นายอดิศร กล้าหาญ รายงานการปฏิบัติหน้าที่ ผู้ตัดสินกีฬาชักกะเย่อสากล การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 48 ระหว่างวันที่ 14 – 20 สิงหาคม 2566 ณ โรงเรียนวัดวังขนาย จังหวัดกาญจนบุรี ตำแหน่ง ครู โรงเรียนวัดดอนไร่ สำนักงานเขพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุพรรณบุรีเขต ๓ กระทรางศึกษาธิการ
บันทึกข้อความ ส่วนราชการ โรงเรียนวัดนางบวช ต.นางบวช อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ที่ ........../2566 วันที่ 21 สิงหาคม 2566 เรื่อง รายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ผู้ตัดสินการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 48 “กาญจนบุรีเกมส์” เรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดดอนไร่ สิ่งที่แนบมาด้วย 1. หนังสือขอตัวบุคลากร ที่ กก 5110/ว8679 จำนวน 1 ชุด 2. หนังสือขอตัวบุคลากร ที่ ศธ 04162/2228 จำนวน 1 ชุด 3. บันทึกขออนุญาตไปราชการ จำนวน 1 ชุด 4. แบบรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ จำนวน ๑ ชุด ตามที่จังหวัดกาญจนบุรีได้รับการคัดเลือกจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ให้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬา แห่งชาติ ครั้งที่ 48 รอบชิงแชมป์ประเทศไทย "กาญจนบุรีเกมส์" ระหว่างวันที่ 14 - 31 สิงหาคม 2566 ณ จังหวัดกาญจนบุรีทางสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย ได้จัดการแข่งขันกีฬาชักกะเย่อสากล ในรายการดังกล่าวระหว่างวันที่ 14 – 20 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ณ โรงเรียนวัดวังขนาย จังหวัดกาญจนบุรี ในการนี้ข้าพเจ้า นายอดิศร กล้าหาญ ตำแหน่ง ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โรงเรียนวัดดอนไร่ ได้ปฏิบัติหน้าที่ผู้ตัดสินกีฬาชักกะเย่อสากล ตามที่ทางสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ผู้ตัดสินกีฬาชักกะเย่อในรายการดังกล่าว ระหว่างวันที่ 14 – 20 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ณ โรงเรียนวัดวังขนาย จังหวัดกาญจนบุรีบัดนี้ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว เสร็จเรียบร้อยแล้วและได้รับรางวัลผู้ตัดสินยอดเยี่ยมประจำการแข่งขันในครั้งนี้โดยข้าพเจ้าจึงขอนำส่งรายงาน การปฏิบัติหน้าที่มาพร้อมกับหนังสือฉบับนี้ จึงเรียนมาเพื่อทราบ ลงชื่อ ................................................ (นายอดิศร กล้าหาญ) ตำแหน่ง ครู ความคิดเห็นของผู้อำนวยการโรงเรียน ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. (ลงชื่อ) ................................................ (นางสาวมารยาท คงเมือง) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดดอนไร่ บันทึกภาพการแข่งขัน
แบบรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ผู้ตัดสินการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 48 รอบชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย "กาญจนบุรีเกมส์" งานพัฒนาบุคลากร ฝ่ายบริหารงานบุคคล โรงเรียนวัดดอนไร่ ๑. การปฏิบัติหน้าที่ เรื่อง : การปฏิบัติหน้าที่ผู้ตัดสินการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 48 วัน เดือน ปี ที่ดำเนินการ : 14 – 20 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ : เรียนรู้รวมเป็นเวลาจำนวน 56 ชั่วโมง หน่วยงานที่จัดกิจกรรม : การกีฬาแห่งประเทศไทย ๒. รายละเอียดการปฏิบัติหน้าที่ ตามที่จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับการคัดเลือกจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ให้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬา แห่งชาติ ครั้งที่ 48 รอบชิงแชมป์ประเทศไทย "กาญจนบุรีเกมส์" ระหว่างวันที่ 14 - 31 สิงหาคม 2566 ณ จังหวัดกาญจนบุรี ทางสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย ได้จัดการแข่งขันกีฬาชักกะเย่อสากล ในรายการดังกล่าวระหว่างวันที่ 14 – 20 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ณ โรงเรียนวัดวังขนาย จังหวัดกาญจนบุรี ในการนี้ทางสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย ได้จัดการแข่งขันกีฬาชักกะเย่อสากลในรายการ ดังกล่าว ระหว่างวันที่ 14 – 20 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ณ โรงเรียนวัดวังขนาย จังหวัดกาญจนบุรีโดยแบ่ง ออกเป็น 2 ประเภท ประกอบด้วยประเภททีมชาย รุ่นน้ำหนักรวมไม่เกิน 600 กิโลกรัม และประเภททีมหญิง รุ่นน้ำหนักรวมไม่เกิน 500 กิโลกรัม มีทีมที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาแข่งขันทั้งหมด 14 ทีม ประกอบด้วย 1. จังหวัดฉะเชิงเทรา 8. จังหวัดกาญจนบุรี 2. จังหวดกำแพงเพชร 9. จังหวัดเชียงใหม่ 3. จังหวัดอุบลราชธานี 10. จังหวัดสตูล 4. จังหวัดชลบุรี 11. จังหวัดนครปฐม 5. จังหวัดนครศรีธรรมราช 12. จังหวัดอำนาจเจริญ 6. จังหวัดสุพรรณบุรี 13. จังหวัดนครสวรรค์ 7. จังหวัดกรุงเทพมหานครฯ 14. จังหวัดอุดรธานี วัตถุประสงค์โครงการ 1. เพื่อส่งเสริมการแข่งขันกีฬาชักกะเย่อสากลให้เป็นที่รู้จักและค้นหานักกีฬาเพื่อเข้ามาเป็นนักกีฬา ชักกะเย่อทีมชาติไทย 2. เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ โดยมีกีฬาชักกะเย่อเป็นทางเลือกในการ ทำกิจกรรม กิจกรรม/การดำเนินงาน - การแข่งขันกีฬาชักกะเย่อสากลในร่ม (INDOOR TUG OF WAR) ประเภททีม 4 คน และประเภททีม 8 คน โดยมีรายละเอียดการปฏิบัติหน้าที่ดังนี้ วันที่ 1 - ประชุมทีมเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน - การตรวจอุปกรณ์การแข่งขัน และสนามแข่งขัน วันที่ 2 - ชั่งน้ำหนักนักกีฬา โดยประเภททีมชาย 8 คน น้ำหนักรวมไม่เกิน 600 กิโลกรัม
และประเภททีมหญิง 8 คน น้ำหนักรวมไม่เกิน 500 กิโลกรัม - ประชุมผู้จัดการทีม ร่วมกับตัวแทนสมาคมกีฬาและตัวแทนการกีฬาแห่งประเทศไทย วันที่ 3 - แข่งขันประเภททีม 4 คน ทั้งทีมชายและทีมหญิงในรอบแรก เพื่อหาทีมเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เข้าไปชิงเหรียญรางวัลในรอบต่อไป วันที่ 4 - แข่งขันประเภททีม 4 คน ทั้งทีมชายและทีมหญิงในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และรอบรอง ชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ วันที่ 5 - นักกีฬาพักการแข่งขัน - ผู้ตัดสินเข้าประชุมสรุปผลการแข่งขันและการปฏิบัติหน้าที่กับทางการกีฬาแห่ง ประเทศไทย วันที่ 6 - แข่งขันประเภททีม 8 คน ทั้งทีมชายและทีมหญิงในรอบแรก เพื่อหาทีมเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เข้าไปชิงเหรียญรางวัลในรอบต่อไป วันที่ 7 - แข่งขันประเภททีม 4 คน ทั้งทีมชายและทีมหญิงในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และรอบรอง ชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ - พิธีปิดการแข่งขัน สำหรับการเตรียมสนามการแข่งขันและการตรวจเช็คอุปกรณ์การแข่งขัน เพื่อรับรองว่าสนามและอุปกรณ์ที่ใช้ใน การแข่งขันมีมาตารฐานในระดับสากล โดยมีรายละเอียดดังนี้ พื้นที่ใช้ทำการแข่งขัน วัสดุที่ใช้ทำพื้นผิวของสนาม (ลู่ยาง) ควรเป็นวัสดุที่ช่วยยึดรองเท้าสำหรับการ แข่งขันแบบในร่มไม่ให้ลื่นและต้องได้รับการรับรองจากสหพันธ์กีฬาชักกะเย่อโลก (TWIF) ความยาวของลู่ยาง ยาว 36 เมตร ความกว้างของลู่อยู่ระหว่าง 100-120 ซม. หรือ 1-1.20 เมตร ทำเครื่องหมายเป็นเส้นกึ่งกลาง 1 เส้นและเส้นด้านข้างทั้ง 2 ด้านอีกด้านละ 1 เส้นโดยให้ห่างจากเส้นกึ่งกลางด้านละ 4 เมตร (ตามภาพ)
คุณลักษณะของเชือก ขนาดมิติของเชือก จะต้องมีขนาดเส้นรอบวงไม่น้อยกว่า 10 ซม.หรือไม่มากกว่า 12.5 ซม.และจะต้องไม่มีปมหรือที่ไว้สำหรับมือยึดถือ ปลายเชือกจะต้องทำเป็นปมปิดขนาดความยาวของเชือก จะต้องไม่น้อยกว่า 33.5 เมตร (ตามภาพ) การทำเครื่องหมายเชือกสำหรับการแข่งขันในร่มใช้เทป 3 ชิ้นหรือ 3 เครื่องหมายพันบนเชือกดังต่อไปนี้ - เทปที่ 1 ให้พันบริเวณกึ่งกลางเชือก - เทปที่ 2 ให้พันห่างจากจุดกึ่งกลางออกไปทั้ง 2 ด้านๆ ละ 2.5 เมตร - เทปที่ใช้พันตามข้อ เอและบี จะต้องเป็น 2 สีต่างกัน (ตามภาพ) การตรวจความพร้อมของสนามและอุปกรณ์การแข่งขันของเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากการกีฬาแห่งประเทศไทย
- กรรมการการชั่งน้ำหนักและการประทับตรา นักกีฬาแต่ละท่านจะขึ้นชั่งน้ำหนักบนตาชั่งของทาง สมาคมกำหนด ในการชั่งแบบเป็นทางการจะมีการชั่งน้ำหนักเพียงแค่ครั้งเดียว หลังจากการชั่งน้ำหนักนักกีฬา น้ำหนักจะมีการบันทึกไว้ในระบบโปรแกรมเอ็กเซลและกระดาษโดยมีการเซ็นต์กำกับด้วยลายมือของ คณะกรรมการอีกครั้งหนึ่งเพื่อยืนยันความถูกต้อง หลังจากนั้นนักกีฬาจะได้รับใบรับรองน้ำหนักซึ่งนักกีฬาจะต้อง ส่งใบรับรองดังกล่าวให้กับโค้ชของตัวเองในแต่ละทีม โดยมีคณะกรรมการจะประทับตราน้ำหนักของนักกีฬาที่ บริเวณแขนของนักกีฬาคนนั้นๆ - ทีมและผู้เล่นสำรอง จำนวนผู้เล่นในทีมประเภทผู้เล่น 8 คน แต่ละทีมจะต้องมีผู้เล่นจำนวน 8 คน ตั้งแต่เริ่มต้นการแข่งขันและประเภทผู้เล่น 4 คน แต่ละทีมจะต้องมีผู้เล่นจำนวน 4 คนตั้งแต่เริ่มต้นการ แข่งขัน ในการเปลี่ยนตัวผู้เล่นสำรองจะสามารถกระทำได้ด้วยเหตุผลทางด้านแท็คติคหรือเกิดจากการบาดเจ็บ ของนักกีฬา การเปลี่ยนตัวผู้เล่นสำรองจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อหลังจากที่ทีมได้ผ่านการชั่งน้ำหนักและเสร็จสิ้นการ แข่งขันในครั้งแรกของแมทช์แรกผู้เล่นที่ถูกเปลี่ยนตัวจะไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันในแมทช์ถัดไปทุกแมทช์ใน การแข่งขันรุ่นน้ำหนักนั้นๆ ผู้เล่นสำรองจะต้องเป็นผู้ที่จดทะเบียนเป็นผู้เล่นของสมาคมกีฬาจังหวัดนั้นๆที่เป็น ตัวแทน โดยมีขั้นตอนในการเปลี่ยนตัวดังนี้ ผู้เล่นทั้งที่ถูกเปลี่ยนเข้าไปและถูกเปลี่ยนออกจะต้องรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมการแข่งขันที่ กำหนดไว้ในสภาพการแต่งกายที่สมบูรณ์ (สวมเสื้อเชิ้ตกางเกงสั้น ถุงเท้ายาวและรองเท้า) พร้อมด้วยใบรับรอง ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปยังเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องการเปลี่ยนตัวซึ่งจะถูกกำหนดโดยหัวหน้าคณะผู้ตัดสิน 1. ใบรับรองจะถูกใช้เพื่อเช็คความถูกต้องของนักกีฬาและพิกัดน้ำหนักโดยผ่านการสแกนและพิมพ์ ข้อมูลดังกล่าวเข้าไปในระบบข้อมูล การจัดเตรียมสนามและอุปกรณ์การแข่งขัน การชั่งน้ำหนักนักกีฬา
2. ผู้เล่นตัวสำรองจะต้องมีน้ำหนักเท่ากับหรือน้อยกว่าผู้เล่นที่ถูกเปลี่ยนตัวออกน้ำหนักรวมของทีมจะไม่ สามารถเกินกำหนดในแต่ละรุ่นได้จากการเปลี่ยนตัวสำรองถึงแม้ว่าทีมจะส่งผู้เล่นที่มีน้ำหนักรวมน้อยกว่าน้ำหนัก สูงสุดที่อนุญาตตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นการแข่งขันก็ตาม 3. หลังจากที่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นสำรองหัวหน้าผู้ตัดสินหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องยกเลิกตรา ประทับหรือการทำเครื่องหมายของผู้เล่นที่ถูกเปลี่ยนตัวออกในทันที และให้ทำการประทับตราหรือทำ เครื่องหมายลงบนผู้เล่นสำรองแทน โดยจะต้องทำเครื่องหมายที่เห็นได้ชัดเจน หัวหน้าผู้ตัดสินหรือเจ้าหน้าที่ที่ เกี่ยวข้องจะต้องบันทึกลงในใบรับรองน้ำหนัก ด้วยการเพิ่มและการตัดหมายเลขรับรองของผู้เล่นทั้งที่ถูกเปลี่ยน เข้าและเปลี่ยนออกทั้งหมด การทำหน้าที่ผู้ตัดสิน (Center Judge) ในการแข่งขันครั้งนี้ได้แบ่งผู้ตัดสินออกเป็น 4 ชุด โดยแต่ละ ชุดจะมีผู้ตัดสินทั้งหมด 3 คน โดยทำหน้าที่ผู้ตัดสิน (Center Judge) 1 คนและผู้ช่วยผู้ตัดสิน (Side Judge) 2 คน ทำหน้าที่สลับหมุนเวียนตามโปรแกรมการแข่งขัน และในทุกๆวันก่อนการแข่งขันจะมีการประชุมทีมผู้ตัดสิน เพื่อมอบหมายหน้าที่และทบทวนกติกา หลังจากจบการแข่งขันในแต่ละวันจะมีการประชุมผู้ตัดสินอีกครั้งเพื่อ สรุปและทบทวนปัญหาในการทำหน้าที่แต่ละวัน การทำหน้าที่ผู้ตัดสิน (Center Judge)
๓. สิ่งที่ได้จากการปฏิบัติหน้าที่ รางวัลผู้ตัดสินยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน รางวัลผู้ตัดสินยอดเยี่ยมเป็นรางวัลที่สร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ตัดสินที่มาทำหน้าที่ในการแข่งขัน โดยเป็นรางวัลจากการกีฬาแห่งประเทศไทยและสมาคมกีฬาชักกะเย่อสากลแห่งประเทศไทยที่มอบให้กับผู้ตัดสิน กีฬาชักกะเย่อสากลที่ทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้องเป็นที่ยอมรับของผู้จัดการทีม นักกีฬา และผู้ตัดสินที่ทำหหน้าที่ใน การแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 48 โดยมีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้ตัดสินยอดเยี่ยม ในการคัดเลือกผู้ตัดสินยอด เยี่ยมจะเป็นการลงคะแนนจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องดังนี้ - ผู้จัดการทีมที่ส่งทีมเข้าแข่งขันในกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 48 ทั้งหมด 14 จังหวัด 14 คน - ตัวแทนนักกีฬาของแต่ละทีมที่เข้าแข่งขันในกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 48 ทั้งประเภททีมชายและ ทีมหญิงทีมละ 1 คน จำนวน 28 คน - ผู้ตัดสินกีฬาชักกะเย่อสากลที่ทำหน้าที่ในกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 48 จำนวน 12 คน โดยผลการลงคะแนนได้เลือกให้ข้าพเจ้า นายอดิศร กล้าหาญ ได้รับตำแหน่งผู้ตัดสินยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน กีฬาชักกเย่อสากล ในรายการแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 48 “กาญจนบุรีเกมส์” ประวัติกีฬาชักกะเย่อ (tug-of-war) กีฬาชักกะเย่อ (tug-of-war) เป็นกีฬาที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลกว่า 3,000 ปีมาแล้วต้น กำเนิดของชักเย่อมีความไม่แน่นอน แต่ในตำนานได้บันทึกไว้ว่า การเล่นกีฬาชนิดนี้ได้รับการฝึกฝนในอียิปต์ โบราณ กรีซและประเทศจีน ซึ่งจะจัดให้มีกีฬาประเภทนี้ขึ้นมาในประเทศเหล่านี้และการเกิดกีฬาประเภทนี้จาก หลาย ๆ ประเทศจะเกิดในลักษณะที่แตกต่างกันไม่เพียงแต่เกิดเพราะการเล่นกีฬาเพียงอย่างเดียว แต่เกิดขึ้นมา เพราะเหตุผลอื่น ๆ เช่นสงครามและการทดสอบพละกำลังในทางทหารอีกด้วยดังนี้ กีฬาชักกะเย่อในประเทศไทย สำหรับความเป็นมาของกีฬาชักกะเย่อในประเทศไทยนั่นเกิดขึ้นโดยการดำริของนายกร ทัพพะ รังสี อดีตรองนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งที่นายกร ทัพพะรังสี ได้เดินทางไปต่างประเทศ ได้รับคำแนะนำและชักชวน ให้นำกีฬาชักกะเย่อ มาพัฒนาให้เป็นกีฬาสู่สากล ดังนั้นนายกร ทัพพะรังสี มีความคิดเห็นว่าเป็นกีฬาที่สามารถ สร้างความรัก และความสามัคคีให้แก่คนในประเทศได้จึงได้ผลักดันให้มีการพัฒนากีฬาชักกะเย่อให้อยู่ในแวดวง ของการกีฬาได้สืบไป อีกประการหนึ่งคาดว่ากีฬาชักกะเย่อน่าจะสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้ซึ่ง ควรเป็นกีฬาอีกประเภทหนึ่งของไทยที่น่าจะได้รับการพัฒนาให้ไกลกว่านี้ ดังนั้นจึงนำเรื่องนี้มาปรึกษาหารือและได้มอบหมายให้คณะทำงานโดยมีดร.รวิภาส กล่ำ ทวีในขณะนั้นได้เป็นที่ปรึกษาและผู้รับสนองนโยบายร่วมกัน ซึ่งจะได้ดำเนินการสานต่อเรื่องราวได้อย่างต่อเนื่อง ได้ และในที่สุดกีฬาชักกะเย่อ ก็ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ คือได้นำเข้าสู่กระบวนการอย่างเป็นทางการ โดยการ จดทะเบียนและใช้ชื่อว่า “สมาคมชักกะเย่อ” ในขั้นแรกขึ้นอยู่กับกรมการปกครองก่อน ในขณะเดียวกันก็ได้มีการไปศึกษาดูงานในอีกหลาย ๆ ประเทศเพื่อการพัฒนาให้ได้มาตรฐาน และในที่สุดปี พ.ศ. 2555 จึงได้รับการจดทะเบียนเป็น “กีฬาแห่งชาติ” จนถึงปัจจุบัน (รายละเอียดในบท สัมภาษณ์ดร.รวิภาส) ความจริงแล้ว การเล่นกีฬาชักกะเย่อของประเทศไทย ปรากฎหลักฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัย สุโขทัยเป็นการละเล่นพื้นบ้าน ที่มีมาโดยตลอดและได้แพร่หลายไปยังส่วนต่าง ๆ ของประเทศจนถึงปัจจุบันจน เมื่อดร. รวิภาส กล่ำทวี ได้รับคำแนะนำจากนายกร ทัพพะรังสี (อดีตรองนายกรัฐมนตรี) ให้พัฒนากีฬาชักกะเย่อ ของไทยให้ทัดเทียมกับต่างประเทศ ดังกล่าวไปแล้วนั้น อย่างไรก็ตามกีฬาชักกะเย่อเป็นกีฬาที่พิจารณาน้ำหนัก รวมของผู้เล่นทั้งหมดใน 1 ทีม จึงมีความเป็นไปได้ว่าประเทศไทยสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ในกีฬาประเภทนี้ได้ สำหรับในทวีปเอเชีย ประเทศไต้หวัน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป็น 3 ประเทศ ที่มีการพัฒนากีฬาชักกะเย่อเป็นมา อย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเทศไต้หวันได้พัฒนากีฬาชักกะเย่อมาเกือบ 20 ปี และในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา นักกีฬาจาก ประเทศไต้หวันสามารถคว้าแชมป์โลก และเอเชียมาได้อย่างน่าชื่นชม
สรุปว่า กีฬาชักกะเย่อไม่ใช่กีฬาของคนที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ เพราะเป็นกีฬาที่พิจารณาน้ำหนัก รวมของผู้เล่นทั้งหมด 8 คน เพราะฉะนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าประเทศไทย จะสามารถชนะในกีฬา ประเภทนี้ ได้ในทวีเอเชีย ซึ่งมีประเทศไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นแชมป์กันมาก่อนหน้านั้นแล้ว และบรรดาประเทศของ เขาได้มีการพัฒนากีฬาชักกะเย่อมานานแล้วส่วนสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย นอกจากจะเป็นองค์กรที่ ได้ให้การสนับสนุนและพัฒนาให้กีฬาชักกะเย่อในประเทศ ให้มีความเป็นสากลได้อย่างต่อเนื่อง จนสามารถสร้าง ชื่อเสียงให้ประเทศไทยมีผลงานโดดเด่นได้แล้ว ก็ยังต้องสานต่อให้ได้รับความนิยมเล่นกันภายมนประเทศให้มาก ยิ่งขึ้นเพราะเป็นกีฬาที่สร้างความรัก ความสามัคคีให้แก่คนในประเทศอีกด้วย รายละเอียดผลการแข่งขัน ประเภท 4 คน ทีมชาย รุ่นน้ำหนักรวมไม่เกิน 300 กิโลกรัม ลำดับที่ 1 จังหวัดฉะเชิงเทรา ลำดับที่ 2 จังหวัดสุพรรณบุรี ลำดับที่ 3 จังหวัดกรุงเทพมหานครฯ ประเภท 4 คน ทีมหญิง รุ่นน้ำหนักรวมไม่เกิน 250 กิโลกรัม ลำดับที่ 1 จังหวัดฉะเชิงเทรา ลำดับที่ 2 จังหวัดกาญจนบุรี ลำดับที่ 3 จังหวัดนครปฐม ประเภท 8 คน ทีมชาย รุ่นน้ำหนักรวมไม่เกิน 600 กิโลกรัม ลำดับที่ 1 จังหวัดฉะเชิงเทรา ลำดับที่ 2 จังหวัดสุพรรณบุรี ลำดับที่ 3 จังหวัดนครปฐม ประเภท 8 คน ทีมหญิง รุ่นน้ำหนักรวมไม่เกิน 500 กิโลกรัม ลำดับที่ 1 จังหวัดนครปฐม ลำดับที่ 2 จังหวัดกาญจนบุรี ลำดับที่ 3 จังหวัดกรุงเทพมหานครฯ สรุปผลการแข่งขันประเภททีม 8 คน
๓. สิ่งที่ได้จากการปฏิบัติหน้าที่ ประวัติกีฬาชักกะเย่อ (tug-of-war) กีฬาชักกะเย่อ (tug-of-war) เป็นกีฬาที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลกว่า 3,000 ปีมาแล้วต้นกำเนิด ของชักเย่อมีความไม่แน่นอน แต่ในตำนานได้บันทึกไว้ว่า การเล่นกีฬาชนิดนี้ได้รับการฝึกฝนในอียิปต์โบราณ กรีซ และประเทศจีน ซึ่งจะจัดให้มีกีฬาประเภทนี้ขึ้นมาในประเทศเหล่านี้และการเกิดกีฬาประเภทนี้จากหลาย ๆ ประเทศจะเกิดในลักษณะที่แตกต่างกันไม่เพียงแต่เกิดเพราะการเล่นกีฬาเพียงอย่างเดียว แต่เกิดขึ้นมาเพราะ เหตุผลอื่น ๆ เช่นสงครามและการทดสอบพละกำลังในทางทหารอีกด้วยดังนี้ กีฬาชักกะเย่อในประเทศไทย สำหรับความเป็นมาของกีฬาชักกะเย่อในประเทศไทยนั่นเกิดขึ้นโดยการดำริของนายกร ทัพพะรังสี อดีต รองนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งที่นายกร ทัพพะรังสี ได้เดินทางไปต่างประเทศ ได้รับคำแนะนำและชักชวนให้นำกีฬา ชักกะเย่อ มาพัฒนาให้เป็นกีฬาสู่สากล ดังนั้นนายกร ทัพพะรังสี มีความคิดเห็นว่าเป็นกีฬาที่สามารถสร้างความ รัก และความสามัคคีให้แก่คนในประเทศได้จึงได้ผลักดันให้มีการพัฒนากีฬาชักกะเย่อให้อยู่ในแวดวงของการกีฬา ได้สืบไป อีกประการหนึ่งคาดว่ากีฬาชักกะเย่อน่าจะสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้ซึ่งควรเป็นกีฬาอีก ประเภทหนึ่งของไทยที่น่าจะได้รับการพัฒนาให้ไกลกว่านี้ ดังนั้นจึงนำเรื่องนี้มาปรึกษาหารือและได้มอบหมายให้คณะทำงานโดยมีดร.รวิภาส กล่ำ ทวีในขณะนั้นได้เป็นที่ปรึกษาและผู้รับสนองนโยบายร่วมกัน ซึ่งจะได้ดำเนินการสานต่อเรื่องราวได้อย่างต่อเนื่อง ได้ และในที่สุดกีฬาชักกะเย่อ ก็ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ คือได้นำเข้าสู่กระบวนการอย่างเป็นทางการ โดยการ จดทะเบียนและใช้ชื่อว่า “สมาคมชักกะเย่อ” ในขั้นแรกขึ้นอยู่กับกรมการปกครองก่อน ในขณะเดียวกันก็ได้มีการไปศึกษาดูงานในอีกหลาย ๆ ประเทศเพื่อการพัฒนาให้ได้มาตรฐานและใน ที่สุดปี พ.ศ. 2555 จึงได้รับการจดทะเบียนเป็น “กีฬาแห่งชาติ” จนถึงปัจจุบัน (รายละเอียดในบทสัมภาษณ์ ดร.รวิภาส) ความจริงแล้ว การเล่นกีฬาชักกะเย่อของประเทศไทย ปรากฎหลักฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็น การละเล่นพื้นบ้าน ที่มีมาโดยตลอดและได้แพร่หลายไปยังส่วนต่าง ๆ ของประเทศจนถึงปัจจุบัน จนเมื่อ ดร. รวิภาส กล่ำทวี ได้รับคำแนะนำจากนายกร ทัพพะรังสี (อดีตรองนายกรัฐมนตรี) ให้พัฒนากีฬาชักกะเย่อของ ไทยให้ทัดเทียมกับต่างประเทศ ดังกล่าวไปแล้วนั้น อย่างไรก็ตามกีฬาชักกะเย่อเป็นกีฬาที่พิจารณาน้ำหนักรวม ของผู้เล่นทั้งหมดใน 1 ทีม จึงมีความเป็นไปได้ว่าประเทศไทยสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ในกีฬาประเภทนี้ได้ สำหรับ ในทวีปเอเชีย ประเทศไต้หวัน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป็น 3 ประเทศ ที่มีการพัฒนากีฬาชักกะเย่อเป็นมาอย่าง ต่อเนื่อง ซึ่งประเทศไต้หวันได้พัฒนากีฬาชักกะเย่อมาเกือบ 20 ปี และในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา นักกีฬาจาก ประเทศไต้หวันสามารถคว้าแชมป์โลก และเอเชียมาได้อย่างน่าชื่นชม สรุปว่า กีฬาชักกะเย่อไม่ใช่กีฬาของคนที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ เพราะเป็นกีฬาที่พิจารณาน้ำหนัก รวมของผู้เล่นทั้งหมด 8 คน เพราะฉะนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าประเทศไทย จะสามารถชนะในกีฬา ประเภทนี้ ได้ในทวีเอเชีย ซึ่งมีประเทศไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นแชมป์กันมาก่อนหน้านั้นแล้ว และบรรดาประเทศของ เขาได้มีการพัฒนากีฬาชักกะเย่อมานานแล้วส่วนสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย นอกจากจะเป็นองค์กรที่ ได้ให้การสนับสนุนและพัฒนาให้กีฬาชักกะเย่อในประเทศ ให้มีความเป็นสากลได้อย่างต่อเนื่อง จนสามารถสร้าง ชื่อเสียงให้ประเทศไทยมีผลงานโดดเด่นได้แล้ว ก็ยังต้องสานต่อให้ได้รับความนิยมเล่นกันภายมนประเทศให้มาก ยิ่งขึ้นเพราะเป็นกีฬาที่สร้างความรัก ความสามัคคีให้แก่คนในประเทศอีกด้วย ตัวอย่างประเทศเพื่อนบ้านของเรา คือประเทศไต้หวันก็มีการพัฒนากีฬาชักกะเย่อมาเกือบ 20 ปี แล้ว การชิงชัยหลายครั้งประเทศนี้มักจะได้เป็นแชมป์บ่อย ๆ ในส่วนของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) นั้นย่อมวางนโยบายและการผลักดันให้กีฬาชักกะเย่อเป็นกีฬาในโอลิมปิกในโอกาสต่อไป นอกจากนั้นหากสมาคม ฯ มีโอกาสได้จัดให้มีการแข่งชิงแชมป์ต่าง ๆ ก็จะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศเจ้าภาพได้อีกทางหนึ่งแต่ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ผู้บริหารประเทศต้องให้ความสำคัญและพยายามผลักดันให้ประเทศไทยได้รับตำแหน่งสำคัญ ๆ
ในระดับองค์กรสากลที่มีบทบาทในการนำกีฬาเข้าชิงแชมป์โลกเพื่อการวางหมากให้กีฬาชักกะเย่อของเราได้มี โอกาสก้าวหน้าต่อไปได้อีกด้วย. ส่วนกฎกติกาหลัก ๆ ก็จะมีความคล้ายคลึงกัน เช่น 1. การคัดเลือกนักกีฬา ในขั้นต้นให้เฉลี่ยน้ำหนักรวมในรุ่นด้วยการนำน้ำหนักรวมในรุ่นหารด้วย 8 ก็จะ ได้น้ำหนักของนักกีฬาแต่ละคน ตัวอย่าง รุ่น LIGHT WEIGHT 520 หารด้วย 8 = 65 KG. เป็นต้น 2. การกำหนดกีฬาในทีมชักกะเย่อ จะมีทีม 8 คน เป็นชายล้วน หรือหญิงล้วน หรือผสมหญิงชายฝ่าย ละเท่า ๆ กัน 3. ตำแหน่งนักกีฬาคนสุดท้าย (ผู้คัดท้าย) ส่วนใหญ่จะต้องเป็นนักกีฬาที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ตันแผ่น หลังใหญ่กว้าง น้ำหนักจะมากกว่านักกีฬาในทีม และการจับเชือกของนักกีฬาคนสุดท้ายจะจับเชือกต่างจากผู้เล่น ในทีม กรณีที่ทีม่ใช้วิธีการจับแบบใช้มือขวานำ ผู้เล่นคนสุดท้ายจะใช้มือซ้ายจับ เพื่อความสะดวกในการปรับแนว เชือกป้านซ้ายหรือขวา ส่วนบนของลำตัวจะตั้งสูงสามารถมองไปด้านหน้าเพื่อมองแนวการดึงของนักกีฬาในทีมได้ ซึ่งลักษณะการดึงใช้มือทั้งสองดึงในลักษณะประคอบเชือกและแผ่นหลังดันช่วย นักกีฬาคนสุดท้าย กติกาอนุญาต ให้สวมชุดป้องกันการบาดเจ็บได้ ความหนาไม่เกิน 5 ซ.ม. 4. การจับเชือก นักกีฬาจับเชือกด้วยมือเปล่า 2 มือในท่าทางการจับปกติโดยหงายฝ่ามือขึ้นทั้งสอง มือ ให้เชือกทอดผ่านระหว่างลำตัวกับช่วงส่วนบนของแขนไปด้านหลังแขนทั้งสองข้างแนบชิดลำตัวด้านข้าง ตำแหน่งการยืนของนักกีฬาจะอยู่ด้านซ้ายของเชือก (ลงชื่อ) ผู้รายงาน (นายอดิศร กล้าหาญ) ตำแหน่ง ครู ความเห็นผู้อำนวยการโรงเรียน ทราบ อื่น ๆ ............................................................................................................................. (ลงชื่อ) ผู้รับรองรายงาน (นางสาวมารยาท คงเมือง) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดดอนไร่
เกียรติบัตรการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 48 รางวัลผู้ตัดสินยอดเยี่ยม "กาญจนบุรีเกมส์" รางวัลผู้ตัดสินผู้ตัดสินยอดเยี่ยม สมาคมกีฬาชักกะเย่อสากลแห่งประเทศไทย
ภาพการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 48 รอบชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย "กาญจนบุรีเกมส์" ทีมงานผู้ตัดสินผู้ตัดสินและเจ้าหน้าที่สมาคมกีฬาชักกะเย่อสากลแห่งประเทศไทย
ภาพกิจกรรมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 48 รอบชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย "กาญจนบุรีเกมส์"
กำหนดการแข่งขัน
นายอดิศร กล้าหาญ รายงานการปฏิบัติหน้าที่ ผู้ตัดสินกีฬาชักกะเย่อสากล การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 48 ระหว่างวันที่ 14 – 20 สิงหาคม 2566 ณ โรงเรียนวัดวังขนาย จังหวัดกาญจนบุรี ตำแหน่ง ครู โรงเรียนวัดดอนไร่ สำนักงานเขพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุพรรณบุรีเขต ๓ กระทรางศึกษาธิการ