รายงาน
เรื่อง ทกั ษะดา้ นดิจิทลั
ผู้จดั ทา
นางสาวน้าทิพย์ เกิดผล แผนกการบญั ชี ปวส.1
นางสาวยลดา แสงศรี แผนกการบญั ชี ปวส.1
นางสาวจกั ษณา คานึง แผนกการบญั ชี ปวส.1
นางสาวอมั ริกา ศุกประเสริฐ แผนกการบญั ชี ปวส.1
นางสาวฐิติยาพร มูลผล แผนกการบญั ชี ปวส.1
เสนอ
อาจารยอ์ มรรัตน์ เยน็ ลบั
รายงานน้ีเป็นส่วนหน่ึงของรายวิชา เทคโนโลยดี ิจิทลั เพ่อื การจดั การอาชีพ
คำนำ
รายงานฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของรายวชิ า เทคโนโลยดี ิจิทลั เพ่ือการจดั การ
อาชีพ จดั ทาข้ึนเพื่อใหผ้ ทู้ ี่สนใจศึกษาเกี่บวกบั ทกั ษะดา้ นดิจิทลั ไดศ้ ึกษาขอ้ มูลฉบบั น้ี
ไดท้ าความเขา้ ใจเก่ียวกบั ทกั ษะดา้ นดิจิทลั ทกั ษะในการนาเครื่องมือ อุปกรณ์ อาทิ
คอมพิวเตอร์ โทรศพั ท์ แทปเลต มาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์สูงสุด
คณะผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ รายงานฉบบั น้ี จะเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ผทู้ ่ี
สนใจศึกษาเร่ืองทกั ษะดา้ นดิจิทลั หากมีขอ้ ผิดพลาดประการใดขอนอ้ มรับไว้
ณ โอกาสน้ี
คณะผจู้ ดั ทา
สารบัญ หน้า
เรื่อง ก
คานา 1
ความหมายของทกั ษะดิจิทลั 5
ทกั ษะการใช้งานดจิ ทิ ัล 6-7
ทกั ษะท่ี 1 การใชค้ อมพวิ เตอร์
ทกั ษะท่ี 2 การใชง้ านอินเตอร์เน็ต 8
ทกั ษะที่ 3 การใชง้ านเพ่ือความปลอดภยั 8-9
ทกั ษะท่ี 4 การใชโ้ ปรแกรมประมวลคา่ 10-11
ทกั ษะท่ี 5 การใชโ้ ปรแกรมตารางคานวน 11-12
ทกั ษะที่ 6 การใชโ้ ปรแกรมเสนองาน 13
ทกั ษะท่ี 7 การใชโ้ ปรแกรมสร้างส่ือดิจิทลั 14
ทกั ษะที่ 8 การทางานร่วมกนั แบบออนไลน์ 15
ทกั ษะที่ 9 การใชด้ ิจิทลั เพอ่ื ความปลอดภยั 16
ความสาคญั ของดิจิทลั 17-20
การรู้ดิจิทลั 20-22
ความสมั พนั ธ์ของทกั ษะการเรียนรู้ดิจิทลั
ความฉลาดทางดิจิทลั 23
สรุปทกั ษะดิจิทลั 24
กิตติกรรมประกาศ ข
ทักษะดจิ ทิ ัล
ทักษะดจิ ทิ ัล ในปัจจุบนั โลกมีการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็ว จากยคุ Analog ไปสู่ยคุ Digital
และยคุ Robotic จึงทาใหเ้ ทคโนโลยดี ิจิทลั มีอิทธิพลต่อการดารงชีวิตและการทางาน ขา้ ราชการ
ซ่ึงเป็นแกนหลกั ของการพฒั นาประเทศ จึงตอ้ งปรับตวั ใหส้ อดคลอ้ งกบั บริบทของการ
เปลี่ยนแปลง เพอ่ื ป้องกนั ไม่ใหเ้ กิด culture shock เน่ืองจากการเปล่ียนผา่ นเทคโนโลยี และเพื่อ
ป้องกนั ความเส่ียงที่อาจเกิดจากการใชเ้ ทคโนโลยที ่ีไม่เหมาะสม เช่น การสูญเสียการเป็นส่วนตวั
ความปลอดภยั ในชีวติ และทรัพยส์ ิน การโจรกรรมขอ้ มูล การโจมตีทางไซเบอร์ เป็นตน้
Digital literacy หรือทกั ษะความเขา้ ใจและใชเ้ ทคโนโลยดี ิจิทลั เป็นทกั ษะดา้ นดิจิทลั
พ้นื ฐานท่ีจะเป็นตวั ช่วยสาคญั สาหรับขา้ ราชการในการปฏิบตั ิงาน การสื่อสาร และการทางาน
ร่วมกนั กบั ผอู้ ื่นในลกั ษณะ “ทานอ้ ย ไดม้ าก” หรือ “Work less but get more impact” และช่วย
ส่วนราชการสร้างคุณค่า (Value Co-creation) และความคุม้ ค่าในการดาเนินงาน (Economy of
Scale) เพอ่ื การกา้ วไปสู่การเป็นประเทศไทย 4.0 อีกท้งั ยงั เป็นเคร่ืองมือช่วยใหข้ า้ ราชการ
สามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเองเพื่อใหไ้ ดร้ ับโอกาสการทางานที่ดีและเติบโตกา้ วหนา้ ในอาชีพ
ราชการ (Learn and Growth) ดว้ ย
ทักษะดจิ ทิ ลั หมายถงึ ทกั ษะความเขา้ ใจและใชเ้ ทคโนโลยดี ิจิทลั หรือ Digital
literacy หมายถึง ทกั ษะในการนาเครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยดี ิจิทลั ที่มีอยใู่ นปัจจุบนั อาทิ
คอมพิวเตอร์ โทรศพั ท์ แทปเลต โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ และส่ือออนไลน์ มาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์
สูงสุด ในการส่ือสาร การปฏิบตั ิงาน และการทางานร่วมกนั หรือใชเ้ พอื่ พฒั นากระบวนการ
ทางาน หรือระบบงานในองคก์ รใหม้ ีความทนั สมยั และมีประสิทธิภาพ
ทกั ษะการใช้งานดิจทิ ลั แบ่งออกเป็ น 9 ด้าน
ด้านท่ี 1.ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ เม่ือเทคโนโลยีเขา้ มามีบทบาทในชีวิตของเรา
มากย่ิงข้ึน การทางานต่างๆ ยอ่ มนาเทคโนโลยีเขา้ มาเพื่อช่วยให้การทางานเป็ นไปอยา่ งราบร่ืน
ดงั น้นั หากเราเป็นผทู้ ่ีมีความรู้ความสามารถในดา้ นเทคโนโลยเี ป็นพ้ืนฐานแลว้ น้นั เสมือนกบั วา่
เราไดเ้ พ่ิมโอกาสในการไดง้ านใหก้ บั ตวั เองข้ึนอีก แต่วา่ ทกั ษะทางดา้ นเทคโนโลยแี บบใดกนั นะ
ที่เป็นท่ีตอ้ งการของท่ีทางานแต่ละที่
ทกั ษะการใช้คอมพวิ เตอร์ทจี่ าเป็ นต่อการทางาน
1.1 การใช้งานโปรแกรมตระกูล Microsoft Office สาหรับโปรแกรมตระกูลน้ีหลายๆ คนคง
คุน้ เคยกนั ดีในชื่อ Word, Excel และ PowerPoint นนั่ เอง ซ่ึงแต่ละโปรแกรมน้นั มีหนา้ ท่ีแตกต่าง
กนั ออกไป และการจะใชง้ านบางอยา่ งกอ็ าจจะตอ้ งฝึกฝน
2.1 การใชง้ านโปรแกรมแต่งภาพ บางคร้ังเราอาจจะตอ้ งปรับแต่งรูปภาพเลก็ นอ้ ย อยา่ งเช่น การ
ครอบตดั รูปภาพหรือปรับแสง ทาให้เราควรที่จะรู้จกั แนวทางในการฝึ กฝนโปรแกรมแต่งภาพ
โดยโปรแกรมที่ผคู้ นนิยมใชก้ นั กค็ ือโปรแกรม Adobe Photoshop
3.1 การตดั ต่อวิดีโอ การตดั ต่อวิดีโออาจฟังดูเป็ นงานท่ีค่อนขา้ งเฉพาะทาง แต่หลายๆ คร้ัง เราก็
ใชก้ ารตดั ต่อวิดีโอในงานท่ีไม่เป็นทางการมาก
4.1 การใช้งานเว็บไซต์ต่างๆที่เก่ียวขอ้ งกบั การทางาน อินเทอร์เน็ตช่วยให้การทางานต่างๆ
เป็ นไปไดอ้ ยา่ งสะดวกสบายมากยิ่งข้ึน ทาให้การทางานไม่อาจหลีกเลี่ยงการเขา้ เวบ็ ไซตต์ ่างๆ
ไดเ้ ลย โดยเว็บไซต์ที่เก่ียวขอ้ งกบั การทางานมกั เป็ นเว็บไซต์ท่ีคนเราใช้กนั เป็ นเรื่องปกติใน
ชีวิตประจาวนั แต่อาจมีบางฟังก์ชน่ั ของเวบ็ ไซต์ท่ีเราไม่เคยรู้จกั มาก่อน แต่จาเป็ นที่จะตอ้ งใช้
งานฟังก์ช่ันน้ันให้ได้ ดงั น้ัน การศึกษาเว็บไซต์เหล่าน้ันให้ถ่องแทจ้ ึงเป็ นเร่ืองท่ีควรทา โดย
เวบ็ ไซตท์ ่ีใชใ้ นการทางานน้นั เร่ิมต้งั แต่เวบ็ ไซตป์ ระเภทเซิร์ชเอนจิ้น เวบ็ ไซตป์ ระเภทอีเมล์ ไป
จนถึงเวบ็ ไซตท์ ี่ช่วยดา้ นการตลาดอยา่ งเฟซบุ๊ค อินสตาแกรม และอื่นๆ
5.1 การดูแลรักษาคอมพิวเตอร์ เพราะการทางานเราอาจจะตอ้ งใชค้ อมพิวเตอร์ในทุกๆ วนั การ
ดูแลรักษาใหค้ อมพิวเตอร์อยใู่ นสภาพพร้อมใชง้ านตลอดจึงเป็นส่ิงจาเป็น เพราะถา้ หากเกิดความ
เสียหายข้ึนมาไม่ว่าจะในด้านใดก็ตาม ย่อมส่งผลให้การทางานเกิดความล่าช้าและไม่มี
ประสิทธิภาพ ซ่ึงการดูแลรักษาคอมพิวเตอร์น้นั ไม่ไดท้ ากบั แค่ภายนอกเคร่ืองอยา่ งเดียวเท่าน้นั
แต่รวมถึงระบบต่างๆ ภายในคอมพิวเตอร์ดว้ ย ซ่ึงอาจเป็ นจุดท่ีสาคญั ที่สุดก็เป็ นได้ โดยวิธีที่จะ
ดูแลรักษาระบบของคอมพิวเตอร์น้นั ผูใ้ ชง้ านจะตอ้ งรู้ว่าการทากิจกรรมแบบใดท่ีเสี่ยงและไม่
เสี่ยงกบั การติดไวรัส และระมดั ระวงั ในดา้ นการใชง้ านอื่นๆ ท่ีอาจเส่ียงต่อการทางานผิดปกติ
ของระบบของคอมพวิ เตอร์
ด้านท่ี 2 ทักษะการใช้งานอินเตอร์เน็ต ในยุคที่อินเทอร์เน็ตกาลงั เติบโตอย่าง
รวดเร็ว เป็ นที่นิยม และ มีผูเ้ ช่ือมต่อใช้งานจานวนมาก อินเทอร์เน็ตจึงก่อให้เกิดโอกาส และ
บริการใหม่ๆ มากมาย เช่น การธุรกรรมผา่ นอินเทอร์เน็ต พบปะ สนทนา แลกเปลี่ยนขอ้ มูล เป็น
ตน้ นอกจากน้ีอินเทอร์เน็ตยงั เป็ นส่ือท่ีนาเสนอความบนั เทิงที่รองรับ สื่อมลั ติมีเดีย ในรูปแบบ
ต่าง ๆ จานวนมหาศาล ทาให้ผูใ้ ชง้ านเขา้ ถึงสื่อเหล่าน้นั ไดง้ ่าย สะดวก รวดเร็ว และ สามารถ
เขา้ ถึงไดท้ ุกที่ทุกเวลา อินเทอร์เน็ตยงั เป็ นพ้ืนที่เพื่อใหผ้ ูใ้ ชง้ านสามารถ ประชาสัมพนั ธ์นาเสนอ
สินคา้ และ บริการในรูปแบบท่ีน่าสนใจ เขา้ ถึงกลุ่มลูกคา้ ไดอ้ ย่างทว่ั ถึง แม่นยา มีการกล่าวว่า
“ธุรกิจใดไม่สนใจโลกอินเทอร์เน็ต ธุรกิจน้นั กาลงั ปฎิเสธอนาคตของตวั เอง
วตั ถุประสงค์การเรียนรู้ทักษะข้นั พืน้ ฐาน: การใช้งานอนิ เทอร์เน็ต
1) ใชง้ านเวบ็ บราวเซอร์โดยการ
• เลือกใชเ้ ครือข่ายไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
• ปรับแต่งเวบ็ บราวเซอร์ได้
• ใชง้ านเวบ็ บราวเซอร์ได้
2) สืบคน้ ขอ้ มูล โดยการ
• สืบคน้ ขอ้ มูลไดถ้ ูกตอ้ งตามคาคน้ ที่กาหนด
• สืบคน้ ขอ้ มูลไดถ้ ูกตอ้ งตามเงื่อนไขที่กาหนด
• จดั การขอ้ มูลที่สืบคน้ ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว
3) ใชง้ านไปรษณียอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ โดยการ
• สร้างอีเมลโ์ ดยมีองคป์ ระกอบที่ถูกตอ้ งตามขอ้ กาหนด
• ปรับแต่งอีเมลไ์ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมตามสภาพการใชง้ าน
• จดั การอีเมลไ์ ดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งตามขอ้ กาหนดดา้ นความปลอดภยั
• จดั การรายช่ือผตู้ ิดต่อบนอีเมลไ์ ดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งตามลกั ษณะการใชง้ าน
4) ใชง้ านปฏิทิน โดยการ
• แสดงผลในทางปฏิทินไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งตามเง่ือนไขท่ีกาหนด
• สร้างตารางนดั หมายบนปฏิทินไดถ้ ูกตอ้ งตามเกณฑท์ ี่กาหนด
• แบ่งปฏิทินใหผ้ อู้ ่ืนใชง้ านไดถ้ ูกตอ้ งตามสิทธ์ิท่ีกาหนด
5) ใชง้ านส่ือสงั คม โดยการ
• เลือกใชเ้ ครือข่ายสงั คมออนไลนไ์ ดถ้ ูกตอ้ งตามประเภทของการติดต่อสื่อสาร
• ใชเ้ ครือข่ายสงั คมไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั ความปลอดภยั
• ใชง้ านโปรแกรมการสื่อสาร
• ใชโ้ ปรแกรมส่ือสารไดเ้ หมาะสมกบั วตั ถุประสงค์
• กาหนดค่าเพ่ือปรับแต่งโปรแกรมส่ือสารไดถ้ ูกตอ้ งตามเง่ือนไขที่กาหนด
• ใชโ้ ปรแกรมการส่ือสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งตามเกณฑท์ ่ีกาหนด
6) การใชธ้ ุรกรรมอิเลก็ ทรอนิกส์
• ใชง้ านการซ้ือหรือขายสินคา้ ออนไลนไ์ ดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั ความปลอดภยั
• ใชง้ านระบบการชาระเงินทางอิเลก็ ทรอนิกส์ไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั ความปลอดภยั
• ใชง้ านบริการออนไลนไ์ ดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั ความปลอดภยั
• ใชง้ านออนไลนไ์ ดถ้ กู ตอ้ งตามหลกั ความปลอดภยั
ด้านที่ 3 ทักษะการใช้งานเพื่อความมั่นคงและปลอดภัย ป้องกนั ขอ้ มูลส่วน
บุคคลไดถ้ ูกตอ้ งตามเกณฑท์ ี่กาหนด ใชซ้ อฟตแ์ วร์ป้องกนั มลั แวร์ไดถ้ ูกตอ้ งตามคู่มือการใชง้ าน
หลีกเลี่ยงพฤติกรรมการใช้งานที่เส่ียงต่อความปลอดภยั ได้เหมาะสมตามเกณฑ์การใช้งาน
ตรวจสอบอาการผิดปกติจากมลั แวร์ไดถ้ ูกตอ้ งตามลกั ษณะเฉพาะ ใชอ้ ินเทอร์เน็ตอยา่ งปลอดภยั
โดยการ ใชง้ านโปรแกรมบราวเซอร์ไดเ้ หมาะสมกบั ขอ้ กาหนดความปลอดภยั เลือกใช้ระบบ
รหสั ลบั (Encryption) ไดเ้ หมาะสมกบั การใชง้ าน ใชอ้ ุปกรณ์เช่ือมต่ออินเทอร์เน็ตไดถ้ ูกตอ้ งตาม
ขอ้ กาหนดด้านความปลอดภยั ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างถูกตอ้ ง โดยการ ใช้เน้ือหาออนไลน์ได้
ถูกตอ้ งตามขอ้ กาหนดดา้ นใชง้ านบริการอินเทอร์เน็ตไดเ้ หมาะสมตามขอ้ กาหนดขององคก์ ร ใช้
อินเทอร์เน็ตไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การ ใชอ้ ินเทอร์เน็ตไดถ้ กู ตอ้ งตามกฎหมาย
ด้านท่ี 4 ทักษะการใช้โปรแกรมประมวลคา โดยทว่ั ไป โปรแกรมประมวลผล
คาที่นิยมใชก้ นั มากท่ีสุด คือ MS Word และชุดออฟฟิ ศ จะมีชุดคาสง่ั และเมนูเป็นภาษาองั กฤษ
แต่ต่อมาไดม้ ีการพฒั นาโปรแกรมชุดออฟฟิ ศชุดภาษาไทย (Thai Edition ) ซ่ึงมีความจาเป็นใน
เรื่องของการรับรองระบบการจดั การภาษาไทย การอา้ งอิงวนั เวลา และตามแบบอยา่ งของ
ประเทศไทย ท้งั น้ีตอ้ งสมั พนั ธก์ บั ระบบปฏิบตั ิการท่ีตอ้ งเป็นชุดภาษาไทยดว้ ย
การใช้ Word เร่ิมเขา้ มาใชใ้ นเมืองไทยคร้ังแรกเป็นเวอร์ชนั่ 2.0 โดยทางานบนระบบ
ปฎิบตั ิการ Windows 3.0 แต่กย็ งั ไม่ไดร้ ับความนิยมมากนกั เน่ืองจากมีปัญหาในเรื่องระบบการ
จดั การภาษาไทย ต่อมาบริษทั ไดพ้ ฒั นาเป็นเวอร์ชนั่ 6.0 ซ่ึงมีคุณสมบตั ิต่าง ๆ เพ่ิมข้ึน และมีการ
แกไ้ ขปัญหาในเรื่องระบบการจดั การภาษาไทยได้ จึงไดร้ ับความนิยมมากข้ึน
หลงั จากท่ีระบบปฎิบตั ิการ Windows 7 ไดร้ ับความนิยม ทาใหบ้ ริษทั ไมโครซอฟตไ์ ด้
พฒั นาโปรแกรมชุดออฟฟิ ต หรือเรียกวา่ Office 2010 ข้ึนมา เพ่อื ใชง้ านบนระบบฏิ
บตั การ Windows 7 จนในปัจจุบนั เป็น Office 2010 โดยมีการพฒั นาเป็นลาดบั อยา่ งต่อเนื่อง
1).จดั การงานเอกสาร โดยการ
• จดั การเอกสารไดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
• แสดงมุมมองของเอกสารไดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
• คน้ หาขอ้ ความบนเอกสาร และการแทนท่ีไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• เคล่ือนยา้ ยขอ้ มูลบนเอกสารไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• ยกเลิกการกระทาบนเอกสารไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
2.) จดั รูปแบบขอ้ ความ โดยการ
• ปรับแต่งรูปแบบตวั อกั ษรในเอกสารไดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
• จดั รูปแบบเอกสารดว้ ยสไตลไ์ ดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• ใชเ้ ครื่องหมายนาหนา้ หวั ขอ้ ในเอกสารไดต้ ามเงื่อนไขท่ีกาหนด
3) จดั การกบั ยอ่ หนา้ ในเอกสาร โดยการ
• จดั รูปแบบยอ่ หนา้ เอกสารไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• ปรับแต่งเอกสารดว้ ยชุดรูปแบบไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• แบ่งส่วนเอกสารไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
4) แทรกวตั ถลุ งบนงานเอกสาร โดยการ
• แทรกวตั ถุในเอกสารไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• ปรับแต่งวตั ถุในเอกสารไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• แทรกตารางในเอกสารไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• ปรับแต่งตารางไดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
5) จดั รูปแบบเอกสาร โดยการ
• กาหนดคา่ หนา้ กระดาษในเอกสารไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• จดั รูปแบบหนา้ กระดาษในเอกสารไดต้ ามคูม่ ือการใช้
• แทรกหวั หรือทา้ ยกระดาษในเอกสารไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
6) พมิ พเ์ อกสาร โดยการ
• ต้งั ค่าการพมิ พใ์ นเอกสารไดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
• แสดงตวั อยา่ งก่อนพมิ พเ์ อกสารไดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
7) ตรวจทานงานเอกสาร โดยการ
• ตรวจสอบแกไ้ ขสะกดคาและไวยากรณ์ในเอกสารไดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
• ตรวจสอบสถิติจานวนคาในเอกสารไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• จากดั การแกไ้ ขเอกสารไดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
ด้านท่ี 5 ทักษะการใช้โปรแกรมตารางคานวน หลกั การทางานของโปรแกรม
ตารางคานวณ (Microsoft Office Excel 2013) จะมีลักษณะเป็ นช่องตารางซ่ึงประกอบด้วย
คอลมั น์ และ แถว มีคอลมั น์ต้งั แต่ คอลมั น์ A จนถึงคอลมั น์ XFD มีจานวนท้งั หมด 16,384
คอลมั น์ และ มีจานวนแถวท้งั หมด 1,048,576 แถวโปรแกรมตารางคานวณ (Microsoft Office
Excel 2013) หรือเรียกย่อว่า Excel 2013 เป็ นโปรแกรมประเภท Spreadsheet ไฟล์ของ Excel
เรียกว่าสมุดงานหรือเวิร์กบุ๊ค (Workbook) และในแต่ละหน้าเรียกว่าแผ่นงานหรือเวิร์กชีต
(Worksheet)
1) จดั การตารางคานวณ โดยการ
• จดั การแผน่ งานไดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
• จดั เซลล์ แถว คอลมั นไ์ ดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
2) ปรับแต่งขอ้ มูลในแผน่ งาน โดยการ
• ป้อนขอ้ มูลในแผน่ งานไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• เคลื่อนยา้ ยขอ้ มูลบนแผน่ งานไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• กรองขอ้ มูลในแผน่ งานไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• เรียงลาดบั ขอ้ มูลบนแผน่ งานไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
3) จดั รูปแบบขอ้ มูลในแผน่ งาน โดยการ
• จดั รูปแบบขอ้ มูลบนแผน่ งานไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• จดั รูปแบบแผน่ งานไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
4) พิมพแ์ ผน่ งาน โดยการ
• ต้งั คา่ แผน่ งานเพอ่ื การพมิ พไ์ ดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
• แสดงตวั อยา่ งแผน่ งานก่อนพิมพไ์ ดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• สงั่ พิมพแ์ ผน่ งานไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
5) ใชส้ ูตรฟังกช์ นั่ เพ่อื การคานวณ โดยการ
• คานวณขอ้ มูลบนแผน่ งานไดต้ ามสูตรท่ีกาหนด
• ใชฟ้ ังกช์ นั ขอ้ มูลบนแผน่ งานไดต้ ามฟังกช์ นั ที่กาหนด
6) แทรกวตั ถุลงบนแผน่ งาน โดยการ
• แทรกวตั ถุในแผน่ งานไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• ปรับแต่งวตั ถุไดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
7) ป้องกนั แผน่ งาน โดยการ
• ป้องกนั แผน่ งานไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• กาหนดแผน่ งานใหเ้ ป็นข้นั ตอนสุดทา้ ยไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
ด้านที่ 6 ทักษะการใช้โปรแกรมนาเสนองาน สาหรับโปรแกรมท่ีใชส้ าหรับ
การนาเสนองานกราฟิ กที่ทางานบนคอมพิวเตอร์ที่นิยมใช้และจะกล่าวถึงในที่น้ี คือ
โปรแกรม Microsoft PowerPoint ซ่ึงเป็ นส่วนหน่ึงของโปรแกรม Microsoft Office โดยจะใช้
โปรแกรม Microsoft PowerPoint ของ Microsoft Office 2010 ซ่ึงเป็นโปรแกรมที่มีความนิยมใช้
กนั อย่างแพร่หลายมากท่ีสุดโปรแกรมหน่ึง ในบทน้ีจะกล่าวถึงความรู้ต่าง ๆ ซ่ึงเป็ นความรู้
เบ้ืองต้นเก่ียวกับโปรแกรม Microsoft PowerPoint ท่ีจะสามารถนาไปใช้ในการสร้างงาน
นาเสนอได้ เช่น ข้นั ตอนการทางาน การสร้าง การเพ่ิม การปรับแต่ง การบนั ทึกงานที่สร้าง การ
พิมพข์ อ้ มูลเป็นตน้
การเรียนรู้เบื้องต้นเกย่ี วกบั โปรแกรม Microsoft PowerPoint
สาหรับโปรแกรม Microsoft PowerPoint น้ัน เป็ นโปรแกรมที่ใชส้ าหรับการแสดง
หรือการนาเสนอผลงาน โดยจะนาเอาขอ้ มูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ นอกั ษร ตวั เลข รูปภาพ กราฟ
ตาราง หรือขอ้ มูลอ่ืนใด มาจดั การให้อยู่ในรูปของสไลด์ โปรแกรม PowerPoint มีข้นั ตอนการ
ทางานที่ง่ายๆ ไม่ยงุ่ ยาก และไม่จาเป็นท่ีจะตอ้ งใชท้ กั ษะทางดา้ นศิลปะ Microsoft Windows ทา
ให้การทางานทาไดง้ ่าย สะดวก รวดเร็ว และมีเคร่ืองมือ (Tools) ที่ช่วยในการทางานต่างๆ อยา่ ง
มากมาย จึงไม่จาเป็นตอ้ งจดจาคาสง่ั ในการทางาน
วตั ถุประสงคก์ ารเรียนรู้ทกั ษะข้นั ตน้ สาหรับการทางาน: การใชโ้ ปรแกรมนาเสนอ
1) จดั การงานนาเสนอ โดยการ
• นาเสนองานถูกสร้างใหม่ไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• จดั การมุมมองในการนาเสนองานไดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
• เลือกใชเ้ คา้ โครงในการเสนองานไดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
2) ใชง้ านขอ้ ความบนสไลด์ โดยการ
• จดั รูปแบบขอ้ ความงานที่นาเสนอไดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
• ใชเ้ คร่ืองหมายบนขอ้ ความบนงานท่ีนาเสนอไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
3) แทรกวตั ถลุ งบนงานนาเสนอ โดยการ
• แทรกวตั ถุในงานท่ีนาเสนอไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• ปรับแต่งวตั ถุไดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
4) กาหนดการเคลื่อนไหว โดยการ
• กาหนดการเคลื่อนไหวของวตั ถุบนงานนาเสนอไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• กาหนดรูปแบบการเปลี่ยนหนา้ สไลดใ์ นงานท่ีนาเสนอไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
5) ต้งั คา่ งานนาเสนอ โดยการ
• กาหนดสไลดส์ าหรับการนาเสนองานไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• ต้งั ค่าการนาเสนองานไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
• ใชง้ านในขณะที่นาเสนอไดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
ด้านท่ี 7 ทักษะการใช้โปรแกรมสร้างส่ือดจิ ิทลั หมายถึง สื่อที่มีการนาเอา
ขอ้ ความ กราฟิ ก ภาพเคล่ือนไหว เสียง มาจดั รูปแบบ โดยอาศยั เทคโนโลยคี วามเจริญกา้ วหนา้
ทางดา้ นคอมพิวเตอร์ สื่อสารทางออนไลน์ หรือ ตวั กลางที่ถูกสร้างข้ึนโดยอาศยั ความกา้ วหนา้
ทางเทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ท่ีนาเอาขอ้ ความ กราฟิ กภาพเคลื่อนไหว เสียง และ วิดีโอ มาจดั การ
ตามกระบวนการ และวิธีการผลิตโดยนามาเชื่อมโยงกนั เพอื่ ใหเ้ กิดประโยชน์ในการใช้
งาน และตรงกบั วตั ถุประสงค์ หรือ ส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์ซ่ึงทางานโดยใชร้ หสั ดิจิตอล แยกแยะ
ระหวา่ ง "0" กบั "1" ในการแสดงขอ้ มูล
วตั ถุประสงค์การเรียนรู้ทกั ษะประยุกต์สาหรับการทางาน: การใช้โปรแกรมสร้างส่ือ
ดจิ ิทลั
1) ใชโ้ ปรแกรมสร้างเวบ็ โดยการ
• ออกแบบหนา้ เวบ็ เพจไดต้ ามวตั ถปุ ระสงคก์ ารใชง้ าน
• แทรกวตั ถหุ นา้ เวบ็ เพจไดถ้ กู ตอ้ งตามคู่มือการใชง้ าน
• เผยแพร่หนา้ เวบ็ เพจไดถ้ ูกตอ้ งตามคู่มือการใชง้ าน
2) ใชส้ ่ือดิจิทลั เพอ่ื การทางาน โดยการ
• เลือกใชส้ ่ือดิจิทลั ไดต้ ามวตั ถุประสงคก์ ารใชง้ าน
• จาแนกรูปแบบสื่อดิจิทลั ไดต้ ามวตั ถุประสงคก์ ารใชง้ าน
• ใชง้ านส่ือดิจิทลั ไดต้ ามวตั ถุประสงคก์ ารใชง้ าน
3) ใชโ้ ปรแกรมตกแต่งภาพ โดยการ
• บนั ทึกรูปภาพจากแหล่งต่างๆไดต้ ามลกั ษณะการใชง้ าน
• ปรับแต่งรูปภาพไดถ้ ูกตอ้ งตามคู่มือการใชง้ าน
• บนั ทึกรูปภาพเพื่อสง่ั พมิ พไ์ ดถ้ ูกตอ้ งตามคู่มือการใชง้ าน
4) ใชโ้ ปรแกรมจบั การทางานของหนา้ จอ โดยการ
• ใชโ้ ปรแกรมจบั การทางานของหนา้ จอไดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
• บนั ทึกไฟลจ์ ากโปรแกรมจบั การทางานของหนา้ จอไดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
5) ใชโ้ ปรแกรมตดั ต่อสื่อภาพเคล่ือนไหว โดยการ
• ตดั ต่อสื่อภาพเคล่ือนไหวไดต้ ามชนิดไฟลไ์ ดต้ ามลกั ษณะการใชง้ าน
• ใชง้ านโปรแกรมตดั ต่อส่ือภาพเคล่ือนไหวไดต้ ามคูม่ ือการใชง้ าน
• บนั ทึกสื่อภาพเคลื่อนไหวไดต้ ามคู่มือการใชง้ าน
ด้านที่ 8 ทักษะการทางานร่วมกันแบบออนไลน์ เครือข่ายสังคมออนไลน์
(network) คือ รูปแบบของเวบ็ ไซต์ ในการสร้างเครือข่ายสังคม สาหรับผใู้ ชง้ านในอินเทอร์เน็ต
เขียนและอธิบายความสนใจ และกิจการท่ีไดท้ า และเชื่อมโยงกบั ความสนใจและกิจกรรมของ
ผอู้ ื่น ในบริการเครือข่ายสงั คมมกั จะประกอบไปดว้ ย การแช็ต ส่งขอ้ ความ ส่งอีเมลล์ วิดีโอ เพลง
อปั โหลดรูป บลอ็ ก
วตั ถุประสงค์การเรียนรู้ทักษะประยกุ ต์สาหรับการทางาน: การทางานร่วมกนั แบบออนไลน์
1) ใชง้ านพ้นื ที่ทางานแบบออนไลน์ โดยการ
• ทางานบนพ้ืนที่การทางานแบบออนไลน์
• ใชง้ านพ้ืนที่เพือ่ การทางานแบบออนไลน์ไดต้ ามเกณฑท์ ่ีกาหนด
• แบ่งปันพ้ืนที่เพ่ือการทางานแบบออนไลนไ์ ดต้ ามเกณฑท์ ่ีกาหนด
2) ใชง้ านพ้ืนที่แบ่งปันขอ้ มูลออนไลน์ โดยการ
• แบ่งปันพ้นื ที่ขอ้ มูลออนไลน์ไดต้ ามวตั ถุประสงคก์ ารใชง้ าน
• ใชพ้ ้ืนที่แบ่งปันขอ้ มูลออนไลน์ไดต้ ามเกณฑท์ ่ีกาหนด
• แบ่งปันการใชพ้ ้นื ที่ขอ้ มูลออนไลน์ไดถ้ ูกตอ้ งตามเกณฑท์ ่ีกาหนด
3) ใชง้ านโปรแกรมแบ่งปันหนา้ จอ โดยการ
• เลือกใชโ้ ปรแกรมแบ่งปันหนา้ จอไดเ้ หมาะสมกบั วตั ถุประสงคก์ ารใชง้ าน
• ใชง้ านโปรแกรมแบ่งปันหนา้ จอไดต้ ามเกณฑท์ ่ีกาหนด
• ใชง้ านโปรแกรมแบ่งปันหนา้ จอร่วมกนั ไดต้ ามเกณฑท์ ่ีกาหนด
4) ใชง้ านโปรแกรมประชุมทางไกลผา่ นจอภาพ โดยการ
• ใชโ้ ปรแกรมประชุมทางไกลผา่ นจอภาพไดต้ ามวตั ถุประสงคก์ ารใชง้ าน
• ใชโ้ ปรแกรมประชุมทางไกลผา่ นจอภาพไดต้ ามเกณฑท์ ี่กาหนด
• ใชโ้ ปรแกรมประชุมทางไกลผา่ นจอภาพร่วมกนั ไดต้ ามเกณฑท์ ่ีกาหนด
ด้านที่ 9 ทักษะการใช้ดิจิทัลเพ่ือความปลอดภัย ไดแ้ ก่การป้องกนั ภยั คลุกคราม
ดา้ นความปลอดภยั การรักษาตามหลกั เพ่ือรักษาความปลอดภยั การปฏิบตั ิตามหลกั การใชเ้ วบ็
บราวเซอร์ อยา่ งปลอดภยั
วตั ถุประสงค์การเรียนรู้ทกั ษะข้ันพืน้ ฐาน: การใช้งานเพื่อความปลอดภยั
1) ใชบ้ ญั ชีรายชื่อบุคคล โดยการ
• สร้างบญั ชีรายชื่อบุคคลไดถ้ ูกตอ้ งตามขอ้ กาหนด
• กาหนดรหสั ผา่ นไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั เกณฑค์ วามมน่ั คงปลอดภยั
• ใชอ้ ตั ลกั ษณ์ของบุคคลในการยนื ยนั ตวั ตนเพื่อเขา้ สู่ระบบไดถ้ ูกตอ้ ง
2) ป้องกนั ภยั คุกคาม โดยการ
• ปรับรุ่นของระบบปฏิบตั ิการไดถ้ ูกตอ้ งตามคู่มือการใชง้ าน
• กาหนดคา่ ไฟร์วอลลส์ ่วนบุคคล (Personal Firewall) ไดถ้ ูกตอ้ งตามคูม่ ือการใชง้ าน
• ป้องกนั ขอ้ มูลส่วนบุคคลไดถ้ ูกตอ้ งตามเกณฑท์ ี่กาหนด
3) ป้องกนั มลั แวร์ โดยการ
• ใชซ้ อฟตแ์ วร์ป้องกนั มลั แวร์ไดถ้ ูกตอ้ งตามคูม่ ือการใชง้ าน
• หลีกเลี่ยงพฤติกรรมการใชง้ านท่ีเส่ียงต่อความปลอดภยั ไดเ้ หมาะสมตามเกณฑก์ ารใช้
งาน
• ตรวจสอบอาการผิดปกติจากมลั แวร์ไดถ้ กู ตอ้ งตามลกั ษณะเฉพาะ
4) ใชอ้ ินเทอร์เน็ตอยา่ งปลอดภยั โดยการ
• ใชง้ านโปรแกรมบราวเซอร์ไดเ้ หมาะสมกบั ขอ้ กาหนดความปลอดภยั
• เลือกใชร้ ะบบรหสั ลบั (Encryption) ไดเ้ หมาะสมกบั การใชง้ าน
• ใชอ้ ุปกรณ์เช่ือมต่ออินเทอร์เน็ตไดถ้ ูกตอ้ งตามขอ้ กาหนดดา้ นความปลอดภยั
5) ใชอ้ ินเทอร์เน็ตอยา่ งถูกตอ้ ง โดยการ
• ใชเ้ น้ือหาออนไลนไ์ ดถ้ ูกตอ้ งตามขอ้ กาหนดดา้ นลิขสิทธ์ิ
• ใชง้ านบริการอินเทอร์เน็ตไดเ้ หมาะสมตามขอ้ กาหนดขององคก์ ร
• ใชอ้ ินเทอร์เน็ตไดถ้ กู ตอ้ งตามหลกั การ
• ใชอ้ ินเทอร์เน็ตไดถ้ ูกตอ้ งตามกฎหมาย
ความสาคญั ของทกั ษะดจิ ิทัล
ทกั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยเี พ่ือการติดต่อ ส่ือสาร เพื่อการทางานร่วมกนั (Communications and
collaboration) เป็ นทักษะเพ่ือกิจการสังคม ส่ื อสารสังคม ใช้งานระบบออนไลน์ เพิ่ม
ประสิทธิภาพการสื่อสาร และเท่าทนั การรับรู้ข่าวสาร รู้ผลกระทบการให้ข่าวสารท่ีผิด ท้งั เรื่อง
ศีลธรรม จรรยาธรรม
ทกั ษะความสามารถในการใชด้ ิจิทลั เสริมกบั อาชีพแห่งตน จดั การดูแลอตั ลกั ษณ์ความ
เป็นตวั ตนในโลกไซเบอร์ (Career & Identity management) สร้างสรรคป์ ระโยชนจ์ ากการใชง้ าน
ขอ้ มูล ดูแลและจดั การดูแลตนเองอย่างปลอดภยั รู้จกั บริหารจดั การดูแลเอกลกั ษณ์แห่งตวั ตน
เช่น รหัสผ่าน ลายนิ้วมือ เลขบตั รประชาชน มีความรู้เร่ืองพ้ืนฐานความมนั่ คงปลอดภยั และ
ป้องกนั ความเส่ียง
ทกั ษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทลั (Digital literacy) รู้จกั เขา้ ใจ เรื่องเทคโนโลยีดิจิทลั
พ้ืนฐาน ใชอ้ ุปกรณ์ทางดา้ นดิจิทลั ได้ ใชบ้ ริการจากท่ีใหบ้ ริการต่าง ๆ ใชอ้ ยา่ งรู้คุณคา่ มีคุณธรรม
จริยธรรมกบั การใชง้ าน ใชอ้ ยา่ งรับผดิ ชอบ
ทกั ษะการใชด้ ิจิทลั เพื่อการเรียนรู้ (Learning skills) เรียนรู้ไดเ้ ร็ว มีการแสวงหาความรู้
แยกแยะขอ้ มูลข่าวสาร สร้างคุณค่า สร้างสรรคง์ านจากการเรียนรู้ และสามารถนาความรู้มาช่วย
การดาเนินงาน และสร้างประโยชน์
ทกั ษะการใชข้ อ้ มูลข่าวสารเพื่อประโยชน์เชิงวิชาการ (Digital scholarship) รู้จกั แหล่ง
เรียนรู้ คลงั ความรู้ ส่ือสาระ ฐานขอ้ มูลวิชาการ การอา้ งอิง มีความเป็ นผเู้ รียนรู้ หาส่ิงใหม่ เสริม
ความเป็ นผูเ้ ชี่ยวชาญ เรียนรู้จากการให้บริการทางการศึกษาท่ีมีในระบบดิจิทัล ส่ือสาระ
ออนไลน์ การจดั การเรียนรู้จากสื่อสาระ การเรียนออนไลน์ การทาวิจยั สร้างสรรคผ์ ลงานจาก
ดิจิทลั ทกั ษะการใชข้ อ้ มูลข่าวสาร (Information literacy) รู้เทคนิคการคน้ หา แปลความ ประเมิน
การจดั การ ขา่ วสาร การแบ่งปัน การส่งกระจาย การมองเห็น การใชป้ ระโยชน์
ทกั ษะความสามารถสาหรับการรู้ดจิ ทิ ลั น้ัน สามารถแบ่งเป็น 4 ส่วนที่
สาคญั ไดแ้ ก่ ใช้ (Use) เขา้ ใจ (Understand) สร้าง (Create) และ เขา้ ถึง (Access) เทคโนโลยี
ดิจิทลั ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ในแต่ละส่วนมีรายละเอียดดงั น้ี
ใช้ (Use) หมายถึง ความคล่องแคล่วทางเทคนิคท่ีจาเป็นในการใชค้ อมพวิ เตอร์และ
อินเทอร์เน็ต ทกั ษะและความสามารถท่ีเก่ียวขอ้ งกบั คาวา่ “ใช”้ ครอบคลุมต้งั แต่เทคนิคข้นั
พ้ืนฐาน คือ การใชโ้ ปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น โปรแกรมประมวลผลคา (Word processor)
เวบ็ บราวเ์ ซอร์ (Web browser) อีเมล และเครื่องมือส่ือสารอ่ืนๆ สู่เทคนิคข้นั สูงข้ึนสาหรับการ
เขา้ ถึงและการใชค้ วามรู้ เช่น โปรแกรมที่ช่วยในการสืบคน้ ขอ้ มูล หรือ เสิร์ชเอนจิน (Search
engine) และฐานขอ้ มูลออนไลน์ รวมถึงเทคโนโลยอี ุบตั ิใหม่ เช่น Cloud computing
เขา้ ใจ (Understand) คือ ชุดของทกั ษะท่ีจะช่วยผเู้ รียนเขา้ ใจบริบทและประเมินส่ือ
ดิจิทลั เพ่ือใหส้ ามารถตดั สินใจเก่ียวกบั อะไรท่ีทาและพบบนโลกออนไลน์ จดั วา่ เป็นทกั ษะที่
สาคญั และที่จาเป็นท่ีจะตอ้ งเริ่มสอนเดก็ ใหเ้ ร็วที่สุดเท่าที่พวกเคา้ เขา้ สู่โลกออนไลน์ เขา้ ใจยงั
รวมถึงการตระหนกั วา่ เทคโนโลยเี ครือขา่ ยมีผลกระทบต่อพฤติกรรมและมมุ มองของผเู้ รียน
อยา่ งไร มีผลกระทบต่อความเช่ือและความรู้สึกเกี่ยวกบั โลกรอบตวั ผเู้ รียนอยา่ งไร เขา้ ใจยงั ช่วย
เตรียมผเู้ รียนสาหรับเศรษฐกิจฐานความรู้ท่ีผเู้ รียนพฒั นาทกั ษะการจดั การสารสนเทศเพ่อื คน้ หา
ประเมิน และใชส้ ารสนเทศอยา่ งมีประสิทธิภาพเพ่ือติดต่อสื่อสาร ประสานงานร่วมมือ และ
แกไ้ ขปัญหา
สร้าง (Create) คือ ความสามารถในการผลิตเน้ือหาและการส่ือสารอยา่ งมีประสิทธิภาพ
ผา่ นเครื่องมือส่ือดิจิทลั ท่ีหลากหลาย การสร้างดว้ ยส่ือดิจิทลั เป็นมากกวา่ แค่การรู้วิธีการใช้
โปรแกรมประมวลผลคาหรือการเขียนอีเมล แต่มนั ยงั รวมความสามารถในการดดั แปลงสิ่งท่ี
ผเู้ รียนสร้างสาหรับบริบทและผูช้ มที่แตกต่างและหลากหลาย ความสามารถในการสร้างและ
สื่อสารดว้ ยการใช้ Rich media เช่น ภาพ วิดีโอ และเสียง ตลอดจนความสามารถในการมีส่วน
ร่วมกบั Web 2.0 อยา่ งมีประสิทธิภาพและรับผดิ ชอบ เช่น Blog การแชร์ภาพและวิดีโอ และ
Social media รูปแบบอ่ืนๆ
เขา้ ถึง (Access) คือ การเขา้ ถึงและใชป้ ระโยชน์จากเทคโนโลยดี ิจิทลั และขอ้ มูล
ขา่ วสาร เป็นฐานรากในการพฒั นา การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ผเู้ รียนจาเป็นตอ้ ง
เขา้ ใจอินเทอร์เน็ตและการเขา้ ถึงอินเทอร์เน็ตดว้ ยช่องทางต่าง ๆ รวมถึง ขอ้ ดีขอ้ เสียของแต่ละ
ช่องทางได้ เพ่อื ใหส้ ามารถไข้ Search Engine ดน้ หาขอ้ มูลท่ีตอ้ งการจาก อินเทอร์เน็ตไดอ้ ยา่ งมี
ประสิทธิภาพ นอกจากน้ียงั จาเป็นตอ้ งเขา้ ใจส่ือทางดิจิทลั ชนิดต่าง ๆ รวมถึง การนาไปประยกุ ต์
ไขง้ านในปัจจุบนั
"การรู้ดจิ ทิ ัล" คือ ความหลากหลายของทกั ษะท่ีเก่ียวขอ้ งสมั พนั ธก์ นั ซ่ึงทกั ษะ
เหล่าน้นั อยภู่ ายใต้ การรู้ส่ือ (Media literacy) การรู้เทคโนโลยี (Technology literacy) การรู้
สารสนเทศ (Information literacy) การรู้เก่ียวกบั ส่ิงที่เห็น (Visual literacy) การรู้การส่ือสาร
(Communication literacy) และการรู้สงั คม (Social literacy)
การรู้สื่อ (Media Literacy)
การรู้ส่ือสะทอ้ นความสามารถของผูเ้ รียนเก่ียวกบั การเขา้ ถึง การวิเคราะห์ และการ
ผลิตสื่อผา่ นความเขา้ ใจและการตระหนกั เกี่ยวกบั
1.ศิลปะ ความหมาย และการส่งขอ้ ความในรูปแบบต่างๆ
2.ผลกระทบและอิทธิพลของส่ือมวลชนและวฒั นธรรมที่เป็นท่ีนิยม
3. สื่อขอ้ ความถูกสร้างข้ึนอยา่ งไรและทาไมถึงถูกผลิตข้ึน และ
4.สื่อสามารถใชใ้ นการส่ือสารความคิดของเราเองไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพไดอ้ ยา่ งไร
การรู้เทคโนโลยี (Technology literacy)
ความชานาญในเทคโนโลยสี ่วนใหญ่มกั จะเกี่ยวขอ้ งกบั ความรู้ดิจิทลั ซ่ึงครอบคลุม
จากทกั ษะคอมพิวเตอร์ข้นั พ้ืนฐานสู่ทกั ษะที่ซบั ซอ้ นมากข้ึนเช่นการแกไ้ ขภาพยนตร์ดิจิทลั หรือ
การเขียนรหสั คอมพวิ เตอร์
การรู้สารสนเทศ (Information literacy)
การรู้สารสนเทศเป็ นอีกส่ิงที่สาคญั ของการรู้ดิจิทลั ซ่ึงครอบคลุมความสามารถใน
การประเมินว่าสารสนเทศใดที่ผูเ้ รียนตอ้ งการ การรู้วิธีการที่จะคน้ หาสารสนเทศที่ตอ้ งการ
ออนไลน์ และการรู้การประเมินและการใชส้ ารสนเทศท่ีสืบคน้ ได้ การรู้สารสนเทศถูกพฒั นา
เพ่ือการใชห้ อ้ งสมุด มนั ยงั สามารถเขา้ ไดด้ ีกบั ยคุ ดิจิทลั ซ่ึงเป็ นยคุ ที่มีขอ้ มูลสารสนเทศออนไลน์
มหาศาลซ่ึงไม่ได้มีการกรอง ดังน้ันการรู้วิธีการคิดวิเคราะห์เก่ียวกับแหล่งท่ีมาและเน้ือหา
นบั เป็นส่ิงจาเป็น
การรู้เกย่ี วกบั สิ่งทีเ่ หน็ (Visual literacy)
การรู้เก่ียวกบั ส่ิงที่เห็นสะทอ้ นความสามารถของของผูเ้ รียนเก่ียวกบั ความเขา้ ใจ
การแปลความหมายสิ่งที่เห็น การวิเคราะห์ การเรียนรู้ การแสดงความคิดเห็น และความสามารถ
ในการใชส้ ่ิงที่เห็นน้นั ในการทางานและการดารงชีวิตประจาวนั ของตนเองได้ รวมถึงการผลิต
ขอ้ ความภาพไม่ว่าจะผา่ นวตั ถุ การกระทา หรือสัญลกั ษณ์ การรู้เก่ียวกบั ส่ิงท่ีเห็นเป็ นสิ่งจาเป็ น
สาหรับการเรียนรู้และการสื่อสารในสงั คมสมยั ใหม่
การรู้การส่ือสาร (Communication literacy)
การรู้การสื่อสารเป็นรากฐานสาหรับการคิด การจดั การ และการเชื่อมต่อกบั คนอ่ืนๆ
ในสังคมเครือข่าย ทุกวนั น้ีเด็กและเยาวชนไม่เพียงจาเป็ นตอ้ งเขา้ ใจการบูรณาการความรู้จาก
แหล่งต่างๆ เช่น เพลง วิดีโอ ฐานขอ้ มูลออนไลน์ และส่ืออ่ืนๆ พวกเคา้ ยงั จาเป็ นตอ้ งรู้วิธีการใช้
แหล่งสารสนเทศเหล่าน้นั เพือ่ เผยแพร่และแลกเปลี่ยนความรู้
การรู้สังคม (Social literacy)
การรู้สังคมหมายถึงวฒั นธรรมแบบการมีส่วนร่วม ซ่ึงถูกพฒั นาผ่านความร่วมมือ
และเครือข่าย เยาวชนต้องการทกั ษะสาหรับการทางานภายในเครือข่ายทางสังคม เพ่ือการ
รวบรวมความรู้ การเจรจาขา้ มวฒั นธรรมท่ีแตกต่าง และการผสานความขดั แยง้ ของขอ้ มูล
ในอนาคตเน้ือหาการเรียนรู้แบบดิจิตอลจะเขา้ มาแทนท่ีและบทบาทในการศึกษา หนงั สือทวั่ ไป
จะกลายเป็ นเอกสารประกอบในเน้ือหารายวิชาที่เป็ นทฤษฏีพ้ืนฐาน เพราะเน้ือหาไม่ค่อยมีการ
เปลี่ยนแปลง แต่สาหรับเน้ือหารายวิชาที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เช่นเน้ือหาด้าน
คอมพวิ เตอร์ และวทิ ยาการต่างๆ เน้ือหาการเรียนรู้แบบ ดิจิตอลจะเขา้ มาแทนท่ีไดเ้ พราะสามารถ
แกไ้ ขเน้ือหาภาย ไดส้ ะดวก อีกท้งั ข้นั ตอนการผลิตหนังสือทวั่ ไปจะใช้ เวลานาน เน้ือหาการ
เรียนรู้แบบดิจิตอลจะทาให้ผูท้ ่ีสนใจ ในเน้ือหาต่างๆได้มีความรู้จากเน้ือหาน้ันๆ โดยท่ีไม่
จาเป็ นตอ้ งเขา้ เรียนในสถานศึกษา อนาคตของเน้ือหาการ เรียนรู้แบบดิจิตอลไม่ไดข้ ้ึนอยู่กบั
ผูอ้ ่านเท่าน้นั แต่ยงั ข้ึนอยกู่ บั การพฒั นา และการคิดคน้ รูปแบบใหม่ๆ เพ่ือทาให้มีความสะดวก
ในการอ่านให้มากข้ึน และทาให้เน้ือหามี ความน่าสนใจมากข้ึนนอกจากน้ันแลว้ เน้ือหาการ
เรียนรู้ แบบดิจิตอลจะเขา้ ไปทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงในตลาด ส่ิงพิมพ์เช่น หนังสือพิมพ์
วารสาร นิตยสาร เป็นตน้ จะถูกผลิตมาในรูปแบบท่ีเป็นแบบดิจิตอลมากข้ึนในอนาคต
ความสัมพันธ์ของทักษะการรู้สารสนเทศและการรู้ดิจิทัล การรู้สารสนเทศ
(Information literacy) เกิดข้ึนในช่วงปลาย ค.ศ. 1980 และมีการสอนใน ห้องสมุดมหาวิทยาลยั
ซ่ึงเดิมเป็นการสอนการท าบรรณานุกรม ต่อมาทางการศึกษาเริ่มใหค้ วามสาคญั กบั แนวคิดเนน้
ผเู้ รียนเป็นสาคญั ประกอบกบั ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยเี ครือขา่ ยเวิลไ์ วดเ์ วบ็ หรืออินเทอร์เน็ต
ไดก้ ลายเป็นแหล่งสารสนเทศสาคญั และมีอิทธิพลต่อการเรียนการสอนและการใชช้ ีวิตในสงั คม
การรู้ สารสนเทศจึงเป็ นเร่ืองสาคัญที่คนในสังคมต้องเรียนรู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษา
ระดับอุดมศึกษา (Association of College and Research Libraries, 2000) ACRL ก าหนด
มาตรฐานการรู้สารสนเทศ 5 ประการ สาหรับเป็ นตัวบ่งช้ีการรู้สารสนเทศของนักศึกษา
ระดบั อุดมศึกษา ดงั น้ี 1) ทราบความตอ้ งการ สารสนเทศของตน 2) สามารถเขา้ ถึงสารสนเทศที่
ตนต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล 3) สามารถประเมินสารสนเทศและ
วิเคราะห์แหล่งสารสนเทศในการเลือกสารสนเทศท่ีตอ้ งการ 4) ใชส้ ารสนเทศ ตามความตอ้ งการ
เฉพาะเรื่องอยา่ งมีประสิทธิภาพ 5) ใชส้ ารสนเทศเพ่อื สร้างความเขา้ ใจในเศรษฐกิจ กฎหมายและ
ประเด็นในสังคมรอบขา้ ง รวมท้งั เขา้ ถึงและใชส้ ารสนเทศอยา่ งมีจริยธรรมและถูกกฎหมาย จาก
มาตรฐานดงั กล่าวสรุปไดว้ า่ การรู้สารสนเทศประกอบดว้ ย การทราบความตอ้ งการสารสนเทศ
ของตน ทกั ษะ
ในการเข้าถึงสารสนเทศ ทกั ษะในการคิดวิเคราะห์สังเคราะห์ การพิจารณา
ประเมินความถูกตอ้ งหรือความ น่าเช่ือถือของสารสนเทศท่ีรวมถึงการน าไปใชป้ ระโยชน์อยา่ ง
มีจริยธรรม การรู้ดิจิทลั และการรู้สารสนเทศ ท้งั สองแนวคิดมีความสัมพนั ธ์กนั และมีความ
ใกลเ้ คียงกนั มาก ยกตวั อย่างลกั ษณะการท างานของบรรณารักษใ์ นขณะช่วยเหลือผูร้ ับบริการ
หอ้ งสมุดคน้ หาบทความจาก ฐานขอ้ มูล จะเห็นไดว้ า่ มีการน าเอาท้งั ทกั ษะการรู้สารสนเทศและ
การรู้ดิจิทลั มาใชใ้ นกระบวนการให้บริการ กล่าวคือใชท้ กั ษะการรู้สารสนเทศ เช่น การเขา้ ถึง
ฐานขอ้ มูลและเทคนิคการสืบคน้ การใชค้ าในการสืบคน้ การประเมินบทความวารสารท่ีไดจ้ าก
การสืบคน้ เป็ นตน้ ในขณะเดียวกนั ก็มีการรู้ดิจิทลั ดว้ ย ไดแ้ ก่ วิธีการน า ทางเขา้ สู่ เวบ็ ไซตข์ อง
ห้องสมุดและท่ีเก่ียวขอ้ ง การหาหนา้ เพจที่ใชใ้ นการสืบคน้ ต้งั แต่ข้นั พ้ืนฐานจนถึงข้นั สูง การหา
แฟ้มขอ้ มูลท่ีให้สารสนเทศคาแนะน า (Help) วิธีการจดั เก็บหรือการส่งออกขอ้ มูลอา้ งอิงหรือ
ฉบบั เตม็ การสมคั รสมาชิกบนเวบ็ ไซตห์ รือสื่อสงั คมออนไลนป์ ระเภทต่างๆ รวมถึงวิธีการแสดง
ความเห็นต่อส่ิงที่ผูอ้ ื่น โพสต์ไวบ้ นเว็บไซต์ เป็ นต้น โดยท่ัวไปแล้วจะเห็นได้ว่าห้องสมุด
อุดมศึกษาส่วนใหญ่มีการมุ่งเนน้ ทกั ษะการรู้สารสนเทศมากกวา่ การรู้ดิจิทลั ซ่ึงในศตวรรษที่ 21
ท้งั สองแนวคิดมีความเชื่อมโยงใกลช้ ิดกนั (Association of College & Research Libraries, 2000,
p.14) กล่าวคือ - การรู้สารสนเทศตอ้ งการการรู้ดิจิทลั เพ่ือใหส้ ามารถเขา้ ถึงแหล่งสืบคน้ ออนไลน์
ที่เหมาะสมกบั งานของตน - การรู้สารสนเทศมีบริบทท่ีกวา้ งขวางและในการประเมินทกั ษะการ
รู้สารสนเทศน้ันจะตอ้ งไดร้ ับ การพฒั นาจากการน าการรู้ดิจิทลั มาช่วย ดงั น้ัน การรู้ดิจิทลั จะ
สามารถท าให้ผูเ้ รียนสามารถเพ่ิมประสิทธิภาพการเรียนในสภาพแวดลอ้ ม ดิจิทลั ไดด้ ียิ่งข้ึน
กรอบแนวคิดการรู้ดิจิทลั Bowden (2007) ได้น าแนวคิดการรู้ดิจิทลั ของ Gilster (1997) มาก
าหนดเป็ นทกั ษะและสมรรถนะ 7 ประการต่อไปน้ี (1)ความสามารถในการสร้างความรู้จาก
สารสนเทศที่ถูกตอ้ งจากแหล่งต่าง ๆ (2)การมีทกั ษะการคน้ คืนผสมผสานกบั การคิดอยา่ งมี
วิจารณญาณในการประเมินสารสนเทศท่ีคน้ ได้ โดยมีความ ระมดั ระวงั ในเร่ืองความถูกตอ้ งและ
ความสมบูรณ์ของแหล่งอินเทอร์เน็ต (3)ความสามารถในการอ่านและการทาเขา้ ใจสารสนเทศท่ี
ไม่ต่อเนื่องและมีการเคลื่อนไหว เปล่ียนแปลงตลอดเวลา (4)การตระหนกั รู้คุณค่าเครื่องมือรูป
แบบเดิมในบริบทร่วมกบั สื่ออินเทอร์เน็ต (5)การตระหนกั ในความสาคญั ของเครือข่ายบุคคล
(People network) เสมือนเป็นแหล่งที่ให้ คาแนะนาและใหก้ ารช่วยเหลือ (6)ความสามารถในการ
คดั กรองและจดั การสารสนเทศที่ไดร้ ับเขา้ มา (7)ความสามารถในการเผยแพร่ และตรวจสอบ
สื่อสารสนเทศเท่าๆ กบั การเขา้ ถึงสารสนเทศ จากแนวคิดของ Bowden (2007) ขา้ งตน้ สามารถ
วเิ คราะห์กลุ่มทกั ษะและความรู้ได้ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มท่ี 1 กลุ่มทกั ษะ1.1) ทกั ษะการคน้ คืนผสานกบั
การ คิดอย่างมีวิจารณญาณในการ ประเมินสารสนเทศที่คน้ ได้ 1.2) การอ่านและการทาความ
เข้าใจสารสนเทศที่ไม่ต่อเน่ืองและ มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง 1.3) การเผยแพร่และ
ตรวจสอบ สื่อสารสนเทศเท่าๆกบั การเขา้ ถึง สารสนเทศ กลุ่มที่ 2 กลุ่มความรู้ 2.1) ความสามารถ
ในการสร้างความรู้จาก สารสนเทศท่ีถูกตอ้ งจากแหล่งต่าง ๆ 2.2) การตระหนกั รู้คุณค่าเครื่องมือ
รูป แบบเดิมในบริบทการท างานร่วมกบั สื่อ2.3) การตระหนักในความสาคญั ของ เครือข่าย
บุคคล2.4) การคดั กรองและจดั การสารสนเทศท่ี ไดร้ ับเขา้ มา
ความ ฉ ลาดทางดิจิทัล ( Digital intelligence Quotient : DQ) คื อก ลุ่ ม ของ
ความสามารถทางสังคม อารมณ์ และการรับรู้ ท่ีจะทาให้คนคนหน่ึงที่จะเผชิญกบั ความทา้ ทาย
บนเส้นทางของชีวิตในยคุ ดิจิทลั และสามารถปรับตวั เขา้ กบั ชีวิตดิจิทลั ได้ ความฉลาดทางดิจิทลั
ครอบคลุมทางความรู้ทกั ษะ ทศั นคติและค่านิยมท่ีจาเป็นต่อการใชช้ ีวิตในฐานะสมาชิกของโลก
ออนไลน์ กล่าวอีกนบั หน่ึงคือ ทกั ษะการใชส้ ่ือและการเขา้ สงั คมออนไลน์
ดงั น้นั พลเมองดิจิทลั หมายถึง สมาชิกเป็นออนไลนท์ ี่ใชเ้ ครือข่ายอินเตอร์เน็ตซ้ึงมี
ความหมายหลากหลายทางเช้ือชาติ อายุ ภา และวฒั นธรรม ดงั น้นั พลเมืองดิจิทลั ทุกคนจึงตอ้ งมี
ความเป็ นพลเมองดิจิทลั ท่ีมีความฉลาดทางดิจิทลั บนพ้ืนฐานความรับผิดชอบ การมีจริยธรรม
การมีส่วนร่วม การเกน็ อกเห็นใจและเคารพผอู้ ื่น โดยมุ่งเนน้ ความเป็นธรรมในสงั คม ปฏิบตั ิและ
รักษาไวซ้ ่ึงกฎเกณฑ์ เพอ่ื สร้างความสมดุล และการอยรู่ ่วมกนั อยา่ งมีความสุข
สรุปคือการรู้ทักษะดิจิทัล คือ ความรู้ ความเข้าใจในการใช้เครื่องมือทางเทคนิค และ
เก่ียวขอ้ งกบั ความรู้ ความสามารถพ้ืนฐานในการใชใ้ นการท างานกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศและ
เครือขา่ ยสารสนเทศ ไดแ้ ก่ ความสามารถในการคน้ คืน การจดั การ การ แบ่งปัน รวมถึงการสร้าง
สารสนเทศและความรู้ ทักษะการ เรี ยนรู้ในการท างานกับสารสนเทศท่ีน าเสนอผ่าน
คอมพิวเตอร์ในรูปแบบและจากแหล่งท่ีหลากหลาย ทกั ษะ การคิดเชิงวิพากษแ์ ละทกั ษะทางดา้ น
อารมณ์และทางสังคมโดยการมีตรรกะการคิดท่ีถูกตอ้ งและไม่ใชอ้ ารมณ์ แต่ให้ความสาคญั กบั
เน้ือหา นอกจากน้ียงั ตอ้ งมีการมีทกั ษะการแก้ปัญหา ทกั ษะการสื่อสาร การร่วมมือกบั ผูอ้ ื่น
รวมถึงมีการตระหนกั ดา้ นจริยธรรมและมารยาทบนอินเทอร์เน็ต
ดิจิทลั เป็ นชุดทักษะและความรู้ทางด้านสารสนเทศ กระบวนการทางเทคโนโลยี
สารสนเทศและการส่ือสาร การเรียนรู้การรู้ในสิ่งที่เห็น และทกั ษะอารมณ์ทาง สังคม การท่ี
ผูเ้ รียนมีทกั ษะการรู้ดิจิทลั หมายความว่า ผูเ้ รียนไดม้ ีทกั ษะท่ีมีความจ าเป็ นครบถว้ นในการด
าเนิน ชีวิตอย่างมีคุณภาพในสภาพแวดลอ้ มวฒั นธรรมดิจิทลั ถือไดว้ ่าเป็ น “ทกั ษะของการอยู่
รอด” ในสังคมดิจิทลั ท่ี มีความซบั ซ้อน ซ่ึงจ าเป็ นอย่างย่ิงที่ผูส้ อนทางดา้ นสารสนเทศศาสตร์
บรรณารักษแ์ ละนกั สารสนเทศจะตอ้ ง เรียนรู้เพื่อให้เกิดความเขา้ ใจ ตระหนกั รู้ศึกษาวิจยั และน
ามาพฒั นาคุณภาพงานใหเ้ ท่าทนั กบั บริบทสงั คมและ ผรู้ ับบริการท่ีเปลี่ยนแปลงไปอยา่ งรวดเร็ว
กติ ตกิ รรมประกาศ
รายงาน เรื่อง ทกั ษะดา้ นดิจิทลั ฉบบั น้ี ล่วงลุสาเร็จไปไดด้ ว้ ยดีไม่ไดถ้ า้ ไม่ไดร้ ับ
คาปรึกษาแนะนาจาก อาจารยอ์ มรรัตน์ เยน็ ลบั ที่ไดใ้ หค้ วามช่วยเหลือ ใหข้ อ้ มูล ขอ้ เสนอแนะ
ความคิดเห็น กาลงั ใจและการตรวจสอบเน้ือหาของรายงาน
สุดทา้ ยน้ีคณะผจู้ ดั ทารายงานฉบบั น้ี เร่ือง ทกั ษะดา้ นดิจิทลั ขอกราบขอบพระคุณ
อาจารยอ์ มรรัตน์ เยบ็ ลบั เป็นอยา่ งสูงมา ณ โอกาสน้ีดว้ ย
คณะผจู้ ดั ทา