ขอ้ บงั คบั มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
ว่าด้วยการศกึ ษาระดับบัณฑิตศึกษาของบัณฑติ วิทยาลยั
มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ พ.ศ. 2559
โดยที่เป็นการสมควรกาหนดให้มีข้อบงั คับมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่าด้วยการศึกษา
ระดับบัณฑิตศึกษาของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อให้สอดคล้อง
กับประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา
พ.ศ. 2558 และประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง แนวทางการบริหารเกณฑ์มาตรฐาน
ระดบั อดุ มศึกษา พ.ศ. 2558 ตลอดจนการเป็นมหาวิทยาลัยในกากบั ของรัฐ
อาศยั อานาจตามความในมาตรา 22 (2) แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
พ.ศ. 2558 และโดยอนุมัติของสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการประชุมคร้ังท่ี 10/2559
เม่ือวันจนั ทร์ท่ี 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 จงึ ใหอ้ อกข้อบงั คับไวด้ ังนี้
ข้อ 1 ขอ้ บงั คบั นเ้ี รยี กวา่ “ขอ้ บังคบั มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ ว่าดว้ ยการศึกษาระดับ
บณั ฑติ ศึกษาของบัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. 2559”
ข้อ 2 ข้อบังคบั นใี้ ชบ้ ังคับตง้ั แตภ่ าคตน้ ปกี ารศึกษา 2559 เป็นตน้ ไป
ขอ้ 3 ให้ยกเลิก
3.1 ประกาศสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เร่ือง ข้อบังคับว่าด้วยการศึกษาระดับ
บัณฑิตศึกษาของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. 2556 ประกาศ ณ วันที่ 29
พฤษภาคม พ.ศ. 2556
3.2 ประกาศสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เร่ือง ข้อบังคับว่าด้วยการศึกษาระดับ
บณั ฑติ ศกึ ษาของบัณฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2558 ประกาศ
ณ วนั ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558
ข้อ 4 ในขอ้ บงั คับนี้
“สภามหาวทิ ยาลยั ” หมายความวา่ สภามหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
“มหาวทิ ยาลัย” หมายความวา่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
“บัณฑิตวิทยาลัย” หมายความว่า บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
“อธิการบดี” หมายความว่า อธิการบดีมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
“คณบดบี ณั ฑติ วิทยาลัย” หมายความว่า คณบดบี ัณฑติ วิทยาลยั
มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
“นสิ ิต” หมายความว่า นสิ ติ ระดบั บณั ฑิตศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
“คณะกรรมการวิชาการ” หมายความวา่ คณะกรรมการวชิ าการ
มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
ขอ้ 5 ให้อธกิ ารบดรี ักษาการตามข้อบังคับนี้
กรณใี ดท่ีมไิ ดก้ าหนดไว้ในขอ้ บังคับน้ี หรอื มไิ ด้กาหนดเป็นระเบียบปฏิบัติไว้ในข้อบังคับ
น้ี ให้อธิการบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการวิชาการมีอานาจออกระเบียบวิธีปฏิบัติ
และส่ังปฏิบัติการได้ตามที่เห็นสมควร ท้ังนี้ ต้องไม่ขัดต่อประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง
เกณฑ์มาตรฐานหลกั สตู รระดับบัณฑิตศึกษา ฉบบั ที่บังคับใชใ้ นปัจจบุ ัน
ในกรณที ่ีไม่สามารถปฏบิ ัตติ ามข้อบังคับนี้ได้ ให้เสนออธิการบดีโดยความเห็นชอบของ
คณะกรรมการวชิ าการพิจารณาเปน็ รายกรณีไป
2
หมวด 1
การรบั เขา้ ศึกษา
ขอ้ 6 คณุ สมบตั ิของผมู้ ีสทิ ธิส์ มคั รเข้าศกึ ษา
6.1 หลักสูตรประกาศนยี บัตรบณั ฑติ
สาเรจ็ การศึกษาหรือกาลงั ศึกษาในปกี ารศึกษาสดุ ทา้ ย ระดับปริญญาตรหี รือเทยี บเทา่
6.2 หลกั สูตรปรญิ ญาโท
สาเร็จการศึกษาหรือกาลังศึกษาในภาคการศึกษาสุดท้าย ระดับปริญญาตรีหรือ
เทียบเทา่ และมีผลการสอบภาษาอังกฤษได้ตามเกณฑท์ ม่ี หาวทิ ยาลัยกาหนด
6.3 หลกั สตู รประกาศนยี บัตรบณั ฑิตชน้ั สูง
สาเรจ็ การศกึ ษาหรอื กาลังศกึ ษาในภาคการศกึ ษาสุดทา้ ย ระดับประกาศนยี บัตรบัณฑิต
หรอื ระดับปรญิ ญาตรีท่มี ีระยะเวลาการศึกษา 6 ปี หรือระดับปริญญาโทหรอื เทียบเทา่
6.4 หลักสตู รปรญิ ญาเอก
สาเร็จการศึกษาหรือกาลังศึกษาในภาคการศึกษาสุดท้าย ระดับปริญญาตรีหรือ
เทียบเทา่ ที่มีผลการเรยี นดมี าก หรือปรญิ ญาโทหรือเทยี บเทา่ และมีผลการสอบภาษาองั กฤษได้
ตามเกณฑ์ทมี่ หาวิทยาลัยกาหนด
6.5 มคี ณุ สมบตั อิ ืน่ ตามทก่ี าหนดไวใ้ นหลกั สตู ร
6.6 ไมม่ ีลักษณะต้องห้ามดงั ต่อไปนี้
6.6.1 เป็นผ้มู ีความประพฤติเสยี หายอย่างร้ายแรง
6.6.2 เปน็ คนวิกลจรติ
6.6.3 เป็นโรคติดต่อร้ายแรงหรือเป็นโรคสาคัญท่ีจะเป็นอุปสรรคขัดขวางต่อ
การศกึ ษา
6.6.4 ถกู คัดช่ือออกจากสถานศกึ ษาเพราะกระทาความผิดทางวินัย
3
การรับสมัคร ใบสมัครและหลักฐาน ให้เป็นไปตามประกาศของบัณฑิตวิทยาลัย
ในแตล่ ะภาคการศึกษา
ข้อ 7 การพจิ ารณารบั เขา้ ศึกษา
7.1 คณบดีบัณฑิตวิทยาลัยเป็นผู้แต่งต้ังคณะกรรมการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษา
ในระดับบัณฑิตศึกษา โดยภาควิชาหรือสาขาวิชาเป็นผู้เสนอรายชื่อคณะกรรมการ
ซ่ึงประกอบด้วยอาจารย์ประจาหลักสูตรไม่น้อยกว่า 3 คน โดยอย่างน้อย 2 คน ต้องเป็น
อาจารยผ์ ู้รบั ผิดชอบหลกั สูตร
7.2 คณะกรรมการสอบคัดเลอื กบุคคลเข้าศกึ ษาในระดับบัณฑติ ศึกษา มหี น้าที่พจิ ารณา
รับบุคคลเข้าศึกษา ท้ังน้ีจะรับบุคคลใดเข้าศึกษาในสถานภาพนิสิตใด โดยเง่ือนไขใด ให้อยู่
ในดุลยพินิจของคณะกรรมการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา โดยความ
เหน็ ชอบของหัวหน้าภาควิชาหรือประธานสาขาวิชาและคณบดบี ณั ฑิตวิทยาลัย
ข้อ 8 สถานภาพของผ้เู ขา้ ศกึ ษา
ผู้เขา้ ศกึ ษามี 2 สถานภาพ คือ นสิ ติ สามัญ และนสิ ิตทดลองเรยี น
8.1 นิสิตสามัญ หมายถึง นิสิตท่ีมีคุณสมบัติครบถ้วนและผ่านการพิจารณาคัดเลือกเข้า
ศึกษาแล้ว
8.2 นิสิตทดลองเรียน หมายถึง นิสิตท่ีมีคุณสมบัติครบถ้วนและผ่านการพิจารณา
คัดเลือก โดยมีเง่ือนไขว่าภาคการศึกษาแรกต้องลงทะเบียนเรียนวิชาระดับบัณฑิตศึกษาแบบ
นับหนว่ ยกติ ไม่นอ้ ยกวา่ 9 หน่วยกิต และต้องสอบผ่านทกุ วิชาโดยมีแต้มคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ากว่า
3.00 จึงจะเปล่ียนสถานภาพเป็นนิสิตสามัญได้ มิฉะน้ันจะถูกคัดช่ือออกจากการเป็นนิสิตของ
บณั ฑติ วิทยาลยั
4
ข้อ 9 การขึน้ ทะเบยี นเปน็ นิสติ
9.1 ผผู้ ่านการรับเขา้ ศึกษาต้องเป็นผู้สาเร็จการศึกษาแล้ว และมีสิทธ์ิเข้าศึกษาได้เพียง
หน่ึงสาขาวิชาเทา่ นั้น ท้ังนจี้ ะข้นึ ทะเบียนเป็นนิสิตเกนิ กว่า 1 สาขาวชิ าในขณะเดียวกันไมไ่ ด้
9.2 ผู้ผ่านการรับเข้าศึกษาต้องชาระค่าธรรมเนียมการศึกษา และรายงานตัว
ท่ีบณั ฑิตวทิ ยาลยั ตามประกาศของบณั ฑิตวทิ ยาลัย มิฉะน้ันถือว่าสละสิทธิ์ บัณฑิตวิทยาลัยจะ
ไม่คนื คา่ ธรรมเนยี มการศกึ ษา ไม่ว่ากรณีใดๆ ทงั้ สน้ิ
หมวด 2
การลงทะเบยี น
ข้อ 10 การลงทะเบียนเรียน
นิสติ ตอ้ งลงทะเบียนเรยี นตามกาหนดของมหาวิทยาลยั
10.1 การลงทะเบียนเรียนในภาคการศึกษาปกติให้ลงทะเบียนเรียนไม่เกิน 15 หน่วยกิต
ส่วนในภาคฤดูร้อนให้ลงทะเบียนเรียนไม่เกิน 7 หน่วยกิต ท้ังน้ี ในภาคการศึกษาแรกให้
ลงทะเบียนเรยี นไม่น้อยกวา่ 9 หน่วยกติ
กรณีท่ีมีความจาเป็นต้องลงทะเบียนเรียนไม่เป็นไปตามกาหนด ต้องได้รับความ
เห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลักหรืออาจารย์ท่ีปรึกษาการศึกษาค้นคว้าอิสระ
และหัวหน้าภาควชิ าหรอื ประธานสาขาวิชา โดยต้องได้รับอนมุ ตั จิ ากคณบดีบณั ฑิตวิทยาลยั
10.2 การลงทะเบียนเรียนล่าช้า ต้องกระทาภายใน 2 สัปดาห์นับจากวันเปิด
ภาคการศึกษาปกติ ส่วนในภาคฤดูร้อนให้เป็นไปตามที่มหาวิทยาลัยกาหนด หากพ้นกาหนด
การลงทะเบียนเรียนล่าช้าต้องได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์หลักหรือ
อาจารยท์ ่ีปรึกษาการศึกษาค้นคว้าอิสระ และหัวหน้าภาควิชาหรือประธานสาขาวิชา โดยต้อง
ไดร้ บั อนมุ ตั จิ ากคณบดีบณั ฑิตวิทยาลัย
5
10.3 นิสิตที่ไม่ลงทะเบียนเรียนให้เสร็จสิ้นภายใน 2 สัปดาห์ นับแต่วันเปิดภาค
การศึกษาจะหมดสถานภาพนสิ ติ ตามขอ้ 32 (8)
10.4 นิสิตต้องตรวจสอบสถานภาพนิสิตก่อนลงทะเบียนเรียนทุกครั้ง หากไม่มีสิทธิ์
ลงทะเบียนเรียนแต่ได้ลงทะเบียนเรียน หรือชาระค่าธรรมเนียมการศึกษาไปแล้ว ถือว่า
การลงทะเบยี นน้ันเป็นโมฆะ และจะไมค่ ืนค่าธรรมเนียมการศึกษาไมว่ า่ กรณีใดๆ ทัง้ สนิ้
ขอ้ 11 การขอเพิม่ ขอลด และขอถอนรายวิชา
11.1 การขอเพิ่ม ขอลด หรือการเปลี่ยนแปลงรายวิชาเรียน หมู่เรียน ต้องกระทาภายใน
2 สัปดาห์แรกนับจากวันเปิดภาคการศึกษาปกติ ส่วนภาคฤดูร้อนให้เป็นไปตามที่มหาวิทยาลัย
กาหนด
11.2 การขอถอนรายวิชาเรยี นบางรายวชิ าภายหลงั จาก 60 วนั นับจากวนั เปิดภาคการศึกษา
ปกติ หรือภายในกาหนดตามปฏิทินการศึกษาของแต่ละภาคการศึกษา จะต้องได้รับความ
เห็นชอบจากอาจารยท์ ปี่ รกึ ษาวทิ ยานพิ นธ์หลกั หรืออาจารยท์ ่ีปรึกษาการศึกษาค้นคว้าอิสระ ท้ังน้ี
ตอ้ งดาเนนิ การให้แล้วเสร็จก่อนวนั สอบไล่ของภาคการศกึ ษานนั้ ๆ ไม่น้อยกว่า 7 วันตามกาหนด
ในปฏิทนิ การศึกษา
ข้อ 12 การลงทะเบยี นเพ่ือรกั ษาสถานภาพนิสิต
12.1 นิสิตท่ีเรียนรายวิชาครบตามโครงสร้างหลักสูตรและเรียนรายวิชาตามเง่ือนไข
การรับเข้าศึกษาแล้ว แต่ยังไม่สาเร็จการศึกษา ให้ลงทะเบียนรักษาสถานภาพนิสิตทุกภาค
การศกึ ษาปกติ ดงั น้ี
(1) กรณียังไม่สอบปากเปล่าข้ันสุดท้าย ให้ชาระค่าบารุงการศึกษาระดับ
บัณฑิตศึกษาและคา่ ธรรมเนียมพเิ ศษคณะ
(2) กรณีสอบผ่านปากเปล่าขั้นสุดท้ายแล้ว ให้ชาระค่าบารุงการศึกษาระดับ
บณั ฑิตศึกษา
6
12.2 นิสิตท่ีเรียนรายวิชาไม่ครบตามโครงสร้างหลักสูตร และไม่ครบตามเงื่อนไข
การรับเข้าศึกษา ท่ีจะลาพักการศึกษา ต้องชาระค่าบารุงการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาและ
ค่าธรรมเนียมพิเศษคณะในภาคการศึกษาปกติท่ีลาพักการศึกษานั้น และลงทะเบียนเรียนเพื่อ
รกั ษาสถานภาพนิสติ
12.3 นิสิตที่ประสงคจ์ ะจบการศึกษาในภาคฤดูร้อน จะต้องชาระค่าบารุงการศึกษาระดับ
บณั ฑติ ศึกษาภาคฤดรู อ้ น
12.4 การลงทะเบียนเพ่ือรักษาสถานภาพนิสิต ต้องชาระค่ารักษาสถานภาพนิสิตและ
ลงทะเบียนเรียนโดยระบุ “รักษาสถานภาพนิสิต” ให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ นับจากวัน
เปดิ ภาคการศกึ ษาปกติ มฉิ ะนั้นจะหมดสถานภาพนสิ ิตตามขอ้ 32 (8)
ขอ้ 13 การลงทะเบยี นเรยี นข้ามสถาบนั
13.1 นสิ ิตจะขอลงทะเบยี นเรยี นรายวิชา ณ สถาบนั อน่ื ได้ เมือ่ ได้รบั ความเห็นชอบจาก
อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลักหรืออาจารย์ท่ีปรึกษาการศึกษาค้นคว้าอิสระ และหัวหน้า
ภาควชิ าหรอื ประธานสาขาวชิ า โดยตอ้ งไดร้ ับอนุมัติจากคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย ภายใต้เงื่อนไข
ดังน้ี
(1) รายวิชาทีห่ ลกั สตู รกาหนด มิไดเ้ ปดิ สอนในมหาวทิ ยาลัย ในภาคการศึกษาและ
ปกี ารศึกษานนั้
(2) รายวิชาต้องเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา หรือการทาวิทยานิพนธ์หรือ
การศึกษาคน้ คว้าอิสระ
13.2 ผลการศึกษาของรายวิชาท่ีนิสิตลงทะเบียนเรียนข้ามสถาบันจะไม่นามาคานวณ
แต้มคะแนนเฉล่ียสะสม
13.3 นิสิตต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบค่าลงทะเบียนเรียนข้ามสถาบัน ตามอัตราท่ีสถาบัน
นนั้ ๆ กาหนด
7
กาหนดเวลา วิธีการ การชาระค่าธรรมเนียมการศึกษาและการลงทะเบียนให้เป็นไป
ตามรายละเอยี ดท่ีบณั ฑิตวิทยาลยั กาหนดในแตล่ ะภาคการศึกษา
ข้อ 14 คา่ ธรรมเนียมการศึกษา
14.1 อตั ราคา่ ธรรมเนียมการศกึ ษา ใหเ้ ป็นไปตามประกาศของมหาวิทยาลัย โดยอนุมัติ
ของท่ีประชุมคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และอาจแก้ไขเปล่ียนแปลงได้
โดยไมต่ ้องแจ้งล่วงหน้า
14.2 นิสิตจะต้องชาระค่าธรรมเนียมการศึกษา ตามวิธี ตามขั้นตอน และตามวันท่ี
มหาวิทยาลัยกาหนด การผอ่ นผันการชาระคา่ ธรรมเนียมการศกึ ษาใหเ้ ปน็ อานาจของอธิการบดี
โดยผ่อนผันไดไ้ มเ่ กิน 1 ภาคการศึกษา
14.3 การยกเว้นค่าธรรมเนียมการศึกษาประเภทต่างๆ ให้เป็นอานาจของอธิการบดี
โดยจดั ทาเปน็ ประกาศของมหาวิทยาลยั ในแต่ละประเภททไี่ ด้รับการยกเว้น
14.4 ค่าธรรมเนียมการศึกษาไม่สามารถขอคืนได้ไม่ว่ากรณีใดๆ ท้ังสิ้น เว้นแต่คณบดี
บัณฑิตวิทยาลัยโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประจาบัณฑิตวิทยาลัยเสนออธิการบดี
พิจารณาคนื ค่าธรรมเนยี มการศึกษาเป็นกรณไี ป
หมวด 3
อาจารย์ระดับบัณฑติ ศกึ ษา
ขอ้ 15 อาจารยร์ ะดับบณั ฑิตศึกษา ประกอบด้วย
15.1 อาจารย์ประจา หมายถึง บุคคลท่ีดารงตาแหน่งอาจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์
รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ ในมหาวิทยาลัย มีหน้าท่ีรับผิดชอบตามพันธกิจของ
การอุดมศกึ ษาและปฏิบัตหิ น้าที่เตม็ เวลา
8
15.2 อาจารย์ประจาหลักสูตร หมายถึง อาจารย์ประจาท่ีมีคุณวุฒิตรงหรือสัมพันธ์กับ
สาขาวิชาของหลักสูตรท่ีเปิดสอน ซึ่งมีหน้าที่สอนและค้นคว้าวิจัยในสาขาวิชาดังกล่าว ท้ังนี้
สามารถเป็นอาจารย์ประจาหลักสูตรหลายหลักสูตรได้ในเวลาเดียวกัน แต่ต้องเป็นหลักสูตร
ที่อาจารยผ์ ู้นน้ั มีคณุ วฒุ ิตรง หรอื สมั พันธก์ ับสาขาวิชาของหลักสูตร
15.3 อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร หมายถึง อาจารย์ประจาหลักสูตรที่มีภาระหน้าที่
ในการบริหารและพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอน ตั้งแต่การวางแผน การควบคุม
คุณภาพ การตดิ ตามประเมนิ ผลและการพัฒนาหลักสูตร อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรต้องอยู่
ประจาหลักสูตรน้ันตลอดระยะเวลาที่จัดการศึกษา โดยจะเป็นอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร
เกนิ กว่า 1 หลักสูตรในเวลาเดยี วกนั ไม่ได้ ยกเว้นพหวุ ทิ ยาการหรอื สหวิทยาการ ให้เปน็ อาจารย์
ผ้รู บั ผิดชอบหลกั สูตรไดอ้ กี หนึง่ หลักสูตรและอาจารยผ์ รู้ ับผิดชอบหลักสูตรสามารถซ้าได้ไม่เกิน
2 คน ทัง้ นี้ อาจารย์ผ้ทู รงคณุ วุฒพิ ิเศษไมส่ ามารถเป็นอาจารยผ์ ู้รับผดิ ชอบหลกั สูตรได้
15.4 อาจารยผ์ ู้สอน หมายถงึ อาจารยป์ ระจาหรอื อาจารย์พิเศษ ท่ีได้รบั มอบหมายหรอื
แตง่ ตั้งให้ทาหนา้ ท่ีสอนในรายวชิ าหรอื บางหวั ขอ้ ในแต่ละรายวชิ า
15.5 อาจารย์ที่ปรึกษา หมายถึง อาจารย์ประจาหรืออาจารย์พิเศษท่ีได้รับการแต่งตั้ง
ให้รับผิดชอบกระบวนการเรียนรู้เพ่ือวิทยานิพนธ์หรือการศึกษาค้นคว้าอิสระของนิสิต
เฉพาะราย เช่น การพิจารณาโครงการ การให้คาแนะนาและควบคุมดูแล รวมท้ังการประเมิน
ความกา้ วหน้าและการสอบวิทยานิพนธห์ รอื การศึกษาค้นคว้าอิสระของนิสติ
15.6 ผทู้ รงคุณวุฒภิ ายนอก หมายถงึ ผู้ทมี่ ิได้เป็นอาจารยป์ ระจาหรือบคุ ลากรในมหาวทิ ยาลยั
15.7 ผ้ทู รงคณุ วฒุ ิพเิ ศษ หมายถงึ ผูท้ ี่มหาวทิ ยาลยั แต่งตั้งให้เป็นอาจารยป์ ระจาหลกั สูตรใด
หลกั สตู รหนงึ่ ซง่ึ กาหนดหนา้ ทร่ี ับผิดชอบชดั เจน ตามระยะเวลาที่กาหนด
15.8 อาจารยพ์ ิเศษ หมายถึง ผูส้ อนทไี่ มใ่ ช่อาจารยป์ ระจา
15.9 อาจารย์บัณฑิตพิเศษ หมายถึง อาจารย์พิเศษหรือผู้ทรงคุณวุฒิท่ีได้รับการแต่งตั้ง
จากคณบดีบัณฑิตวิทยาลัยให้รับผิดชอบกระบวนการเรียนรู้เพ่ือวิทยานิพนธ์หรือการศึกษา
ค้นควา้ อิสระของนิสิตเฉพาะราย
9
ขอ้ 16 จานวน คุณวุฒิ และคณุ สมบัตขิ องอาจารย์
16.1 ประกาศนียบัตรบัณฑิต
16.1.1 อาจารย์ประจาหลักสูตร มีคุณวุฒิขั้นต่าปริญญาโทหรือเทียบเท่า
และมีผลงานทางวิชาการท่ีไม่ใช่ส่วนหน่ึงของการศึกษาเพ่ือรับปริญญา และเป็นผลงานทาง
วิ ช า ก า ร ที่ ไ ด้ รั บ ก า ร เ ผ ย แ พ ร่ ต า ม ห ลั ก เ ก ณ ฑ์ ที่ ก า ห น ด ใน ก า ร พิ จ า ร ณ า แ ต่ งต้ั งใ ห้ บุ ค ค ล
ดารงตาแหนง่ ทางวชิ าการอย่างน้อย 3 รายการ ในรอบ 5 ปีย้อนหลัง โดยอย่างน้อย 1 รายการ
ต้องเป็นผลงานวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารระดับชาติหรือนานาชาติ หรือในรายงาน
สืบเน่ืองจากการประชมุ วิชาการ
สาหรบั หลกั สตู รประกาศนยี บัตรบณั ฑติ ทางวิชาชีพ อาจารย์ประจาหลักสูตรต้อง
มีคณุ สมบัตเิ ปน็ ไปตามมาตรฐานวชิ าชีพนัน้
16.1.2 อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร จานวนอย่างน้อย 5 คน มีคุณวุฒิปริญญา
เอกหรือเทียบเท่า หรือขั้นต่าปริญญาโทหรือเทียบเท่าท่ีมีตาแหน่งรองศาสตราจารย์ และมี
ผลงานทางวิชาการท่ีไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการศึกษาเพื่อรับปริญญา และเป็นผลงานทางวิชาการ
ที่ไดร้ ับการเผยแพรต่ ามหลักเกณฑ์ที่กาหนดในการพิจารณาแต่งตั้งให้บุคคลดารงตาแหน่งทาง
วิชาการอยา่ งนอ้ ย 3 รายการ ในรอบ 5 ปีย้อนหลัง โดยอย่างน้อย 1 รายการต้องเป็นผลงานวิจัย
ที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารระดับชาติหรือนานาชาติ หรือในรายงานสืบเนื่องจากการประชุม
วชิ าการ
กรณีท่ีมีความจาเป็นอย่างยิ่งสาหรับสาขาวิชาที่ไม่สามารถสรรหาอาจารย์
ผู้รบั ผดิ ชอบหลักสตู รครบตามจานวน หรอื มจี านวนนิสิตนอ้ ยกว่า 10 คน ทางมหาวทิ ยาลยั ตอ้ ง
เสนอจานวนและคุณวุฒิของอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรที่มีน้ันใ ห้คณะกรรมการ
การอุดมศึกษาพจิ ารณาเป็นรายกรณี
16.1.3 อาจารย์ผสู้ อน ต้องเป็นอาจารย์ประจาหรอื อาจารย์พิเศษ ที่มีคุณวฒุ ิขั้นต่า
ปริญญาโทหรือเทียบเท่าในสาขาวิชานั้นหรือสาขาวิชาที่สัมพันธ์กัน หรือในสาขาวิชา
ของรายวิชาทสี่ อน และต้องมปี ระสบการณด์ ้านการสอนและมีผลงานทางวิชาการที่ไม่ใช่ส่วนหนึ่ง
ของการศึกษาเพ่ือรับปริญญา และเป็นผลงานทางวิชาการท่ีได้รับการเผยแพร่ตามหลักเกณฑ์
10
ท่ีกาหนดในการพจิ ารณาแต่งต้ังให้บุคคลดารงตาแหน่งทางวิชาการอย่างน้อย 1 รายการ ในรอบ
5 ปียอ้ นหลงั
ในกรณีอาจารย์พิเศษ อาจได้รับยกเว้นคุณวุฒิปริญญาโท เว้นแต่มีคุณวุฒิขั้นต่า
ปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และมีประสบการณ์การทางานที่เก่ียวข้องกับวิชาท่ีสอนมาแล้ว
ไม่นอ้ ยกวา่ 6 ปี ทง้ั น้ี อาจารยพ์ ิเศษต้องมีชัว่ โมงสอนไม่เกินรอ้ ยละ 50 ของรายวิชา โดยมีอาจารย์
ประจาเปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบรายวิชานั้น
สาหรับหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตทางวิชาชีพ อาจารย์ผู้สอนต้อง
มีคุณสมบัติเป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพนน้ั ๆ
16.2 ปริญญาโท
16.2.1 อาจารย์ประจาหลักสูตร มีคุณวุฒิขั้นต่าปริญญาโทหรือเทียบเท่า
และมีผลงานทางวิชาการท่ีไม่ใช่ส่วนหน่ึงของการศึกษาเพื่อรับปริญญา และเป็นผลงาน
ทางวิชาการที่ได้รับการเผยแพร่ตามหลักเกณฑ์ที่กาหนดในการพิจารณาแต่งตั้งให้บุคคลดารง
ตาแหน่งทางวิชาการอย่างน้อย 3 รายการในรอบ 5 ปีย้อนหลัง โดยอย่างน้อย 1 รายการ
ต้องเป็นผลงานวิจัยท่ีได้รับการเผยแพร่ในวารสารระดับชาติหรือนานาชาติ เว้นแต่หลักสูตร
แผน ก แบบ ก 2 และแผน ข สามารถใช้การเผยแพร่ในรายงานสืบเน่ืองจากการประชุมวิชาการ
ได้
16.2.2 อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร จานวนอย่างน้อย 3 คน มีคุณวุฒิปริญญา
เอกหรือเทียบเท่า หรือข้ันต่าปริญญาโทหรือเทียบเท่าท่ีมีตาแหน่งรองศาสตราจารย์
และมีผลงานทางวิชาการที่ไม่ใช่ส่วนหน่ึงของการศึกษาเพื่อรับปริญญา และเป็นผลงาน
ทางวิชาการท่ีได้รับการเผยแพร่ตามหลักเกณฑ์ท่ีกาหนดในการพิจารณาแต่งต้ังให้บุคคลดารง
ตาแหนง่ ทางวชิ าการอยา่ งนอ้ ย 3 รายการ ในรอบ 5 ปีย้อนหลัง โดยอย่างน้อย 1 รายการต้อง
เป็นผลงานวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารระดับชาติหรือนานาชาติ เว้นแต่หลักสูตร
แผน ก แบบ ก 2 และแผน ข สามารถใช้การเผยแพร่ในรายงานสืบเน่ืองจากการประชุม
วชิ าการได้
11
กรณีท่ีมีความจาเป็นอย่างยิ่งสาหรับสาขาวิชาที่ไม่สามารถสรรหาอาจารย์
ผูร้ ับผิดชอบหลกั สตู รครบตามจานวน หรือมจี านวนนสิ ติ นอ้ ยกวา่ 10 คน ทางมหาวทิ ยาลัยต้อง
เสนอจานวนและคุณวุฒิของอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรที่มีน้ัน ให้คณะกรรมการ
การอดุ มศึกษาพิจารณาเป็นรายกรณี
16.2.3 อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์และการศึกษาค้นคว้าอิสระ แบ่งออกเป็น
2 ประเภท คอื
(1) อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลักและการศึกษาค้นคว้าอิสระ ต้อง
เป็นอาจารย์ประจาหลักสูตร มีคุณวุฒิปริญญาเอกหรือเทียบเท่า หรือขั้นต่าปริญญาโทหรือ
เทียบเทา่ ทมี่ ีตาแหนง่ รองศาสตราจารย์ และมผี ลงานทางวิชาการท่ไี ม่ใช่ส่วนหนึ่งของการศึกษา
เพอ่ื รับปริญญา และเปน็ ผลงานทางวชิ าการทไี่ ดร้ บั การเผยแพรต่ ามหลักเกณฑ์ที่กาหนดในการ
พิจารณาแต่งต้ังให้บุคคลดารงตาแหน่งทางวิชาการอย่างน้อย 3 รายการ ในรอบ 5 ปีย้อนหลัง
โดยอย่างน้อย 1 รายการต้องเป็นผลงานวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารระดับชาติหรือ
นานาชาติ เว้นแต่หลักสูตรแผน ก แบบ ก 2 และแผน ข สามารถใช้การเผยแพร่ในรายงานสืบเน่ือง
จากการประชมุ วิชาการได้
(2) อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม (ถ้ามี) ต้องมีคุณวุฒิและคุณสมบัติ
ดงั น้ี
อาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วมท่ีเป็นอาจารย์ประจา ต้องมีคุณวุฒิ
และผลงานทางวิชาการเช่นเดยี วกับอาจารยท์ ป่ี รึกษาวทิ ยานพิ นธห์ ลัก
สาหรับอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วมที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก
หรืออาจารย์บัณฑิตพิเศษต้องมีคุณวุฒิปริญญาเอกหรือเทียบเท่า และมีผลงานทางวิชาการ
ที่ไดร้ บั การตพี มิ พเ์ ผยแพร่ในวารสารท่ีมชี ่ืออยู่ในฐานข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับในระดับชาติ ซึ่งตรง
หรือสัมพันธ์กับหัวข้อวิทยานิพนธ์หรือการศึกษาค้นคว้าอิสระ ไม่น้อยกว่า 10 เร่ือง หรือ
ในระดบั นานาชาติ ไม่น้อยกว่า 5 เร่ือง
12
ก ร ณี ผู้ ท ร ง คุ ณ วุ ฒิ ภ า ย น อ ก ที่ ไ ม่ มี คุ ณ วุ ฒิ แ ล ะ ผ ล ง า น ท า ง วิ ช า ก า ร
ตามที่กาหนดข้างต้น ผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกจะต้องเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ
และประสบการณ์สูง เป็นที่ยอมรับ ซึ่งตรงหรือสัมพันธ์กับหัวข้อวิทยานิพนธ์หรือการศึกษา
ค้นคว้าอิสระ โดยผ่านความเห็นชอบจากสภามหาวิทยาลัย และแจ้งคณะกรรมการ
การอดุ มศึกษารบั ทราบ
16.2.4 อาจารย์ผู้สอบ
16.2.4.1 อาจารย์ผู้สอบวิทยานิพนธ์ ต้องประกอบด้วยอาจารย์ประจา
หลักสูตรและผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก รวมไม่น้อยกว่า 3 คน ทั้งน้ี ประธานกรรมการสอบต้อง
ไม่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลักหรืออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม โดยอาจารย์
ผู้สอบวทิ ยานพิ นธต์ ้องมีคณุ วุฒิ คุณสมบตั ิ และผลงานทางวชิ าการดังนี้
(1) กรณอี าจารย์ประจาหลักสูตร ตอ้ งมีคณุ วฒุ ิปริญญาเอกหรือ
เทียบเท่า หรือข้ันต่าปริญญาโทหรือเทียบเท่าที่มีตาแหน่งรองศาสตราจารย์ และมีผลงาน
ทางวิชาการท่ีไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการศึกษาเพ่ือรับปริญญา และเป็นผลงานทางวิชาการท่ีได้รับ
การเผยแพรต่ ามหลกั เกณฑท์ ่กี าหนด ในการพิจารณาแต่งตงั้ ใหบ้ คุ คลดารงตาแหนง่ ทางวชิ าการ
อยา่ งนอ้ ย 3 รายการ ในรอบ 5 ปีย้อนหลัง โดยอย่างน้อย 1 รายการต้องเป็นผลงานวิจัย
ที่ได้รบั การเผยแพร่ในวารสารระดับชาติหรือนานาชาติ เว้นแต่หลักสูตรแผน ก แบบ ก 2 และ
แผน ข สามารถใช้การเผยแพร่ในรายงานสืบเนื่องจากการประชมุ วชิ าการได้
(2) กรณีผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก ต้องมีคุณวุฒิปริญญาเอกหรือ
เทยี บเท่า และมีผลงานทางวิชาการท่ไี ดร้ บั การตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารที่มีช่ืออยู่ในฐานข้อมูล
ทเี่ ป็นท่ียอมรับในระดับชาติ ซึ่งตรงหรือสัมพันธ์กับหัวข้อวิทยานิพนธ์หรือการศึกษาค้นคว้าอิสระ
ไม่น้อยกว่า 10 เร่ือง หรอื ในระดบั นานาชาติ ไมน่ ้อยกว่า 5 เรอ่ื ง
กรณีผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกท่ีไม่มีคุณวุฒิและผลงานทางวิชาการ
ตามทีก่ าหนดขา้ งต้น ผูท้ รงคุณวฒุ ิภายนอกจะต้องเป็นผู้มีความรคู้ วามเชี่ยวชาญและประสบการณส์ งู
เป็นท่ียอมรับ ซึ่งตรงหรือสัมพันธ์กับหัวข้อวิทยานิพนธ์หรือการศึกษาค้นคว้าอิสระ โดยผ่าน
ความเหน็ ชอบจากสภามหาวิทยาลัย และแจง้ คณะกรรมการการอุดมศกึ ษารับทราบ
13
16.2.4.2 อาจารย์ผู้สอบการศึกษาค้นคว้าอิสระ ต้องมีองค์ประกอบ
คณุ วฒุ ิ คุณสมบตั ิ และผลงานทางวิชาการ เหมอื นกบั อาจารย์ผู้สอบวทิ ยานพิ นธ์
16.2.5 อาจารย์ผู้สอน ต้องเป็นอาจารย์ประจาหรืออาจารย์พิเศษ ท่ีมีคุณวุฒิ
ขน้ั ตา่ ปรญิ ญาโทหรือเทยี บเทา่ ในสาขาวิชานั้นหรอื สาขาวิชาท่สี ัมพันธก์ ัน หรอื ในสาขาวิชาของ
รายวิชาท่ีสอนและต้องมีประสบการณ์ด้านการสอนและมีผลงานทางวิชาการท่ีไม่ใช่ส่วนหน่ึง
ของการศึกษาเพ่อื รับปรญิ ญาและเป็นผลงานทางวิชาการท่ีได้รับการเผยแพร่ตามหลักเกณฑ์ท่ี
กาหนดในการพิจารณาแต่งตั้งใหบ้ ุคคลดารงตาแหนง่ ทางวิชาการอย่างน้อย 1 รายการ ในรอบ
5 ปีย้อนหลงั
ท้ังน้ี อาจารย์พิเศษต้องมีช่ัวโมงสอนไม่เกินร้อยละ 50 ของรายวิชา โดยมี
อาจารยป์ ระจาเปน็ ผู้รับผดิ ชอบรายวชิ านัน้
16.3 ประกาศนียบัตรบณั ฑติ ชั้นสูง
16.3.1 อาจารย์ประจาหลักสูตร มีคุณวุฒิปริญญาเอกหรือเทียบเท่า หรือ
ข้นั ต่าปริญญาโทหรือเทียบเท่าท่ีมีตาแหน่งรองศาสตราจารย์ และมีผลงานทางวิชาการที่ไม่ใช่
ส่วนหนึ่งของการศึกษาเพื่อรับปริญญา และเป็นผลงานทางวิชาการที่ได้รับการเผยแพร่ตาม
หลักเกณฑ์ที่กาหนดในการพิจารณาแต่งตั้งให้บุคคลดารงตาแหน่งทางวิชาการอย่างน้อย 3
รายการ ในรอบ 5 ปีย้อนหลัง โดยอย่างน้อย 1 รายการต้องเป็นผลงานวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่ใน
วารสารระดับชาติหรอื นานาชาติ
สาหรับหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตช้ันสูงทางวิชาชีพ อาจารย์ประจา
หลกั สูตรตอ้ งมีคณุ สมบตั ิเป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพนน้ั ๆ
16.3.2 อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร จานวนอย่างน้อย 5 คน มีคุณวุฒิ
ปริญญาเอกหรือเทียบเท่า หรือขนั้ ตา่ ปรญิ ญาโทหรอื เทียบเท่าทมี่ ตี าแหน่งศาสตราจารย์ และมี
ผลงานทางวิชาการทไี่ มใ่ ชส่ ว่ นหน่ึงของการศกึ ษาเพ่ือรบั ปริญญา และเป็นผลงานทางวิชาการที่
ได้รับการเผยแพร่ตามหลักเกณฑ์ท่ีกาหนดในการพิจารณาแต่งต้ังให้บุคคลดารงตาแหน่งทาง
วิชาการอย่างน้อย 3 รายการ ในรอบ 5 ปีย้อนหลัง โดยอย่างน้อย 1 รายการต้องเป็นผลงาน
วจิ ัยท่ีได้รับการเผยแพร่ในวารสารระดบั ชาตหิ รือนานาชาติ
14
กรณีทม่ี ีความจาเป็นอย่างยิ่งสาหรับสาขาวิชาท่ีไม่สามารถสรรหาอาจารย์
ผู้รบั ผิดชอบหลักสูตรครบตามจานวน หรอื มีจานวนนิสิตน้อยกวา่ 10 คน ทางมหาวิทยาลัยต้อง
เ ส น อ จ า น ว น แ ล ะ คุ ณ วุ ฒิ ข อ ง อ า จ า ร ย์ ผู้ รั บ ผิ ด ช อ บ ห ลั ก สู ต ร ท่ี มี น้ั น ใ ห้ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร
การอดุ มศกึ ษาพิจารณาเป็นรายกรณี
16.3.3 อาจารย์ผู้สอน ต้องเป็นอาจารย์ประจาหรืออาจารย์พิเศษ ท่ีมีคุณวุฒิ
ปรญิ ญาเอกหรอื เทยี บเท่า หรือข้ันตา่ ปรญิ ญาโทหรือเทียบเทา่ ท่มี ีตาแหน่งรองศาสตราจารย์ ใน
สาขาวิชานั้นหรือสาขาวิชาที่สัมพันธ์กัน หรือในสาขาวิชาของรายวิชาท่ีสอน และต้องมี
ประสบการณ์ด้านการสอนและมีผลงานทางวิชาการที่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการศึกษาเพ่ือรับ
ปริญญา และเป็นผลงานทางวิชาการท่ีได้รับการเผยแพร่ตามหลักเกณฑ์ที่กาหนดในการ
พิจารณาแต่งต้งั ให้บุคคลดารงตาแหนง่ ทางวชิ าการอย่างน้อย 1 รายการในรอบ 5 ปียอ้ นหลัง
ในกรณีของอาจารย์พิเศษ อาจได้รับการยกเว้นคุณวุฒิปริญญาเอก แต่มี
คุณวฒุ ขิ ้ันต่าปรญิ ญาโทหรือเทยี บเท่า และมีประสบการณ์การทางานท่ีเกี่ยวข้องกับวิชาท่ีสอน
มาแล้วไมน่ ้อยกว่า 4 ปี ทั้งน้ี อาจารยพ์ ิเศษต้องมีช่ัวโมงสอนไม่เกินร้อยละ 50 ของรายวิชา โดยมี
อาจารยป์ ระจาเป็นผรู้ บั ผดิ ชอบรายวชิ านนั้
สาหรับหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตช้ันสูงทางวิชาชีพ อาจารย์ผู้สอน
ตอ้ งมคี ุณสมบตั ิเป็นไปตามมาตรฐานวชิ าชีพนั้นๆ
16.4 ปริญญาเอก
16.4.1 อาจารย์ประจาหลักสูตร มีคุณวุฒิปริญญาเอกหรือเทียบเท่า หรือ
ขนั้ ต่าปริญญาโทหรือเทียบเท่าที่มีตาแหน่งรองศาสตราจารย์ และมีผลงานทางวิชาการท่ีไม่ใช่
ส่วนหนึ่งของการศึกษาเพื่อรับปริญญา และเป็นผลงานทางวิชาการท่ีได้รับการเผยแพร่ตาม
หลักเกณฑ์ที่กาหนดในการพิจารณาแต่งต้ังให้บุคคลดารงตาแหน่งทางวิชาการอย่างน้อย 3
รายการ ในรอบ 5 ปยี ้อนหลงั โดยอย่างนอ้ ย 1 รายการตอ้ งเป็นผลงานวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่
ในวารสารระดับชาตหิ รือนานาชาติ
15
16.4.2 อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร จานวนอย่างน้อย 3 คน มีคุณวุฒิ
ปริญญาเอกหรือเทียบเท่า หรือข้ันต่าปริญญาโทหรือเทียบเท่าท่ีมีตาแหน่งศาสตราจารย์
และมีผลงานทางวิชาการท่ีไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการศึกษาเพื่อรับปริญญา และเป็นผลงานทาง
วิชาการท่ีได้รับการเผยแพร่ตามหลักเกณฑ์ท่ีกาหนดในการพิจารณาแต่งต้ังให้บุคคลดารง
ตาแหน่งทางวิชาการอย่างน้อย 3 รายการ ในรอบ 5 ปีย้อนหลัง โดยอย่างน้อย 1 รายการต้อง
เป็นผลงานวิจัยท่ีได้รับการเผยแพรใ่ นวารสารระดับชาตหิ รือนานาชาติ
กรณีที่มีความจาเป็นอย่างย่ิงสาหรับสาขาวิชาที่ไม่สามารถสรรหาอาจารย์
ผู้รบั ผิดชอบหลกั สูตรครบตามจานวน หรอื มจี านวนนสิ ติ นอ้ ยกวา่ 10 คน ทางมหาวิทยาลัยต้อง
เ ส น อ จ า น ว น แ ล ะ คุ ณ วุ ฒิ ข อ ง อ า จ า ร ย์ ผู้ รั บ ผิ ด ช อ บ ห ลั ก สู ต ร ที่ มี น้ั น ใ ห้ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร
การอดุ มศึกษาพิจารณาเปน็ รายกรณี
16.4.3 อาจารยท์ ี่ปรึกษาวทิ ยานพิ นธ์ แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ
(1) อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก ต้องเป็นอาจารย์ประจา
หลักสูตรมีคุณวุฒิปริญญาเอกหรือเทียบเท่า หรือข้ันต่าปริญญาโทหรือเทียบเท่าที่มีตาแหน่ง
รองศาสตราจารย์ และมีผลงานทางวิชาการทไ่ี ม่ใช่ส่วนหนึ่งของการศึกษาเพื่อรับปริญญา และ
เป็นผลงานทางวิชาการท่ีได้รับการเผยแพร่ตามหลักเกณฑ์ท่ีกาหนดในการพิจารณาแต่งตั้งให้
บุคคลดารงตาแหน่งทางวิชาการอย่างน้อย 3 รายการ ในรอบ 5 ปีย้อนหลัง โดยอย่างน้อย 1
รายการตอ้ งเปน็ ผลงานวิจัยทไ่ี ดร้ บั การเผยแพร่ในวารสารระดบั ชาตหิ รือนานาชาติ
(2) อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม (ถ้ามี) ต้องมีคุณวุฒิและ
คุณสมบตั ิ ดังนี้
อาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วมที่เป็นอาจารย์ประจา ต้องมี
คณุ วุฒิและผลงานทางวชิ าการเช่นเดียวกบั อาจารย์ท่ปี รึกษาวทิ ยานิพนธห์ ลัก
สาหรับอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วมที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ
ภายนอก หรืออาจารย์บัณฑิตพิเศษ ต้องมีคุณวุฒิปริญญาเอกหรือเทียบเท่า และมีผลงานทาง
วิชาการท่ีได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารท่ีมีช่ืออยู่ในฐานข้อมูลท่ีเป็นท่ียอมรับในระดับ
นานาชาติ ซ่ึงตรงหรือสมั พันธ์กบั หวั ขอ้ วทิ ยานิพนธ์ ไม่นอ้ ยกว่า 5 เร่ือง
16
กรณีผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกท่ีไม่มีคุณวุฒิและผลงานทางวิชาการ
ตามท่ีกาหนดข้างต้น ผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกจะต้องเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวช าญและ
ประสบการณ์สูงมาก เป็นท่ียอมรับ ซึ่งตรงหรือสัมพันธ์กับหัวข้อวิทยานิพนธ์ โดยผ่านความ
เห็นชอบจากสภามหาวิทยาลัย และแจง้ คณะกรรมการการอดุ มศึกษารับทราบ
16.4.4 อาจารย์ผู้สอบวิทยานิพนธ์ ต้องประกอบด้วยอาจารย์ประจา
หลกั สูตรและผ้ทู รงคุณวฒุ ิภายนอก รวมไม่นอ้ ยกว่า 5 คน
ท้ังน้ี ประธานกรรมการสอบต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก โดยอาจารย์
ผสู้ อบวิทยานพิ นธต์ อ้ งมคี ณุ วุฒิ คณุ สมบตั ิ และผลงานทางวิชาการดังน้ี
(1) กรณีอาจารย์ประจาหลักสูตร ต้องมีคุณวุฒิปริญญาเอกหรือ
เทียบเท่า หรือขั้นต่าปริญญาโทหรือเทียบเท่าที่มีตาแหน่งรองศาสตราจารย์ และมีผลงาน
ทางวิชาการท่ีไม่ใช่ส่วนหน่ึงของการศึกษาเพื่อรับปริญญา และเป็นผลงานทางวิชาการท่ีได้รับ
การเผยแพร่ตามหลักเกณฑท์ ีก่ าหนดในการพจิ ารณาแตง่ ต้ังใหบ้ ุคคลดารงตาแหน่งทางวิชาการ
อย่างนอ้ ย 3 รายการ ในรอบ 5 ปีย้อนหลัง โดยอย่างน้อย 1 รายการต้องเป็นผลงานวิจัย
ท่ไี ดร้ ับการเผยแพรใ่ นวารสารระดับชาติหรือนานาชาติ
(2) กรณีผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก ต้องมีคุณวุฒิปริญญาเอกหรือ
เทียบเทา่ และมีผลงานทางวิชาการทีไ่ ดร้ บั การตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารท่ีมีช่ืออยู่ในฐานข้อมูล
ท่ีเปน็ ที่ยอมรบั ในระดบั นานาชาติ ซึง่ ตรงหรอื สมั พนั ธ์กับหัวขอ้ วทิ ยานิพนธ์ ไมน่ ้อยกวา่ 5 เร่ือง
กรณผี ูท้ รงคณุ วุฒิภายนอกท่ไี มม่ ีคณุ วฒุ แิ ละผลงานทางวชิ าการตาม
ทกี่ าหนดขา้ งตน้ ผ้ทู รงคณุ วุฒิภายนอกจะต้องเป็นผู้มีความรู้ความเช่ียวชาญและประสบการณ์
สงู มาก เปน็ ทีย่ อมรับ ซึง่ ตรงหรือสัมพนั ธ์กับหัวขอ้ วิทยานิพนธ์ โดยผ่านความเห็นชอบจากสภา
มหาวิทยาลัย และแจ้งคณะกรรมการการอุดมศึกษารบั ทราบ
16.4.5 อาจารย์ผู้สอน ต้องเป็นอาจารย์ประจาหรืออาจารย์พิเศษ
ท่ีมีคุณวุฒิปริญญาเอกหรือเทียบเท่า หรือข้ันต่าปริญญาโทหรือเทียบเท่าท่ีมีตาแหน่ง
รองศาสตราจารย์ ในสาขาวิชาน้ัน หรือสาขาวิชาที่สัมพันธ์กัน หรือในสาขาวิชาของรายวิชาที่สอน
และต้องมีประสบการณ์ด้านการสอนและมีผลงานทางวิชาการที่ไม่ใช่ส่วนหน่ึงของการศึกษา
17
เพอื่ รบั ปรญิ ญา และเป็นผลงานทางวิชาการท่ไี ด้รับการเผยแพรต่ ามหลักเกณฑ์ที่กาหนดในการ
พจิ ารณาแตง่ ตงั้ ใหบ้ ุคคลดารงตาแหน่งทางวชิ าการอย่างนอ้ ย 1 รายการในรอบ 5 ปยี ้อนหลัง
ในกรณีรายวิชาท่ีสอนไม่ใช่วิชาในสาขาวิชาของหลักสูตร อาจให้อาจารย์ท่ีมี
คุณวุฒิระดับปริญญาโทหรือเทียบเท่าที่มีตาแหน่งทางวิชาการต่ากว่ารองศาสตราจารย์
ทาหนา้ ท่อี าจารย์ผู้สอนก็ได้
ทั้งนี้ อาจารย์พิเศษต้องมีช่ัวโมงสอนไม่เกินร้อยละ 50 ของรายวิชาโดยมี
อาจารย์ประจาเป็นผู้รับผดิ ชอบรายวิชาน้นั
ข้อ 17 กรรมการทปี่ รึกษาประจาตัวนสิ ิต
นิสิตต้องเสนอคาร้องขอแต่งต้ังคณะกรรมการที่ปรึกษาประจาตัวนิสิต โดยความ
เห็นชอบของคณะบุคคลที่ขอแต่งต้ังและหัวหน้าภาควิชาหรือประธานสาขาวิชา เพื่อให้คณบดี
บัณฑิตวิทยาลัยพิจารณาอนุมัติ ทั้งน้ีให้เสร็จส้ินภายในภาคการศึกษาที่ 4 นับตั้งแต่เริ่มเข้า
ศกึ ษา
ขณะที่นิสิตยังไม่มีกรรมการหรือคณะกรรมการท่ีปรึกษาประจาตัวนิสิต ให้หัวหน้า
ภาควิชาหรือประธานสาขาวิชา หรืออาจารย์ในภาควิชา ซ่ึงมีชื่อในทาเนียบอาจารย์บัณฑิต
วิทยาลัยทหี่ วั หนา้ ภาควิชาหรือประธานสาขาวชิ ามอบหมายเป็นผแู้ นะนาการศกึ ษา
ข้อ 18 ภาระงานท่ปี รึกษาวทิ ยานิพนธแ์ ละการศกึ ษาคน้ คว้าอสิ ระ
18.1 อาจารย์ประจาหลักสูตร 1 คน ให้เป็นอาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์หลักของนิสิต
ปรญิ ญาโทและปริญญาเอกตามหลักเกณฑ์ ดงั น้ี
กรณีอาจารย์ประจาหลักสูตรมีคุณวุฒิปริญญาเอกหรือเทียบเท่า และมีผลงานทาง
วชิ าการตามเกณฑ์ ให้เป็นอาจารยท์ ป่ี รึกษาวิทยานิพนธ์ของนิสิตระดับปริญญาโทและปริญญา
เอก รวมได้ไมเ่ กนิ 5 คนต่อภาคการศึกษา
18
กรณีอาจารย์ประจาหลักสูตรมีคุณวุฒิปริญญาเอกหรือเทียบเท่า และดารงตาแหน่ง
ระดับผู้ช่วยศาสตราจารย์ข้ึนไป หรือมีคุณวุฒิปริญญาโทหรือเทียบเท่าท่ีมีตาแหน่ง
รองศาสตราจารย์ขึ้นไป และมีผลงานทางวิชาการตามเกณฑ์ ให้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา
วทิ ยานิพนธข์ องนิสิตระดบั ปริญญาโท และปริญญาเอกรวมไดไ้ มเ่ กิน 10 คนต่อภาคการศึกษา
กรณีอาจารย์ประจาหลักสูตรมีคุณวุฒิปริญญาเอกหรือเทียบเท่า และดารงตาแหน่ง
ศาสตราจารย์ ซึ่งมีความจาเป็นต้องดูแลนิสิตเกินกว่าจานวนท่ีกาหนด ให้เสนอ
สภามหาวทิ ยาลัยพจิ ารณา กรณีมีความจาเป็นต้องดูแลนิสิตมากกว่า 15 คนต่อภาคการศึกษา
ใหข้ อความเห็นชอบจากคณะกรรมการการอดุ มศึกษาเป็นรายกรณี
18.2 อาจารย์ประจาหลกั สูตร 1 คน ให้เป็นอาจารย์ท่ีปรึกษาการศึกษาค้นคว้าอิสระของ
นสิ ิตปริญญาโทได้ไมเ่ กิน 15 คนต่อภาคการศกึ ษา
หากเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งวิทยานิพนธ์และการศึกษาค้นคว้าอิสระ ให้คิดสัดส่วน
จานวนนสิ ิตท่ีทาวิทยานพิ นธ์ 1 คน เทียบได้กับจานวนนิสิตท่ีศึกษาค้นคว้าอิสระ 3 คน เว้นแต่
รวมแลว้ ตอ้ งไม่เกิน 15 คนต่อภาคการศกึ ษา
18.3 อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร ต้องทาหน้าท่ีอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หรือ
อาจารย์ผู้สอบวิทยานพิ นธ์ หรอื อาจารย์ผู้สอนในหลกั สตู รนน้ั ดว้ ย
หมวด 4
ระบบการศกึ ษา
ขอ้ 19 ระบบการจดั การศึกษา
19.1 ปกี ารศกึ ษาหนึ่ง ๆ แบ่งออกเป็นสองภาคการศกึ ษาปกติ (semester) คือ ภาคต้น
และภาคปลาย และอาจมีภาคฤดูร้อน (summer session) ต่อจากภาคปลายอีกหนึ่งภาคก็ได้
ภาคการศึกษาหน่ึง ๆ มีระยะเวลาการศึกษาไม่น้อยกว่า 15 สัปดาห์ ส่วนภาคฤดูร้อนมี
19
ระยะเวลาการศึกษาประมาณ 6 สัปดาห์ ท้ังนี้ ต้องมีชั่วโมงเรียนของแต่ละรายวิชาเท่ากับ
ชวั่ โมงเรยี นในภาคการศกึ ษาปกติ
19.2 การคิดหนว่ ยกติ
หนึ่งหน่วยกิตเทียบเท่าการบรรยาย การอภิปรายปัญหา สัปดาห์ละ 1 ช่ัวโมง หรือ
การปฏิบัตกิ าร สปั ดาหล์ ะ 2 ถึง 3 ช่ัวโมงต่อภาคการศึกษาปกติ
19.2.1 รายวิชาภาคทฤษฎี ท่ีใช้เวลาบรรยายหรืออภิปรายปัญหาไม่น้อยกว่า 15
ช่ัวโมง ต่อภาคการศกึ ษาปกติ ให้มีคา่ เทา่ กบั 1 หนว่ ยกิตระบบทวิภาค
19.2.2 รายวิชาภาคปฏิบัติ ท่ีใช้เวลาฝึกหรือทดลอง ไม่น้อยกว่า 30 ชั่วโมง
ตอ่ ภาคการศึกษาปกติ ให้มคี า่ เทา่ กับ 1 หน่วยกิตระบบทวิภาค
19.2.3 การฝึกงานหรือการฝึกภาคสนาม ที่ใช้เวลาฝึกไม่น้อยกว่า 45 ชั่วโมงต่อ
ภาคการศกึ ษาปกติ ใหม้ ีคา่ เทา่ กับ 1 หนว่ ยกติ ระบบทวภิ าค
19.2.4 การทาโครงงานหรือกิจกรรมการเรียนอื่นใดตามท่ีได้รับมอบหมาย ซึ่งใช้
เวลาทาโครงงานหรือกิจกรรมนั้นไม่น้อยกว่า 45 ช่ัวโมง ต่อภาคการศึกษาปกติ ให้มีค่าเท่ากับ
1 หน่วยกิต ระบบทวิภาค
19.2.5 การศึกษาค้นคว้าอิสระ ท่ีใช้เวลาศึกษาค้นคว้าไม่น้อยกว่า 45 ชั่วโมง
ต่อภาคการศกึ ษาปกติ ให้มีคา่ เทา่ กับ 1 หนว่ ยกติ ระบบทวภิ าค
19.2.6 วทิ ยานพิ นธ์ ทใ่ี ช้เวลาศึกษาคน้ คว้าไมน่ ้อยกว่า 45 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษา
ปกติ ให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกติ ระบบทวภิ าค
19.3 นสิ ติ ตอ้ งมีเวลาเรียนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมดของรายวิชานั้น
จงึ มสี ทิ ธ์เิ ข้าสอบไล่ เวน้ แต่ไดร้ ับอนญุ าตจากอาจารย์ประจาวชิ า
ข้อ 20 โครงสร้างหลกั สตู ร
20.1 ประกาศนียบัตรบัณฑิตและประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง ใ ห้มีจานวน
หน่วยกติ รวม ตลอดหลกั สตู รไมน่ อ้ ยกวา่ 24 หนว่ ยกิต
20
20.2 ปรญิ ญาโท ให้มีจานวนหน่วยกิตรวมตลอดหลกั สูตรไมน่ ้อยกวา่ 36 หนว่ ยกิต โดยแบ่ง
การศึกษาเปน็ 2 แผน คอื
แผน ก เป็นแผนการศึกษาทเ่ี น้นการวิจยั โดยมีการทาวทิ ยานพิ นธ์ ดงั นี้
แบบ ก 1 ทาเฉพาะวิทยานิพนธ์ ซ่ึงมีคา่ เทียบได้ไม่น้อยกว่า 36 หนว่ ยกิต โดย
ภาควิชาหรือสาขาวิชาอาจกาหนดให้เรียนรายวิชาเพ่ิมเติม หรือทากิจกรรมทางวิชาการอ่ืน
เพิ่มขึ้นก็ได้โดยไมน่ บั หน่วยกติ แตจ่ ะตอ้ งมีผลสมั ฤทธิต์ ามท่บี ณั ฑติ วทิ ยาลยั กาหนด
แบบ ก 2 ทาวิทยานิพนธ์ซึ่งมีค่าเทียบได้ไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต และ
ศึกษารายวิชาอกี ไม่นอ้ ยกวา่ 12 หน่วยกติ
แผน ข เป็นแผนการศึกษาทเ่ี นน้ การศกึ ษางานรายวชิ า โดยไมต่ อ้ งทาวทิ ยานิพนธ์
แต่ตอ้ งมกี ารศึกษาค้นควา้ อสิ ระไม่น้อยกว่า 3 หน่วยกิต และไม่เกิน 6 หนว่ ยกติ
20.3 ปริญญาเอก แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 แบบ โดยเน้นการวิจัยเพ่ือพัฒนา
นกั วชิ าการและนกั วิชาชพี ชนั้ สงู คือ
แบบ 1 เป็นแผนการศึกษาท่ีเน้นการวิจัย โดยมีการทาวิทยานิพนธ์ที่ก่อให้เกิด
ความรู้ใหม่ ภาควิชาหรือสาขาวิชาอาจกาหนดให้เรียนรายวิชาเพ่ิมเติม หรือทากิจกรรมทาง
วชิ าการอื่นเพิ่มขึ้นกไ็ ด้โดยไมน่ บั หน่วยกติ แต่จะต้องมีผลสัมฤทธิ์ตามท่ีบัณฑิตวิทยาลัยกาหนด
ดังนี้
แบบ 1.1 ผู้เข้าศึกษาท่ีสาเร็จปริญญาโท จะต้องทาวิทยานิพนธ์
ไม่น้อยกวา่ 48 หน่วยกติ
แบบ 1.2 ผู้เข้าศึกษาท่ีสาเร็จปริญญาตรี จะต้องทาวิทยานิพนธ์
ไม่น้อยกว่า 72 หนว่ ยกติ
ทง้ั นี้ วทิ ยานพิ นธ์ตามแบบ 1.1 และแบบ 1.2 จะตอ้ งมีมาตรฐานและ
คณุ ภาพเดยี วกนั
แบบ 2 เปน็ แผนการศึกษาท่เี น้นการวิจยั โดยมีการทาวิทยานิพนธ์ท่ีมีคุณภาพสูง
และกอ่ ให้เกดิ ความก้าวหนา้ ทางวิชาการและวิชาชพี และศกึ ษางานรายวชิ าเพม่ิ เติม ดังนี้
21
แบบ 2.1 ผู้เข้าศึกษาท่ีสาเร็จปริญญาโท จะต้องทาวิทยานิพนธ์
ไมน่ ้อยกว่า 36 หน่วยกิต และศึกษางานรายวชิ าอกี ไม่น้อยกวา่ 12 หนว่ ยกติ
แบบ 2.2 ผู้เข้าศึกษาท่ีสาเร็จปริญญาตรี จะต้องทาวิทยานิพนธ์
ไม่น้อยกว่า 48 หนว่ ยกติ และศกึ ษางานรายวิชาอกี ไม่น้อยกว่า 24 หนว่ ยกติ
ทัง้ น้ี วิทยานพิ นธ์ตามแบบ 2.1 และแบบ 2.2 จะต้องมีมาตรฐานและคุณภาพ
เดยี วกนั
20.4 หลักสูตรใดท่ีต่างจากข้อ 20.1 ข้อ 20.2 และข้อ 20.3 ให้เสนอขอความเห็นจาก
บัณฑิตวิทยาลัย เพ่ือเสนอต่อมหาวิทยาลัยและคณะกรรมการการอุดมศึกษาเป็นกรณีไป
ขอ้ 21 ระยะเวลาการศกึ ษา
21.1 ประกาศนียบตั รบัณฑิตและประกาศนียบัตรบัณฑิตช้ันสูง ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 3
ปีการศึกษา
21.2 ปริญญาโท ใชเ้ วลาศกึ ษาไม่เกิน 5 ปีการศึกษา
21.3 ปริญญาเอก
(1) ผู้ท่ีสาเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้วเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก
ใหใ้ ชเ้ วลาศกึ ษาไมเ่ กนิ 8 ปกี ารศกึ ษา
(2) ผู้ท่ีสาเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทแล้วเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก
ใหใ้ ชเ้ วลาศึกษาไมเ่ กิน 6 ปีการศกึ ษา
ท้ังน้ี ต้องลงทะเบียนเรียนในระดับปริญญาเอก ไม่น้อยกว่า 4 ภาคการศึกษาปกติโดย
เรียนท่มี หาวิทยาลยั เกษตรศาสตรไ์ ม่นอ้ ยกว่า 3 ภาคการศึกษาปกติ
หากพน้ ระยะเวลาการศกึ ษาตามทีก่ าหนดถอื วา่ หมดสถานภาพนสิ ิตตามขอ้ 32 (9)
21.4 สาหรับนิสิตที่ขอเปลี่ยนสาขาวิชาเอก ต้องเรียนตามหลักสูตรใหม่ให้สาเร็จ
การศึกษาภายในระยะเวลาการศึกษาท่ีกาหนดในข้อ 21.1 ข้อ 21.2 และข้อ 21.3 โดยนับ
ระยะเวลาจากทไี่ ดศ้ กึ ษามาแลว้ รวมกบั ระยะเวลาท่ีจะศกึ ษาตอ่
22
ขอ้ 22 การวดั และการประเมินผลการศกึ ษา
22.1 ระดับคะแนน ความหมาย และแต้มระดับคะแนนมดี งั น้ี
ระดับคะแนน ความหมาย แต้มคะแนน
A ดเี ยีย่ ม (excellent) 4.0
B+ ดมี าก (very good) 3.5
B ดี (good) 3.0
C+ ค่อนข้างดี (fairly good) 2.5
C พอใช้ (fair) 2.0
D+ อ่อน (poor) 1.5
D ออ่ นมาก (very poor) 1.0
F ตก (fail) 0.0
I ยงั ไม่สมบรู ณ์ (incomplete) -
S พอใจ (satisfactory) -
U ไมพ่ อใจ (unsatisfactory) -
P ผ่าน (passed) -
N ยงั ไมท่ ราบระดบั คะแนน -
(grade not reported)
ระดับคะแนน I ใช้เฉพาะกรณีท่ีนิสิตมีงานบางส่วนในวิชานั้นยังไม่สมบูรณ์ แต่มีผล
การวดั ผลอยา่ งอื่นของวชิ านน้ั ตลอดภาคการศกึ ษา และเป็นทพี่ อใจของอาจารย์ผู้สอน
ระดับคะแนน S และ U ใช้สาหรับรายวิชาท่ีนิสิตลงทะเบียนเรียนประเภทไม่นับ
หน่วยกิต (audit) รวมถึงรายวิชาการศึกษาค้นคว้าอิสระ และรายวิชาวิทยานิพนธ์ ท่ีนิสิต
ลงทะเบยี นประเภทนับหน่วยกติ (credit)
ระดับคะแนน P ใชส้ าหรบั รายวิชาทไ่ี มน่ าค่าของหน่วยกิตมาคานวณแต้มคะแนนเฉล่ีย
สะสม การฝึกงานท่ีไม่มีหน่วยกิต หรือรายวิชาท่ีมีการเทียบโอนจากการลงทะเบียนเรียนข้าม
สถาบนั
23
ระดับคะแนน N ใช้เฉพาะกรณีท่ียังไมไ่ ดร้ บั รายงานการประเมินผลการศึกษา
22.2 การแก้ไขระดับคะแนน I และ N จะต้องกระทาให้เสร็จส้ินภายใน 30 วัน หลังวัน
ส่งคะแนนวันสุดท้ายของภาคการศึกษาน้ัน การผ่อนผันต้องได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์
ผู้รับผิดชอบรายวิชา และได้รับอนุมัติจากคณบดีเจ้าสังกัดรายวิชาน้ัน ท้ังนี้ต้องไม่เกินสิ้น
ภาคการศึกษาปกติถัดไป หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือว่านิสิตผู้น้ันได้ระดับคะแนน F หรือ U ใน
รายวชิ าน้ัน
22.3 การแก้ไขระดับคะแนนต้องมีเหตุผลความจาเป็นพร้อมเอกสารประกอบ
การพิจารณา โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ผู้รับผิดชอบรายวิชา คณะกรรมการ
ประจาคณะเจ้าสังกัดรายวิชานั้น และได้รับอนุมัติจากรองอธิการบดีท่ีได้รับมอบหมายให้ดูแล
งานดา้ นวชิ าการ
22.4 คะแนนสอบได้ สอบตก
22.4.1 นิสิตประกาศนียบัตรบัณฑิต นิสิตประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง และนิสิต
ปริญญาโทที่เรียนวิชาระดับปริญญาตรี ถ้าได้ระดับคะแนน F ต้องเรียนซ้า ส่วนวิชาท่ีนับเป็นวิชา
ระดับบัณฑิตศึกษาทุกรายวิชา ถ้าได้ระดับคะแนนต่ากว่า C ถือว่าต่ากว่ามาตรฐานและต้อง
เรยี นซ้า
22.4.2 นิสิตปริญญาเอก ถ้าได้แต้มระดับคะแนนในรายวิชาท่ีลงทะเบียนเรียน
แบบนับหนว่ ยกติ ทกุ รายวชิ าไดร้ ะดับคะแนนต่ากว่า C ถอื ว่าตา่ กวา่ มาตรฐานและต้องเรียนซา้
22.5 การคดิ แตม้ คะแนนเฉล่ียสะสม
22.5.1 การคิดแต้มคะแนนเฉล่ียสะสมของนิสิตให้คิดจากแต้มระดับคะแนน
ทุกรายวิชาท่ีนิสิตลงทะเบียนเรียน ทั้งรายวิชาท่ีสอบได้ และรายวิชาท่ีสอบตก โดยแยกวิชา
ระดบั ปรญิ ญาตรีเป็นสว่ นหน่ึงต่างหาก
สาหรับรายวิชาหรือกลุ่มรายวิชาท่ีเทียบโอนจากต่างสาขาในมหาวิทยาลัยจะนามา
คานวณแต้มคะแนนเฉลีย่ สะสม
ส่วนรายวิชาหรือกลุ่มรายวิชาท่ีเทียบโอนจากต่างสถาบันอุดมศึกษาจะไม่นามา
คานวณแต้มคะแนนเฉลย่ี สะสม
24
22.5.2 กรณีนิสิตสอบตกในรายวิชาระดับปริญญาตรี เม่ือเรียนซ้าและสอบได้
แต่ยังไมท่ าให้แตม้ คะแนนเฉลี่ยสะสมถึง 2.50 อาจเรยี นรายวชิ านัน้ ซา้ อีก หรือลงทะเบียนเรียน
รายวิชาอื่นในระดับปริญญาตรี เพื่อยกแต้มคะแนนเฉล่ียสะสมได้ ทั้งนี้ โดยความเห็นชอบ
ของอาจารย์ท่ีปรึกษา หัวหน้าภาควิชาหรือประธานสาขาวิชา และได้รับอนุมัติจากคณบดี
บณั ฑติ วิทยาลยั
22.5.3 วิชาระดับบัณฑิตศึกษา ท่ีมีระดับคะแนนต้ังแต่ B ขึ้นไป ไม่อนุญาตให้
ลงทะเบยี นเรยี นซา้ เพื่อยกแต้มคะแนนเฉลย่ี สะสม
22.5.4 นิสติ ทจี่ ะมีสทิ ธไ์ิ ดร้ ับประกาศนยี บตั รบณั ฑิต ปรญิ ญาโท ประกาศนียบัตร
บัณฑิตชั้นสูง และปริญญาเอก ต้องได้แต้มคะแนนเฉล่ียสะสมตลอดหลักสูตรไม่ต่ากว่า 3.00
จากระบบ 4 แต้มคะแนนหรือเทียบเท่า
ส่วนแต้มคะแนนเฉล่ียสะสมของวิชาระดับปริญญาตรีท่ีกาหนดให้เรียนเป็นวิชา
พื้นฐาน ต้องไม่ตา่ กวา่ 2.50
22.5.5 มหาวิทยาลัยจะระงับการออกใบแสดงผลการศึกษา และใบรับรองใด ๆ
ใหแ้ กน่ สิ ติ หากนิสิตค้างชาระหนี้สินภายในหรือภายนอกท่ีเก่ียวข้องกับมหาวิทยาลัย ถึงแม้จะ
ไดม้ ีการประกาศผลการศึกษาไปแลว้ ก็ตาม
ข้อ 23 การสอบภาษาองั กฤษของนสิ ิตบณั ฑติ ศึกษา
นิสิตปริญญาโทและปริญญาเอก ต้องสอบผ่านภาษาอังกฤษตามความต้องการของ
บณั ฑติ วิทยาลยั ตามข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
23.1 เข้าทดสอบภาษาอังกฤษและสอบผ่านตามเกณฑ์ท่ีบัณฑิตวิทยาลัยกาหนด
23.2 ได้รับการเทียบใบรับรองความรู้ภาษาอังกฤษท้ังข้อเขียนและปากเปล่าจาก
ผลคะแนนสอบภาษาอังกฤษ KU-EPT หรอื TOEFL หรือ IELTS หรอื อื่นๆ ตามที่
บณั ฑติ วิทยาลัยกาหนดโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการวิชาการ
23.3 นิสิตท่ีไม่ผ่านเกณฑ์ข้อ 23.1 หรือ 23.2 อาจเข้าเรียนวิชาภาษาอังกฤษตาม
ความตอ้ งการของบัณฑิตวทิ ยาลยั และต้องสอบผ่านตามเกณฑ์ที่บณั ฑิตวทิ ยาลยั กาหนด
25
23.4 การสอบภาษาองั กฤษสาหรับนิสิตปริญญาเอก
นิสิตปริญญาเอกต้องสอบผ่านภาษาอังกฤษเพ่ือความสมบูรณ์แห่งหลักสูตรปริญญาเอก
ดังน้ี
(1) การสอบข้อเขียน ใช้ผลคะแนนทดสอบ KU-EPT ตามเกณฑ์ที่บัณฑิตวิทยาลัย
กาหนด หรือเข้าเรียนและสอบผา่ นวิชาภาษาอังกฤษตามความต้องการของบัณฑิตวทิ ยาลยั
(2) การสอบปากเปล่า เป็นการสอบรายบุคคล สาหรับนิสิตท่ีสอบผ่านข้อเขียนแล้ว
นิสิตต้องย่ืนคาร้องต่อคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย โดยผ่านความเห็นชอบของอาจารย์ที่ปรึกษา
วิทยานิพนธ์หลัก และหัวหน้าภาควิชาหรือประธานสาขาวิชา ซ่ึงกรรมการสอบจะประกอบด้วย
ผู้เชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศสองคน และผู้แทนบัณฑิตวิทยาลัยหน่ึงคน โดยบัณฑิตวิทยาลัยจะ
แต่งต้งั จากกรรมการประจาตวั นสิ ติ
23.5 การยกเวน้ การสอบภาษาอังกฤษให้อย่ใู นดลุ ยพินิจของคณะกรรมการวชิ าการ
ขอ้ 24 การสอบวดั คุณสมบตั ริ ะดบั ปริญญาโทและระดบั ปรญิ ญาเอก
24.1 คณุ สมบตั ผิ ูม้ ีสิทธิ์สอบ
(1) ปริญญาโท
หลกั สตู รแผน ก แบบ ก 1 ตอ้ งสอบวดั คุณสมบัติ ซ่งึ จะมสี ิทธ์ิสอบได้เมื่อลงทะเบียน
เรยี นครบ 1 ภาคการศึกษา และก่อนสอบปากเปล่าขั้นสุดท้ายไม่น้อยกว่า 120 วัน การสอบ
อาจเปน็ แบบข้อเขียนหรือปากเปลา่ หรือท้งั สองอย่าง
(2) ปริญญาเอก
หลักสูตรแบบ 1.1 และแบบ 1.2 ต้องสอบวัดคุณสมบัติ ซ่ึงจะมีสิทธิ์สอบได้เมื่อ
ลงทะเบยี นเรียนครบ 1 ภาคการศึกษา และก่อนสอบปากเปล่าขั้นสุดท้ายไม่น้อยกว่า 120 วัน
การสอบอาจเปน็ แบบขอ้ เขยี นหรอื ปากเปลา่ หรอื ท้ังสองอย่าง
หลักสูตรแบบ 2.1 และแบบ 2.2 ต้องสอบวัดคุณสมบัติ โดยสอบผ่านรายวิชา
ระดับบัณฑิตศึกษาตามโครงสร้างหลักสูตรมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 (ไม่รวมหน่วยกิต
วิทยานพิ นธ์) การสอบตอ้ งสอบทั้งแบบข้อเขียนและปากเปลา่
26
24.2 วธิ ีการสอบ
24.2.1 การสอบขอ้ เขียน
(1) ปรญิ ญาโท
หลักสูตรแผน ก แบบ ก 1 ให้นิสิตเลือกสอบในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับ
การทาวิทยานิพนธ์ โดยความเห็นชอบของอาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก หัวหน้าภาควิชา
หรือประธานสาขาวิชา และได้รับอนุมัติจากคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย ท้ังนี้ การแต่งตั้ง
คณะกรรมการในการสอบของสาขาวิชาที่นิสิตเลือกสอบจะแต่งต้ังโดยหัวหน้าภาควิชาหรือ
ประธานสาขาวชิ านน้ั โดยมอี าจารย์ทปี่ รึกษาวิทยานพิ นธ์หลักทาหนา้ ทีเ่ ปน็ ผู้ประสานงาน
(2) ปรญิ ญาเอก
หลักสูตรแบบ 1.1 และแบบ 1.2 ให้นิสิตเลือกสอบสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง
กับการทาวิทยานิพนธ์ โดยความเห็นชอบของอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก หัวหน้า
ภาควิชาหรือประธานหลักสูตรแล้วแต่กรณี และได้รับอนุมัติจากคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย ทั้งนี้
การแต่งตั้งคณะกรรมการในการสอบของสาขาวิชาที่นิสิตเลือกสอบจะแต่งต้ังโดยหัวหน้า
ภาควิชาหรือประธานสาขาวิชาน้ัน โดยมีอาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์หลักทาหน้าที่เป็นผู้
ประสานงาน
หลักสูตรแบบ 2.1 และแบบ 2.2 จัดสอบโดยคณะกรรมการที่หัวหน้า
ภาควิชาหรือประธานสาขาวิชาแล้วแต่กรณี ที่นิสิตเรียนเป็นวิชาเอก เสนอขอแต่งตั้งโดยมี
อาจารยจ์ ากสาขาวชิ าทเ่ี ก่ียวข้องร่วมเป็นกรรมการ และได้รับอนมุ ัตจิ ากคณบดบี ัณฑิตวิทยาลัย
24.2.2 การสอบปากเปลา่
(1) ปริญญาโท
หลักสตู รแผน ก แบบ ก 1 ใหน้ สิ ิตเลอื กสอบสาขาวชิ าทีเ่ ก่ยี วข้องกับการทา
วิทยานิพนธ์ โดยความเห็นชอบของอาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก หัวหน้าภาควิชาหรือ
ประธานสาขาวิชา และได้รับอนุมัติจากคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย ท้ังน้ี มีอาจารย์ท่ีปรึกษา
วิทยานิพนธห์ ลักทาหน้าท่เี ปน็ ประธานในการสอบ ในกรณที ี่มีคณะกรรมการทปี่ รกึ ษาวิทยานพิ นธ์
ไมถ่ งึ 3 คน ใหภ้ าควิชาหรือสาขาวชิ าเสนอชือ่ อาจารย์ประจาเพ่ิมเติมใหค้ รบ 3 คน
27
(2) ปริญญาเอก
หลักสูตรแบบ 1.1 และแบบ 1.2 ให้นิสิตเลือกสอบสาขาวิชาท่ีเก่ียวข้อง
กับการทาวิทยานิพนธ์ โดยความเห็นชอบของอาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์หลักหัวหน้า
ภาควิชาหรือประธานสาขาวิชา และได้รับอนุมัติจากคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย ท้ังน้ีมีอาจารย์
ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์หลักทาหน้าที่เป็นประธานในการสอบ ในกรณีที่มีคณะกรรมการท่ีปรึกษา
วทิ ยานิพนธไ์ ม่ถึง 3 คน ใหภ้ าควชิ าหรือสาขาวชิ าเสนอช่ืออาจารย์ประจาเพ่ิมเตมิ ใหค้ รบ 3 คน
หลักสูตรแบบ 2.1 และแบบ 2.2 บัณฑิตวิทยาลัยจะแต่งตั้ง
คณะกรรมการอย่างน้อย 3 คน ประกอบด้วยอาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก อาจารย์
ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม (ถ้ามี) และผู้แทนบัณฑิตวิทยาลัย 1 คน โดยมีอาจารย์ท่ีปรึกษา
วิทยานพิ นธห์ ลกั ทาหน้าทเี่ ปน็ ประธานในการสอบ ในกรณีไมม่ อี าจารยท์ ปี่ รกึ ษาวิทยานิพนธ์ร่วม
ให้ภาควชิ าหรือสาขาวชิ าเสนอชอ่ื อาจารย์ประจาเพ่ิมเตมิ ไดอ้ ีก 1 คน
24.3 ในกรณีสอบไม่ผ่านในครั้งแรก ให้มีการสอบแก้ตัวอีกคร้ังหนึ่งภายใน 90 วัน
นับจากวันสอบครั้งแรก ในกรณีท่ีสอบไม่ผ่านเป็นครั้งที่สอง ถือว่าหม ดสถานภาพนิสิต
ตามขอ้ 32 (6)
24.4 การสอบจะผ่านได้โดยความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการท่ีทา
การสอบ
ขอ้ 25 การสอบประมวลความรูร้ ะดับปริญญาโท
25.1 คุณสมบัติผ้มู สี ิทธ์สิ อบ
25.1.1 หลักสูตรแผน ก แบบ ก 2 อาจจะสอบประมวลความรู้ โดยสอบผ่าน
รายวชิ าระดับบณั ฑิตศกึ ษาตามโครงสรา้ งหลกั สูตรมาแลว้ ไมน่ ้อยกว่า 3 ใน 4 (ไม่รวมหน่วยกิต
วิทยานพิ นธ์) ท้งั นีก้ ารสอบประมวลความรูใ้ หอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของสาขาวิชา
25.1.2 หลักสูตรแผน ข ต้องสอบประมวลความรู้ โดยสอบผ่านรายวิชา
ระดับบัณฑิตศึกษาตามโครงสร้างหลักสูตรมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 (ไม่รวมหน่วยกิต การศึกษา
คน้ คว้าอิสระ)
28
การสอบอาจเปน็ แบบข้อเขียนหรือปากเปล่าหรือทัง้ สองอย่าง
25.2 วธิ กี ารสอบ
25.2.1 การสอบขอ้ เขียน
หลักสูตรแผน ก แบบ ก 2 และหลักสูตรแผน ข จัดสอบโดยคณะกรรมการการ
สอบที่หัวหน้าภาควิชาหรือประธานสาขาวิชาที่นิสิตเรียนเป็นวิชาเอกเสนอขอแต่งตั้ง โดยมี
อาจารย์จากสาขาวิชาทีเ่ กีย่ วขอ้ งร่วมเปน็ กรรมการ และได้รบั อนุมัติจากคณบดบี ัณฑติ วิทยาลยั
25.2.2 การสอบปากเปลา่
หลักสูตรแผน ก แบบ ก 2 และหลักสูตรแผน ข บัณฑิตวิทยาลัยจะแต่งตั้ง
คณะกรรมการอย่างนอ้ ย 3 คน ประกอบด้วยอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลักหรืออาจารย์ที่
ปรกึ ษาการศึกษาค้นคว้าอิสระ อาจารย์ท่ีปรึกษาร่วม (ถ้ามี) และผู้แทนบัณฑิตวิทยาลัย 1 คน
โดยมอี าจารย์ที่ปรกึ ษาวทิ ยานิพนธ์หลักหรืออาจารย์ท่ีปรึกษาการศึกษาค้นคว้าอิสระ ทาหน้าที่
เป็นประธานในการสอบ ในกรณีไม่มีอาจารย์ที่ปรึกษาร่วม ให้ภาควิชาหรือสาขาวิชาเสนอชื่อ
อาจารยป์ ระจาเพ่มิ เติมไดอ้ ีก 1 คน
25.3 ในกรณีสอบไม่ผ่านในครั้งแรก ให้มีการสอบแก้ตัวอีกครั้งหน่ึงภายใน 60 วัน
นับจากวันสอบครั้งแรก ในกรณีสอบไม่ผ่านเป็นครั้งที่สอง ถือว่าหมดสถานภาพนิสิตตาม
ขอ้ 32 (6)
25.4 การสอบจะผ่านได้โดยความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการท่ีทา
การสอบ
ข้อ 26 วทิ ยานพิ นธ์
26.1 นิสิตต้องส่งโครงการวิทยานิพนธ์ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ
ท่ีปรึกษาประจาตัวนิสิต และหัวหน้าภาควิชาหรือประธานสาขาวิชา เพ่ือขออนุมัติจากคณบดี
บัณฑติ วิทยาลัย ดงั น้ี
26.1.1 นิสติ ปริญญาโท ก่อนส้ินภาคการศึกษาปกติที่ 4 นับแต่เริ่มเขา้ ศกึ ษา
26.1.2 นิสิตปริญญาเอก ก่อนสิน้ ภาคการศึกษาปกตทิ ่ี 6 นบั แต่เรมิ่ เข้าศึกษา
29