โรงเรียนนครสวรรค์ สำ นักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์ สำ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนนครสวรรค์ สำ นักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์ สำ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ แผนป้ป้ ป้ป้ องกักักักัน ปีปีปีปี การศึศึ ศึศึกษา 2566 และระงังังังั บเหตุตุ ตุตุ อัอัอัอั คคีคีคีคีภัภัภัภั ย ในสถานศึศึศึศึกษา
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 1 คำนำ แผนป้องกันและระงับอัคคีภัยของโรงเรียนนครสวรรค์พ.ศ.2566 ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการป้องกัน และระงับเหตุอัคคีภัยที่เกิดขึ้นในบริเวณโรงเรียน โดยมีการกำหนดบทบาทหน้าที่เจ้าหน้าที่ของ โรงเรียน นครสวรรค์โดยการปฏิบัติตามแผนดังกล่าว แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ การปฏิบัติก่อนเกิดอัคคีภัย เป็นการ ดำเนินการต่าง ๆ เพื่อป้องกันและเตรียมการเผชิญเหตุการณ์อัคคีภัยไว้ล่วงหน้า โดย กำหนดให้มีการตรวจตรา ระบบความปลอดภัยการฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัย การฝึกซ้อมแผนป้องกันและ ระงับอัคคีภัย การรณรงค์ป้องกันอัคคีภัย การเตรียมความพร้อมสำหรับการ อพยพและการเตรียมความพร้อม เพื่อสนับสนุนการดับเพลิง การปฏิบัติระหว่างเกิดอัคคีภัย เป็นการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้การปฏิบัติเมื่อเกิด อัคคีภัยเป็นไปอย่างมีระบบ มีการกำหนดแนวปฏิบัติอย่าง ชัดเจน การปฏิบัติหลังเกิดอัคคีภัย เป็นการ ดำเนินการเพื่อบรรเทาทุกข์ผู้ได้รับผลกระทบจากอัคคีภัย ให้สามารถกลับมาดำรงชีวิตได้ตามสภาพปกติโดยเร็ว ที่สุด ทั้งนี้หากเจ้าหน้าที่และนักเรียนได้ถือปฏิบัติตามแผนป้องกันและระงับอัคคีภัยฉบับนี้อย่าง เคร่งครัด จะสามารถป้องกันการสูญเสียอันจะเกิดแก่ชีวิตและทรัพย์สินของโรงเรียน นักเรียน เป็นอย่างมาก โรงเรียนนครสวรรค์
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 2 สารบัญ เรื่อง หน้า ข้อมูลทั่วไป 3 แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย 7 มาตรการป้องกันและระงับอัคคีภัย 8 - วัตถุประสงค์ 8 แผนป้องกันอัคคีภัย 10 - หน้าที่ฝ่ายบริหาร 10 - หน้าที่ของบุคลากรเกี่ยวกับการป้องกันอัคคีภัย 11 - หน้าที่เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย 13 - หน้าที่ยามรักษาการณ์ 13 แผนป้องกันและระงับอัคคีภัยในสถานศึกษา 14 แผนการอบรม 15 แผนการรณรงค์ป้องกันอัคคีภัย 16 แผนการแผนการตรวจตรา 18 - แผนผังขั้นตอนการปฏิบัติงานตามแผนตรวจตรา 20 แผนระงับอัคคีภัย 21 - แผนผังขั้นตอนการปฏิบัติการเมื่อเกิดเพลิงไหม้ 22 - การกำหนดตัวบุคคลและหน้าที่เพื่อระงับเหตุเพลิงไหม้ขั้นต้น 23 - โครงสร้างหน่วยงานป้องกันระงับอัคคีภัยเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ขั้นรุนแรง 24 - การกำหนดหน้าที่ของผู้ปฏิบัติงานตามโครงสร้าง 25 - ผู้รับผิดชอบในตำแหน่งต่าง ๆ ตามแผนปฏิบัติการ 27 แผนอพยพหนีไฟ 28 การเข้าสู่แผนอพยพหนีไฟ 29 แผนบรรเทาทุกข์ 30 แผนปฏิรูปและฟื้นฟู 32 ภาคผนวก
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 3 ข้อมูลทั่วไป ชื่อ โรงเรียนนครสวรรค์ ที่ตั้ง เลขที่ 173 ถนนมาตุลี ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสวรรค์จังหวัดนครสวรรค์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์ โทร 0-5622-1151 โทรสาร 0-5623-1812 e-mail [email protected] website www.nssc.ac.th/ เปิดสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เนื้อที่ 38 ไร่ 2 งาน 78 ตารางวา เขตพื้นที่บริการ ในเขตเทศบาลนครสวรรค์ ยกเว้นฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 4 ประวัติโรงเรียนนครสวรรค์ โรงเรียนนครสวรรค์ ก่อตั้งโดยพระครูธรรมฐิติวงศ์ เจ้าอาวาสวัดโพธาราม จังหวัดนครสวรรค์ แต่เดิม มีชื่อว่า “โรงเรียนธรรมฐิติวงศ์วิทยา” ใช้ศาลาการเปรียญเป็นสถานที่เรียน มีนักเรียนจำนวน 23 คน ต่อมา ในปี พ.ศ 2456 ทางราชการได้อนุมัติงบประมาณสร้างอาคารเรียนใหม่ แยกออกจากศาลาการเปรียญเป็น โรงเรียนเอกเทศ เมื่อสร้างอาคารเรียนเสร็จเปิดทำการสอนได้เพียง 9 เดือน เพลิงไหม้อาคารเรียนเสียหาย อย่างหนัก กระทรวงธรรมการจึงได้อนุมัติงบประมาณ จำนวน 3,000บาท และได้ย้ายสถานที่จากวัดโพธาราม มาอยู่ที่โรงเรียนใหม่บริเวณวัดหัวเมือง (ปัจจุบัน คือวัดนครสวรรค์) จัดการเรียนการสอนจนถึงระดับชั้น มัธยมศึกษาตอนต้น ปีพ.ศ. 2501 กระทรวงศึกษาธิการอนุมัติให้ ทำการสอนในระดับชั้นเตรียมอุดมศึกษาจึง เปลี่ยนชื่อ เป็น “โรงเรียนนครสวรรค์” แล้วย้ายสถานที่ตั้งโรงเรียนมาอยู่ ในบริเวณป่าสักเชิงเขากบอันเป็นสถานที่ตั้ง ของ โรงเรียนในปัจจุบัน บริเวณนครสวรรค์ ป่าสัก เชิงเขากบนี้ เดิมเป็นที่ดินของราชพัสดุเต็มไปด้วยต้นสัก ที่อุดมสมบูรณ์ มีประชาชน ปลูกที่อยู่อาศัยกันเพื่อหาของป่า พระยา อรรถกวีสุนทร ซึ่งดำรงตำแหน่ง สมุหเทศาภิบาลในขณะนั้น พร้อมด้วยขุนวิวรณ์สุขวิทยา และอาจารย์เกษม พุ่มพวง ได้ร่วมกันจับจองไว้ เพื่อจะใช้เป็นสถานที่สร้างโรงเรียนเกษตรกรรมแห่งใหม่ (เดิม อยู่ที่สถาบันราชภัฏนครสวรรค์ปัจจุบันนี้) แต่การสร้างโรงเรียนต้องระงับลงเนื่องจาก พระยาอรรถกวีสุนทรย้ายไปเนื่องจาก มีการยุบมณฑลนครสวรรค์ อย่างไรก็ตามยังถือว่าบริเวณป่าสักเป็นของกระทรวงศึกษาธิการอยู่ ในวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2479 จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย หลวงบูรกรรมโกวิทย์ ได้ มาราชการที่จังหวัดนครสวรรค์ ขุนวิวรณ์สุขวิทยา จึงได้พูดปรารภกับจอมพล ป. พิบูลสงครามว่า โรงเรียนนครสวรรค์ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณวัดหัวเมืองมีพื้นที่ คับแคบมาก ต้อง การย้ายมาอยู่ ในบริเวณป่าสักเชิงเขากบ และได้รับการเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ขุนวิวรณ์สุขวิทยา จึงได้นำเรื่อง เสนอ ม.ล.ปิ่น มาลากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อ ของบประมาณก่อสร้าง ได้รับงบประมาณ จำนวน 4 ล้านบาท ยังไม่ทันดำเนินการก็เกิดการปฏิวัติ ภายหลังขุนวิวรณ์สุขวิทยา นายอวยชัย ธนศรี ซึ่งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพร้อมด้วยนายโชติ สุวรรณชิน ครู ใหญ่โรงเรียนนครสวรรค์ในขณะนั้น ได้ริเริ่ม ดำเนินการสร้างต่อ แต่เนื่องจากเทศบาลเมืองนครสวรรค์ ประสงค์จะใช้ที่บริเวณนี้ก่อสร้างสวนสาธารณะ
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 5 ผู้ริเริ่มก่อสร้างโรงเรียน จึงประสานงานขอความร่วมมือจากศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน ผู้ปกครอง และประชาชน เรียกร้องด้วยการเขียนข้อความ และเดินขบวนอย่างสงบในตลาดปากน้ำโพ ขอ ใช้บริเวณป่าสักเป็นสถานที่ ก่อสร้างโรงเรียน จนในที่สุดได้รับการ อนุญาตจากทางราชการการก่อสร้างโรงเรียนครั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ ได้อนุมัติงบประมาณสร้างรั้วและบ้านพักครู จำนวน 2 หลัง เป็นเงิน 100,000 บาท ต่อมาในปี พ.ศ. 2505 จึงอนุมัติงบประมาณ 800,000 บาท สร้างอาคารไม้ 2 ชั้น จังหวัดและกรรม การศึกษาพร้อมด้วยพ่อค้าประชาชน เห็นว่าควรสร้างอาคารเป็น ตึก จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการ โดยมี นายสวัสดิวงศ์ ปฏิทัศน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานกกรมการ ร่วมกับอาจารย์โชติ สุวรรณชิน และผู้ใหญ่อีกหลายคน ได้ จัดหาเงินงบประมาณในการก่อสร้างจากผู้มีจิตศรัทธา ได้เงินจำนวน 600,000.00 บาท สมทบกับงบประมาณที่ได้รับก่อสร้างอาคารเรียนหลังแรกโดยทำพิธีวางศิลาฤกษ์ ในวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2504 โดย มี ม.ล.ปิ่น มาลากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ โรงเรียนนครสวรรค์ในพื้นที่ใหม่และเป็นที่ตั้งของโรงเรียนในปัจจุบัน คือ เลขที่ 173 ถนนมาตุลี อำเภอเมือง นครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ พื้นที่ทั้งหมด 38 ไร่ 2 งาน 78 ตารางวา มีอาจารย์โชติ สุวรรณชิน เป็น ผู้บริหารโรงเรียนคนแรก และได้พัฒนามาเป็นลำดับ จน กระทั่งในปี พ.ศ. 2511 ได้เข้าโครงการโรงเรียน มัธยมศึกษาแบบประสม(คมส)รุ่นแรก เปิดทำการสอนทั้งวิชาสามัญและสายอาชีพ ให้นักเรียนเลือกเรียนตาม ความสนใจและความสามารถต่อมาในปี พ.ศ. 2521 ได้ใช้หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น พุทธศักราช 2521 และ ในปี พ.ศ. 2524 ได้ใช้หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย พุทธศักราช 2524 เมื่อกระทรวงศึกษาธิการได้ปรับปรุง หลักสูตรใหม่ โรงเรียน ได้รับเลือกให้เป็นโรงเรียนร่วมพัฒนาการใช้หลักสูตรในปี พ.ศ. 2531 โดยเริ่มใช้ หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น พุทธศักราช 2521 ฉบับปรับปรุงพ.ศ. 2533 และหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย พุทธศักราช 2524ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2533 ในปี พ.ศ. 2533 จนถึงปี พ.ศ. 2544 ในปี พ.ศ. 2545 ได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนแกน นำในการจัดทำและใช้หลักสูตรสถานศึกษาตาม หลักสูตรการศึกษาขั้น พื้นฐาน พ.ศ. 2544 นอก จากนั้นในปี พ.ศ. 2536 โรงเรียนได้รับคัดเลือกให้จัดการเรียนการสอน 2 โครงการ คือ โครงการลงทะเบียนเรียนตามเวลาและความสามารถในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ลบส.)โดย นักเรียน สามารถลือกลงทะเบียนเรียนให้จบหลักสูตรก่อน 3 ปี และโครงการส่งเสริมความสามารถด้านคณิตศาสตร์และ วิทยาศาสตร์ในโรงเรียนมัธยม ศึกษาซึ่งกรมสามัญศึกษาคัดเลือกเขตการศึกษาละ 1 โรงเรียน ต่อ มาได้จัดให้มี การเรียนการสอนโครงการดาวรุ่งมุ่งโอลิมปิก ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โดยรับนักเรียนที่มีความสามารถ ตามเกณฑ์เข้าเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในปี พ.ศ 2545 ได้ รับคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนร่วมพัฒนาในการ จัดทำ และใช้หลักสูตรสถานศึกษาตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ของกระทรวงศึกษาธิการ โดย ได้จัดทำหลักสูตรสถานศึกษาตั้งแต่ปีการศึกษา 2545 เป็นต้นมา ในปีการศึกษา 2552 ได้รับคัดเลือกเป็นโรงเรียนแกนนำการใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และในปีการศึกษา 2553 ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ Spirit of ASEAN โดยให้จัดตั้งเป็นศูนย์อาเซียนศึกษาและโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาสู่มาตรฐานสากล
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 6 วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์ กลยุทธ์ โรงเรียนนครสวรรค์ วิสัยทัศน์ “ โรงเรียนนครสวรรค์ก้าวล้ำนำหน้าสู่สากล” Vision: Nakhon Sawan School exceeds the universal standard. พันธกิจ 1. พัฒนานักเรียนสู่ความเป็นเลิศ และมีความสามารถเฉพาะทาง (เหมาะสมตามศักยภาพนักเรียน) 2. ส่งเสริม สนับสนุนกิจกรรมที่ปลูกฝังให้นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะที่พึงประสงค์ และ ทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 บนพื้นฐานของความเป็นไทย 3. พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างมีระบบเทียบเคียงมาตรฐานสากล 4. พัฒนาหลักสูตรและกระบวนการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะกับศักยภาพของนักเรียนเทียบเคียง มาตรฐานสากล 5. พัฒนาระบบการบริหารจัดการของโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้วยระบบคุณภาพตาม มาตรฐานสากล และศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและก้าวสู่ Thailand 4.๐ 6. สร้างและพัฒนาความสัมพันธ์กับเครือข่าย ชุมชน และองค์กรต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา คุณภาพนักเรียนและโรงเรียน เป้าประสงค์: 1. นักเรียนมีความเป็นเลิศทางวิชาการและเป็นเลิศด้านความสามารถเฉพาะทางเทียบเคียง มาตรฐานสากล 2. นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์และทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 บนพื้นฐานของความเป็นไทย 3. ครูและบุคลากรทางการศึกษามีคุณภาพเทียบเคียงมาตรฐานสากล 4. หลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนมีคุณภาพเทียบเคียงมาตรฐานสากล 5. ระบบการบริหารจัดการของโรงเรียนมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามมาตรฐานสากลบนพื้นฐาน การใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืนและก้าวสู่Thailand 4.0 6. เครือข่าย ชุมชน และองค์กรต่างๆมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพนักเรียนและโรงเรียน
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 7 แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย นโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ข้อ 1 ด้านความปลอดภัย ประกอบด้วย 1.1 พัฒนาสถานศึกษาให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยของผู้เรียนทุกคน พร้อม เสริมสร้าง ระบบและกลไกในการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มข้นให้กับผู้เรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา จากโรคภัยต่าง ๆ ภัยพิบัติและภัยคุกคามทุกรูปแบบ จากแนวนโยบายดังกล่าว โรงเรียนนครสวรรค์ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาสถานศึกษา ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยของผู้เรียนทุกคน ได้จัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย ประกอบด้วย การตรวจตรา การอบรม การรณรงค์ป้องกันอัคคีภัย การดับเพลิง การอพยพหนีไฟ การบรรเทาทุกข์ และการปฏิรูปฟื้นฟูองค์ประกอบของแผนดังกล่าวจะดำเนินการในภาวะ ต่างกัน คือ ก่อน เกิดเหตุเพลิงไหม้ ขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้และหลังจากเพลิงสงบแล้ว รายละเอียดแยกได้ดังนี้ 1. ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ซึ่งจะประกอบด้วยแผนป้องกันอัคคีภัยต่าง ๆ 3 แผน คือ แผนการอบรม แผนการรณรงค์ป้องกันอัคคีภัย และแผนการตรวจตา 2. ขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ซึ่งจะประกอบด้วยแผนเกี่ยวกับการดับเพลิง และลดความสูญเสีย โดย ประกอบด้วยแผนต่าง ๆ 3 แผนคือ แผนการดับเพลิง แผนการอพยพหนีไฟ และแผนบรรเทาทุกข์สำหรับแผน บรรเทาทุกข์จะเป็นแผนที่มีการปฏิบัติต่อเนื่องไปจนถึงหลังเหตุเพลิงไหม้สงบลงแล้วด้วย 3. หลังเหตุเพลิงไหม้สงบลงแล้ว จะประกอบด้วยแผนที่จะดำเนินการเมื่อเหตุเพลิงไหม้สงบแล้ว 2 แผน คือ แผนการบรรเทาทุกข์ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องจากภาวะเกิดเหตุเพลิงไหม้ และแผนปฏิรูปฟื้นฟู การจัดทำแผนต่าง ๆ แผนที่เขียนขึ้นนี้ เป็นเพียงแนวทางการจัดทำแผนเท่านั้น ท่านต้องนำไปปรับปรุงเพิ่มเติมให้เหมาะสม กับสถานประกอบการของท่านเป็นหลักสำคัญ และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการป้องกัน และระงับอัคคีภัย หลักการจัดทำแผน ควรประกอบด้วยหลักสำคัญดังนี้ 1. ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาจัดทำแผนประกอบด้วยตัวแทนของฝ่ายต่าง ๆ ในสถานศึกษา 2. ในแผนต้องกำหนดบุคคลรับผิดชอบ และพื้นที่ต้องรับผิดชอบอย่างชัดเจน 3. ภารกิจที่ต้องปฏิบัติในระยะเวลาเดียวกันจะต้องแยกปฏิบัติอย่าให้เป็นบุคคลเดียวกัน 4. หากสถานประกอบการของท่านทำงานเป็นกะต้องกำหนดผู้รับผิดชอบทุกกะอย่างต่อเนื่อง 5. แผนที่ต้องปฏิบัติขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ต้องชัดเจนไม่คลุมเครือเพราะจะเป็นช่วงเวลาที่ ต้องการ ความรวดเร็วในการปฏิบัติและถูกต้องแม่นยำ หลาย ๆ คนอาจจะอยู่ในอาการตกใจ ซึ่งจะมีผลทำให้เกิด พฤติกรรมที่คาดไม่ถึงขึ้นได้ การฝึกซ้อมบ่อย ๆ จะทำให้ผู้ปฏิบัติความมั่นใจและปฏิบัติได้ถูกต้องเมื่อเกิด เหตุการณ์ขึ้น
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 8 มาตรการป้องกันและระงับอัคคีภัย วัตถุประสงค์ 1. เพื่อเป็นการป้องกันการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินจากอัคคีภัย 2. เพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยต่อนักเรียน ครูบุคลากรทางการศึกษา และผู้ปกครอง กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ 3. เพื่อลดอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดเหตุอัคคีภัย 4. เพื่อสร้างทัศนคติที่ดีต่อนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา เพื่อให้ชีวิตและทรัพย์สินทั้งหมดในสถานศึกษามีความปลอดภัยจากอัคคีภัย ควรได้มีการกำหนด มาตรการการป้องกัน และระงับอัคคีภัย ดังนี้ 1. จัดให้มีแนวปฏิบัติป้องกันและระงับอัคคีภัย ทั้งด้านการจัดอุปกรณ์ดับเพลิง การเก็บรักษาวัตถุไวไฟ และวัตถุระเบิด การกำจัดของเสียที่ติดไฟง่าย การป้องกันฟ้าผ่า การติดตั้งระบบสัญญาณแจ้งแหตุ เพลิงไหม้ การจัดทำทางหนีไฟ รวมถึงการก่อสร้างอาคารที่มีระบบป้องกันอัคคีภัย 2. จัดให้มีแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย ทั้งในด้านการตรวจตรา การอบรม การรณรงค์ป้องกัน อัคคีภัยการดับเพลิง การอพยพหนีไฟ การบรรเทาทุกข์ และการปฏิรูปฟื้นฟูเมื่อเกิดอัคคีภัยขึ้นแล้ว 3. จัดให้มีช่องทางผ่านสู่ทางออกตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด 4. สำหรับบริเวณที่มีเครื่องมือ/อุปกรณ์ติดตั้งอยู่ หรือมีกองวัตถุสิ่งของ หรือผนัง หรือสิ่งอื่นนั้นต้องจัด ให้มีช่องทางผ่านสู่ทางออก ซึ่งมีความกว้างตามมาตรฐานกฎหมายกำหนด 5. จัดให้มีทางออกทุกส่วนงาน อย่างน้อยสองทางที่สามารถอพยพพนักงานทั้งหมดออกจากบริเวณที่ ทำงาน โดยออกสู่ทางออกสุดท้ายได้ภายในเวลาไม่เกินห้านาทีอย่างปลอดภัย 6. ทางออกสุดท้าย ซึ่งเป็นทางที่ไปสู่บริเวณที่ปลอดภัย เช่น ถนน สนาม ฯลฯ 7. ประตูที่ใช้ในเส้นทางหนีไฟได้ติดตั้งในจุดที่เห็นชัดเจนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง 8. ประตูที่ใช้ในเส้นทางหนีไฟเป็นชนิดที่เปิดเข้า ออกได้ทั้งนี้ชนิดหนึ่งด้านและสองด้าน 9. ประตูที่ใช้ในเส้นทางหนีไฟเป็นประตูที่เปิดออกภายนอก โดยไม่มีการผูกปิดหรือล่ามโซ่ในขณะ ปฏิบัติงาน 10.จัดวัตถุที่เมื่อรวมกันแล้วจะเกิดการลุกไหม้ โดยแยกเก็บมิให้มีการปะปนกัน 11. จัดให้มีเส้นทางหนีไฟที่ปราศจากจุดที่พนักงานทำงาน ในแต่ละหน่วยงานไปสู่สถานที่ปลอดภัย 12. จัดให้มีอุปกรณ์ดับเพลิงแบบมือถือ และระบบน้ำดับเพลิงพร้อมอุปกรณ์ประกอบ 13. จัดเตรียมน้ำสำรองไว้ใช้ในการดับเพลิง 14. ข้อต่อสายส่งน้ำดับเพลิงเข้าอาคาร และภายในอาคารเป็นแบบเดียวกัน หรือขนาดเท่ากันกับที่ใช้ ในหน่วยดับเพลิงของทางราชการ 15. สายส่งน้ำดับเพลิงมีความยาว หรือต่อกันได้ความยาวที่เพียงพอจะควบคุมบริเวณที่เกิดเพลิงได้
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 9 16. ระบบการส่งน้ำ ที่เก็บกักน้ำ ปั๊มน้ำ และการติดตั้ง ได้รับการตรวจสอบและรับรองจากวิศวกร โยธาและมีการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเมื่อเกิดเพลิงไหม้ 17. จัดให้มีเครื่องดับเพลิงแบบมือถือที่ใช้สารเคมีเพลิงชนิดคาร์บอนไดออกไซด์ หรือฮารอน หรือผง เคมีแห้ง หรือสารเคมีดับเพลิงที่สามารถดับเพลิงประเภท เอ บี ซี และ ดี 18. มีการซ่องบำรุง และตรวจตราให้มีสารเคมีที่ใช้ในการดับเพลิงตามปริมาตรที่กำหนดตามชนิดของ เครื่องดับเพลิงแบบมือถือ 19. จัดให้มีการตรวจสอบสภาพของเครื่องดับเพลิงไม่น้อยกว่าหกเดือนต่อหนึ่งครั้ง 20. จัดให้มีการตรวจสอบการติดตั้งให้อยู่ในสภาพที่ดีอยู่เสมอ 21. จัดติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงในที่เห็นได้ชัดเจน และสามารถหยิบใช้งานได้สะดวกโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง 22. ให้มีการดูแลรักษาอุปกรณ์ดับเพลิง และการตรวจสอบให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดีอย่างน้อยเดือน ละหนึ่งครั้ง หรือตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตอุปกรณ์นั้นกำหนด 23. จัดให้พนักงานเข้ารับการฝึกอบรมการดับเพลิงขั้นต้นจากหน่วยงานที่ทางราชการกำหนดหรือ ยอมรับ 24. จัดให้พนักงานที่ทำหน้าที่ดับเพลิงโดยเฉพาะอยู่ตลอดเวลาที่มีการทำงาน 5 แนวการจัดทำแผน ป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนเมืองหลังสวน 25. จัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่ใช้ในการดับเพลิง และการฝึกซ้อมดับเพลิงโดยเฉพาะ เช่น เสื้อผ้า รองเท้า ถุงมือ หมวก หน้ากากป้องกันความร้อนหรือควันพิษ เป็นต้น ไว้เพื่อให้พนักงานใช้งานการ ดับเพลิง 26. ป้องกันอัคคีภัยที่เกิดจากการแผ่รังสี การนำหรือการพาความร้อนจากแหล่งกำเนิดความร้อนสูง ไปสู่วัสดุที่ติดไฟง่าย เช่น จัดทำฉนวนหุ้มหรือปิดกั้น 27. การป้องกันอัคคีภัยจากการทำงานที่เกิดการเสียดสีเสียดทานของเครื่องจักรเครื่องมือที่เกิด ประกายไฟหรือความร้อนสูงที่อาจทำให้เกิดการลุกไหม้ เช่น การซ่อมบำรุง หรือหยุดพักการใช้งาน 28. มีการจัดแยกเก็บวัตถุไวไฟ หรือวัตถุระเบิดรวมตลอดถึงวัตถุที่เมื่ออยู่รวมกันแล้วจะเกิดปฏิกิริยา หรือ การหมักหมมทำให้กลายเป็นวัตถุไฟ หรือ วัตถุระเบิดมิให้ปะปนกัน และเก็บในห้องที่มีผนังทนไฟ และ ประตูทนไฟที่ปิดได้เอง และปิดกุญแจทุกครั้งเมื่อไม่มีการปฏิบัติงานในห้องนี้แล้ว 29. วัตถุที่ไวต่อการทำปฏิกิริยาแล้วเกิดการลุกได้นั้น ได้มีการจัดแยกเก็บไว้ต่างหาก โดยอยู่ห่างจาก อาคารและวัตถุติดไฟในระยะที่ปลอดภัย 30. ควบคุมมิให้เกิดการรั่วไหลหรือการระเหยของวัตถุไวไฟ หรือวัตถุระเบิดที่จะเป็นสาเหตุให้เกิดการ ติดไฟ 31. จัดให้มีการกำจัดของเสียโดยการเผาในเตาที่ออกแบบสำหรับการเผาโดยเฉพาะ ในที่โล่งแจ้ง โดย ห่างจากที่พนักงานทำงานในระยะที่ปลอดภัย 32. จัดให้มีสายล่อฟ้า เพื่อป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 10 33. จัดให้มีระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ชนิดเปล่งเสียง ให้พนักงานที่ทำงานอยู่ภายในอาคารได้ ยินทั่วถึง 34. มีการทดสอบประสิทธิภาพในการทำงานของระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้อย่างน้อยเดือนละ หนึ่งครั้ง 35. จัดให้มีกลุ่มพนักงานเพื่อทำหน้าที่เกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัย และมีผู้อำนวยการ ป้องกันและระงับอัคคีภัยเป็นผู้อำนวยการในการดำเนินงานทั้งระบบประจำอยู่ตลอดเวลา 36. จัดให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัยเข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการป้องกันและ ระงับอัคคีภัย การใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ในการดับเพลิงการปฐมพยาบาล และการช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน 37. จัดให้มีการฝึกซ้อมอพยพพนักงานออกจากอาคารไปตามเส้นทางหนีไฟ 38. จัดให้มีการฝึกซ้อมดับเพลิง และฝึกซ้อมหนีไฟอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง แผนป้องกันอัคคีภัย อุบัติเหตุต่าง ๆ สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยที่บางครั้งเราอาจไม่ทันรู้ตัวซึ่งอาจเกิดจากธรรมชาติ หรือเกิดจากการกระทำที่มีมูลเหตุจากความประมาท ดังในกรณีของอัคคีภัยนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และหากไม่ได้รับการดูแล ตรวจตราเอาใจใส่ให้ความสำคัญ ดังนั้นเพื่อให้เกิดความปลอดภัยขึ้นทั้งชีวิตและทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่ จึงควรจัดทำแผนป้องกัน อัคคีภัยขึ้น หน้าที่ของผู้รับผิดชอบในศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษาในการป้องกันอัคคีภัย 1. ฝ่ายบริหาร 2. บุคลากร 3. เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย 4. ยาม 1. ฝ่ายบริหาร 1.1 การจัดผังอาคาร ระบบ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้คำนึงถึงการเกิดอัคคีภัย 1.2 กำหนดพื้นที่ ควบคุมกระบวนการผลิต เครื่องมือ เครื่องจักรที่อาจเกิดอัคคีภัย 1.3 กำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานให้ปลอดภัยจากอัคคีภัย 1.4 ควบคุมการใช้ไฟ การก่อเกิดไฟ เปลวไฟ ประกายไฟ ไฟฟ้า ความร้อนไฟฟ้าสถิตย์ หรือ วิธีการทำงานอื่นใดที่ทำให้เกิดอัคคีภัย 1.5 มอบหมายให้มีคณะกรรมการความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยกำหนดแผน และการดำเนินการป้องกันและระงับอัคคีภัย เช่น การฝึกอบรม การตรวจสอบ และการปรับปรุง ของงาน เป็นต้น
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 11 1.6 ติดตามตรวจสอบกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการป้องกันอัคคีภัย 1.7 วางแผนระยะยาวเกี่ยวกับการป้องกันอัคคีภัย เช่น ในเรื่องการติดตั้งระบบตรวจสอบสาร ไวไฟ หรือควันไฟ ระบบสัญญาณเตือนภัย ระบบดับเพลิงอัตโนมัติในจุดที่มีสารไวไฟหรือสารติดไฟได้ง่าย 1.8 กำหนดระเบียบและการควบคุมผู้รับเหมาหรือบุคคลภายนอกที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการ ก่อเกิด ไฟต่าง ๆ 2. หน้าที่ของบุคลากรเกี่ยวกับการป้องกันอัคคีภัย 2.1 บุคลากรและผู้ใช้บริการทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎแห่งความปลอดภัยในการทำงาน ดังนี้ 1) ห้ามก่อไฟในบริเวณที่หวงห้ามหรือในบริเวณโรงงานก่อนได้รับอนุญาตจากผู้มีหน้าที่ รับผิดชอบ 2) ห้ามสูบบุหรี่ในบริเวณที่มีป้าย “อันตรายจากสารไวไฟหรือวัตถุระเบิด” หรือ “บริเวณ ที่ห้ามสูบบุหรี่” นอกจากสถานที่จัดไว้เท่านั้น 3) ห้ามทำการซ่อมแซมเครื่องจักรเครื่องมือในบริเวณที่มีสารไวไฟหรือวัสดุติดไฟได้ง่ายโดย พละการก่อนที่ช่างซ่อมและเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยจะร่วมกันจำทำใบแจ้งซ่อมตาม ขั้นตอนและวิธีการที่กำหนด 2.2 การควบคุมพื้นที่ที่มีสารไวไฟหรือวัสดุติดไฟได้ง่าย การนำไฟมาใช้หรือก่อให้เกิดไฟใน พื้นที่ใด ๆ ต้องห่างจากบริเวณที่มีสารไวไฟหรือวัสดุติดไฟได้ง่ายอย่างน้อยในรัศมี 10 เมตร กรณีที่ไม่อาจ ทำให้ต้องทำการป้องกันสารไวไฟหรือวัสดุติดไฟ ได้ง่ายอย่างปลอดภัยภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ความ ปลอดภัย 2.3 การป้องกันสถานที่ทำงานและวิธีการที่เลี่ยงไฟ 1) การป้องกันการรั่วไหลของเชื้อเพลิงและสารไวไฟต่าง ๆ - บุคลากรและผู้ใช้บริการที่พบเห็นภาชนะที่ใส่สารไวไฟหรือเชื้อเพลิงต่าง ๆ อยู่ในสภาพ ที่ชำรุด หรือ อาจเกิดการรั่วไหล ให้รีบรายงานผู้มีหน้าที่รับผิดชอบและกรณีที่พบว่าการ รั่วไหลนั้นอาจ ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงหากไม่แก้ไขให้รีบทำการแก้ไขและ/หรือรายงานผู้มีหน้าที่รับผิดชอบแก้ไขทันที 2) การกำจัดขยะหรือเศษวัสดุที่ติดไฟได้ง่าย - ขยะหรือเศษวัสดุที่ติดไฟได้ง่าย บุคลากรและผู้ใช้บริการจะต้องเก็บรวบรวมไว้ใน ภาชนะที่ไม่ติดไฟได้ง่าย และห้ามนำออกจากบริเวณที่ทำงานไปเก็บไว้ในสถานที่ปลอดภัยอย่างน้อยวัน ละ 1 ครั้ง 3) เสื้อผ้าที่เปียกเปื้อนด้วยสารไวไฟ - เสื้อผ้าที่เปียกเปื้อนด้วยสารไวไฟ บุคลากรและผู้ใช้บริการจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้านั้นทันที 4) การป้องกันอัคคีภัยจากยานพาหนะ - บุคลากรและผู้ใช้บริการที่ใช้ยานพาหนะขนถ่ายสิ่งของในบริเวณที่มีสารไวไฟ ถังแก๊ส จะต้องระมัดระวังการชน การกระแทก หรือการก่อให้เกิดอัคคีภัย
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 12 5) การป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า - สายไฟ หลอดไฟ สวิทช์มอเตอร์ไฟฟ้า พัดลม เครื่องมือเครื่องจักรที่ใช้ไฟฟ้าที่มี หรือใช้อยู่ ในบริเวณสารไวไฟหรือวัสดุติดไฟได้ง่าย จะต้องตรวจตราเป็นประจำ ในเรื่องสภาพที่ชำรุด การต่อไฟ ปลั๊กไฟ การต่อสายดิน หรือกรณีอื่นใดที่อาจเป็น สาเหตุของอัคคีภัย 6) การป้องกัน การระเบิดของหม้อไอน้ำ ก. ก่อนติดไฟให้ตรวจดูระดับน้ำ ข. ให้ระบายลมภายในเตาเพื่อไล่แก๊สที่ตกค้างในหม้อน้ำออกทุกครั้งก่อนติดไฟ ค. ลิ้นนิรภัย จะต้องทดสอบเป็นประจำอย่างน้อย 1 ครั้งต่อเดือน และถ้าเกิดการรั่วของลิ้น นิรภัยห้ามใช้วิธีเพิ่มน้ำหนักหรือตั้งลิ้นนิรภัยให้แข็งขึ้น ง. ถ้าถังหม้อไอน้ำรั่ว ให้หยุดใช้งานทันทีและรายงานให้มีการแก้ไขโดยเร็ว จ. ให้ตรวจสอบเกจวัดความดันและห้ามใช้ความดันเกินกว่าที่กำหนด ฉ. ถังน้ำแห้งต่ำกว่าระดับของหลอดแก้วให้รีดดับไฟ ห้ามสูบน้ำเข้าหม้อไอน้ำอย่างเด็ดขาด แต่ปล่อยให้เย็นลง ช. ให้ตรวจสอบความปลอดภัยของหม้อไอน้ำอย่างน้อยปีละครั้ง 7) การป้องกันอัคคีภัยจากการเชื่อมโลหะ ก. อุปกรณ์การเชื่อม สายไฟและข้อต่อที่หลอมหรือชำรุด ต้องทำการแก้ไชให้อยู่ใน สภาพที่ ปลอดภัย ข. ทำการตรวจสอบการรั่วไหลของข้อต่อและวาล์วเป็นประจำ ถ้าพบว่ามีการรั่วไหล ของ แก๊สจากถังแก๊สให้หยุดการทำงานที่ใช้ไฟในบริเวณนั้น และรีบทำการป้องกัน แก้ไขโดยเร็ว ค. ถังแก๊สและถังน้ำมันเชื้อเพลิงต้องวางไว้ห่างจากเปลวไฟประกายไฟ ความร้อน ท่อร้อย ต่าง ๆ หรือส่วนของเครื่องมือเครื่องจักรที่อาจก่อให้เกิดความร้อนได้ในระยะ 7 เมตร ง. สายไฟ สายแก๊ส ขณะทำการตัดเชื่อมต้องไม่กีดขวางการทำงานหรือตรงบริเวณที่ อาจ เหยียบทับของคนหรือยานพาหนะ จ. ห้ามทิ้งหรือปล่อยหัวเชื่อมไว้โดยไม่ดับไฟหรือปิดเครื่อง ฉ. การเชื่อมต้องระวังเปลวไฟ สะเก็ดไฟที่จะถูกลมพัดปลิวไปตกอยู่ในบริเวณที่มีสาร ไวไฟ หรือวัสดุติดไฟได้ง่าย หรือเป็นอันตรายต่อพนักงานข้างเคียง 8) การเคลื่อนย้ายขนส่งสารไวไฟโดยบุคลากร ก. การเคลื่อนย้ายขนส่งสารไวไฟห้ามผ่านหรือให้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการทำงานแล้วเกิด ประกายไฟ เปลวไฟ ท่อร้อย สะเก็ดโลหะ ฯลฯ ข. การขนส่งสารไวไฟให้ระมัดระวังการตกหรือหกเรี่ยราดบนพื้นที่ทำงาน ค. ให้ใช้วิธีการขน-ยกที่ปลอดภัย ง. ภาชนะที่บรรจุสารไวไฟที่ไม่จำเป็นต้องเปิดฝาให้ปิดฝาให้มิดชิด จ. ให้ระมัดระวังการเรียงตั้งที่อาจเกิดการตกหล่นหรือล้มลงมาได้
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 13 3. หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย 3.1 กำหนดเขตพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ 3.2 ตรวจสอบสถานที่ล่อแหลมต่อการเกิดอัคคีภัยเป็นประจำ 3.3 กำหนดรายละเอียดของแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย ตลอดจนจัดให้มีการอบรมและฝึก ปฏิบัติเป็นระยะ ๆ 3.4 จัดหา ซ่อมบำรุง และตรวจสอบเครื่องดับเพลิงและอุปกรณ์ดับเพลิงให้อยู่ในสภาพที่ พร้อมต่อการใช้งานได้ตลอดเวลา 3.5 ควบคุมการทำงานของผู้รับเหมาหรือบุคคลภายนอกในเรื่องที่เกี่ยวกับอัคคีภัย 3.7เมื่อพบเห็นสิ่งที่อาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ได้ ให้รีบรายงานต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง 4. หน้าที่ยามรักษาการณ์ 4.1 ตรวจตราไม่ให้บุคคลภายนอกหรือผู้รับส่งสินค้าเข้าไปในโรงงานหรือสถานที่ เสี่ยงต่อการ เกิดเพลิงไหม้ 4.2 ระมัดระวังการก่อวินาศภัยบริเวณเก็บวัตถุระเบิดหรือบริเวณที่เสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ 4.3 เมื่อพบเห็นสิ่งที่อาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ได้ ให้รีบรายงานต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 14 แผนป้องกันและระงับอัคคีภัยในสถานศึกษา แผนป้องกันและระงับอัคคีภัย ประกอบด้วย ขั้นที่ 1 ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ แผนอบรม แผนการรณรงค์ป้องกันอัคคีภัย แผนตรวจตรา ขั้นที่ 2 ขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ แผนการระงับอัคคีภัย แผนการอพยพหนีไฟ ขั้นที่ 3 หลังเหตุเพลิงไหม้สงบลงแล้ว แผนการบรรเทาทุกข์ แผนปฏิรูปฟื้นฟู
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 15 แผนการอบรม เป็นแผนการฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัยและการอพยพหนีไฟ ให้แก่ครู บุคลกรทางการศึกษา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นักเรียน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1) การฝึกอบรมให้ความรู้เพื่อให้ครู บุคลกรทางการศึกษา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นักเรียน ทุกคนมี ความรู้ความเข้าใจในเรื่องการดับเพลิงในเบื้องต้น วิธีการใช้อุปกรณ์ดับเพลิงประเภทต่าง ๆ การดูแลอุปกรณ์ ดับเพลิงภายในอาคาร รวมถึงทราบตำแหน่ง ที่ตั้งเมนสวิทซ์ (คัทเอาท์) และวิธีปฏิบัติในการตัดกระแสไฟฟ้า ในกรณีฉุกเฉิน ทราบจุดที่ตั้งของถังดับเพลิง บริเวณใกล้เคียงกับหน่วยงาน จุดตัดกระแสไฟฟ้า (คัทเอาท์) ภายในหน่วยงานของตนหรือใกล้เคียงและพร้อม ที่จะตัดได้เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น ทราบสัญญาณแจ้งเหตุ เพลิงไหม้(Fire Alarm) โดยสัญญาณดังกล่าวจะต้อง ให้ทุกคนที่อยู่ภายในอาคารได้ยินทั่วถึงกัน ทราบวิธีแจ้ง เหตุเพลิงไหม้และการรายงานผู้บังคับบัญชาตลอดจน เรียนรู้วิธีการปฐมพยาบาลและการช่วยเหลือเบื้องต้นใน กรณีฉุกเฉิน 2) การฝึกซ้อมแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย เพื่อทดสอบแผนป้องกันและระงับอัคคีภัยของโรงเรียน นครสวรรค์และซักซ้อมความเข้าใจแนวทางปฏิบัติในการเผชิญเหตุการณ์อัคคีภัยให้แก่ครู บุคลกรทาง การศึกษา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นักเรียน โดยกำหนดการฝึกซ้อมฯ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หลักการจัดทำแผนการอบรม 1. กำหนดบุคคลผู้รับผิดชอบดำเนินการฝึกอบรม 2. กำหนดหลักสูตรเรื่อง หรือหัวข้อที่จะทำการฝึกอบรม ได้แก่ - แผนป้องกันและระงับอัคคีภัย - การดับเพลิงขั้นต้น - การดับเพลิงขั้นสูงหรือขั้นก้าวหน้า - การใช้อุปกรณ์ดับเพลิงประเภทต่าง ๆ - การอพยพหนีไฟ - การปฐมพยาบาลและการช่วยชีวิต 3. เลือกวิธีการฝึกอบรม เช่น - การบรรยาย - การอภิปราย 4. กำหนดระยะเวลาที่ใช้ในการฝึกอบรม 5. กำหนดบุคคลที่จะเข้ารับการฝึกอบรมให้เหมาะสมกับเรื่องหรือหัวข้อฝึกอบรม 6. มีการประเมินผลการอบรมทุกครั้ง
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 16 แผนการรณรงค์ป้องกันอัคคีภัย แผนการรณรงค์ป้องกันอัคคีภัย เป็นแผนที่จัดทำขึ้นเพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัยในสถาน ประกอบการ และเป็นการสร้างความสนใจ รวมทั้งส่งเสริมในเรื่องของการป้องกันอัคคีภัยให้เกิดขึ้นกับ ผู้ปฏิบัติงานทุกคนทุก ระดับในสถานประกอบการ หลักการจัดทำแผนการรณรงค์ป้องกันอัคคีภัย 1. กำหนดบุคคลผู้รับผิดชอบในการจัดการรณรงค์ 2. กำหนดเรื่อง หรือหัวข้อที่จะทำการรณรงค์ ได้แก่ - องค์ประกอบของการเกิดเพลิงไหม้ - การจัดเก็บวัสดุไวไฟ - การลดการสูบบุหรี่ - ผลที่เกิดขึ้นจากอัคคีภัย - การทำความสะอาด 3. เลือกวิธีการหรือรูปแบบการรณรงค์ที่เหมาะสม เช่น - การประกวด - การจัดทำโปสเตอร์ และป้ายต่าง ๆ - การจัดนิทรรศการ - การใช้สื่อต่าง ๆ 4. กำหนดระยะเวลาที่ใช้ในการรณรงค์ 5. กำหนดบุคคลหรือกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการรณรงค์ 6. ประเมินผลจากการรณรงค์ทุกครั้ง ขั้นตอนการกำหนดมาตรการป้องกันอัคคีภัย 1. จัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงาน ผู้มีอำนาจ กำกับ ดูแลรับแจ้งเหตุ ผู้ควบคุมและสั่งการทั้งก่อนและ ระหว่างเกิดอัคคีภัยในโรงเรียนนครสวรรค์พร้อมกับกำหนดขั้นตอนและขอบเขตอำนาจหน้าที่อย่างชัดเจน 2. ติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิง ได้แก่ ถังดับเพลิง สายฉีดน้ำ สัญญาณไฟไหม้ไว้ในจุดที่เข้าถึงได้ง่าย และ เห็นชัดเจน โดยมีการตรวจสอบความพร้อมใช้งานอย่างน้อย 6 เดือนครั้ง และรายงานให้ผู้บริหารระดับสูง ทราบ 3. จัดทำแผนผังที่ตั้งของอุปกรณ์ดับเพลิง สัญญาณไฟไหม้ รวมทั้งเส้นทางหนีไฟ ให้ข้าราชการ และ ผู้ปฏิบัติงานทราบ 4. จัดทำป้ายสื่อความปลอดภัย เช่น ทางหนีไฟ ป้ายข้อความเตือน “ทางเข้า” “ทางออก” เป็นต้น หากพบว่าชำรุดเสียหาย ให้รีบแจ้งหน่วยงาน ที่รับผิดชอบทราบ เพื่อจะได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแก้ไข ต่อไป
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 17 5. จัดทำสัญลักษณ์ของบัญชีทรัพย์สิน ตลอดจนเอกสารสำคัญที่สามารถขนย้ายได้เมื่อเกิดเหตุ เพลิง ไหม้โดยเรียงลำดับความสำคัญ เช่น - แถบสีแดง หมายถึงมีความสำคัญอันดับ 1 ให้ขนย้ายก่อน - แถบสีเขียว หมายถึง ความสำคัญอันดับ 2 ให้ขนย้ายลำาดับต่อมา พร้อมแจ้งให้ทุกคนในหน่วยงานรับทราบและ เข้าใจร่วมกัน 6. ควบคุมผู้มีหน้าที่ทำความสะอาดให้หมั่นทิ้งเศษกระดาษ หรือสิ่งของที่อาจจะเป็นเชื้อเพลิงได้ อย่าให้มีเหลืออยู่ และให้นำไปทิ้งในที่ทิ้งขยะที่จัดไว้ 7. กำชับแนะนำเจ้าหน้าที่ให้ทิ้งเศษกระดาษลงในที่ทิ้งขยะให้เรียบร้อย 8. เพื่อป้องกันอัคคีภัยอันอาจเกิดขึ้นจากกระแสไฟฟ้า ให้ดำเนินการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ หรือจัดหาผู้ที่มี ความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับไฟฟ้าทำการตรวจสอบสายไฟฟ้า อุปกรณ์เกี่ยวกับไฟฟ้า รวมทั้งเครื่องมือ เครื่องใช้ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย และปราศจากภยันตรายอันอาจเกิดกระแสไฟฟ้าโดยสิ้นเชิง หากมีเรื่อง ต้องแก้ไข หรือได้รับแจ้งจากงาน/กลุ่มสาระ /กลุ่มงาน กลุ่มใดก็ให้งานอาคารสถานที่พิจารณาดำเนินการ โดยเร็วที่สุด 10. กำชับให้ครู บุคลกรทางการศึกษา เจ้าหน้าที่ นักเรียน ติดบัตรประจำตัว เข้า-ออก ขณะปฏิบัติ หน้าที่ในหน่วยงาน สำหรับผู้มาติดต่อราชการ ให้ขอบัตรประจำตัวไว้ และให้ติดบัตรผู้มาติดต่อราชการแทน 11. ออกมาตรการให้ครู บุคลกรทางการศึกษา เจ้าหน้าที่ นักเรียน ถอดปลั๊กไฟหรือปิดสวิตช์ไฟทุก ครั้ง หลังเลิกใช้งาน ยกเว้น อุปกรณ์เชื่อมต่อบางอย่างตามที่สถานศึกษากำหนด 12. จัดทำแผนการตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น สายไฟฟ้า หลอดไฟ เครื่องเสียง เป็นต้น พร้อมทั้งจัด ให้มีเจ้าหน้าที่ดูแลและซ่อมบำรุงให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านั้นอยู่ในสภาพใช้งานได้อยู่เสมอ เพื่อป้องกันไฟฟ้า ลัดวงจร 13. จัดทำคู่มือและฝึกอบรมผู้รับผิดชอบเฉพาะ โดยแบ่งเป็นกลุ่มตามหน้าที่ ให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง และ ข้าราชการทุกคน มีความรู้ในการป้องกันและการปฏิบัติตนกรณีเกิดอัคคีภัยภายในหน่วยงาน เช่น การ ดับเพลิงเบื้องต้น การปฐมพยาบาล และการช่วยเหลือฉุกเฉิน และให้ถ่ายทอดความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรม ให้แก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของตนให้ทราบโดยทั่วกันด้วย 14. จัดทำผังการติดต่อสื่อสารหมายเลขโทรศัพท์ของงานอาคารสถานที่ผู้ดูแลอาคารเจ้าหน้าที่รักษา ความปลอดภัย สถานีตำรวจ และสถานีดับเพลิงใกล้เคียง โดยทำป้ายติดให้ชัดเจน เพื่อความสะดวกในกรณี ที่เกิดไฟไหม้ 15. จัดการอบรมเพื่อสร้างความตระหนักรู้แก่บุคลากรในการปฏิบัติตนเกี่ยวกับวิธีการ ช่วยเหลือ ตัวเองเมื่อเกิดเพลิงไหม้ 16. จัดกิจกรรมซักซ้อมการหนีไฟประจำปี (Fire Drill) 17. กำหนดให้เส้นทาง/บันไดหนีไฟ ปราศจากสิ่งกีดขวาง
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 18 แผนการตรวจตรา แผนการตรวจตรามีวัตถุประสงค์หลักเพื่อป้องกันอัคคีภัย โดยกำหนดให้ตรวจเกี่ยวกับวัตถุที่ เป็นเชื้อเพลิงของเสียที่ติดไฟง่าย แหล่งความร้อน อุปกรณ์ดับเพลิง หลักการจัดทำแผน 1. กำหนดบุคคลและพื้นที่ที่รับผิดชอบในการตรวจตราอย่างชัดเจน โดยกำหนดบุคคลที่จะทำหน้าที่ แทนได้ด้วย 2. กำหนดเรื่องที่ต้องการในแต่ละพื้นที่เป็นการเฉพาะ โดยจัดทำเป็นแบบรายงานผลการตรวจที่ สะดวกต่อการรายงาน 3. กำหนดระยะเวลาที่ตรวจและส่งแบบรายงาน 4. กำหนดบุคคลตรวจสอบแบบรายงาน แล้วสรุปข้อบกพร่องให้ผู้บริหารในแต่ละหน่วยปรับปรุง แก้ไข เช่น คณะกรรมการกำกับดูแลอาคารเรียน เจ้าหน้าที่นักการภารโรงประจำอาคาร ฯลฯ แล้วสรุปรายงาน ผู้อำนวยการแผนฯ ทุกเดือน 5. ควรให้มีการตรวจตราทุกวัน สถานศึกษาได้กำหนดให้พื้นที่ จุดที่ต้องตรวจ ระยะเวลา และผู้รับผิดชอบในการตรวจตรา ดังนี้ พื้นที่เสี่ยง ต่อการเกิดเพลิงไหม้ จุดที่ต้องตรวจ ระยะเวลา ความถี่ ผู้รับผิดชอบ ในการตรวจ อาคารเรียน *(ห้องเรียนมีนักเรียนประจำ) - อาคาร 1 - อาคาร 2 - อาคาร 3 - อาคาร 4 - อาคาร 7 - อาคาร 8 - อาคาร 9 - อาคาร 10 - อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า - อุปกรณ์ดับเพลิง - ทางหนีไฟ - การกำจัดของเสียที่ติดไฟง่าย - การจัดเก็บวัตถุไฟไว - การซ่อมแซมเครื่องจักร/ เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีประกายไฟ บริเวณที่มีสารไวไฟ ทุกวัน 1.คณะกรรมการกำกับ ดูแลอาคารเรียน 2.เจ้าหน้าที่นักการภาร โรงประจำอาคาร 3. นักเรียนชุมนุมทูต พลังงาน
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 19 พื้นที่เสี่ยง ต่อการเกิดเพลิงไหม้ จุดที่ต้องตรวจ ระยะเวลา ความถี่ ผู้รับผิดชอบ ในการตรวจ อาคารประกอบ - หอประชุมโรงเรียน - ห้องประชุมอาเซียน - อาคารพิพิธภัณฑ์โรงเรียนฯ - ศูนย์สืบค้นข้อมูล (อาคาร 5) - โรงยิมเนเซียม (อาคาร 6) - โรงยิมเนเซียม - โรงฝึกงาน 1 - โรงฝึกงาน 2 - โดมอเนกประสงค์หน้าอาคาร 4 - โดมอเนกประสงค์ลานเสลา - โดมอเนกประสงค์ลานฟ้า - โดมอเนกประสงค์ประตู 3 - สระว่ายน้ำ - โรงจอดรถ - โรงอาหาร 1 - โรงอาหาร 2 - อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า - อุปกรณ์ดับเพลิง - ทางหนีไฟ - การกำจัดของเสียที่ติดไฟง่าย - การจัดเก็บวัตถุไฟไว - การซ่อมแซมเครื่องจักร/ เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีประกายไฟ บริเวณที่มีสารไวไฟ ทุกวัน 1.คณะกรรมการกำกับ ดูแลอาคารเรียน 2.เจ้าหน้าที่นักการภาร โรงประจำอาคาร 3. นักเรียนชุมนุมทูต พลังงาน
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 20 แผนผังขั้นตอนการปฏิบัติงานตามแผนตรวจตรา ก่อนเข้าชั้นเรียน ผู้รับผิดชอบตรวจตามสถานที่ที่กำหนด ผู้รับผิดชอบรายงานการตรวจพื้นที่ กรณีไม่มีเรื่องแจ้ง กรณีมีเรื่องแจ้ง งานรักษาความปลอดภัย รวบรวมเอกสารและ เก็บข้อมูล งานรักษาความปลอดภัย และงานสถานที่ดำเนินการ สั่งการไม่แก้ไข งานรักษาความปลอดภัย และงานสถานที่ดำเนินการ สั่งการแก้ไข เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเข้าดำเนินการ รายงานผล
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 21 แผนการระงับอัคคีภัย การปฏิบัติเมื่อเกิดอัคคีภัย เมื่อเกิดเพลิงไหม้ ควรปฏิบัติดังนี้ 1. ผู้พบเห็นเพลิงไหม้ตัดสินใจว่าดับเพลิงได้ด้วยตนเองหรือไม่ - กรณีดับเพลิงได้ให้ดำเนินการดับเพลิงนั้นทันที หรือเรียกให้คนมาช่วยดับเพลิง และให้ รายงาน ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบ - กรณีดับเพลิงได้ให้รายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบ หากยังไม่สามารถยุติเพลิง ได้ให้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเพลิงไหม้ขั้นต้น 2. การเข้าสู่แผนปฏิบัติการเพลิงไหม้ขั้นต้น - ตัดกระแสไฟฟ้าบริเวณที่เกิดเหตุทันที - ไปที่สัญญาณแจ้งเพลิงไหม้ แจ้งเตือนภัย - แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เวรยาม ช่วยกันทำการดับเพลิง หากยังไม่สามารถยุติ เพลิงได้ หัวหน้าหน่วยงานรีบตัดสินใจใช้แผนปฏิบัติการเมื่อเกิดเพลิงไหม้ขั้น ลุกลาม 3. การเข้าสู่แผนปฏิบัติการเพลิงไหม้ขั้นรุนแรง - บุคคลที่มีหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย ปฏิบัติหน้าที่ทันที เช่น ผู้มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินและ เอกสารสำคัญต่าง ๆ (ตามแถบสัญลักษณ์ความสำคัญที่แจ้งไว้แล้ว และดำเนินการตามมาตรการรักษา ความปลอดภัยด้วย) ผู้มีหน้าที่เฝ้ารักษาทรัพย์สิน ฯลฯ สำหรับผู้ไม่มีหน้าที่ให้อพยพ - ควบคุมอย่าให้ใครกลับเข้าไปเก็บสิ่งของส่วนตัวอีก รายงานเหตุการณ์ 1. กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ในเวลาราชการ ให้ผู้อำนวยการสถานศึกษา/ผู้รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา ซึ่งอยู่ ณ สถานที่เกิดเพลิงไหม้ แจ้งเหตุการณ์การเกิดเพลิงไหม้ทราบต่อไปสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษา เป็นไปตามลำดับขั้นต่อไป 2. กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้นอกเวลาราชการ ให้ครูเวรประจำวัน รายงานเหตุการณ์การเกิดเพลิงไหม้ ต่อรองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานกิจการนักเรียน (งานรักษาความปลอดภัย) เพื่อรายงานผู้บังคับบัญชา ทราบต่อไป 3. การรายงานเหตุเพลิงไหม้ให้ถือปฏิบัติดังนี้ 1) การรายงานครั้งแรก ให้กระทำทันที่เมื่อทราบว่ามีเหตุการณ์เกิดเพลิงไหม้ขึ้น โดยรายงานโดย ย่อทางโทรศัพท์ 2) การรายงานครั้งต่อไป ให้กระทำเมื่อเหตุการณ์เพลิงไหม้ได้สงบลงเป็นปกติ โดยรายงานเป็น หนังสือ ราชการโดยเร็วที่สุด
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 22 แผนผังขั้นตอนการปฏิบัติการเมื่อเกิดเพลิงไหม้ ผู้พบเห็นเหตุการณ์ คนแรก ดับเพลิง ด้วยถังดับเพลิง ดับเพลิงได้ ดับเพลิงไม่ได้ แจ้งชุดประสานงาน และชุดสื่อสารภายใน แจ้งผู้อำนวยการ ดับเพลิง แจ้งชุดประสานงาน และชุดสื่อสารภายใน เพื่อขอความช่วยเหลือ จากหน่วยงานภายนอก แจ้งชุดประสานงาน และชุดสื่อสารภายใน ให้สัญญาณ แจ้งเหตุเพลิงไหม้ แจ้งชุดประสานงาน และชุดสื่อสารภายในแล้ว รีบออกจากสถานที่เกิดเหตุ อพยพหนีไฟ เพลิงสงบ รายงาน/สรุปเหตุการณ์ รายงานผู้อำนวยการดับเพลิง แผนการดับเพลิง การระงับเหตุเพลิงไหม้ เบื้องต้น การระงับเหตุเพลิงไหม้ขั้นรุนแรง แจ้งผู้อำนวยการ ดับเพลิง
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีการกำหนดตัวบุคคล และหน้าทีพนักงานควบคุมอุปกรณ์หรือปฏิบัติการอื่น ในขณะเกิดเพลิงไหม้ หัวหน้าชุดดนายสุพจนผู้รับผิดชอบ 1. นายพันธนันท์ ม่วงสุวรรณ์ 2. นายวิโรจน์ อยู่สนิท 3. นายชูเกียรติ ฉัตรารักษ์
คีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 23 ที่เพื่อระงับเหตุเพลิงไหม้ขั้นต้น ดับเพลิงขั้นต้น น์ อนุตรพงศ์ พนักงานผจญเพลิง ผู้รับผิดชอบ 1. นายณัฐวุฒิ สอนชม 2. นายสุรชัย โคตุเคน 3. นายวรพันธ์ บุญมาก
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีหมายเหตุ 1. การปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการเต็มรูปแบบนี้จะใช้เมื่อเกิดเพลิงไหม้อย่าง 2. การเกิดเพลิงไหม้ภายในพื้นที่ต่าง ๆ เพียงเล็กน้อย ให้หัวหน้าแผนกดำเ แจ้งศูนย์รวมข่าว และสื่อสาร หรือผู้อำนวยการดับเพลิง หรือเจ้าหน้าที่คผู้อำนวยการนางสาวจงกลฝ่ายอาคารสถานที่ นายพันธนันท์ ม่วงสุวรรณ์ นางสาวจงกล เดชปั้น ฝ่ายปฏิบัติการ นายสุพจน์ อนุตรพงศ์ ฝ่ายสื่อสานางจินตช่วยชีวิต สิบเอกจเร สิงห์น้อย นางสาวพิชชาอร มินทยักษ์ ยนายณัฏฐ์ปิน.ส.วรางคหน่วยจัดหาและ สนับสนุนการดับเพลิง น.ส.นนทพร อรรถาวีย์ นายธีรวัฒน์ มาโต นพนักงานควบคุมอุปกรณ์ นายพันธนันท์ ม่วงสุวรรณ์ นายวิโรจน์ อยู่สนิท หน่วยดับเพลิง นายณัฐวุฒิ สอนชม นายสุรชัย โคตุเคน โครงสร้างหน่วยงานป้องกันระงับอัค
คีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 24 งรุนแรง นินการสั่งการดับเพลิงตามแผนการปฏิบัติการเมื่อเกิดเพลิงไหม้ขั้นต้น และโทรศัพท์ ความปลอดภัย ดับเพลิง ล เดชปั้น ารและประสานงาน ตนา พรมชัยชนะ ฝ่ายเคลื่อนย้ายภายใน-นอก นางพะเยาว์ เหล่าเนตร์ ฝ่ายส่งเสริมปฏิบัติการ นางวนิดา จันทร์เขียว หน่วยกำกับ ระบบน้ำฉุกเฉิน นายธิติพงศ์ มาสี หน่วยดับเพลิง จากพื้นที่อื่น ว่าที่ร้อยตรีรัตพล ก้อมน้อย น.ส.อัญชลี พูล ทองปั้น านพาหนะ ปิญชา พิชญาชมชื่น คนางค์ รัตนวรสุทธ์ วรา พยาบาล นางสาวสุนันวดี ทองแจ่ม นางสาวกนกพัฒน์ ดลใจ ศูนย์รวมข่าวและสื่อสาร นางสาวจงกล เดชปั้น นายธรธร จันทร์มะลิ หน่วยสนับสนุน นางพรลภัส ทองชุบ นางสาวอัญชลี พูลทอง หน่วยยามฯ นายสมจิตร ใจยพรหม คคีภัยเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ขั้นรุนแรง
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 25 การกำหนดหน้าที่หน้าที่ของผู้ปฏิบัติงานตามโครงสร้าง ผู้ปฏิบัติงาน หน้าที่รับผิดชอบ หน่วยจัดหาและสนับสนุนในการดับเพลิง - ผู้ประสานงาน - ยามรักษาการณ์ -ฝ่ายเคลื่อนย้ายภายในภายนอก -ฝ่ายปฏิบัติการ ให้เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยคอยช่วยเหลือดังนี้ 1. คอยช่วยเหลือประสานงานระหว่างผู้อำนวยการ ดับเพลิง ยามรักษาการณ์ และผู้เกี่ยวข้อง 2. คอยรับ-ส่งคำสั่งจากผู้อำนวยการดับเพลิงใน การติดต่อศูนย์ข่าว 3. สั่งการแทนผู้อำนวยการดับเพลิง ในกรณีที่ ผู้อำนวยการดับเพลิงมอบหมาย 1. ให้รีบไปยังจุดเกิดเหตุ คอยรับคำสั่งจาก ผู้อำนวยการดับเพลิงและหัวหน้าฝ่ายประสานงาน 2. ป้องกันมิให้บุคคลภายนอกที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เข้าก่อนได้รับอนุญาต 3. ควบคุมป้องกันทรัพย์สินที่ฝ่ายเคลื่อนย้ายนำมา เก็บไว้ 1. ให้รับผิดชอบในการกำหนดจุดปลอดภัยอัคคีภัย ในการเก็บวัสดุครุภัณฑ์ 2. อำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายขนส่งวัสดุ ครุภัณฑ์ 3. จัดยานพาหนะและอุปกรณ์ขนย้าย หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการให้ถือปฏิบัติดังนี้ 1. เมื่อเกิดเพลิงไหม้ในพื้นที่ให้หัวหน้าฝ่าย ปฏิบัติการแยกชุดปฏิบัติการออกเป็น 2 ชุด คือ ชุดควบคุม เครื่องจักรและชุดดับเพลิง 1.1 ชุดควบคุมเครื่องจักร เมื่อเกิดเพลิงไหม้ในพื้นที่ ใด ให้ชุดควบคุม เครื่องจักรทำการควบคุม เครื่องจักร ให้ทำงาน ต่อไปจนกว่าจะได้รับคำสั่งให้หยุดเครื่องจาก
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 26 ผู้ปฏิบัติงาน หน้าที่รับผิดชอบ ฝ่ายส่งเสริมปฏิบัติการ - หน่วยติดต่อดับเพลิงจากพื้นที่อื่น - หน่วยเครื่องสูบน้ำฉุกเฉิน หัวหน้า ฝ่ายปฏิบัติการกรณีที่ไม่สามารถ เดินเครื่อง หรือได้รับคำสั่งให้หยุดเครื่อง ให้ชุด ควบคุมเครื่องจักร ไปช่วยทำการดับเพลิง 1.2 ชุดดับเพลิง เมื่อเกิดเพลิงไหม้ในพื้นที่ตัวเองไม่ ว่ามากหรือ น้อยชุดปฏิบัติการชุดนี้จะแยกตัวออกจาก การควบคุม เครื่องจักรออกทำการดับเพลิงโดยทันทีที่ เกิดเพลิงไหม้โดยไม่ต้องหยุดเครื่องและให้ปฏิบัติการ ภายใต้คำสั่ง ของหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการในพื้นที่ในการ ปฏิบัติการ หากจำเป็น ขอความช่วยเหลือจากหน่วย อื่นให้หัวหน้า ฝ่ายปฏิบัติการสั่งดำเนินการ 2. ทันทีที่ทราบเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ของตัวเอง ให้แจ้ง ข่าวโทรศัพท์ถึงเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย ถึง ผู้อำนวยการดับเพลิง และโทรศัพท์แจ้งศูนย์รวม ข่าว ให้ปฏิบัติดังนี้ 1. ให้แจ้งสัญญาณ SAFETY ORDER SYSTEM (SOS) 2. พนักงานที่ทราบเหตุเพลิงไหม้และต้องการเข้า มา ช่วยเหลือดับเพลิง ให้รายงานตัวต่อผู้อำนวยการ ดับเพลิงเพื่อทำการแบ่งเป็นชุดช่วยเหลือส่งเสริม การ ปฏิบัติงาน 3. สำหรับการเกิดอัคคีภัยในบริเวณเครื่องจักร ชุด 4. ดับเพลิงควรมาจากชุดดับเพลิงในสถานที่นั้น ผู้ ที่มา ช่วยเหลือควรช่วยเหลือในการลำเลียงอุปกรณ์ ดับเพลิง 5. คอยรับคำสั่งจากผู้อำนวยการดับเพลิง ให้คอย อยู่ บริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ให้ปฏิบัติดังนี้ 1. ให้เดินเครื่องสูบน้ำดับเพลิงทันทีที่ได้รับแจ้ง เหตุ เพลิงไหม้ 2. ทำการควบคุมดูแลเครื่องสูบน้ำดับเพลิง ขณะที่เกิด เพลิงไหม้ 3. ในเวลาปกติให้ตรวจสอบเครื่องมือ, อุปกรณ์ใช้ งาน ตามรายการตรวจเช็ค
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 27 ผู้รับผิดชอบในตำแหน่งต่าง ๆ ตามแผนปฏิบัติการ ตำแหน่ง เวลาปกติ(วันธรรมดา) 08.00 – 17.00 น. นอกเวลาปกติ(วันธรรมดา) 17.00 – 08.00 น. วันหยุด 08.00 –24.00- 08.00 น. 1. ผู้อำนวยการดับเพลิง 2. หัวหน้างานอาคารสถานที่ - ผู้อำนวยการปฏิบัติการ หรือผู้ได้รับมอบหมาย - หัวหน้างานอาคาร สถานที่ - ครูเวรกลางคืน - ครูเวรกลางคืน / ครูเวร กลางคืน 3. หัวหน้างานรักษาความ ปลอดภัย - หัวหน้าฝ่าย หือผู้ได้รับ มอบหมาย - ยามรักษาการณ์ - ยามรักษาการณ์ 4. หัวหน้าฝ่ายสื่อสาร และ ประสานงาน * หน่วยสนับสนุน - งานอนามัยโรงเรียน - งานยานพาหนะ - งานประชาสัมพันธ์ * หน่วยจัดหาและ สนับสนุนการดับเพลิง - ผู้ประสานงาน - งานอาคารสถานที่ (จัดหา อุปกรณ์ดับเพลิง) - ผู้สื่อสารผ่านศูนย์รวมข่าว และสื่อสาร *หน่วยยามรักษาการณ์ - หัวหน้าฝ่าย หือผู้ได้รับ มอบหมาย - งานอนามัยโรงเรียน - พนักงานขับรถพยาบาล - งานยานพาหนะ - งานประชาสัมพันธ์ - ผู้ประสานงานยาม - งานอาคารสถานที่ (จัดหาอุปกรณ์ดับเพลิง) - ผู้สื่อสารผ่านศูนย์รวม ข่าวและสื่อสาร - ทีมปฐมพยาบาล - พนักงานขับรถ - ทีมปฐมพยาบาล - พนักงานขับรถ - ยามรักษาการณ์ 5. หัวหน้าฝ่ายเคลื่อนย้าย ภายใน - ภายนอก - หัวหน้าฝ่าย หรือผู้ได้รับ มอบหมาย - ผู้ตรวจเวรประจำวันหยุด - ผู้ตรวจเวรประจำวันหยุด 6. หัวหน้าฝ่ายส่งเสริม ปฏิบัติการ - งานอาคารสถานที่ (ระบบ น้ำประปา – จุดจ่ายน้ำ) - หน่วยติดต่อดับเพลิงจาก พื้นที่อื่น - หัวหน้าฝ่าย - งานอาคารสถานที่ (ระบบน้ำประปา – จุด จ่ายน้ำ) - หน่วยติดต่อดับเพลิง จากพื้นที่อื่น - จากหน่วยธุรการ/ซ่อม บำรุง - ครูเวร/ยามรักษาการณ์ เป็นผู้กดสัญญาณแจ้งเหตุ - จากหน่วยธุรการ/ซ่อม บำรุง - ครูเวร/ยามรักษาการณ์ เป็นผู้กดสัญญาณแจ้งเหตุ
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 28 แผนอพยพหนีไฟ แผนอพยพหนีไฟนั้นกำหนดขึ้นเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของพนักงาน และของ สถานที่ประกอบการในขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้แผนอพยพหนีไฟที่กำหนดขึ้นนั้น มีองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น หน่วยตรวจสอบจำนวนพนักงาน, ผู้นำทางหนีไฟ, จุดนัดพบ, หน่วยช่วยชีวิต และยานพาหนะ ฯลฯ ควรได้กำหนดผู้รับผิดชอบในแต่ละ หน่วยงานโดยขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการอพยพหนีไฟหรือ ผู้อำนวยการดับเพลิง ดังนี้ 1. ผู้อำนวยการอพยพหนีไฟหรือผู้อำนวยการดับเพลิง คือ - ผู้อำนวยการสถานศึกษา/ผู้รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา 2. ผู้ช่วยผู้อำนวยการดับเพลิง คือ - รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารทั่วไป / ผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มบริหารทั่วไป 3. ผู้ช่วยผู้อำนวยการอพยพหนีไฟ คือ - รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารกิจการนักเรียน / ผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มบริหารกิจการนักเรียน ในแผนดังกล่าวควรกำหนดให้มีการปฏิบัติดังนี้ 1. หน่วยงานตรวจสอบจำนวนผู้ประสบเหตุ มีหน้าที่ตรวจนับจำนวนพนักงานว่า มีการอพยพหนีไฟ ออกมาภายนอกบริเวณที่ปลอดภัยครบทุก คนหรือไม่ 2. ผู้นำทางหนีไฟ มีหน้าที่จะเป็นผู้นำทางผู้ประสบเหตุอพยพหนีไฟไปตามทางออกที่จัดไว้ 3. จุดนัดพบ หรือเรียกอีกอย่างว่า “จุดรวมพล” หมายถึง จะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย ซึ่งผู้ประสบเหตุสามารถที่จะมารายงานตัวและทำการ ตรวจสอบนับจำนวนได้ หากพบว่าผู้ประสบเหตุอพยพไฟหนีออกมาไม่ครบตามจำนวนจริง ซึ่งหมายถึงมีผู้ ประสบเหตุติดอยู่ในพื้นที่ที่เกิดอัคคีภัย 4. หน่วยช่วยชีวิตและยานพาหนะ มีหน้าที่จะเข้าค้นหาและทำการช่วยชีวิตพนักงานที่ยังติดค้างอยู่ในอาคารหรือในพื้นที่ที่ได้เกิด อัคคีภัย รวมถึงกรณีของพนักงานที่ออกมาอยู่ที่จุดรวมพลแล้วมีอาการเป็นลม ช็อค หมดสติหรือบาดเจ็บ เป็น ต้น หน่วยช่วยชีวิตและยานพาหนะจะทำการ ปฐมพยาบาลเบื้องต้น และติดต่อหน่วยยานพาหนะให้ในกรณีที่ พยาบาลหรือแพทย์พิจารณา แล้วต้องนำส่งโรงพยาบาล
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 29 การเข้าสู่แผนอพยพหนีไฟ มีขั้นตอนการปฏิบัติการอพยพหนีไฟ ดังนี้ 1. ผู้นำทางหนีไฟ จะเป็นผู้นำทางอพยพหนีไฟตามทางออกที่จัดไว้ไปยังพื้นที่เตรียมการรองรับการ อพยพที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นจุดนัดพบ หรือจุดรวมพล ห้ามหนีและไม่ควรผ่านด้านที่เกิดเพลิงไหม้หากมีกลุ่ม ควันให้คลานต่ำ และห้ามใช้ลิฟท์เป็นทางหนีไฟ 2. ผู้มีหน้าที่ตรวจสอบให้ตรวจสอบยอดจำนวนคน (หัวหน้ากลุ่มงาน/หัวหน้ากลุ่มสาระฯ/ ครูที่ปรึกษา/ครูประจำวิชา ) พร้อมรายงานต่อผู้อำนวยการดับเพลิง หากพบว่ายังอพยพหนีออกมาไม่ครบ จำนวนจริงจะได้มีการค้นหาเพื่อช่วยชีวิตต่อไป 3. หน่วยปฐมพยาบาล ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น - ในกรณีมีผู้เป็นลมหมดสติให้รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วทันที - การอพยพเคลื่อนย้าย การอพยพเคลื่อนย้ายออกนอกอาคารไม่ควรทำโดยพละการ นอกจากมีเสียงกริ่งสัญญาณ เตือนภัยที่ติดตั้งบริเวณทางเดินส่วนกลางของแต่ละชั้นดังขึ้น การอพยพ เคลื่อนย้ายที่จำเป็นต้องรีบเร่งโดยมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือ มีควันไฟกระจายไปทั่วทุกชั้น หรือจะมีอันตราย ถ้าจะหนีไปทางบันไดหนีไฟ หรือไฟลุกลาม แพร่กระจายไปมากแล้ว จนไม่สามารถควบคุมได้ การอพยพเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากชั้นต่าง ๆ ให้หัวหน้าสำนัก/กอง/ศูนย์/กลุ่ม หรือผู้ที่ได้รับ มอบหมายจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะต้องให้อพยพเคลื่อนย้ายออกจากอาคารเพียงบางชั้นหรือทุกชั้น ซึ่งหากต้องการอพยพเจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายออกจาก อาคารควรปฏิบัติ ดังนี้ - กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ชั้นใด ให้สำนัก/กอง/ศูนย์/กลุ่ม หรือเจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายในชั้นนั้น อพยพ เคลื่อนย้ายออกจากอาคารไปก่อน รวมทั้งชั้นที่อยู่เหนือกว่า และชั้นที่อยู่ต่ำกว่า 1 ชั้น ส่วนชั้นที่เหลือให้ รีบอพยพเคลื่อนย้ายตามออกไป ถ้าทุกคนปฏิบัติตามที่กล่าวมาข้างต้นนี้ได้ ก็สามารถหลีกเลี่ยงการตื่นตระหนก ตกใจและช่วยลด อุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นในช่วงระหว่างทางลงบันไดหนีไฟได้
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 30 แผนบรรเทาทุกข์ เป็นการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อฟื้นฟูสภาพสิ่งที่ถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายจากการเกิด อัคคีภัยได้รับการช่วยเหลือ แก้ไขให้กับคืนสู่สภาพเดิมหรือดีกว่าเดิม รวมทั้งให้ผู้ประสบภัยสามารถดำรงชีวิต ตามสภาพปกติได้โดยเร็ว โดยดำเนินการตามแผนบรรเทาทุกข์ ดังนี้ 1. การประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ 2. การสำรวจความเสียหาย 3. การรายงานตัวของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และกำหนดจุดนัดพบของบุคลากรเพื่อรอรับคำสั่ง 4. การช่วยชีวิตและขุดค้นหาผู้เสียชีวิต 5. การเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย ทรัพย์สินของผู้เสียชีวิต 6. การประเมินความเสียหาย ผลการปฏิบัติงานและรายงานสถานการณ์เพลิงไหม้ 7. การช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้ประสบภัย 8. การปรับปรุงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้โดยเร็วที่สุด การกำหนดหน้าที่รับผิดชอบของผู้ปฏิบัติการในแผนบรรเทาทุกข์ ผู้ปฏิบัติงาน หน้าที่รับผิดชอบ 1. การประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ 2. การสำรวจความเสียหาย 3. การรายงานตัวของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และกำหนดจุดนัดพบของบุคลากร 4. การช่วยชีวิตและค้นหาผู้ประสบภัย ผู้อำนวยการสถานศึกษา รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารทั่วไป หัวหน้างานอาคารสถานที่ หัวหน้าตึก/อาคาร หัวหน้างานบุคลากร หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ประจำตึก/อาคาร ครูที่ปรึกษา/ครูประจำวิชา หัวหน้างานรักษาความปลอดภัย (กิจการนักเรียน) หัวหน้างานอาคารสถานที่ หัวหน้างานอนามัยโรงเรียน หัวหน้างานยานพาหนะ
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 31 ผู้ปฏิบัติงาน หน้าที่รับผิดชอบ 5. การเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย ทรัพย์สิน และผู้เสียชีวิต 6. การประเมินความเสียหาย ผลการปฏิบัติงาน และการรายงาน สถานการณ์เพลิงไหม้ 7. การช่วยเหลือ สงเคราะห์ผู้ประสบภัย 8. การปรับปรุงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้สามารถดำเนินการได้โดยเร็วที่สุด หัวหน้างานรักษาความปลอดภัย (กิจการนักเรียน) หัวหน้างานพัสดุโรงเรียน หัวหน้างานอนามัยโรงเรียน หัวหน้างานยานพาหนะ ผู้อำนวยการสถานศึกษา รองผู้อำนวยการกลุ่มที่เกี่ยวข้อง หัวหน้างานอาคารสถานที่ หัวหน้างานพัสดุโรงเรียน ผู้อำนวยการสถานศึกษา รองผู้อำนวยการกลุ่มที่เกี่ยวข้อง หัวหน้างานอาคารสถานที่ ผู้อำนวยการสถานศึกษา รองผู้อำนวยการกลุ่มที่เกี่ยวข้อง หัวหน้างานอาคารสถานที่
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 32 แผนปฏิรูปฟื้นฟู แผนปฏิรูป ได้แก่การนำรายงานผลการประเมินจากทุกด้าน จากสถานการณ์จริงมาปรับปรุง แก้ไข โดยเฉพาะแผนการป้องกันอัคคีภัย (ก่อนเกิดเหตุ) แผนปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ แผนบรรเทาทุกข์ (ทันทีที่เพลิงสงบ) รวมทั้งการปรับปรุงแก้ไขตัวบุคลากรต่าง ๆ ที่บกพร่อง โดยดำเนินการตามแผนการฟื้นฟู บูรณะ ดังนี้ 1) ให้ความช่วยเหลือและปฏิบัติฟื้นฟูบูรณะขั้นต้น โดยการจัดตั้ง “หน่วยบรรเทาทุกข์” ร่วมกับ “หน่วยระงับภัย” 2) ปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บและผู้ป่วยจากเหตุเพลิงไหม้ และดำเนินการส่งต่ออย่างถูกต้อง 3) ขนย้ายผู้ประสบภัยและทรัพย์สินไปยังที่ปลอดภัย 4) สำรวจความเสียหายและความต้องการด้านต่าง ๆ 5) ปฏิบัติการประชาสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างขวัญและกำลังใจเจ้าหน้าที่ให้กลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว 6) ปรับปรุงซ่อมแซมแก้ไขความเสียหายให้กลับคืนสู่สภาพปกติ 7) รักษาความสงบเรียบร้อยของพื้นที่เกิดเหตุ
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 33 ภาคผนวก
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคี
คีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 34
แนวการจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย โรงเรียนนครสวรรค์ 35 สแกน QR Code เอกสารที่เกี่ยวข้อง