หลักการบริหารยาพ่นในระบบทางเดินหายใจเด็ก เสนอ อาจารย์เ ย์ พ็ญ พ็ รัช รั ต์ โค้วไพโรจน์ สื่อ สื่ การนำ เสนอนี้เ นี้ป็น ป็ ส่ว ส่ นหนึ่ง นึ่ ของรายวิชวิาการพยาบาลเด็ก ด็ เเละวัย วั รุ่นรุ่ 2 ภาควิชวิาการพยาบาลกุม กุ ารเวชศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์เ ร์ กื้อ กื้ การุณ รุ ย์ มหาวิทวิยาลัย ลั นวมินมิทราธิรธิาช รหัสวิชวิา 2002102 ภาคการศึก ศึ ษาที่ 2 ปีก ปี ารศึก ศึ ษา 2565
1. Beta2 - adrenoceptor agonists: - เช่น Salbutamol, terbutaline สรรพคุณช่วยรักษาหรือป้องกันปัญหาเกี่ยวกับการหายใจในผู้ป่วยโรคหืด หรือโรค ระบบทางเดินหายใจ ยาที่ใช้ในการพ่นแบบNebulizer 2.Antimuscarinics (anticholinergics): เช่น Ipratropium, tiotropium ใช้ในผู้ป่วยCOPDมากที่สุด 3. Methylaxanthines: เช่น Theophylline, aminophylline ขยายหลอดเลือด , ลดการบวม/ต้านการอักเสบ (ควบคุมระบบหายใจ การหายใจมีแรงมากขึ้น หมายเหตุ ยาท้ัง 3 กลุ่มยังสามารถใช้ร่วมกันได้
การพ่น พ่ ยาเเบบ Nebulizer ข้อ ข้ บ่ง บ่ ชี้ 1. ให้ความชื้นร่วมกับอากาศหรือออกซิเจนที่เข้าสู่ ทางเดินหายใจ 2. ยาสามารถรักษาโรคในปอดและหลอดลมโดยตรง 3. น้ำ ที่เข้าสู่ปอดและทางเดินหายใจจะช่วยทำ กายภาพบำ บัดทรวงอก (chest physical therapy) อุป อุ กรณ์ 1. กระเปาะพ่นยา (Medicated nebulizer) 2. สายนำ ออกซิเจน 3. Drug, NSS 4. Mask พร้อมสายรัดขนาดเหมาะสมกับใบหน้า น้ 5. syringe
ภาพจาก: https://www.amazon.in/Mcp-Nebulizer-Child-Mask-Every/dp/B01CIC643O ภาพจาก: https://www.vernacare.com/ran ges/needles-syringes/syringes อุปกรณ์
การพยาบาลก่อนพ่น พ่ ยา ประเมินระดับ ความรู้สึกตัว ของผู้ป่ว ป่ ย ประเมินอัตราการ หายใจ ประเมินลักษณะ การหายใจ วัดค่าความเข้มข้น ของออกซิเจนใน เลือดจากปลายนิ้ว สังเกตสีผิว เล็บมือ เล็บเท้า และริม ฝีปาก จัดท่านอนหัวสูง มากกว่า 30 องศา
ขั้น ขั้ ตอนการพ่นยา ดูดยาใส่ในกระเปาะผสมกับน้ำ เกลือ ให้ได้ปริมาตรรวมประมาณ 2.5-4 มล. แล้วหมุนบิดตามเกลียวให้แน่น ต่อท่อแก๊สออกซิเจนที่ก้นกระเปาะ และต่อท่อกับเครื่อง air compressor ที่สามารถอัดอากาศได้อย่างอัตโนมัติ โดยไม่ต้องผ่านน้ำ ในเครื่อง Humidifier เปิดอัตราไหลของแก๊ส 6-8 ลิตร/นาที ต่อกระเปาะยากับ aerosol face mask ที่มีรูกลมเปิดที่ข้างจมูกทั้ง 2 ข้าง เเละ นำ ไปครอบที่ปากและจมูกของผู้ป่ว ป่ ย เคาะกระเปาะยาเป็นระยะๆ เพื่อเคาะให้ ยาที่ติดค้างข้างกระเปาะ ตกลงมาที่ก้น 10-15 นาที
ขั้นตอนการพ่นยารูปแบบ Nebulizer
1. ใช้ง่ายสะดวกโดยไม่ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ป่ว ป่ ย ใช้ใน ผู้ป่ว ป่ ยทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กทารกจนถึงผู้ใหญ่ ทั้งผู้ป่ว ป่ ยที่อาการ รุนแรงในไอซียูจนกระทั่งถึงการรักษาที่บ้าน 2. สามารถให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่ว ป่ ยอย่างต่อเนื่องได้ตลอดขณะพ่นยา 3. ส่วนผสมที่เป็นน้ำ เกลือจะมีส่วนช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ทางเดิน หายใจ ซึ่งจะทำ ให้ความเหนียวของเสมหะน้อ น้ ยลง 4. สามารถใช้ได้กับผู้ป่ว ป่ ยที่มีท่อหลอดลมคอและไม่หายใจเองโดย ต่อกับ resuscitation bag หรือเครื่องช่วยหายใจ 5. สามารถผสมยา 2 ชนิดพร้อมกันได้ในขณะเดียวกัน เช่น salbutamol กับ sodium cromo-glycate เป็นต้น ข้อ ข้ ดี ข้อ ข้ เสีย 1. เครื่องมือมีราคาแพง 2. เครื่องพ่นยาหรือแทงค์แก๊สมีขนาดใหญ่ขนย้ายไม่สะดวก พกติดตัวไม่ได้ 3. ใช้เวลาในการพ่นยาแต่ละครั้งค่อนข้างนานประมาณ 5-15 นาที 4. มีโอกาสเกิด contamination มากกว่าวิธีอื่น โดยเฉพาะถ้าต้อง ล้างกระเปาะเพื่อนำ มาใช้ใหม่หรือต้องผสมน้ำ เกลือกับยาก่อน พ่นทุกครั้ง 5. ขนาดยาที่ใช้แต่ละครั้งสูงกว่าและราคาแพงกว่าที่ให้โดยวิธีอื่น
อาการเเทรกซ้อน - มีวัตถุกันเสียในยาที่ใช้ - ยาละลายเสมหะและยาต้านจุลชีพ อาจทำ ให้เกิด หลอดลมหดเกร็งได้ - ยาขยายหลอดลมหากใช้นาน ๆ อาจทำ ให้เกิดโรคต้อหิน ในผู้ป่ว ป่ ยที่มีช่องหน้า น้ ลูกตาตื้นอยู่แล้วได้ - การใช้ยากลุ่ม b-agonists ขนาดสูง ๆ อาจทำ ให้มีภาวะ หัวใจเต้นผิดปกติได้ - ควรใช้ออกซิเจนในการพ่นยาของหลอดลมในเด็กที่มี อาการหอบมาก ๆ เพื่อป้อ ป้ งกันภาวะพร่องออกซิเจน เพราะขณะพ่นยาอาจทำ ให้เกิด ventilation - perfusion mismatch มากขึ้น - ในกรณีที่ผู้ป่ว ป่ ยหอบมาก สามารถใช้ยาขยายหลอดลมได้ ทุก 20 นาที x 3 ครั้ง เมื่อดีขึ้นจึงค่อย ๆ เลื่อนระยะเวลา ออกไปเป็นทุก 1, 2, 3, หรือ 4 ชั่วโมงตามลำ ดับ การประเมิน มิ หลังพ่น พ่ ยา
MDI WITH SPACER
อ ุ ปกรณ ยาพ นแบบละอองคว ั น Meter Dose Inhaler (MDI) กระบอกช วยพ นยา (Spacer)
ข ั้ น ั้ นตอนการพ น นยา ร ว วมก ั บ ั บกระบอกพ น นยา
ข ั้ น ั้ นตอนการพ น นยา ร ว วมก ั บ ั บกระบอกพ น นยา
MDI WITH SPACER
DPI : ยาสูดชนิดผงแห้ง หรือชื่อย่อ ดีพี่ไอ (dry powder inhaler, DPI) รักษาโรคที่ทางเดินหายใจถูกอุดกั้น เช่น โรคหืด (asthma) และ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง(chronic obstructive pulmonary disease; COPD) กลุ่มยา : ยากลุ่มต้านอักเสบ เช่น คอร์ทิโคสเตียรอยค์ (corticosteroid) และกลุ่มยาออกฤทธิ์ขยายหลอดลม เช่น ที โอฟิลลีน (theophylline)
ผลข้างเคียงจากยา : อาจทำ ให้เกิดข้างเคียง เช่น คัดจมูก ไอ จาม ปวดใบหน้า เป็นไข้ต่ำ หายใจมีเสียงหวีด แน่นหน้าอก ฝ้าขาวและบาดแผลในปากและริมฝีปาก การติดเชื้อราในช่อง ปาก ปวดหัว และคลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น หากพบผลข้างเคียง ติดต่อกันเป็นเวลานาน มีอาการรุนแรงขึ้นหรือพบอาการอื่น โดยเฉพาะอาการเหนื่อยล้า ไม่มีแรง สำ ลักหลังใช้ยา ตาพร่า ปวดตา อาการหอบรุนแรงขึ้น ปวดท้องส่วนบน ตัวเหลืองตา เหลือง ปัสสาวะเป็นสีน้ำ ตาลเข้มคล้ายโคล่า อุจจาระสีเข้ม หลายโคลน ควรไปพบแพทย์ทันที
ควรเก็บให้พ้นมือเด็ก หลีกเลี่ยงการโดนความร้อน ระวังไม่ให้เครื่องสูดพ่นมีความชื้น เมื่อใช้งานเสร็จแล้วควรทำ ความสะอาดโดยเช็ดบริเวณที่สัมผัสกับปาก ด้วยน้ำ อุ่น จากนั้นเช็ดให้แห้งและปิดฝาเมื่อไม่ได้ใช้ การเก็บรักษายา : ตัวอย่างยาที่มีจำ หน่ายในท้องตลาด : เช่น Spiriva" Handihaler ประกอบด้วยตัวยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์นาน, SymbicortTurbuhaler และ Seretide" Accuhaler ประกอบด้วยตัวยาส เตียรอยด์และยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์นาน
ขั้ขั้ ขั้ น ขั้ นตอนการพ่พ่ พ่ น พ่ นยารูรู รู ป รู ปแบบ Accuhaler 1. ใช้มือข้างหนึ่งถือเครื่องในลักษณะ แนวนอน หันด้านที่มีตัวเลขบอก จำ นวนยาไว้ด้านบน ใช้นิ้วหัวแม่มือ ของมืออีกข้างวางไว้ที่ร่องด้านข้างของ ตัวเครื่องและดันออกจากลำ ตัวจนสุด ดันแกนเลื่อนด้านในออกจากลำ ตัวจน สุด จนได้ยินเสียง คลิก 2. ผ่อนลมหายใจออกทางปาก ระวัง ไม่ให้พ่นลมหายใจเข้าไปในตัว เครื่อง อมปากกระบอกให้สนิทพร้อม กลับสูดหายใจเข้าทางปาก เร็ว แรง ลึก ดึงปากกระบอกออกจากปาก กลั้นหายใจไว้ประมาณ 10 วินาที ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออก 3. ใช้กระดาษหรือทิชชูแห้งเช็ด บริเวณปากกระบอก หลังจากนั้น ปิดเครื่อง โดยวางนิ้วไว้ที่ร่องและ ดันกลับเข้าหาตัวจนสุด การสูดยา ที่เป็นสเตียรอยด์ต้องบ้วนปาก และกลั้วคอทุกครั้ง
ขั้ขั้ ขั้ น ขั้ นตอนการพ่พ่ พ่ น พ่ นยารูรู รู ป รู ปแบบ Accuhaler
การพยาบาลก่อนพ้นยาชนิดผงแห้ง (Dry Powder Inhaler, DPI) 1. ประเมินภาวะขาดออกซิเจนโดยดูจากการหายใจเร็วกว่าอัตราปกติ ลักษณะการหายใจลําบาก หายใจไม่ออกมีเสียงครืคราด ปีกจมูกบานหรือภาวะเขียวร่วมด้วยหรือไม่หรืออาจใช้เครื่องมือPulse Oxemeter เพื่อดูระดับความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด (O2 sat) ในเด็กค่าปกติควรอยู่ในช่วง 90-100% รวมถึงวัด สัญญาณชีพอื่น ๆ ร่วมด้วย 2. ดูแลทางเดินหายใจให้โล่งโดยการทํากายภาพทรวงอก ดูดเสมหะ เพื่อลดการขัดขวางการนําออกซิเจนไปสู่ปอด 3. ดูแลให้ทางเดินหายใจตรงโดยอาจใช้ผ้าหนุนใต้คอและไหล่ เพื่อให้อากาศผ่านเข้าทางเดินหายใจได้ดี 4. ดูแลจัด Position ให้นอนศีรษะสูง เพื่อให้กระบังลมหย่อน ตัวปอดขยายตัวได้ดี 5. ดูแลให้ออกซิเจนและความชื้นตามแผนการรักษา เมื่อพบว่ามีการหายใจลําบากเกิดขึ้นเพื่อเพิ่ม O2 ในเลือดลดภาวะคั่งของ CO2 พร้อมติดตามประเมินผลอาการหายใจ และ O2sat ภายหลังได้รับ O2 เพื่อพิจารณาการรักษาพยาบาลเพิ่มเติม (O2 sat ควรอยู่ในช่วง 95-100% ขณะได้รับ O2) 6. ดูแลเรื่องความอบอุ่นให้เหมาะสม โดยเฉพาะในเด็กเล็กเพราะจะมีการดึงเอา O2 ไปใช้ในขบวนการ Metabolism เพื่อ เพิ่ม ความร้อนให้กับร่างกาย 7. อธิบายขั้นตอนการพน่ ยาให้แก่เด็กและผู้ปกครองเข้าใจ
การพยาบาลหลังพ่นยาชนิดผงแห้ง (Dry Powder Inhaler, DPI) 1. ประเมินการตอบสนองต่อยาพ่นขยายหลอดลมหลังพ่นยา โดยนับอัตราการหายใจและ อัตราการเต้นของหัวใจ สังเกตลักษณะการหายใจ ฟังเสียงลมเข้าปอด และฟังเสียงหวีดว่า ลดลงหรือไม่รวมถึงสังเกตผลข้างเคียงจากการได้รับยาในขนาดสูงคือ อาการมือสั่น คลื่นไส้ ภาวะโพแทสเซียม ในเลือดต่ำ ทำ ให้ใจสั่น หากพบผลข้างเคียงติดต่อกันเป็นเวลานาน มี อาการรุนแรงขึ้นหรือพบอาการอื่น โดยเฉพาะอาการเหนื่อยล้า ไม่มีแรง สำ ลักหลังใช้ยา ตาพร่าควรไปพบแพทย์ทันที 2. ทำ ความสะอาดโดยผ้าหรือกระดาษทิชชูให้สะอาด ห้ามใช้น้ำ ล้าง แล้วทำ การปิดฝาให้ สนิด เพราะอาจมีความชื้นปนเปื้อนเข้าไปข้างในตัวเครื่อง ส่งผลให้ตัวยาสำ คัญในรูปผง แห้งที่เกาะอยู่กับสารเพิ่มปริมาณหลอมรวมกัน ตัวยาสำ คัญจะหลุดออกเป็นละอองยายาก และเสี่ยงต่อการอุดตันภายในตัวเครื่อง
บรรณานุก นุ รม กมลชนก ภูมิชัยสุวรรณ์. (2656). ข้อควรรู้ในการใช้ยาสูดพ่นสำ หรับโรคหืดและโรคปอดอุดกั้น กั้ เรื้อรัง. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก https://pharmacy.mahidol.ac.th/dic/knowledge_full.php?id=54 คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.(2566).ข้อควรรู้ในการใช้ยาสูดพ่นสำ หรับโรคหืดและโรคปอดอุดกั้น กั้ เรื้อรัง.สืบค้น จาก.https://pharmacy.mahidol.ac.th จรุงจิตร์ งามไพบูลย์. (2560). Nebulization Therapy. [ออนไลน์]. เข้าถึงจาก http://www.cai.md.chula.ac.th/lesson/nebulization/index.html จินตนา วิชญเศรณี. (2561). การพ่นยา Nebulization ในผู้ป่วยใช้เคร่ืองช่วยหายใจ. [ออนไลน์]. เข้าถึงจาก https://www.huahinhospital.go.th/file_doc/files-10135.pdf จงรักษ์ อุตรารัชต์กิจ และอรุณวรรณ พฤทธิพันธ์. (2540). การบริหารยาพ่นแบบละอองในเด็ก. ในปกิต วิชยานนท์. (บรรณาธิการ). Update in allergy : theory and Practice.(หน้า 186-191). กรุงเทพฯ : ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล และสมาคมโรคภูมิแพ้ และอิมมูโนวิทยาแห่งประเทศไทย โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์. (2561). รู้ก่อนใช้ยาพ่นคอ. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/metered-dose-inhaler
6 4 0 2 1 0 1 1 0 1 น า ง ส า ว ป า ลิ น ญ า รั ก ษ์ เ ล ข ที่ 9 7 6 4 0 2 1 0 1 1 0 2 น า ง ส า ว ปิ ม ปิ เ ป ร ม ณ์ พ ร ห ม ส า ข า ณ ส ก ล น ค ร เ ล ข ที่ 9 8 6 4 0 2 1 0 1 1 0 3 น า ง ส า ว ปิ ย ปิ ด า แ ซ่ จิ ว เ ล ข ที่ 9 9 6 4 0 2 1 0 1 1 0 5 น า ง ส า ว ปิ ย ปิ ภั ส บุ้ ง ท อ ง เ ล ข ที่ 1 0 0 6 4 0 2 1 0 1 1 0 6 น า ง ส า ว ปิ ย ปิ ะ ธิ ด า เ ป า ริ ก ริ เ ล ข ที่ 1 0 1 6 4 0 2 1 0 1 1 0 7 น า ง ส า ว ปิ ย ปิ า อ ร พ ร ม น อ ก เ ล ข ที่ 1 0 2 6 4 0 2 1 0 1 1 0 8 น า ง ส า ว ปุ ณ ปุ ณ ภ า นิ วั ฒ น์ เ ล ข ที่ 1 0 3 6 4 0 2 1 0 1 1 0 9 น า ง ส า ว ปุ ณ ปุ ย า พ ร ม า สู ง เ นิ น เ ล ข ที่ 1 0 4 6 4 0 2 1 0 1 1 1 0 น า ง ส า ว ผ ก า รั ต น์ ท า โ พ ธิ์ เ ล ข ที่ 1 0 5 6 4 0 2 1 0 1 1 1 1 น า ง ส า ว พ ช ร ม น พั น ธ์ น้ อ ย เ ล ข ที่ 1 0 6 6 4 0 2 1 0 1 1 1 2 น า ง ส า ว พ ร ทิ ว า แ ส น วั ง ศ รี เ ล ข ที่ 1 0 7 6 4 0 2 1 0 1 1 1 3 น า ง ส า ว พ ร น ภั ส กิ จ ถ า ว ร เ ล ข ที่ 1 0 8 6 4 0 2 1 0 1 1 1 4 น า ง ส า ว พ ร พิ ม ล ชู ท อ ง เ ล ข ที่ 1 0 9 6 4 0 2 1 0 1 1 1 5 น า ง ส า ว พ ร ร ณ ธิ ภ า คุ้ ม ทิ ม เ ล ข ที่ 1 1 0 6 4 0 2 1 0 1 1 1 6 น า ง ส า ว พ ร ร ณ ษ า แ ส ง ส วั ส ดิ์ เ ล ข ที่ 1 1 1 6 4 0 2 1 0 1 1 1 7 น า ง ส า ว พ ล อ ย น ภั ส ชิ ต ต ร ะ กู ล เ ล ข ที่ 1 1 2 6 4 0 2 1 0 1 1 1 8 น า ง ส า ว พั ช ร พ ร ก า ชั ย เ ล ข ที่ 1 1 3 ร า ย ชื่ อ ส ม า ชิ ก