The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานอบรมออนไลน์เรื่องหลักสูตรสถานศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

รายงานการบรมการพัฒนาหลักสูตร

รายงานอบรมออนไลน์เรื่องหลักสูตรสถานศึกษา

3. การคดิ ผลติ ภาพ (Productive Skill)
ทักษะคิดผลิตภาพ (Productive Skill)เป็นทักษะท่ีพัฒนาขึนจากการคิดเชิงผลิตภาพซ่ึงเป็นความคิดใน
เชิงรปู ธรรม การตัดสินว่าบุคคลมีความคดิ เชิงผลิตภาพหรือไม่ ต้องดูว่าในทา้ ยที่สุดบุคคลนันมีผลงานหรือผลผลิต
หรอื ไม่ (วาสนา วิสฤตาภา. 2559 : 137)
นวลจิตต์ เชาวกีรติพงศ์ (2559 : 138) ได้กลา่ ววา่ คิดผลิตภาพหมายถึง ความสามารถทางสมองของบคุ คล
ในการท้าภาพที่เกิดขนึ ใหอ้ อกมาเป็นสิ่งท่ีเป็นผลิตภาพท่ีเป็นรูปธรรม สามารถน้าไปใช้แก้ปญั หาหรือท้าประโยชน์
ในงานต่างๆได้
ไพฑูรย์ สินลารัตน์ (2559 : 106) กล่าวว่าทักษะผลิตผล หรือการคิดผลิตภาพ คือ ทักษะในการจัดการ
และด้าเนินการเพ่ือให้ได้ผลผลิตขึนมา การที่จะมีผลผลิตขึนมาให้ได้นันจะต้องมีขันตอนและกระบวนการในการ
ด้าเนินงานพอสมควร ซ่ึงเริ่มด้วยการท่ีเราพิจารณาดูว่าส่ิงท่ีเราคิดนันมีองค์ประกอบด้านดี ไม่ดี ส่ิงท่ีเกี่ยวข้อง
อะไรบ้าง โดยเฉพาะถ้าเป็นโครงการหรือแนวปฏิบัติ ก็มีผูฝ้ ึก ผู้เรียน ซงึ่ เจตนาเลอื กตามผูฝ้ กึ ผ้เู รียนมีความสามารถ
ในการสรา้ งสง่ิ ต่างๆขนึ มาเอง
ไพฑูรย์ สินลารัตน์ (2559 : 138) กล่าวว่า การคิดผลิตภาพโดยท่ัวไปจะประกอบไปด้วย Situated
Learning and Prepare Real Learning Context การเรียนรู้กับสภาพจริงหรือการเตรียมบริบทตามสภาพจริง
โดยผู้สอนจะเป็นผู้เริ่มต้นด้วยการชีแจงจุดมุ่งหมายของการเรียนแล้วน้าเร่ืองด้วยปัญหาต่างๆ (Problem-based
Learning) ท่ีครูหยิบยกขึนมาถามชันเรียนว่าใครเห็นว่าปัญหาหรือไม่เป็นปัญหาอย่างไร หรืออาจจะหยิบยก
ประเด็นที่แม้ไม่เปน็ ปัญหาแต่กค็ วรจะท้าให้ดขี ึน หรืออีกกรณีหน่ึงอาจจะเป็นประสบการณ์ข้อคดิ ของผูเ้ รียนเองที่
เคยพบมา เคยคิดมากอ่ นหรอื ได้ยินไดฟ้ ังมาแต่อยากรเู้ พิม่ เติม
ในขนั ตอนนีครูจะตอ้ งพยายามและสังเกตวา่ สง่ิ ที่น้ามาให้เดก็ หรือใหค้ ิดเองนันเป็นส่ิงท่ีเดก็ สนใจจริงๆ จึง
จะท้าให้การเรียนประสบความส้าเร็จและได้ผลดี Self-Directed Learning and Cooperative Learning การ
เรียนรดู้ ้วยการน้าตนเองและการเรียนรดู้ ้วยการท้างานร่วมกันเม่ือได้ประเดน็ เรอื่ งราว หัวข้อ สิ่งของ ที่เราอยากรู้
อยากเห็น อยากท้าแล้ว ครูจะต้องให้เด็กคิดพิจารณาเองเพ่ือให้ทุกคนชัดเจนในประเด็นของตนเอง ซึ่งอาจจะ
รว่ มกนั กา้ หนดจุดม่งุ หมาย รว่ มกนั ก้าหนดเปา้ หมายท่ีผลลัพธ์ที่ตอ้ งการได้ อยากเหน็ อะไรจากสิง่ ที่คิดและเสนอกัน
นนั ในขันตอนนีครตู ้องกระตุ้นให้เดก็ คิดเองแลว้ แลกเปล่ียนกนั อกี ทหี นง่ึ
การทดสอบแนวคิดในขันนีคือการทดสอบจะสามารถชักจูง (Convince) ให้คนอ่ืนเขาเห็นตามเราได้
หรือไม่ดว้ ย ในขันตอนนีผเู้ รียนควรจะได้รบั การสอนให้คิดให้ตลอดว่าปัญหาที่ตังไวแ้ ตต่ ้นจะคิดแก้อย่างไร Work-
Based Learning and Collaborative Learning คือ การลงมือทา้ และท้าแบบร่วมมอื ในแนวคดิ Collaborative-
Based Learning ถือว่าการปฏบิ ัติงานไม่วา่ งานอะไรต้องทา้ งานร่วมกันอยู่เสมอ การลงมอื ร่วมกันจงึ เปน็ สิง่ ส้าคัญ
เพราะในชวี ิตจริงไม่มกี ารทา้ งานใดทที่ ้าคนเดยี ว

หลักส่วนใหญข่ องขันตอนนีก็คือ การให้ผเู้ รยี นไดไ้ ปหาประสบการณ์ตรงจากทีว่ างแผนตังแตข่ ันตอนก่อน
Assess-Based and Follow-up ขันตอนนีคือการประเมินและติดตามดูว่าผู้เรียนท้าได้ผลเพียงไร ควรปรับปรุง
อะไรบา้ ง การประเมนิ ทต่ี อ้ งอาศยั คนนอกมาชว่ ยด้วย
เม่อื ประเมินแก้ไขแล้วกต็ ้องตดิ ตามทุกอย่างว่าได้แก้ไขจริงจังตามท่ีก้าหนดไวห้ รือไม่เพียงใด Linkage Stage and
Market the Product เมื่อได้ผลผลิตแลว้ ต้องเชอ่ื มโยงกบั เหตกุ ารณ์กบั ผใู้ ช้
จรงิ ถา้ ผ้ใู ช้เห็นด้วยและบอกไดว้ า่ ใช้ได้แคไ่ หนและจะเผยแพรไ่ ด้แคไ่ หน

(Zhao, 2012, p.208 อ้างถึงใน ไพฑูรย์ สินลารัตน์, 2559) ในบางกรณีขันตอนนีอาจน้าไปสู่การจัดการ
เรือ่ งการขายตอ่ ไปดว้ ย โดยเหตุนกี ารคิดผลิตภาพหรือการคิดในเชิงผลิตภาพ (Productivity-based Thinking) จึง
เป็นความจา้ เปน็ ของสังคมทส่ี ร้างสรรค์ สืบเนือ่ งและเชือ่ มตอ่ สงั คมให้ก้าวหน้าตอ่ ไป
คุณลักษณะของคนท่ีมีความคิดผลติ ภาพ ไพฑูรย์ สินลารัตน์ (2559 :140) กล่าวถงึ คุณลักษณะของคนทีม่ ีความคิด
ผลิตภาพบคุ คลเหลา่ นีจะตอ้ งเป็นคนช่างสังเกต เรียนรู้ และสังเกตในสิ่งแวดล้อมรอบตัวอยูเ่ สมอพร้อมทงั มุ่งม่ันใน
สิ่งทจ่ี ะท้าซง่ึ รวม 7 ลกั ษณะ

1. ช่างสังเกต
2. คิดตอ่ เน่ือง
3. มองเห็นทางแนวปฏิบัติและปรบั ปรงุ ได้เสมอ
4. มองเชื่อมโยงกบั ผลผลิต
5. คดิ และท้าด้วยพรอ้ มกันไป
6. ม่งุ ทา้ ให้เสร็จคิดใหต้ ลอด
7. พร้อมรับการทดสอบ การประเมนิ และการต้าหนิ
Zhao (2012 : 191-193 อ้างถึงใน ไพฑรู ย์ สนิ ลารัตน์. 2559) เสนอลักษณะของผู้เรยี นในเชงิ คดิ ผลติ ภาพ
ว่าส่วนใหญ่เป็นคนมีความสขุ มีความม่ันใจ มีความรับผิดชอบ มีความคิดสร้างสรรค์ มีแรงบันดาลใจ และรับรู้ได้
ชัดเจน
สรปุ ว่า ทกั ษะผลติ ผล หรือการคิดผลติ ภาพ หมายถงึ ความสามารถทางสมองของบุคคลในการจัดการและ
ดา้ เนินการเพื่อให้ได้ผลผลิตขึนมาค้านึงถึงผลผลิต มวี ิธีการและคุณภาพผลงานมีมูลค่าหรือคุณค่าเพิม่ ขึน สามารถ
น้าไปใช้แก้ปัญหาหรือท้าประโยชน์ในงานต่างๆได้ โดยคุณลักษณะของคนท่ีมีความคิดผลิตภาพบุคคลเหล่านี
จะต้องเปน็ คนช่างสังเกต คิดต่อเน่ืองเช่ือมโยงกบั ผลผลิตคิดให้ตลอดมุ่งท้าให้เสร็จ มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นคนมี
ความสุข มคี วามม่นั ใจ มีความรบั ผิดชอบ มีแรงบันดาลใจ
4. จิตสานกึ ทางสังคม (Social-consciousness)
วริ ัตน์ ค้าศรีจันทร์ (2544 อ้างถงึ ใน ธณิตชากร ปิตาระโพธิ์, 2556) ให้ความหมายว่า จิตส้านึกทางสังคม
เปน็ กระบวนการคดิ และลกั ษณะของบุคคลทม่ี ีการปฏิบัติโดยมีกระบวนการในระดับบุคคลไปสสู่ าธารณะมีความรัก
และรู้สึกเป็นเจา้ ของสาธารณะ ต้องการท่ีจะทา้ ประโยชนม์ ากกวา่ ที่จะรบั จากสาธารณะ

ชยั วัฒน์ สุทธิรัตน์ (2552 อ้างถึงใน ธณิตชากร ปิตาระโพธิ์, 2556) ให้ความหมายว่า จิตส้านึกทางสังคม
เป็นการกระท้าด้วยจิตวญิ ญาณทมี่ คี วามรกั ความห่วงใย ความเออื อาทรตอ่ คนอื่นและสงั คมโดยรวม การมคี ณุ ธรรม
จริยธรรม และการไม่กระท้าท่ีเสื่อมเสียหรือเป็นปัญหาต่อสังคม ประเทศชาติ การมีจิตที่คิดสร้างสรรค์ เป็นกุศล
และมงุ่ ท้ากรรมดที ี่เปน็ ประโยชน์ต่อสว่ นรวม คิดในทางที่ดี ไม่ทา้ ลาย
เบียดเบียนบคุ คล สังคม วัฒนธรรมประเทศชาติและส่ิงแวดลอ้ ม การกระท้าค้าพดู ทีจ่ ากความคิดท่ีดี การลดความ
ขดั แย้งและการใหข้ วญั และกา้ ลังใจตอ่ กนั เพือ่ ใหส้ ังคมโดยรวมมคี วามสุข

นิติธร ปิลวาสน์ (2557 : ออนไลน์) ให้ความหมายว่า จิตส้านึกทางสังคม เป็นความสามารถในการ
แสดงออกถึงการรับรเู้ กี่ยวกบั ตนเองว่าเปน็ สว่ นหนึ่งของสังคมและสง่ิ แวดล้อม การแสดงพฤตกิ รรมอย่างเหมาะสม
ในการสร้างความสมั พันธ์ระหวา่ งตนเองกับสังคมส่ิงแวดล้อม เพอ่ื ให้สามารถอย่ใู นสงั คมไดอ้ ยา่ งมีความสุข

ไพฑูรย์ สินลารัตน์ (2554) ได้กล่าวถึงแนวทางการสร้างความรับผิดชอบไว้ดังนีเน้นการพัฒนาภายในตัว
บุคคล เพ่ือเปล่ียนแปลงและสร้างให้ผู้เรียนตระหนักถึงคุณค่าภายในตัวเองและคงอัตลักษณ์ของตนไว้ได้เน้นการ
พัฒนาการเชอื่ มโยงความเขา้ ใจของตนเองกบั การเข้าใจสังคมเพอ่ื เปล่ียนแปลงสงั คมโดยรวมใหด้ ีขึน เพ่ือเช่อื มโยง
ทุกสรรพสิ่งเข้าด้วยกันเน้นการพัฒนาแบบองค์รวม ทังเชิงรูปธรรมและนามธรรม ระหว่างตนเองและสังคมเน้น
ความรักและความเมตตาทังต่อตนเอง สังคม และส่ิงแวดล้อมเน้นการสร้างความรับผิดชอบบนพืนฐานของ
วฒั นธรรมไทย เพื่อสร้างผู้เรียนสามารถอยู่ในสังคมและเป็นที่ยอมรับในความเปน็ ไทย สามารถน้าไปปฏบิ ัติไดจ้ ริง
ในบริบทของสังคมไทยและน้าวถิ ีความเป็นไทยไปสู่สังคมโลกผลที่ได้จากการสร้างและพฒั นาความรับผิดชอบตาม
แนวนี จะเป็นการแผ่ขยายจากปัจเจกบุคคลสู่สังคมในวงกว้าง ก่อให้เกิดความรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อสังคม ต่อ
สิ่งแวดลอ้ ม และตอ่ วฒั นธรรม

การปลูกฝังความรับผิดชอบให้กับผู้เรียน มี 2 เร่ือง คือจิตความเคารพ เป็นการรับรู้และยอมรับในความ
แตกต่างของเพื่อนมนุษย์ บุคคลไม่สามารถแบ่งแยกกันได้อย่างเด็ดขาด การเรียนรู้เพ่ือท่ีจะอยู่ร่วมกันกับเพ่ือน
มนุษย์ได้ด้วยความปรารถนาดี และยอมรับความคดิ เห็นของผู้อืน่ เป็นสิง่ จ้าเปน็ จิตจรยิ ธรรม เป็นความรับผิดชอบ
ของบุคคลในฐานะทเ่ี ป็นมนุษย์และประชากรท่ีดี ของโลกทไ่ี มส่ รา้ งความเดือดร้อนใหก้ ับตนเองและผ้อู ื่นคือไม่เห็น
แก่ประโยชน์สว่ นตนส้าคัญกวา่ ส่วนรวม

สรปุ ได้วา่ จติ สา้ นึกทางสังคม หมายถงึ การแสดงออกซึงการกระท้าทดี่ ี มีความเหมาะสม ยึดม่ันคุณธรรม
จริยธรรม เกรงกลัวต่อการท้าผิด มุ่งกระท้าส่ิงดีท่ีเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม มีความส้านึก ไม่ท้าลายเบียดเบียน
บุคคล สังคม วัฒนธรรมประเทศชาตเิ พอื่ ให้สามารถอยู่ในสงั คมได้อย่างมคี วามสขุ

6. ประโยชนท์ ีไ่ ดร้ บั จากการเข้าร่วมอบรม
1. มีความเข้าใจเกยี่ วกบั การพัฒนาหลกั สตู รสถานศกึ ษา
2.สามารถออกแบบวิสยั ทศั นโ์ ครงสรา้ งหลักสตู รสถานศึกษาและค้าอธบิ ายรายวชิ าได้

7. แนวทางในการนาความรู้ ทกั ษะทไี่ ด้รับจากการการเข้ารว่ มอบรมไปปรับใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์ มดี ังน้ี
1. ขยายผลการอบรมหลักสูตรให้ครใู นสังกัดเทศบาลต้าบลบ้านแซวได้รับทราบเพื่อจะได้เข้ารับการอบรม

และน้าความรไู้ ปพัฒนาหลกั สตู รตอ่ ไป
2. แนะน้าหลักสตู รดงั กลา่ ว ให้ครูทั่วประเทศผ่าน Face book และ ไลน์กลุ่มเข้าร่วมอบรมหลักสูตรการ

พัฒนาหลักสตู รสถานศกึ ษา
3. น้าผลทไี่ ด้จากการอบรมไปพฒั นาหลกั สตู รสถานศึกษา ศนู ย์พฒั นาเด็กเลก็ ในปกี ารศึกษา 2563 ตอ่ ไป

8. เอกสารทไี่ ด้รบั จากการไปราชการ / การอบรมสัมมนา มีดังตอ่ ไปน้ี คอื
- หนังสือคู่มือโดยหลักสตู รสถานศึกษา (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มนตรี วงษส์ ะพาน ภาควชิ าหลักสูตรและ
การสอน คณะศึกษาศาสตรม์ หาวทิ ยาลัยมหาสารคาม)
- Power point ประกอบคา้ บรรยายบทที่ 1
- Power point ประกอบคา้ บรรยายบทท่ี 2
- Power point ประกอบค้าบรรยายบทท่ี 3
- วุฒบิ ัตรอบรม

ลงช่อื ..................................................ผ้รู ายงาน ลงชื่อ..................................................ผ้ตู รวจสอบ
(นางสาวมนปรยิ ารตั น์ เจิมเฉลิม ) (นางกชนันท์ ทรายทอง )
ครูชา้ นาญการ
นักวชิ าการศึกษาช้านาญ การรกั ษาการแทน
ผู้อ้านวยการกองการศกึ ษา

ภาคผนวก

- ไฟลเ์ อกสารการพัฒนาหลกั สตู ร
(โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มนตรี วงษ์สะพาน ภาควชิ าหลักสูตรและการสอน คณะศกึ ษาศาสตร์มหาวิทยาลยั

มหาสารคาม)
- เกียรติบัตรผา่ นการอบรม


Click to View FlipBook Version