
13. ใช้ภาษากาย
14. แสดงทา่ ทีเปน็ กลางต่อพฤตกิ รรมเสย่ี งวัยรนุ่
15. ชมบนหลังคา ด่าทีใ่ ต้ถุน
16. ตำหนทิ พี่ ฤตกิ รรม มากกว่า ตวั บคุ คล
17. กระตุ้นให้คดิ ดว้ ยตนเอง
18. ประคบั ประคองอารมณ์ (Emotional Support)
19. คาดหวงั ดา้ นบวก
20. สรุปและยุตกิ ารสนทนา

กรณตี ัวอยา่ งการใชก้ ารสอ่ื สารเชงิ บวก
กรณี นายกววี ธั น์ อัดฮาด ผเู้ รียน กศน.ตำบลคลองคะเชนทร์ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้

ระหว่างการอยคู่ ่ายพกั แรมในคนื ท่ี 2 ณ วดั พร้าว อำเภอโพทะเล จงั หวดั พจิ ิตร นายกวีวัธน์ เดินเข้ามา
พดู กับครู พร้อมนำ้ ตา

นายกววี ัธน์ : ผมอย่(ู ค่าย)ไมไ่ ดผ้ มอยากกลับแลว้ ผมจะโทรให้พผ่ี มมารบั
ครู : เกดิ อะไรข้นึ มีปญั หาอะไรทบี่ า้ นหรอื เปล่า?
นายกวีวัธน์ : (เงียบ)..........
ครู : หรือมปี ัญหาอะไรกบั เพ่ือนๆท่นี ีเ่ ล่าให้ครฟู ังได้ไหม?
นายกวีวัธน์ : ไมม่ คี รบั ……..แตผ่ มไม่อยากอยู่
ครู : อืม…...มันนา่ จะมีเหตผุ ลของการไมอ่ ยากอยู่นะ เล่าให้ครูฟังได้นะ
นายกววี ัธน์ : ผมไมเ่ คยออกจากบ้านมานอนคนเดียว
ครู : แลว้ เมื่อคืนนอนหลบั สบายไหม?
นายกววี ัธน์ : ครับ
ครู : อีกแค่นิดเดียวก็จะจบกิจกรรมแล้ว ผ่านมาได้ตั้งคนื นงึ และก็อีกแคค่ นื เดียวก็จะผ่านกจิ กรรมไปได้
เราจะทำไม่ไดเ้ ลยหรอ แล้วจะกลับก่อนอย่างน้ี ครูเป็นหว่ งนะ เพราะเวลาตอนขออนุญาตผู้ปกครองออกมา
บอกวา่ มากับครู แตเ่ วลากลบั จะให้คนอน่ื มารบั กลับออกไปกลางดึกอย่างนี้ จะเปน็ ยังไง จะถึงบ้านมัย๊ ทางก็ไกล
ผู้ปกครองจะว่าครูเอาได้ อดทนอีกนิดนึงเรากลบั พร้อมกนั ได้ม๊ัย? เนอ๊ ะ
นายกววี ัธน์ : ครับครู
ระหว่างชว่ งกิจกรรมที่เหลือในอกี วันครึ่ง ครูคอยสังเกต และให้เพื่อนช่วยดูแลกนั ดึงใหท้ ำกิจกรรมด้วยกนั
และชว่ งสายไดเ้ ข้าไปสอบถามว่าไหวม๊ัย? คำตอบทีไ่ ดค้ ือ สบายมากครบั

***หมายเหตุ : การสอ่ื สารเชิงบวกทีใ่ ช้คือ การมีทศั นคตทิ ่ีดกี บั วัยรนุ่ การใช้ประโยคสื่อสารทส่ี ะท้อนถึงความรู้สกึ
ของตวั ครูคือความหว่ งใยในตัวผเู้ รียน การใชค้ ำพดู ใหผ้ ู้เรียนได้เหน็ คณุ คา่ ของตวั เองที่ว่าสามารถอย่รู ว่ มกจิ กรรม
มาได้ 1 คนื แลว้ เปน็ ต้น

กรณีตวั อย่างการใชก้ ารสอ่ื สารเชิงบวก

กรณี นายจตุพล บตุ รพรม ผู้เรยี น กศน.ตำบลคลองคะเชนทร์ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
นายจตุพล เปน็ ผเู้ รยี นที่มีความสามารถพเิ ศษ ในการเลน่ ฟุตบอล และเปน็ ผู้เรียนท่เี คยเรียนกับ กศน.ใน

เขตกรุงเทพฯ เป็นตัวแทนของ กศน.ในการแข่งขนั ฟุตบอลในเขตกทม.ทกุ คร้งั และมคี วามช่นื ชอบในการเลน่
ฟุตบอลเปน็ อย่างมาก ในเหตุการณ์นี้ จะมีการแข่งขันฟุตบอลระดบั จังหวดั จึงมีการคดั ตวั นกั ฟุตบอลในระดับ
อำเภอ

นายจตพุ ล : ครคู รบั เร่อื งเตะบอลผมว่าจะไม่เตะ ผมกลัวมีเดก็ เสน้ ครบั พวกผมรกั การเตะบอลมากซ้อม
กบั ทุกวนั เลยกลัวผดิ หวังครับ

ครู : ครเู ขา้ ใจนะครับ แตถ่ ้าเราไม่ลอง เรากไ็ มร่ ูผ้ ลเนาะ
นายจตุพล ยอมไปคัดตวั ฟุตบอล และในวันคดั ตวั นายจตพุ ลไมเ่ ข้ารอบจงึ ทำให้เกิดความรูส้ กึ ผดิ หวังมาก
และได้พดู คุยกับครู
นายจตุพล : ผมขอโทษนะครับครูผมไม่ได้เขา้ ครบั ผมก็ไมเ่ ข้าใจวา่ ทำไมผมไม่ไดต้ อนผมอย่ทู ่กี รงุ เทพฯ
ใครๆกร็ วู้ ่าผมเป็นมอื 1 เลยนะครบั
ครู : ไม่เป็นไรครบั ครูไมซ่ ีเรยี สอะไรเลยนะ
นายจตุพล : ครบั (น้ำเสยี งชดั เจนวา่ ผดิ หวงั )
ครู : ครูเองไม่ค่อยรูจ้ ักกีฬาฟุตบอลหรอกนะ ไหนลองเลา่ ใหค้ รูฟงั หน่อยได้ไหม ว่าจะเล่นฟุตบอลอะไรท่ี
เปน็ ปจั จยั สำคัญของการเล่นฟตุ บอล
นายจตพุ ล : ก็ตอ้ งซ้อมบ่อยๆครบั แล้วก็ต้องรจู้ กั ทางบอลรู้จักว่าเพื่อนจะสง่ บอลยังไงครับ
ครู : ออ๋ ๆ…...ถ้าจะให้พดู แบบหยาบก็คือเหมือนกับว่าเราต้องร้มู ือรู้ตีนกนั ใช่ไหม
นายจตพุ ล : ใช่ๆๆครับครู ผมไม่คอ่ ยได้บอลเลย เพือ่ นอาจจะยังไมไ่ วใ้ จในการสง่ บอลใหผ้ ม
ครู : อาจจะเป็นเพราะว่าเราเป็นผเู้ รยี นใหมใ่ นพน้ื ที่ เลยอาจจะยังทำให้เพ่ือนยังไม่รู้มือรู้เท้าเรา ว่าเป็น
ยังไง เลยไม่ค่อยส่งวนสง่ บอลให้เราใช่ไหม จากท่ีครูเหน็ นะ
นายจตพุ ล : ครบั
ครู : การท่ตี ้อม(นายจตุพล) ไมไ่ ดเ้ ขา้ รอบไมไ่ ด้หมายความว่า ตอ้ มเลน่ ไมเ่ กง่ นะ เพราะต้อมบอกเองใช่
ไหม วา่ การเล่นฟุตบอลจะต้องซ้อมบ่อยๆ การซ้อมเพ่อื ให้เกิดการรมู้ ือรเู้ ท้าของเพื่อนผ้เู ล่นในทมี การที่ต้อมไม่ได้
เข้ารอบอาจจะหมายถงึ ว่า เราเปน็ ผูเ้ รยี นใหมย่ ังไม่รจู้ กั เพอื่ น เพ่ือนยังไม่รู้จกั ต้อม มนั เลยทำใหก้ ารส่งบอลหา
ต้อมเน่ยี มีน้อย เพราะเพื่อนยังไมร่ มู้ ือรเู้ ทา้ ต้อม ใช่ไหม?
นายจตุพล : ครบั ครู
ครู : เนาะๆ เพราะฉะนั้นอยา่ ท้อในการเล่นบอลนะครับ
นายจตุพล : ครบั ครู

***หมายเหตุ : การสื่อสารเชิงบวกทใ่ี ชค้ ือ การมีทศั นคตทิ ่ีดีกบั วยั รนุ่ การใช้ประโยคส่ือสารทก่ี ระตนุ้ ใหผ้ ้เู รยี นบอก
ความคดิ ความรสู้ ึก ไดส้ ำรวจลงไปในปัญหาท่ีเกิดขึ้น และครูตอ้ งฟังอยา่ งต้งั ใจ (Active listening) เป็นต้น


Click to View FlipBook Version