The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยที่-2-อุปกรณ์ระบบเครือข่าย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 6232040012 1103703130846, 2021-01-11 05:24:29

หน่วยที่-2-อุปกรณ์ระบบเครือข่าย

หน่วยที่-2-อุปกรณ์ระบบเครือข่าย

หนว่ ยท่ี 2
อุปกรณร์ ะบบเครือขา่ ย

2.1 อุปกรณ์เชอื่ มต่อเครือข่ายคอมพวิ เตอร์

การสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เริ่มมาจากการที่ผู้ใช้ต้องการที่จะแลกเปล่ียนข้อมูลกันอย่างมี
ประสิทธิภาพและรวดเร็ว คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่มีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลใน
ปริมาณมากอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถแชร์ข้อมูลนั้นกับคนอื่นอย่างมีประสิทธิภาพได้และ
การทีค่ อมพิวเตอร์จะเชื่อมตอ่ กันเปน็ เครือขา่ ยได้ ตอ้ งมีอปุ กรณ์พืน้ ฐาน ดังตอ่ ไปนี้

2.1.1) รีพีทเตอร์ (Repeater) เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ทำงานอยู่ใน
ชั้นกายภาพของแบบจำลอง OSI ทำหน้าที่ทวนสัญญาณข้อมูลที่ส่งผ่านตัวกลางเนื่องจากสัญญาณ
อาจจะเบาบางลงส่งผลให้ข้อมูลทีส่ ่งไปยังผู้รับเกิดความไม่ถูกต้องรีพีทเตอร์จะรับสัญญาณดิจิตอลเขา้
มาจากนั้นรีพีทเตอร์จะสร้างสัญญาณขึ้นมาเหมือนสัญญาณเดิมที่ส่งมาจากต้นทางและส่งสัญญาณที่
สร้างใหม่นี้ต่อไปยังอุปกรณ์ตวั อื่นโดยผา่ นตวั กลาง ด้วยเหตุนี้การใช้รีพีทเตอร์สามารถช่วยขยายความ
ยาวของสญั ญาณทำให้สามารถสง่ สญั ญาณไปไดไ้ กลขนึ้ โดยทส่ี ญั ญาณไมส่ ูญหาย

รปู ท่ี 2.1 ลกั ษณะ Repeater

รีพีทเตอร์จะถูกนำมาใช้กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีความยาวจำกัดหรือกรณีที่ต้องการเพิ่ม
จำนวนเครื่องลูกข่ายมากขึ้นเพราะระยะทางที่ไกลมากสัญญาณที่ส่งออกไปจะเริ่มผิดเพี้ยนและความ
เข้มของสัญญาณจะอ่อนลงรีพีทเตอร์ทำงานอยู่ในชั้นกายภาพมันจึงไม่ตรวจสอบว่าสัญญาณที่ส่งเป็น
ข้อมูลอะไรส่งมาจากที่ไหนและส่งไปที่ไหน ถ้ามีสัญญาณเข้ามารีพีทเตอร์จะทวนสัญญาณแล้วส่งต่อ
อกไปเสมอรพี ีทเตอรไ์ ม่สามารถกล่ันกรองสญั ญาณทีไ่ มจ่ ำเป็นออกไปได้ ดังนัน้ รีพีทเตอร์จึงไมไ่ ด้มีส่วน
ช่วยจัดการจราจรหรอื ลดปริมาณขอ้ มูลท่สี ง่ ออกมาบนเครอื ข่าย

2.1.2) บริดจ์ (Bridge) เป็นอุปกรณท์ ใ่ี ชใ้ นการเชอื่ มต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์สองเครือข่าย
เข้าด้วยกัน เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานในระดับชั้นกายภาพและระดับชั้นเชื่อมโยงข้อมูลของแบบจำลอง
OSI ฉะนั้นการทำงานมันจะสร้างสัญญาณใหม่เมื่อได้รับสัญญาณทุกครั้ง และยังสามารถตรวจสอบ
เลขทีอ่ ยขู่ องเครอ่ื งผสู้ ่งตน้ ทางและเครอื่ งผรู้ ับปลายทางที่บรรจุอย่ใู นขอ้ มลู ได้ ดงั น้ันบรดิ จ์จะทำหน้าท่ี
เป็นตัวกรองและส่งผ่านข้อมูลไปยังส่วนต่าง ๆ ของระบบเครือข่าย ทำให้การเชื่อมต่อระบบเครือข่าย
มีประสทิ ธิภาพโดยลดการชนกนั ของขอ้ มูลและยงั สามารถใช้ในการเชอื่ มตอ่ เครอื ข่ายทแี่ ตกต่างกนั ได้

รปู ท่ี 2.2 การเชือ่ มตอ่ เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 2 เครือข่ายเขา้ ด้วยกัน

รูปท่ี 2.3 ลกั ษณะ Bridge
2.1.3) ฮับ (Hub) เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ทำงานอยู่ในชั้นกายภาพ
ของแบบจำลอง OSI ฮับเปน็ อุปกรณ์ทีม่ ีคณุ ลักษณะเหมือนรีพีทเตอรแ์ ต่มีหลายพอร์ต ฮับจะใช้ในการ
เชือ่ มต่อเคร่อื งคอมพิวเตอรห์ ลายเครอ่ื ง โดยจะกระจายสัญญาณออกไปยงั ทกุ พอร์ต

รปู ที่ 2.4 ลักษณะ Hub
การรับส่งข้อมูลของฮับเป็นแบบแพร่กระจาย (Broadcast) เมื่อฮับได้รับข้อมูลจากผู้ส่งฮับ
จะส่งออกข้อมูลออกไปยังทุกพอร์ตโดยไม่รู้จุดหมายปลายทางของผู้รับว่าอยู่ที่ใด เครื่องทุกเครื่องที่
เชอ่ื มตอ่ เขา้ กับพอร์ตของฮบั จะได้รบั ขอ้ มลู เหมอื นกนั

รูปท่ี 2.5 การเชื่อมต่อคอมพวิ เตอรใ์ นเครือขา่ ยด้วย Hub
2.1.4) สวิตช์ (Switch) เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ทำงานอยู่ในชั้น
กายภาพและชั้นเชื่อมโยงข้อมูลแบบจำลอง OSI สวิตช์มีลักษณะการทำงานคล้ายกับบริดจ์แต่มีพอรต์
หลายพอร์ตสวิตช์จะส่งข้อมูลที่ได้รับมาจากพอร์ตหนึ่งไปยังพอร์ตปลายทางเท่านั้น ทำให้เคร่ือง
คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับพอร์ตที่เหลือสามารถส่งข้อมูลถงึ กันและกันได้ในเวลาเดียวกัน ไม่ทำให้เกิด
การชนกันของข้อมูลในเครือข่าย อีกทั้งอัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลจะไม่ขึ้นอยู่กับจำนวนเครื่อง
คอมพวิ เตอร์ท่เี ช่อื มต่อเข้ากับสวิตช์

รปู ท่ี 2.6 ลกั ษณะ Switch
สวติ ชม์ ีความสามรถในการทำงานมากกว่าฮบั โดยสวิตชจ์ ะทำงานในการรบั สง่ ข้อมูลทีส่ ามารถส่ง
ข้อมูลจากพอร์ตหนึ่งไปยังเฉพาะพอร์ตปลายทางที่ต้องการส่งข้อมูลไปเท่านั้นทำให้พอร์ตที่เหลือทำ
การรับข้อส่งข้อมูลได้พร้อมกันในเวลาเดียวกัน ทำใหสวิตช์มีการทำงานในแบบที่ความเร็วในการรับ
ส่งข้อมูลจะไม่ขึ้นอยู่กับจำนวนของเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่กับสวิตช์ด้วยเหตุน้ี
ทำใหใ้ นปจั จุบันสวิตชจ์ ะได้รับความนยิ มในการนำมาใชง้ านในระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์มากกว่าฮับ

2.1.5) เราท์เตอร์ (Router) เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานอยู่ในชั้นกายภาพ ชั้นเชื่อมโยงข้อมูล
และชั้นเครือข่ายข้อมูล โดยเราท์เตอร์จะสร้างสัญญาณใหมเ่ มื่อได้รับสัญญาณที่ถูกส่งเข้ามาแล้วตรวจ
สอบเลขที่ของเครื่องผู้ส่งและเครื่องผู้รับที่ส่งมาเพื่อส่งไปยังเช็กเมนต์ที่ถูกตอ้ ง และจะตรวจสอบไอพี
แอดเดรสของผรู้ ับเพอ่ื เลือกเส้นทางในการจัดสง่ ข้อมูลให้ไปถงึ ปลายทางได้อยา่ งรวดเร็วและถกู ตอ้ ง

รปู ท่ี 2.7 ลักษณะ Router
เราท์เตอร์เป็นอุปกรณ์ที่มีการทำงานซับซ้อนกว่าบริดจ์ ทำหน้าที่เชื่อมต่อเครือข่ายคล้ายกับ
สวิตช์ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อเครือข่ายแลนกับเครือข่ายแลน หรือการเชื่อมต่อเครือข่ายแลนกับ
เครือข่ายแวน เราท์เตอร์ทำหน้าที่กำหนดเส้นทางสำหรับรับส่งข้อมูลระหว่างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่
เชื่อมต่อกัน เราท์เตอร์สามารถกำหนดเส้นทางให้ข้อมูลถูกส่งจากเครือข่ายหนึ่งไปยังเครือข่าย
ปลายทางได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมถึงสามารถเปลี่ยนเส้นทางรับส่งข้อมูลในกรณีที่เส้นทาง
เดิมที่ใช้งานอยู่เกิดขัดข้องเราท์เตอร์จะอ่านเลขที่อยู่ของเครือ่ งผู้รับปลายทางจากข้อมูล เพื่อใช้ในการ
กำหนดหรือเลือกเสน้ ทางทีส่ ่งข้อมลู นัน้
เราท์เตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานด้วยโปรโตคอลเดียว ถ้ามีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายทั้งสอง
เครือข่ายจะต้องมีโปรโตคอลในการเชื่อมต่อที่เหมือนกัน เช่น เครือข่ายทั้งสองจะต้องใช้โปรโตคอล
ไอพี (IP) หรอื โปรโตคอลไอพเี อก็ ซ์ (IPX) แบบเดียวกนั การใช้เราท์เตอร์เชื่อมต่อเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์
เข้าด้วยกันจะทำให้ปริมาณการส่งข้อมูลของแต่ละเครือข่ายย่อยแยกจากกันโดยเด็ดขาด ไม่เกิดการ
รบกวนไปยังเครือขา่ ยอืน่ ทำให้การรับส่งข้อมูลทำได้อย่างรวดเร็วและยังทำให้เกิดความปลอดภัยของ
ระบบเครือข่ายด้วยแตเ่ ราทเ์ ตอร์จะมีราคากวา่ สวิตช์และฮบั

2.1.6) เกตเวย์ (Gateway) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการสื่อสารข้อมูล ทำหน้าที่เชื่อมต่อ
เครือข่ายที่มีลักษณะการเชื่อมต่อแตกต่างกันและมีโปรโตคอลสำหรับการส่งข้อมูลต่างกัน เชื่อมต่อ
กันได้ เช่นการใช้เกตเวย์เชื่อมต่อเครือข่าย Ethernet ที่ใช้สายส่งแบบ UTP เข้ากับเครือข่าย Token
Ring หรือเครอื ขา่ ยแลนกับเคร่อื งคอมพิวเตอร์เมนเฟรม หรอื ระหวา่ งเครือข่ายแลนกับเครอื ข่ายแวน

รปู ที่ 2.8 ลกั ษณะเกตเวย์

เกต์เวย์เป็นจุดต่อเชื่อมของเครือข่ายทำหน้าที่เป็นทางเข้าสู่ระบบเครือข่ายต่าง ๆ บน
อินเทอร์เน็ต อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นเกต์เวย์อาจจะรวมเอาไฟร์วอลล์ไว้ในตัวด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้
คอมพวิ เตอรท์ อี่ ยู่นอกเครือขา่ ยบุกรุกได้

2.1.7) เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Server) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าท่ีเป็นผู้ให้บริการต่าง ๆ
ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เมื่อมีผู้ใชง้ านขอใช้บรกิ ารเคร่ืองคอมพิวเตอร์แม่ข่ายจะจดั สรรทรัพยากรทีม่ ี
อยใู่ นเคร่ืองเพ่ือให้บรกิ ารในทันที โดยทว่ั ไปเครือ่ งคอมพิวเตอรแ์ มข่ ่าย (Server) จะแบ่งเป็น 2 แบบ

1.) แบบ Rack ที่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมแบนยาว สามารถนำไปวางเรียงในตู้ Rack
ทำให้ประหยดั เนื้อที่ในการจดั เก็บและใชง้ านง่าย

2.) แบบ Tower หนา้ ตาจะเหมือนกับเคร่ืองคอมพวิ เตอรท์ วั่ ๆ ไป

รปู ที่ 2.9 ลกั ษณะเคร่ืองคอมพวิ เตอรแ์ ม่ขา่ ย (Server) แบบ Rack
เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการให้บริการที่สูง เป็น
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการกับผู้ใช้งานในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เข้ามาขอใช้บริการ นอกจากนั้น
ยังสามารถนำมาใชใ้ นสำนักงานเพ่ือชว่ ยให้คอมพิวเตอรท์ กุ ตัวสมารถใช้งานเคร่อื งพมิ พ์ หรอื ฮาร์ดดิสก์
รว่ มกนั ได้

2.1.8) เครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย (Client) เป็นคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายที่ร้องขอบริการ
และเข้าถึงข้อมูลที่จัดเก็บในเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย หรือเป็นคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ในระบบ
เครือขา่ ย

รปู ท่ี 2.10 ลกั ษณะเคร่อื งคอมพวิ เตอรล์ ูกข่าย (Client)
เครื่องคอมพิวเตอรล์ กู ข่ายเป็นคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายทีผ่ ู้ใช้สามารถเขา้ ไปใช้ทรพั ยากรต่าง ๆ
ของเครือขา่ ย เช่น เคร่อื งพิมพ์ หรอื ฮารด์ ดิสก์ โดยขอใช้บริการจากเคร่อื งคอมพิวเตอรแ์ ม่ข่ายได้

2.1.9) โมเด็ม (Modem) มาจากคำว่า Modulator/Demodulator เป็นอุปกรณ์ที่ทำ
หน้าที่แปลงสัญญาณดิจิตอลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทางให้กลายเป็นสัญญาณอะนาล็อกเพื่อส่งไป
ตามสายโทรศัพท์และทำหน้าที่แปลงสัญญาณอะนาล็อกที่ได้จากสายโทรศัพท์ให้กลับไปเป็นสัญญาณ
ดจิ ติ อล เพ่อื สง่ ต่อไปยังเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ปลายทาง

รปู ที่ 2.11 ลักษณะโมเด็ม
โมเด็ม (Modem) เป็นอุปกรณ์ที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถสื่อสารกับเครื่องคอมพิวเตอร์
อื่น ๆ ได้ด้วยคู่สายโทรศัพท์โดยแปลงสัญญาณดิจิตอลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณ
อะนาล็อกเพอื่ ส่งไปตามสายโทรศพั ท์
2.2 อุปกรณร์ กั ษาความปลอดภยั
ในระบบเครือข่ายนั้นมีผู้ใช้เป็นจำนวนมากทำให้มีรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายทั้งผู้
ที่ประสงค์ดีและประสงค์ร้าย ทำให้เกิดการบริการรับข้อมูลทั่วไปและอาชญากรรมทางด้านเครือข่าย
คอพชมพิวเตอร์ จงึ ต้องมอี ปุ กรณ์ท่ใี ชร้ ักษาความปลอดภัยในระบบเครอื ขา่ ยดว้ ย ดังนี้

2.2.1) ไฟร์วอลล์ (Firewall) หมายถึง ซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ที่ทำหน้าที่ทำหน้าที่
ตรวจสอบและควบคุมระบบข้อมูลที่มาจากอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่าย โดยสามารถกำหนดได้ว่า
ข้อมูลนั้นอนุญาตให้ใครเข้าถึงขอ้ มูลบ้าง รวมทั้งสามารถตรวจสอบผู้ใช้ก่อนเข้าถึงข้อมูลได้ ไฟร์วอลล์
ช่วยป้องกันไม่ใหผ้ ู้บุกรุกหรือซอฟต์แวร์อันตรายโจมตี หรือเข้าถึงคอมพิวเตอร์ นอกจากนั้นไฟร์วอลล์
ยงั ช่วยป้องกันไม่ให้คอมพิวเตอร์ที่เป็นเหยื่อมัลแวร์ส่งซอฟต์แวร์อันตรายไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอ่ืน
อีกดว้ ยไฟรว์ อลล์จึงเป็นเหมอื นกำแพงที่สามารถป้องกันคอมพวิ เตอร์จากอินเทอร์เนต็ ได้

รปู ท่ี 2.12 ลักษณะการใชง้ านไฟร์วอลล์

ไฟรว์ อลลส์ ามารถแบง่ ออกมาตามลักษณะการทำงานได้ 3 ประเภท คอื
1.) Packet Filtering Firewall เป็นไฟร์วอลล์ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบแพ็กเก็ตที่ผ่านตัวมันและ

จะทำการป้องกันในกรณีที่ไม่มีสิทธิผ่านซึ่งจะทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่มีความปลอดภัยต่ำมาก
ส่วนใหญ่จะอยู่บนเราท์เตอร์หรือสวิตช์ ส่วนซอฟต์แวร์จะเป็น IPTable ที่ทำงานบน Linux เป็นต้น
โดยจะพิจารณาจากข้อมูลส่วนที่อยู่ในเฮดเดอร์ของแพ็กเก็ตที่ผ่านเข้ามา เทียบกับกฎที่กำหนดไว้และ
ตดั สนิ วา่ ควรจะท้งิ แพ็กเก็ตน้ันไปหรอื ว่าจะยอมใหแ้ พก็ เกต็ น้ันผ่านไปได้

2.) Application Firewall หรือ Proxy ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อแก้จุดบกพร่องของ Packet
Filtering Firewall โดย Application Firewall จะทำหน้าที่เหมือนคนกลางที่คอยติดต่อระหว่าง
ด้านในกับด้านนอกเครือข่ายซึ่งจะเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้นเพราะผู้ใช้ไม่ได้ติดต่อกับภายนอก
โดยตรงแต่มีข้อจำกัดเรื่องของความเร็วและ Application ที่รองรับ คือ รองรับ Application เพียง
HTTP, HTTPS, FTP เท่านนั้

3.) Stateful Firewall ออกแบบมาเพ่ือแก้ไขข้อจำกัดในเรื่องความปลอดภัยและความเร็วโดย
พิจารณาว่าจะยอมให้แพ็กเก็ตผ่านไป แทนที่จะดูข้อมูลจากเฮดเดอร์เพียงอย่างเดียว Stateful
Inspection จะนำเอาสว่ นข้อมูลของแพก็ เก็ตและข้อมลู ทไ่ี ด้จากแพก็ เก็ตก่อนหน้าน้ีท่ไี ด้ทำการบันทึก
เอาไว้นำมาพิจารณาด้วย จึงทำให้สามารถระบุได้ว่าแพ็กเก็ตใดเป็นเพ็กเก็ตที่ติดต่อเข้ามาใหม่หรือว่า
เป็นสว่ นหนึ่งของการเชือ่ มต่อท่ีมอี ยูแ่ ลว้

2.2.2) AAA Server
AAA หมายถึง Authenticate, Authorization และ Accounting เป็นการเพิ่มความปลอดภัย
ในการใช้งานแบบ Remote-Access VPN ซึ่งเมื่อมีการเชื่อมต่อจาก Dial-Up นั้นจะต้องผ่าน AAA
Serverซงึ่ จะมีการตรวจสอบดังน้ี คอื

1.) คุณเป็นใคร Who you are (Authenticate)
2.) คณุ ไดร้ บั อนญุ าตให้ทำอะไรบ้าง What you are allowed to do (Authorization)
3.) คุณทำอะไรไปบ้าง What you actually do (Accounting)

รปู ที่ 2.13 การทำงานของ AAA Server

Authentication คือ การตรวจสอบผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตโดยตรวจสอบจาก Username
และ Password ว่าถกู ต้องไหม

Authorization คือ การตรวจสอบ “สิทธิ” ของผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตในเรื่องของเวลาการ
ใช้งานหรอื ความเรว็ ในการใช้งาน

Accounting คือ ขบวนการทีใ่ ชใ้ นการบันทกึ ขอ้ มูลการใช้อินเทอรเ์ น็ต

รปู ที่ 2.14 กระบวนการตรวจสอบผูใ้ ช้
การตั้งค่าการพิสูจน์ตัวตนบนอุปกรณ์เครือข่ายร่วมกับ AAA Server นั้น สามารถที่จะนำไปใช้
ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ใช้กับผู้ใช้ของ Cisco VPN Client to Site ใช้กับการพิสูจน์ตัวตนบน
Point-to-Point เช่น PAP หรือ CHAP ใช้ร่วมกับการตั้งค่า 802.1x ใช้ในการพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้เม่ือ
ต้องการเขา้ ถงึ ตัวอปุ กรณ์เครอื ขา่ ย เป็นตน้
2.3 อุปกรณ์ไร้สาย
ระบบเครือข่ายไร้สาย เป็นระบบการสื่อสารข้อมูลที่นำมาใช้ทดแทน หรือเพิ่มต่อกับระบบ
เครอื ขา่ ยใช้สายแบบเดิมโดยใช้การส่งคล่นื ความถี่วิทยุ RF และคลื่นอนิ ฟราเรดในการรับและส่งข้อมูล
ระหว่างคอมพิวเตอร์ผ่านทางอากาศทะลุกำแพงเพดาน หรือสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ โดยปราศจากการ
เดินสาย ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมโยงเข้าระบบเครือข่ายจากที่ใดก็ได้ที่อยู่ในรัศมีของสัญญาณ สามารถ
แกไ้ ขปญั หาเร่ืองการติดตั้งสายสัญญาณในพน้ื ทที่ ีท่ ำไดย้ ากทำให้ผู้ใช้สามารถเคลื่อนย้ายไปทำงานยังท่ี
ต่าง ๆ ได้ เครอื ข่ายไร้สายประกอบด้วยอปุ กรณต์ ่าง ๆ ดงั นี้
2.3.1) Wireless NICs
Wireless Network Interface Card เปน็ อุปกรณ์ทีใ่ ชใ้ นการเชอ่ื มต่อเครือข่ายแบบไร้สาย โดย
จะมีลักษณะเหมือนการ์ดแลนทั่วไปไม่มีสายสัญญาณแต่มีเสาอากาศไว้ใช้ในการเชื่อมต่อเครือข่าย
แทนโดยรบั เอาคล่ืนวิทยทุ ีแ่ พร่กระจายออกมากจากอปุ กรณไ์ รส้ ายอนื่ ๆ แปลงเป็นขอ้ มลู ดิจติ อลสง่ ให้
เครื่องคอมพิวเตอร์ประมวลผลและทำการแปลงข้อมูลดิจิตอลที่ได้จากการประมวลผลของเครื่อง
คอมพิวเตอร์ให้เป็นคลื่นวิทยุแล้วส่งผ่านสายอากาศแพร่กระจายออกไป แลนการ์ดแบบไร้สายมีท้ัง
แบบ PCL, PCMCI, USB และ Compact Flash เป็นตน้

รปู ที่ 2.15 ลักษณะแลนการด์ ไร้สายแบบ PCI

รูปท่ี 2.16 ลกั ษณะแลนการด์ ไรส้ ายแบบ PCMCIA

รูปท่ี 2.17 ลักษณะแลนการด์ ไรส้ ายแบบ USB ที่ต่อตรงกบั คอมพิวเตอร์

รปู ท่ี 2.18 ลักษณะแลนการด์ ไรส้ ายแบบ CF
2.3.2) Wireless Access Point

Wireless Access Point หรอื WAP หรอื เรยี กว่า AP มายถงึ อปุ กรณใ์ นเครือขา่ ย คอมพิวเตอร์
ที่ช่วยให้อุปกรณ์ไร้สายสามารถชื่อมต่อกับเครือข่ายแบบมีสายได้ AP เป็นจุดกระจายและเชื่อมต่อ
สัญญาณไร้สายเพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายทุกชนิดที่ทำงานภายใต้มาตรฐานของ EEE802. 11 เข้า
ด้วยกัน Access Point สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานแบบตรง ๆ ได้ เช่น การใช้งาน AP ขององค์กร
โดยท่ัวไปจะเป็นการติดตั้ง AP หลายตัวเข้ากับเครือข่ายแบบใช้สายเพื่อให้อุปกรณ์ ลูกข่ายสามารถ
ติดต่อแบบไร้สายไปยังระบบแลนได้ การใช้งาน AP ในรูปแบบฮอตสปอตเป็นการใช้งานสาธารณะ
ทั่วไป เช่น ร้านกาเเฟห้องสมุด และการใช้เป็นครือข่ายไร้สายภายในบนที่มี AP พียงตัวเดียวที่ใช้
เชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ท้ังหมดในบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นเราต์เตอร์ไร้สายที่รวมเอา AP, เราเตอร์
และสวิตช์

รปู ท่ี 2.19 ลกั ษณะ Wireless Access Point
2.3.3) Wireless Bridge

Wireless Bridge ที่สามารถนำไปใทีเชื่อมต่อ เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อครือข่ายแบบไร้สายระบบ
เครือข่ายแลนระหว่างสำนักงานหรือระหว่างอาคารส่วนใหญ่ แทนการใช้สายสัญญาณที่ค่อนข้างยุง
ยากและมีค่าใชจ้ า่ ยสูง มีลกั ษณะการชอ่ื มตอ่ มี 2 แบบดังน้ี

1.) การเช่ือมต่อแบบจุดต่อจุด (Point to Point) เป็นการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย
เขา้ ดว้ ยกนั โดยใช้อปุ กรณ์ Wireless Bridge เชน่ การเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างอาคาร

2.) การเชื่อมโยงแบบจุดไปหลายจุด (Point to Multi-Point) มีหลักการคล้ายแบบจุด
ต่อจุดแต่ต้องใช้ Wireless Bridge เพม่ิ ขึ้นตามจำนวนจดุ ที่ตอ้ งการเช่อื มโยงเขา้ หากัน

รูปที่ 2.20 ลกั ษณะการเช่ือมโยงแบบจดุ ไปหลายจุด


Click to View FlipBook Version