รายงานการสารวจทรพั ยากรป่ าไม้
อทุ ยานแหง่ ชาตนิ ้าพอง
สว่ นสำรวจและวเิ ครำะหท์ รพั ยำกรป่ ำไมส้ ำนักฟื้นฟูและพฒั นำพนื้ ทอ่ี นุรกั ษ ์
กรมอทุ ยำนแหง่ ชำติ สตั วป์ ่ ำ และพนั ธพุ ์ ชื พ.ศ. 2557
บทสรุปสำหรับผู้บริหำร
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช โดยส่วนสารวจและวเิ คราะห์
ทรัพยากรป่าไม้ ไดท้ าการวางแปลงสารวจเกบ็ ข้อมูลทรัพยากรปา่ ไม้ในอุทยานแหง่ ชาติน้าพอง ซง่ึ มเี น้ือทแี่ นบ
ทา้ ยกฤษฎกี าเท่ากบั 123,125 ไร่ หรือ (ประมาณ 197 ตารางกโิ ลเมตร) คลอบคลุมพื้นที่อาเภออุบลรัตน์ อาเภอ
บา้ นฝาง อาเภอหนองเรอื อาเภอมญั จาคีรี และกิง่ อาเภอโคกโพธ์ไิ ชย จงั หวดั ขอนแก่น รวมทง้ั พนื้ ท่ีบางส่วนของ
อาเภอบ้านแทน่ อาเภอแกง้ ครอ้ จังหวดั ชัยภมู ิ
โดยได้ทาการวางแปลงตัวอย่างวงกลม ขนาด 0.1 เฮกแตร์ (0.625 ไร่) ระยะ 2.5x2.5 กิโลเมตร
จานวน 33 แปลง สามารถแบ่งตามสัดสว่ นทส่ี ารวจพบได้ชนดิ ปา่ 4 ประเภท ดังน้ี
1. ป่าดิบแล้ง คิดเป็นร้อยละ 6.06 มคี วามหนาแน่นเฉลยี่ 175.20 ตน้ ตอ่ ไร่ (ปริมาตร 19.46
ลกู บาศกเ์ มตรตอ่ ไร)่
2. ป่าเบญจพรรณ คิดเป็นร้อยละ 45.45 มีความหนาแน่นเฉล่ีย 113.92 ต้นต่อไร่ ปริมาตร
10.30 ลูกบาศก์เมตรตอ่ ไร่
3. ปา่ เต็งรัง คิดเปน็ ร้อยละ 45.45 มคี วามหนาแน่นเฉลย่ี 171.31 ตน้ ไร่ ปริมาตร 17.10
ลกู บาศก์เมตรต่อไร่
4. ป่าฟื้นฟูตามธรรมชาติ คิดเป็นร้อยละ 3.03 มีความหนาแน่นเฉลี่ย 6.40 ต้นต่อไร่ ปริมาตร
0.48 ลูกบาศกเ์ มตรตอ่ ไร่
จากผลการสารวจสามารถสรุปภาพรวมของอุทยานแห่งชาติน้าพอง พบพันธ์ุไม้มากกว่า 148 ชนิด หมู่
ไม้มีความหนาแน่นเฉล่ยี 140.46 ต้นต่อไร่ และ มีปริมาตรเฉล่ีย 13.65 ลกู บาศกเ์ มตรต่อไร่ ลูกไม้ (Sapling) มี
ความหนาแน่นเฉล่ีย 173.58 ต้นต่อไร่ กล้าไม้ (Seedling) มีความหนาแน่นเฉล่ีย 5,236.36 ต้นต่อไร่ และมี
คา่ ความหนาแน่นของตอไม้เฉล่ยี 9.41 ตอตอ่ ไร่
ชนิดไม้ท่ีพบมาก 10 ลาดับแรก ได้แก่ แดง (Xylia xylocarpa) ประดู่ (Pterocarpus macrocarpus) เต็ง
(Shorea obtusa) รัง (Shorea siamensis) รักใหญ่ (Gluta usitata) เหียง (Dipterocarpus obtusifolius) สา
ธร (Millettia leucantha) มะกอกเกลื้อน (Canarium subulatum) มะนาวผี (Atalantia monophylla)
และกระบก (Irvingia malayana) ตามลาดบั
ชนิดไม้ท่ีมีปริมาตรมาก 10 ลาดับแรกได้แก่ ประดู่ (Pterocarpus macrocarpus) เต็ง (Shorea
obtusa) รงั (Shorea siamensis) แดง (Xylia xylocarpa) เหยี ง (Dipterocarpus obtusifolius) รกั ใหญ่
(Gluta usitata) กระบก (Irvingia malayana) มะกอกเกลื้อน (Canarium subulatum) สาธร (Millettia
leucantha) และมะค่าโมง (Afzelia xylocarpa) ตามลาดบั
ลูกไม้ (Sapling) พบมากกว่า 51 ชนิด มีความหนาแน่นเฉลี่ยเท่ากับ 173.58 ต้นต่อไร่ ลูกไม้ท่ีพบมาก 5
ลาดับแรก ได้แก่ มะนาวผี (Atalantia monophylla) เต็ง (Shorea obtusa) แดง (Xylia xylocarpa) รัง
การสารวจทรพั ยากรป่าไม้
พนื้ ทอ่ี ุทยานแหง่ ชาตินา้ พอง
(Shorea siamensis) และเสี้ยวป่า (Bauhinia saccocalyx) ตามลาดับ จากการสารวจพบลูกไม้มากท่ีสุด
ในป่าเบญจพรรณรองลงมา คือ ป่าเต็งรงั ทุ่งหญ้าธรรมชาติ และปา่ ดบิ แลง้ ตามลาดับ
กล้าไม้ (Seedling) พบมากกว่า 72 ชนิด มีความหนาแน่นเฉลี่ยเท่ากับ 5,236.36 ต้นต่อไร่ โดยกล้าไม้ที่มี
ปรมิ าณมากทีส่ ุด 5 อันดบั แรก ไดแ้ ก่ ปอพราน (Colona auriculata) แดง (Xylia xylocarpa) คาแสด
(Mallotus philippensis) เต็ง (Shorea obtusa) และสาธร (Millettia leucantha) ตามลาดับ
เมอ่ื ทาการประเมนิ ทรัพยากรปา่ ไม้ในพืน้ ท่ีของอทุ ยานแหง่ ชาติน้าพอง โดยใช้สดั ส่วนของแปลงสารวจ
กับขนาดของพ้ืนท่ีแนบท้ายกฤษฎีกา (123,125 ไร่) สรุปผลดังน้ี มีปริมาณไม้รวม 17,294,212 ต้น คิดเป็น
ปริมาตรไม้ 1,680,415.85 ลูกบาศก์เมตร มีลูกไม้ (Sapling) จานวน 21,371,515 ต้น กล้าไม้ (Seedling)
จานวน 644,727,273 ต้น มีไผ่ (Bamboo) จานวน 2,125,212 กอ รวม 32,427,394 ลา มีตอไม้ (Tree Stump)
จานวน 1,158,121 ตอ
ในส่วนของการประเมินขนาดความโตของหมู่ไม้ พบว่า มีไม้ยืนที่มีขนาด GBH ต้ังแต่ 15-45 เซนติเมตร
จานวน 12,357,273 ตน้ และ GBH มากกว่า 45-100 เซนติเมตร จานวน 4,638,455 ตน้ และ GBH มากกว่า
100 เซนติเมตร จานวน 298,485 ตน้ คดิ เปน็ ร้อยละ 71.45, 26.82 และ 1.73 ตามลาดบั
จากการวเิ คราะหข์ ้อมลู สงั คมพชื และความหลากหลายทางชีวภาพ ในพ้ืนทีข่ องอุทยานฯ พบว่า
1. ชนิดไม้ที่มีความถี่ (Frequency) มากท่ีสุด คือ แดง (Xylia xylocarpa) รองลงมา คือ ประดู่
(Pterocarpus macrocarpus) และมะกอกเกล้ือน (Canarium subulatum)
2. ชนิดไม้ท่ีมีความหนาแนน่ ของพชื พรรณ (Density) มากท่สี ุด คอื แดง (Xylia xylocarpa) รองลงมา คอื
ประดู่ (Pterocarpus macrocarpus) และ เต็ง (Shorea obtusa)
3. ชนิดไม้ท่ีทีความเด่น (Dominance) มากท่ีสุด คือ ประดู่ (Pterocarpus macrocarpus) รองลงมา คือ
เต็ง (Shorea obtusa) และ รงั (Shorea siamensis)
4. ชนิดไม้ทมี่ ีค่าความสาคัญทางนิเวศวิทยา (IVI) มากท่สี ดุ คือ แดง (Xylia xylocarpa) รองลงมา คือ
ประดู่ (Pterocarpus macrocarpus) และเต็ง (Shorea obtusa)
5. ข้อมูลเก่ียวกับความหลากหลายทางชีวภาพ พบว่า ป่าเบญจพรรณ มีความหลากหลายของชนิด
พันธุ์ไม้ (Species Diversity) ความมากมายของชนิดพันธุ์ไม้ (Species Richness) และความสม่าเสมอของ
ชนดิ พันธุ์ไม้ (Species Evenness) มากทีส่ ดุ มาก
การสารวจทรพั ยากรปา่ ไม้
พนื้ ท่ีอทุ ยานแห่งชาติน้าพอง
สารบัญ i
เร่อื ง หนา้
สารบัญ i
สารบญั ตาราง iii
สารบัญภาพ iv
คานา 1
วัตถุประสงค์ 2
พน้ื ที่การดาเนินงาน 2
2
ประวตั ิความเปน็ มา 2
ลักษณะภมู ิประเทศ 3
ลกั ษณะภูมอิ ากาศ 3
การเดินทาง 3
สถานทีท่ ่องเทย่ี ว 4
รปู แบบและวิธีการสารวจทรัพยากรปา่ ไม้ 4
การสุม่ ตัวอย่าง (Sampling Design) 5
รปู ร่างและขนาดของแปลงตวั อย่าง (Plot Design) 6
ขนาดของแปลงตวั อยา่ งและขอ้ มูลท่ีทาการสารวจ 6
การวเิ คราะห์ข้อมูลการสารวจทรพั ยากรป่าไม้ 6
1. การคานวณเนื้อทป่ี ่าและปริมาณไม้ทงั้ หมด 6
2. การคานวณปรมิ าตรไม้ 7
3. ข้อมูลทว่ั ไป 8
4. การวิเคราะห์ข้อมูลองค์ประกอบของหมู่ไม้ 8
5. การวิเคราะห์ข้อมูลชนิดและปริมาณของไผ่ หวาย 8
6. การวเิ คราะห์ข้อมูลสงั คมพืช 9
7. วเิ คราะห์ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ความหลากหลายทางชวี ภาพ
ผลการสารวจและวเิ คราะห์ขอ้ มูลทรพั ยากรป่าไม้ 10
1. แปลงตัวอยา่ ง 10
2. พนื้ ท่ีป่า 11
3. ปริมาณไม้ 16
4. ชนิดพนั ธ์ไุ ม้ 19
5. สงั คมพืช 29
6. ความหลากหลายทางชวี ภาพ 34
สารบัญ (ตอ่ ) ii
สรุปผลการสารวจและวเิ คราะห์ข้อมูลทรพั ยากรป่าไม้ หนา้
วิจารณ์ผล 35
ปญั หาและอปุ สรรค 38
ข้อเสนอแนะ 38
เอกสารอ้างองิ 38
ภาคผนวก 40
41
iii
สารบัญตาราง
ตารางที่ หนา้
1 ขนาดของแปลงตวั อย่างและขอ้ มลู ทที่ าการสารวจ 6
2 พนื้ ที่ป่าไม้จาแนกตามลกั ษณะการใช้ประโยชนท์ ่ีดนิ (Area by Landuse Type) 11
3 ปริมาณไม้ท้ังหมดตามลักษณะการใช้ประโยชน์ท่ีดินในอุทยานแห่งชาติน้าพอง (Volume by
Landuse type) 16
4 ความหนาแน่นและปริมาตรไม้ต่อหน่วยพื้นท่ีจาแนกตามลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดินใน
อทุ ยานแหง่ ชาตินา้ พอง (Density and Volume per Area by Landuse Type) 17
5 การกระจายของตน้ ไม้ในแต่ละชว่ งขนาดความโต 19
6 ปริมาณไมท้ ัง้ หมดของอทุ ยานแห่งชาตนิ า้ พอง (30 ชนดิ แรกทม่ี ีปริมาตรไม้สงู สดุ ) 22
7 ปรมิ าณไมใ้ นปา่ ดิบแล้งของอทุ ยานแห่งชาตนิ ้าพอง (30 ชนิดแรกทมี่ ีปริมาตรไมส้ งู สดุ ) 23
8 ปริมาณไมใ้ นปา่ เบญจพรรณของอทุ ยานแห่งชาตินา้ พอง (30 ชนดิ แรกทม่ี ปี รมิ าตรไม้สูงสดุ ) 24
9 ปรมิ าณไมใ้ นป่าเตง็ รังของอุทยานแห่งชาตนิ ้าพอง (30 ชนิดแรกทม่ี ีปริมาตรไม้สงู สดุ ) 25
10 ปริมาณไม้ในปา่ ฟน้ื ฟธู รรมชาติของอทุ ยานแหง่ ชาตินา้ พอง 26
11 ชนิดและปรมิ าณของลูกไม้ (Sapling) (30 ชนิดแรกท่มี ีปรมิ าณไมส้ ูงสดุ ) 26
12 ชนดิ และปรมิ าณของกลา้ ไม้ (Seedling) (30 ชนดิ แรกที่มปี รมิ าณไมส้ งู สดุ ) 27
13 ชนิดและปริมาณไมไ้ ผท่ พ่ี บในอุทยานแงชาติแหง่ ชาติน้าพอง 28
14 ชนดิ และปรมิ าณของตอไม้ (Stump) 28
15 ดัชนีความสาคัญของชนิดไม้ (Importance Value Index: IVI) ของป่าดิบแล้งในอุทยาน
แห่งชาตนิ า้ พอง (20 อันดบั แรก) 30
16 ดัชนีความสาคัญของชนิดไม้ (Importance Value Index: IVI) ของป่าเบณจพรรณในอุทยาน
แห่งชาตนิ า้ พอง (20 อนั ดับแรก) 31
17 ดัชนีความสาคัญของชนิดไม้ (Importance Value Index: IVI) ของป่าเต็งรังในอุทยาน
แห่งชาตินา้ พอง (20 อันดับแรก) 32
18 ดัชนีความสาคัญของชนิดไม้ (Importance Value Index: IVI) ของป่าฟ้ืนฟูธรรมชาติใน
อุทยานแหง่ ชาตนิ า้ พอง 33
19 ความหลากหลายทางชวี ภาพของชนดิ พนั ธุ์ไมอ้ ทุ ยานแหง่ ชาตินา้ พอง 34
สารบัญภาพ iv
ภาพท่ี หนา้
1 รปู แบบและขนาดของแปลงตัวอย่าง 5
2 พกิ ัดตาแหนง่ แปลงตัวอย่าง 10
3 พนื้ ทีป่ ่าไม้จาแนกตามลักษณะการใช้ประโยชน์ท่ดี นิ ในพนื้ ที่อทุ ยานแหง่ ชาตนิ า้ พอง 11
4 ลักษณะของปา่ ดิบแลง้ ท่สี ารวจพบในพน้ื ทอ่ี ุทยานแหง่ ชาตินา้ พอง 12
5 ลักษณะของป่าเบญจพรรณท่ีสารวจพบในพ้ืนท่ีอทุ ยานแห่งชาตนิ ้าพอง 13
6 ลักษณะของปา่ เต็งรงั ทส่ี ารวจพบในพื้นท่อี ุทยานแหง่ ชาติน้าพอง 14
7 ลักษณะของปา่ ฟนื้ ฟตู ามธรรมชาติทีส่ ารวจพบในพ้นื ท่ีอุทยานแหง่ ชาตนิ า้ พอง 15
8 ปริมาณไม้ท้ังหมดที่พบในอุทยานแหง่ ชาตนิ า้ พอง 16
9 ปรมิ าตรไม้ทั้งหมดในอุทยานแห่งชาติน้าพอง 17
10 ความหนาแน่นของไม้ทั้งหมดในอทุ ยานแห่งชาตนิ า้ พอง 18
11 ปริมาตรไม้ (ลบ.ม./ไร่) ในพนื้ ทอ่ี ทุ ยานแหง่ ชาติน้าพอง 18
12 การกระจายของต้นไม้ในแตล่ ะชว่ งขนาดความโต 19
1
คาํ นํา
ในปจจุบันประเทศไทยมีพ้ืนท่ีปาไมเหลืออยูรอยละ 33.56 ของพื้นท่ีประเทศ (สถิติปาไม, 2553) ซ่ึง
พ้ืนที่ดังกลาวสวนใหญอยูในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ซึ่งมีหนาท่ีที่จะตอง
อนุรักษ สงวน และฟนฟูทรัพยากรปาไม ใหสามารถตอบสนองความตองการของประชาชนในประเทศไดอยาง
ยั่งยืน จึงจําเปนที่จะตองทราบถึงสถานภาพและศักยภาพของทรัพยากร โดยเฉพาะทรัพยากรปาไม รวมท้ัง
ความหลากหลายทางชีวภาพที่มีอยูในพื้นท่ีปาไม ตลอดจนปจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมท่ีมีผลตอการบุกรุก
ทาํ ลายปา
สวนสํารวจและวิเคราะหทรัพยากรปา ไม สํานักพ้ืนฟูและพัฒนาพื้นท่ีอนุรักษ รับผิดชอบในการสาํ รวจ
เก็บขอมูลทรัพยากรปาไมในพ้ืนท่ีอนุรักษท่ัวประเทศ เพื่อรวบรวมเปนฐานขอมูลในการดาํ เนินงานในกิจกรรม
ท่ีมีความเกี่ยวของกับความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งใชในการประเมินสถานภาพและศักยภาพของ
ทรัพยากรปาไมและสวนที่เก่ียวของเพื่อนําไปใชในการพัฒนาพื้นท่ีอนุรักษ หรือใชเปนตนแบบในการดําเนินการใน
พ้นื ทอี่ ่นื ๆ ตอไป
ในปงบประมาณ 2557 สวนสํารวจและวิเคราะหทรัพยากรปาไม โดยกลุมสํารวจทรัพยากรปาไมได
ดําเนินการสํารวจทรัพยากรปาไมในพ้ืนท่ีอุทยานแหงชาติน้ําพอง เพื่อประเมินสถานภาพและศักยภาพของ
ทรัพยากรปาไม โดยผลการสํารวจจะแสดงใหทราบถึงความหลากหลายของพืชพรรณในแตละสภาพพ้ืนที่
รวมท้ัง ชนิด ปริมาณ ปริมาตรของไม ตลอดจนปริมาณกลาไมและลูกไม ซ่ึงขอมูลดังกลาวสามารถนําไปใชใน
การประเมินการสืบตอพันธุตามธรรมชาติและความสมบูรณของหมูไมในอนาคตตอไปนอกจากนี้ยังสามารถใช
ในการติดตามความเปล่ียนแปลงของทรัพยากรปาไม ซ่ึงสามารถนําไปใชประเมินมูลคาทางดานเศรษฐกิจและ
สิง่ แวดลอ มตอ ไป
การสาํ รวจทรพั ยากรปา ไม
พ้นื ท่อี ทุ ยานแหงชาตนิ ้าํ พอง
2
วตั ถุประสงค
1. ทาํ การสํารวจเกบ็ ขอ มลู ทรพั ยากรปา ไม เพอื่ ใหทราบขอมลู พืน้ ฐานเก่ียวกบั สถานภาพ และศักยภาพ
ของทรัพยากรปาไม ความหลากหลายของพันธุพืช รวมถึงปริมาณและกําลังผลิตของไมในพื้นที่ตลอดจนการ
สบื พันธุตามธรรมชาติของหมไู ม
2. สามารถประเมินมูลคาทรัพยากรปาไม และมูลคาความเสียหายหรือสูญเสีย หากมีการดําเนินการ
โครงการทส่ี งผลกระทบตอ พ้ืนทีอ่ นุรกั ษ
3. เพอื่ ติดตามการเปลยี่ นแปลงของทรัพยากรปา ไมในพ้ืนท่ี
ประวตั คิ วามเปนมา พน้ื ทกี่ ารดาํ เนนิ งาน
อุทยานแหงชาติน้ําพอง เปนชื่อเรียกตามตนกําเนิดลํานํ้าพอง ท่ีไหลมารวมกับอางเก็บน้ําเข่ือนอุบล
รัตน (เดิมชื่ออางเก็บนํ้าน้ําพอง) เปนอุทยานแหงชาติที่จัดตั้งข้ึนตามขอเสนอของจังหวัดขอนแกน มีเนื้อท่ี
ประมาณ 197 ตารางกิโลเมตร หรือ 123,125 ไร ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม 117 ตอนที่ 105ก ลงวันที่
15 พฤศจิกายน 2543 ครอบคลุมพ้ืนทีป่ าสงวนแหงชาติ ปา โสกแต ปา ภูเม็ง ปาโคกหลวง ปา โคกหลวงแปลงท่ีสาม
ปาภูผาดํา ปาภผู าแดง ในเขตอําเภออุบลรตั น อาํ เภอบานฝาง อาํ เภอหนองเรือ อําเภอมญั จาครี ี และกงิ่ อําเภอ
โคกโพธ์ไิ ชย จังหวดั ขอนแกน รวมทั้งพืน้ ท่ีบางสว นของ อาํ เภอบานแทน อําเภอแกงครอ จงั หวัดชยั ภมู ิ
หนวยงานในพ้ืนท่ี
- ทีท่ าํ การอทุ ยานแหง ชาตินํ้าพอง
- หนว ยพทิ ักษอุทยานแหงชาตนิ ้าํ พอง ท่ี นพ. 1 (หนองสองหอง)
- หนวยพทิ ักษอทุ ยานฯ (ช่วั คราว) ท่ี นพ. 2 (หินชางส)ี
- หนวยพิทักษอทุ ยานฯ (ชั่วคราว) ที่ นพ. 3 (นํา้ ตกหวยเข)
- สวนปาโสกแต
ลกั ษณะภมู ิประเทศ
สภาพพื้นที่โดยทั่วไป มีลักษณะสัณฐานธรณีเปนภูเขาหินทราย ไดแก หินชุดเขาวิหาร หินชุด
ภูกระดึง และหินชุดเสาขัว สภาพทางปฐพีเปนดินรวนปนทราย ไดแก ดินชุดโคราช ดินชุดสตึก ดินชุดบรบือ
และดินชุดน้ําพอง โดยประกอบดวยเทือกเขาท่ีสําคัญ ๆ ไดแก เทือกเขาภูพานคํา ภูเม็ง และภูผาดําภูผาแดง
มีความสูงจากระดับน้ําทะเลปานกลางโดยเฉลี่ยประมาณ 200-600 เมตร คลายกับเทือกเขาท่ัว ๆ ไปของภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเทือกเขาเหลานี้ทอดตัวเปนแนวยาวจากทิศเหนือสูทิศใต ขนานกับอางเก็บนํ้าเข่ือน
อบุ ลรัตน เปนแหลงกาํ เนิดตน น้ําลําธารสวนหน่ึงของลํานาํ้ ทีส่ ําคัญหลายสาย เชน ลํานํา้ พอง ลาํ น้าํ เชญิ ลํานํา้ ชี
เปน ตน แบง พน้ื ท่ีไดเปน 2 สว น คือ สวนทอี่ ยใู นเทือกเขาภูพานคํา ดา นทิศเหนือและดานทิศใตอยูในเทือกเขาภูเม็ง
การสาํ รวจทรพั ยากรปาไม
พ้นื ทอี่ ทุ ยานแหงชาตนิ ํา้ พอง
3
และภูผาดําภูผาแดง พื้นที่ดานทิศตะวันตกมีสภาพลาดชัน สลับกับหนาผาในบางชวง จรดท่ีราบอางเก็บน้ํา
ดา นลาง สว นพ้ืนที่ดา นทศิ ตะวันออกเปนท่ีราบเชงิ เขา
ลกั ษณะภมู ิอากาศ
ฤดูกาลของอุทยานแหงชาตินํ้าพองแบงออกเปน 3 ฤดู คือ ฤดูรอน ระหวางเดือนมีนาคม-พฤษภาคม
อุณหภูมิเฉลี่ยจะรอนจัดในเดือนเมษายน ฤดูฝน ระหวางเดือนมิถุนายน-ตุลาคม ปริมาณนํ้าฝนจะตกมากชวง
เดือนสิงหาคม-ตุลาคม ฤดูหนาว ระหวางเดือนพฤศจิกายน-เดือนกุมภาพันธ อุณหภูมิเฉลี่ยตํ่าสุดในเดือนมกราคม
ซึ่งไดรับอิทธิพลจากรองความกดอากาศสูงทางตอนใตของประเทศจีน โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งป ตํ่าสุด 23.8
องศาเซลเซียส สูงสดุ 30.7 องศาเซลเซียส มปี ริมาณนํา้ ฝนโดยเฉล่ยี ท้งั ป ประมาณ 1,145.3 มลิ ลเิ มตร
การเดนิ ทาง
รถยนต สําหรับการเดินทางมาอุทยานแหงชาตินา้ํ พองสามารถเดินทางได 2 ทาง คอื
1. จากตวั เมอื งขอนแกนตามทางหลวงแผนดินหมายเลข 12 (ไปอําเภอชมุ แพ) ถงึ กม. 30 กลับรถแลว
จะมีแยกเล้ียวซาย (บานดอนดู) เดินทางตามทางหลวงชนบทหมายเลข ขก. 2015 มาอีกประมาณ 5 กิโลเมตร จะ
มีสามแยก (หนองแสง) เลี้ยวขวาไปเขื่อนอุบลรัตนตามทางหลวงชนบทหมายเลข ขก. 4014 เดินทางผานบาน
หนองผือ และบานดอนกอก ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ก็จะถึงท่ีทําการอุทยานแหงชาติ ซึ่งตั้งอยูบนเชงิ
เขาดานขวามือ รวมระยะทางประมาณ 49 กโิ ลเมตร
2. จากขอนแกน-อําเภออุบลรัตน ตามทางหลวงแผนดินหมายเลข 2 (ไปจังหวัดอุดรธานี) แยกซายเขา
อําเภออุบลรัตน ตามทางหลวงแผนดินหมายเลข 2109 ถึงตัวอําเภอจะมีแยกเลี้ยวซายตามทางหลวงชนบท
หมายเลข ขก. 4014 (หนองแสง-ทาเรือ) เดินทางเลาะรมิ เข่ือนอุบลรัตนมาอีกประมาณ 20 กิโลเมตร ก็จะถึงที่
ทาํ การอทุ ยานฯ รวมระยะทางประมาณ 65 กโิ ลเมตร
สถานท่ีทองเท่ียว
1. อางเกบ็ น้ําเขื่อนอุบลรัตน
เปนจุดชมวิวทิวทัศนของอางเก็บน้ําเขื่อนอุบลรัตน บริเวณหนาที่ทําการอุทยานแหงชาติ สามารถ
สัมผัสวิถีชีวิตของชาวประมงพ้ืนบานในยามเชา สวนยามเย็นชมความงดงามของตะวันลับขอบฟา ซึ่งบริเวณนี้
เหมาะสาํ หรับการพักผอ นหยอนใจ ต้ังแคมปพ กั แรม เลน นาํ้ ตลอดจนกิจกรรมสันทนาการตา ง ๆ
2. พลาญชาด หรอื ลานชาด
ลักษณะเปนลานหินกวาง มีพันธุไมเดน เรียกวา ตนชาด ขึ้นอยู และสามารถชมทัศนียภาพของผืนปาที่
สวยงามของอทุ ยานแหงชาตนิ ํ้าพอ
3. ผาจนั ได
ต้ังอยูบนเทือกเขาภูเม็ง ทองที่ตําบลคําแคน อําเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแกน เปนหนาผาที่มีกอนหิน
ต้งั อยู มรี ูปรา งแปลกตา ซง่ึ มีตนจนั ไดข้นึ อยู และสามารถชมทวิ ทัศนของผืนปาของเทือกเขาภุเม็งท่ีมีความอุดม
สมบรู ณท ี่งดงามยิง่ นัก
การสํารวจทรพั ยากรปาไม
พืน้ ทอี่ ุทยานแหง ชาติน้าํ พอง
4
4. หินชางสี
เปนประติมากรรมทางธรรมชาติที่วิจิตร ตระการตา ซึ่งธรรมชาติไดปรุงแตงผืนปาอันเขียวขจีแทรกอยูกับ
กลุมหินทรายขนาดใหญ รูปรางแปลกตา ประวัติความเปนมาของหินชางสี แตเดิมพื้นท่ีปาแหงนี้ มีความอุดม
สมบูรณ มีชา งปา และสัตวปานานาชนิดอาศัยอยูเ ปนจํานวนมาก โดยพบโปงดนิ ทม่ี ีรอยแทะกนิ ของสตั ว และท่ีบรเิ วณ
โขดหนิ ทีม่ รี อยแทะกนิ ของสตั ว มีรองรอยโคลนดินและขนชาง ทเี่ กิดจากการเสียดสีผวิ หนงั ของชางปา เปนทมี่ า
ของชื่อ หินชางสี มาจนถึงปจจุบัน ซึ่งมีจุดทองเท่ียวท่ีนาสนใจในบริเวณนี้ ไดแก กลุมหินชางสี จุดชมวิวหินหัว
กะโหลก โปงธรรมชาติ นาํ้ ในโพรงหิน และภาพเขยี นสสี ลักกอนประวัติศาสตร
5. ผาสวรรค
เปนลานหินขนาดใหญยื่นออกไป ทอดตัวในแนวทิศเหนือและทิศตะวันตก ถือไดวาเปนจุดชมวิว
ทิวทัศนท่ีสวยงามไมแพหินชา งสี อยูหางจากหินชางสีไปทางทิศเหนอื ประมาณ 2-3 กิโลเมตร โดยการเดินเทา
สามารถชมทวิ ทศั นของอา งเกบ็ นํา้ เขือ่ นอบุ ลรัตนแ ละผืนปาทีส่ วยงาม
6. ถาํ้ ชาง
ตั้งอยูบนเทือกเขาภูพานคํา ทองท่ีตําบลทุงโปง อําเภออุบลรัตน จังหวัดขอนแกน เปนพลาญหินกวาง ใจ
กลางเปนบอ น้าํ ซับมีนํา้ อยตู ลอดป สามารถรับประทานได นอกจากน้ียังมีถํ้าหินทราย สูง 7-8 เมตร
7. สวนหนิ ปะการัง
ตั้งอยูเทือกเขาภูพานคํา ทองท่ีตําบลโคกงาม อําเภอบานฝาง จังหวัดขอนแกน เปนลานหินกวาง ที่มี
ลักษณะหินท่ีเกิดจากการกัดกรอนของธรรมชาติ ซึ่งเปนประติมากรรมทางธรณีที่สวยงาม อยูหางจากหินชางสี
ประมาณ 1.5 กิโลเมตร ทางดานทศิ เหนอื
8. นํ้าตกหวยเข
ต้ังอยูบนเทือกเขาภูเม็ง ทองที่ตําบลคําแคน อําเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแกน ซึ่งอยูในความ
รับผิดชอบของหนวยพิทักษอุทยานฯ (ช่ัวคราว) ท่ี นพ. 3 เปนนํ้าตกท่ีเกิดจากลําหวยยางและลําหวยกุดบาก
ไหลมารวมเปนลําหวยเข สามารถเที่ยวชมน้ําตก เลนนํ้า พักผอนหยอนใจ ศึกษาธรรมชาติและจัดกิจกรรม
นนั ทนาการตา ง ๆ
รปู แบบและวิธีการสํารวจทรัพยากรปา ไม
การสมุ ตวั อยา ง (Sampling Design)
ในการสํารวจทรัพยากรปาไม ใชวิธีการสุมตัวอยางแบบเปนระบบ (Systematic Sampling) โดย
วางแปลงตัวอยาง (Sample plot) แบบวงกลมขนาด 0.1 เฮกแตร ระยะ 2.5x2.5 กิโลเมตร ทั่วท้ังพ้ืนที่ โดย
เริ่มจากการสุมแปลงตัวอยางแรกลง ณ จุดตัดของเสนกริด (Grid) บนแผนท่ีประเทศไทย มาตราสวน 1 : 50,000 ซ่ึง
เปน พืน้ ที่ท่ีภาพถา ยดาวเทียมแปลวามีสภาพเปน ปา ลักษณะของแปลงตัวอยางแสดงดงั ภาพที่ 9
การสํารวจทรัพยากรปา ไม
พนื้ ท่อี ทุ ยานแหงชาตินา้ํ พอง
5
ภาพท่ี 1 รปู แบบและขนาดของแปลงตัวอยา ง
รปู แบบและขนาดของแปลงตวั อยาง (Plot Design)
แปลงตวั อยา ง (Sample Plot) ท่ีใชในการสาํ รวจมีทงั้ แปลงตัวอยางถาวรและแปลงตวั อยางชั่วคราวเปน
แปลงทม่ี ีขนาดคงที่ (Fixed Area Plot) และมีรูปรา ง 2 ลักษณะดวยกนั คือ
1. รปู วงกลม (Circular Plot)
1.1 รปู วงกลมท่ีมจี ดุ ศูนยก ลางรว มกัน รัศมีแตกตางกันจาํ นวน 3 วง คือ วงกลมรัศมี 3.99, 12.62 และ
17.84 เมตร ตามลาํ ดับ
1.2 รูปวงกลมท่ีมีรัศมีเทากัน จุดศูนยกลางตางกันจํานวน 4 วงรัศมี 0.631 เมตร เทากัน โดยจุด
ศนู ยก ลางของวงกลมอยูบนเสนรอบวงของวงกลมรัศมี 3.99 เมตร ตามทิศหลกั ท้งั 4 ทิศ
2. แบบเสนตรง (Intersect Line) จํานวน 2 เสน ความยาวเสนละ 17.84 เมตร โดยมีจดุ เรม่ิ ตนรว มกัน
ณ จุดศูนยกลางแปลงตวั อยาง ทาํ มุมฉากซง่ึ กันและกัน ซึง่ คา มุม Azimuth ของเสน ท่ี 1 ไดจากการสมุ ตวั อยาง
การสํารวจทรัพยากรปา ไม
พืน้ ท่อี ทุ ยานแหง ชาตินํ้าพอง
6
ขนาดของแปลงตวั อยางและขอมลู ท่ที าํ การสํารวจ
ขนาดของแปลงตัวอยาง และขอมลู ที่ทาํ การสํารวจแสดงรายละเอียดไวใ นตารางที่ 1
ตารางที่ 1 ขนาดของแปลงตัวอยางและขอมูลท่ดี าํ เนินการสาํ รวจ
รัศมีของวงกลม หรือ จาํ นวน พน้ื ท/่ี ความยาว ขอมลู ทสี่ าํ รวจ
ความยาว (เมตร)
0.631 4 วง 0.0005 เฮกตาร กลา ไม (Seedling)
3.99 1 วง 0.005 เฮกตาร ลกู ไม (Sapling) และการปกคลมุ พืน้ ท่ีของกลาไม
(Seedling) และลกู ไม (Sapling)
12.62 1 วง 0.05 เฮกตาร ไผ หวายที่ยังไมเ ล้อื ย และตอไม
17.84 1 วง 0.1 เฮกตาร ตนไมและตรวจสอบปจ จยั ท่รี บกวนพ้ืนที่ปา
17.84 (เสน ตรง) 2 เสน 17.84 เมตร Coarse Woody Debris (CWD) หวายเลอ้ื ย
และไมเถาทพ่ี าดผาน
การวิเคราะหขอ มลู การสาํ รวจทรัพยากรปาไม
1. การคาํ นวณเนื้อทปี่ าและปริมาณไมทัง้ หมด
1.1 ใชขอมลู พ้ืนทจี่ ากแผนทแี่ นบทายกฤษฎกี า
1.2 ใชสัดสวนชนิดปาจากแปลงตัวอยางที่สํารวจพบ เปรียบเทียบกับจํานวนแปลงตัวอยางทัง้ หมด
ในพน้ื ที่
1.3 ในกรณีท่ีไมสามารถเขาถึงแปลงตัวอยางได ใหประเมินสภาพพ้ืนที่ของแปลงตัวอยางจากภาพถาย
ดาวเทยี มหรือภาพถา ยทางอากาศ แลว นํารวมกันเพอ่ื คํานวณเปนเนือ้ ท่ีปา แตละชนดิ
1.4 ปรมิ าณไมท ้งั หมดของพ้ืนท่ี เปนการประมาณโดยใชขอ มูลพื้นท่ีจากแผนท่ีแนบทา ยกฤษฎกี า
2. การคํานวณปรมิ าตรไม
สมการปริมาตรไมที่ใชในการประเมินการกักเก็บธาตุคารบอนในพื้นที่ปาไม แบบวิธี Volume based
approach โดยแบงกลุมของชนิดไมเ ปน จํานวน 7 กลมุ ดงั นี้
กลุมที่ 1 ไดแก ยาง เต็ง รัง เหียง พลวง กระบาก เคี่ยม ตะเคียน สยา ไขเขียว พะยอม จันทนกะพอ
สนสองใบ
ใชสมการ ln V = 2.372083 + 2.443847 ln (DBH/100)
R2 = 0.94, sample size = 188
กลุมที่ 2 ไดแก กระพี้จั่น กระพ้ีเขาควาย เก็ดดํา เก็ดแดง เก็ดขาว เถาวัลยเปรียง พะยูง ชิงชัน กระพ้ี
ถอ น แดง ขะเจาะ แคทราย แคฝอย และสกลุ มะเกลือ
ใชสมการ ln V = 2.134494 + 2.363034 ln (DBH/100)
การสํารวจทรัพยากรปา ไม
พน้ื ท่ีอทุ ยานแหงชาตนิ ้ําพอง
7
R2 = 0.91, sample size = 135
กลุมที่ 3 ไดแก รกฟา สมอพิเภก สมอไทย หูกวาง หูกระจง ตีนนก ข้ีอาย กระบก ตะคร้ํา ตะครอ
ตาเสือ คางคาว สะเดา ยมหอม ยมหิน กระทอน เลี่ยน มะฮอกกานี ข้ีอาย ตะบูน ตะบัน รัก ติ้ว สะแกแสง ปู
เจา และไมสกุลสา น เสลา อินทนิล ตะแบก ชะมวง สารภี บนุ นาค
ใชสมการ ln V = 1.880578 + 2.053321 ln (DBH/100)
R2 = 0.89, sample size = 186
กลุมที่ 4 ไดแก กางขี้มอด คูน พฤกษ มะคาโมง นนทรี กระถินพิมาน มะขามปา หลุมพอ และสกุล
ข้ีเหล็ก
ใชส มการ ln V = 1.789563 + 2.025666 ln (DBH/100)
R2 = 0.90, sample size = 36
กลมุ ท่ี 5 ไดแก สกุลประดู เติม
ใชส มการ ln V = 2.037096 + 2.299618 ln (DBH/100)
R2 = 0.94, sample size = 99
กลุม ที่ 6 ไดแก สัก ตนี นก ผาเสี้ยน หมากเลก็ หมากนอ ย ไขเนา กระจับเขา กาสามปก สวอง
ใชส มการ ln V = 2.119907 + 2.296511 ln (DBH/100)
R2 = 0.94, sample size = 186
กลุมที่ 7 ไดแก ไมชนิดอ่ืน ๆ เชน กุก ขวาว ง้ิวปา ทองหลางปา มะมวงปา ซอ โมกมัน แสมสาร และ
ไมใ นสกลุ ปอ กอ เปลา เปนตน
ใชส มการ ln V = 2.250111 + 2.414209 ln (DBH/100)
R2 = 0.93, sample size = 138
โดยท่ี V คือ ปริมาตรสวนลําตน เมื่อตัดโคน ทีค่ วามสงู เหนือพน้ื ดนิ (โคน) 10 เซนติเมตร
ถงึ กงิ่ แรกท่ีทําเปนสินคาได มีหนวยเปนลูกบาศกเมตร
DBH มหี นว ยเปนเซนติเมตร
ln = natural logarithm
3. ขอมูลท่ัวไป
ขอมูลท่ัวไปท่ีนําไปใชประกอบการวิเคราะห ไดแก ตําแหนงแปลง ชวงเวลาท่ีเก็บขอมูล ผูที่ทําการเก็บ
ขอมูล ความสูงจากระดับนํ้าทะเล และสภาพปา เปนตน โดยขอมูลเหลาน้ีจะใชประกอบในการวิเคราะหและ
ประเมินผลรวมกับขอมูลดานอ่ืน ๆ เพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่และทรัพยากรปาไมในการสํารวจ
ครัง้ ตอ ไป
การสาํ รวจทรัพยากรปา ไม
พืน้ ท่อี ทุ ยานแหง ชาตินํ้าพอง
8
4. การวิเคราะหขอมูลองคประกอบของหมูไม
4.1 ความหนาแนน
4.2 ปริมาตร
4.3 ขอ มูลชนิดและปรมิ าณของลกู ไม (Sapling)
4.4 ขอมูลชนดิ และปริมาณของกลา ไม (Seedling)
5. การวเิ คราะหข อมลู ชนดิ และปริมาณของไมไผ หวาย
5.1 ความหนาแนน ของไมไ ผ (จาํ นวนกอ และ จํานวนลํา)
5.2 ความหนาแนน ของหวายเสนต้ัง (จํานวนตน)
6. การวิเคราะหข อ มูลสังคมพืช
การวิเคราะหขอมูลสังคมพืชในดานความถี่ (Frequency) ความหนาแนน (Density) ความเดน
(Dominance) และความสําคัญทางนิเวศวิทยา (Important value index, IVI) โดยมีรายละเอียดการวิเคราะห
ขอ มูลดังนี้
6.1 ความหนาแนนของพรรณพืช (Density : D) คือ จํานวนตนทั้งหมดของไมแตละชนิด ท่ีพบในแปลง
ตวั อยา งตอ เนื้อท่ีของพื้นDทaี่ท่ีทาํ กา=รสํารวจ จํานวนตน ทงั้ หมดของไมช นิดนัน้ .
พนื้ ท่ีแปลงตัวอยางท้ังหมดทีท่ ําการสาํ รวจ
6.2 ความถ่ี (Frequency : F) คือ อัตรารอยละของจํานวนแปลงตัวอยางที่พบพันธุไมชนิดน้ัน ตอ
จาํ นวนแปลงทัง้ หมดทที่ าํ การสํารวจ
Fa = จํานวนแปลงตวั อยางที่พบไมชนิดทีก่ าํ หนด X 100
จาํ นวนแปลงตัวอยา งทั้งหมดท่ีทาํ การสาํ รวจ
6.3 ความเดน (Dominance : Do) ใชความเดนดานพ้ืนที่หนาตัด (Basal Area : BA) หมายถึง
พ้นื ทห่ี นาตดั ของตน ไมท ่ีระดับ1.30 เมตรตอพน้ื ท่ีทท่ี าํ การสํารวจ
Do = พน้ื ท่ีหนา ตดั ท้ังหมดของไมช นิดที่กาํ หนด X 100
พนื้ ท่ีแปลงตวั อยา งที่ทาํ การสาํ รวจ
6.4 คาความหนาแนนสัมพัทธ (Relative Density : RD) คือ คาความสัมพัทธของความหนาแนนของไม
แตละชนิดตอ คาความหนาแนน ของไมท ุกชนิดในแปลงตวั อยาง คดิ เปน รอยละ
RDa = ความหนาแนน ของไมชนิดน้ัน X 100
ความหนาแนน รวมของไมทุกชนิด
การสํารวจทรัพยากรปา ไม
พื้นทอ่ี ุทยานแหง ชาตนิ ํ้าพอง
9
6.5 คาความถ่ีสัมพัทธ (Relative Frequency: RF) คือ คาความสัมพัทธของความถ่ีของแตละชนิดไม
ตอ คา ความถที่ ้ังหมดของไมทกุ ชนดิ ในแปลงตวั อยาง คิดเปน รอยละ
RFa = ความถี่ของไมชนดิ นน้ั X 100
6.6 คาความเดนสัมพัทธ (RelคaวtาivมeถD่ีรวoมmขiอnงaไnมcทeกุ :ชRนDดิ o) คือ คาความสัมพันธของความเดนในรูป
พ้ืนทห่ี นา ตัดของไมแ ตล ะชนดิ ตอความเดน รวมของไมทกุ ชนดิ ในแปลงตัวอยา ง คิดเปนรอยละ
RDoa = ความเดน ของไมชนดิ นนั้ X 100
ความเดน รวมของไมทกุ ชนดิ
6.7 คาดัชนคี วามสาํ คัญของชนิดไม (Importance Value Index: IVI) คอื ผลรวมของคาความสมั พัทธ
ตาง ๆ ของชนดิ ไมในสงั คมพืชประกอบดว ย คา ความสัมพัทธดา นความหนาแนน คาความสัมพัทธด านความถ่ี
และคา ความสัมพัทธดานความเดน
IVI = RD + RF + RDo
7. วเิ คราะหขอ มูลเกีย่ วกับความหลากหลายทางชวี ภาพ โดยทาํ การวเิ คราะหค าตาง ๆ ดงั น้ี
7.1 ความหลากหลายของชนิดพันธุ (Species Diversity) คิดจากจํานวนชนิดพันธุที่ปรากฏในสังคม
และจํานวนตน ท่ีมีในแตล ะชนิดพนั ธุ โดยใชด ัชนีความหลากหลายของ Shannon-Wiener Index of Diversity
ตามวธิ กี ารของ Kreb (1972) ซึง่ มีสตู รการคํานวณดังตอ ไปน้ี
โดย H คือ คาดัชนคี วามหลากชนดิ ของชนิดพนั ธุไ ม
Pi คอื สดั สว นระหวางจํานวนตนไมช นิดท่ี i ตอจาํ นวนตน ไมทงั้ หมด
S คือ จํานวนชนดิ พนั ธไุ มทัง้ หมด
7.2 ความรํา่ รวยของชนดิ พันธุ (Richness Indices) อาศัยความสัมพันธร ะหวา งจาํ นวนชนิดกับจํานวน
ตนท้ังหมดท่ีทําการสํารวจ ซึ่งจะเพิ่มข้ึนเม่ือเพ่ิมพ้ืนท่ีแปลงตัวอยาง และดัชนีความร่ํารวย ท่ีนิยมใชกัน คือ วิธี
ของ Margalef Index และ Menhinick Index (Margalef 1958, Menhinick 1964) โดยมีสูตรการคํานวณ
ดังนี้
(1) Margalef Index (R1)
R1 = (S-1)
ln(n)
(2) Menhinick Index (R2)
R2 = S
√
การสํารวจทรพั ยากรปาไม
พื้นทอี่ ทุ ยานแหงชาติน้าํ พอง
10
เม่อื S คือ จาํ นวนชนิดทง้ั หมดในสงั คม
n คือ จาํ นวนตนท้งั หมดที่สํารวจพบ
7.3 ความสม่ําเสมอของชนดิ พันธุ (Evenness Indices) เปนดัชนีที่ตั้งอยูบนสมมติฐานท่ีวา ดัชนีความ
สมํ่าเสมอจะมีคามากท่ีสุดเมื่อทุกชนิดในสังคมมีจํานวนตนเทากันท้ังหมด ซ่ึงวิธีการท่ีนิยมใชกันมากในหมูนัก
นิเวศวทิ ยา คือ วิธีของ Pielou (1975) ซ่ึงมีสูตรการคาํ นวณดังนี้
E = H/ ln(S)
= ln (N1)/ln (N0)
เม่ือ H คือ คา ดัชนีความหลากหลายของ Shannon-Wiener
S คอื จํานวนชนดิ ทัง้ หมด (N0)
N1 คอื eH
ผลการสํารวจและวิเคราะหขอ มลู ทรัพยากรปาไม
1. แปลงตัวอยาง
ทําการวางแปลงตัวอยางแบบวงกลม ขนาด 0.1 เฮกแตร ระยะหาง 2.5x2.5 กิโลเมตร กระจาย
ครอบคลุมพน้ื ที่อทุ ยานฯ (123,125 ไร หรือ 197 ตารางกโิ ลเมตร) จาํ นวนท้งั สิ้น 33 แปลง แสดงดังภาพที่ 2
ภาพท่ี 2 พิกดั ตาํ แหนง แปลงตวั อยาง
การสาํ รวจทรพั ยากรปา ไม
พื้นทีอ่ ุทยานแหง ชาตินาํ้ พอง
11
2. พ้นื ทีป่ า ไม
จากผลการสํารวจ สามารถจําแนกสภาพพ้ืนท่ีปา ได 4 ประเภท ดังนี้ ปาดิบแลง ปาเบญจพรรณ ปา
เต็งรัง และทุงหญา แสดงดังภาพท่ี 3 โดยปาเบญจพรรณและปาเต็งรังพบมากท่ีสุด มีพ้ืนที่เทากันคือ 89.55
ตารางกโิ ลเมตร (55,965.91 ไร) คิดเปนรอ ยละ 45.45 ของพื้นที่ท้ังหมด รองลงมา คือ ปาดบิ แลง มพี นื้ ท่ี 11.94
ตารางกิโลเมตร (7,462.12 ไร) คิดเปนรอยละ 6.06 ของพื้นท่ีทั้งหมด และปาฟนฟูตามธรรมชาติ มีพ้ืนท่ี 5.97
ตารางกิโลเมตร (3,731.06 ไร) คิดเปน รอยละ 3.03 ของพื้นท่ีท้งั หมด แสดงดังตารางที่ 2
ภาพที่ 3 พนื้ ที่ปา ไมจ าํ แนกตามลกั ษณะการใชประโยชนท่ดี ินในพน้ื ท่ีอุทยานแหงชาตินํา้ พอง
ตารางท่ี 2 พื้นทีป่ าไมจําแนกตามลกั ษณะการใชป ระโยชนทด่ี นิ (Area by Landuse Type)
ลักษณะการใชป ระโยชนท ่ีดนิ พื้นท่ี รอยละ
(Landuse Type) ตร.กม. ไร เฮกแตร ของพื้นทีท่ ง้ั หมด
ปาดิบแลง 11.94 7,462.12 1,193.94 6.06
(Dry Evergreen Forest)
ปา เบญจพรรณ 89.55 55,965.91 8,954.55 45.45
(Mixed Deciduous Forest)
ปา เตง็ รัง 89.55 55,965.91 8,954.55 45.45
(Dry Dipterocarp Forest)
ปา ฟน ฟตู ามธรรมชาติ 5.97 3,731.06 596.97 3.03
(Regrowth Forest)
รวม 197.01 23,125.00 19,700.01 100.00
หมายเหตุ เนอื้ ทป่ี า แตละชนิดคํานวณจากสดั สวนของขอ มูลแปลงตัวอยางที่พบจากการสาํ รวจภาคสนาม
และใชพ นื้ ทแ่ี นบทายกฤษฎีกาของอทุ ยานแหง ชาตนิ ้ําพอง เทากับ 197 ตารางกิโลเมตร หรอื 123,125 ไร
ในการคาํ นวณหาพน้ื ทช่ี นิดปา
การสาํ รวจทรัพยากรปา ไม
พ้นื ทอ่ี ุทยานแหงชาตนิ าํ้ พอง
12
ภาพที่ 4 ลกั ษณะของปา ดิบแลงที่สํารวจพบในพนื้ ทอ่ี ุทยานแหงชาตินํ้าพอง
การสาํ รวจทรัพยากรปา ไม
พ้ืนทอี่ ุทยานแหงชาตินํ้าพอง
13
ภาพท่ี 5 ลกั ษณะของปา เบญจพรรณที่สาํ รวจพบในพื้นทอี่ ทุ ยานแหงชาติน้ําพอง
การสาํ รวจทรัพยากรปาไม
พ้นื ทีอ่ ุทยานแหง ชาตินํา้ พอง
14
ภาพที่ 6 ลกั ษณะของปาเตง็ รังที่สํารวจพบในพนื้ ทอ่ี ุทยานแหงชาตินํ้าพอง
การสํารวจทรัพยากรปา ไม
พ้ืนทอ่ี ุทยานแหง ชาตินํ้าพอง
15
ภาพท่ี 7 ลกั ษณะของปาฟนฟูตามธรรมชาติทีส่ าํ รวจพบในพน้ื ที่อทุ ยานแหงชาตนิ า้ํ พอง
การสํารวจทรพั ยากรปา ไม
พ้นื ที่อทุ ยานแหงชาตนิ ํา้ พอง
16
3. ปรมิ าณไม
ในการประเมินปริมาณ ปริมาตร และความหนาแนนของหมูไมในพื้นท่ีอุทยานฯ พบวา ไมยืนตนที่มี
ความสูงมากกวา 1.30 เมตร และมีขนาดเสนรอบวงเพียงอก (GBH) ตั้งแต 15 เซนติเมตรขึ้นไป มีจํานวนมากกวา
147 ชนิด รวม 17,294,212 ตน คิดเปนปริมาตรไม 1,680,323.97 ลูกบากศเมตร มีความหนาแนนของหมูไม
เฉลี่ย 140.46 ตนตอไร คิดเปนปริมาตรไมเฉลี่ย 13.65 ลูกบาศกเมตรตอไร ปาเต็งรังเปนปาท่ีมีปริมาณไมมาก
ที่สุดประมาณ 9,587,333 ตน รองลงมา ไดแก ปาเบญจพรรณ มีจํานวน 6,375,636 ตน สําหรับปริมาตรไม
พบวา ปาเต็งรังมีปริมาตรมากท่ีสุด ประมาณ 957,217.73 ลูกบาศกเมตร รองลงมา ไดแก ปาเบญจพรรณ
จาํ นวน 576,371.78 ลกู บาศกเมตร แสดงดังตารางท่ี 3 และ 4 ตามลาํ ดบั
ตารางที่ 3 ปริมาณไมท ั้งหมดตามลักษณะการใชป ระโยชนท ีด่ ินในอทุ ยานแหงชาตินํา้ พอง
(Volume by Landuse type)
ลกั ษณะการใชป ระโยชนท ด่ี ิน ปรมิ าณไมท ัง้ หมด
(Landuse Type) จาํ นวน (ตน) ปรมิ าตร (ลบ.ม.)
ปาดบิ แลง 1,307,364 145,197.80
(Dry Evergreen Forest)
ปา เบญจพรรณ 6,375,636 576,297.09
(Mixed Deciduous Forest)
ปาเตง็ รงั 9,587,333 957,138.03
(Dry Dipterocarp Forest)
ปาฟนฟตู ามธรรมชาติ 23,879 1,782.93
(Regrowth Forest)
รวม 17,294,212 1,680,415.85
ภาพท่ี 8 ปริมาณไมท ง้ั หมดท่พี บในอุทยานแหง ชาตนิ ้ําพอง
การสาํ รวจทรัพยากรปาไม
พื้นทอี่ ทุ ยานแหง ชาติน้ําพอง
17
ภาพท่ี 9 ปริมาตรไมท้ังหมดในอทุ ยานแหง ชาตินํา้ พอง
ตารางท่ี 4 ความหนาแนน และปริมาตรไมตอหนวยพื้นที่จาํ แนกตามลกั ษณะการใชป ระโยชนท ่ีดิน
ในอุทยานแหงชาตินํ้าพอง (Density and Volume per Area by Landuse Type)
ลักษณะการใชประโยชนท ด่ี ิน ความหนาแนน ปรมิ าตร
(Landuse Type) ตน/ไร ตน /เฮกตาร ลบ.ม./ไร ลบ.ม./เฮกตาร
ปาดิบแลง 175.20 1,095.00 19.46 121.41
(Dry Evergreen Forest)
ปา เบญจพรรณ 113.92 712.00 10.30 64.37
(Mixed Deciduous Forest)
ปา เตง็ รัง 171.31 1,070.67 17.10 106.90
(Dry Dipterocarp Forest)
ปาฟนฟูตามธรรมชาติ 6.40 40.00 0.48 2.99
(Growth Forest)
เฉล่ยี 140.46 877.88 13.65 85.30
การสาํ รวจทรพั ยากรปาไม
พนื้ ที่อุทยานแหงชาตนิ ํา้ พอง
18
ความหนานแน่นตน้ ไม้ตอ่ หน่วยพ�นื ท�ีจําแนกตามลั
ในอุทยานแหง่ ชาตนิ ํ�าพอง
200.00 175.20 171.31
180.00
ความหนาแ( ่น้ต /นไ ่ร) 160.00 113.92
140.00
120.00 6.40
100.00 ป่าฟืน� ฟตู ามธรรมชาติ
80.00
60.00
40.00
20.00
0.00
ป่าดบิ แล้ง ปา่ เบญจพรรณ ป่าเตง็ รัง
ภาพที่ 10 ความหนาแนนของไมทั้งหมดในอุทยานแหงชาติน้ําพอง
ปริมาตรไม้ต่อหนว่ ยพน�ื ที�จาํ แนกตามลักษณะการใ
ในอทยานแหง่ ชาตนิ �าํ พอง
20.00 19.46 17.10
18.00
16.00
ป ิรมา (ตลร.บม./ไ)่ร 14.00
12.00 10.30
10.00
8.00
6.00
4.00
2.00 0.48
0.00
ปา่ ดิบแล้ง ปา่ เบญจพรรณ ป่าเต็งรงั ป่าฟื�นฟูตามธรรมชาติ
ภาพที่ 11 ปริมาตรไม (ลบ.ม./ไร) ในพื้นท่ีอุทยานแหง ชาตนิ ํา้ พอง
การสาํ รวจทรพั ยากรปาไม
พื้นที่อุทยานแหงชาติน้ําพอง
19
ตารางที่ 5 การกระจายของตน ไมใ นแตละชวงขนาดความโต
ขนาดความโต (GBH) ปรมิ าณไมท ัง้ หมด (ตน ) รอยละ (%)
71.45
15 - 45 ซม. 12,357,273 26.82
1.73
> 45 - 100 ซม. 4,638,455
100.00
>100 ซม. 298,485
รวม 17,294,212
26.82% การกระจายของตน้ ไม้ในแตล่ ะช(่วGBงHข)นาด
ในอทยานแหง่ ชา(ต%ิน) ํา� พอง
1.73%
ความโ1ต5- 45ซม.
ความโ>ต45- 100ซม.
ความโ>ต100ซม.
71.45%
ภาพท่ี 12 การกระจายของตนไมใ นแตล ะชว งขนาดความโต
4. ชนิดพันธุไม
พันธุไ มจ ําแนกโดยเจาหนาที่ทท่ี ําการสํารวจและคนในพ้ืนที่ที่มาชวยเก็บขอมลู ซงึ่ บางครงั้ อาจจะไดชื่อ
ประจําถนิ่ หรือชื่อพน้ื เมือง และในกรณีท่ีไมส ามารถจาํ แนกชนิดไดจะทําการเก็บตัวอยางชนิดพันธุไมนน้ั ๆ แลว
นํามาใหผูเชี่ยวชาญดานพันธุไมของสํานักหอพรรณไม กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ชวยจําแนกชื่อ
วิทยาศาสตรท ีถ่ กู ตองใหต อ ไป
ผลการสาํ รวจทรพั ยากรปา ไมในพื้นท่ีอุทยานแหง ชาตินาํ้ พองในป 2557
1. พบชนิดพันธุไม 47 วงศ มากกวา 148 ชนิด มีปริมาณไมรวม 17,294,212 ตน คิดเปนปริมาตร
ไมรวม 1,680,415.85 ลูกบาศกเมตร หมูไมมีคาความหนาแนนเฉล่ีย 140.46 ตนตอไร มีปริมาตรไมเฉล่ีย
13.65 ลูกบาศกเ มตรตอไร
ชนิดไมท่ีมีปริมาตรมาก 10 ลําดับแรก ไดแก ประดู (Pterocarpus macrocarpus) เต็ง (Shorea
obtusa) รัง (Shorea siamensis) แดง (Xylia xylocarpa) เหียง (Dipterocarpus obtusifolius) รักใหญ
(Gluta usitata) กระบก (Irvingia malayana) มะกอกเกล้ือน (Canarium subulatum) สาธร (Millettia
leucantha) และ มะคา โมง (Afzelia xylocarpa) ตามลําดับแสดงในตารางท่ี 6
การสาํ รวจทรัพยากรปาไม
พื้นท่อี ทุ ยานแหงชาตนิ ้าํ พอง
20
2. ปา ดิบแลง มปี ริมาณไมร วม 1,307,364 ตน คดิ เปนปริมาตรไมร วม 145,197.80 ลกู บาศกเ มตร มีคา
ความหนาแนน เฉลย่ี 175.20 ตนตอไร มีปรมิ าตรไมเฉล่ีย 19.46 ลูกบาศกเ มตรตอไร
ชนิดไมที่มีปริมาตรมาก 10 อันดับแรก ไดแก คอแลน (Nephelium hypoleucum) จิกดง
(Barringtonia pauciflora) อบเชย (Cinnamomum bejolghota) แกว (Murraya paniculata) มะนาวผี
(Atalantia monophylla) ยางโดน (Polyalthia asteriella) ปออีเกง (Pterocymbium tinctorium) ตะเคียนหิน
(Hopea ferrea) คําแสด (Mallotus philippensis) และตะเคยี นทอง (Hopea odorata) แสดงในตารางที่ 7
3. ปาเบญจพรรณ มปี รมิ าณไมร วม 6,375,636 ตน คิดเปน ปริมาตรไมรวม 576,297.09 ลูกบาศกเมตร มีคา
ความหนาแนน เฉลยี่ 113.92 ตน ตอ ไร มปี ริมาตรไมเฉลยี่ 10.30 ลูกบาศกเมตรตอไร
ชนิดไมที่มีปริมาตรมาก 10 อันดับแรก ไดแก ประดู (Pterocarpus macrocarpus) มะคาโมง
(Afzelia xylocarpa) มะกลํ่าตาไก (Adenanthera microsperma) แดง (Xylia xylocarpa) ยูคาลิปตัส
(Eucalyptus camaldulensis) ตะแบกแดง (agerstroemia calyculata) อะราง (Peltophorum dasyrachis)
กอกกัน (Rhus javanica) มะนาวผี (Atalantia monophylla) และ ตะแบกเปลือกบาง (Lagerstroemia
duperreana) แสดงในตารางที่ 8
4. ปา เตง็ รัง มีปรมิ าณไมรวม 9,587,333 ตน มปี ริมาตร 957,138.03 ลกู บาศกเ มตร มีคาความ
หนาแนนเฉลี่ย 171.31 ตนตอไร มีปริมาตรไมเฉลย่ี 17.10 ลกู บาศกเมตรตอไร
ชนิดไมท่ีมีปริมาตรมาก 10 อนั ดบั แรก ไดแ ก เตง็ (Shorea obtusa) รงั (Shorea siamensis) ประดู
(Pterocarpus macrocarpus) แดง (Xylia xylocarpa) เหียง (Dipterocarpus obtusifolius) รักใหญ (Gluta
usitata) กระบก(Irvingia malayana) มะกอกเกล้ือน (Canarium subulatum) ส าธ ร (Millettia
leucantha) และ มะเกลอื เลอื ด (Terminalia mucronata) แสดงในตารางที่ 9
5. ปา ฟน ฟตู ามธรรมชาติ มีปริมาณไมรวม 23,879 ตน คิดเปนปริมาตรเทากับ 1,782.93 ลูกบาศกเมตร
มีคา ความหนาแนนเฉลีย่ 6.40 ตนตอไร มปี ริมาตรไมเฉล่ีย 0.48 ลกู บาศกเมตรตอไร
ชนิดไมที่มีปริมาตรไมมากท่ีสุด ไดแก โมกมัน (Wrightia arborea) รองลงมา คือ ลาย (Microcos
paniculata) แสดงในตารางที่10
6. ลูกไม (Sapling) มีมากกวา 51 ชนิด รวมท้ังส้ิน 21,371,515 ตน มีความหนาแนนเฉลี่ย 173.58
ตน ตอไร
ลูกไมที่มีปริมาณมาก 10 อันดับแรก ไดแก มะนาวผี (Atalantia monophylla) เต็ง (Shorea
obtusa) แดง (Xylia xylocarpa) รัง (Shorea siamensis) เส้ียวปา (Bauhinia saccocalyx) ตะเคียนหนู
(Anogeissus acuminata) เส้ียวใหญ (Bauhinia malabarica) เหียง (Dipterocarpus obtusifolius) เข็มปา
(Ixora cibdela) และชงโค (Bauhinia purpurea) แสดงดงั ตารางท่ี 11
การสํารวจทรพั ยากรปาไม
พน้ื ทอ่ี ทุ ยานแหงชาตนิ ้ําพอง
21
7. กลาไม (Seedling) มีมากกวา 72 ชนิด รวมท้ังสิ้น 644,727,273 ตน มีความหนาแนน 5236.36
ตน ตอไร
กลาไมที่มีปริมาณมาก 10 อันดับแรก ไดแก ปอพราน (Colona auriculata) แดง (Xylia xylocarpa)
คําแสด (Mallotus philippensis) เต็ง (Shorea obtusa) สาธร (Millettia leucantha) คนั แหลม (Spathiostemon
moniliformis) มะนาวผี (Atalantia monophylla) เหียง (Ficus hispida) ลาย (Microcos paniculata)
และตีนนก (Vitex pinnata) แสดงในตารางที่ 12
8. ไผ (Bamboo) สํารวจพบ 4 ชนิด ไดแก ไผซาง (Dendrocalamus strictus) ไผไร (Gigantochloa
albociliata) ไผรวก (Thyrsostachys siamensis) และไผปา (Bambusa bambos) มีปริมาณไมไผจํานวน
2,125,212 กอ รวมทัง้ ส้นิ 32,427,394 ลาํ แสดงในตารางที่ 13
9. ตอไม (Tree stump) พบมากกวา 23 ชนิด รวมทั้งส้ิน 1,158,121 ตอ มีความหนาแนน 9.41 ตอ
ตอไร ตอไมท่ีพบมาก ไดแก เต็ง (Shorea obtusa) แดง (Xylia xylocarpa) และรักใหญ (Gluta usitata)
ตามลาํ ดบั แสดงในตารางท่ี 14
การสาํ รวจทรพั ยากรปา ไม
พ้ืนท่อี ุทยานแหงชาตินาํ้ พอง
22
ตารางท่ี 6 ปริมาณไมท ้งั หมดของอทุ ยานแหงชาตนิ ํา้ พอง (30 ชนดิ แรกที่มปี ริมาตรไมสูงสุด)
ลําดบั ชนิดพันธไุ ม ช่ือวทิ ยาศาสตร ปริมาณไม ปริมาตรไม ความหนาแนน ปรมิ าตร
(ตน ) (ลบ.ม.) (ตน/ไร) (ลบ.ม./ไร)
1 ประดู Pterocarpus macrocarpus 1,170,061 160,482.68 9.50 1.30
1.30
2 เต็ง Shorea obtusa 1,104,394 160,090.86 8.97 1.18
0.95
3 รัง Shorea siamensis 973,061 144,895.42 7.90 0.59
0.52
4 แดง Xylia xylocarpa 1,904,333 117,027.42 15.47 0.47
0.37
5 เหยี ง Dipterocarpus obtusifolius 746,212 72,942.14 6.06 0.29
0.26
6 รักใหญ Gluta usitata 937,242 63,911.20 7.61 0.23
0.23
7 กระบก Irvingia malayana 262,667 57,835.41 2.13 0.23
0.19
8 มะกอกเกลอ้ื น Canarium subulatum 417,879 45,870.74 3.39 0.18
0.18
9 สาธร Millettia leucantha 591,000 35,189.45 4.80 0.18
0.17
10 มะคาโมง Afzelia xylocarpa 137,303 32,175.56 1.12 0.16
0.14
11 มะเกลอื เลอื ด Terminalia mucronata 202,970 28,621.75 1.65 0.14
0.13
12 ยคู าลิปตัส Eucalyptus camaldulensis 143,273 28,479.89 1.16 0.12
0.11
13 มะกลํา่ ตาไก Adenanthera microsperma 167,152 28,446.44 1.36 0.11
0.10
14 พฤกษ Albizia lebbeck 95,515 23,839.11 0.78 0.10
0.09
15 ตะแบกแดง Lagerstroemia calyculata 250,727 22,764.60 2.04 0.09
0.09
16 กอกกัน Rhus javanica 185,061 22,711.51 1.50 3.42
17 มะนาวผี Atalantia monophylla 280,576 21,568.94 2.28 13.65
18 อะราง Peltophorum dasyrachis 173,121 20,880.02 1.41
19 ง้วิ ปา Bombax anceps 173,121 19,575.63 1.41
20 คอแลน Nephelium hypoleucum 155,212 17,654.73 1.26
21 ตะแบกเปลอื กบาง Lagerstroemia duperreana 89,545 17,315.96 0.73
22 ขวาว Haldina cordifolia 208,939 16,025.42 1.70
23 ฉนวน Dalbergia nigrescens 226,848 14,862.84 1.84
24 ตีนนก Vitex pinnata 125,364 13,365.75 1.02
25 ยางโดน Polyalthia asteriella 41,788 13,000.47 0.34
26 แคหางคาง Fernandoa adenophylla 244,758 12,744.85 1.99
27 คาํ รอก Ellipanthus tomentosus 77,606 12,743.86 0.63
28 จกิ ดง Barringtonia pauciflora 35,818 11,654.35 0.29
29 ตะครอ Schleichera oleosa 47,758 11,068.49 0.39
30 โมกมนั Wrightia arborea 155,212 10,987.44 1.26
31 อ่นื ๆ Others 5,969,697 421,682.93 48.48
รวม 17,294,212 1,680,415.85 140.46
หมายเหตุ : พันธุไมที่สาํ รวจพบมากกวา 148 ชนดิ
การสาํ รวจทรพั ยากรปา ไม
พื้นทอ่ี ทุ ยานแหง ชาตินา้ํ พอง
23
ตารางท่ี 7 ปริมาณไมใ นปา ดบิ แลง ของอุทยานแหง ชาตินํ้าพอง (30 ชนิดแรกท่มี ีปรมิ าตรไมส งู สดุ )
ลาํ ดับ ชนดิ พันธไุ ม ช่อื วิทยาศาสตร ปรมิ าณไม ปริมาตรไม ความหนาแนน ปริมาตร
(ตน ) (ลบ.ม.) (ตน/ไร) (ลบ.ม./ไร)
1 คอแลน Nephelium hypoleucum 143,273 16,886.32 19.20 2.26
2 จกิ ดง Barringtonia pauciflora 35,818 11,654.35 4.80 1.56
3 อบเชย Cinnamomum bejolghota 23,879 9,204.80 3.20 1.23
4 แกว Murraya paniculata 77,606 8,633.76 10.40 1.16
5 มะนาวผี Atalantia monophylla 83,576 6,723.62 11.20 0.90
6 ยางโดน Polyalthia asteriella 5,970 6,446.24 0.80 0.86
7 ปออีเกง Pterocymbium tinctorium 77,606 5,463.03 10.40 0.73
8 ตะเคยี นหนิ Hopea ferrea 17,909 5,130.80 2.40 0.69
9 คําแสด Mallotus philippensis 65,667 4,390.46 8.80 0.59
10 ตะเคยี นทอง Hopea odorata 107,455 3,512.71 14.40 0.47
11 ตะแบกเปลือกบาง Lagerstroemia duperreana 5,970 2,869.95 0.80 0.38
12 กระเบากลกั Hydnocarpus ilicifolia 53,727 2,656.15 7.20 0.36
13 ซอ Gmelina arborea 17,909 2,478.61 2.40 0.33
14 กระดกู อ่ึง Dendrolobium triangulare 23,879 1,999.68 3.20 0.27
15 หวาขก้ี วาง Syzygium fruticosum 29,848 1,632.75 4.00 0.22
16 สะทอนรอก Elaeocarpus robustus 17,909 987.87 2.40 0.13
17 กลว ยนอ ย Xylopia vielana 23,879 827.24 3.20 0.11
18 ฝรัง่ ปา Rothmannia eucodon 11,939 809.37 1.60 0.11
19 เหมือดจ้ี Memecylon scutellatum 11,939 439.60 1.60 0.06
20 ขานาง Homalium tomentosum 5,970 345.50 0.80 0.05
21 มะหวด Lepisanthes rubiginosa 5,970 148.71 0.80 0.02
22 พลองใบเล็ก Memecylon geddesianum 5,970 146.04 0.80 0.02
23 แสมสาร Senna garrettiana 5,970 138.22 0.80 0.02
24 สม กบ Hymenodictyon orixense 5,970 124.52 0.80 0.02
25 กระทงลอย Crypteronia paniculata 5,970 64.00 0.80 0.01
26 ลําบิด Diospyros vera 5,970 43.46 0.80 0.01
27 F.RUTACEAE F.RUTACEAE 95,515 10,134.76 12.80 1.36
28 Syzygium sp. Syzygium sp. 17,909 8,682.50 2.40 1.16
29 Diospyros sp. Diospyros sp. 53,727 2,477.38 7.20 0.33
30 F.TILIACEAE F.TILIACEAE 11,939 1,458.69 1.60 0.20
31 อ่ืนๆ Others 250,727 28,686.71 33.60 3.84
รวม 1,307,364 145,197.80 175.20 19.46
หมายเหตุ : พันธุไมท สี่ าํ รวจพบมากกวา 36 ชนดิ
การสาํ รวจทรพั ยากรปาไม
พ้ืนท่ีอุทยานแหง ชาตินาํ้ พอง
24
ตารางท่ี 8 ปริมาณไมในปา เบญจพรรณของอุทยานแหงชาตนิ ้ําพอง (30 ชนิดแรกที่มปี ริมาตรไมสูงสุด)
ลําดบั ชนดิ พนั ธไุ ม ชือ่ วทิ ยาศาสตร ปรมิ าณไม ปรมิ าตรไม ความหนาแนน ปริมาตร
(ตน) (ลบ.ม.) (ตน/ไร) (ลบ.ม./ไร)
1 ประดู Pterocarpus macrocarpus 382,061 41,070.32 6.83 0.73
2 มะคา โมง Afzelia xylocarpa 137,303 32,175.56 2.45 0.57
3 มะกล่ําตาไก Adenanthera microsperma 167,152 28,446.44 2.99 0.51
4 แดง Xylia xylocarpa 376,091 26,026.53 6.72 0.47
5 ยคู าลิป Eucalyptus camaldulensis 95,515 23,331.36 1.71 0.42
6 ตะแบกแดง Lagerstroemia calyculata 250,727 22,764.60 4.48 0.41
7 อะราง Peltophorum dasyrachis 173,121 20,880.02 3.09 0.37
8 กอกกัน Rhus javanica 131,333 20,409.38 2.35 0.36
9 มะนาวผี Atalantia monophylla 197,000 14,845.32 3.52 0.27
10 ตะแบกเปลือกบาง Lagerstroemia duperreana 83,576 14,446.02 1.49 0.26
11 พฤกษ Albizia lebbeck 77,606 13,875.32 1.39 0.25
12 แคหางคาง Fernandoa adenophylla 226,848 12,265.45 4.05 0.22
13 ฉนวน Dalbergia nigrescens 202,970 12,075.39 3.63 0.22
14 เต็ง Shorea obtusa 23,879 11,770.51 0.43 0.21
15 ตะเคียนหนู Anogeissus acuminata 191,030 9,718.09 3.41 0.17
16 โมกมัน Wrightia arborea 125,364 9,286.48 2.24 0.17
17 งวิ้ ปา Bombax anceps 101,485 9,233.64 1.81 0.16
18 พะยูง Dalbergia cochinchinensis 41,788 8,902.89 0.75 0.16
19 มะคาแต Sindora siamensis 107,455 8,835.90 1.92 0.16
20 กระพีจ้ ่ัน Millettia brandisiana 35,818 8,701.39 0.64 0.16
21 สาธร Millettia leucantha 83,576 8,167.83 1.49 0.15
22 กระบก Irvingia malayana 23,879 7,272.74 0.43 0.13
23 เขลง Dialium cochinchinense 35,818 6,730.41 0.64 0.12
24 หมีเหม็น Litsea glutinosa 17,909 6,600.20 0.32 0.12
25 เสีย้ วปา Bauhinia saccocalyx 125,364 6,591.34 2.24 0.12
26 ยางโดน Polyalthia asteriella 35,818 6,554.23 0.64 0.12
27 ยอปา Morinda coreia 65,667 6,550.25 1.17 0.12
28 หาด Artocarpus lacucha 41,788 6,524.70 0.75 0.12
29 ขวาว Haldina cordifolia 119,394 6,397.46 2.13 0.11
30 เปอ ย Terminalia pedicellata 161,182 6,335.29 2.88 0.11
31 อ่นื ๆ Others 2,537,121 159,512.03 45.33 2.85
รวม 6,375,636 576,297.09 113.92 10.30
หมายเหตุ : พันธุไมท สี่ าํ รวจพบมากกวา 113 ชนิด
การสํารวจทรพั ยากรปาไม
พืน้ ทอี่ ทุ ยานแหง ชาตนิ ้ําพอง
25
ตารางท่ี 9 ปรมิ าณไมในปา เตง็ รังของอทุ ยานแหง ชาตนิ ํา้ พอง (30 ชนดิ แรกทม่ี ีปรมิ าตรไมสูงสุด)
ลาํ ดบั ชนดิ พนั ธไุ ม ช่ือวิทยาศาสตร ปรมิ าณไม ปริมาตรไม ความหนาแนน ปรมิ าตร
(ตน) (ลบ.ม.) (ตน/ไร) (ลบ.ม./ไร)
1 เตง็ Shorea obtusa 1,080,515 148,320.36 19.31 2.65
2 รัง Shorea siamensis 955,152 141,203.15 17.07 2.52
3 ประดู Pterocarpus macrocarpus 788,000 119,412.36 14.08 2.13
4 แดง Xylia xylocarpa 1,528,242 91,000.89 27.31 1.63
5 เหยี ง Dipterocarpus obtusifolius 746,212 72,942.14 13.33 1.30
6 รักใหญ Gluta usitata 937,242 63,911.20 16.75 1.14
7 กระบก Irvingia malayana 238,788 50,562.66 4.27 0.90
8 มะกอกเกลอ้ื น Canarium subulatum 352,212 39,610.77 6.29 0.71
9 สาธร Millettia leucantha 507,424 27,021.63 9.07 0.48
10 มะเกลือเลือด Terminalia mucronata 125,364 24,147.33 2.24 0.43
11 ง้ิวปา Bombax anceps 71,636 10,341.99 1.28 0.18
12 พฤกษ Albizia lebbeck 17,909 9,963.79 0.32 0.18
13 ตะครอ Schleichera oleosa 35,818 9,925.53 0.64 0.18
14 เตง็ หนาม Bridelia retusa 101,485 9,842.54 1.81 0.18
15 ขวา ว Haldina cordifolia 89,545 9,627.97 1.6 0.17
16 ตนี นก Vitex pinnata 59,697 8,552.83 1.07 0.15
17 คํารอก Ellipanthus tomentosus 29,848 7,186.76 0.53 0.13
18 กอตลับ Quercus ramsbottomii 41,788 5,772.46 0.75 0.10
19 รกฟา Terminalia alata 35,818 5,582.83 0.64 0.10
20 สะเดาชาง Acrocarpus fraxinifolius 53,727 5,555.30 0.96 0.10
21 พลวง Dipterocarpus tuberculatus 71,636 5,226.05 1.28 0.09
22 ยูคาลิป Eucalyptus camaldulensis 47,758 5,148.53 0.85 0.09
23 ชงิ ชนั Dalbergia oliveri 53,727 4,693.05 0.96 0.08
24 พะยอม Shorea roxburghii 35,818 4,500.20 0.64 0.08
25 ฝห มอบ Beilschmiedia roxburghiana 53,727 4,249.44 0.96 0.08
26 อีแปะ Vitex quinata 41,788 4,090.35 0.75 0.07
27 สังหยูขาว Meiogyne virgata 35,818 3,706.35 0.64 0.07
28 โลด Aporosa villosa 59,697 3,552.11 1.07 0.06
29 มะมวงหวั แมงวนั Buchanania lanzan 59,697 3,060.53 1.07 0.05
30 ฉนวน Dalbergia nigrescens 23,879 2,787.45 0.43 0.05
31 อ่ืนๆ Others 1,307,364 55,639.49 23.39 0.98
รวม 9,587,333 957,138.04 171.36 17.06
หมายเหตุ : พนั ธไุ มท สี่ าํ รวจพบมากกวา 78 ชนิด
การสํารวจทรพั ยากรปา ไม
พื้นทอ่ี ทุ ยานแหง ชาตนิ ํา้ พอง
26
ตารางท่ี 10 ปรมิ าณไมในปา ฟนฟูตามธรรมชาติของอุทยานแหงชาตินํา้ พอง
ลาํ ดบั ชนิดพันธุไม ชอ่ื วิทยาศาสตร ปรมิ าณไม ปรมิ าตรไม ความหนาแนน ปรมิ าตร
(ตน) (ลบ.ม./ไร)
(ลบ.ม.) (ตน /ไร)
0.38
1 โมกมัน Wrightia arborea 17,909 1,401.26 4.8 0.10
2 ลาย Microcos paniculata 5,969 381.67 1.6 0.48
รวม 23,878 1,782.93 6.4
ตารางท่ี 11 ชนดิ และปรมิ าณของลูกไม (Sapling) (30 ชนิดแรกท่มี ปี ริมาณไมส งู สดุ )
ลาํ ดบั ชนดิ พนั ธไุ ม ชื่อวิทยาศาสตร ปริมาณลูกไมทั้งหมด
จาํ นวน (ตน ) ความหนาแนน (ตน /ไร)
1 มะนาวผี Atalantia monophylla 2,865,455 23.27
2 เต็ง Shorea obtusa 1,910,303 15.52
3 แดง Xylia xylocarpa 1,790,909 14.55
4 รัง Shorea siamensis 955,152 7.76
5 เส้ยี วปา Bauhinia saccocalyx 835,758 6.79
6 ตะเคียนหนู Anogeissus acuminata 716,364 5.82
7 เสี้ยวใหญ Bauhinia malabarica 716,364 5.82
8 เหยี ง Dipterocarpus obtusifolius 596,970 4.85
9 เข็มปา Ixora cibdela 596,970 4.85
10 ชงโค Bauhinia purpurea 477,576 3.88
11 ขวา ว Haldina cordifolia 477,576 3.88
12 กระเบากลัก Hydnocarpus ilicifolia 477,576 3.88
13 ตนี นก Vitex pinnata 477,576 3.88
14 งิว้ ปา Bombax anceps 358,182 2.91
15 แสมสาร Senna garrettiana 358,182 2.91
16 ปอพราน Colona auriculata 358,182 2.91
17 พลับพลา Microcos tomentosa 358,182 2.91
18 ตะแบกแดง Lagerstroemia calyculata 358,182 2.91
19 ปอเตา ไห Helicteres hirsuta 358,182 2.91
20 เคลด็ นํ้า Catunaregam longispina 358,182 2.91
21 สาธร Millettia leucantha 358,182 2.91
22 เลยี งมัน Berrya mollis 238,788 1.94
23 ปอแกน เทา Grewia eriocarpa 238,788 1.94
24 กกุ Lannea coromandelica 238,788 1.94
25 ประดู Pterocarpus macrocarpus 238,788 1.94
26 คันแหลม Spathiostemon moniliformis 238,788 1.94
27 กดั ล้นิ Walsura trichostemon 238,788 1.94
28 กระมอบ Gardenia obtusifolia 238,788 1.94
29 สะเดาชาง Acrocarpus fraxinifolius 119,394 0.97
30 โลด Aporosa villosa 119,394 0.97
31 อ่นื ๆ Others 3,701,212 30.06
รวม 21,371,515 173.58
หมายเหตุ : พันธุไ มท ่สี าํ รวจพบมากกวา 54 ชนิด
การสํารวจทรพั ยากรปา ไม
พน้ื ท่อี ทุ ยานแหงชาตินาํ้ พอง
27
ตารางท่ี 12 ชนิดและปริมาณของกลาไม (Seedling) (30 ชนิดแรกท่ีมปี รมิ าณไมส ูงสุด)
ลาํ ดับ ชนดิ พนั ธไุ ม ช่ือวิทยาศาสตร ปริมาณกลาไมท งั้ หมด
จํานวน (ตน) ความหนาแนน (ตน /ไร)
1 ปอพราน Colona auriculata 112,230,303 911.52
2 แดง Xylia xylocarpa 39,400,000 320.00
3 คําแสด Mallotus philippensis 38,206,061 310.30
4 เต็ง Shorea obtusa 33,430,303 271.52
5 สาธร Millettia leucantha 28,654,545 232.73
6 คนั แหลม Spathiostemon moniliformis 25,072,727 203.64
7 มะนาวผี Atalantia monophylla 22,684,848 184.24
8 เหยี ง Dipterocarpus obtusifolius 22,684,848 184.24
9 ลาย Microcos paniculata 16,715,152 135.76
10 ตนี นก Vitex pinnata 14,327,273 116.36
11 ตาลเหลือง Ochna integerrima 14,327,273 116.36
12 เสยี้ วปา Bauhinia saccocalyx 13,133,333 106.67
13 สม กบ Hymenodictyon orixense 11,939,394 96.97
14 เส้ยี วใหญ Bauhinia malabarica 10,745,455 87.27
15 ประดู Pterocarpus macrocarpus 10,745,455 87.27
16 ตะครอ Schleichera oleosa 10,745,455 87.27
17 ฉนวน Dalbergia nigrescens 9,551,515 77.58
18 ขางหวั หมู Miliusa velutina 9,551,515 77.58
19 อะราง Peltophorum dasyrachis 9,551,515 77.58
20 กระบก Irvingia malayana 8,357,576 67.88
21 จักจ่นั Millettia xylocarpa 8,357,576 67.88
22 พะยอม Shorea roxburghii 8,357,576 67.88
23 ขันทองพยาบาท Suregada multiflorum 8,357,576 67.88
24 พฤกษ Albizia lebbeck 7,163,636 58.18
25 เฉียงพรานางแอ Carallia brachiata 7,163,636 58.18
26 พลับพลา Microcos tomentosa 7,163,636 58.18
27 ยางบง Persea kurzii 7,163,636 58.18
28 เคลด็ นาํ้ Catunaregam longispina 7,163,636 58.18
29 สะแกแสง Cananga brandisiana 5,969,697 48.48
30 มะเกลือ Diospyros mollis 5,969,697 48.48
31 อน่ื ๆ Others 109,842,424 892.12
รวม 644,727,273 5,236.00
หมายเหตุ : พันธไุ มท ี่สาํ รวจพบมากกวา 72 ชนิด
การสํารวจทรัพยากรปา ไม
พ้ืนท่อี ุทยานแหง ชาตนิ ํา้ พอง
28
ตารางที่ 13 ชนดิ และปรมิ าณไมไ ผท ่ีพบในอทุ ยานแหง ชาตินํ้าพอง
ลําดบั ชนดิ ไผ ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ปริมาณไมไ ผท ง้ั หมด
จาํ นวนกอ จาํ นวนลํา
1 ไผรวก Thyrsostachys siamensis 1,707,333 25,407,030
2 ไผไร Gigantochloa albociliata
3 ไผป า Bambusa bambos 274,606 4,620,545
4 ซาง Dendrocalamus strictus
107,455 2,101,333
รวม
35,818 298,485
2,125,212 32,427,394
ตารางท่ี 14 ชนิดและปริมาณของตอไม (Stump)
ลาํ ดบั ชนิดไผ ช่อื วิทยาศาสตร ปริมาณตอไมทงั้ หมด
จาํ นวน (ตอ) ความหนาแนน (ตอ/ไร)
1 เต็ง Shorea obtusa 358,182 2.91
2 แดง Xylia xylocarpa 238,788 1.94
3 รักใหญ Gluta usitata 59,697 0.48
4 ตะแบกแดง Lagerstroemia calyculata 47,758 0.39
5 รงั Shorea siamensis 47,758 0.39
6 ยคู าลปิ Eucalyptus camaldulensis 47,758 0.39
7 ตะโกนา Diospyros rhodocalyx 35,818 0.29
8 เหียง Dipterocarpus obtusifolius 23,879 0.19
9 พลบั พลา Microcos tomentosa 23,879 0.19
10 ตะเคียนหิน Hopea ferrea 23,879 0.19
11 กกุ Lannea coromandelica 23,879 0.19
12 ประดู Pterocarpus macrocarpus 23,879 0.19
13 มะเกลอื เลอื ด Terminalia mucronata 23,879 0.19
14 เปอย Terminalia pedicellata 23,879 0.19
15 ตะเคยี นหนู Anogeissus acuminata 11,939 0.1
16 ง้ิวปา Bombax anceps 11,939 0.1
17 ขวาว Haldina cordifolia 11,939 0.1
18 กระบก Irvingia malayana 11,939 0.1
19 ตะแบกเปลอื กบาง Lagerstroemia duperreana 11,939 0.1
20 ตนี นก Vitex pinnata 11,939 0.1
21 เหมือดจ้ี Memecylon scutellatum 11,939 0.1
22 กระเบากลกั Hydnocarpus ilicifolia 11,939 0.1
23 Lagerstroemia sp. Lagerstroemia sp. 11,939 0.1
24 อน่ื ๆ Others 47,758 0.39
รวม 1,158,121 9.41
การสาํ รวจทรัพยากรปา ไม
พืน้ ท่ีอุทยานแหงชาตินาํ้ พอง
29
5. สงั คมพืช
ผลการสํารวจสังคมพืชในอุทยานแหงชาตินํ้าพอง พบวา มีสังคมพืช 4 ประเภท คือ ปาดิบแลง ปา
เบญจพรรณ ปาเต็งรัง และทุงหญา และจากการวิเคราะหขอมูลสังคมพืช พบความถี่ (Frequency) ความเดน
(Dominance) และดชั นคี วามสาํ คัญของพรรณไม (IVI) ดังน้ี
5.1 ปาดิบแลง ชนิดไมท่ีมีคาดัชนีความสําคัญ (IVI) สูงสุด 10 อันดับแรก ไดแก คอแลน (Nephelium
hypoleucum) แกว (Murraya paniculata) มะนาวผี (Atalantia monophylla) ตะเคียนทอง (Hopea odorata)
ปออีเกง (Pterocymbium tinctorium) จิกดง (Barringtonia pauciflora) คําแสด (Mallotus philippensis)
อบเชย (Cinnamomum bejolghota) ตะเคียนหิน (Hopea ferrea) และกระเบากลัก (Hydnocarpus ilicifolia)
ตามลาํ ดับ แสดงในตารางที่ 15
5.2 ปาเบญจพรรณ ชนิดไมที่มีคาดัชนีความสําคัญ (IVI) สูงสุด 10 อันดับแรก ไดแก ประดู
(Pterocarpus macrocarpus) แดง (Xylia xylocarpa) ตะแบกแดง (agerstroemia calyculata) แคหางคาง
(Fernandoa adenophylla) มะคาโมง (Afzelia xylocarpa) อะราง (Peltophorum dasyrachis) มะกล่ําตาไก
(Adenanthera microsperma) ฉนวน (Dalbergia nigrescens) มะนาวผี (Atalantia monophylla) และ
กอกกัน (Rhus javanica) ตามลําดบั แสดงในตารางท่ี 16
5.3 ปาเต็งรัง ชนิดไมที่มีคาดัชนีความสําคัญ (IVI) สูงสุด 10 อันดับแรก ไดแก แดง (Xylia xylocarpa) เต็ง
(Shorea obtusa) รัง (Shorea siamensis) ประดู (Pterocarpus macrocarpus) รักใหญ (Gluta usitata)
เหียง (Dipterocarpus obtusifolius) มะกอกเกลื้อน (Canarium subulatum) สาธร (Millettia leucantha)
กระบก (Irvingia malayana) และ มะเกลอื เลอื ด (Terminalia mucronata) ตามลาํ ดับ แสดงในตารางที่ 17
5.4 ทงุ หญา ชนดิ ไมท ่มี ีคาดชั นีความสําคัญ (IVI) 2 อนั ดบั ไดแ ก โมกมนั (Wrightia arborea) และ ลาย
(Microcos paniculata) ตามลําดบั แสดงในตารางที่ 18
การสาํ รวจทรัพยากรปา ไม
พน้ื ท่อี ทุ ยานแหงชาตินํา้ พอง
30
การสาํ รวจทรพั ยากรปา ไม
พ้ืนทอ่ี ทุ ยานแหง ชาตนิ า้ํ พอง
31
การสาํ รวจทรพั ยากรปา ไม
พ้ืนทอ่ี ทุ ยานแหง ชาตนิ า้ํ พอง
32
การสาํ รวจทรพั ยากรปา ไม
พ้ืนทอ่ี ทุ ยานแหง ชาตนิ า้ํ พอง
33
การสาํ รวจทรพั ยากรปา ไม
พ้ืนทอ่ี ทุ ยานแหง ชาตนิ า้ํ พอง
34
6. ความหลากหลายทางชีวภาพ
จากการวิเคราะหหาคา ดัชนีความหลากหลายทางชวี ภาพ พบวา ปา เบญจพรรณมีคาความหลากหลาย
ของชนดิ พนั ธุ (Species Diversity) คาความสม่าํ เสมอ (Species Evenness) และคา ความมากมาย (Species
Richness) มากท่ีสุด ดงั แสดงในตารางท่ี 19
ตารางที่ 19 ความหลากหลายทางชีวภาพของชนดิ พันธุไมอ ุทยานแหง ชาติน้าํ พอง
ลกั ษณะการใชประโยชนท ่ีดิน ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity)
(Landuse Type) ความหลากหลาย ความสม่ําเสมอ ความมากมาย
(Diversity) (Evenness) (Richness)
ปา ดิบแลง 3.02 0.84 6.47
(Dry Evergreen Forest)
ปา เบญจพรรณ 4.14 0.88 15.98
(Mixed Deciduous Forest)
ปาเตง็ รงั 3.10 0.71 10.36
(Dry Dipterocarp Forest)
ปา ฟนฟูตามธรรมชาติ - --
(Regrowth Forest)
อุทยานแหง ชาตนิ าํ้ พอง 4.05 0.81 18.35
หมายเหตุ เน่ืองจากสํารวจพบปาฟน ฟูตามธรรมชาติเพียง 1 แปลง จงึ ไมนํามาเปรยี บเทียบกับชนิดปา อ่นื ๆ
การสาํ รวจทรพั ยากรปา ไม
พื้นท่ีอุทยานแหง ชาตินาํ้ พอง
35
สรปุ ผลปการสาํ รวจและวิเคราะหขอ มูลทรพั ยากรปาไม
ในการสํารวจไดทําการวางแปลงตัวอยางถาวรจํานวน 33 แปลง ในพนื้ ทอ่ี ุทยานแหงชาติน้ําพอง ซึง่ มีเนื้อ
ท่ีตามแผนท่ีแนบทายพระราชกฤษฎีกาเทากับ 123,125 ไร (ประมาณ 197 ตารางกิโลเมตร) เพื่อประเมิน
สถานภาพและศักยภาพของพื้นที่ ไดแก เนื้อที่ปาแตละชนิด ชนิดไมปริมาณและความหนาแนนของหมูไม
กําลังผลิตของปา ตลอดจนการสืบตอพันธุตามธรรมชาติของหมูไม โดยทําการวิเคราะหและประมวลผลโดยใช
โปรแกรมระบบสารสนเทศการสํารวจทรัพยากรปาไม ของสวนสํารวจและวเิ คราะหทรัพยากรปาไม สรุปผลได
ดังน้ี
1. ชนิดปา
สํารวจพบชนิดปา 4 ประเภท ไดแก ปาดิบแลง ปาเบญจพรรณ ปาเต็งรังและทุงหญา ชนิดปาที่พบ
มากท่ีสุด คือ ปาเบญจพรรณ และปาเต็งรัง คิดเปนรอยละ 45.45 รองลงมา คือ ปาดิบแลง คิดเปนรอยละ
6.06 และปาฟน ฟตู ามธรรมชาติคดิ เปนรอ ยละ 3.03 ตามลาํ ดบั
2. ชนดิ พนั ธุแ ละความหนาแนนตอ ไร
พันธุไมที่พบในแปลงสํารวจ มี 47 วงศ มากกวา 148 ชนิด และพบวาชนิดปาที่มีความหนาแนนมาก
ที่สุด คือ ปาดิบแลง เทากับ 175.20 ตนตอไร คิดเปนปริมาตร 19.46 ลูกบาศกเมตรตอไร รองลงมา ไดแก ปา
เต็งรังเทากับ 171.31 ตนตอไร มีปริมาตร 17.10 ลูกบาศกเมตรตอไร ปาเบญจพรรณ เทากับ 113.92 ตน
ตอไร มีปริมาตร 10.30 ลูกบาศกเมตรตอไร และปาฟนฟูตามธรรมชาติ เทากับ 6.40 ตนตอไร ปริมาตร 0.48
ลูกบาศกเมตรตอไร ตามลําดับ
กลาวไดวา ในอุทยานแหงชาติน้ําพอง สํารวจพบพันธุไมมากกวา 148 ชนิด หมูไมมีความหนาแนนโดย
เฉล่ียเทากับ 140.46 ตนตอไร คิดเปนปริมาตรเฉล่ียเทากับ 13.65 ลูกบาศกเมตรตอไร ชนิดไมท่ีพบมาก 10
ลําดับแรก ไดแก แดง (Xylia xylocarpa) ประดู (Pterocarpus macrocarpus) เต็ง (Shorea obtusa) รัง
(Shorea siamensis) รักใหญ (Gluta usitata) เหียง (Dipterocarpus obtusifolius) สาธร (Millettia
leucantha) มะกอกเกลื้อน (Canarium subulatum) มะนาวผี (Atalantia monophylla) และ กระบก (Irvingia
malayana) ตามลําดับ และชนิดไมที่มีปริมาตรมาก 10 ลําดับแรก ไดแก ประดู (Pterocarpus macrocarpus)
เต็ง (Shorea obtusa) รัง (Shorea siamensis) แดง (Xylia xylocarpa) เหียง (Dipterocarpus obtusifolius)
รกั ใหญ (Gluta usitata) กระบก (Irvingia malayana) มะกอกเกล้ือน (Canarium subulatum) สาธร (Millettia
leucantha) และ มะคา โมง (Afzelia xylocarpa) ตามลาํ ดบั
หมูไมแบงตามขนาดความโตของเสนรอบวง (GBH) ดังน้ี ไมที่มีขนาดความโต 15-45 เซนติเมตร,
มากกวา 45-100 เซนติเมตร และมากกวา 100 เซนติเมตร มีสัดสวนเทากับรอยละ 71.45, 26.82 และ 1.73
ตามลาํ ดบั
การสํารวจทรพั ยากรปาไม
พนื้ ทีอ่ ุทยานแหงชาตนิ ํ้าพอง
36
ลกู ไม (Sapling) พบมากกวา 51 ชนิด มีความหนาแนน เฉล่ียเทากบั 173.58 ตนตอไร ในการสาํ รวจพบ
จาํ นวนลกู ไมมากท่สี ุดในปาฟน ฟูตามธรรมชาติ รองลงมา คือ ปา เบญจพรรณ ปา เต็งรัง และปา ดบิ แลง ตามลําดบั
กลา ไม (Seedling) พบกลา ไมมากกวา 72 ชนดิ มีความหนาแนน เฉลย่ี เทา กับ 5,236.36 ตนตอไร จาก
การสํารวจพบกลาไมมากที่สุดในปาเต็งรัง รองลงมา คือ ปาเบญจพรรณ ปาฟนฟูตามธรรมชาติ และปาดิบแลง
ตามลาํ ดับ
ไผ (Bamboo) พบในปาเบญจพรรณ สาํ รวจพบ 4 ชนดิ ไดแก ไผซ าง (Dendrocalamus strictus) ไผไร
(Gigantochloa albociliata) ไผรวก (Thyrsostachys siamensis) และไผป า (Bambusa bambos)
ตอไม (Tree stump) ท่ีสํารวจพบ มีมากกวา 23 ชนิด คาความหนาแนนเฉลี่ยของตอไมเทากับ 9.41
ตอตอ ไร พบจํานวนตอมากที่สดุ ในปาเต็งรัง รองลงมา ไดแ ก ปา เบญจพรรณ และ ปา ดิบแลง ตามลาํ ดบั
3. การประเมินสถานภาพของทรัพยากรปา ไม
ในการประเมินทรัพยากรปาไมใ นอุทยานฯ พบวา มปี รมิ าณไมท้ังสน้ิ 17,294,212 ตน คดิ เปน ปริมาตร
ไมรวม 1,680,415.85 ลูกบาศกเ มตร มลี กู ไม (Sapling) จํานวนทัง้ ส้นิ 21,371,515 ตน กลา ไม (Seedling) จาํ นวน
ทงั้ ส้นิ 644,727,273 ตน มไี ผ (Bamboo) จาํ นวน 2,125,212 กอ รวมทง้ั ส้นิ 32,427,394 ลาํ มีตอไม รวมทงั้ สิ้น
ประมาณ1,158,121 ตอ
4. คาดชั นคี วามสําคญั ทางนิเวศวิทยา
จากการวิเคราะหขอมูลสังคมพืช พบวา ชนิดไมท่ีมีความถ่ี (Frequency) มากท่ีสุด คือ แดง (Xylia
xylocarpa) รองลงมา คือ ประดู (Pterocarpus macrocarpus) และมะกอกเกลื้อน (Canarium subulatum)
ชนิดไมท่ีมีควาหนาแนนของพืชพรรณ (Density) มากท่ีสุด คือ แดง (Xylia xylocarpa) รองลงมา คือ ประดู
(Pterocarpus macrocarpus) และ เต็ง (Shorea obtusa) ชนิดไมที่ทีความเดน (Dominance) มากที่สุด
คือ ประดู (Pterocarpus macrocarpus) รองลงมา คือ เต็ง (Shorea obtusa) และ รัง (Shorea siamensis)
ชนิดไมท่ีมีความถ่ีสัมพัทธ (Relative Frequency ) มากท่ีสุด คือ แดง (Xylia xylocarpa) รองลงมา คือ ประดู
(Pterocarpus macrocarpus) และ มะกอกเกลื้อน (Canarium subulatum) ชนดิ ไมท่ีมีความหนาแนนสัมพัทธ
(Relative Density) มากที่สุด คือ แดง (Xylia xylocarpa) รองลงมา คือ ประดู (Pterocarpus macrocarpus)
และเตง็ (Shorea obtusa) ชนิดไมท่มี ีความเดน สัมพัทธ (Relative Dominance) มากท่สี ุด คือ ประดู (Pterocarpus
macrocarpus) รองลงมา คือ เต็ง (Shorea obtusa) และ รงั (Shorea siamensis) และจากวเิ คราะหขอมูล
สงั คมพชื สรุปไดด ังนี้
ในพน้ื ที่ปาดบิ แลง มชี นดิ ไมท่มี ีคาดชั นีความสาํ คญั ของชนิดไม (IVI) สงู สดุ 5 อนั ดบั แรก ไดแ ก คอแลน
( Nephelium hypoleucum) แ ก ว ( Murraya paniculata) ม ะ น า ว ผี ( Atalantia monophylla)
ตะเคียนทอง (Hopea odorata) และปออเี กง (Pterocymbium tinctorium)
การสาํ รวจทรพั ยากรปา ไม
พืน้ ทีอ่ ทุ ยานแหงชาตนิ ํ้าพอง
37
ในพ้ืนทีป่ า เบญจพรรณ มชี นดิ ไมท ่มี ีคาดัชนคี วามสาํ คัญของชนดิ ไม (IVI) สงู สุด 5 อันดบั แรก ไดแก ประดู
(Pterocarpus macrocarpus) แดง (Xylia xylocarpa) ตะแบกแดง (agerstroemia calyculata) แคหาง
คา ง (Fernandoa adenophylla) และมะคาโมง (Afzelia xylocarpa)
ในพื้นที่ปาเต็งรัง มีชนิดไมที่มีคาดัชนีความสําคัญของชนิดไม (IVI) สูงสุด 5 อันดับแรก ไดแก แดง
(Xylia xylocarpa) เต็ง (Shorea obtusa) รัง (Shorea siamensis) ประดู (Pterocarpus macrocarpus) และ
รักใหญ (Gluta usitata)
ในพ้ืนท่ีปาฟนฟูตามธรรมชาติ มีชนิดไมที่มีคาดัชนีความสําคัญของชนิดไม (IVI) 2 ชนิด ไดแก โมกมัน
(Wrightia arborea) และ ลาย (Microcos paniculata)
ชนิดไมท่ีมีคาความสําคัญทางนิเวศวิทยา (IVI) มากท่ีสุด คือ แดง (Xylia xylocarpa) รองลงมา คือ ประดู
(Pterocarpus macrocarpus) และ เต็ง (Shorea obtusa)
5.ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายของชนิดพนั ธไุ ม (Species Diversity) มากท่ีสดุ คอื ปา เบญจพรรณ รองลงมาคอื ปา
เต็งรัง ความมากมายของชนิดพันธุไม (Species Richness) มากที่สุด คือ ปาเบญจพรรณ รองลงมา คือปาเต็ง
รัง และสม่ําเสมอของชนิดพันธุไม (Species Evenness) มากที่สุด คือ ปาเบญจพรรณ รองลงมา คือ ปาดิบ
แลง
6. ขนาดความโตของตน ไมในปา
โครงสรา งปา ในทุกชนิดปา หรือทุกลกั ษณะการใชประโยชนที่ดิน พบวา มีไมย นื ตน ขนาดเสนรอบวงเพียง
อก (GBH) ระหวาง 15-45 เซนติเมตร จํานวน 12,357,273 ตน คดิ เปนรอ ยละ 71.45 ของไมท ั้งหมด ไมยนื ตนขนาด
เสนรอบวงเพียงอก (GBH) อยูระหวาง >45-100 เซนติเมตร มีจํานวน 4,638,455 ตน คิดเปนรอยละ 26.82 ของ
ไมท้ังหมด และไมยืนตนขนาดเสนรอบวงเพียงอก (GBH) มากกวา 100 เซนติเมตรข้ึนไป จํานวน 298,485 ตน คิด
เปน รอ ยละ 1.73 ของไมท ั้งหมด
7. ปจ จัยทีม่ ีผลกระทบตอ พื้นที่ปา
จากการสาํ รวจผลกระทบทเ่ี กดิ ขน้ึ ในแปลงตัวอยาง พบวา พ้ืนท่ีอทุ ยานแหงชาตินํ้าพองมปี ญ หาการบุก
รุกพ้ืนท่ีปา เพื่อเปลี่ยนแปลงการใชป ระโยชนท่ีดนิ ของชาวบานตามแนวขอบเขตอุทยานฯ และระหวางทางเดิน
เขาแปลงสํารวจพบรองรอยการกระทําผิดเก่ียวกับการลักลอบลาสัตว และเก็บหาของปาในพื้นท่ี ซ่ึงปญหาที่พบ
เกดิ จากชมุ ชนทอ่ี าศยั อยใู นพ้ืนทมี่ าเปนเวลานาน
การสํารวจทรพั ยากรปาไม
พ้ืนที่อทุ ยานแหง ชาติน้ําพอง
38
วจิ ารณผ ล
1. ชวงฤดูกาลที่เก็บขอมูลภาคสนาม มีผลตอปริมาณกลาไม (Seedling) เชน ในฤดูฝนมีโอกาส ที่จะ
พบกลาไมมากกวาในฤดูแลง ดังนั้น ขอมูลกลาไมจะมีความผันแปรคอนขางสูงตามฤดูกาล อยางไรก็ตาม ควร
ใหความสําคัญเก่ียวกับปริมาณของกลาไม เนื่องจากเปนตัวช้ีวัดชนิดหนึ่งในการบงบอกถึงชนิดพันธุไมในปา
รวมถงึ แนวโนม การสืบตอพันธใุ นอนาคตของหมูไม
2. จากการศึกษาการกระจายของหมูไม พบวา รอยละ 71 เปนไมขนาดเล็กมี GBH เทากับ 15-45
เซนติเมตร และรอยละ 27 เปนไมขนาดกลาง GBH > 45-100 เซนติเมตร และพบไมที่มี GBH มากกวา 100
เซนติเมตร เพียงรอยละ 2 แสดงวา โครงสรางของหมูไมสวนใหญเปนไมหนุม แสดงวาความเพ่ิมพูนรายปของ
ปา คอนขางสูง และปาจะเติบโตและพัฒนาเปนปาที่มีความสมบรู ณตอไป ทง้ั น้ี จะตอ งคํานงึ ถึงปจ จัยผลกระทบ
จากสภาพแวดลอ มประกอบดวย
3. การคํานวณปริมาณไม เน่ืองจากยังไมมีพื้นท่ีของแตละชนิดปา จึงตองใชสัดสวนของแปลงตัวอยางท่ี
สํารวจพบเทียบกับพื้นท่ีแนบทายพระราชกฤษฎีกา แลวนํามาคูณกับความหนาแนนเฉล่ียของชนิดปา ดังนั้น ใน
การนาํ ขอมูลไปใชอ างอิงผูใชตองทําความเขาใจเกีย่ วกับความคลาดเคล่ือนทเ่ี กิดขน้ึ ใหถูกตองกอน
4. เพือ่ ใหไดข อมูลทีเ่ ปน ตวั แทนทีด่ ี ปา แตล ะชนิดควรมแี ปลงตวั อยางอยา งนอย 3 แปลง
ปญ หาและอุปสรรค
ปญ หาและอปุ สรรคในการดาํ เนินงานทพ่ี บ
1. การจําแนกชนดิ ไมตนและไมพื้นลางในภาคสนาม สว นใหญอาศัยจากความรูและประสบการณของ
คนในพน้ื ที่ ซง่ึ เปนช่ือทองถ่นิ จึงอาจเกิดปญ หาการไมสามารถระบุชนดิ พรรณไมไ ด
2. แปลงสํารวจบางจุดอยูในลักษณะภูมิประเทศท่ีคอนขางลาดชัน ทําใหใชเวลานานในการเขาถึงแปลง
และอาจกอ ใหเ กดิ อันตรายได ขอเสนอแนะ
เพื่อใหการดําเนินงานสํารวจทรัพยากรปาไมในโอกาสตอไปมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงมี
ขอเสนอแนะดงั นี้
1. ในการเขาสํารวจภาคสนาม ควรประสานแจงเจาหนาท่ีของอุทยานฯ ใหทราบกอน เพื่อจะไดวาง
แผนการเขา ถงึ จดุ สํารวจไดอยางถกู ตอง
2. เพื่อใหการปฏิบัติงานภาคสนามเปนไปอยางมีประสิทธิภาพ คณะสํารวจภาคสนามควรมีเจาหนาท่ีท่ี
ชํานาญเสนทางและมีความรเู กี่ยวกับพรรณไมใ นพน้ื ทีด่ วย
การสาํ รวจทรัพยากรปาไม
พืน้ ที่อุทยานแหงชาตินา้ํ พอง
39
3. ควรวางแผนการสํารวจภาคสนามใหเสร็จกอนเขาฤดูฝน เน่อื งจากฤดูฝนเปน อปุ สรรคตอการเขาสูพ้ืนท่ี
และเกบ็ ขอมลู สํารวจ
4. ควรบันทึกภาพลักษณะเดนของพันธุไม และเก็บตัวอยางไมที่ไมทราบชนิด เพื่อสงใหนัก
พฤกษศาสตรจําแนกชนดิ ตอไป
การสาํ รวจทรัพยากรปา ไม
พื้นทอ่ี ุทยานแหง ชาตนิ ํ้าพอง
40
เอกสารอา งองิ
กองกานดา ชยามฤต. 2541. คมู ือการจาํ แนกพันธุไม. สว นพฤกษศาสตร สํานักวิชาการปาไม กรมปาไม,
กรงุ เทพฯ. 253 หนา
ขอ มูลสถติ ิอุทยานแหง ชาติ สัตวป า และพนั ธุพืช ป 2553. สาํ นกั แผนงานและสารสนเทศ กรมปาไม,
กรงุ เทพฯ. 109 น.
ชวลติ นยิ มธรรม. 2545. ทรพั ยากรปาไมของประเทศไทย. สวนพฤกษศาสตร สาํ นักวิชาการปาไม
กรมปาไม, กรุงเทพฯ. 10 หนา.
ธวชั ชัย สันตสิ ุข. 2549. ปา ขงิ ประเทศไทย. สาํ นักหอพรรณไม, กรมอุทยานแหงชาติ สัตวป า และพนั ธุพืช.
บริษทั ประชาชน จํากดั , กรุงเทพฯ. 120 หนา.
วิชาญ ตราช.ู 2548. แนวทางการสํารวจทรพั ยากรปา ไมในพน้ื ที่อนุรกั ษ. สวนวเิ คราะหท รพั ยากรปาไม
สาํ นักวิชาการปา ไม กรมปาไม, กรงุ เทพฯ. 95 หนา.
สว นพฤกษศาสตร. 2544. ชื่อพรรณไมแหงประเทศไทย เต็ม สมิตนิ นั ท ฉบบั แกไขเพ่ิมเติม สาํ นกั วชิ าการปา ไม
กรมปา ไม, กรงุ เทพฯ. 810 น.
การสํารวจทรพั ยากรปา ไม
พนื้ ทีอ่ ุทยานแหง ชาติน้ําพอง
41
ภาคผนวก
การสาํ รวจทรพั ยากรปาไม
พ้ืนทีอ่ ทุ ยานแหง ชาตินาํ้ พอง
ตารางผนวกท่ี 1 ชนิดและปริมาณไม (Tree) ท้งั หมดของอุทยานแหง ชาตินา้ํ พอง
ลักษณะการใชป้ ระโยชน์ทีด� นิ ปริมาณไม้ท�ังหมด
ลําดบั ชนิดพนั ธุไ์ ม้ ชอื� วทิ ยาศาสตร์ ปา่ ดิบแล้ง ปา่ เบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ปา่ ฟน�ื ฟูตามธรรมชาติ
จํานวน ปริมาตร จาํ นวน ปริมาตร จํานวน ปริมาตร จาํ นวน ปรมิ าตร จํานวน ปริมาตร
(ต้น) (ลบ.ม.) (ต้น) (ลบ.ม.) (ตน้ ) (ลบ.ม.) (ตน้ ) (ลบ.ม.) (ต้น) (ลบ.ม.)
382,061 41,070.32 788,000 119,412.36 1,170,061
1 ประดู่ Pterocarpus macrocarpus 1,104,394 160,482.68
2 เตง็ Shorea obtusa 23,879 11,770.51 1,080,515 148,320.36 973,061 160,090.86
3 รัง Shorea siamensis 1,904,333 144,895.42
4 แดง Xylia xylocarpa 17,909 3,692.27 955,152 141,203.15 746,212 117,027.42
5 เหยี ง Dipterocarpus obtusifolius 937,242
6 รักใหญ่ Gluta usitata 376,091 26,026.53 1,528,242 91,000.89 262,667 72,942.14
7 กระบก Irvingia malayana 417,879 63,911.20
8 มะกอกเกล�อื น Canarium subulatum 746,212 72,942.14 591,000 57,835.41
9 สาธร Millettia leucantha 137,303 45,870.74
10 มะค่าโมง Afzelia xylocarpa 937,242 63,911.20 202,970 35,189.45
11 มะเกลือเลือด Terminalia mucronata 143,273 32,175.56
12 ยคู าลิป Eucalyptus camaldulensis 23,879 7,272.74 238,788 50,562.66 167,152 28,621.75
13 มะกลํ�าตาไก่ Adenanthera microsperma 95,515 28,479.89
14 พฤกษ์ Albizia lebbeck 65,667 6,259.97 352,212 39,610.77 250,727 28,446.44
15 ตะแบกแดง Lagerstroemia calyculata 185,061 23,839.11
16 กอกกัน Rhus javanica 83,576 8,167.83 507,424 27,021.63 280,576 22,764.60
17 มะนาวผี Atalantia monophylla 173,121 22,711.51
18 อะราง Peltophorum dasyrachis 137,303 32,175.56 173,121 21,568.94
19 งิ�วป่า Bombax anceps 155,212 20,880.02
20 คอแลน Nephelium hypoleucum 77,606 4,474.42 125,364 24,147.33 89,545 19,575.63
21 ตะแบกเปลอื กบาง Lagerstroemia duperreana 208,939 17,654.73
22 ขวา้ ว Haldina cordifolia 95,515 23,331.36 47,758 5,148.53 226,848 17,315.96
23 ฉนวน Dalbergia nigrescens 125,364 16,025.42
24 ตีนนก Vitex pinnata 167,152 28,446.44 41,788 14,862.84
25 ยางโดน Polyalthia asteriella 244,758 13,365.75
26 แคหางคา่ ง Fernandoa adenophylla 77,606 13,875.32 17,909 9,963.79 77,606 13,000.47
27 คํารอก Ellipanthus tomentosus 35,818 12,744.85
28 จกิ ดง Barringtonia pauciflora 250,727 22,764.60 47,758 12,743.86
29 ตะครอ้ Schleichera oleosa 155,212 11,654.35
30 โมกมนั Wrightia arborea 131,333 20,409.38 53,727 2,302.13 107,455 11,068.49
31 สะเดาชา้ ง Acrocarpus fraxinifolius 107,455 10,987.44
32 เต็งหนาม Bridelia retusa 83,576 6,723.62 197,000 14,845.32 191,030 10,381.00
33 ตะเคยี นหนู Anogeissus acuminata 23,879
34 อบเชย Cinnamomum bejolghota 173,121 20,880.02 113,424 9,959.94
35 มะคา่ แต้ Sindora siamensis 41,788 9,718.09
36 พะยงู Dalbergia cochinchinensis 101,485 9,233.64 71,636 10,341.99 35,818 9,204.80
37 กระพจี� น�ั Millettia brandisiana 77,606 8,961.63
38 แก้ว Murraya paniculata 143,273 16,886.32 5,970 367.86 5,970 400.55 125,364 8,902.89
39 ยอป่า Morinda coreia 5,970 2,869.95 23,879 8,701.39
40 หมีเหมน็ Litsea glutinosa 83,576 14,446.02 8,633.76
7,852.37
119,394 6,397.46 89,545 9,627.97 7,793.62
202,970 12,075.39 23,879 2,787.45
65,667 4,812.92 59,697 8,552.83
5,970 6,446.24 35,818 6,554.23
35,818 11,654.35
226,848 12,265.45 17,909 479.40
47,758 5,557.09 29,848 7,186.76
11,939 1,142.96 35,818 9,925.53 17,909 1,401.26
125,364 9,286.48 11,939 299.69
4,825.70 53,727
53,727 101,485 5,555.30
5,970 117.40 9,842.54
9,718.09
191,030
23,879 9,204.80 107,455 8,835.90 5,970 125.73
77,606 8,633.76 41,788 8,902.89
35,818 8,701.39
65,667 6,550.25 59,697 1,302.12
17,909 6,600.20 5,970 1,193.42