โรงเรียนอนุบาลปาริมา พิษณุโลก ระเบียบการระดับชั้นเตรียมอนุบาล ปีการศึกษา 2567 Pre-Kindergarten Program
ปฏิทินการรับสมัครนักเรียนใหม่ ระดับชั้นเตรียมอนุบาล ปีการศึกษา 2567 หมายเหตุ - ปฏิทินนี้ส าหรับนักเรียนที่เข้าเรียนรอบที่ 1 เท่านั้น ส าหรับนักเรียนที่ เข้าเรียนรอบที่ 2-4 ทางโรงเรียนจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบในวันสมัครเรียน วันที่ รายละเอียด 16 พ.ย. 66 เป็นต้นไป รับระเบียบการสมัครและติดต่อสมัครเรียนได้ที่ แผนกธุรการ ** ทางธุรการจะนัดหมายวันส่งใบสมัครและชำระ ค่ามัดจำและค่าลงทะเบียนแรกเข้า ** 1 - 15 ก.พ. 67 สั่งจองเครื่องแบบ 10 ก.พ. และ 16 มี.ค. 67 กิจกรรม Open House แนะนำหลักสูตร (ผู้ปกครองเลือกเข้าร่วมงานเพียงรอบใดรอบหนึ่ง) 1 - 12 เม.ย. 67 ชำระค่าธรรมเนียมการศึกษา ครั้งที่ 1 5-6 พ.ค. 67 ประชุมผู้ปกครองนักเรียน 16 พ.ค. 67 เปิดเรียนรอบที่ 1 ทางโรงเรียนจะแจ้งวันเปิดเรียน แต่ละระดับชั้นให้ทราบต่อไป
โรงเรียนอนุบาลปาริมา พิษณุโลก ก้าวแรกสู่การเรียนรู้อย่างมีความสุข โรงเรียนอนุบาลปาริมา พิษณุโลก ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2551 โดยมีความมุ่งหวังที่ จะเป็นโรงเรียนอนุบาลที่จัดการศึกษาเพื่อการเรียนรู้ของเด็กอย่างแท้จริง คณะผู้บริหาร โรงเรียนตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยว่าเป็นช่วงเวลาที่มี ความสำคัญที่สุดสำหรับการเรียนรู้ จึงได้ร่วมกันก่อตั้งโรงเรียนอนุบาลปาริมา พิษณุโลกโดย จัดการเรียนการสอนที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ ทางโรงเรียนได้จัดทำหลักสูตรสถานศึกษาโดย บูรณาการหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของกระทรวงศึกษาธิการเข้ากับนวัตกรรมการสอนแบบ มอนเตสซอรี่ ทฤษฎีการเรียนรู้พหุปัญญา การเรียนรู้แบบโครงการ และการสอนภาษาแบบ สมดุลภาษา เน้นการพัฒนาเด็กแบบองค์รวมทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และ สติปัญญา เพื่อให้เป็นก้าวแรกสู่เส้นทางการเรียนรู้อย่างมีความสุข อันจะนำไปสู่การเติบโต ขึ้นเป็นคนดีที่เก่งและมีความสุขต่อไป ความหมายของชื่อ “ปาริมา” >> ปาริมา หมายถึง ทางสู่ความสำเร็จ ทาง สู่ความสำเร็จในที่นี้ คือ ทาง แห่งการเรียนรู้ เพราะการเรียนรู้จะทำให้เด็กเติบโต ขึ้นเป็นคนที่รู้จักคิด รู้จักวิเคราะห์ รู้จักแก้ปัญหา และรู้จักวิธีใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าอันจะทำให้ สามารถดำเนินชีวิตในโลกได้อย่างมีความสุข คติพจน์ของโรงเรียน >> “ จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาจะไม่พรากจากทางนั้น “ พระคริสตธรรมคัมภีร์ สุภาษิต 22 : 6 อัตลักษณ์ >> คิดเป็น เน้นภาษา เรียนรู้อย่างมีความสุข
หลักสูตรการสอน >> โรงเรียนอนุบาลปาริมา พิษณุโลก จัดการเรียนการสอนโดยนำหลักสูตรการศึกษา ปฐมวัยของกระทรวงศึกษาธิการบูรณาการเข้ากับแนวการสอนแบบมอนเตสซอรี่ (Montessori) ทฤษฎีการเรียนรู้พหุปัญญา (Multiple Intelligences) การเรียนรู้แบบ โครงการ (Project Approach) และการสอนภาษาแบบสมดุลภาษา (Balanced Literacy) เน้นให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านการเล่นอย่างมีจุดมุ่งหมาย (Learning through playing) ผ่าน กิจกรรมที่หลากหลาย เน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง มุ่งพัฒนาเด็กอย่างองค์รวมทั้ง ร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคม และสติปัญญา เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นคนดีที่เก่งและมีความสุข แนวคิดและทฤษฎีการเรียนรู้ที่โรงเรียนน ามาใช้ >> 1. การสอนแบบมอนเตสซอรี่ (Montessori) การสอนแบบมอนเตสซอรี่เป็นการสอนรูปแบบหนึ่งที่ยึดเด็กเป็นสำคัญ ผู้ริเริ่มแนว การสอนนี้ คือ ดร. มาเรีย มอนเตสซอรี่ (1870-1952) แพทย์หญิงคนแรกของอิตาลี จากการ ที่มอนเตสซอรี่เป็นแพทย์ ทำให้วิธีการสอนแบบมอนเตสซอรี่เป็นวิทยาศาสตร์ และจากการ สังเกตเชิงวิทยาศาสตร์นี้เอง ทำให้มอนเตสซอรี่ได้ค้นพบว่าการให้การศึกษากับเด็กในระยะ เริ่มต้นไม่ใช่การเอาความรู้ไปบอกให้เด็ก แต่ควรเป็นการปลูกฝังให้เด็กได้เรียนรู้ไปตามความ ต้องการตามธรรมชาติ และควรจัดสภาพแวดล้อมให้เด็กอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เด็กสามารถ ดึงศักยภาพที่มีในตัวให้ปรากฏออกมา แนวการสอนแบบมอนเตสซอรี่เปิดโอกาสให้เด็กได้ค้นพบสิ่งต่างๆด้วยตนเอง โดยถือ ว่ามือทั้งสองข้างเป็นครูที่สำคัญ เพราะเมื่อสองมือได้จับต้องสิ่งต่างๆ สมองก็จะเกิดการเรียนรู้ แนวการสอนนี้จะเน้นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้เด็กสามารถเรียนการอ่าน เขียน และ คิดคำนวณโดยวิธีธรรมชาติเช่นเดียวกับการหัดเดินและหัดพูด
หลักการแนวการสอนแบบมอนเตสซอรี่ แนวการสอนแบบมอนเตสซอรี่มีหลักการที่สำคัญ 5 ประการ ดังนี้ 1. เด็กจะต้องได้รับการยอมรับนับถือ (Respect for the Child) มอนเตสซอรี่เชื่อว่าเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน เราจึงต้องยอมรับเด็กในลักษณะเฉพาะ ของเด็กแต่ละคน เปิดโอกาสให้เด็กได้เลือกทำกิจกรรมตามความสนใจและตามศักยภาพของ ตนเอง เด็กจะมีอิสระและมีความสุขในการเรียนรู้ เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง อันจะเป็น รากฐานไปสู่การพัฒนาความเชื่อมั่นและการเห็นคุณค่าในตนเองต่อไป 2. เด็กมีจิตที่ซึมซาบได้ (Absorbent Mind) มอนเตสซอรี่เปรียบจิตของเด็กเหมือนฟองน้ำ ที่จะซึมซับข้อมูลจากประสบการณ์และ สิ่งแวดล้อมรอบตัว การพัฒนาประสาทสัมผัสทั้งห้าจึงมีส่วนให้เด็กใช้จิตซึมซาบใน การเรียนรู้ทักษะต่างๆ ได้เป็นอย่างดี 3. ช่วงเวลาหลักของชีวิต (Sensitive Period) ช่วงเวลาสำคัญที่สุดสำหรับการเรียนรู้ไม่ใช่ช่วงมหาวิทยาลัย แต่เป็นช่วงแรกเกิดถึง 6 ขวบ เป็นช่วงเวลาของการพัฒนาสติปัญญา บุคลิกภาพ และทักษะต่างๆ ครูต้องใช้การสังเกต เพื่อจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับช่วงระยะความสนใจของเด็ก เพื่อให้เด็ก สามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ 4. การเตรียมสิ่งแวดล้อม (Prepared Environment) มอนเตสซอรี่เชื่อว่าเด็กเรียนรู้ได้ดีที่สุดในสภาพแวดล้อมที่ได้เตรียมเอาไว้อย่างมีจุดมุ่งหมาย อุปกรณ์ของมอนเตสซอรี่เน้นการใช้ของจริง และมีขนาดเหมาะสมกับเด็ก เด็กๆจะได้เลือกทำ กิจกรรมต่างๆ ได้อย่างอิสระภายใต้สิ่งแวดล้อมที่จัดเอาไว้อย่างพิถีพิถัน
5. การศึกษาด้วยตนเอง (Self or Auto-education) เด็กๆ สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองในสิ่งแวดล้อมที่จัดเอาไว้อย่างสมบูรณ์ มีอิสระในการ ทำงาน และมีโอกาสแก้ไขข้อบกพร่องของตนเอง เมื่อเด็กสามารถทำงานสำเร็จได้ด้วย ตนเอง เด็กจะได้รับความพึงพอใจจากการทำงาน ซึ่งจะปลูกฝังลักษณะการใฝ่รู้ ใฝ่เรียน และเกิดพลังในการเรียนรู้ต่อไป หลักสูตรการสอนแบบมอนเตสซอรี่ หลักสูตรการสอนแบบมอนเตสซอรี่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มวิชา ดังนี้ 1. กลุ่มประสบการณ์ชีวิต (Practical Life Exercises) เน้นการฝึกการช่วยเหลือตนเอง การดูแลกิจวัตรประจำวันและการดูแลสิ่งแวดล้อม ฝึกการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่ และการประสานสัมพันธ์ตาและมือ พัฒนาความเป็นตัว ของตัวเอง ฝึกสมาธิ และระเบียบวินัย และช่วยเชื่อมโยงเด็กระหว่างบ้านกับโรงเรียน 2. กลุ่มประสาทสัมผัส (Sensorial Exercises) เน้นการพัฒนาประสาทสัมผัสทั้งห้า ฝึกฝนให้เป็นคนช่างสังเกต ฝึกการทำงานอย่างเป็นระบบ รู้จักแก้ไขข้อผิดพลาดในการทำงานด้วยตนเอง และมีความคิดสร้างสรรค์ เด็กจะได้สำรวจ ค้นหาและทำความเข้าใจกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว อันจะเป็นการเปิดเส้นทางสู่การเรียนรู้โลก ภายนอกต่อไป 3. กลุ่มวิชาการ (Academic Introduction) มุ่งฝึกพื้นฐานที่ถูกต้องในการเรียนภาษาและคณิตศาสตร์ เด็กจะได้เรียนรู้ผ่านกระบวนการ อย่าง เป็นขั้นตอนจากรูปธรรมไปสู่นามธรรม โดยใช้อุปกรณ์ของมอนเตสซอรี่เป็นสื่อในการ เรียนรู้ เช่น ฝึกเขียนจากประสาทสัมผัสโดยการใช้ตัวอักษรกระดาษทราย ฝึกเรียนรู้จำนวน และตัวเลขจากการนับลูกปัด เป็นต้น
การจัดชั้นเรียนแบบมอนเตสซอรี่ การจัดชั้นเรียนแบบมอนเตสซอรี่เป็นชั้นเรียนแบบคละอายุ เพื่อเป็นการจำลอง บรรยากาศของบ้าน มุ่งหวังให้เด็กรู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พี่จะมีโอกาสช่วยเหลือและ เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับน้อง ขณะที่น้องก็จะมีโอกาสทำตามแบบอย่างของพี่ เป็นการฝึก ทักษะการใช้ชีวิตในสังคมที่บุคคลมีความแตกต่างกัน นอกจากนี้คุณครูจะจัดกิจกรรม การเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลของเด็ก อุปกรณ์การสอนแบบมอนเตสซอรี่ อุปกรณ์ของมอนเตสซอรี่ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็ก แต่ละวัยและผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่าเป็นอุปกรณ์ที่เด็กชอบ และเหมาะกับวัยของเด็กอย่าง แท้จริง อุปกรณ์แต่ละชิ้นจะมีจุดมุ่งหมายเฉพาะในการใช้และครอบคลุมหลักสูตรทั้ง 3 กลุ่ม วิชา ซึ่งโรงเรียนมอนเตสซอรี่ทั่วโลกจะใช้อุปกรณ์แบบเดียวกันทั้งหมด แต่ปรับให้เข้ากับ บริบทของแต่ละท้องถิ่น อุปกรณ์จะถูกจัดเรียงอย่างเป็นระบบ ตามลำดับจากง่ายไปหายาก และมีขนาดที่เหมาะกับเด็ก เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้มีอิสระในการเลือกใช้อุปกรณ์ได้ตาม ความต้องการ 2. การสอนภาษาแบบสมดุลภาษา (Balanced Literacy Approach) การสอนภาษาแบบสมดุลภาษาเป็นวิธีการที่รวมการสอนทั้งการสะกดคำและ คำนึงถึงความสอดคล้องกับพัฒนาการทางภาษาและการเรียนรู้ภาษาของเด็ก ซึ่งพัฒนามา จากการสอนภาษาธรรมชาติ (Whole Language) ครอบคลุมทั้งทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน เน้นให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาในสถานการณ์จริงจากบริบทที่อยู่รอบตัว และใช้ภาษาอย่างมีความหมายในชีวิตประจำวัน
3. ทฤษฎีการเรียนรู้พหุปัญญา (Multiple Intelligences) โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ทำการ ทดลองและวิจัยด้านอัจฉริยะภาพของมนุษย์ และค้นพบทฤษฎีพหุปัญญาที่เชื่อว่าคนเรามี อัจฉริยะภาพหรือปัญญาอย่างน้อย 8 ด้าน และในคนหนึ่งก็มีครบทั้ง 8 ด้าน เพียงแต่ว่าจะมี บางด้านที่เด่นกว่าด้านอื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชีววิทยาของบุคคล สภาพแวดล้อม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ครอบครัว และการฝึกฝนแต่วัยเยาว์ ปัญญา 8 ด้าน ได้แก่ ด้านภาษาและ การสื่อสาร ด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ ด้านมิติและการจินตภาพ ด้านร่างกายและ การเคลื่อนไหว ด้านดนตรี ด้านมนุษยสัมพันธ์และการเข้าใจผู้อื่น ด้านการเข้าใจตนเอง และด้านธรรมชาติ การให้เด็กได้มีโอกาสทำกิจกรรมที่หลากหลาย ผ่านหลักสูตรที่เหมาะสมกับ พัฒนาการและกระบวนการสังเกตที่เป็นระบบของครูและผู้ปกครอง จะทำให้สามารถค้นพบ ศักยภาพที่แตกต่างกันของเด็กแต่ละคน และส่งเสริมให้เด็กทุกคนได้รับการพัฒนาอย่างเต็ม ตามศักยภาพและสมดุล 4. การเรียนรู้แบบโครงการ (Project Approach) การจัดการเรียนรู้แบบโครงการเป็นวิธีการสอนที่เปิดโอกาสให้เด็กเรียนรู้โดย การสืบค้นหาข้อมูลอย่างลุ่มลึกในหัวเรื่องที่เด็กสนใจ ซึ่งในชั้นอนุบาลจะเริ่มด้วยการสืบค้น ด้วยกันทั้งชั้นเรียน โดยมีคุณครูเป็นผู้อำนวยความสะดวก (facilitator) ให้เกิดการเรียนรู้ แล้วจึงต่อยอดไปสู่การสืบค้นแบบกลุ่มเล็ก และรายบุคคลในระดับชั้นที่สูงขึ้น หัวเรื่องที่เลือก ในชั้นอนุบาลจะเป็นเรื่องที่มีความหมายต่อชีวิตของเด็ก และคุณครูสามารถช่วยบูรณาการ สาระ เช่น คณิตศาสตร์ ภาษา วิทยาศาสตร์ ฯลฯ ในการทำโครงการของเด็กได้ด้วย การ เรียนรู้แบบโครงการนี้จะช่วยให้เด็กได้ประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะที่มีอยู่ ได้พัฒนาทักษะ การทำงานร่วมกับผู้อื่น ฝึกทักษะกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ และแสดงให้เห็นถึง ความสามารถและความถนัดในตัวเด็ก
กิจกรรมการเรียนรู้ในโรงเรียนอนุบาลปาริมา >> โรงเรียนอนุบาลปาริมา พิษษณุโลกได้นำแนวคิดและทฤษฎีการเรียนรู้ดังกล่าวมา บูรณาการและจัดกิจกรรมที่ช่วยในการพัฒนาเด็กๆ อย่างรอบด้านดังต่อไปนี้ << กิจกรรมมอนเตสซอรี่ (Montessori) เด็กๆ จะได้เรียนรู้อย่างมีความสุข ผ่านกระบวนการและอุปกรณ์มอนเตสซอรี่ที่ตนเองสนใจ ทั้งกลุ่มประสบการณ์ชีวิต กลุ่มประสาทสัมผัสและกลุ่มวิชาการ << ภาษาอังกฤษ (English) เรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติกับครูต่างชาติ ภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่น ผ่านกิจกรรมที่หลากหลายทั้งเพลง เกม และนิทานที่สนุกสนาน เพื่อปลูกฝังให้เด็กรักการเรียนภาษา กล้าพูด กล้าแสดงออกได้อย่างเหมาะสม << ภาษาจีน (Chinese) เรียนรู้ภาษาจีนขั้นพื้นฐานด้วยหลักสูตร Chinese Genius Program ผ่านบทเพลง บัตรคำ และเกมที่สนุกสนาน เพื่อสร้างทัศนติที่ดีต่อภาษาจีน << ศิลปะสร้างสรรค์(Art and Craft) แสดงความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการผ่านงานศิลปะที่หลากหลาย ทั้งการระบายสี การตัด การปะ การปั้น การร้อย และการประดิษฐ์สิ่งของ << ดนตรี(Music and Movement) ส่งเสริมให้เด็กรู้จักการฟังเพลง การเรียนรู้จังหวะ ด้วยหลักสูตร Kindermusik ปลูกฝังให้มีอารมณ์สุนทรีในการฟังเพลง มีอารมณ์อ่อนโยน และมีสมาธิที่ดีเพื่อเป็นพื้นฐานในการเรียนต่อไป << พืชผักสวนครัว (Gardening) เรียนรู้การดูแลธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สามารถนำผักที่ปลูกไปประกอบอาหารใน กิจกรรมทำอาหาร เกิดความภาคภูมิใจในผลงาน มีทัศนคติที่ดีต่อการรับประทานผัก และรู้จักคุณประโยชน์ของผักแต่ละชนิด
<< ท าอาหาร (Cooking) ฝึกการทำงานอย่างมีขั้นตอน การใช้ทักษะ กล้ามเนื้อ และบูรณาการความรู้จากวิชาต่างๆ ทั้งคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษา และศิลปะ เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ด้วยการลงมือปฏิบัติ และได้เรียนรู้คุณค่าของอาหารประเภทต่างๆ << ว่ายน้ า (Swimming) ส่งเสริมให้เด็กมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เริ่มต้นจากการให้เด็กคุ้นเคยกับน้ำ ฝึกการหายใจ ฝึกการหมุนแขนและการตีขา และพัฒนาไปสู่การว่ายน้ำในสระได้ << ห้องสมุด (Library) ปลูกฝังให้เด็กรักการอ่านและมีทัศนคติที่ดีต่อการค้นคว้าหาความรู้ ฝึกการยืมและคืนหนังสือ เลือกหนังสือที่สนใจ พัฒนาภาษาและการแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องที่อ่านอย่างสร้างสรรค์ << ธรรมชาติน่ารู้ (Nature around me) รู้จักธรรมชาติรอบตัว อาทิ ดิน ไม้ ทราย น้ำ พืช และสัตว์ ปลูกฝังให้เด็กรักและเห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อมในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ << กิจกรรมกลางแจ้ง (Outdoor Play) สนุกกับกิจกรรมการกลางแจ้ง ทั้งการเล่นเครื่องเล่นสนาม การขี่จักรยานและการเล่นน้ำ และทราย ฝึกการใช้กล้ามเนื้อทั้งมัดเล็กและมัดใหญ่ให้แข็งแรง สมดุล ยืดหยุ่น เพื่อให้เด็กๆ มีสุขภาพแข็งแรง สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างคล่องแคล่ว และเหมาะสมกับวัย << Rainbow Activity กิจกรรมแสนสนุกที่เด็กๆ จะได้เลือกเข้าร่วมกิจกรรมด้วยตนเอง ทั้งคณิตศาสตร์น่ารู้ หนูน้อยนักวิทยาศาสตร์ นิทานหรรษา ดนตรีและนันทนาการ และเกมแสนสนุก ซึ่งจะมีกิจกรรมดีๆ สอดแทรกสาระทางวิชาการ หมุนเปลี่ยนกันไปในแต่ละสัปดาห ์ นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังได้จัดกิจกรรมต่างๆ เช่น วันไหว้ครู วันพ่อ วันแม่ วันลอย กระทง วันเข้าพรรษา วันคริสตมาส วันเด็ก กีฬาสี และกิจกรรมวันปิดภาคเรียน เพื่อให้ เด็กๆ ได้ต่อยอดการเรียนรู้จากในห้องเรียน ฝึกทักษะการสื่อสารและการกล้าแสดงออก รู้จักการทำงานเป็นทีมและการแก้ปัญหา
กิจกรรมการเรียนรู้แสนสนุก >> เด็กๆจะได้เรียนรู้อย่างมีความสุขผ่านกิจกรรมการเรียนรู้แสนสนุกดังนี้ 07.30 – 08.10 น. รับเด็ก ตรวจสุขภาพ เล่นอิสระ : Welcome & health check 08.10 – 08.30 น. เคารพธงชาติ : Flag ceremony 08.30 – 09.10 น. กิจกรรมกลางแจ้ง : Outdoor play 09.10 – 09.30 น. รับประทานอาหารว่าง : Snack time 09.30 – 09.50 น. กิจกรรมภาษาอังกฤษ (1) : English time (1) 09.50 – 10.10 น. กิจกรรมบริหารสมอง : Brain gym กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ : Music and movement 10.10 – 10.30 น. กิจกรรมเสริมประสบการณ์ : Circle time 10.30 – 10.50 น. กิจกรรมแสนสนุกประจำวัน (1) : Fun activity (1) 10.50 – 11.10 น. กิจกรรมแสนสนุกประจำวัน (2) : Fun activity (2) 11.10 – 12.00 น. อาหารกลางวัน อาบน้ำ แปรงฟัน : Bath time 12.00 – 12.15 น. นิทานก่อนนอน : Story time 12.15 – 14.00 น. นอนหลับพักผ่อน : Naptime 14.00 – 14.20 น. รับประทานอาหารว่าง : Snack time 14.20 – 14.40 น. กิจกรรมภาษาอังกฤษ (2) : English time (2) 14.40 – 15.20 น. เกมการศึกษา : Educational game 15.20 – 15.40 น. สรุปบทเรียน เตรียมตัวกลับบ้าน : Wrap up time หมายเหตุ * กิจกรรมแสนสนุกประจำวันจะหมุนเวียนไปในแต่ละวัน ได้แก่ กิจกรรมมอนเตสซอรี่ ภาษาจีน กิจกรรมกลางแจ้ง ทำอาหาร ดนตรี ศิลปะ ธรรมชาติน่ารู้ พืชผัก สวนครัว ห้องสมุด ว่ายน้ำ (เริ่มเรียนชั้นอนุบาล 2) และ Rainbow Activity (เริ่มเรียน ชั้นอนุบาล 1) * ตารางกิจกรรมมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม
ระเบียบการรับสมัคร >> คุณสมบัติผู้สมัคร รับนักเรียนไป-กลับ ทั้งชายและหญิง ระดับชั้นเตรียมอนุบาล อายุตั้งแต่ 2 ปี (นับอายุถึงวันที่ 16 พฤษภาคม ของแต่ละปี) มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ และมีพัฒนาการที่เหมาะสมกับวัย การจัดภาคเรียน ภาคเรียนที่ 1 เดือน พฤษภาคม ถึง เดือน กันยายน ภาคเรียนที่ 2 เดือน พฤศจิกายน ถึง เดือน มีนาคม การรับสมัคร รับสมัครนักเรียน 4 ช่วงดังนี้ ช่วงที่ 1 เปิดเรียนกลางเดือนพฤษภาคม ช่วงที่ 2 เปิดเรียนต้นเดือนสิงหาคม ช่วงที่ 3 เปิดเรียนต้นเดือนพฤศจิกายน ช่วงที่ 4 เปิดเรียนต้นเดือนมกราคม เอกสารประกอบการสมัคร สูติบัตรฉบับจริงและสำเนา 1 ฉบับ ทะเบียนบ้านฉบับจริงและสำเนา 1 ฉบับ สำเนาบัตรประชาชนบิดาและมารดา คนละ 1 ฉบับ สำเนาทะเบียนบ้านบิดาและมารดา คนละ 1 ฉบับ รูปถ่ายเด็กขนาด 1 นิ้ว จำนวน 1 รูป รูปถ่ายผู้ที่จะมารับเด็ก (จำนวน 2 คน คนละ 1 รูป) สมุดวัคซีน หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ (ถ้ามี) เวลาเรียน วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เวลา 8.30 – 15.40 น. (หยุดวันเสาร์ – อาทิตย์ วันหยุดราชการ และวันปิดประจำภาคเรียน ซึ่งทางโรงเรียน จะแจ้งให้ทราบในแต่ละปี)
การรับส่งนักเรียน >> การส่งนักเรียน ผู้ปกครองส่งนักเรียนได้ตั้งแต่เวลา 7.30 น. และไม่ควรส่งเกิน 8.00 น. เพื่อให้เด็ก ได้มีเวลาเล่นอิสระเพื่อเปิดสวิตช์ให้สมองก่อนเริ่มกิจกรรมการเรียนรู้ในช่วงเช้าต่อไป การรับนักเรียน ผู้ปกครองสามารถรับนักเรียนได้ตั้งแต่เวลา 15.40 น. และกรุณานำบัตรรับเด็กมา ด้วยทุกครั้ง หากไม่สามารถมารับด้วยตนเองได้ให้ดำเนินการดังนี้ - โทรศัพท์แจ้งชื่อและนามสกุลของผู้ที่จะมารับแทนที่แผนกธุรการ - มอบบัตรรับเด็กให้ผู้ที่มารับแทน - ผู้มารับแทนแสดงบัตรรับเด็กและบัตรประจำตัวประชาชนต่อทางโรงเรียน ค่าธรรมเนียมการศึกษา >> ค่าธรรมเนียมการศึกษา (สำหรับนักเรียนที่เข้าเรียนในปีการศึกษา 2567) ระดับชั้นเตรียมอนุบาล ภาคเรียนละ 23,000 บาท แต่ละภาคเรียนสามารถแบ่งชำระได้ 2 ครั้ง ดังนี้ ภาคเรียนที่ 1 ชำระเดือนเมษายนและกรกฎาคม ภาคเรียนที่ 2 ชำระเดือนกันยายนและพฤศจิกายน ค่าลงทะเบียนแรกเข้าและของใช้แรกเข้า 2,000 บาท ** อัตรานี้ รวม ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าวัสดุอุปกรณ์การเรียน ค่าอาหารกลางวัน ค่าอาหารว่าง ค่าบำรุงสระว่ายน้ำ และค่าบำรุงห้องสมุด ** ** อัตรานี้ ไม่รวม ค่าเครื่องแบบและค่าประกันอุบัติเหตุ ** ** ผู้มีสวัสดิการเบิกค่าธรรมเนียมการเรียน กรุณาตรวจสอบสิทธิ์การเบิกกับต้นสังกัด **
Parima GrapeSEED English Communication Solution ตั้งแต่ปีการศึกษา 2556 โรงเรียนอนุบาลปาริมา พิษณุโลกได้เริ่มจัดการเรียนการสอน โปรแกรม GrapeSEED English Communication Solution ซึ่งเป็นกระบวนการเรียนการ สอนภาษาอังกฤษที่เน้นการสื่อสาร โดยเน้นหลักการ English Immersion Methodology ที่นักเรียนจะมีโอกาสซึมซับภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีการแปลคำศัพท์ ไม่ต้องมี การจดจำคำศัพท์หรือหลักไวยากรณ์ และไม่ใช้การออกเสียงในภาษาไทยมาเทียบกับ ภาษาอังกฤษ การเรียนการสอนในห้องเรียน การเรียนการสอนในห้อง GrapeSEED ได้ผ่านการวางแผนการสอนมาอย่างละเอียด รอบคอบ รัดกุม ผ่านการค้นคว้าและวิจัยทางการศึกษาที่ผ่านการรวบรวมประสบการณ์จาก ห้องเรียนมานานกว่า 40 ปี และได้นำไปใช้ใน 20 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รัสเซีย มองโกเลีย จีน มาเลเซีย และบราซิล เป็นต้น มีการจัดเนื้อหาอย่างเป็น ระบบถึง 40 ระดับ (เรียนปีการศึกษาละ 4-5 ระดับ) มีห้องเรียนที่จัดเตรียมไว้โดยเฉพาะ พร้อมสื่อการเรียนการสอนที่ครบครัน และจำกัดจำนวนนักเรียนในแต่ละชั้นเรียนเพื่อให้การ เรียนรู้ของนักเรียนมีประสิทธิภาพสูงสุด สื่อการเรียนรู้ : Classroom Materials สื่อการสอนของโปรแกรม GrapeSEED ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักเรียนเกิด การเรียนรู้และเปิดรับทักษะใหม่ๆ โดยมีการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงในหลากหลาย รูปแบบ ได้แก่ * เพลง (songs) * นิทาน (stories) * บทกลอน (poems) * บัตรพยัญชนะ(phonogram cards) * บทท่อง (chants) * หนังสือพจนานุกรม (story dictionaries) * บัตรคำศัพท์ (vocabulary picture cards) * หนังสือเล่มใหญ่ (big books) เพื่อให้การเรียนรู้ของนักเรียนมีประสิทธิภาพและมีความสนุกสนาน นอกจากนี้ยังมี ชุดสื่อประกอบด้วย หนังสือ สมุดแบบฝึกหัด Portal และ Application ให้นักเรียนนำไป ทบทวนร่วมกับผู้ปกครองที่บ้านอีกด้วย
Repeated Exposure & Practice (REP) นอกจากการเรียน GrapeSEED Class ในช่วงเช้าแล้ว นักเรียนควรมีโอกาสได้ ทบทวนและฝึกฝนการใช้ภาษาด้วยกิจกรรม Repeated Exposure & Practice (REP) โดยการใช้สื่อ เช่น การฟังนิทานและเพลงใน 2 ช่วงเวลาดังนี้ * REP at School เป็นการทบทวนผ่านสื่อ REP ร่วมกับคุณครูและเพื่อนๆ ในช่วง บ่ายของแต่ละวัน * REP at Home เป็นการทบทวนผ่านสื่อ REP ร่วมกับผู้ปกครองที่บ้าน หากนักเรียนได้หมั่นทบทวนผ่านสื่ออย่างสม่ำเสมอทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน จะทำให้มี พัฒนาการทางภาษาที่ดีขึ้น ระดับชั้นที่เปิดสอน ชั้นอนุบาลปีที่ 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ** ทางโรงเรียนจะจัดประชุมผู้ปกครองนักเรียนชั้นเตรียมอนุบาลเพื่อชี้แจงหลักสูตร ก่อนขึ้นชั้นอนุบาลปีที่ 1 อีกครั้ง ** ค่ากิจกรรม ค่ากิจกรรมพร้อมสื่อการเรียนการสอน ปีการศึกษาละ 18,000 บาท (แบ่งชำระ 2 ครั้งในเดือนกุมภาพันธ์และเมษายน ซึ่งทางโรงเรียนจะแจ้งรายละเอียด การชำระเงินให้ทราบต่อไป) การสมัครเรียน โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่เพิ่มจากการเรียนการสอนปกติ ผู้ปกครองที่ต้องการ สมัครเรียน กรุณาแจ้งความจำนงที่แผนกธุรการ โทร. 0-5524-8977 เพื่อทางโรงเรียนจะได้ นำข้อมูลไปใช้ในการจัดชั้นเรียนต่อไป
Train a child in the way he should go, And when he is old He will not turn from it. จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาจะไม่พรากจากทางนั้น โรงเรียนอนุบาลปาริมา พิษณุโลก 150/3 ถนนประชาอุทิศ ซอย 9 ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 65000 โทรศัพท์/โทรสาร 0-5524-8977 www.parimaschool.com Email : [email protected] Facebook : www.facebook.com/parimaschool.phitsanulok