การพ่น ยาในเด็ก การพ่น ยาในเด็ก LET'S GET STARTED!
การพ่น พ่ ยาเเบบ Nebulizer ข้อ ข้ บ่ง บ่ ชี้ 1. ให้ความชื้นร่วมกับอากาศหรือออกซิเจนที่เข้าสู่ ทางเดินหายใจ 2. ยาสามารถรักษาโรคในปอดและหลอดลมโดยตรง 3. น้ำ ที่เข้าสู่ปอดและทางเดินหายใจจะช่วยทำ กายภาพบำ บัดทรวงอก (chest physical therapy) อุป อุ กรณ์ 1. กระเปาะพ่นยา (Medicated nebulizer) 2. สายนำ ออกซิเจน 3. Drug, NSS 4. Mask พร้อมสายรัดขนาดเหมาะสมกับใบหน้า น้ 5. syringe
ภาพจาก: https://www.amazon.in/Mcp-Nebulizer-Child-Mask-Every/dp/B01CIC643O ภาพจาก: https://www.vernacare.com/ran ges/needles-syringes/syringes อุปกรณ์
การพยาบาลก่อนพ่น พ่ ยา ประเมินระดับ ความรู้สึกตัว ของผู้ป่ว ป่ ย ประเมินอัตราการ หายใจ ประเมินลักษณะ การหายใจ วัดค่าความเข้มข้น ของออกซิเจนใน เลือดจากปลายนิ้ว สังเกตสีผิว เล็บมือ เล็บเท้า และริม ฝีปาก จัดท่านอนหัวสูง มากกว่า 30 องศา
ขั้น ขั้ ตอนการพ่นยา ดูดยาใส่ในกระเปาะผสมกับน้ำ เกลือ ให้ได้ปริมาตรรวมประมาณ 2.5-4 มล. แล้วหมุนบิดตามเกลียวให้แน่น ต่อท่อแก๊สออกซิเจนที่ก้นกระเปาะ และต่อท่อกับเครื่อง air compressor ที่สามารถอัดอากาศได้อย่างอัตโนมัติ โดยไม่ต้องผ่านน้ำ ในเครื่อง Humidifier เปิดอัตราไหลของแก๊ส 6-8 ลิตร/นาที ต่อกระเปาะยากับ aerosol face mask ที่มีรูกลมเปิดที่ข้างจมูกทั้ง 2 ข้าง เเละ นำ ไปครอบที่ปากและจมูกของผู้ป่ว ป่ ย เคาะกระเปาะยาเป็นระยะๆ เพื่อเคาะให้ ยาที่ติดค้างข้างกระเปาะ ตกลงมาที่ก้น 10-15 นาที
ขั้นตอนการพ่นยารูปแบบ Nebulizer
1. ใช้ง่ายสะดวกโดยไม่ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ป่ว ป่ ย ใช้ใน ผู้ป่ว ป่ ยทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กทารกจนถึงผู้ใหญ่ ทั้งผู้ป่ว ป่ ยที่อาการ รุนแรงในไอซียูจนกระทั่งถึงการรักษาที่บ้าน 2. สามารถให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่ว ป่ ยอย่างต่อเนื่องได้ตลอดขณะพ่นยา 3. ส่วนผสมที่เป็นน้ำ เกลือจะมีส่วนช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ทางเดิน หายใจ ซึ่งจะทำ ให้ความเหนียวของเสมหะน้อ น้ ยลง 4. สามารถใช้ได้กับผู้ป่ว ป่ ยที่มีท่อหลอดลมคอและไม่หายใจเองโดย ต่อกับ resuscitation bag หรือเครื่องช่วยหายใจ 5. สามารถผสมยา 2 ชนิดพร้อมกันได้ในขณะเดียวกัน เช่น salbutamol กับ sodium cromo-glycate เป็นต้น ข้อ ข้ ดี ข้อ ข้ เสีย 1. เครื่องมือมีราคาแพง 2. เครื่องพ่นยาหรือแทงค์แก๊สมีขนาดใหญ่ขนย้ายไม่สะดวก พกติดตัวไม่ได้ 3. ใช้เวลาในการพ่นยาแต่ละครั้งค่อนข้างนานประมาณ 5-15 นาที 4. มีโอกาสเกิด contamination มากกว่าวิธีอื่น โดยเฉพาะถ้าต้อง ล้างกระเปาะเพื่อนำ มาใช้ใหม่หรือต้องผสมน้ำ เกลือกับยาก่อน พ่นทุกครั้ง 5. ขนาดยาที่ใช้แต่ละครั้งสูงกว่าและราคาแพงกว่าที่ให้โดยวิธีอื่น
อาการเเทรกซ้อน - มีวัตถุกันเสียในยาที่ใช้ - ยาละลายเสมหะและยาต้านจุลชีพ อาจทำ ให้เกิด หลอดลมหดเกร็งได้ - ยาขยายหลอดลมหากใช้นาน ๆ อาจทำ ให้เกิดโรคต้อหิน ในผู้ป่ว ป่ ยที่มีช่องหน้า น้ ลูกตาตื้นอยู่แล้วได้ - การใช้ยากลุ่ม b-agonists ขนาดสูง ๆ อาจทำ ให้มีภาวะ หัวใจเต้นผิดปกติได้ - ควรใช้ออกซิเจนในการพ่นยาของหลอดลมในเด็กที่มี อาการหอบมาก ๆ เพื่อป้อ ป้ งกันภาวะพร่องออกซิเจน เพราะขณะพ่นยาอาจทำ ให้เกิด ventilation - perfusion mismatch มากขึ้น - ในกรณีที่ผู้ป่ว ป่ ยหอบมาก สามารถใช้ยาขยายหลอดลมได้ ทุก 20 นาที x 3 ครั้ง เมื่อดีขึ้นจึงค่อย ๆ เลื่อนระยะเวลา ออกไปเป็นทุก 1, 2, 3, หรือ 4 ชั่วโมงตามลำ ดับ การประเมิน มิ หลังพ่น พ่ ยา
DPI : ยาส ู ดชน ิ ดผงแห ้ ง หร ื อช ื่ อย ่ อ ด ี พ ี่ไอ (dry powder inhaler, DPI) ร ั กษาโรคท ี่ ทางเด ิ นหายใจถ ู กอ ุ ดก ั้ น เช ่ น โรคห ื ด (asthma) และ โรคปอดอ ุ ดก ั้ นเร ื้ อร ั ง(chronic obstructive pulmonary disease; COPD) กลุ่มยา : ยากลุ่มต ้ านอ ั กเสบ เช ่ น คอร ์ ท ิโคสเต ี ยรอยค ์(corticosteroid) และกลุ่มยาออกฤทธ ิ์ ขยายหลอดลม เช ่ น ท ีโอฟิ ลล ี น (theophylline)
ผลข ้ างเค ี ยงจากยา : อาจทําให ้ เก ิ ดข ้ างเค ี ยง เช ่ น ค ั ดจม ู ก ไอ จาม ปวดใบหน ้ า เป็ นไข ้ ตํ่า หายใจม ี เส ี ยงหว ี ด แน ่ นหน ้ าอก ฝ ้ าขาวและบาดแผลในปากและร ิ มฝีปาก การต ิ ดเช ื้ อราในช ่ อง ปาก ปวดห ั ว และคล ื่ นไส ้ อาเจ ี ยน เป็ นต ้ น หากพบผลข ้ างเค ี ยง ต ิ ดต ่ อก ั นเป็ นเวลานาน ม ี อาการร ุ นแรงข ึ้ นหร ื อพบอาการอ ื่ น โดยเฉพาะอาการเหน ื่ อยล ้ า ไม ่ ม ี แรง สําล ั กหล ั งใช ้ ยา ตาพร ่ า ปวดตา อาการหอบร ุ นแรงข ึ้ น ปวดท ้ องส ่ วนบน ต ั วเหล ื องตา เหล ื อง ปัสสาวะเป็ นส ี นํ้าตาลเข ้ มคล ้ ายโคล ่ า อ ุ จจาระส ี เข ้ ม หลายโคลน ควรไปพบแพทย ์ ท ั นท ี
ควรเก ็ บให ้ พ ้ นม ื อเด ็ ก หล ี กเล ี่ ยงการโดนความร ้ อน ระว ั งไม ่ให ้ เคร ื่ องส ู ดพ ่ นม ี ความช ื้ น เม ื่ อใช ้ งานเสร็ จแล ้ วควรทําความสะอาดโดยเช็ ดบร ิ เวณท ี่ สั มผ ัสก ั บปาก ด ้ วยนํ้าอุ่น จากน ั้ นเช็ ดให ้ แห ้ งและปิ ดฝาเม ื่ อไม ่ได ้ใช ้ การเก ็ บร ั กษายา : ต ั วอย ่ างยาท ี่ ม ี จําหน ่ ายในท ้ องตลาด : เช ่ น Spiriva" Handihaler ประกอบด ้ วยต ั วยาขยายหลอดลมชน ิ ดออกฤทธ ิ์ นาน, SymbicortTurbuhaler และ Seretide" Accuhaler ประกอบด ้ วยต ั วยาส เต ี ยรอยด ์ และยาขยายหลอดลมชน ิ ดออกฤทธ ิ์ นาน
ข ั้ น ั้ นตอนการพ ่ น ่ นยาร ู ป ู ปแบบ Accuhaler
MDI WITH SPAENCER
อุปกรณ์ ยาพ่นแบบละอองควัน Meter Dose Inhaler (MDI) กระบอกช่วยพ่นยา (Spacer)
วิธีทำ ความสะอาดกระบอกพ่นยา 1.ถอดชิ้นส่วนของกระบอกแยกออกจากกัน 2.ทำ ความสะอาดด้วยน้ำ ยาล้างจานหรือสบู่อ่อนๆให้กับน้ำ 1ลิตร ต่อน้ำ ยาล้างจาน1หยดห้ามขัดถูเพราะจะไปทำ ให้สเปรย์พ่นยาเป็น ปัญหาและเกิดไฟฟ้าสถิตที่ผนังของกระบอก 3.หลังจากทำ ความสะอาดเสร็จแล้วควรผึ่งให้แห้งโดยไม่ต้องล้าง ตามปกติซึ่งควรทำ ความสะอาดเมื่อเนื้อเพลงพ่นยาสเปรย์แบน หรือย้อนกลับมา1ครั้ง
1.ถือหลอดยาในแนวตั้ง โดยให้ปากหลอดยาที่มีฝาครอบอยู่ด้านล่าง ขั้ขั้ ขั้ น ขั้ นตอนการพ่พ่ พ่ น พ่ นยา ร่ร่ ร่ ว ร่ วมกักั กั บ กั บกระบอกพ่พ่ พ่ น พ่ นยา 3.ต่อหลอดยาเข้ากับช่องเสียบกระบอก โดยให้หลอดยาอยู่ในแนวตั้ง และปากหลอดยาอยู่ด้านล่างเสมอ 2.เขย่าหลอดยาในแนวดิ่ง 5-10 ครั้ง 4.ครอบหน้ากากของกระบอก ให้คลุมตั้งแต่จมูกและปากให้สนิทพอสมควร
5. กดหลอดยาอย่างแรงจนมีละอองยาเข้าไปในกระบอก 1 ครั้ง และให้ผู้ป่วยหายใจเข้า-ออกธรรมดาทันทีในขณะที่หน้ากากยังครอบสนิทอยู่ ในเด็กอาจจะใช้วิธีนับหายใจเข้า-ออก 10 ครั้ง โดยไม่ต้องกลั้นหายใจระหว่างนั้น แต่ให้สังเกตลักษณะการหายใจของผู้ป่วย ขั้ขั้ ขั้ น ขั้ นตอนการพ่พ่ พ่ น พ่ นยา ร่ร่ ร่ ว ร่ วมกักั กั บ กั บกระบอกพ่พ่ พ่ น พ่ นยา 6. กรณีที่ต้องใช้ยามากกว่า 1 กด ให้รอประมาณ 1 นาที ก่อนใช้ยาพ่น กดครั้งที่ 2 และปฏิบัติซ้ำ ตามขั้นตอนที่ 3-5 7. ถ้าพ่นยาเป็นสเตียรอยด์ (steroid) ควรบ้วนปากหลังพ่นยาทุกครั้ง และล้างหรือเช็ดทำ ความสะอาดผิวหนังบริเวณจมูก และรอบปากที่ถูกครอบด้วยหน้ากาก
MDI WITH SPAENCER