ระเบียบกระทรวงมหาดไทย
วา ดว ยขอ บงั คบั การประชมุ สภาทอ งถิ่น
(ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2554
ระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยขอ้ บงั คบั การประชมุ สภาทอ้ งถนิ่ พ.ศ. ๒๕๔๗
แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ถงึ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ.2554
---------------
โดยท่เี ป็นการสมควรปรบั ปรงุ ระเบียบข้อบงั คบั วา่ ดว้ ยการประชุมสภาทอ้ งถนิ่ เพ่อื ให้
สอดคลอ้ งกับโครงสรา้ งขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นในปัจจบุ ัน
อาศยั อาํ นาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๒๖ แหง่ พระราชบญั ญตั ิองคก์ ารบรหิ าร
ส่วนจงั หวดั พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๒๓ และมาตรา ๗๗ แห่งพระราชบญั ญตั เิ ทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ มาตรา
๕และมาตรา ๕๒ วรรคหนง่ึ แหง่ พระราชบัญญตั ิสภาตาํ บลและองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบล พ.ศ. ๒๕๓๗
ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชบัญญตั สิ ภาตําบลและองคก์ ารบริหารส่วนตาํ บล (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๔๖
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจงึ ออกระเบยี บไว้ ดงั ต่อไปน้ี
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรยี กวา่ “ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยข้อบงั คบั การประชมุ สภา
ท้องถนิ่ พ.ศ. 2547”
ข้อ ๒ ระเบียบนใ้ี หใ้ ช้บงั คับตั้งแตว่ นั ถดั จากวนั ประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเป็นตน้ ไป
ข้อ ๓ ให้ยกเลกิ
(๑) ระเบยี บกระทรวงมหาดไทยว่าดว้ ยขอ้ บังคับการประชุมสภาองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั
พ.ศ. ๒๕๔๐
(๒) ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยข้อบังคับการประชมุ สภาเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖
(๓) ระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยขอ้ บังคบั การประชมุ สภาเทศบาล (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ.
๒๕๐๓
(๔) ระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยขอ้ บังคับการประชมุ สภาเทศบาล (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ.
๒๕๒๙
(๕) ระเบยี บกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยข้อบังคบั การประชุมสภาเทศบาล (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ.
๒๕๓๕
(๖) ระเบยี บกระทรวงมหาดไทยว่าดว้ ยขอ้ บังคบั การประชุมสภาเทศบาล (ฉบับท่ี ๕) พ.ศ.
๒๕๔๒
(๗) ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าดว้ ยข้อบังคับการประชมุ สภาเทศบาล (ฉบบั ที่ ๖) พ.ศ.
๒๕๔๓
(๘) ข้อบงั คบั กระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยการประชมุ สภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนตําบล พ.ศ.
๒๕๓๘
(๙) ขอ้ บังคบั กระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยการประชุมสภาองค์การบริหารสว่ นตําบล (ฉบบั ท่ี
๒) พ.ศ. ๒๕๔๑
(๑๐) ขอ้ บงั คับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการประชมุ สภาองค์การบรหิ ารสว่ นตาํ บล (ฉบบั ที่
๓) พ.ศ. ๒๕๔๒
2
ขอ้ ๔ ในระเบยี บนี้
“องค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ ” หมายความว่า องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เทศบาลและ
องคก์ ารบริหารสว่ นตาํ บล
“สภาทอ้ งถิ่น” หมายความวา่ สภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั สภาเทศบาล และสภา
องค์การบริหารสว่ นตาํ บล
“ผู้บริหารท้องถนิ่ ” หมายความวา่ นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั นายกเทศมนตรแี ละ
นายกองค์การบรหิ ารส่วนตาํ บล
“รองผู้บริหารท้องถ่ิน” หมายความว่า รองนายกองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั รอง
นายกเทศมนตรี และรองนายกองค์การบรหิ ารสว่ นตาํ บล
“เลขานกุ ารผู้บริหารท้องถิน่ ” หมายความว่า เลขานุการนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั
เลขานกุ ารนายกเทศมนตรี และเลขานกุ ารนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล
“ทปี่ รกึ ษาผูบ้ รหิ ารทอ้ งถิน่ ” หมายความวา่ ทีป่ รึกษานายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดและ
ทป่ี รกึ ษานายกเทศมนตรี
“ประธานสภาทอ้ งถน่ิ ” หมายความวา่ ประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด
ประธานสภาเทศบาล และประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบล
“รองประธานสภาท้องถน่ิ ” หมายความวา่ รองประธานสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด
รองประธานสภาเทศบาล และรองประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล
“สมาชิกสภาท้องถนิ่ ” หมายความวา่ สมาชกิ สภาองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั สมาชิก สภา
เทศบาล และสมาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบล”
“เลขานกุ ารสภาท้องถนิ่ ” หมายความว่า เลขานุการสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั
เลขานกุ ารสภาเทศบาล และเลขานกุ ารสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล
“ปลดั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ” หมายความวา่ ปลัดองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั
ปลัดเทศบาล และปลดั องคก์ ารบริหารส่วนตาํ บล
“ข้อบัญญตั ”ิ หมายความว่า ข้อบญั ญตั ิองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เทศบัญญตั ิ และ
ขอ้ บญั ญตั ิองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล
“ข้อบญั ญตั งิ บประมาณ” หมายความวา่ ขอ้ บญั ญตั งิ บประมาณรายจ่ายประจําปแี ละ
ขอ้ บญั ญตั ิงบประมาณรายจา่ ยเพ่มิ เตมิ สําหรบั องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั และองคก์ ารบริหารสว่ นตาํ บล
และเทศบญั ญตั ิงบประมาณรายจา่ ยประจําปแี ละเทศบญั ญตั ิงบประมาณรายจ่ายเพม่ิ เติมสาํ หรบั เทศบาล
ขอ้ ๕ ใหป้ ลดั กระทรวงมหาดไทยรักษาการใหเ้ ป็นไปตามระเบียบนี้ และใหม้ ีอาํ นาจตีความ
วนิ ิจฉยั ปัญหา กาํ หนดหลกั เกณฑ์และวิธปี ฏิบตั เิ พือ่ ดาํ เนนิ การใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บนี้
เมือ่ มีปญั หาโตแ้ ย้งเกี่ยวกบั การปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บนหี้ รอื กรณีทไ่ี ม่ไดก้ ําหนดไว้ในระเบียบน้ี
ให้ประธานสภาท้องถิน่ เปน็ ผู้วินิจฉัยและใชบ้ งั คบั ไปพลางก่อน แลว้ ใหป้ ระธานสภาท้องถนิ่ นาํ ข้อโตแ้ ย้งท่ี
เกดิ ขึน้ เสนอตอ่ ผู้วา่ ราชการจังหวดั คาํ วินิจฉยั ของผ้วู า่ ราชการจังหวดั ให้ใชบ้ งั คับได้เฉพาะในการประชมุ
คราวน้ัน และใหผ้ วู้ ่าราชการจังหวดั รายงานพฤตกิ ารณ์ดังกล่าวตอ่ ปลดั กระทรวงมหาดไทยพจิ ารณา
สําหรบั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบลใหเ้ สนอต่อนายอําเภอเพอื่ พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั คาํ วนิ จิ ฉัยของนายอาํ เภอ
ใหใ้ ชบ้ งั คับได้เฉพาะในการระชมุ คราวน้นั และให้รายงานพฤตกิ ารณด์ งั กล่าวต่อผวู้ า่ ราชการจังหวดั เพ่ือ
เสนอปลดั กระทรวงมหาดไทยพิจารณา
3
หมวด ๑
ประธานสภาทอ้ งถน่ิ รองประธานสภาทอ้ งถนิ่ และเลขานกุ ารสภาทอ้ งถน่ิ
ขอ้ ๖ ภายหลงั ประกาศผลการเลอื กตั้งสมาชกิ สภาท้องถนิ่ ครบตามจํานวนแลว้ ผู้วา่ ราชการ
จังหวัดสําหรับองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด หรือเทศบาล นายอําเภอสาํ หรบั องค์การบริหารสว่ นตําบลต้อง
กาํ หนดใหส้ มาชกิ สภาท้องถ่ินได้มาประชมุ สภาทอ้ งถิ่นคร้งั แรกภายในระยะเวลาทีก่ ฎหมายว่าดว้ ยองค์กร
ปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ นัน้ กาํ หนด
ข้อ ๗ ในการประชุมสภาทอ้ งถน่ิ ตามข้อ ๖ เมือ่ ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั สําหรบั องคก์ ารบริหาร
ส่วนจงั หวดั หรือเทศบาล และนายอาํ เภอสําหรบั องค์การบรหิ ารสว่ นตาํ บลเปดิ ประชมุ สภาท้องถนิ่ แลว้ ให้
ปลดั องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินเปน็ เลขานกุ ารสภาท้องถนิ่ ชว่ั คราวโดยให้เชญิ สมาชกิ สภาท้องถนิ่ ผู้มอี ายุ
มากท่ีสดุ ซงึ่ อยูใ่ นท่ปี ระชมุ สภาท้องถน่ิ คราวน้ันเป็นประธานสภาทอ้ งถน่ิ ชว่ั คราว หากสมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่
ผมู้ อี ายุมากท่สี ดุ ไม่รบั เปน็ ประธานสภาทอ้ งถน่ิ ชัว่ คราว ให้เชิญสมาชกิ สภาทอ้ งถ่ินผมู้ อี ายมุ ากทสี่ ดุ
รองลงมาตามลําดบั ซ่ึงอยู่ในทป่ี ระชมุ สภาท้องถิ่นคราวนนั้ เปน็ ประธานสภาทอ้ งถนิ่ ชว่ั คราว เพ่ือทาํ หนา้ ที่
เป็นประธานท่ีประชุมนาํ สมาชกิ สภาทอ้ งถน่ิ ปฏญิ าณตนตามทก่ี ฎหมายว่าด้วยองค์กรปกครองสว่ น
ท้องถน่ิ กําหนด และดําเนินการเลอื กประธานสภาท้องถนิ่ ”
ในกรณที ่มี ีสมาชกิ สภาท้องถน่ิ ผมู้ ีอายสุ งู สดุ มากกวา่ หน่ึงคน ให้ใชว้ ิธีจบั สลาก
วธิ ีจับสลากเลือกประธานสภาท้องถ่ินชว่ั คราวให้ผ้วู า่ ราชการจังหวดั สําหรับองค์การบรหิ ารสว่ น
จงั หวดั หรือเทศบาล นายอําเภอสําหรับองค์การบริหารส่วนตาํ บลดาํ เนนิ การให้คนทีม่ ีอายุสงู สดุ เทา่ กันตกลงกนั
เสยี ก่อนวา่ จะใหค้ นใดเป็นคนจับสลากกอ่ นหลงั หากตกลงกนั ไม่ได้ให้ผวู้ ่าราชการจังหวดั หรือนายอาํ เภอจับ
สลากว่า คนใดจะเปน็ คนจบั สลากกอ่ น แลว้ ใหจ้ ดั ทาํ บตั รสลาก ชนดิ สี และขนาดอย่างเดียวกนั มจี าํ นวนเท่ากับ
จํานวนสมาชกิ สภาท้องถน่ิ ท่ีมีอายุสงู สุดเท่ากันโดยเขยี นข้อความวา่ “ได้เป็นประธานสภาท้องถิน่ ชว่ั คราว”เพยี ง
บัตรเดยี ว นอกนัน้ เขียนขอ้ ความวา่ “ไมไ่ ดเ้ ป็นประธานสภาท้องถนิ่ ชั่วคราว”
ขอ้ ๘ วิธีเลอื กประธานสภาท้องถนิ่ ใหส้ มาชกิ สภาทอ้ งถิน่ แต่ละคนมสี ทิ ธเิ สนอชอื่ สมาชกิ
สภาทอ้ งถน่ิ คนหนงึ่ ท่ตี นเหน็ วา่ สมควรใหเ้ ป็นผดู้ ํารงตาํ แหน่งประธานสภาทอ้ งถน่ิ การเสนอนน้ั ต้องมี
สมาชิกสภาท้องถน่ิ รบั รองไม่น้อยกวา่ สองคน โดยใหส้ มาชกิ สภาท้องถ่ินแตล่ ะคนมสี ทิ ธริ ับรองได้เพียง
ครั้งเดียว ชอ่ื ท่ีเสนอไม่จาํ กดั จาํ นวน และใหส้ มาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ ลงคะแนนเลือกจากชือ่ เหลา่ นนั้ โดยวธิ ี
เขียนชอ่ื ตวั และชอ่ื สกุลของผ้ทู ถ่ี ูกเสนอชอื่ คนละหนง่ึ ชอ่ื เม่อื ตรวจนบั แลว้ ให้ประธานทป่ี ระชุมประกาศ
คะแนนต่อทปี่ ระชมุ สภาทอ้ งถ่ิน ผู้ได้คะแนนสงู สดุ เปน็ ผู้ไดร้ บั เลอื ก ถา้ มผี ไู้ ดค้ ะแนนสงู สดุ เทา่ กนั หลาย
คนให้เลือกใหมเ่ ฉพาะ ผู้ทีไ่ ด้คะแนนสงู สดุ น้นั โดยใชว้ ธิ เี ดมิ ถ้าผลการเลือกใหม่ปรากฏวา่ ยังมีผไู้ ด้
คะแนนสงู สดุ เทา่ กนั อกี ให้ใชว้ ธิ ีจบั สลากเฉพาะผไู้ ดค้ ะแนนสงู สดุ เทา่ กัน
วธิ กี ารเสนอช่ือและการรับรองตามวรรคหนง่ึ ให้นาํ ความในข้อ ๓๙ มาใช้บังคบั โดยอนโุ ลม
ใหป้ ระธานที่ประชุมเชญิ สมาชิกสภาท้องถน่ิ ไมน่ ้อยกวา่ สองคนช่วยตรวจนบั คะแนน
วิธีจบั สลากตามวรรคหน่งึ ใหป้ ระธานทีป่ ระชุมดําเนนิ การให้ผูไ้ ด้คะแนนสูงสดุ เทา่ กนั ตกลง
กันเสยี กอ่ นวา่ จะใหผ้ ู้ใดเปน็ ผู้จับสลากกอ่ นหลงั หากตกลงกันไม่ได้ให้ประธานทปี่ ระชมุ จับสลากว่าผู้ใด
จะเปน็ ผู้จบั สลากก่อนหลัง แล้วให้จดั ทําบตั รสลาก ชนดิ สี และขนาดอยา่ งเดียวกันตามจาํ นวนเท่ากบั
จาํ นวนผไู้ ดร้ บั คะแนนสงู สดุ เท่ากัน โดยเขยี นขอ้ ความวา่ “ไดร้ บั เลอื กเปน็ ประธานสภาทอ้ งถนิ่ ”เพยี งบตั ร
เดยี ว นอกนน้ั เขียนขอ้ ความวา่ “ไมไ่ ด้รบั เลือกเปน็ ประธานสภาทอ้ งถน่ิ ”
ข้อ 7 วรรคแรก แกไ้ ขเพิ่มเตมิ โดยระเบยี บกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยข้อบังคบั การประชมุ สภาทอ้ งถิ่น (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
ข้อ 8 ขอ้ ความเดิมถูกยกเลิกและใชข้ อ้ ความน้แี ทน โดยระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยขอ้ บงั คบั การประชมุ สภาทอ้ งถนิ่
(ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
4
ขอ้ ๙ ในกรณีการเลือกประธานสภาทอ้ งถน่ิ ในการประชมุ สภาท้องถิ่นครัง้ แรกตามขอ้ ๖ ให้
ผูว้ า่ ราชการจงั หวดั หรอื นายอําเภอ แล้วแตก่ รณี ดําเนนิ การแตง่ ตงั้ ทนั ที เมอ่ื การเลอื กประธานสภา
ทอ้ งถน่ิ แลว้ เสรจ็ และใหป้ ระธานสภาท้องถนิ่ ทไี่ ดร้ ับแตง่ ต้ังปฏิบัตหิ นา้ ทปี่ ระธานทป่ี ระชมุ สภาท้องถิ่นใน
ครัง้ นนั้ ต่อไป
ข้อ ๑๐ ประธานสภาทอ้ งถนิ่ ชัว่ คราว พน้ จากตาํ แหนง่ เม่ือ
(๑) สําหรับองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เมือ่ สภาองค์การบริหารสว่ นจังหวดั มมี ติ
เลอื กประธานสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เสร็จแลว้
(๒) สําหรบั เทศบาล เม่ือผวู้ า่ ราชการจังหวดั มคี าํ สัง่ แตง่ ต้ังประธานสภาเทศบาล
(๓) สาํ หรบั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล เม่อื นายอําเภอมีคาํ ส่ังแต่งตั้งประธานสภา
องคก์ ารบริหารสว่ นตาํ บล
ขอ้ ๑๑ เมื่อมปี ระธานสภาทอ้ งถน่ิ แลว้ ใหส้ ภาท้องถนิ่ เลือกรองประธานสภาท้องถิ่น
เลขานกุ ารสภาทอ้ งถนิ่ และให้ประธานสภาท้องถน่ิ นาํ ปรกึ ษาในท่ีประชุมเกีย่ วกบั การประชมุ สมัยสามญั
ดงั นี้
(๑) สาํ หรับองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด ใหส้ ภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั กาํ หนดวนั เรม่ิ
สมยั ประชุมสามญั ประจําปขี องแต่ละสมัย และวันเร่มิ สมยั ประชมุ สามญั ประจําปีสมยั แรกของปีถดั ไป
(๒) สําหรับเทศบาล ให้สภาเทศบาลกําหนดว่าการประชุมสมยั สามญั ประจาํ ปแี ตล่ ะสมยั ใน
ปนี ั้นจะเรมิ่ เมอื่ ใด แต่ละสมยั ในปนี ัน้ มีกําหนดกว่ี ัน กับใหก้ าํ หนดวนั เรมิ่ ประชุมสมัยประชมุ สามญั
ประจําปสี มยั แรกของปีถดั ไปและมกี าํ หนดกวี่ ัน
(๓) สาํ หรบั องค์การบรหิ ารส่วนตําบล ให้สภาองคก์ ารบริหารสว่ นตาํ บลกาํ หนดวา่ ปีนั้นจะมี
สมัยประชุมสามญั ประจาํ ปกี ่ีสมยั แต่ละสมยั ในปนี นั้ จะเริ่มเมื่อใด แตล่ ะสมยั ในปีนนั้ มกี าํ หนดกวี่ นั กับให้
กําหนดวันเร่มิ ประชมุ สมยั ประชมุ สามัญประจาํ ปีสมยั แรกของปถี ดั ไปและมีกาํ หนดกว่ี นั
การกาํ หนดสมัยประชุมและวันประชมุ ใหเ้ ป็นไปตามทีก่ ฎหมายวา่ ดว้ ยองคก์ รปกครองสว่ น
ทอ้ งถน่ิ นนั้ กาํ หนด
ให้ประธานสภาท้องถน่ิ รายงานผลการเลือกรองประธานสภาท้องถนิ่ ต่อผวู้ ่าราชการจงั หวดั
สําหรบั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั หรือเทศบาล และนายอําเภอสําหรบั องค์การบรหิ ารสว่ นตาํ บลภายใน
เจ็ดวนั นบั แตว่ นั เลือก”
ขอ้ ๑๒ วิธเี ลือกรองประธานสภาท้องถิน่ ให้นาํ ความในข้อ ๘ มาใช้บังคบั โดยอนโุ ลม
กรณีทก่ี ฎหมายวา่ ดว้ ยองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ กําหนดใหส้ ภาท้องถ่ินใดมรี อง
ประธานสภาทอ้ งถ่ินได้มากกว่าหนง่ึ คนใหเ้ ลือกรองประธานสภาทอ้ งถนิ่ คนทหี่ นงึ่ กอ่ น แล้วจงึ เลือกรอง
ประธานสภาท้องถ่นิ ในลําดบั ถัดไปทีละคนจนกว่าจะครบตามจํานวนท่พี ึงม”ี
ขอ้ ๑๓ วธิ ีเลือกเลขานกุ ารสภาท้องถน่ิ ใหน้ าํ ความในขอ้ ๘ มาใชบ้ งั คับโดยอนุโลม
เมือ่ สภาทอ้ งถิน่ มมี ตเิ ลอื กเลขานุการสภาทอ้ งถน่ิ แลว้ ใหเ้ ลขานกุ ารสภาทอ้ งถนิ่ ชว่ั คราวพ้น
จากตําแหน่ง
ข้อ 9 ข้อความเดมิ ถูกยกเลกิ และใช้ข้อความนี้แทน โดยระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยข้อบงั คบั การประชมุ สภาทอ้ งถน่ิ
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
ขอ้ 11 วรรคสามแก้ไขเพมิ่ เติมโดยระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยขอ้ บังคับการประชุมสภาทอ้ งถน่ิ (ฉบับท่ี ๒)พ.ศ. ๒๕๕๔
ขอ้ 12 วรรคหนง่ึ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยระเบยี บกระทรวงมหาดไทยว่าดว้ ยขอ้ บงั คับการประชมุ สภาทอ้ งถน่ิ (ฉบับที่ ๒)พ.ศ. ๒๕๕๔
5
ข้อ ๑๔ ในการเลือกประธานสภาทอ้ งถ่นิ รองประธานสภาทอ้ งถนิ่ หรือเลขานกุ ารสภา
ท้องถน่ิ ถ้ามีการเสนอชอื่ ผูส้ มควรไดร้ ับการแตง่ ตง้ั เพียงตําแหนง่ ละหนง่ึ คน ใหถ้ ือวา่ ผ้นู ั้นได้รบั เลอื ก
ขอ้ ๑๕ เม่ือประธานสภาทอ้ งถนิ่ รองประธานสภาทอ้ งถิน่ หรอื เลขานกุ ารสภาทอ้ งถิ่นพน้
จากตําแหน่งก่อนครบอายขุ องสภาทอ้ งถิ่น ใหส้ ภาท้องถน่ิ เลอื กประธานสภาทอ้ งถ่นิ รองประธานสภา
ท้องถนิ่ หรือเลขานกุ ารสภาท้องถน่ิ แล้วแตก่ รณแี ทนตําแหน่งทว่ี า่ ง ดงั น้ี
(๑) กรณีประธานสภาทอ้ งถิน่ หรือรองประธานสภาทอ้ งถน่ิ ให้สภาทอ้ งถิ่นเลือก
ประธานสภาทอ้ งถิน่ หรือรองประธานสภาท้องถ่ินแทนตาํ แหนง่ ทว่ี า่ งภายในสบิ หา้ วนั นับแตว่ นั ท่ตี ําแหน่ง
ว่างลง
(๒) กรณเี ลขานุการสภาท้องถิน่ ใหส้ ภาท้องถ่ินเลือกเลขานกุ ารสภาท้องถน่ิ แทนตาํ แหนง่ ที่
วา่ งในการประชมุ สภาท้องถน่ิ ทม่ี ีขนึ้ คราวแรกนับแต่วนั ที่ตําแหน่งวา่ งลง
ใหป้ ระธานทปี่ ระชุมในคราวประชมุ สภาทอ้ งถน่ิ ทมี่ ีการเลอื กประธานสภาท้องถน่ิ
และเป็นผดู้ ําเนินการเลอื กประธานสภาทอ้ งถน่ิ รายงานผลการเลอื กประธานสภาทอ้ งถนิ่ ต่อผวู้ ่าราชการ
จงั หวดั สาํ หรบั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั หรือเทศบาล และนายอาํ เภอสําหรบั องคก์ ารบริหารสว่ นตาํ บล
ภายในเจ็ดวนั นบั แตว่ นั เลอื ก และใหผ้ ู้วา่ ราชการจงั หวดั สาํ หรบั เทศบาล หรอื นายอาํ เภอสาํ หรบั องค์การ
บรหิ ารส่วนตาํ บล แล้วแตก่ รณี แต่งตง้ั ประธานสภาทอ้ งถิน่ ภายในเจ็ดวันนับแตว่ นั ท่ีได้รบั รายงานผลการ
เลอื กประธานสภาทอ้ งถน่ิ ”
ขอ้ ๑๖ ประธานสภาท้องถนิ่ มีอํานาจหนา้ ทดี่ งั ต่อไปนี้
(๑) ดาํ เนนิ กจิ การของสภาทอ้ งถิ่นตามท่ีกฎหมายกาํ หนด
(๒) เปน็ ประธานของที่ประชมุ สภาท้องถ่ิน เวน้ แตใ่ นขณะท่ีเข้ากล่าวอภปิ ราย
สนบั สนนุ หรือคดั คา้ นญตั ติ ในที่ประชมุ สภาทอ้ งถน่ิ
(๓) บงั คับบญั ชาการงานในสภาทอ้ งถน่ิ
(๔) รกั ษาความสงบเรยี บร้อยในสภาท้องถน่ิ
(๕) เปน็ ผแู้ ทนสภาทอ้ งถนิ่ ในกิจการภายนอก
(๖) อาํ นาจและหน้าทอี่ น่ื ตามทีม่ ีกฎหมายกาํ หนดไว้ หรอื ตามทก่ี ําหนดไว้ใน
ระเบียบน้ี
ข้อ ๑๗ รองประธานสภาทอ้ งถน่ิ มหี น้าทช่ี ว่ ยประธานสภาท้องถน่ิ ในกิจการอนั เปน็ อาํ นาจ
หน้าทขี่ องประธานสภาท้องถ่ิน หรอื ปฏบิ ตั ิการตามทีป่ ระธานสภาท้องถิน่ มอบหมาย
ในกรณีไม่มีประธานสภาท้องถนิ่ หรือมแี ตไ่ ม่อยู่หรืออยแู่ ตไ่ มส่ ามารถปฏบิ ตั หิ นา้ ทีไ่ ด้
หรือไมย่ อมปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ ใหร้ องประธานสภาท้องถ่ินเปน็ ผู้ปฏบิ ตั หิ นา้ ทแ่ี ทนประธานสภาทอ้ งถน่ิ โดยให้
นําความในข้อ ๒๖ วรรคสอง มาใช้บงั คบั โดยอนโุ ลม
กรณที ี่สภาท้องถิ่นใดมีรองประธานสภาทอ้ งถน่ิ มากกวา่ หน่ึงคน ใหร้ องประธานสภา
ทอ้ งถนิ่ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทแี่ ทนประธานสภาทอ้ งถ่ินตามลาํ ดบั ”
ขอ้ 15 ขอ้ ความเดิมถูกยกเลกิ และใชข้ ้อความนีแ้ ทน โดยระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยข้อบังคบั การประชุมสภาทอ้ งถน่ิ
(ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
ขอ้ 17 ขอ้ ความเดิมถูกยกเลิกและใช้ข้อความนี้แทน โดยระเบยี บกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยขอ้ บงั คับการประชุมสภาท้องถนิ่
(ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
6
ขอ้ ๑๘ ให้สภาทอ้ งถนิ่ เลือกพนกั งานหรอื ข้าราชการสว่ นทอ้ งถ่นิ ขององคก์ รปกครองสว่ น
ท้องถน่ิ นนั้ หรือสมาชกิ สภาท้องถน่ิ นนั้ คนหนง่ึ เป็นเลขานกุ ารสภาทอ้ งถิน่ ทั้งนี้ ให้คํานึงถึงความรู้
ความสามารถอนั จะเป็นประโยชนต์ ่อสภาทอ้ งถน่ิ
สาํ หรบั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบล พนกั งานหรอื ข้าราชการส่วนท้องถนิ่ ตามวรรคหน่ึงให้
หมายความถึงปลดั องคก์ ารบริหารส่วนตาํ บลเทา่ นน้ั
ขอ้ ๑๙ เลขานกุ ารสภาทอ้ งถิ่นมหี นา้ ทีด่ งั ตอ่ ไปนี้
(๑) แจง้ นดั ประชมุ สภาทอ้ งถนิ่ ตามคาํ สงั่ ของประธานสภาทอ้ งถน่ิ
(๒) ช้ีแจงกฎหมาย ระเบยี บ ข้อบงั คบั ประกาศ คําส่ัง หนงั สือสงั่ การ หรอื แนวทาง
ปฏบิ ตั ซิ ง่ึ เกีย่ วขอ้ งกบั กจิ การขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ตอ่ ทป่ี ระชมุ สภาทอ้ งถนิ่
(๓) ชว่ ยเหลือประธานสภาท้องถน่ิ จัดทาํ ระเบยี บวาระการประชมุ สภาทอ้ งถิ่น
(๔) เชญิ ประธานสภาทอ้ งถนิ่ ชั่วคราวปฏิบตั หิ นา้ ที่
(๕) จัดทาํ รายงานการประชมุ สภาท้องถน่ิ
(๖) เก็บรกั ษาข้อมูลขา่ วสาร หรือเอกสารของสภาทอ้ งถนิ่ แต่จะเปดิ เผยได้ตอ่ เมอ่ื
ได้รบั อนญุ าตจากประธานสภาท้องถ่นิ
(๗) ช่วยเหลอื ประธานสภาท้องถน่ิ ในการควบคมุ การนบั คะแนนเสยี ง
(๘) ชว่ ยเหลือประธานสภาท้องถนิ่ ในการรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ยในสภาทอ้ งถ่นิ
(๙) หน้าท่อี น่ื ตามทีก่ าํ หนดไว้ในระเบยี บนห้ี รอื กระทาํ กจิ การอน่ื ตามที่ประธานสภา
ทอ้ งถิน่ มอบหมาย
ในการประชมุ สภาท้องถนิ่ ครัง้ ใด ถา้ ไมม่ เี ลขานกุ ารสภาทอ้ งถนิ่ หรอื มแี ตไ่ ม่อยหู่ รือ
อย่แู ตไ่ มส่ ามารถปฏิบตั ิหน้าทไ่ี ดห้ รอื ไมย่ อมปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี ให้สภาทอ้ งถ่นิ เลือกสมาชิกสภาท้องถน่ิ หรอื
ข้าราชการหรือพนกั งานขององค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ นัน้ คนหนง่ึ เปน็ ผปู้ ฏบิ ตั หิ นา้ ที่เลขานุการสภา
ทอ้ งถน่ิ เฉพาะในการประชมุ คราวนั้น โดยให้นาํ ความในข้อ ๑๓ และข้อ ๒๖ วรรคสอง มาใช้บังคบั โดย
อนุโลม เว้นแตก่ ารลงคะแนนเลอื กใหก้ ระทาํ ดว้ ยวธิ กี ารยกมอื
หมวด ๒
การประชมุ
ข้อ ๒๐ นอกจากการประชมุ สภาท้องถน่ิ คร้ังแรกตามขอ้ ๖ แลว้ การประชมุ สภาทอ้ งถิ่นมี
๒ ประเภท คือ
(๑) การประชมุ สามญั
(๒) การประชมุ วสิ ามญั
ขอ้ ๒๑ การกาํ หนดจาํ นวนสมัยประชุมสามญั ประจาํ ปี ระยะเวลาและวนั เรมิ่ ต้นประชมุ สมยั
ประชมุ สามญั ประจาํ ปขี องแต่ละสมัยในปีนน้ั วันเรม่ิ สมยั ประชมุ สามญั ประจําปขี องปีถดั ไป และ
ระยะเวลาของสมัยประชุมสามญั ประจําปสี มัยแรกของปถี ดั ไป ใหป้ ระธานสภาท้องถน่ิ นาํ ปรึกษาในท่ี
ประชมุ สามญั ประจาํ ปสี มัยแรกของแตล่ ะปี โดยให้นําความในข้อ ๑๑ มาใชบ้ ังคบั โดยอนโุ ลม
เม่อื สภาทอ้ งถ่นิ มมี ตแิ ลว้ ใหป้ ระธานสภาท้องถิน่ ทาํ เปน็ ประกาศของสภาท้องถนิ่ พรอ้ มท้งั
ปิดประกาศไว้ในทเ่ี ปดิ เผย ณ สาํ นกั งานองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ
ข้อ 19 วรรคสองแกไ้ ขโดยระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยข้อบงั คบั การประชุมสภาท้องถนิ่ (ฉบบั ที่ ๒)พ.ศ. ๒๕๕๔
7
ในกรณที ีไ่ มไ่ ด้กาํ หนดสมยั ประชมุ สามัญประจาํ ปไี ว้ หรอื ไมไ่ ดก้ ําหนดวนั เร่ิมประชมุ สามญั
ประจาํ ปีสมยั แรกในปีถดั ไปไว้ หรือมคี วามจําเปน็ ต้องเปล่ยี นแปลงสมยั ประชุมสามญั ประจําปี หรอื วนั
เรม่ิ สมัยประชมุ สามญั ประจาํ ปีทกี่ ําหนดไว้แลว้ ใหป้ ระธานสภาท้องถน่ิ นาํ ปรกึ ษาในสมยั ประชมุ สามญั
ประจาํ ปีอ่ืน หรอื ในสมยั ประชมุ วสิ ามญั ก็ได้
ข้อ ๒๒ การเรยี กประชุมสภาท้องถนิ่ ตามขอ้ ๒๐ ใหป้ ระธานสภาทอ้ งถนิ่ แจง้ เปน็ หนงั สอื ให้
สมาชกิ สภาท้องถนิ่ ทราบล่วงหนา้ พร้อมทัง้ ปิดประกาศไวใ้ นทเี่ ปดิ เผย ณ สํานักงานองคก์ รปกครองส่วน
ทอ้ งถน่ิ กอ่ นกาํ หนดวนั เปดิ สมยั ประชมุ ไมน่ อ้ ยกว่าสามวนั เวน้ แตเ่ ปน็ การประชมุ อนั รีบด่วนจะแจ้ง
กาํ หนดเปดิ สมัยประชุมและปดิ ประกาศนอ้ ยกวา่ นน้ั ก็ได้ แตไ่ ม่ใหน้ ้อยกวา่ ย่สี ิบส่ชี ว่ั โมงกอ่ นกาํ หนดเวลา
เปดิ สมยั ประชมุ โดยใหร้ ะบเุ หตอุ ันรบี ดว่ นในหนังสอื น้ันดว้ ย
ขอ้ ๒๓ การนดั ประชมุ ในระหวา่ งสมยั ประชมุ นนั้ ใหท้ าํ เป็นหนงั สือ หรอื จะบอกนดั ในที่
ประชมุ สภาทอ้ งถ่ินก็ได้ แตถ่ ้าบอกนดั ในที่ประชมุ ใหส้ ่งหนังสอื นดั ประชุมไปยงั ผทู้ ไี่ มไ่ ดม้ าประชมุ ในเวลา
น้นั ใหท้ ราบลว่ งหน้าดว้ ย โดยใหแ้ จง้ นดั ประชมุ ลว่ งหนา้ กอ่ นวันประชมุ ไม่น้อยกว่าสามวนั แตถ่ า้ เปน็ การ
ประชมุ อันรบี ดว่ น จะนดั นอ้ ยกว่าน้นั กไ็ ด้ โดยใหป้ ระธานสภาทอ้ งถนิ่ แจง้ เหตุอนั รบี ดว่ นไวใ้ นหนงั สือนดั
ประชมุ และแจ้งใหท้ ป่ี ระชมุ สภาท้องถน่ิ ทราบดว้ ย
การประชมุ สภาทอ้ งถ่นิ ทไ่ี มไ่ ดม้ กี ารนัดประชุม ไม่ใหถ้ ือวา่ เปน็ การประชมุ ของภาทอ้ งถิ่น
ขอ้ ๒๔ ให้ส่งระเบียบวาระการประชมุ ไปพรอ้ มกบั การเรียกประชุมตามข้อ ๒๒หรอื การนดั
ประชมุ ตามข้อ ๒๓ เวน้ แต่เปน็ การประชมุ อนั รบี ดว่ นจะแจง้ ระเบยี บวาระการประชมุ ใหส้ มาชิกสภา
ทอ้ งถนิ่ ทราบในขณะเปดิ ประชุมกไ็ ด้
ใหป้ ระธานสภาท้องถิ่นประชาสมั พันธก์ ําหนดวนั นดั ประชุม เวลา สถานทปี่ ระชุม และเรอื่ ง
ทจ่ี ะนําเขา้ สูท่ ปี่ ระชมุ สภาทอ้ งถ่นิ เพ่ือให้ประชาชนทราบและเขา้ ฟงั การประชุมด้วย
หลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารสําหรบั ให้ประชาชนเขา้ ฟังการประชมุ สภาท้องถน่ิ ใหเ้ ปน็ ไปตาม
ระเบียบทสี่ ภาทอ้ งถน่ิ กาํ หนด
ขอ้ ๒๕ เมือ่ ถงึ กําหนดเวลานดั ประชมุ แลว้ ใหเ้ ลขานกุ ารสภาทอ้ งถ่ินตรวจสอบรายชือ่
สมาชิกสภาทอ้ งถนิ่ ผู้มาประชมุ ที่ได้ลงชอ่ื ไวว้ ่าครบองคป์ ระชุมหรอื ไม่ เมอ่ื มผี ้มู าประชมุ ครบองค์ประชมุ
ให้เลขานกุ ารสภาท้องถ่นิ ใหส้ ัญญาณเรียกสมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ เขา้ หอ้ งประชมุ
เมอ่ื ได้มสี ญั ญาณให้เขา้ ประชมุ แลว้ ให้สมาชิกสภาท้องถนิ่ รบี เขา้ น่ังตามทซ่ี งึ่ ไดจ้ ัดไว้เปน็
สัดส่วนแยกต่างหากจากทจ่ี ดั ไว้ใหป้ ระชาชนเข้าฟังการประชมุ ให้ประธานสภาทอ้ งถนิ่ ตรวจดวู ่าสมาชิก
สภาท้องถน่ิ ไดเ้ ขา้ ประชมุ ครบองคป์ ระชมุ หรอื ไม่
สมาชกิ สภาท้องถนิ่ ผใู้ ดไมไ่ ดล้ งชื่อไว้ แตไ่ ดเ้ ขา้ รว่ มประชมุ ให้ถอื วา่ มาประชุมสภาท้องถนิ่
ครง้ั นนั้
สมาชกิ สภาทอ้ งถน่ิ ผูใ้ ดทีม่ าลงชอ่ื ไวแ้ ลว้ แต่ไม่ไดเ้ ขา้ รว่ มประชมุ ในทป่ี ระชุมสภาท้องถน่ิ
ไมใ่ หน้ บั เปน็ องค์ประชมุ สาํ หรบั สมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ ผู้นนั้ และใหถ้ อื วา่ ขาดประชมุ สภาท้องถน่ิ
เม่อื ถงึ กําหนดเวลานดั ประชมุ แล้ว สมาชิกสภาท้องถน่ิ มาประชมุ ไม่ครบองคป์ ระชมุ และพน้
กาํ หนดเวลานัดประชมุ แล้วหนึง่ ช่วั โมง ก็ใหป้ ระธานสภาท้องถนิ่ ส่งั เลอ่ื นการประชมุ และใหถ้ ือวา่ สมาชกิ
สภาท้องถนิ่ ทีไ่ มไ่ ดอ้ ยู่ในท่ีประชุม ขาดประชมุ สภาท้องถ่นิ
การแจ้งเลอ่ื นการประชุมนั้น ใหน้ ําความในขอ้ ๒๓ มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม
8
ข้อ ๒๖ เมื่อถงึ กําหนดเวลานัดประชุมและสมาชิกสภาท้องถนิ่ มาครบองค์ประชมุ แลว้ แตไ่ ม่
มีประธานสภาทอ้ งถ่นิ และรองประธานสภาท้องถนิ่ หรอื มแี ตไ่ ม่อยใู่ นทป่ี ระชมุ หรอื อยแู่ ตไ่ มส่ ามารถ
ปฏบิ ัตหิ น้าทไี่ ด้ ให้สมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ ผู้มีอายมุ ากทส่ี ดุ ซงึ่ อยใู่ นทีป่ ระชมุ คราวน้นั เป็นประธานทปี่ ระชมุ
ช่วั คราว เพ่ือดาํ เนนิ การใหส้ มาชิกสภาทอ้ งถนิ่ เลอื กกันเองเปน็ ประธานทป่ี ระชมุ คราวนน้ั โดยใหเ้ สนอชื่อ
และลงคะแนนดว้ ยวธิ ยี กมอื ถา้ ในระหวา่ งการเลือกนนั้ ประธานสภาท้องถิ่นหรือรองประธานสภาท้องถิน่
แลว้ แตก่ รณี เขา้ มาในทป่ี ระชุมและยอมปฏบิ ตั หิ น้าท่ี กใ็ หร้ ะงบั การเลอื กนนั้ เสียหรอื ถา้ เลอื กไดแ้ ลว้ ก็ให้ผู้
ได้รบั เลือกเปน็ อนั พน้ หนา้ ท่ี และนาํ ความในข้อ ๗ และข้อ ๘ มาใชบ้ ังคบั โดยอนโุ ลม
ในกรณีประธานสภาทอ้ งถน่ิ หรอื รองประธานสภาทอ้ งถนิ่ ไม่ยอมปฏิบตั ิหนา้ ที่ให้
ประธานสภาทอ้ งถน่ิ หรอื รองประธานสภาทอ้ งถ่นิ ดังกลา่ วพ้นจากการปฏบิ ตั หิ น้าทสี่ าํ หรบั การประชมุ นนั้
และใหด้ ําเนินการเลอื กประธานทป่ี ระชุมชว่ั คราวตามวรรคหนึ่งเพือ่ ดาํ เนนิ การในการประชุมครงั้ นนั้ จน
เสรจ็ สิ้น
ข้อ ๒๗ การจดั ระเบียบวาระการประชุมให้จดั ลําดบั ดังต่อไปน้ี
(๑) เร่อื งทปี่ ระธานจะแจง้ ตอ่ ที่ประชมุ
(๒) รบั รองรายงานการประชุม
(๓) กระทถู้ าม
(๔) เรอ่ื งทค่ี ณะกรรมการทสี่ ภาท้องถนิ่ ตงั้ ขน้ึ พิจารณาเสร็จแลว้
(๕) เรอ่ื งทเี่ สนอใหม่
(๖) เร่ืองอน่ื ๆ
ในกรณที ป่ี ระธานสภาท้องถน่ิ เหน็ วา่ เรอื่ งใดเปน็ เร่อื งดว่ น จะจดั ไวใ้ นลําดบั ใดของ
ระเบยี บวาระการประชมุ กไ็ ด้ แตจ่ ะจัดไวก้ อ่ นเร่ืองทค่ี ณะกรรมการท่ีสภาทอ้ งถนิ่ ตั้งขึ้นพจิ ารณาเสรจ็ แล้ว
ไมไ่ ด้
ขอ้ ๒๘ ให้ดาํ เนนิ การประชมุ ตามระเบียบวาระ เว้นแตท่ ีป่ ระชมุ สภาท้องถิ่นจะได้ตกลงเปน็
อยา่ งอ่ืนในคราวประชมุ นนั้
ข้อ ๒๙ ประธานสภาทอ้ งถนิ่ จะสงั่ ปดิ ประชมุ สภาทอ้ งถน่ิ กอ่ นหมดระเบียบวาระไม่ได้เวน้ แต่
เปน็ กรณสี ภาท้องถนิ่ เกดิ อลเวงตามข้อ ๑๒๑
ถ้าประธานสภาท้องถนิ่ ส่งั ปดิ ประชุมก่อนหมดระเบียบวาระและไม่ใช่กรณตี ามขอ้ ๑๒๑
โดยต่อเนอื่ งกนั สมาชกิ สภาท้องถนิ่ จํานวนไมน่ ้อยกวา่ กง่ึ หนงึ่ ของจํานวนสมาชิกสภาท้องถน่ิ ทมี่ ีอย่ใู นท่ี
ประชมุ เหน็ วา่ สมควรใหเ้ ปดิ ประชมุ ตอ่ ไป กใ็ หด้ าํ เนินการประชมุ ตามระเบยี บวาระการประชุมนัน้ ตอ่ ไป
จนกวา่ จะหมดระเบียบวาระการประชมุ โดยให้รองประธานสภาทอ้ งถน่ิ เปน็ ประธานท่ปี ระชมุ
ถา้ รองประธานสภาท้องถนิ่ ไม่อยหู่ รือไม่สามารถปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีได้ ให้สมาชกิ สภาทอ้ งถน่ิ เลอื ก
กันเองเปน็ ประธานทป่ี ระชมุ คราวนน้ั ทัง้ นี้ ให้นําความในขอ้ ๒๖ มาใช้บงั คบั โดยอนุโลม
วาระการประชมุ ท่ยี ังไมไ่ ดด้ าํ เนนิ การประชมุ ตามระเบียบวาระการประชมุ เนื่องจาก
ประธานสภาทอ้ งถิน่ ส่ังปดิ ประชุมตามวรรคหน่ึง หรอื ปิดประชมุ ตามวรรคสองแตไ่ ม่ได้มีการดาํ เนนิ การ
ประชมุ ต่อ ให้ประธานสภาทอ้ งถนิ่ จดั วาระการประชมุ นน้ั เข้าระเบียบวาระการประชมุ ในการประชมุ
สภาท้องถน่ิ ครงั้ ต่อไป
ข้อ 26และ 27 ข้อความเดมิ ถูกยกเลิกและใชข้ ้อความนีแ้ ทน โดยระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยขอ้ บงั คับการประชมุ สภา
ทอ้ งถ่นิ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
๙
ข้อ ๓๐ ถา้ ประธานสภาทอ้ งถ่ินเหน็ เปน็ การสมควร จะส่งั ให้หยดุ พกั การประชมุ สภาท้องถนิ่
ไว้ชว่ั คราวกไ็ ด้
ข้อ ๓๑ เม่ือผู้บรหิ ารทอ้ งถนิ่ หรอื สมาชกิ สภาท้องถน่ิ ไมน่ ้อยกว่าหนงึ่ ในสามของจํานวน
สมาชิกที่มาประชุมรอ้ งขอใหม้ ีการประชุมลบั ในระเบียบวาระการประชมุ ใด ให้ประธานสภาทอ้ งถน่ิ
ดาํ เนินการประชมุ ลับในระเบยี บวาระการประชมุ นนั้ โดยไมต่ ้องขอมตทิ ป่ี ระชุม การประชุมเชน่ น้ีให้
ประธานสภาท้องถิ่นสัง่ ผ้ทู ไี่ มไ่ ดม้ ีสว่ นเกยี่ วขอ้ งในการประชุมนัน้ ออกจากทีป่ ระชมุ จนพน้ ระยะทจี่ ะฟงั
การประชมุ ได้
การร้องขอใหม้ กี ารประชมุ ลบั ตามวรรคหนง่ึ อาจทําเปน็ หนังสอื หรอื เสนอดว้ ยวาจาก็ได้
ข้อ ๓๒ การประชมุ สภาทอ้ งถนิ่ เพอ่ื อภปิ รายเกย่ี วกบั ความประพฤตขิ องสมาชิกสภาท้องถิ่น
เนือ่ งจากเหน็ วา่ มีความประพฤติในทางทจี่ ะนาํ มาซ่ึงความเสื่อมเสยี หรอื กอ่ ความไมส่ งบเรียบรอ้ ยแก่
องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ หรอื กระทาํ การอนั เสอื่ มเสียประโยชนข์ องสภาทอ้ งถนิ่ ทต่ี นเปน็ สมาชิกอยู่
หรอื เรื่องทีส่ มาชิกสภาทอ้ งถนิ่ ถกู กล่าวหาวา่ กระทาํ ผิดตามความในหมวด ๙ แห่งระเบยี บนใี้ หป้ ระชุมลับ
เวน้ แตส่ มาชกิ สภาท้องถิน่ ผถู้ ูกกล่าวหาจะขอให้ประชมุ เปิดเผย
ข้อ ๓๓ รายงานการประชุมสภาท้องถน่ิ ทุกคราว ตอ้ งใหค้ ณะกรรมการตรวจรายงานการ
ประชมุ ไดต้ รวจสอบ แลว้ ให้ทาํ สาํ เนารายงานการประชุมซ่งึ คณะกรรมการตรวจรายงานการประชมุ ได้
ตรวจสอบแล้วขนึ้ อยา่ งน้อยสองฉบบั เพื่อให้สมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ ไดม้ ีโอกาสตรวจดไู ด้กอ่ นเวลาประชมุ ไม่
นอ้ ยกวา่ หน่ึงวัน เพ่ือให้สภาท้องถนิ่ รับรองรายงานการประชุมน้นั
การแกไ้ ขถอ้ ยคาํ ในรายงานการประชมุ ให้กระทําโดยมตขิ องทีป่ ระชมุ สภาท้องถนิ่
รายงานการประชมุ สภาทอ้ งถน่ิ ทุกครัง้ อย่างนอ้ ยจะตอ้ งมรี ายชอ่ื สมาชกิ สภาทอ้ งถ่นิ ทมี่ า
ประชมุ ลาประชุม และขาดประชมุ
ให้เลขานกุ ารสภาท้องถน่ิ ปดิ ประกาศรายงานการประชมุ ท่ีสภาทอ้ งถน่ิ มมี ตริ ับรองแลว้ ในท่ี
เปดิ เผย ณ สํานกั งานองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ เพือ่ ให้ประชาชนทวั่ ไปทราบ
ขอ้ ความใด ๆ อนั เก่ียวกบั ความปลอดภยั หรอื ประโยชนส์ ําคญั ขององคก์ รปกครองส่วน
ทอ้ งถนิ่ ผูบ้ รหิ ารท้องถน่ิ หรือสมาชิกสภาท้องถน่ิ ไมน่ อ้ ยกวา่ หน่ึงในสามของสมาชกิ สภาทอ้ งถน่ิ ทั้งหมด
เทา่ ที่มีอยอู่ าจเสนอญตั ตดิ ว้ ยวาจาขอมใิ หโ้ ฆษณา ถ้าทป่ี ระชมุ สภาทอ้ งถนิ่ มีมตเิ หน็ ชอบก็ให้เปน็ ไปตามท่ี
รอ้ งขอ
ข้อ ๓๔ เม่อื สภาทอ้ งถิ่นไดร้ ับรองรายงานการประชมุ ครัง้ ใดแล้ว ให้ประธานสภาทอ้ งถนิ่ ลง
ช่อื ในรายงานการประชมุ นน้ั ไวเ้ ปน็ หลกั ฐาน
รายงานการประชมุ สภาทอ้ งถน่ิ ท่ีคณะกรรมการตรวจรายงานการประชมุ ยังไมไ่ ด้
ตรวจสอบรายงานการประชมุ ท่ีสภาทอ้ งถิ่นยงั ไมไ่ ดร้ บั รอง หรอื รายงานการประชุมทส่ี ภาทอ้ งถน่ิ ไดร้ บั
รองแล้วแตป่ ระธานสภาท้องถนิ่ ยงั ไมไ่ ด้ลงลายมือชอื่ ไวเ้ ปน็ หลกั ฐาน เพราะเหตคุ รบอายุของสภาทอ้ งถ่นิ
หรือมกี ารยบุ สภาทอ้ งถ่นิ ให้ผทู้ ี่ดาํ รงตาํ แหนง่ เลขานกุ ารสภาท้องถิ่น ณ วนั ทมี่ เี หตดุ งั กล่าวบนั ทกึ
เหตกุ ารณน์ ั้นไวท้ า้ ยรายงานการประชมุ ดงั กล่าว และใหผ้ ู้ท่ีดาํ รงตําแหน่งประธานสภาทอ้ งถิน่ ในการ
ประชมุ ครง้ั นน้ั เปน็ ผู้ตรวจสอบ แกไ้ ข และรบั รองรายงานการประชมุ นนั้ ภายในเจด็ วนั นบั แตว่ นั ท่มี เี หตุ
ถา้ ไมร่ ับรองภายในเวลาดังกลา่ วให้ถอื ว่าไดร้ ับรองรายงานการประชุมนน้ั แลว้
ข้อ 34 วรรคสองแก้ไขโดยระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยข้อบงั คบั การประชมุ สภาท้องถิ่น (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
10
ข้อ ๓๕ รายงานการประชมุ ลบั จะเปดิ เผยไดเ้ พยี งใดหรอื ไม่ ใหเ้ ปน็ ไปตามมตขิ องสภา
ท้องถน่ิ
ขอ้ ๓๖ การเปิดสมยั ประชุมวสิ ามญั ให้ดาํ เนินการ ดังน้ี
(๑) กรณอี งค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั นอกจากสมัยประชมุ สามัญแล้ว เมือ่ เหน็ วา่ เปน็ การ
จาํ เป็นเพอ่ื ประโยชน์แห่งองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัด ประธานสภาองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั อาจเรียก
ประชมุ วิสามญั ได้ หรือนายกองค์การบริหารส่วนจังหวดั หรือสมาชิกสภาองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั
จาํ นวนไม่นอ้ ยกว่าหนง่ึ ในสามของจาํ นวนสมาชิกสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัดเทา่ ทม่ี ีอยอู่ าจทาํ คาํ รอ้ ง
ย่ืนตอ่ ประธานสภาองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั ขอให้เปดิ สมยั ประชุมวสิ ามัญได้
ในกรณที นี่ ายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั หรอื สมาชกิ สภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ทําคํา
รอ้ งขอให้เปดิ สมัยประชุมวสิ ามัญ ใหป้ ระธานสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เรียกประชมุ วิสามญั ภายใน
สิบห้าวนั นบั แตว่ ันไดร้ ับคาํ รอ้ ง
การประชมุ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั สมยั ประชุมวสิ ามญั ใหม้ ีกาํ หนดเจด็ วัน แตถ่ ้าจะ
ขยายเวลาออกไปอีกตอ้ งไดร้ ับความเห็นชอบจากสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ดว้ ยคะแนนเสยี งไมน่ อ้ ย
กว่าหนึ่งในสามของจาํ นวนสมาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เทา่ ที่มีอยแู่ ละใหข้ ยายออกไปไดอ้ กี ไม่
เกนิ เจด็ วนั
(๒) กรณีเทศบาล นอกจากสมยั ประชุมสามญั แลว้ เม่ือเหน็ วา่ เป็นการจําเป็นเพ่ือประโยชน์
แห่งเทศบาล ประธานสภาเทศบาล นายกเทศมนตรี หรือสมาชกิ สภาเทศบาลจํานวนไม่น้อยกวา่ กึง่ หนง่ึ
ของจาํ นวนสมาชกิ สภาเทศบาลทอี่ ย่ใู นตาํ แหนง่ อาจทําคําร้องยื่นตอ่ ผู้วา่ ราชการจงั หวดั ขอใหเ้ ปดิ สมัย
ประชมุ วิสามัญ เม่อื ผู้วา่ ราชการจังหวดั พจิ ารณาแลว้ เหน็ สมควร กใ็ หเ้ รยี กประชมุ วสิ ามญั ไดส้ มยั ประชุม
วิสามญั ใหม้ กี าํ หนดไม่เกนิ สบิ ห้าวัน แตถ่ ้าจะขยายเวลาออกไปอีก จะตอ้ งได้รับอนุญาตจากผวู้ า่ ราชการ
จังหวดั
(๓) กรณอี งคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล นอกจากสมยั ประชุมสามญั แลว้ เมือ่ เห็นวา่ เป็นการ
จาํ เปน็ เพอ่ื ประโยชนแ์ ห่งองค์การบรหิ ารสว่ นตําบล ประธานสภาองคก์ ารบริหารสว่ นตําบล นายก
องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาํ บล หรอื สมาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บลจํานวนไมน่ ้อยกวา่ กง่ึ หนง่ึ ของ
จํานวนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตาํ บลทอี่ ยใู่ นตาํ แหน่ง อาจทําคํารอ้ งย่ืนตอ่ นายอําเภอขอใหเ้ ปิด
สมัยประชุมวิสามัญถ้าเห็นสมควรกใ็ หน้ ายอาํ เภอเรียกประชุมวิสามญั ได้ สมยั ประชมุ วิสามญั ใหก้ าํ หนดไม่
เกินสิบห้าวันแตถ่ า้ จะขยายเวลาออกไปอกี จะตอ้ งไดร้ ับอนญุ าตจากนายอาํ เภอ
ใหน้ ําวธิ กี ารประชมุ สามญั ตามระเบยี บน้มี าใชบ้ งั คบั กับการประชมุ วิสามญั ดว้ ย
สาํ หรบั วธิ ีการขอขยายเวลาสมัยประชุมวิสามัญของเทศบาลและองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบล
ให้นําวธิ ีการขอเปดิ สมัยประชุมวสิ ามญั ตาม (๒) และ (๓) แลว้ แตก่ รณี มาใชบ้ ังคบั โดยอนโุ ลม
หมวด ๓
ญตั ติ
ขอ้ ๓๗ ญัตตมิ ี ๒ อยา่ งคอื
(๑) ญัตติเก่ยี วกบั กิจการของสภาท้องถน่ิ
(๒) ญัตตริ า่ งขอ้ บัญญตั ิ
11
ข้อ ๓๘ ญัตติท้ังหลายต้องทําเปน็ หนงั สอื ยนื่ ต่อประธานสภาท้องถ่ินลว่ งหน้าก่อนวนั ประชุม
ไมน่ ้อยกว่าหา้ วันและมีสมาชกิ สภาท้องถนิ่ รบั รองอย่างน้อยสองคน แตห่ ากสภาทอ้ งถ่ินน้นั มีสมาชกิ สภา
ทอ้ งถน่ิ เหลอื อยูน่ อ้ ยกว่าแปดคนให้มสี มาชกิ สภาทอ้ งถน่ิ รบั รองหน่ึงคน เว้นแตต่ ามกฎหมายหรือระเบียบ
นก้ี าํ หนดวธิ ีการเสนอญตั ตไิ วเ้ ปน็ อยา่ งอน่ื
การเสนอญตั ตใิ ห้อนโุ ลมใชต้ ามแบบท้ายระเบียบน้ี
ญตั ตริ ่างข้อบญั ญัติเก่ียวดว้ ยการเงนิ จะเสนอไดต้ อ่ เม่อื มีคาํ รบั รองของผบู้ รหิ ารทอ้ งถ่นิ
ญตั ติทผี่ บู้ รหิ ารทอ้ งถิ่นเป็นผูเ้ สนอไมต่ อ้ งมีการรบั รองตามวรรคหนง่ึ
ญตั ติดงั ต่อไปน้อี าจเสนอด้วยวาจาในทปี่ ระชมุ สภาท้องถน่ิ ได้ โดยใหน้ าํ ความในขอ้ ๓๙ มา
ใช้บังคับ
(๑) ขอให้รบั รองรายงานการประชุม
(๒) ขอใหร้ บั รองรายงานอน่ื ๆ ของคณะกรรมการต่าง ๆ ที่สภาท้องถนิ่ ต้ังขึน้
(๓) ขอปรกึ ษาหรือขอให้พิจารณาเปน็ เร่อื งดว่ น
(๔) ขอให้พจิ ารณารา่ งข้อบญั ญตั สิ ามวาระรวดเดยี วตามขอ้ ๔๕
(๕) ญัตติตามขอ้ ๔๑
(๖) ญตั ตทิ ป่ี ระธานทปี่ ระชมุ เหน็ ควรอนญุ าต
การบรรจญุ ตั ติท่เี สนอดว้ ยวาจาตามวรรคห้า ให้ประธานทป่ี ระชุมบรรจเุ ข้าระเบยี บ
วาระการประชุมคราวนนั้
ขอ้ ๓๙ การเสนอญตั ตดิ ว้ ยวาจานนั้ ใหน้ าํ ความในขอ้ ๖3 วรรคหนงึ่ มาใชบ้ งั คับโดย
อนโุ ลมการรับรองญตั ตเิ ชน่ ว่านี้ ให้กระทาํ โดยวธิ ยี กมือขึ้นพ้นศรี ษะ
ขอ้ ๔๐ ใหป้ ระธานสภาทอ้ งถน่ิ บรรจุญตั ตทิ เี่ สนอมา เข้าระเบียบวาระการประชมุ สภา
ท้องถน่ิ ภายในกาํ หนดเวลาอนั สมควรในสมยั ประชมุ นั้น
กรณที ี่มเี หตจุ ําเปน็ ไม่สามารถบรรจญุ ตั ติเข้าระเบียบวาระการประชมุ สภาทอ้ งถนิ่ ตามวรรค
หน่งึ ได้ ใหบ้ รรจุเขา้ ระเบยี บวาระการประชุมในสมัยประชมุ ถดั ไป และใหแ้ จง้ เหตุจาํ เปน็ นนั้ ตอ่ สภา
ท้องถน่ิ ในสมัยประชมุ นน้ั
ญตั ติทบี่ รรจเุ ขา้ ระเบียบวาระการประชุมแลว้ หากสภาท้องถนิ่ ไมไ่ ด้พิจารณาในสมยั ประชมุ
น้นั หรอื พจิ ารณาไมแ่ ลว้ เสรจ็ ให้เป็นอนั ตกไป เวน้ แตญ่ ัตตินนั้ เปน็ ญตั ตริ ่างขอ้ บญั ญตั ิใหบ้ รรจใุ นระเบียบ
วาระการประชมุ ในสมยั ประชมุ ถดั ไป
ข้อ ๔๑ เมือ่ ทีป่ ระชมุ สภาทอ้ งถ่นิ กําลังปรกึ ษาญตั ตใิ ด ห้ามเสนอญตั ตอิ นื่ นอกจาก
ญตั ติดงั ต่อไปนี้
(๑) ขอแปรญตั ติรา่ งขอ้ บัญญัติทไี่ มใ่ ชร่ ่างข้อบัญญัตงิ บประมาณ
(๒) ขอใหส้ ่งปญั หาไปยงั คณะกรรมการสภาท้องถิน่ ตามหมวด ๘
(๓) ขอใหล้ งมติ
(๔) ขอให้แยกประเดน็ พจิ ารณา หรอื แยกประเด็นลงมติ
(๕) ขอใหป้ ดิ อภิปราย
ข้อ 38 ข้อความเดมิ ถกู ยกเลกิ และใชข้ อ้ ความนี้แทน โดยระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยข้อบังคบั การประชมุ สภาท้องถิ่น
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
ข้อ 40 วรรคสาม เพม่ิ เตมิ โดยระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยขอ้ บงั คบั การประชมุ สภาทอ้ งถิน่ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
12
(๖) ขอใหเ้ ปดิ อภปิ รายตอ่ ไป
(๗) ขอให้เล่ือนการปรกึ ษา
(๘) ขอใหป้ ระธานสภาทอ้ งถิน่ พจิ ารณาใชอ้ ํานาจตามขอ้ ๑๑๙ ข้อ ๑๒๐ หรือขอ้ ๑๒๑
(๙) ขอให้บุคคลใดมาแถลงขอ้ เท็จจรงิ หรอื แสดงความคดิ เหน็ ตามท่กี ฎหมายใหอ้ ํานาจไว้
(๑๐) ขอให้ยกเรื่องอนื่ ข้ึนปรึกษา ถ้าท่ปี ระชมุ มมี ติหรือเหน็ ชอบในญตั ติใหย้ กเรอื่ งอนื่ ขึน้
ปรกึ ษา ญตั ตเิ ดิมเปน็ อนั ตกไป เวน้ แต่ญตั ตนิ ้ันเป็นญตั ตเิ กี่ยวดว้ ยกบั ขอ้ บญั ญัติ
ขอ้ ๔๒ ญัตตติ ามขอ้ ๔๑ (๓) (๕) และ (๑๐) นนั้ หา้ มไมใ่ หผ้ ้ใู ดเสนอในคราวเดียวกบั การ
อภปิ รายของตน
ขอ้ ๔๓ ร่างข้อบญั ญตั ิต้องแบง่ เปน็ ข้อและมบี นั ทึกดงั ตอ่ ไปนี้
(๑) หลกั การของรา่ งข้อบญั ญัติ
(๒) เหตผุ ลทเ่ี สนอร่างขอ้ บญั ญตั ิ
การเสนอร่างขอ้ บัญญตั ใิ ห้เป็นไปตามแบบท้ายระเบยี บน้ี
เม่ือประธานสภาท้องถนิ่ ไดร้ บั ญตั ตริ า่ งขอ้ บัญญตั ิทีเ่ สนอมาและตรวจแลว้ เหน็ ว่าถูกตอ้ ง
ใหส้ ่งสําเนาแกส่ มาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ ลว่ งหนา้ ไมน่ อ้ ยกวา่ สามวนั ก่อนวันประชุม เวน้ แต่เปน็ การประชมุ อนั
รบี ดว่ น แตไ่ ม่ใหน้ ้อยกว่ายสี่ ิบสช่ี ั่วโมงก่อนกําหนดเวลานัดประชมุ ถา้ ตรวจแลว้ เหน็ ว่าไม่ถกู ตอ้ งใหแ้ จ้งผู้
เสนอทราบภายในเจด็ วนั นบั แตว่ นั ทไี่ ด้รับญตั ตนิ น้ั เวน้ แตเ่ ปน็ ญตั ตริ า่ งขอ้ บญั ญตั เิ กย่ี วด้วยการเงนิ ทไ่ี ม่มี
คํารบั รองของผบู้ ริหารท้องถน่ิ ให้ประธานสภาทอ้ งถ่นิ ส่งรา่ งขอ้ บญั ญตั ิดงั กลา่ วไปยงั ผูบ้ รหิ ารท้องถิ่น
เพอื่ พิจารณาให้คํารบั รองหากผ้บู รหิ ารท้องถน่ิ ไมแ่ จ้งผลการพิจารณาใหค้ ํารับรองใหท้ ราบภายในสามสบิ
วนั นับแตว่ นั ทไ่ี ดร้ ับรา่ งขอ้ บญั ญตั ดิ ังกล่าวจากประธานสภาท้องถนิ่ ใหป้ ระธานสภาทอ้ งถนิ่ แจง้ ใหผ้ ูเ้ สนอ
ทราบโดยเรว็
สาํ หรบั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ซึง่ ไดอ้ อกข้อบญั ญตั ทิ อ้ งถนิ่ ชัว่ คราว ตอ้ งนาํ เสนอ
ขอ้ บญั ญตั ทิ ้องถนิ่ ชวั่ คราวนนั้ เขา้ ระเบียบวาระกอ่ นร่างขอ้ บัญญตั ิอน่ื
ข้อ ๔๔ ร่างขอ้ บัญญตั เิ กี่ยวดว้ ยการเงนิ หมายความว่า รา่ งข้อบญั ญตั วิ ่าดว้ ยเรือ่ งใดเรื่อง
หนง่ึ ดังตอ่ ไปน้ี
(๑) การจดั เกบ็ ยกเลกิ ลด เปล่ียนแปลง แกไ้ ข ผ่อน หรอื วางระเบียบการบงั คบั อนั
เกี่ยวกบั ภาษีอากร
(๒) การเก็บรกั ษาเงนิ การจา่ ยเงนิ หรือการโอนงบประมาณขององค์กรปกครองสว่ น
ทอ้ งถน่ิ
(๓) การกู้เงิน การคํ้าประกนั หรอื การใช้เงนิ กู้
(๔) การคลงั การงบประมาณ การเงนิ ทรพั ย์สนิ การจดั หาผลประโยชน์จากทรพั ย์สิน
(๕) การจ้างและการพสั ดุ
ในกรณที ่สี งสัยว่ารา่ งขอ้ บญั ญตั ใิ ดเป็นร่างขอ้ บญั ญตั ทิ ่ีเกยี่ วดว้ ยการเงนิ ทจ่ี ะต้องมคี าํ
รับรองของผู้บรหิ ารท้องถ่นิ ใหป้ ระธานสภาทอ้ งถนิ่ เปน็ ผวู้ นิ จิ ฉัย คําวนิ ิจฉยั ของประธานสภาท้องถน่ิ ถอื
เป็นที่สดุ
การเสนอญตั ติรา่ งข้อบญั ญตั ิงบประมาณใหเ้ ปน็ ไปตามความในหมวด ๔ วา่ ดว้ ยงบประมาณ
ขอ้ 43 วรรคสอง วรรคสาม แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยขอ้ บังคบั การประชมุ สภาท้องถน่ิ (ฉบบั ที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๔
13
ขอ้ ๔๕ ญัตตริ า่ งขอ้ บัญญตั ิทีป่ ระชุมสภาทอ้ งถน่ิ ตอ้ งพจิ ารณาเปน็ สามวาระ แตท่ ่ีประชมุ
สภาทอ้ งถน่ิ จะอนุมตั ใิ หพ้ จิ ารณาสามวาระรวดเดียวก็ได้
ในการพิจารณาสามวาระรวดเดียว ผูบ้ รหิ ารท้องถิ่นหรอื สมาชิกสภาทอ้ งถน่ิ จํานวนไม่น้อย
กว่าหน่งึ ในสามของจาํ นวนผทู้ ่ีอยู่ในที่ประชุมจะเปน็ ผ้เู สนอกไ็ ด้ เม่ือทปี่ ระชมุ สภาทอ้ งถนิ่ อนุมตั ิให้
พิจารณาสามวาระรวดเดยี วแล้ว การพจิ ารณาวาระทส่ี องนน้ั ใหท้ ี่ประชุมสภาทอ้ งถิ่นเป็นกรรมการแปร
ญตั ติเต็มสภา โดยใหป้ ระธานทปี่ ระชมุ เป็นประธานคณะกรรมการแปรญตั ติ
ญตั ตริ ่างข้อบญั ญตั งิ บประมาณจะพจิ ารณาสามวาระรวดเดียวไมไ่ ด้ และในการพจิ ารณา
วาระทสี่ อง ให้กาํ หนดระยะเวลาเสนอคาํ แปรญัตตไิ วไ้ มน่ อ้ ยกว่ายส่ี บิ สีช่ วั่ โมงนับแต่สภาท้องถนิ่ มีมตริ บั
หลักการแห่งร่างข้อบญั ญตั งิ บประมาณนั้น
ข้อ ๔๖ คาํ อนมุ ัตหิ รือไมอ่ นุมตั ริ ่างข้อบัญญตั ิท้องถนิ่ ชัว่ คราว ใหท้ าํ เปน็ ร่างขอ้ บัญญตั ิ
อนุมตั ใิ ห้ใช้ข้อบัญญตั ิชวั่ คราว
การพจิ ารณารา่ งขอ้ บญั ญตั ติ ามวรรคหนงึ่ ให้ดําเนนิ การเชน่ เดยี วกบั การพิจารณาร่าง
ขอ้ บัญญตั ทิ อ้ งถน่ิ ทไี่ มใ่ ชร่ ่างขอ้ บัญญตั งิ บประมาณ
ขอ้ ๔๗ ในการพิจารณาญตั ตริ ่างข้อบญั ญตั วิ าระท่ีหนง่ึ ให้ท่ปี ระชมุ สภาท้องถน่ิ ปรกึ ษาใน
หลกั การแหง่ รา่ งขอ้ บญั ญตั แิ ละลงมตวิ ่าจะรบั หลักการแห่งร่างขอ้ บญั ญตั นิ นั้ หรือไม่ หากมีสมาชกิ สภา
ท้องถน่ิ ประสงคจ์ ะอภิปราย หา้ มไม่ให้ลงมตกิ อ่ นทสี่ มาชิกสภาทอ้ งถนิ่ ได้อภปิ รายในเร่อื งนนั้ พอสมควร
แลว้
เพือ่ ประโยชนแ์ ก่การพิจารณาร่างขอ้ บญั ญตั ิวาระทหี่ นง่ึ สภาทอ้ งถิ่นจะใหค้ ณะกรรมการ
สภาท้องถน่ิ พจิ ารณากอ่ นรบั หลกั การกไ็ ด้
ขอ้ ๔๘ ในกรณที ส่ี ภาท้องถน่ิ มมี ตไิ ม่รับหลักการแหง่ รา่ งขอ้ บญั ญตั ิงบประมาณให้
ประธานสภาทอ้ งถิ่นนาํ ปรกึ ษาในทป่ี ระชุมสภาท้องถนิ่ เพื่อเลอื กสมาชกิ สภาทอ้ งถ่ินเปน็ กรรมการใน
คณะกรรมการหาขอ้ ยตุ ติ ามจาํ นวนทก่ี ฎหมายวา่ ดว้ ยองค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ นน้ั กําหนด โดยให้นาํ
วธิ ีการเลือกในขอ้ ๑๒ แหง่ ระเบียบน้ี มาใช้บงั คบั โดยอนุโลม แล้วแจ้งมตไิ มร่ บั หลักการแหง่ ร่าง
ข้อบัญญตั งิ บประมาณและรายชอ่ื กรรมการหาข้อยตุ ิฝา่ ยสภาท้องถนิ่ กรณีองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั
หรือเทศบาลใหแ้ จ้งผูว้ า่ ราชการจงั หวดั ทราบ กรณอี งค์การบริหารสว่ นตาํ บลให้แจ้งนายอําเภอทราบ
ท้ังนี้ ให้ดาํ เนนิ การภายในสามวนั นับแตว่ นั ท่สี ภาทอ้ งถน่ิ มีมตไิ มร่ บั หลกั การ
ให้ประธานสภาทอ้ งถ่นิ ทาํ หนังสอื แจ้งมติของสภาทอ้ งถน่ิ ทไี่ มร่ บั หลกั การแห่งร่างขอ้ บัญญตั ิ
งบประมาณใหผ้ บู้ รหิ ารทอ้ งถนิ่ ทราบในวันถัดจากวนั ทีส่ ภาท้องถน่ิ มีมตไิ มร่ บั หลกั การ
ร่างขอ้ บัญญตั งิ บประมาณทผ่ี า่ นการพจิ ารณาของคณะกรรมการหาขอ้ ยตุ ิตามวรรคหนึ่งให้
สภาท้องถนิ่ นําเขา้ พจิ ารณาในวาระท่สี อง และวาระท่ีสามตามลําดบั
ข้อ ๔๙ ญัตติร่างขอ้ บญั ญตั ทิ ่สี ภาทอ้ งถนิ่ ลงมตริ ับหลกั การแลว้ ถ้าจะตอ้ งส่งให้
คณะกรรมการแปรญตั ติพจิ ารณา ให้ประธานสภาทอ้ งถน่ิ สง่ รา่ งขอ้ บญั ญัตนิ ้นั ไปใหค้ ณะกรรมการแปร
ญัตติพิจารณาโดยละเอยี ด และทป่ี ระชุมสภาทอ้ งถิน่ จะตอ้ งกําหนดระยะเวลาเสนอคาํ แปรญตั ติตอ่
คณะกรรมการแปรญตั ตดิ ว้ ย
ข้อ 48 วรรคสาม เพม่ิ เตมิ โดยระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าดว้ ยขอ้ บังคับการประชมุ สภาท้องถนิ่ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
14
ภายในระยะเวลาเสนอคาํ แปรญตั ตทิ ส่ี ภาทอ้ งถิ่นกาํ หนดตามวรรคหนง่ึ ผบู้ รหิ ารทอ้ งถนิ่
หรอื สมาชกิ สภาท้องถนิ่ ผใู้ ดเหน็ ควรจะแก้ไขเพิ่มเติมรา่ งข้อบัญญตั ิกใ็ หเ้ สนอคาํ แปรญตั ตลิ ว่ งหน้าเปน็
หนงั สอื โดยใหแ้ ปรญตั ติเปน็ รายขอ้ และเสนอตอ่ ประธานคณะกรรมการแปรญัตติ ในกรณีที่สมาชิกสภา
ทอ้ งถนิ่ เปน็ ผแู้ ปรญตั ตจิ ะตอ้ งมสี มาชิกสภาท้องถิ่นรบั รองเช่นเดยี วกับการเสนอญตั ติ
การเสนอคาํ แปรญตั ติใหอ้ นโุ ลมใชต้ ามแบบท้ายระเบยี บนี้
ในการพิจารณาร่างข้อบญั ญตั ิวาระทส่ี อง กรณีการพิจารณาสามวาระรวดเดียว ผแู้ ปรญตั ติ
อาจเสนอคาํ แปรญตั ตดิ ว้ ยวาจาได้
ข้อ ๕๐ เม่ือคณะกรรมการแปรญตั ตไิ ด้พิจารณาแลว้ จะตอ้ งเสนอร่างข้อบญั ญตั ินน้ั ตามร่าง
เดมิ และตามทมี่ ีการแก้ไขเพ่ิมเตมิ พร้อมท้งั รายงานและบนั ทึกความเหน็ ยืน่ ตอ่ ประธานสภาทอ้ งถิน่
รายงานนนั้ อย่างน้อยจะต้องระบุวา่ ได้มหี รือไมม่ กี ารแกไ้ ขเพิ่มเติมในตอนหรอื ขอ้ ใดบา้ ง การแปรญตั ติ
และมติของคณะกรรมการแปรญตั ตเิ กี่ยวดว้ ยการแปรญตั ตนิ ้ันเป็นประการใด การสงวนความเห็นของ
กรรมการแปรญตั ติ ตลอดจนการสงวนคําแปรญตั ตดิ ว้ ย และใหป้ ระธานสภาทอ้ งถน่ิ สง่ รายงานน้ันแก่
สมาชิกสภาท้องถนิ่ ไมน่ ้อยกวา่ สบิ ส่ีชว่ั โมงก่อนวันประชมุ พิจารณา เวน้ แต่กรณตี ้องพจิ ารณาเปน็ การดว่ น
ให้คณะกรรมการแปรญตั ตไิ ปร่วมประชมุ สภาทอ้ งถนิ่ ดว้ ย เพ่อื แถลงประกอบรายงานหรือ
ชแี้ จงข้อสงสยั ตา่ ง ๆ เกยี่ วกบั รายงานนนั้
ข้อ ๕๑ ในการพจิ ารณารา่ งข้อบญั ญัตวิ าระทีส่ อง ใหป้ รกึ ษาเรียงตามลาํ ดบั ขอ้ เฉพาะทม่ี ี
การแปรญตั ตหิ รือท่คี ณะกรรมการแปรญตั ตแิ ก้ไขเท่านน้ั เวน้ แต่ทปี่ ระชมุ สภาทอ้ งถน่ิ จะไดล้ งมตเิ ป็น
อยา่ งอืน่
ถ้าทป่ี ระชุมสภาทอ้ งถ่ินลงมตเิ หน็ ดว้ ยกบั คําแปรญตั ติ หรอื เห็นด้วยกบั การแกไ้ ขในขอ้ ใด
แลว้ ไมใ่ หเ้ สนอขอแปรญัตตหิ รอื เสนอญตั ติขอเปล่ียนแปลงมตนิ ั้นอกี
ถา้ ข้อความในขอ้ ใดที่ได้มมี ตไิ ปแลว้ ขดั แย้งกนั หรอื บกพรอ่ งในสาระสําคญั ท่ีประชมุ สภา
ทอ้ งถนิ่ จะลงมติใหส้ ่งปญั หานนั้ ไปให้คณะกรรมการแปรญตั ติพจิ ารณาใหมเ่ ฉพาะทขี่ ดั แยง้ หรือบกพรอ่ งก็
ได้ โดยไม่ให้มีการแปรญตั ตใิ นเรือ่ งใหมข่ นึ้ อกี ในกรณที มี่ มี ตสิ ่งปัญหาไปใหค้ ณะกรรมการแปรญตั ติ
พจิ ารณาใหมด่ งั กลา่ วแลว้ การพิจารณาเฉพาะข้อนน้ั ๆ เปน็ อนั ระงับไวก้ อ่ น แตถ่ ้าไม่เปน็ การขดั ข้องท่จี ะ
พิจารณาขอ้ อน่ื ๆ ตอ่ ไป สภาท้องถน่ิ อาจลงมติใหพ้ ิจารณาจนจบร่างข้อบญั ญตั กิ ็ได้
ถ้าข้อขัดแย้งหรือข้อบกพรอ่ งตามวรรคสามเกดิ ขนึ้ ในการพิจารณารวดเดยี ว ทป่ี ระชมุ สภา
ท้องถน่ิ จะลงมติใหด้ ําเนนิ การตามความในวรรคสามก็ได้
เม่ือคณะกรรมการแปรญัตตไิ ดย้ ืน่ รายงานการพิจารณาขอ้ ท่ีไดร้ ะงบั ไวน้ น้ั ตามวรรคสามแลว้
ให้ประธานสภาทอ้ งถ่ินสง่ รายงานนนั้ ใหแ้ ก่สมาชกิ สภาทอ้ งถ่นิ ไมน่ อ้ ยกวา่ ย่สี บิ สี่ชั่วโมงกอ่ นวนั นัด
ประชมุ เวน้ แตก่ รณตี ้องพจิ ารณาเปน็ การดว่ น
ในการประชมุ ตอ่ วาระท่สี อง ให้ที่ประชุมสภาทอ้ งถน่ิ ลงมติเฉพาะขอ้ ทไ่ี ดร้ ะงบั ไวเ้ ทา่ นนั้
ข้อ ๕๒ การพิจารณาร่างขอ้ บัญญตั ใิ นวาระทส่ี าม ไมม่ ีการอภปิ ราย เวน้ แตท่ ป่ี ระชมุ สภา
ทอ้ งถน่ิ จะไดล้ งมติให้มกี ารอภิปราย ถา้ มีเหตอุ นั สมควร
ในการพิจารณาวาระน้ี ให้ท่ปี ระชมุ สภาท้องถน่ิ ลงมติว่าจะให้ตราเปน็ ขอ้ บญั ญตั หิ รอื ไม่
15
ขอ้ ๕๓ ญตั ตริ า่ งขอ้ บญั ญตั ใิ ดซึ่งทปี่ ระชมุ สภาทอ้ งถนิ่ ได้ลงมติไม่รบั หลกั การตามความในข้อ
๔๗ หรือลงมตไิ ม่ใหต้ ราเปน็ ข้อบัญญตั ติ ามความในขอ้ ๕๒ ให้ถือวา่ ร่างขอ้ บญั ญตั นิ น้ั เปน็ อันตกไปเวน้ แต่
กฎหมายะกําหนดไว้เปน็ อยา่ งอนื่
ห้ามเสนอญตั ตริ ่างข้อบัญญตั ิท่ีมหี ลักการอยา่ งเดียวกนั กับรา่ งขอ้ บญั ญตั ิทต่ี กไปตามวรรค
หนงึ่ ในสมยั ประชมุ นนั้ อีก เวน้ แตป่ ระธานสภาทอ้ งถนิ่ จะอนญุ าตเมอ่ื เหตุการณ์ไดเ้ ปล่ียนแปลงไป
ความในวรรคหนงึ่ และวรรคสองใหใ้ ช้แก่ญตั ตเิ ก่ยี วกับกจิ การของสภาท้องถ่นิ ดว้ ยโดย
อนุโลม
ข้อ ๕๔ ญัตตขิ อให้สภาท้องถ่ินมีมตใิ ห้สมาชิกสภาท้องถนิ่ คนใดพ้นจากตาํ แหนง่ เนอ่ื งจากมี
ความประพฤตใิ นทางท่ีจะนาํ มาซงึ่ ความเสอื่ มเสยี หรอื กระทาํ การอนั เสื่อมเสียประโยชน์ของสภาทอ้ งถน่ิ
หรือกอ่ ความไมส่ งบเรียบรอ้ ยแกอ่ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ทต่ี นเปน็ สมาชกิ อยู่ ใหย้ น่ื เปน็ หนังสือ
ลว่ งหนา้ และตอ้ งมสี มาชกิ สภาท้องถน่ิ เข้าช่ือเสนอจาํ นวนไมน่ อ้ ยกว่าหนึ่งในสามของสมาชิกสภาท้องถน่ิ
ทัง้ หมดเทา่ ท่มี ีอยู่
ให้ประธานสภาท้องถิ่นแจ้งสมาชิกสภาท้องถนิ่ ทถ่ี กู ยนื่ ญัตติให้สภาท้องถน่ิ มมี ติใหพ้ ้นจาก
ตําแหนง่ เปน็ หนังสือลว่ งหนา้ ไมน่ อ้ ยกวา่ สองวนั ก่อนวันประชมุ พิจารณาญตั ตดิ งั กลา่ ว เพ่ือเตรยี ม
หลกั ฐานชแี้ จงแกข้ อ้ กล่าวหา เวน้ แต่เป็นการพ้นวสิ ัยไม่สามารถแจ้งให้ทราบได้ ใหป้ ระธานสภาท้องถน่ิ
บันทึกเหตผุ ลไว้เปน็ หนังสอื และนาํ แจง้ ที่ประชุมสภาทอ้ งถิ่นเพอ่ื ทราบก็เปน็ การเพยี งพอแล้ว
ขอ้ ๕๕ การขอถอนญตั ตหิ รอื คาํ แปรญตั ตหิ รือการแกไ้ ขขอ้ ความในญตั ติรา่ งขอ้ บญั ญตั ซิ ึ่ง
เปน็ เหตุใหเ้ ปลีย่ นหลกั การของร่างข้อบญั ญตั ิ การขอถอนชอ่ื จากการเปน็ ผรู้ บั รอง หรอื จากการเปน็ ผู้
รว่ มกันเสนอญตั ติ จะกระทาํ เมื่อใดกไ็ ด้เวน้ แตญ่ ัตตนิ น้ั ได้จัดเข้าระเบียบวาระแล้วตอ้ งได้รับความยินยอม
จากท่ีประชมุ สภาทอ้ งถนิ่ หรอื คาํ แปรญตั ติในช้ันคณะกรรมการแปรญัตตติ อ้ งไดร้ บั ความยินยอมจากที่
ประชมุ คณะกรรมการแปรญตั ติ
ญตั ติทยี่ งั ไมไ่ ดจ้ ัดเขา้ ระเบียบวาระ หรือคําแปรญัตตใิ นชน้ั คณะกรรมการแปรญตั ติไมอ่ ย่ใู น
บงั คบั ของวรรคหน่ึง
ข้อ ๕๖ ญัตตหิ รอื คาํ แปรญัตติใดทถ่ี ึงวาระพจิ ารณาในทปี่ ระชมุ แลว้ ถ้าผ้เู สนอ หรือผแู้ ปร
ญัตติไมข่ ออภิปรายหรือไมอ่ ยใู่ นทป่ี ระชมุ สภาท้องถน่ิ ใหถ้ อื ว่าได้ถอนญัตตนิ น้ั
ถ้าผู้บรหิ ารท้องถิ่นเปน็ ผูเ้ สนอญตั ตหิ รือผแู้ ปรญตั ตติ ามวรรคหนึง่ ผ้บู ริหารทอ้ งถนิ่ อาจ
มอบหมายเปน็ หนังสอื ให้รองผ้บู รหิ ารทอ้ งถนิ่ เลขานุการผูบ้ รหิ ารทอ้ งถนิ่ ที่ปรกึ ษาผ้บู รหิ ารท้องถ่นิ เปน็ ผู้
อภปิ ราย ชี้แจง หรือแถลงแทนกไ็ ด้
ในกรณีทีร่ าษฎรเปน็ ผู้เสนอญัตติร่างข้อบญั ญัตติ ามกฎหมายว่าด้วยการเข้าชอ่ื เสนอ
ข้อบญั ญตั ทิ ้องถนิ่ ใหป้ ระธานสภาท้องถน่ิ แจง้ ผแู้ ทนของผู้เข้าชื่อไม่เกนิ สามคนให้เขา้ ร่วมประชมุ สภา
ท้องถนิ่ เพ่ืออภิปรายชแี้ จงหรือแถลงเกยี่ วกับรา่ งขอ้ บญั ญตั นิ น้ั ทกุ คร้ัง
ข้อ ๕๗ ในกรณที สี่ ภาทอ้ งถิ่นครบวาระหรอื มกี ารยุบสภา ญัตติใด ๆ ซง่ึ ท่ีประชมุ สภา
ท้องถน่ิ ยังไม่ไดพ้ ิจารณา หรอื พิจารณาแลว้ ยังไมเ่ สร็จใหเ้ ป็นอนั ตกไป
ขอ้ 56วรรคสาม เพมิ่ เติมโดยระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยขอ้ บังคบั การประชมุ สภาทอ้ งถิ่น (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
16
หมวด ๔
งบประมาณ
ข้อ ๕๘ ญตั ติร่างขอ้ บญั ญตั งิ บประมาณ ใหผ้ ู้บริหารท้องถ่ินยน่ื ต่อสภาทอ้ งถ่ินตามแบบและ
วิธกี ารภายในระยะเวลาทก่ี าํ หนดไว้ในระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธกี ารงบประมาณ
ข้อ ๕๙ การแปรญตั ตริ า่ งขอ้ บัญญตั งิ บประมาณ จะกระทาํ ไดเ้ ฉพาะการขอลดรายจา่ ยหรือ
การขอลดจํานวนเงินทข่ี ออนญุ าตจา่ ย และตอ้ งมีจาํ นวนสมาชกิ สภาท้องถิน่ รับรองเชน่ เดียวกบั การเสนอ
ญัตติคาํ แปรญตั ตใิ หเ้ สนอลว่ งหนา้ เปน็ หนังสอื ต่อประธานคณะกรรมการแปรญตั ติภายในระยะเวลาที่
สภาทอ้ งถนิ่ กาํ หนดตามขอ้ ๔๕ วรรคสาม และข้อ ๔๙ วรรคหนึ่ง
ข้อ ๖๐ ห้ามไมใ่ หแ้ ปรญัตติรายจา่ ยขึน้ ใหม่ หรือเพ่มิ เติมรายจ่าย หรอื เปลยี่ นแปลงความ
ประสงคข์ องจํานวนเงนิ ทข่ี ออนมุ ตั จิ ่าย เวน้ แตจ่ ะไดร้ ับคํารบั รองจากผูบ้ รหิ ารท้องถน่ิ หรอื คาํ แปรญตั ติ
นั้นผบู้ ริหารท้องถิ่นเปน็ ผแู้ ปรญัตติ
ข้อ ๖๑ ห้ามไม่ใหแ้ ปรญตั ตใิ นรายการและจํานวนเงนิ ซง่ึ มีขอ้ ผกู พันอยา่ งใดอย่างหนง่ึ ดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) ดอกเบย้ี และเงนิ สง่ ใช้ตน้ เงนิ กู้
(๒) รายจ่ายซง่ึ เปน็ จํานวนเงนิ ท่ีต้องจ่ายตามกฎหมาย
ถา้ มีปญั หาว่า รายจ่ายรายการใดมีข้อผกู พนั ตามวรรคหน่งึ หรอื ไม่ ใหป้ ระธานสภาทอ้ งถน่ิ
เปน็ ผวู้ ินจิ ฉยั ชขี้ าด
ข้อ ๖๒ เมือ่ ไดอ้ ภปิ รายไปพอสมควรแล้ว ถ้าสมาชิกสภาท้องถนิ่ เสนอญตั ตขิ อให้ปดิ
อภปิ ราย เพ่อื ใหล้ งมตวิ า่ จะรบั หลกั การแหง่ ร่างข้อบญั ญตั งิ บประมาณหรอื ไม่ หรอื ส่งใหค้ ณะกรรมการ
สภาท้องถน่ิ พจิ ารณากอ่ นรบั หลกั การ ตอ้ งมีสมาชกิ สภาท้องถนิ่ รบั รองไมน่ อ้ ยกว่าหนง่ึ ในสามของสมาชิก
สภาท้องถน่ิ ที่อยใู่ นท่ปี ระชมุ
หมวด ๕
การอภปิ ราย
ขอ้ ๖๓ สมาชิกสภาท้องถนิ่ ผู้ใดประสงคจ์ ะกลา่ วถอ้ ยคาํ ใดตอ่ ทป่ี ระชุมสภาทอ้ งถน่ิ ใหย้ กมือ
ขึ้นพ้นศรี ษะ เม่ือประธานสภาทอ้ งถนิ่ อนญุ าตแลว้ จงึ กลา่ วได้ โดยให้ยนื กลา่ ว ณ ทขี่ องตน หรอื ณ ท่ซี ึ่ง
จดั ไว้กไ็ ด้ และต้องกล่าวกบั ประธานสภาทอ้ งถน่ิ
ประธานสภาทอ้ งถ่ินต้องใหโ้ อกาสแก่ผู้เสนอญตั ตหิ รือผแู้ ปรญตั ตอิ ภิปรายกอ่ น แตถ่ ้ามีผู้
เสนอญตั ตหิ รอื ผแู้ ปรญตั ตหิ ลายคน ใหป้ ระธานสภาท้องถิ่นอนญุ าตให้อภิปรายได้ครง้ั ละหนึง่ คน
ขอ้ ๖๔ เม่ือผเู้ สนอหรือผแู้ ปรญตั ตไิ ดอ้ ภิปรายแลว้ ถ้ามผี ูใ้ ดค้านกใ็ หผ้ ู้นนั้ อภปิ รายเมื่อผู้
คัดคา้ นอภปิ รายแลว้ ถา้ ผ้ใู ดจะสนับสนุนผเู้ สนอหรอื ผแู้ ปรญตั ตกิ ็ให้ผนู้ น้ั อภปิ รายและประธานสภา
ทอ้ งถนิ่ ต้องใหอ้ ภปิ รายสลับกันไป
ถา้ ฝ่ายใดฝา่ ยหนง่ึ ไมม่ ีผปู้ ระสงค์จะอภิปรายแตอ่ กี ฝ่ายหน่งึ มผี ปู้ ระสงคจ์ ะอภิปรายอยู่ให้
ประธานสภาทอ้ งถ่นิ ให้ผปู้ ระสงคอ์ ภิปรายนน้ั อภปิ รายตอ่ เน่อื งกนั ได้
เมือ่ ได้อนญุ าตให้อภปิ รายซอ้ นไปคนหนง่ึ แลว้ ใหป้ ระธานสภาทอ้ งถ่นิ ถามว่า ผูใ้ ดจะ
อภปิ รายในทางตรงกนั ขา้ ม ถ้ามกี ็ใหป้ ระธานสภาทอ้ งถนิ่ อนญุ าตใหอ้ ภปิ ราย แลว้ ดาํ เนนิ การให้อภปิ ราย
สลับกนั ตอ่ ไป ถา้ ไม่มกี ็ใหป้ ระธานสภาทอ้ งถนิ่ อนญุ าตใหอ้ ภปิ รายตอ่ เนอื่ งไปได้
17
ถ้ามีผู้ยกมือจะอภิปรายหลายคน ประธานสภาทอ้ งถน่ิ จะอนญุ าตใหผ้ ใู้ ดอภปิ รายก่อนกไ็ ด้
แตใ่ หค้ ํานงึ ถงึ ผเู้ สนอ ผ้รู บั รองและผทู้ ย่ี ังไม่ไดอ้ ภิปรายดว้ ย
ข้อ ๖๕ ถ้าไมม่ ีผใู้ ดจะอภปิ รายตอ่ ไป ให้ถือว่าเปน็ การปดิ อภปิ ราย หรอื ถา้ มแี ตป่ ระธานสภา
ท้องถน่ิ เหน็ วา่ ได้อภปิ รายกนั พอสมควรแลว้ ประธานสภาท้องถน่ิ จะเสนอให้ทป่ี ระชมุ วนิ จิ ฉยั วา่ ควรจะ
ปดิ อภิปรายหรือไม่ก็ได้ เวน้ แตก่ ารอภปิ รายตามความในขอ้ ๗๒
เม่ือปดิ อภปิ รายแลว้ ใหป้ ระธานสภาทอ้ งถนิ่ เสนอใหท้ ี่ประชุมลงมติ
ขอ้ ๖๖ เม่ือประธานสภาท้องถน่ิ เตอื นสมาชิกสภาทอ้ งถน่ิ ใหร้ กั ษาระเบียบการประชมุ
สมาชิกสภาท้องถนิ่ ต้องปฏบิ ัตติ ามทนั ที
ข้อ ๖๗ ถา้ ประธานสภาทอ้ งถิ่นพจิ ารณาเหน็ ว่า ผใู้ ดใช้เวลาอภปิ รายครัง้ ใดเกินสมควรแก่
เรอ่ื งและยงั มผี อู้ ืน่ ประสงคจ์ ะอภิปรายต่อไปอีก ประธานสภาท้องถ่นิ อาจสั่งให้ผนู้ ้นั หยุดอภิปรายเสียกไ็ ด้
เมือ่ ได้อภปิ รายมาครบสบิ นาทีแลว้
ข้อ ๖๘ สมาชิกสภาทอ้ งถน่ิ จะตอ้ งอภปิ รายเฉพาะเรื่องทกี่ ําลงั ปรึกษากันอย่เู ทา่ นนั้ จะกล่าว
ข้อความซ้ําหรอื นอกประเดน็ และจะใชถ้ ้อยคําหยาบคาย ใสร่ า้ ยเสียดสผี ู้ใดไม่ได้ หรอื กลา่ วถึงชอ่ื บุคคล
ใดๆ เวน้ แตก่ รณจี าํ เปน็
หา้ มไม่ให้สมาชิกสภาท้องถนิ่ นําเอกสารใดๆ มาอ่านใหท้ ี่ประชมุ สภาทอ้ งถนิ่ ฟงั เวน้ แต่กรณี
จําเป็นและห้ามไมใ่ หน้ ําวตั ถใุ ดๆเขา้ มาแสดงในท่ีประชมุ สภาท้องถนิ่ เวน้ แตป่ ระธานสภาท้องถนิ่ จะอนุญาต
ผู้ถูกอภิปรายพาดพิงถึงเรอื่ งส่วนตวั หรอื เรอื่ งอนื่ ใดอนั เปน็ ท่ีเสียหาย อาจยืนและยกมือขนึ้
พ้นศรี ษะ ณ ทขี่ องตนเพ่ือเป็นการขออนญุ าต เมื่อประธานสภาทอ้ งถน่ิ ไดอ้ นุญาตแล้วจึงให้กลา่ วแกห้ รอื
ชี้แจงขอ้ เทจ็ จรงิ ได้
ขอ้ ๖๙ ขอ้ ความใดๆ อันเกีย่ วกบั ความปลอดภัยหรอื ประโยชน์สําคญั ขององค์กรปกครอง
ส่วนทอ้ งถน่ิ นน้ั หรือประโยชน์สําคญั ของทางราชการ ผ้บู รหิ ารท้องถิ่นอาจร้องขอตอ่ ประธานสภาทอ้ งถิ่น
ไม่ให้นาํ มาอภปิ รายหรือเปดิ เผย แต่ถา้ สมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ รอ้ งขอต่อประธานสภาท้องถนิ่ ไม่ให้นาํ มา
อภิปรายหรอื เปดิ เผย ตอ้ งมผี ู้รับรองเชน่ เดียวกับการเสนอญตั ตแิ ละใหด้ ําเนนิ การตามมตขิ องสภาทอ้ งถนิ่
ข้อ ๗๐ เมือ่ เหน็ วา่ มีผกู้ ระทําผดิ ระเบียบการประชุมในหมวดนี้ สมาชกิ สภาท้องถน่ิ อาจยนื
และยกมือขน้ึ พน้ ศรี ษะ เพ่ือรอ้ งขอตอ่ ประธานสภาทอ้ งถ่ินใหร้ ักษาระเบยี บการประชมุ ได้ใหป้ ระธานสภา
ท้องถนิ่ เปน็ ผวู้ นิ ิจฉยั วา่ ไดม้ กี ารฝ่าฝนื ระเบยี บหรือไม่
คาํ วนิ จิ ฉัยของประธานสภาทอ้ งถนิ่ ในขอ้ ทว่ี า่ มีผกู้ ระทําผดิ ระเบยี บการประชุมตามวรรค
หนึ่งหรอื ไม่ เป็นเดด็ ขาด หา้ มไมใ่ หท้ ปี่ ระชมุ สภาทอ้ งถนิ่ อภปิ รายในเร่อื งนี้ต่อไป
ข้อ ๗๑ ขณะอภิปรายอยนู่ ัน้ ถ้าประธานสภาทอ้ งถน่ิ ยนื ขน้ึ ใหส้ มาชิกสภาท้องถนิ่ ผูก้ าํ ลัง
อภปิ รายหรอื จะขออภปิ รายต้องระงบั การอภปิ รายของตนไว้ แลว้ นงั่ ลงทนั ที และสมาชกิ สภาทอ้ งถิน่
ท้ังหลายซง่ึ อยู่ในทปี่ ระชุมนน้ั ต้องน่ังฟงั ประธานสภาท้องถนิ่
ขอ้ ๗๒ การอภปิ รายในกรณที ี่สมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ ผ้ใู ดถกู กล่าวหาวา่ มคี วามประพฤตใิ นทาง
ทจ่ี ะนาํ มาซงึ่ ความเสอ่ื มเสีย หรอื กระทําการอันเสอื่ มเสยี ประโยชนข์ องสภาท้องถน่ิ หรือกอ่ ความไม่สงบ
เรยี บร้อยแกอ่ งคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ ที่ตนเปน็ สมาชกิ อยู่ หรือถูกกลา่ วหาว่ากระทาํ ความผดิ ตามความ
ในหมวด ๙ แห่งระเบยี บนี้ สมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ ผนู้ น้ั มสี ทิ ธอิ ภปิ รายไดจ้ นหมดข้อสงสยั หา้ มไม่ใหร้ วบรดั
อภปิ รายเพื่อลงมติ
18
หมวด ๖
การลงมติ
ขอ้ ๗๓ การออกเสยี งลงคะแนนเพ่ือลงมติมีสองวธิ ี คอื
(๑) การออกเสยี งลงคะแนนเปดิ เผย
(๒) การออกเสยี งลงคะแนนลบั
ขอ้ ๗๔ การออกเสียงลงคะแนนเปดิ เผยมวี ธิ ปี ฏบิ ัตอิ ยา่ งใดอย่างหนงึ่ ดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) ยกมอื ขนึ้ พ้นศรี ษะ
(๒) ยนื ขน้ึ
(๓) เรยี กชอ่ื สมาชิกตามลาํ ดบั อักษรใหอ้ อกเสยี งลงคะแนนเป็นรายบุคคล
การออกเสยี งลงคะแนนเปดิ เผย ใหใ้ ช้วธิ ียกมือขึ้นพ้นศรี ษะ แตถ่ า้ ผบู้ ริหารทอ้ งถน่ิ รอ้ งขอ
หรือสมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ ไมน่ อ้ ยกวา่ สามคนรว่ มกนั เสนอญัตตติ ่อทีป่ ระชมุ สภาท้องถนิ่ ให้ออกเสียง
ลงคะแนนเปดิ เผยตาม (๒) หรือ (๓) เมอื่ ท่ปี ระชุมสภาท้องถนิ่ มมี ตเิ หน็ ชอบแลว้ ก็ใหใ้ ช้วธิ อี อกเสียง
ลงคะแนนตามนนั้
ขอ้ ๗๕ ผ้บู รหิ ารท้องถนิ่ หรือสมาชกิ สภาท้องถน่ิ ไมน่ อ้ ยกว่าหนงึ่ ในสามของสมาชกิ ท่ีอยใู่ น
ทปี่ ระชมุ สภาท้องถนิ่ มีสิทธเิ สนอญตั ตขิ อให้ออกเสยี งลงคะแนนลบั ได้ การเสนอญตั ตดิ ังกลา่ วน้สี ามารถ
เสนอด้วยวาจา ถา้ ทีป่ ระชมุ สภาทอ้ งถน่ิ มมี ตเิ หน็ ชอบก็ให้ดําเนนิ การตามนน้ั
การลงมติเห็นชอบญัตติตามความในวรรคหนง่ึ ให้ใช้วธิ ยี กมือขนึ้ พน้ ศรี ษะ
การออกเสยี งลงคะแนนลับ ใหใ้ ช้วิธเี ขียนเคร่ืองหมายบนแผน่ กระดาษใส่ซองท่เี จา้ หนา้ ที่จดั
ให้ โดยผ้เู หน็ ดว้ ยให้เขยี นเครื่องหมายถกู ( ) ผไู้ ม่เหน็ ด้วยให้เขยี นเครอื่ งหมายกากบาท ( ) ส่วนผไู้ ม่
ออกเสยี งใหเ้ ขยี นเครอ่ื งหมายวงกลม ( Ο ) ใหป้ ระธานที่ประชมุ เรยี กชอ่ื สมาชิกสภาท้องถนิ่ ตามลําดบั
อักษร มานาํ ซองใสด่ ว้ ยตนเองลงในหบี ท่ีจดั ไวต้ อ่ หนา้ ประธานทปี่ ระชมุ
ขอ้ ๗๖ ก่อนการลงมติทกุ ครง้ั ใหป้ ระธานสภาท้องถิ่นตรวจสอบดูว่า มสี มาชกิ สภาท้องถน่ิ
อย่ใู นทป่ี ระชุมครบจํานวนเป็นองคป์ ระชุมหรอื ไม่ ถา้ มีสมาชิกสภาทอ้ งถน่ิ อยู่ในทปี่ ระชมุ ไมค่ รบจาํ นวน
เป็นองคป์ ระชมุ จะทําการลงมตใิ นเร่ืองใดๆ ไม่ได้
ขอ้ ๗๗ สมาชิกสภาทอ้ งถนิ่ คนหนง่ึ ย่อมมเี สยี งหนงึ่ ในการออกเสียงลงคะแนน
ประธานสภาท้องถน่ิ หรือรองประธานสภาทอ้ งถ่ินซ่งึ ทาํ หนา้ ทปี่ ระธานทปี่ ระชมุ หรอื สมาชกิ
สภาท้องถน่ิ ที่ได้รบั เลือกใหท้ ําหนา้ ทีป่ ระธานทป่ี ระชมุ ตามขอ้ ๒๖ และขอ้ ๒๙ วรรคสาม มีสทิ ธิออก
เสยี งลงคะแนนในฐานะสมาชิกสภาทอ้ งถ่นิ ได้ โดยไมต่ อ้ งลงมาจากทีน่ งั่ ประธานสภาท้องถนิ่ ก็ได้
ขอ้ ๗๘ ลําดบั การลงมตนิ นั้ ให้ลงมตใิ นญตั ติสดุ ท้ายกอ่ น แลว้ ย้อนเป็นลาํ ดับไปตามญัตติตน้
แตค่ วามความผดิ พลาดของการเรยี งลําดับดังกลา่ วมานไ้ี มเ่ ป็นเหตใุ ห้มตทิ ่ไี ด้ลงคะแนนและนบั คะแนน
เสรจ็ แลว้ นน้ั เสียไป
มตใิ นกรณนี ้ีให้ถอื เอาคะแนนเสยี งมากที่สดุ ของญตั ตแิ ตล่ ะญตั ติทล่ี งมติตามลําดับนน้ั
ข้อ ๗๙ ถา้ มีปญั หาซบั ซ้อนเปน็ ท่ีเขา้ ใจยาก ประธานสภาท้องถน่ิ หรอื ทีป่ ระชุมสภาทอ้ งถน่ิ
อาจแยกประเดน็ ออกให้ลงมตเิ ปน็ ตอนๆ ไปกไ็ ด้
19
ขอ้ ๘๐ เมอ่ื ประธานสภาทอ้ งถน่ิ ถามทป่ี ระชุมสภาทอ้ งถน่ิ วา่ ในเร่อื งทม่ี ผี เู้ สนอนน้ั จะมผี ใู้ ด
เห็นเป็นอย่างอน่ื หรือไม่ ถา้ ไม่มกี ็ใหถ้ อื วา่ ทป่ี ระชุมมมี ตเิ ห็นชอบดว้ ย
ข้อ ๘๑ เมอื่ ไดน้ บั คะแนนเสียงเสร็จแลว้ ประธานสภาทอ้ งถนิ่ ต้องประกาศคะแนนเสียงให้ที่
ประชมุ สภาท้องถิ่นทราบทนั ที ถ้าเร่อื งใดกฎหมายบญั ญัตวิ า่ ตอ้ งมคี ะแนนเสยี งถึงจาํ นวนเทา่ ใดเปน็ พิเศษ
แลว้ ก็ให้ประกาศด้วยว่าไดม้ ีคะแนนเสยี งขา้ งมากครบตามจาํ นวนท่ีกฎหมายกาํ หนดไวห้ รือไม่ดว้ ย
ข้อ ๘๒ ถ้ามสี มาชิกสภาทอ้ งถิน่ เขา้ มาในทป่ี ระชุมสภาทอ้ งถนิ่ ขณะทป่ี ระชมุ สภาท้องถน่ิ
เร่ิมลงคะแนนเสยี งแล้ว
(๑) ในกรณลี งคะแนนเปดิ เผย สมาชิกสภาท้องถ่ินผู้เข้ามานนั้ มสี ิทธอิ อกเสียงลงคะแนน
ร่วมกบั ฝ่ายท่ยี งั นับคะแนนไม่เสรจ็ ได้ แตจ่ ะออกเสียงลงคะแนนร่วมกบั ฝา่ ยนบั คะแนนเสร็จแลว้ ไม่ได้
(๒) ในกรณลี งคะแนนลบั สมาชกิ สภาท้องถน่ิ ผู้เขา้ มานน้ั มีสทิ ธอิ อกเสยี งลงคะแนนไดก้ อ่ นที่
ประธานสภาท้องถิน่ สง่ั ให้นบั คะแนนเสยี ง
ข้อ ๘๓ การลงมตใิ นกรณที ี่สมาชกิ สภาท้องถนิ่ ถกู กล่าวหาว่า มีความประพฤตใิ นทางทจ่ี ะ
นํามาซงึ่ ความเส่ือมเสีย หรอื กระทําการอันเสอื่ มเสียประโยชนข์ องสภาท้องถนิ่ หรือก่อความไม่สงบ
เรียบร้อยแกอ่ งค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ท่ตี นเปน็ สมาชิกอยู่ ใหท้ ่ีประชมุ สภาทอ้ งถน่ิ ลงมตแิ ตเ่ พยี งว่าควร
ให้ผู้ถูกกลา่ วหานนั้ ขาดจากสมาชิกภาพหรือไม่ การลงมตดิ ังกล่าวนใ้ี หอ้ อกเสียงลงคะแนนลบั และต้องมี
คะแนนเสยี งไมน่ อ้ ยกวา่ สามในสีข่ องจํานวนสมาชิกสภาทอ้ งถนิ่ ทัง้ หมดเทา่ ทีม่ อี ยู่
เม่อื สภาท้องถิน่ ลงมตใิ หส้ มาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ ทถี่ ูกกลา่ วหาผใู้ ดขาดจากสมาชกิ ภาพให้
ประธานสภาท้องถ่ินแจ้งใหส้ มาชิกสภาทอ้ งถน่ิ ผนู้ นั้ ทราบโดยเรว็ แต่ไม่ให้เกนิ สามวนั นับแตว่ นั ที่สภา
ทอ้ งถน่ิ ได้ลงมติ
ข้อ ๘๔ ในการนบั คะแนนเสยี งครั้งใด ถ้าสมาชกิ สภาทอ้ งถิน่ ซ่งึ มีผรู้ บั รองไมน่ ้อยกวา่ หนึ่งใน
ห้าของจาํ นวนสมาชกิ สภาทอ้ งถิน่ เทา่ ทีม่ อี ยหู่ รอื ผู้บรหิ ารทอ้ งถน่ิ เชื่อว่ามกี ารนบั คะแนนเสยี งผิดมีสทิ ธิ
ร้องขอใหน้ บั คะแนนเสยี งใหม่ไดอ้ ีกครัง้ หน่งึ โดยสามารถร้องขอดว้ ยวาจา ให้ประธานที่ประชมุ จดั ใหม้ ี
การนบั คะแนนเสียงใหม่
การรอ้ งขอใหน้ บั คะแนนเสยี งใหม่ ใหก้ ระทาํ ได้เพยี งครง้ั เดยี ว และตอ้ งดาํ เนนิ การกอ่ นเร่ิม
เข้าสู่วาระการประชุมถัดไป
การนบั คะแนนเสยี งใหมต่ ามวรรคหนึ่ง กรณที ีเ่ ปน็ การลงคะแนนเสียงเปดิ เผย ให้ประธานท่ี
ประชมุ จดั ใหม้ กี ารออกเสยี งลงคะแนนใหม่ โดยใช้วธิ ีเรยี กชื่อลงคะแนนตามข้อ ๗๔ (๓)
ข้อ ๘๕ ในการลงมติคร้ังใด เมื่อนบั คะแนนเสยี งแลว้ ปรากฏวา่ คะแนนเสยี งรวมกนั ทง้ั หมดมี
จํานวนมากกวา่ จํานวนสมาชิกสภาทอ้ งถิน่ ทีม่ าประชุมในคราวนน้ั ใหท้ ําการลงมตใิ หมโ่ ดยใชว้ ธิ ีเรียกชือ่
ลงคะแนนตามข้อ ๗๔ (๓)
ข้อ ๘๖ การลงมตใิ ห้ถอื เสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ เว้นแตม่ กี ฎหมายบัญญัตเิ ปน็ อยา่ งอืน่
ในกรณที ีม่ คี ะแนนเสยี งเทา่ กันไมว่ ่าจะเปน็ การออกเสียงลงคะแนนเปิดเผยหรอื ออกเสยี ง
ลงคะแนนลบั ให้ประธานทปี่ ระชมุ ออกเสยี งเพ่มิ ขนึ้ อกี เสียงหนง่ึ โดยเปดิ เผยเปน็ เสียงชขี้ าด และประธาน
ที่ประชมุ จะใหเ้ หตุผลดว้ ยหรือไมก่ ไ็ ด้
20
หมวด ๗
กระทถู้ าม
ข้อ ๘๗ กระทถู้ าม คอื คาํ ถามซงึ่ สมาชกิ สภาท้องถนิ่ ตงั้ ข้ึนเพือ่ สอบถามผู้บรหิ ารทอ้ งถนิ่
เกย่ี วกบั ข้อเทจ็ จริงหรือนโยบายอันเกย่ี วกบั งานในหนา้ ทขี่ องผูบ้ รหิ ารท้องถนิ่
ข้อ ๘๘ กระทถู้ ามมี ๒ ประเภท คือ
(๑) กระทถู้ ามทว่ั ไป
(๒) กระทถู้ ามด่วน
ข้อ ๘๙ กระทถู้ ามแต่ละกระท้นู ้นั ให้ผตู้ ้งั กระทถู้ ามต้ังคาํ ถามและซกั ถามไดแ้ ตเ่ พยี งผู้เดยี ว
การตัง้ กระทถู้ ามใหอ้ นโุ ลมใชต้ ามแบบท้ายระเบียบนี้
ขอ้ ๙๐ กระทถู้ ามต้องไมม่ ีลกั ษณะอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ดงั ต่อไปนี้
(๑) มีข้อความเชิงประชด เสยี ดสี หรือแกล้งกล่าวใส่รา้ ย
(๒) เคลือบคลมุ หรือเข้าใจยาก
(๓) ในเรอ่ื งทไ่ี ดต้ อบแลว้ หรอื ไดช้ ้แี จงแลว้ วา่ ไมต่ อบ หรือที่ตกไป
(๔) เปน็ เร่อื งทมี่ ีประเดน็ คาํ ถามซาํ้ กบั กระทูถ้ ามซง่ึ มีผ้เู สนอมาก่อน
(๕) เพือ่ ใหอ้ อกความเหน็
(๖) ในปญั หาข้อกฎหมาย
(๗) ในเร่ืองไมเ่ ป็นสาระสําคญั
(๘) เพอ่ื ทราบกจิ การสว่ นตวั ของบคุ คลใดๆ เวน้ แต่ทีเ่ ก่ียวกับงานในหนา้ ทร่ี าชการ
กระทถู้ ามทมี่ ีลักษณะตามวรรคหนงึ่ ถือเป็นกระทถู้ ามทตี่ อ้ งห้ามไม่ใหถ้ าม ห้ามประธานสภา
ทอ้ งถนิ่ บรรจกุ ระทถู้ ามที่มลี กั ษณะตามวรรคหน่งึ เขา้ ระเบียบวาระการประชมุ และเมื่อประธานสภา
ท้องถนิ่ วนิ จิ ฉยั ว่าเปน็ กระทถู้ ามท่ีมีลกั ษณะตามวรรคหน่ึง ใหก้ ระท้ถู ามนนั้ ตกไป คาํ วนิ ิจฉยั ของ
ประธานสภาท้องถิน่ ในเรือ่ งนใี้ หเ้ ปน็ ทส่ี ดุ
ขอ้ ๙๑ กระทูถ้ ามซงึ่ ตอ้ งหา้ มตามข้อ ๙๐ (๓) (๔) นนั้ จะตงั้ ถามขนึ้ ใหมไ่ ดใ้ นเมอ่ื มี
สาระสาํ คญั ต่างกนั หรอื เหตุการณใ์ นขณะที่มีกระทถู้ ามครัง้ นัน้ ไดเ้ ปล่ียนแปลงไปจากเมื่อมกี ระทถู้ ามครงั้
กอ่ น
ข้อ ๙๒ การตงั้ กระทู้ถามทว่ั ไปใหเ้ สนอล่วงหนา้ เปน็ หนงั สอื ยนื่ ตอ่ ประธานสภาท้องถน่ิ โดยมี
ขอ้ ความเปน็ คาํ ถามในขอ้ เทจ็ จริง หรอื นโยบายของผบู้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ
ขอ้ เทจ็ จรงิ ที่อา้ งประกอบกระทู้ถามทวั่ ไปต้องเปน็ ขอ้ เท็จจริงทีผ่ ู้ตง้ั กระทูถ้ ามรบั รองวา่
ถูกตอ้ ง แม้ไมไ่ ดย้ นื ยนั รบั รองไวใ้ นกระทถู้ ามทวั่ ไปกต็ าม และถา้ จําเปน็ จะตอ้ งมคี าํ ช้แี จงประกอบก็ให้
ระบแุ ยกเป็นสว่ นหนึง่ ต่างหาก
คาํ ถาม ข้อเทจ็ จรงิ ตลอดจนคาํ ชแี้ จงประกอบ ต้องไมฟ่ ่มุ เฟอื ย วกวน ซ้าํ ซาก หรอื มี
ลกั ษณะเปน็ การอภิปราย
ขอ้ ๙๓ การต้ังกระทถู้ ามดว่ นต้องเปน็ เรอ่ื งท่เี กี่ยวกบั ประโยชน์สําคญั ขององค์กรปกครอง
ส่วนทอ้ งถนิ่ หรอื เหตฉุ ุกเฉินทม่ี คี วามจาํ เปน็ รีบดว่ นเพราะเปน็ ภยั สาธารณะหรอื กระทบกระเทอื นต่อ
ความสงบเรียบรอ้ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชนอย่างร้ายแรง ซ่ึงผบู้ ริหารท้องถนิ่ จะต้องรบี ชแี้ จงหรอื
ดาํ เนินการโดยทันที
21
ในกรณีท่ีสงสยั ใหเ้ ป็นอํานาจของประธานสภาท้องถิน่ ท่ีจะวนิ ิจฉัยว่ากระทถู้ ามนัน้ เป็น
กระทถู้ ามทวั่ ไปหรือกระท้ถู ามดว่ น
ขอ้ ๙๔ กระทถู้ ามด่วน ให้เสนอลว่ งหน้าเปน็ หนงั สือยนื่ ตอ่ ประธานสภาทอ้ งถิน่ โดยมีหัวขอ้
เรอื่ งท่จี ะตง้ั กระทถู้ าม ให้ประธานสภาทอ้ งถน่ิ รบี จัดสง่ กระท้ถู ามนน้ั ไปยงั ผบู้ รหิ ารทอ้ งถนิ่ เพ่ือเตรยี ม
ตอบและใหแ้ จง้ ไปดว้ ยวา่ ไดก้ าํ หนดจะให้ผู้ตงั้ กระท้ถู าม ถามกระทเู้ รอื่ งนัน้ ในการประชมุ ครง้ั ใดการ
กาํ หนดเวลาดงั กลา่ วนั้นใหป้ ระธานสภาทอ้ งถน่ิ คํานึงถึงความสาํ คญั ของเหตุการณ์และความสนใจของ
ประชาชน
ข้อ ๙๕ กระทถู้ ามทว่ั ไปใหป้ ระธานสภาทอ้ งถนิ่ จดั สง่ กระทถู้ ามไปยังผบู้ ริหารทอ้ งถ่ินเพอ่ื
เตรียมตอบ และใหบ้ รรจเุ ขา้ ระเบยี บวาระภายในเจ็ดวนั นบั แตว่ นั ที่ส่งกระทถู้ ามไปยังผ้บู ริหารทอ้ งถน่ิ
ขอ้ ๙๖ เมอ่ื ถงึ ระเบียบวาระสําหรบั กระท้ถู าม ใหป้ ระธานสภาท้องถิน่ อนญุ าตใหถ้ ามไป
ตามลําดับ
ถา้ มีกระทถู้ ามดว่ น ให้ประธานสภาทอ้ งถนิ่ อนญุ าตใหถ้ ามก่อนตามลําดบั ความเรง่ ดว่ นของ
กระทถู้ ามด่วน ในการถามไม่ให้ชีแ้ จงหรืออ่านคาํ ชแ้ี จงประกอบ
ข้อ ๙๗ ผูต้ ้งั กระทถู้ ามมสี ทิ ธถิ อนกระทู้ถามของตนเมอื่ ใดกไ็ ด้ เมือ่ ถอนกระทถู้ ามแล้วให้
ประธานสภาทอ้ งถ่นิ จําหน่ายกระทถู้ ามน้นั และหา้ มผตู้ ้งั กระทถู้ ามน้นั ยนื่ กระทูถ้ ามในเรอื่ งเดียวกนั นนั้ อกี
เม่ือถงึ ระเบยี บวาระสาํ หรบั กระทถู้ าม ถ้าผู้ตงั้ กระทถู้ ามไมถ่ ามหรอื ไมอ่ ยใู่ นท่ปี ระชมุ สภา
ทอ้ งถนิ่ ให้ถือวา่ ไดถ้ อนกระทู้ถามนั้น
ถ้าสมาชกิ ภาพของผตู้ ัง้ กระทู้ถามสน้ิ สดุ ลง ให้ถือวา่ กระทู้ถามนั้นตกไป
ขอ้ ๙๘ เม่ือผบู้ ริหารท้องถน่ิ ไดต้ อบกระทถู้ ามแล้ว ผ้ตู ้ังกระทถู้ ามมสี ทิ ธซิ กั ถามไดอ้ ีกสาม
ครง้ั เวน้ แต่จะขอซกั ถามตอ่ ไปเพราะคําตอบยงั ไม่หมดประเด็นทซี่ กั ถามและประธานสภาทอ้ งถน่ิ อนญุ าต
การซกั ถามนน้ั ผู้ตั้งกระทถู้ ามมีสทิ ธทิ จี่ ะชแ้ี จงข้อเท็จจริงประกอบไดเ้ ท่าทจ่ี าํ เปน็ แต่ตอ้ งไม่
เป็นการอภปิ ราย
ผบู้ ริหารท้องถ่ินมีสทิ ธทิ ่จี ะไม่ตอบกระทถู้ ามเมอ่ื เหน็ วา่ เรอ่ื งนน้ั ๆ ยังไม่ควรเปดิ เผยเพราะ
เก่ยี วกบั ประโยชน์สาํ คญั ของทางราชการ ในกรณที ่ีไม่ตอบกระทถู้ ามให้ผบู้ รหิ ารท้องถ่ินแจง้ ใหส้ ภา
ทอ้ งถนิ่ ทราบภายในกาํ หนดเวลาตามขอ้ ๙๕
ขอ้ ๙๙ ผ้บู รหิ ารท้องถ่นิ จะขอเล่อื นการตอบกระทถู้ ามในท่ปี ระชมุ สภาทอ้ งถน่ิ กไ็ ด้แต่ตอ้ ง
ช้แี จงเหตุผลในทีป่ ระชุมสภาท้องถน่ิ และใหแ้ จง้ ด้วยวา่ จะตอบเมื่อใด
หากสภาทอ้ งถนิ่ เหน็ วา่ ระยะเวลาทผ่ี ูบ้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ กาํ หนดแจ้งตอบกระทตู้ ามวรรคหนงึ่
นานเกินไป สภาทอ้ งถิ่นจะมมี ติกําหนดใหผ้ บู้ รหิ ารตอบกระทู้ถามก่อนนนั้ กไ็ ด้
ข้อ ๑๐๐ ในการประชุมสภาท้องถนิ่ ครง้ั หน่ึง สมาชิกสภาทอ้ งถน่ิ คนหนง่ึ จะต้งั กระทูถ้ าม
เกินกวา่ หน่งึ กระทไู้ มไ่ ด้ เวน้ แตป่ ระธานสภาท้องถน่ิ อนญุ าต
ขอ้ ๑๐๑ กระทถู้ ามทผี่ บู้ ริหารท้องถิ่นยังไมไ่ ดต้ อบใหร้ ะงบั ไปเมื่อ
(๑) ครบอายขุ องสภาทอ้ งถนิ่
(๒) มกี ารยุบสภาท้องถ่ิน
(๓) ปดิ สมัยประชมุ สภาท้องถ่นิ
(๔) ผบู้ ริหารทอ้ งถ่ินพน้ จากตาํ แหนง่
22
ขอ้ ๑๐๒ เมื่อประธานสภาองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ไดร้ บั ขอ้ สอบถามจากสมาชิกสภา
องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ตามมาตรา ๓๒ แหง่ พระราชบัญญตั ิองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐
ให้จดั ส่งขอ้ สอบถามน้ันไปยงั ผ้วู ่าราชการจังหวดั หรอื หวั หน้าหนว่ ยงานราชการตามกฎหมายวา่ ดว้ ย
ระเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดิน ภายในสามวนั นับแตว่ ันทไี่ ดร้ ับขอ้ สอบถามจากสมาชิกสภาองคก์ าร
บริหารสว่ นจงั หวดั และใหก้ าํ หนดวนั เวลา ที่จะตอบข้อสอบถามในการประชุมสภาคราวใดไว้ดว้ ย
กรณีผวู้ า่ ราชการจงั หวดั หรือหวั หนา้ หน่วยงานราชการมาชแี้ จงดว้ ยวาจา หากยงั ไมห่ มด
ประเดน็ ทีส่ อบถาม และประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั อนญุ าตผูเ้ สนอขอ้ สอบถามมสี ิทธิ
สอบถามไดอ้ กี สามครง้ั
หมวด ๘
คณะกรรมการสภาทอ้ งถนิ่
ข้อ ๑๐๓ คณะกรรมการสภาทอ้ งถน่ิ มี ๒ ประเภท คือ
(๑) คณะกรรมการสามญั ประกอบดว้ ยสมาชกิ สภาท้องถิ่น มีจํานวนไม่น้อยกว่าสามคนแต่
ไม่เกนิ เจด็ คน
(๒) คณะกรรมการวิสามญั ประกอบดว้ ยสมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ หรอื บคุ คลทไี่ มไ่ ดเ้ ปน็ สมาชกิ
สภาท้องถน่ิ มจี ํานวนไมน่ อ้ ยกว่าสามคนแต่ไมเ่ กินเจด็ คน
กรณีองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั บุคคลทไ่ี มไ่ ดเ้ ป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั
เปน็ คณะกรรมการวสิ ามญั ทงั้ คณะไมไ่ ด้
ในการตัง้ คณะกรรมการวิสามัญของสภาเทศบาล นายกเทศมนตรมี สี ทิ ธเิ สนอชื่อผเู้ ป็นหรอื
มไิ ดเ้ ป็นสมาชกิ สภาเทศบาล เพอื่ ใหส้ ภาเทศบาลแต่งตงั้ เป็นกรรมการวิสามญั ได้ไมเ่ กนิ หนงึ่ ในสข่ี อง
จาํ นวนกรรมการวิสามญั ทง้ั หมด
ข้อ ๑๐๔ คณะกรรมการสภาทอ้ งถนิ่ มหี นา้ ทีก่ ระทํากจิ การหรือพิจารณาสอบสวนเรื่องใดๆ
อนั อยูใ่ นกจิ การของสภาทอ้ งถ่นิ แล้วรายงานต่อสภาท้องถ่นิ
สภาท้องถนิ่ อาจแตง่ ต้งั คณะกรรมการวิสามญั เพอ่ื พจิ ารณากิจการของสภาทอ้ งถิน่ เป็นกรณี
พเิ ศษ
ข้อ ๑๐๕ ภายใต้บงั คบั ขอ้ ๑๐๓ และข้อ ๑๐๔ สภาท้องถน่ิ มีอาํ นาจเลือกสมาชิกสภา
ทอ้ งถน่ิ หรอื บคุ คลทไ่ี มไ่ ดเ้ ปน็ สมาชกิ สภาทอ้ งถ่นิ เปน็ คณะกรรมการสภาทอ้ งถ่ินชุดตา่ งๆ ตามความ
จําเปน็ แกก่ จิ การในหน้าที่ของสภาทอ้ งถ่ิน ดังนี้
(๑) คณะกรรมการสามัญประจําสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั
(๒) คณะกรรมการตรวจรายงานการประชมุ
(๓) คณะกรรมการแปรญตั ตริ า่ งขอ้ บัญญัติ
(๔) คณะกรรมการอน่ื ๆ ตามท่สี ภาท้องถิ่นเห็นสมควร
ถา้ มีความจาํ เปน็ คณะกรรมการแต่ละคณะอาจตัง้ คณะอนกุ รรมการพิจารณารายละเอยี ด
ในกจิ การซ่ึงเปน็ หน้าที่ของคณะกรรมการสภาทอ้ งถน่ิ แลว้ เสนอรายงานตอ่ คณะกรรมการสภาท้องถิน่
เพื่อพิจารณา
23
ข้อ ๑๐๖ กรรมการสภาทอ้ งถ่นิ พ้นจากหนา้ ทเี่ มื่อ
(๑) ลาออกโดยย่นื หนังสือลาออกตอ่ ประธานสภาทอ้ งถนิ่
(๒) ตาย
(๓) สมาชิกภาพของสมาชกิ สภาท้องถน่ิ ของผู้นน้ั ส้นิ สดุ ลง
(๔) เลือกคณะกรรมการสภาทอ้ งถนิ่ ขน้ึ ใหม่ หรืองานท่ไี ด้รับมอบหมายเสร็จสน้ิ ลง
(๕) สภาท้องถน่ิ มมี ติให้พน้ จากหนา้ ที่
ข้อ ๑๐๗ ภายใตบ้ ังคบั ขอ้ ๑๐๓ วธิ เี ลือกคณะกรรมการสภาท้องถน่ิ ใหส้ มาชิกสภาท้องถน่ิ
หรือผบู้ ริหารทอ้ งถ่นิ เสนอชอ่ื สมาชิกสภาทอ้ งถน่ิ หรอื บคุ คลที่ไม่ไดเ้ ปน็ สมาชกิ สภาท้องถน่ิ แลว้ แตก่ รณใี น
กรณีทม่ี าชิกสภาท้องถน่ิ เปน็ ผเู้ สนอต้องมีสมาชกิ สภาทอ้ งถ่ินรบั รองไมน่ อ้ ยกว่าสองคน สว่ นกรณีที่
ผ้บู รหิ ารทอ้ งถิ่นเปน็ ผเู้ สนอไม่ตอ้ งมีผูร้ บั รอง
การเสนอช่อื ใหเ้ สนอไดโ้ ดยไม่จํากดั จาํ นวน เว้นแต่ทปี่ ระชุมมีมตเิ ปน็ อย่างอน่ื และให้นํา
วิธกี ารเลือกตามขอ้ ๑๒ มาใชบ้ งั คบั โดยอนโุ ลม
ขอ้ ๑๐๘ เมือ่ มญี ัตตจิ ะตอ้ งให้คณะกรรมการสภาทอ้ งถ่นิ พจิ ารณา ใหป้ ระธานสภาท้องถนิ่
สง่ ญตั ตนิ ัน้ ไปยังคณะกรรมการสภาท้องถน่ิ ซึง่ มหี นา้ ท่ีตรงกบั ญัตตหิ รือสมควรจะพจิ ารณาญตั ตนิ น้ั หรอื
ส่งให้คณะกรรมการสภาท้องถน่ิ ท่ีสภาทอ้ งถน่ิ ตงั้ ขน้ึ เพ่ือพจิ ารณาญตั ตนิ ัน้
ขอ้ ๑๐๙ การนดั ประชมุ และเปดิ ประชุมคณะกรรมการสภาทอ้ งถน่ิ ครั้งแรก ให้เปน็ หนา้ ที่
ของเลขานกุ ารสภาทอ้ งถน่ิ
ใหค้ ณะกรรมการสภาทอ้ งถน่ิ คณะหนงึ่ ๆ เลอื กประธานกรรมการและเลขานกุ ารจาก
กรรมการสภาทอ้ งถนิ่ คณะนน้ั ๆ
ในการประชมุ คณะกรรมการสภาทอ้ งถน่ิ ตอ้ งมกี รรมการมาประชมุ ไมน่ อ้ ยกวา่ กง่ึ หน่งึ ของ
จํานวนกรรมการทงั้ หมด จงึ จะเปน็ องคป์ ระชมุ
มติของคณะกรรมการสภาทอ้ งถิน่ ใหถ้ ือเสยี งขา้ งมาก กรณีคะแนนเสยี งเทา่ กนั ใหป้ ระธาน
กรรมการออกเสียงชี้ขาด
ข้อ ๑๑๐ ญัตตริ ่างข้อบญั ญตั ิทส่ี ภาทอ้ งถ่นิ ลงมติรับหลักการ และสง่ คณะกรรมการแปร
ญัตติพจิ ารณาตามข้อ ๔๙ เม่ือคณะกรรมการแปรญตั ตพิ จิ ารณาแลว้ จะต้องเสนอร่างข้อบญั ญตั นิ น้ั ตาม
รา่ งเดิมและตามทม่ี ีการแก้ไขเพิม่ เติม พรอ้ มท้ังรายงานยอ่ ยืน่ ตอ่ ประธานสภาท้องถน่ิ
รายงานย่อตามวรรคหนง่ึ อยา่ งนอ้ ยต้องระบวุ ่า ไดม้ ีหรือไมม่ ีการแกไ้ ขเพิม่ เติมในตอนใดหรอื
ขอ้ ใดบา้ ง การแปรญตั ตแิ ละมติของคณะกรรมการแปรญตั ตเิ ก่ยี วดว้ ยการแปรญตั ตนิ ั้นเปน็ ประการใด
การสงวนความเห็นของกรรมการแปรญตั ติ ตลอดจนการสงวนคาํ แปรญตั ตดิ ้วย
ขอ้ ๑๑๑ ที่ประชมุ สภาทอ้ งถิน่ อาจลงมตใิ ห้คณะกรรมการสภาทอ้ งถิน่ คณะใดดําเนนิ กิจการ
ของสภาท้องถนิ่ นอกสมยั ประชมุ ได้ แต่ทง้ั นไ้ี มใ่ หป้ ระชุมเกนิ สามครงั้
การประชมุ เกนิ กวา่ กาํ หนดตามวรรคหนึ่ง จะกระทาํ ไดเ้ มื่อมีเหตุจาํ เปน็ และไดร้ บั อนมุ ัตจิ าก
ประธานสภาทอ้ งถิ่น
ข้อ ๑๑๒ เมอื่ คณะกรรมการสภาท้องถิ่นมีมตใิ ห้เชญิ บคุ คลใดมาแถลงขอ้ เท็จจรงิ หรือแสดง
ความคิดเหน็ ในการกระทําหรอื เรื่องทพี่ จิ ารณาอยูน่ น้ั ให้เชิญในนามของประธานกรรมการคณะนนั้
24
ขอ้ ๑๑๓ สมาชกิ สภาทอ้ งถ่นิ ผูบ้ ริหารทอ้ งถ่นิ หวั หน้าสว่ นราชการประจาํ ขององค์กร
ปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ หรอื ผ้ทู ่ีได้รับอนญุ าตจากประธานกรรมการสภาท้องถิน่ มสี ทิ ธิเขา้ ฟังการประชุม
ของคณะกรรมการสภาทอ้ งถน่ิ ได้ เวน้ แต่เปน็ การประชมุ ลับ
ในกรณเี ป็นการประชมุ ลบั ผ้มู สี ทิ ธเิ ขา้ ฟังการประชมุ จะตอ้ งเปน็ ผทู้ ่มี สี ว่ นเกี่ยวขอ้ งกบั การ
ประชมุ ซงึ่ ได้รบั อนญุ าตจากคณะกรรมการสภาท้องถน่ิ น้นั เทา่ นนั้
ผู้มีสทิ ธเิ ขา้ ไปนง่ั ฟังการประชุมของคณะกรรมการสภาทอ้ งถน่ิ ตามวรรคหนงึ่ และวรรคสอง
จะแสดงความเหน็ ไดเ้ มอื่ ประธานกรรมการสภาท้องถน่ิ อนุญาตหรอื ขอให้แสดงความคดิ เห็น
ข้อ ๑๑๔ ภายใต้บังคบั ข้อ ๑๑๓ ผู้เสนอญัตติ หรอื ผบู้ รหิ ารท้องถิ่นมีสทิ ธไิ ปชแ้ี จง แสดง
ความคิดเหน็ ตอ่ คณะกรรมการแปรญตั ตไิ ดต้ ลอดระยะเวลาการพิจารณาญตั ตนิ ั้น สว่ นผแู้ ปรญัตตนิ ัน้ มี
สิทธชิ ีแ้ จงได้เฉพาะที่ได้ขอแปรญตั ตไิ ว้
ข้อ ๑๑๕ คณะกรรมการสภาทอ้ งถน่ิ จะกาํ หนดนดั ประชมุ เมอื่ ใด ให้แจง้ ใหผ้ บู้ รหิ ารท้องถน่ิ
สมาชิกสภาทอ้ งถน่ิ ผเู้ สนอญัตติ และผแู้ ปรญัตตทิ ราบลว่ งหนา้ ไมน่ อ้ ยกวา่ ยี่สบิ สชี่ วั่ โมงก่อนกาํ หนดเวลา
นัดประชมุ
เม่อื มกี ารประชมุ คณะกรรมการสภาท้องถน่ิ ตามกาํ หนดทนี่ ัดหมาย ถ้าผแู้ ปรญตั ตไิ มม่ า
ชี้แจงตามนัดเปน็ เวลาเกนิ กวา่ สามสบิ นาที นบั แตเ่ วลาทคี่ ณะกรรมการสภาทอ้ งถิ่นได้เรม่ิ ประชมุ ในวนั
นั้นใหถ้ อื วา่ ผู้แปรญตั ติไดถ้ อนคาํ แปรญัตตนิ ั้นแล้ว เว้นแตผ่ แู้ ปรญตั ตจิ ะมคี วามจาํ เปน็ ท่ีไมอ่ าจมาชแ้ี จงได้
และการประชมุ เรอื่ งนน้ั ยังไม่เสรจ็ ส้ิน คณะกรรมการสภาท้องถนิ่ จะรบั พิจารณาคาํ แปรญตั ตนิ น้ั ต่อไปก็
ได้
ข้อ ๑๑๖ หากคณะกรรมการสภาทอ้ งถนิ่ ดําเนนิ การไม่แลว้ เสรจ็ ภายในเวลาทส่ี ภาทอ้ งถนิ่
กาํ หนดใหป้ ระธานกรรมการรายงานต่อประธานสภาทอ้ งถ่ินโดยดว่ น
ในกรณตี ามวรรคหนึ่ง ถา้ อย่ใู นสมยั ประชุม ให้ประธานสภาท้องถ่ินเสนอตอ่ ท่ีประชุมสภา
ท้องถนิ่ เพ่อื ลงมตใิ หข้ ยายเวลาทไี่ ดก้ าํ หนดไว้ หรอื ใหด้ ําเนนิ การตามท่สี ภาทอ้ งถน่ิ เหน็ สมควรแต่ถ้าอยู่
นอกสมยั ประชมุ และคณะกรรมการสภาท้องถน่ิ มอี าํ นาจประชมุ นอกสมยั ประชมุ ไดต้ ามข้อ ๑๑๑วรรค
หนึ่ง ใหป้ ระธานสภาท้องถ่นิ มีอาํ นาจอนญุ าตขยายเวลาทกี่ ําหนดไวไ้ ดต้ ามทเี่ หน็ สมควรแลว้ รายงานให้
สภาทอ้ งถนิ่ ทราบ ในการประชุมสภาท้องถนิ่ สมยั ตอ่ ไป
หมวด ๙
การรกั ษาระเบยี บและความสงบเรยี บรอ้ ย
ข้อ ๑๑๗ ที่ประชุมสภาทอ้ งถน่ิ เปน็ สถานท่ที ีค่ วรแกก่ ารเคารพ ผู้เขา้ ไปจะตอ้ งแตง่ กาย
สุภาพประพฤติตนให้เรียบรอ้ ย และอยู่ ณ ท่ซี ่งึ จดั ไว้
การแต่งกายของสมาชิกสภาทอ้ งถนิ่ ผู้บริหารท้องถิน่ นน้ั ใหแ้ ตง่ เคร่ืองแบบ ชุดสากลนยิ ม
ชดุ พระราชทาน หรือตามทปี่ ระธานสภาท้องถน่ิ กาํ หนด
ในขณะทก่ี ําลังประชมุ หา้ มบคุ คลภายนอกเขา้ ไปในทซ่ี งึ่ จดั ไว้สําหรบั สมาชกิ สภาท้องถน่ิ
ผบู้ รหิ ารทอ้ งถิน่ เจ้าหนา้ ท่ขี ององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ และคณะกรรมการสภาทอ้ งถนิ่
ประธานสภาทอ้ งถิน่ มอี ํานาจอนญุ าตใหป้ ระชาชนเขา้ ฟงั การประชุมและการปรึกษาของ
สภาทอ้ งถน่ิ ได้ ตามระเบียบที่สภาท้องถนิ่ กําหนด
25
ขอ้ ๑๑๘ ในทปี่ ระชมุ สภาทอ้ งถน่ิ ห้ามผ้ใู ดกระทาํ การดงั ต่อไปนี้
(๑) ใช้ถ้อยคาํ ไมส่ ภุ าพ กล่าวคําหยาบคาย เสยี ดสี หรือใส่รา้ ย
(๒) แสดงกริ ิยาอนั พึงรงั เกียจ
(๓) กอ่ กวนความสงบเรียบร้อย หรอื กระทาํ การใหเ้ สอ่ื มเสยี เกยี รติของท่ปี ระชมุ สภาท้องถน่ิ
หรือจงใจกระทาํ การใดๆ อนั เปน็ เหตุรบกวนกิจการของท่ปี ระชมุ สภาท้องถ่ิน
(๔) ขัดคาํ สงั่ ของประธานสภาทอ้ งถน่ิ
ขอ้ ๑๑๙ ในขณะทีก่ าํ ลงั ประชมุ สภาทอ้ งถน่ิ อยู่ ถ้าผูใ้ ดละเมิดระเบียบการประชุมน้ี หรอื
กระทําการฝา่ ฝืนขอ้ ๑๑๘ ใหป้ ระธานสภาท้องถิ่นมอี าํ นาจตักเตือน หา้ มปราม ให้ถอนคาํ พูด หรอื ให้
กลา่ วคาํ ขอขมาในท่ปี ระชมุ สภาทอ้ งถนิ่ หรือห้ามไม่ให้พดู ตอ่ ไป หรอื สงั่ ให้ผ้ลู ะเมดิ ออกไปเสยี จากที่
ประชมุ สภาท้องถน่ิ ก็ได้
ในกรณีขดั คาํ สัง่ ประธานสภาท้องถน่ิ หรอื กอ่ กวนความสงบเรียบร้อย หรอื กระทาํ การเสอ่ื ม
เกียรตขิ องทปี่ ระชุมสภาท้องถ่ิน ประธานสภาทอ้ งถิ่นมอี าํ นาจสง่ั ให้ผนู้ ้ันหยุดการกระทาํ น้นั หรือสั่งให้
ออกไปจากท่ีประชมุ สภาทอ้ งถิน่ คร้งั น้นั โดยมหี รอื ไมม่ ีกาํ หนดเวลากไ็ ด้
ในกรณีประธานสภาท้องถน่ิ ส่ังให้ผ้ใู ดออกจากทปี่ ระชมุ หากผนู้ ั้นขัดขนื ประธานสภา
ทอ้ งถนิ่ มอี าํ นาจสัง่ เจา้ หนา้ ท่ซี งึ่ ได้รบั แตง่ ตั้งจากผบู้ รหิ ารท้องถนิ่ ใหท้ ําหนา้ ท่ีรักษาความสงบเรียบร้อย
ของท่ีประชมุ สภาท้องถน่ิ นาํ ตวั ผนู้ ัน้ ออกจากที่ประชมุ สภาทอ้ งถน่ิ หรอื ออกไปใหพ้ ้นบริเวณสภาทอ้ งถนิ่ ก็
ได้
ข้อ ๑๒๐ ถา้ เกิดมกี ารสง่ เสยี งเอ็ดองึ ขน้ึ ในทีป่ ระชมุ สภาท้องถน่ิ จนประธานสภาทอ้ งถ่นิ เหน็
วา่ ไมส่ ามารถจะรกั ษาระเบยี บการประชมุ ให้เปน็ ทีเ่ รียบรอ้ ยได้ ประธานสภาท้องถิน่ มอี าํ นาจสงั่ หยดุ พกั
การประชมุ สภาทอ้ งถิ่นไว้ชวั่ คราว
ขอ้ ๑๒๑ ในกรณที ี่ทป่ี ระชมุ สภาทอ้ งถน่ิ เกดิ อลเวง จนประธานสภาท้องถนิ่ ไม่สามารถรกั ษา
ระเบียบการประชมุ ไวไ้ ด้ ให้ประธานสภาท้องถ่นิ สัง่ ปิดประชมุ สภาทอ้ งถน่ิ
ขอ้ ๑๒๒ คําส่ังประธานสภาทอ้ งถน่ิ ตามความในหมวดน้ีใหเ้ ปน็ เด็ดขาด
หมวด ๑๐
การแถลงนโยบาย
ขอ้ ๑๒๓ เมอ่ื ผู้บรหิ ารทอ้ งถน่ิ ขอแถลงนโยบายตอ่ สภาทอ้ งถนิ่ ตามกฎหมายวา่ ด้วยการ
จดั ตง้ั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ ให้ประธานสภาท้องถ่นิ บรรจุเขา้ ระเบียบวาระการประชุมสภาทอ้ งถน่ิ
เป็นเรื่องด่วน
เม่อื ผู้บรหิ ารได้แถลงนโยบายตอ่ สภาท้องถนิ่ แลว้ ให้ประธานสภาท้องถ่ินดาํ เนนิ การให้
สมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ ซกั ถามและอภปิ รายรวมกัน เวน้ แต่ทปี่ ระชุมสภาทอ้ งถน่ิ ไดม้ มี ติใหซ้ ักถามและ
อภปิ รายเปน็ ประเด็นๆ ไป
ข้อ ๑๒๔ สมาชิกสภาท้องถิ่นมีสิทธจิ ะซกั ถามและอภปิ รายท้ังในทางสนับสนุนและคดั ค้าน
ในเรอื่ งความเหมาะสมของนโยบายและความสามารถในการบรหิ ารราชการขององค์กรปกครองสว่ น
ทอ้ งถนิ่ นนั้ ใหส้ ําเรจ็ ผลตามนโยบาย ในการน้สี มาชกิ สภาทอ้ งถน่ิ อาจซักถามและอภปิ รายถงึ แผนการ
ปฏบิ ตั แิ ละวิธกี าร ทจี่ ะปฏบิ ตั ติ ามนโยบายนน้ั ๆ ดว้ ยกไ็ ด้
26
ขอ้ ๑๒๕ ผู้บริหารทอ้ งถ่นิ เท่านั้นที่มสี ทิ ธจิ ะอภิปรายตอบขอ้ ซกั ถามหรอื ขอ้ คัดค้านของ
สมาชิกสภาท้องถน่ิ
เพ่อื ความสะดวก ผ้บู ริหารท้องถนิ่ จะตอบสมาชิกสภาทอ้ งถน่ิ ที่ซกั ถาม หรอื คดั คา้ นทีละคน
เป็นลําดบั ไป หรอื จะรอตอบครงั้ ละหลายคนก็ได้
ขอ้ ๑๒๖ ในการอภปิ รายนน้ั นอกจากท่ีกําหนดไว้ในหมวดนแ้ี ล้ว ใหน้ ําความในหมวด ๕
มาใช้บงั คบั โดยอนโุ ลม
บทเฉพาะกาล
ข้อ ๑๒๗ ระเบยี บนี้ ไมก่ ระทบกระเทือนถงึ การใดทไ่ี ด้กระทําเสร็จแลว้ ก่อนใชร้ ะเบียบน้ี
สว่ นการใดที่ยงั อยใู่ นระหวา่ งการดาํ เนินการใหด้ ําเนนิ การต่อไปตามระเบียบหรอื ข้อบงั คับท่ีใชอ้ ยู่ก่อน
วนั ทร่ี ะเบยี บนใ้ี ชบ้ งั คบั
ข้อ ๑๒๘ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบลทม่ี กี ารบรหิ ารในรูปแบบคณะผบู้ รหิ ารอยใู่ นวันท่ี
ระเบียบนใี้ ชบ้ งั คับ การลงมติต่อไปน้ี ให้นาํ ความในข้อ ๓๒ ข้อ ๕๔ ข้อ ๗๒ และขอ้ ๘๓ มาใชบ้ งั คบั โดย
อนุโลม
(๑) การลงมตใิ ห้คณะผบู้ รหิ ารท้องถิ่นพน้ จากตาํ แหนง่ ตามมาตรา ๖๔ (๗) แหง่
พระราชบญั ญตั ิสภาตําบลและองคก์ ารบริหารสว่ นตาํ บล พ.ศ. ๒๕๓๗ ซง่ึ แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ โดย
พระราชบญั ญตั ิ สภาตาํ บลและองค์การบรหิ ารสว่ นตาํ บล (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๖ ซ่งึ ยงั ใชบ้ ังคบั อยตู่ าม
ความในมาตรา ๓๗ แหง่ พระราชบัญญตั สิ ภาตําบลและองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบล (ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ.
๒๕๔๖
(๒) การลงมติให้ความเป็นนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบลหรือรองนายกองคก์ ารบรหิ าร
สว่ นตําบลสนิ้ สุดลงเฉพาะตวั ตามมาตรา ๖๔/๑ (๔) แหง่ พระราชบญั ญตั สิ ภาตาํ บลและองคก์ ารบริหาร
สว่ นตําบล พ.ศ. ๒๕๓๗ ซง่ึ แกไ้ ขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบญั ญัตสิ ภาตําบลและองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบล
(ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๔๖ ซงึ่ ยังใช้บงั คบั อยู่ตามความในมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญตั ิสภาตาํ บลและ
องค์การบริหารส่วนตาํ บล (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖
ข้อ ๑๒๙ องค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ ใดทม่ี กี ารบรหิ ารในรูปแบบคณะผบู้ รหิ าร อยใู่ นวันท่ี
ระเบียบน้ีใชบ้ งั คับ หากคณะผบู้ รหิ าร ผบู้ ริหารท้องถนิ่ หรอื รองผู้บรหิ ารท้องถ่นิ พน้ จากตาํ แหนง่ ใหน้ าํ
ความในขอ้ ๘ มาใชบ้ ังคับกบั การเลือกคณะผบู้ ริหาร หรอื ผู้บริหารท้องถน่ิ หรอื รองผบู้ รหิ ารทอ้ งถนิ่ โดย
อนุโลม
ให้ประธานสภาท้องถิน่ รายงานผลการเลอื กคณะผบู้ รหิ าร ผบู้ ริหารท้องถ่นิ หรือรอง
ผ้บู รหิ ารทอ้ งถน่ิ ใหผ้ วู้ ่าราชการจังหวดั แตง่ ตง้ั สาํ หรบั เทศบาล หรือใหน้ ายอําเภอแตง่ ตงั้ สาํ หรับองค์การ
บรหิ ารสว่ นตําบล ภายในเจ็ดวนั นับแตว่ นั เลือก
ข้อ ๑๓๐ คณะเทศมนตรี หรอื คณะผบู้ รหิ ารองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบล ตามกฎหมายทีใ่ ช้อยู่
ก่อนวนั ท่ีระเบียบนใ้ี ชบ้ งั คบั ให้อยใู่ นความหมายของผบู้ รหิ ารท้องถน่ิ ตามระเบยี บน้ี
ขอ้ ๑๓๑ ความในขอ้ ๔๘ ไม่ให้นาํ มาใช้บังคับแกอ่ งค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ทีม่ กี ารบรหิ าร
ในรูปแบบคณะผู้บรหิ าร
27
ข้อ ๑๓๒ การประชุมเพอื่ อภิปรายเกี่ยวกับคณะเทศมนตรี หรือเทศมนตรถี กู กลา่ วหาตาม
ความในมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบญั ญตั เิ ทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ นัน้ เป็นการประชมุ สมาชกิ สภาเทศบาล
ไมใ่ ช่การประชุมของสภาเทศบาล โดยใหน้ ายอําเภอสําหรบั เทศบาลตาํ บล หรอื ผวู้ า่ ราชการจังหวดั
สาํ หรบั เทศบาลเมอื งหรอื เทศบาลนครเปน็ ประธานที่ประชมุ นน้ั และใหห้ ัวหนา้ กลมุ่ ส่งเสรมิ การปกครอง
ท้องถนิ่ อาํ เภอหรือจงั หวัด หรอื ผู้ทนี่ ายอาํ เภอหรอื ผวู้ ่าราชการจงั หวัดแลว้ แต่กรณี มอบหมายเปน็
เลขานกุ าร และใหป้ ลดั เทศบาลเปน็ ผชู้ ว่ ยเลขานุการ
การประชมุ ตามวรรคหนง่ึ ให้เรยี กประชุมรวมกนั ทงั้ สมาชิกสภาเทศบาลและคณะเทศมนตรี
แตถ่ า้ คณะเทศมนตรี หรือเทศมนตรคี นใดไมร่ ว่ มประชมุ ก็ใหด้ ําเนนิ การประชุมตอ่ ไปได้ โดยให้เปน็ การ
ประชมุ ลับ
คณะเทศมนตรหี รือเทศมนตรซี ึง่ ถกู กลา่ วหาใหม้ สี ทิ ธิแถลงในทป่ี ระชมุ และมีสิทธิออกเสียง
ลงคะแนน
ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๔๗
ประชา มาลีนนท์
รัฐมนตรีชว่ ยว่าการฯ ปฎิบตั ริ าชการแทน
รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย
ระเบยี บกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยขอ้ บังคับการประชุมท้องถนิ่ พ.ศ.2547 ประกาศราชกจิ จานุเบกษา เล่ม
121 ตอนพเิ ศษ 123 ง ลงวนั ท่ี 1 พฤศจิกายน 2547
ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าดว้ ยขอ้ บังคบั การประชุมท้องถ่ิน พ.ศ.2547 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 ประกาศ
ราชกิจจานเุ บกษา เลม่ 128 ตอนพเิ ศษ 27 ง ลงวนั ที่ 8 มนี าคม 2554 ลงนามโดยนายชวรัตน์ ชาญ
วรี กุล รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย วันท่ี 18 มกราคม 2554