The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เนื้อหาสาระการเรียนรู้ หน่วยที่ 3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pimchanok8338, 2021-05-09 14:17:21

เนื้อหาสาระการเรียนรู้ หน่วยที่ 3

เนื้อหาสาระการเรียนรู้ หน่วยที่ 3

1

ศิลปะการตกแต่งเสอ้ื ด้วยมอื รหสั วชิ า ๑๔๐๑-๖๑๑๐

เนอ้ื หาสาระการเรยี นรู้

หนว่ ยที่ ๓ เลือกวสั ดุ

การตกแต่งเสือ้ ผา้ (Treatment)
การตกแตง่ หมายถึง วิธีการตกแตง่ เสื้อผ้าที่เกิดจาการตกแต่งด้วยวธิ ีใดวิธีหนึ่ง ทาให้เสื้อผ้าเกิดความ

สวยงามไม่แพ้การตกแต่งด้วยวัสดุตกแต่ง การตกแต่งเส้ือผ้ามีหลายวิธี เชน่ การตกแต่งด้วยตะเข็บ ผ้าเฉลียง
การต่อผ้า ไส้ไก่ การแทรกผ้า การตีเกล็ด จบี ระบาย จีบรูด ฯลฯ เป็นการตกแต่งตอ้ งใชฝ้ ีมือการตัดเย็บ ความ
ประณตี นิยมใชต้ กแต่งกับเสื้อผ้าเดก็ การตกแต่งเส้ือผ้าสตรี บุรุษ ในชุดลาลอง ชุดทางาน หรือชดุ อ่ืนๆ ขึ้นอยู่
กบั การเลอื กวิธกี ารตกแต่ง แตล่ ่ะวิธี ควรเลอื กใชใ้ ห้เหมาะสม

ความสาคญั ของการตกแต่งเสอ้ื ผา้
การตกแต่งเสื้อผ้าเป็นการตกแต่งเพ่ือให้เส้ือผา้ น้ันดูสวยงาม มองดูแลว้ น่าสวมใส่ และสามารถดึงดูด

ความสนใจของเพศตรงข้าม การตกแต่งเสื้อผ้าไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งด้วยมือ หรือด้วยเคร่ืองจักรก็มี
ความสาคัญท้ังส้นิ การตกแตง่ ดว้ ยเคร่ืองจักรมี การจีบรูด จีบระบาย การปกั ตกั ร การเดินเส้นทาให้เสื้อผา้ เกิด
ความสวยงามมากยง่ิ ขึ้น การตกแต่งสามารถช่วยเพ่มิ ราคาเส้ือผา้ และบ่งบอกถึงรสนิยมของผสู้ วมใส่ บางครั้ง
สามารถช่วยแก้ปญั หาการตัดเย็บได้ เช่น จีบระบาย ชว่ ยแก้ปัญหาเรื่องความยาวเส้ือ กระโปรง หรือแกป้ ัญหา
รูปแบบเสอื้ ท่แี ข็งกระด้าง ให้ดูออ่ นหวาน น่ารัก ไดเ้ ชน่ กัน หรือ การเดนิ เส้นตะเข็บ เดนิ ค้วิ ช่วยให้ตะเข็บเรยี บ
และเพม่ิ จุดเด่นน่าสนใจมากยงิ่ ขึน้ ส่วนการปักมอื ด้วยเส้นไหมสแี ปลกตา ปักเปน็ ลวดลายธรรมชาติ ลวดลาย
เราขาคณติ ฯลฯ สามารถชว่ ยให้เส้ือผา้ เกดิ จดุ เด่น นา่ มอง เป็นเอกลักษณง์ านฝมี อื ของไทยเราอีกด้วย

หลกั การตกแต่งเส้อื ผ้า
หลักการตกแต่งเส้อื ผ้า มีขอ้ ควรพจิ ารณา ดังตอ่ ไปนี้
1. การตกแต่งตอ้ งกลมกลืนกับลวดลายในผา้ เชน่ ผา้ ทีม่ ลี วดลาย ส่วนใหญต่ ้องใช้ผ้าพน้ื มาตกแต่ง
2. รูปทรงของการตกแต่งต้องเหมาะสมกบั รูปแบบหรือโครงสรา้ งเสื้อผา้
3. สแี ละผวิ สัมผสั ของผา้ กับการตกแต่งตอ้ งใหก้ ลมกลืนกัน
4. จดุ เดน่ บนเส้ือผา้ การตกแตง่ เส้อื ผ้าควรมเี พียงจดุ เดยี ว เลือกตาแหนง่ ใดตาแหน่งหนึ่งให้เด่นเพียง
จุดเดียว เช่น ทาลวดลายรอบคอเสอ้ื รอบขอบ และกระเป๋า
5. ความสมดุลของการตกแต่ง ควรหลกี เลยี่ งการแบ่งสดั สว่ นการตกแต่งทมี่ ีความสมดุลเทา่ กันบนตวั
เสอ้ื เช่น ขนาดเท่าๆกนั จะเกิดความซา้ ไมน่ า่ สนใจ

2

ศลิ ปะการตกแต่งเส้ือดว้ ยมอื รหัสวชิ า ๑๔๐๑-๖๑๑๐

ประเภทการตกแตง่ เสอ้ื ผา้
การตกแต่งเสือ้ ผ้า ทัง้ การตกแตง่ เส้ือผ้าด้วยมือ และการตกแตง่ ด้วยเครื่องจักร สามารถแบ่งออกได้

เปน็ 15 ประเภท ดังน้ี
1. การตกแต่งดว้ ยตะเข็ม (Stitched trims)
2. การตกแต่งด้วยสมอ็ ค (Smock)
3. การตกแตง่ ริมหรอื ชายเส้ือผ้า (Shaped edged)
4. การตกแตง่ ดว้ ยจบี ระบาย (Ruffles)
5. การตกแต่งดว้ ยจบี รูด (Fullness)
6. การตกแต่งด้วยการจับจีบ (Pleating)
7. การตกแตง่ ด้วยการตเี กลด็ (Tucking)
8. การตกแตง่ ด้วยการต่อผา้ (Patch work)
9. การตกแต่งด้วยไส้ไก่ (Roulean work)
10.การตกแต่งด้วยการแทรกผา้ (Godet)
11.การตกแต่งดว้ ยการเย็บสัก (Quilting)
12.การตกแตง่ ด้วยการระบายสี (Airbrush and hand painting)
13.การเดรปผา้ ( Draping )
14. การปกั ลกู ปดั (Beading)
15. การใช้ลกู ไม้ (Lace) ตกแตง่
การตกแต่งทั้ง 15 ประเภท ควรเลือกใช้ใหเ้ หมาะสมกับรปู แบบเสื้อผ้า เนอ้ื ผ้า โอกาสสวนใส่ และราคา

ของเสื้อผา้

ข้อควรคานึงในการตกแต่งเสอื้ ผ้า
ควรคานงึ ถึงความเหมาะสมของเนือ้ ผา้ กบั การตกแต่ง และออกแบบลายตกแตง่ ให้เหมาะสมและ

สวยงาม เม่อื ออกแบบสาหรบั ฤดูหนาว เช่น เสื้อกนั หนาว ผ้าทีค่ วรใช้จะตอ้ งเปน็ ผ้าจาพวกเนื้อหนา้ ทอแนน่ ๆ
ไม่มชี อ่ งใหอ้ ากาศผ่านทะลเุ ข้างา่ ย เพอ่ื จะไดป้ ้องกนั อากาศหนาวจากภายนอกได้ ทัง้ ยังเกบ็ ไอตัวใหอ้ นุ่ อยู่เสมอ

ผา้ บางเบาเหมาะกบั แบบเส้อื สาหรับฤดรู ้อน อากาศสามารถถ่ายเทไดด้ ี ไมท่ าให้เกดิ ความอบอ้าว
ผ้ารูปแบบแปลกตา ก็จะเหมาะสมกบั การตกแตง่ ประเภทสวยงาม หรหู รา
การตกแตง่ ดว้ ยตะเข็บ (Stitched trims)

3

ศิลปะการตกแต่งเสอื้ ด้วยมือ รหัสวิชา ๑๔๐๑-๖๑๑๐

การตกแต่งเสือ้ ผ้าดว้ ยตะเขบ็

สามารถทาได้ทั้งเย็บด้วยมือ และเย็บด้วยเครื่องจกั ร นยิ มตกแต่งตามรมิ ตะเข็บบนเส้ือผ้า เพ่อื เพิ่มจุดเด่น

ให้เส้ือผ้ามากยิ่งขนึ้ การตกแต่งเส้ือผา้ ประเภทน้ี จะใช้เส้นด้ายท่ีมลี ักษณะธรรมดาหรือพเิ ศษ ก็ข้ึนอยู่กบั ความ

ตอ้ งการ เพราะเสน้ ด้ายท่ใี ชเ้ ย็บตะเขบ็ ตกแตง่ จะชว่ ยเพม่ิ ความสวยงามให้เส้ือผ้าดูมีน้าหนกั และสวยงามยิง่ ข้ึน

อาจจะเป็นเส้นดา้ ยเดย่ี ว ด้ามคู่ หรือเสน้ ดา้ ยควบ ทีม่ ีขนาดเสน้ ด้ายเล็กใหญ่ไม่เทา่ กัน มีท้งั สีเดียว และหลายสี

ในเสน้ เดียวกัน เพื่อเพ่มิ ความสวยงาม เขม็ จักรทใ่ี ช้เย็บ ควรจะให้มีขนาดโตกว่าเขม็ จักรธรรมดา และควรปรับ

จักรให้มีความตึงหย่อน ขนาดฝีเข็ม ให้พอเหมาะกับเนื้อผ้าน้ันๆ การตกแต่งเสื้อผ้าด้วนเส้นด้าย สามารถ

ตกแตง่ ได้หลายวธิ ี เช่น การตกแต่งดว้ ยการเดินค้ิว การคทั เวริ ก์ การใช้เสน้ ดา้ ยทาลวดลาย ลกั ษณะการตกแต่ง

เส้อื ผา้ ด้วยตะเขบ็ มี 12 ลักษณะ ควรเลอื กใช้ใหเ้ หมาะสมกับรูปแบบเสอ้ื ผา้ ดงั นี้ คือ

1. ตะเข็บแทรกกลาง (Slot seam) ตะเข็บแทรกกลาง นิยมใชต้ กแตง่ รอบต่อของผา้ เช่น เส้อื เทเลอร์
2. ตะเข็บลม้ (Welt seam) ตะเข็บเยบ็ ขลิบผ้า แล้วล้มตะเข็บเย็บเดินคิว้ ทใ่ี ช้ตกแต่งรอยตอ่ ผ้าท่ีต้องการ

ความเรียบของรมิ ผา้
3. ตะเข็บเดินคว้ิ (Multi needle topstitch) การเยบ็ ตะเข็บโชวฝ์ ีเขม็ ด้วยด้ายเส้นเลก็ หรือด้ายเสน้

แปลกใหม่หลากหลายสีสนั สามารถเย็บไดท้ ้ังดว้ ยเคร่อื งจกั รและมือ เพ่มิ ความนา่ สนใจใหเ้ สอื้ ผ้า การ
เยบ็ โชว์ตะเข็บแบบเดินคิว้ นี้ เปน็ การตกแต่งเพิม่ นา้ หนักผ้า ฉะนัน้ ผา้ ทใ่ี ชต้ กแต่งต้องเป็นผ้าท่ีมีเนื้อ
เรยี บหรอื ผา้ บางเบา ในการกาหนดตะเข็บหรอื ฝเี ข็ม นิยมกาหนดตามความเหมาะสมของแบบเสื้อแต่
ละแบบ จะไม่มกี ารกาหนดแน่นอน ส่วนใหญ่ใช้เยบ็ เสน้ กรอบนอกกระเปา๋ ปก จะเยบ็ ประมาณ 1-3
เส้น
4. ตะเขบ็ สอดเชอื ก (Corded edge) ตะเข็บสอดเชือกรมิ ผ้า เพ่ิมจุดเดน่ ใหร้ ิมผ้า เพราะมเี ชอื กนนู ขึ้น
หรอื เรยี กว่า การเยบ็ เชอื กไปปิง้ (Piping)
5. ตะเขบ็ แทรกเชอื ก (Corded seam) ตะเข็บแทรกเชือก มีลกั ษณะคลา้ ยกับตะเข็บสอดเชอื ก แต่ตา่ งกัน
ทต่ี ะเข็บแทรกเชอื กใช้ตกแต่งรอยตอ่ ของผา้ หรอื ตะเขบ็ ระหว่างชิ้นแบบตดั ในตัวเสื้อผา้ ใช้เทคนคิ การ
เยบ็ คล้ายกนั
6. ตะเขบ็ เยบ็ มอื (Hand) การตกแตง่ ตะเข็บเสือ้ ผ้าด้วยการเยบ็ มือ แทนคเรอื่ งจกั ร นิยมใช้ตกแตง่ เสอื้ ผา้
สตรี
7. ตะเข็บเดินคิว้ คู่ (Flat-fall seam) ตะเขบ็ เดินค้ิวคู่ 2 เสน้ นยิ มใช้ตกแต่งเส้อื เชิต้ และเส้ือผ้ายีนส์
8. ตะเข็บผกู (Fagoting) เป็นตะเข็บตกแตง่ รอยต่อผ้า ด้วยการผูกเสน้ ด้าย
9. ตะเข็บรมิ ผา้ (Hem Stitch) เปน็ ตะเข็บตกแตง่ ริมผา้ หรือชายเสื้อ ชายกระโปรง
10.ตะเข็บช่องหว่ ง (Eyelet seading) เป็นตะเขบ็ ตกแต่งรมิ ผ้า มีลกั ษณะเป็นช่อง หว่ ง หรอื รู อาจจะปัก
ลูกปดั เพ่มิ ได้
11.ตะเข็บลูกโซ่ (Overlock) เป็นตะเขบ็ ลกู โซ่ ตกแต่งบริเวณรมิ และชายเส้อื ผ้าหรือเรียกว่า ตะเข็บจักร 2
เสน้
การตกแต่งเส้อื ผ้าดว้ ยตะเข็บทุกประเภท สามารถเลอื กใช้ใหเ้ หมาะสมกบั ประเภทและรปู แบบของเสอ้ื ผา้

4

ศิลปะการตกแต่งเสอื้ ด้วยมือ รหสั วชิ า ๑๔๐๑-๖๑๑๐

ลักษณะตะเข็บที่ใช้ตกแตง่ เสอ้ื
ท่มี า : วสั ดทุ ่ใี ช้ผลติ และตกแตง่ เสื้อผ้า : หน้า94

5

ศิลปะการตกแต่งเสอื้ ด้วยมอื รหสั วชิ า ๑๔๐๑-๖๑๑๐

การตกแต่งด้วยสม็อค (Smock)
การตกแต่งด้วยสม็อค เป็นการตกแต่งก่อนตัดเย็บเป็นตัวเสื้อ ซึ่งจะต้องกาหนดเน้ือท่ีสม็อค และ

ตาแหนง่ ที่ต้องทาสมอ็ ค เชน่ ตัวเสือ้ กระเป๋า แขน หรือท่เี อว การทาสมอ็ คมี 2 แบบคือ การตกแต่งสมอ็ คด้วย
มือและการตกแต่งสม็อคด้วยเครื่องจักร มีลักษณะการทาแตกต่างกัน แต่จะเป็นวิธีใดก็ตาม ก็เร่ิมด้วยการ
กาหนดจุดตาแหน่งของแนวสม็อค การตกแต่งสม็อคด้วยมือ นยิ มใช้ตกแตง่ เส้ือผ้าเด็ก สม็อคเกิดจากการเย็บ
ตะเข็บขนาดเล็กเป็นลวดลายเรขาตณิต โดยใช้เส้นด้ายโยงเป็นแนว ผ้าท่ีนิยมใช้ส่วนใหญ่เป็นผ้าใยธรรมชาติ
เพ่ือตอ้ งการความนุ่มและฟองฟูของกระโปรง เสอ้ื ผา้ เดก็ ที่ตกแต่งด้วยสม็อคมือ จะมีราคาแพงกวา่ ตกแต่งด้วย
เครอื่ งจักร แต่อย่างไรก็ตามการตกแต่งสม็อคด้วยเคร่ืองจักร ก็มีความสวยงามเช่นเดียวกบั การตกแต่งด้วยมือ
และยงั มรี าคาถูกกว่าการตกแต่งดว้ ยมอื

การตกแตง่ สม็อค นิยมใชต้ กแตง่ เส้อื ผา้ เดก็ เพม่ิ ความนา่ รกั ออ่ นหวานใหก้ บั เสื้อผ้า มากขึ้น

การตกแต่งเส้ือดว้ ยสม็อค
ทมี่ า : วสั ดุท่ใี ชผ้ ลิตและตกแตง่ เส้อื ผ้า : หน้า95

6

ศิลปะการตกแต่งเส้ือดว้ ยมอื รหัสวชิ า ๑๔๐๑-๖๑๑๐

การตกแต่งริมหรือชายเสือ้ ผ้า (Shaped edged)

การตกแต่งริมหรือชายเสื้อผ้าสามารถทาไดทั้งด้วยมือ และด้วยเครื่องจักร การตกแต่งริมเสื้อผ้ามี

หลายรูปแบบ ท้งั รูปทรงแบบสน้ั ปละยาวข้ึนอยู่กับความต้องการ หรือให้เหมาะสมกับรูปแบบของเส้อื ผา้ นิยม

ใชต้ กแต่งชายเสอ้ื กระโปรง กางเกง การตกแต่งรมิ ผา้ สามารถแบ่งออกได้ 7 รปู แบบ ดงั นี้

1. รมิ โคง้ หรือชายกรุย (Scallops) เป็นการตกแต่งรมิ โค้งแบบมีผ้ากุ๊นหรือมชี ายกรยุ ทาใหร้ มิ หรอื ชายผ้า
สาเร็จรปู เหมาะสมกบั เสือ้ ผ้ารปู แบบน่ารกั อ่อนหวาน

2. ริมผูก (Fagoting) เปน็ การตกแต่งรมิ ผ้า โดยการผูกเส้นดา้ ยของชายเสอ้ื ผ้าเป็นปม หว่ ง หรอื แบบอ่ืนๆ
ผกู ให้สั้น ยาว ใหเ้ หมาะสมกับความยาวของเส้อื ผ้าได้ตามต้องการ

3. ริมหยัก (Lettuce edge or marrow edge) เปน็ การตกแต่งให้ริมหรือชายเสือ้ ผ้าเปน็ รูปแบบหยกั
พล้วิ ฝอย นยิ มใช้ตกแตง่ ริมชดุ เจ้าสาว

4. ริมผ้าเฉลียงสอดเชือก (Bias cording) เป็นการตกแตง่ รมิ เสอ้ื ผา้ ดว้ ยผา้ เฉลยี งแบบสอดเชือก เพมิ่
ผิวสัมผัสการโคง้ นนู ของเชือก นยิ มตกแตง่ รมิ เส้อื ผ้า ท่ีมเี นื้อผ้าคอ่ นขา้ งแข็ง

5. ริมถักโครเ์ ชร์ (Crochet edge) เป็นการตกแตง่ ริมเส้อื ผา้ ดว้ ยการถักโครเ์ ชร์ เป็นการถกั ดว้ ยมือหรอื
โครเ์ ชร์สาเร็จรูปมาเย็บตดิ ก็ได้

6. รมิ ร้อย ผูก (Wired edge) เป็นการตกแต่งรมิ ผา้ ด้วยวิธกี ารร้อย ผกู หรอื ตอ่ ลวดลายเสอื้ ผา้
7. รมิ ต่อแทรกผา้ (Picot edge) เปน็ การตกแต่งรมิ เสอ้ื ผา้ แบบการตอ่ ผ้า แทรกผ้า เชน่ เดยี วกับการเย็บ

ตอ่ สาบเสื้อผ้า
8. รมิ คทั เวิรค์ (Cut work) การเยบ็ ตกแตง่ และการเยบ็ ริมใหส้ าเรจ็ ในคราวเดียวกนั หรือการเยบ็ ส่วนท่ี

เปดิ ออกให้ติดกนั สามารถเย็บไดท้ ั้งดว้ ยจักรและมอื นยิ มใชเ้ สน้ ดา้ ยท่มี สี ีตา่ งกับสีเส้อื ผา้

การตกแต่งรมิ ชายเส้ือผ้า
ทีม่ า : วสั ดทุ ่ีใชผ้ ลติ และตกแต่งเสอื้ ผ้า : หน้า96

7

ศลิ ปะการตกแต่งเสื้อดว้ ยมือ รหสั วิชา ๑๔๐๑-๖๑๑๐

การตกแต่งด้วยจบี ระบาย (Ruffles)

การตกแต่งด้วยการจีบระบาย หมายถึง การตัดผ้าเป็นเส้น แล้วนามาเย็บต่อริมเส้ือผ้า การตัดผ้าจีบ

ระบายมี 3 ทิศทาง คือ 1). เกรนตามผ้าเฉลียง 2). เกรนตามขวาง ให้มีความกว้างตามต้องการ ความยาว

เท่ากับ 4-5 เท่า ของความยาวต้องการติดระบาย 3). เกรนวงกลม ใช้สาหรับระบายพลิ้วในตัว ผ้าท่ีเหมาะ

สาหรับทาจบี ระบาย คือ ตอ้ งเป็นผา้ ทม่ี นี า้ หนกั เบา บาง และสสี ดใส สามารถตกแตง่ และดัดแปลงให้เหมาะสม

กับรูปแบบเสอื้ ผ้าได้ตามต้องการ การตกแต่งเส้ือผ้าด้วยจีบระบาย เป็นการตกแต่งท่ีต้องการให้เส้ือผ้ามีความ

ออ่ นหวาน นา่ รกั และต้องการความนมุ่ และฟองฟูของเสอ้ื กระโปรง นิยมใชต้ กแตง่ เสอ้ื ผ้าเด็ก สตรี การตกแตง่

ด้วยจีบระบายใช้ตกแตง่ ตะเขบ็ หรอื ริมผ้า ควรเลือกแนวเกรนผา้ ใหเ้ หมาะสม

การตกแตง่ จบี ระบายแนวตรง (Straight ruffle variations)

การตกแต่งจีบระบายแนวตรง นยิ มใชต้ กแตง่ รมิ หรอื ชายเสอื้ กระโปรง ควรตกแตง่ ริมระบายให้สาเรจ็

ก่อนการตกแต่ง มรี ูปแบบพ้ืนฐาน 7 แบบ ดังน้ี

1. จบี ระบายเสน้ ตรงธรรมดา (Simple Straight ruffle)
2. จีบระบายผ้าเฉลียง (Bias ruffle)
3. จบี ระบายพลที (Pleated ruffle)
4. จีบระบายวงกลม (Centrally gathered ruffle)
5. จีบระบายรมิ สาเรจ็ (Edge finished with ruffle)
6. จบี ระบายลูกไม้ (Lace ruffle)
7. จบี ระบายเฉพาะท่ี (Area ruffle)

การตกแต่งเสือ้ ผา้ ด้วยจบี ระบายแนวตรง
ที่มา : วสั ดทุ ี่ใชผ้ ลิตและตกแต่งเสอื้ ผ้า : หน้า97

8

ศลิ ปะการตกแต่งเสอื้ ดว้ ยมือ รหสั วชิ า ๑๔๐๑-๖๑๑๐

การตกแต่งจีบระบายแนววงกลม (Circular ruffle)

การตกแตง่ จบี ระบายแนววงกลม ใช้ตกแตง่ ริมหรือชายกระโปรง เสอ้ื ควรตกแต่งริมระบายให้สาเรจ็

กอ่ นการตกแต่ง มรี ปู แบบพ้ืนฐาน 4 แบบ ดังนี้

1. จีบระบายวงกลมขนาดใหญ่ (Large ruffle at hem)
2. จบี ระบายวงกลมยว้ ยไลร่ ะดบั (Cascade)
3. จีบระบายวงกลมกลับตะเข็บ (Ruffle set into seam)
4. จบี ระบายวงกลมสอดรมิ ผา้ (Circular ruffle with wired edge)

การตกแต่งเสือ้ ผา้ ด้วยจบี ระบายแนววงกลม
ทีม่ า : วสั ดุทีใ่ ชผ้ ลิตและตกแตง่ เสือ้ ผ้า : หน้า98

การตกแต่งด้วยจบี รูด (Fullness)
การตกแต่งเสอื้ ผา้ ดว้ ยจบี รูด หมายถงึ การเพมิ่ เนอ้ื ท่ีผ้า ดว้ ยการจีบรูด ทาให้เสอื้ ผ้ามีความฟองฟู บาน

ออก มีวธิ ีการทาไดห้ ลายลกั ษณะ คือ
1. การจีบรูด โดยการเย็บเปน็ ตาส่ีเหล่ียม ด้วยตีนผสี าหรบั เย็บจีบรดู โดยเฉพาะ เย็บลงบนผ้าตามยาว
และเย็บยอ้ นกลบั ให้เกดิ ตาสีเ่ หล่ียมได้มมุ ฉาก 90 องศา
2. Gathering Foot คือการจีบรูดเพื่อเพิม่ เนื้อท่ดี ว้ ยตีนผี เป็นการเพม่ิ จีบผ้าให้เรียบเสมอกันเป็นคู่ ฝี
เขม็ มสี ว่ นชว่ ยให้จีบเท่ากนั
3. Gathering คือ การจีบรดู เพอื่ เพม่ิ เนอื้ ท่ี ดว้ ยวิธกี ารเย็บจกั รหา่ ง 2 แถวแล้วดึงเส้นดา้ ยลา่ ง จะเกิด
รอยยน่ หรือรดู เนือ้ ท่ีผา้ เขา้ มาอยู่รวมกัน จะไดจ้ ีบรดู เลก็ น้อย
4. Gathering คอื การจีบรดู ที่ใช้ตะเข็บเยบ็ ด้วนดา้ ยเส้นกลม ใชฝ้ ีเขม็ ห่างๆ
5. Shirring คือ การจีบรูดเพ่อื เพิม่ เนอ้ื ทมี่ ากกวา่ 3 แถวข้นึ ไป
6. Group shirring คอื การจีบรูดเป็นแถวระยะหา่ งเท่าๆกัน จนเป็นแนวรดู กวา้ ง
7. Tucked shirring คอื การจบี รูด 2 ริมเท่าๆกัน
8. Corded shirring คอื การเยบ็ รดู ตามเกลียวเชือกเปน็ จบี เพ่ิมเน้อื ที่ การรดู แบบนใ้ี ช้ตกแตง่ เส้อื ผ้า
บรเิ วณรอบคอ ปลายแขน รอบคอ รอบใต้อก

9

ศลิ ปะการตกแต่งเส้ือด้วยมอื รหสั วิชา ๑๔๐๑-๖๑๑๐

การตกแต่งเสอื้ ผา้ ดว้ ยการจีบรดู สามารถเพมิ่ ความบาน ฟองฟู นิยมตกแตง่ เส้ือผา้ สตรี เด็ก รูปแบบ
สวยงาม อ่อนหวาน นา่ รกั

การตกแตง่ เส้ือผา้ ดว้ ยจีบรดู
ทม่ี า : วสั ดุทใ่ี ชผ้ ลติ และตกแต่งเสอื้ ผ้า : หนา้ 99

การตกแต่งดว้ ยการตีเกล็ด (Tucking)
การตกแตง่ ดว้ ยการตเี กลด็ หมายถงึ การตกแตง่ เสื้อผ้าดว้ ยวธิ ีการเย็บผา้ เป็นแนวเส้นตรง ใหช้ ิดแนว

สันทบ จะเยบ็ ตีเกล็ดยาว หรอื สั้น เล็ก ใหญ่ ได้ตามตอ้ งการ หรือจะตเี กลด็ กากบาท หรอื เสน้ ขวาง เสน้ ทแยงมุม
กไ็ ด้ ใช้ตกแต่งบรเิ วณคอเสอ้ื แนวกระโปรง หน้าอก ส่งเสรมิ ให้เสอ้ื ผ้าดสู วยงามย่ิงข้ึน
การตกแตง่ ดว้ ยการตเี กลด็ สามารถทาได้ 6 ลักษณะ ดังนี้

1. ตเี กล็ดถ่ี (Pin tucking)
2. ตีเกล็ดแนวตามยาว (Vertical tucking)
3. ตเี กล็ดแนวทแยง (Diagonal tucking)
4. ตีเกล็ดแนวตามขวาง (Horizontal tucking)
5. ตเี กลด็ ดว้ ยความรอ้ น (Heat tucking)
6. ตเี กลด็ ด้านขา้ ง (Side tucking)

10

ศิลปะการตกแต่งเสอ้ื ดว้ ยมอื รหัสวิชา ๑๔๐๑-๖๑๑๐

การตกแต่งด้วยการต่อผา้ (Patch work)
การตกแต่งดว้ ยการตอ่ ผา้ หมายถึง การต่อผ้าชิ้นเลก็ ๆท่ีมสี แี ตกต่างกัน เพอ่ื ใช้ตกแต่งเสอ้ื ผา้ ทเี่ ป็นงาน

ตกแต่งและดัดแปลงเส้ือผ้าอีกรูปแบบหน่ึง ที่ต้องอาศัยศิลปะและฝีมือผสมกัน การตอ่ ผ้ามีมานานตั้งแต่กลาง
ศตวรรษท่ี 12 กอ่ นนั้นเป็นการนาเศษผ้ามาต่อกัน เพ่ือนามาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ จนกระทั่งถึงปัจจุบันการ
ต่อผ้าอย่างมีศิลปะ เพ่ือนาไปใช้ประโยชน์ในการตกแต่งเส้ือผ้า จะทาให้เส้ือผ้าเก๋ สวยงามน่าสนใจ และเพิ่ม
คณุ คา่ มากยง่ิ ขึ้น การตอ่ ผา้ ส่วนใหญ่ จะนยิ มต่อเป็นรูปเรขาคณติ เพราะงา่ ยต่อการเก็บริมผ้าให้สวยงาม และ
ง่ายต่อการต่อผ้าด้วย เช่น ส่ีเหล่ียมข้าวหลามตัด สามเหลี่ยมด้านเท่า ส่ีเหล่ียมจัตุรัส ครั้งวงกลมและ รูปหก
เหลี่ยม ยิ่งรูปทรงต่อยากเท่าใด ก็ยิ่งน่าสนใจมากกว่าแบบอื่นๆ การต่อผ้าเพื่อการตกแต่งเส้ือผ้า คนไทยบาง
กลมุ่ จะนิยมมาก และนาฝกึ ให้เกิดทักษะ จนกลายเป็นศลิ ปะประจาหมู่บ้าน เช่น ชาวไทยโซง่ แมว้ และกระเหร่ี
ยง เป็นต้น และมีลวดลายเป็นเอกลักษณข์ องกล่มุ คือ นิยมต่อผ้าสสี ดๆ ลงบนผา้ ฝ้ายพน้ื สีดา สีน้าเงินเขม้ หรือ
กรมท่า ที่ทอมือเอง ซ่ึงเป็นผ้าที่มีความสวยงามมาก แล้วนาผ้าที่ต่อลวดลายแล้วมาต่อตกแต่งบนตัวเส้ือ
บริเวณสาบเสื้อ คอเสื้อ ขอบปลายแขน กลางเสื้อด้านหลัง ชายเส้ือ เชิงผ้านุ่ง และผ้าคาดเอว ฯลฯ หรือ
บางคร้ังเรียกว่า Appliqué เป็นการตกแต่งช้ินผ้า โดยมีรูปแบบมาจากการเย็บและใช้ตะเข็บ ให้เป็นรูปทรง
กราฟกิ เพ่อื ให้เปน็ ผา้ 3 มิติ และมนี า้ หนักเบา

การตกแตง่ เส้อื ผา้ ดว้ ยการต่อผ้า
ที่มา : วสั ดุท่ใี ช้ผลิตและตกแตง่ เสื้อผ้า : หนา้ 101

11

ศลิ ปะการตกแต่งเสอ้ื ดว้ ยมอื รหัสวิชา ๑๔๐๑-๖๑๑๐

การตกแต่งด้วยไสไ้ ก่ (Roulean work)

การตกแต่งด้วยไส้ไก่ ผ้าไสไ้ ก่ หมายถึง การตกแตง่ ด้วยผ้าทต่ี ัดเป็นเส้นๆ ตามแนวผา้ เกรนเฉลียง เพ่ือ

ต้องการให้ผ้าไส้ไก่ยืดหยุ่นได้ สะดวกในการตกแต่งและประดิษฐ์เป็นลวดลายตามตอ้ งการ กล่าวคอื ผา้ ทีใ่ ชท้ า

ไส้ไก่จะตัดเป็นเส้นขนาดเลก็ หรือใหญ่ตามความต้องการ เสรจ็ แล้วนาไปรดี เป็นเสน้ ทบ เย็บด้วยจักร โดยให้ห่าง

จากเส้นสันทบตามขนาดของเส้นไส้ไกต่ ามต้องการ สว่ นใหญน่ ิยมเสน้ ขนาด 0.5 ซ.ม. เสรจ็ แล้วตดั ริมผ้าให้เล็ก

ได้ ไส้ไก่อ่อน หรือตัดริมตะเข็บให้ใหญ่ จะได้เป็นไส้ไก่แข็ง กลบั เส้นไส้ไก่ออกมา เพ่ือเก็บตะเข็บผ้าไว้ด้านใน

จะใชเ้ ข็มสอยหรือทกี่ ลับไส้ไก่เปน็ อปุ กรณก์ ลบั ก็ได้ การใช้ไสไ้ ก่ตกแต่งเสื้อผา้ มีหลายลักษณะ คือ

1. Inset trimming คือ การใช้ไส้ไก่เสน้ เดย่ี ว มาตกแตง่ บรเิ วณชายเสอื้ ผ้า
2. การใช้ไส้ไก่ 3 เส้นถกั เป็นเปยี ตกแต่งบนเส้ือผา้ จะใชไ้ สไ้ ก่สีเดียวกบั เส้อื ผา้ หรอื ใช้ไสไ้ กต่ า่ งสกี ันก็

ไดต้ ามต้องการ หรอื ใช้ไส้ไกข่ ดเป็นลวดลาย เปน็ ห่วงคล้องกระดมุ (Cord loop)
3. Frog fastening คือ ใชท้ ากระดกุ จนี โดยการขดเปน็ กระดมุ แบบตา่ งๆตามต้องการ จะใช้เส้นเด่ียว

หรือเสน้ คู่ เรียกวา่ Twisted cord armament หรือเป็นกระดุมจีนแบบห่วง เรียกว่า Frog mad
of loops
4. ใช้ไส้ไกท่ าเป็นปล้องเลก็ ๆ นิยมใช้ไสไ้ กอ่ ่อน รดี ให้แบน ผ้าท่ใี ช้เยบ็ ไสไ้ กต่ อ้ งเปน็ ผ้าทไี่ ม่ยับง่าย
เสรจ็ แล้วขดเป็นลวดลาย สอยตรึงด้วยด้ายหรือไหมสวยๆ จะได้การตกแต่งคล้ายลายฉลุเหมอื น
ลูกไม้

การตกแต่งเสอ้ื ผ้าด้วยไสไ้ ก่
ทมี่ า : วสั ดทุ ใ่ี ชผ้ ลติ และตกแตง่ เสือ้ ผ้า : หน้า102

12

ศิลปะการตกแต่งเสอื้ ดว้ ยมือ รหัสวชิ า ๑๔๐๑-๖๑๑๐

การตกแต่งดว้ ยการแทรกผา้ (Godet)

การตกแต่งด้วยการแทรกผ้า หมายถงึ การนาผ้าต่างชิน้ ต่างขนาดมาเพม่ิ เข้าไปในเนอ้ื ท่ีผ้าเดมิ เปน็ การ

ตกแตง่ เพ่ือใหเ้ กดิ ความแตกต่างบนเส้ือผ้า นยิ มมากในการตกแตง่ กบั กระโปรง แขนเส้ือ เปน็ การตกแต่งทาให้

เนื้อทีผ่ า้ ฟองฟู

นยิ มมากในปี 1930 โดยใช้แทรกผ้าในกระโปรงยาว ช่วงชาย อาจแทรกด้วยผ้าเฉลียง ผ้าสี ตาม

ตะเขบ็ เพอ่ื ให้ปลายบาน หรอื เรียกวา่ ทรงปลายบายแบบหางปลา มีลักษณะการแทรกผ้าได้หลายแบบ คือ

1. การแทรกผา้ รปู ทรงตา่ งๆ (Shaped godet) เช่น รปู สามเหล่ยี มตรงรอยตะเข็บ หรือตาแหนง่ ท่ี
ตอ้ งการแทรกผา้ หรอื แทรกผ้าแบบโคง้ การทาแบบน้ี ต้องตดั ผา้ ออกจากกระโปรงทตี่ ้องการตอ่
เปน็ รูปโคง้ ตามต้องการ

2. การแทรกเป็นหางปลา (Tail godet) การแทรกแบบนี้ ตอ้ งจับผ้าใหต้ ัง้ ตรงตามแนวยาว แลว้ ตัดผ้า
ทีต่ ้องการนามาแทรกเป็นรูปวงกลม อาจใชผ้ า้ ต่างสีกันก็ได้ แล้วนามาเย็บติดกนั กจ็ ะไดเ้ สอ้ื ผา้ ที่
ย้วยบานตามต้องการ

การตกแตง่ กระโปรงดว้ ยการแทรกผา้
ที่มา : วัสดทุ ี่ใชผ้ ลิตและตกแต่งเสื้อผ้า : หนา้ 103

13

ศิลปะการตกแต่งเสือ้ ดว้ ยมือ รหัสวิชา ๑๔๐๑-๖๑๑๐

การตกแต่งด้วยการเยบ็ สกั (Quilting)

การตกแต่งดว้ ยการเยบ็ สกั คอื การเยบ็ ผา้ 2 ช้ิน หรือมากกวา่ ซอ้ นกัน มวี ัสดุน่มุ ๆใส่ไวต้ รงกลาง เม่อื

เยบ็ ตะเข็บจกั รจะเปน็ รอบลึกลงไป ส่วนที่ไมไ่ ด้เย็บจะนนู ขนึ้ ทาใหเ้ กดิ เปน็ ลวดลายสาหรับใช้ตกแต่งเสอ้ื ผ้า มี 3

รปู แบบ คอื

1. การเยบ็ สกั ลายรั้ว (Rail quilt)
2. การเย็บสักลายตาข่ายหรือลวดกรงไก่ (Chicken wire)
3. การเย็บสักลวดลายแปลกตา (Novelty pattern)

การตกแตง่ เสอื้ ผ้าดว้ ยการเยบ็ สัก
ที่มา : วัสดทุ ่ีใชผ้ ลิตและตกแต่งเสื้อผ้า : หน้า104

14

ศลิ ปะการตกแต่งเสื้อดว้ ยมือ รหสั วิชา ๑๔๐๑-๖๑๑๐

การตกแต่งดว้ ยการจับจบี (Pleats)

การตกแตง่ เสอ้ื ผา้ ด้วยการจบั จีบ หมายถงึ การจับผ้า พบั ผา้ มาซอ้ นกนั โดยใช้ความร้อนเป็นตวั ช่วย

ฉะน้ันควรเลือกผ้าทผี่ ลติ จากเสน้ ใยสังเคราะห์ เพราะมคี ณุ สมบัตไิ ม่ทนตอ่ ความร้อน สามารถจบั จบี ได้งา่ ย และ

ทนต่อการซัก การทาความสะอาด การจับจีบแบ่งออกได้เป็น 4 ชนดิ ดังนี้

1. จบี ใบมดี (Knife straight)
2. จีบกล่อง (Box pleat)
3. จีบหนังหีบเพลง (Accordion, crystal)
4. จีบนายชา่ ง (Engineered)

การตกแต่งกระโปรงดว้ ยการจบั จีบแบบต่าง ๆ
ทมี่ า : วสั ดทุ ี่ใช้ผลติ และตกแต่งเสือ้ ผ้า : หน้า105

15

ศลิ ปะการตกแต่งเส้อื ด้วยมือ รหสั วิชา ๑๔๐๑-๖๑๑๐

การตกแต่งดว้ ยการระบายสี (Airbrush and hand painting)
การตกแต่งเสอื้ ผา้ ด้วยการระบายสดี ้วยมือบนเส้ือผา้ นิยมตกแต่งเสอื้ ผา้ ประเภทท่ีตอ้ งการงานฝมี ือ มี

ราคาแพงมาก ผ้าท่ีผลิตสว่ นใหญน่ ิยมผ้าเสน้ ใยธรรมชาติ เพราะมีคณุ สมบัตดิ ูดซึมความชน้ื หรอื สไี ด้ดี สามารถ
ระบายสไี ด้งา่ ย และไดส้ สี ดใส

การทาบาตกิ เปน็ การตกแตง่ ผ้าด้วยการระบายสเี ช่นกัน แตม่ เี ทคนคิ และขนั้ ตอนการทายุ่งยากกว่า
เปน็ เทคนคิ การตกแตง่ ผา้ ของชาวภาคใต้ นยิ มลวดลายท่ีเปน็ ธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ ใบไม้ ทะเล สัตวน์ ้า ฯลฯ
และมีราคาแพงเช่นกัน

การตกแต่งเสือ้ สตรีดว้ ยการระบายสี
ทมี่ า : วสั ดุที่ใชผ้ ลติ และตกแต่งเสอ้ื ผ้า : หน้า106

16

ศิลปะการตกแต่งเส้อื ดว้ ยมอื รหัสวิชา ๑๔๐๑-๖๑๑๐

การเดรปผา้ ( Draping )
การเดรปผา้ น้นั จะทาบนลาตัว เพื่อสรา้ งลอยพบั ทีต่ ้ืนและนิ่มนวลบนเสือ้ ผา้ และจะยึดโดยใช้รอยเยบ็

แบบซอ่ น ต่อจากนน้ั จะยดึ ตดิ กับซับใน ( Lining ) ผ้าที่ใช้ต้องตดั แบบผ้าเฉลยี ง และเป็นผา้ เนื้อนิ่ม เช่น ผา้ เครป
ผา้ เจอร์ซ่ี ผ้าชฟิ ฟอน ผ้าซาติน เปน็ ต้น

การปกั ลกู ปดั (Beading)
ลกู ปดั น้ันทาจากวัสดทุ หี่ ลากหลาย มีท้ังทาจากแก้ว คริสตัล พลอยเทียม มกุ เล่อื ม แผ่นโลหะ

การใช้ลกู ไม้ (Lace) ตกแต่ง
ผลติ จากเส้นด้าย นามาถักทอเปน็ ลวดลาย ลกู ไม้มที ั้งทาจากไหม ฝา้ ย ป่าน ไนลอนและโพลีเอสเตอร์

ลกู ไมอ้ าจเป็นผ้าทัง้ ผืน หรือเป็นแถบเส้นสาหรบั ตกแตง่

สง่ิ ยึดติด และ เครอ่ื งเกาะเกี่ยว (Opening Fastening)
การสวมใส่เสือ้ ผ้า จาเป็นที่จะต้องมจี ุดเปิดไวส้ าหรับถอดเข้าออก เพราะฉะนน้ั เคร่อื งเกาะเกยี่ วเปน็

องคป์ ระกอบทส่ี าคัญสาหรับเคร่ืองแต่งกาย เครื่องเกาะเก่ยี วนัน้ ต้องเหมาะสมกบั เส้ือผ้า วัตถุประสงค์ และ
บรเิ วณท่จี ะเลือกใช้

มีลักษณะตา่ งๆกัน ดังน้ี
- โบว์ และการผกู (Bows and Ties) อาจทาจากแถบผา้ โบว์ สายถัก (Braid)
- ห่วง หรือหวั เข็มขดั (Buckles)
- กระดมุ (Button)
- แถบ (Tabs) ใช้ยึดเข็มขัดหรือไว้ตกแตง่ เครอื่ งแต่งกาย
- อนิ ทรธนู (Epaulettes)
- แถบพลาสตกิ สาหรบั รดั (Grip Fasteners)
- ตะขอ และห่วง (Hook and Eye)
- การร้อยเชือก (Lancing)
- ซปิ (Zipper)
- กระดุมแป๊ะ (Studs and Snaps)

17

ศลิ ปะการตกแต่งเสื้อดว้ ยมือ รหัสวชิ า ๑๔๐๑-๖๑๑๐

เทคนิคการตกแตง่ เทคนิคการตกแต่งผ้า
1. การตกแต่งดว้ ยตะเขบ็
ลักษณะเทคนิค คณุ สมบัติขอเทคนิค
2. การตกแตง่ ด้วยสมอ็ ค
สามารถเย็บได้ด้วยมอื และ ชว่ ยเพ่มิ จดุ เด่นใหก้ ับเสอื้ ผ้า
เคร่อื งจักร นยิ มตกแต่งตามรมิ และช่วยในการทาให้เสอ้ื ผา้ ดู
ตะเข็บบนเสือ้ ผา้ ความ เขา้ รปู เข้าทรงมากขนึ้
สวยงามอาจเกิดจากเส้นดา้ ยที่
นามาใช้เย็บอกี ดว้ ย

เกิดจากการเยบ็ ตะเข็บขนาด ชว่ ยเพิ่มใหเ้ ส้อื ผ้ามีความนุ่ม
เลก็ เปน็ ลวดลายเรขาคณิต โดย และฟองฟู

ใช้เส้นด้ายโยงเป็นแนว

3. การตกแตง่ ด้วยจบี ระบาย เป็นการตัดผ้าเป็นเสน้ แล้ว ช่วยใหเ้ สอ้ื ผา้ ดูมีความ
หรือจีบรูด นามาเย็บต่อริมเสอ้ื ผ้า ผา้ ทีม่ ี อ่อนหวาน นา่ รัก ดูน่มุ และพอง

ความเหมาะสมจะต้องมนี า้ หนกั ฟู
เบาบาง

4. การตกแต่งดว้ ยการตเี กล็ด การตอ้ งแต่งเสอ้ื ผา้ ดว้ ยการเย็บ ช่วยเสริมให้เส้ือผ้าดสู วยงาม
ผ้าเปน็ เส้นแนวตรง ใหช้ ดิ แนว และมีความนา่ สนใจยิ่งขึ้น
สันทบ และเย็บตเี กล็ดส้ันหรือ บางครั้งช่วยเสรมิ ในการอา

ยาวได้ตามต้องการ พรางสรีระ

5. การตกแต่งดว้ ยใส่ไก่ การตดั ผ้าเป็นเส้น ๆ ตามแนว ชว่ ยเสรมิ ในการตกแตง่ เสื้อผ้า
ผา้ เกรนเฉลยี งเพ่ือตอ้ งการ ใหม้ คี วามน่าสนใจมากขน้ึ นยิ ม
ความยืดหยนุ่ เสน้ แลว้ นาไปรดี นามาทาสายคลอ้ งไหล่ หรอื
สันทบแล้วเย็บกดกอ่ นรโู กลบั ตกแตง่ เส้ือขดไปมา
ออกมา

18

ศลิ ปะการตกแต่งเส้อื ด้วยมอื รหสั วิชา ๑๔๐๑-๖๑๑๐

เทคนคิ การตกแตง่ ลักษณะเทคนิค คณุ สมบัติขอเทคนิค
6. การตกแตง่ ด้วยการแทรกผา้
การนาผ้าช้ินต่าง ๆ มาเพ่ิมเข้า เป็นการตกแต่งเพื่อให้เกิดความ

ไปในเนอ้ื ผ้าเดิม เป็นการตกแต่ง แตกตา่ งบนเสื้อผ้านยิ มแทรก
เพือ่ ให้เกิดความบานหรอื พองฟู ชายกระโปรงหรอื แขนเส้ือใหม้ ี

ลกั ษณะบานออก

7. การตกแต่งด้วยการเย็บสัก การเย็บผา้ 2 ชิ้น หรอื มากกว่า เป็นการตกแต่งเพือ่ ให้เกดิ ความ

ซ้อนกัน เพือ่ ใหเ้ กดิ ความพอฟู นา่ สนใจ และลวดลายตา่ ง ๆ
หรือนนู ขนึ้
ข้ึน

8. การตกแต่งด้วยการจบั จบี เปน็ การ พบั ผ้ามาซ้อนกัน โดย เป็นการตกแต่งเพอื่ ใหเ้ กิดความ
ใชค้ วามรอ้ นเป็นตวั ชว่ ยในการ สวยงามและนา่ สนใจมากข้ึน
อกั ให้อยู่ทรง นยิ มใชผ้ ้าใย
สงั เคราะห์เพราะจะทนตอ่ ความ
รอ้ นได้ดี

9. การตกแต่งดว้ ยการจับเดรป การจบั ผา้ บนลาตัว เพ่ือสรา้ ง เปน็ การตกแตง่ เพอ่ื ให้เกดิ ความ
สวยงามและความนา่ สนใจ
ลอยพับทตี่ ่ืนและน่มิ นวลบน เหมาะกบั การทาชุดราตรีอย่าง
เสอื้ ผ้า นยิ มตัดแบบผ้าเฉลยี ง มาก
เพราะจะไดค้ วามนมุ่ และพร้ิว
ไหวกว่า

10. การตกแต่งดว้ ยลกู ไม้ การนาลกู ไมม้ าตกแตง่ ตามเชิง เปน็ การตกแต่งเพื่อใหเ้ กดิ ความ
หรอื ชายขอบเครอ่ื งแตง่ กาย สวยงามดอู อ่ นหวาน นา่ รกั

อาจเปน็ ผ้าท้งั ผนื หรอื เป็นเชงิ ก็
ได้


Click to View FlipBook Version