วันจันทร์ที 6
กันยายน
การแสดง
มหรสพหนังใหญ่
หนังเปนมหรสพทเี กิดขึนตังแต่สมยั โบราณ หนงั ใหญ่
เปนเวลายาวนานกวา่ 2000 ปมาแล้ว เปนการละเล่น
ทมี กี ารแพรห่ ลายอยูใ่ นหลายประเทศในแถบเอเชยี
เชน่ หนังอินเดีย หนังจีน หนังเขมร หนังชวา เปนต้น
มหรสพการเล่นหนังของไทยเปนมหรสพเก่าแก่
นิยมมาแต่โบราณ เรยี กวา่ หนัง ต่อมาเมือมีการแสดง
หนังตะลงุ ทมี ขี นาดเล็กกวา่ จึงเรยี กการแสดงชุดนีวา่
"หนังใหญ"่
หนังตะลงุ
ประวัติหนังใหญ่
หนังใหญไ่ ดร้ บั ยกยอ่ งวา่ เปนมหรสพชันสงู ของไทย กลา่ วไวใ้ นกฎมณเทยี รบาล
หนังใหญจ่ ะแสดงในงานพระราชพธิ ที สี าํ คญั ๆ สนั นิษฐานวา่ มกี ารเลน่ มาตงั แต่
สมยั อยธุ ยากอ่ นรชั สมยั สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช เปนการแสดงเลน่ เงาของตวั หนัง
ทฉี ลเุ ปนลวดลายทวี จิ ติ รงดงาม ใช้เชิดประกอบดว้ ยการพากยเ์ จรจาไมม่ เี พลงรอ้ ง
ดนตรใี ช้วงปพาทย์ เรอื งทแี สดงมหี ลายเรอื งแตน่ ิยมแสดงเรอื งรามเกยี รติ
ตวั หนงั ทาํ ดว ยหนงั ววั หรือหนงั ควาย แตที่นยิ มใชค ือ
หนังวัวเพราะมีความบางและโปรง แสงในตวั หรอื ที่
เรียกวา หนงั แกว ตัวหนงั จะประดษิ ฐเ ปน ตัวละคร
ในเรอื่ งท่นี าํ มาแสดง หนังใหญมขี นาดสงู ตัง้ แต 1 เมตร
จนถงึ 3 เมตรกวา ตวั หนังจะมลี วดลายทีส่ วยงาม
ถูกทาทับดวยสดี ําเพื่อใหส วยงามสาํ หรับใชแ สดงใน
เวลากลางวัน ตัวหนงั ใหญไ มส ามารถเคล่อื นไหวได
หนังใหญแ บงออกเปน 6 ประเภท ไดแก
1) หนังเฝาหรือหนังไหว้
เปนตัวหนังภาพเดียว หน้าเสียว
อยู่ในท่าพนมมือ ถ้าถืออาวุธจะพนมมือให้
ปลายอาวุธสอดรักแร้มาทางหลังหรือ
เหน็บไว้ทีเอว เปนหนังทีมีขนาดเล็ก
สูงประมาณ 1 เมตร ตัวหนังชนิดนีใช้ในตอนทีมี
บทเข้าเฝาหรือออกราชการ
2) หนังคเนจรหรอื หนังเดนิ
เปนหนังภาพเดยี ว หน้าเสยี ว อยใู่ นทา่ เดนิ
สงู ประมาณ 1.5 เมตร หนังประเภทนีใช้ในตอน
ตรวจพลยกทพั หรอื การเดนิ ทางของตวั ละคร
3) หนังงา่
เปนหนังภาพเดยี ว หน้าเสยี ว อยใู่ นทา่ เหาะ คอื
ตวั หนังจะยกขาขา้ งหนึงคลา้ ยทา่ ในการแสดงโขน-ละคร
สงู ประมาณ 1.5 เมตร หนังงา่ แบง่ ได้ 2 ชนิด คอื
หนังโกง่ คอื ตวั หนังทอี ยใู่ นทา่ โกง่ ศร
หนังแผลง คอื ตวั หนังทอี ยใู่ นทา่ แผลงศร โดยในมอื ของ
ตวั หนังจะตอ้ งมลี กู ศรดว้ ย
4) หนังเมอื ง
หนังทมี ที งั ภาพเดยี วและหลายภาพกไ็ ด้ แตต่ วั หนังจะตอ้ งมภี าพประกอบ เช่น
ภาพปราสาท พลบั พลา วมิ าน ราชวงั ตวั ละครจะนังหรอื อยใู่ นอริ ยิ าบทตา่ ง ๆ
สงู ประมาณ 2 เมตร หนังเมอื งสามารถแบง่ ออกได้ 3 ชนิด คอื
หนังพลบั พลา ใช้สาํ หรบั ตวั พระ เช่น พระรามประทบั ในพลบั พลา
หนังปราสาทพดู ใช้สาํ หรบั ตวั ละครออกวา่ ราชการ เช่น ทศกณั ฐน์ ังเมอื ง
หนังปราสาทโลม ใช้สาํ หรบั ตวั ละครทกี าํ ลงั โอโ้ ลมกนั เช่น หนมุ านโลมนางบษุ มาลี
5) หนังจบั
เปนตวั หนังทมี ตี วั ละครตงั แต่ 2 ตวั ขนึ ไป ทาํ ทา่ ตอ่ สกู้ นั ใน
ทา่ พลกิ แพลงตา่ ง ๆ เช่น พระรามรบกบั ทศกณั ฐ์
หนมุ านรบกบั ไมยราพ ลงิ ขาวรบกบั ลงิ ดาํ หรอื ขนึ ทา่ ลอย
เปนตน้
6) หนังเบด็ เตลด็
เปนหนังทมี ที า่ ทางพเิ ศษไมจ่ ดั อยใู่ นประเภททกี ลา่ วมา
เช่น ภาพลงิ ขาวจบั ลงิ ดาํ เดนิ อกแอน่ เรยี กวา่ หนังเตยี ว
หนังทมี ไี พรพ่ ลยกั ษห์ รอื ลงิ เรยี กวา่ หนังเขน
หรอื หนังจาํ พวกจาํ อวดนังรถ เปนตน้
ลกั ษณะการแสดงหนังใหญ่
แบ่งออกเปน 2 ประเภท ดงั นี
1.หนังกลางวัน
จะแสดงช่วงบ่าย ๆ จะไมม่ พี ิธมี ากนัก จะเลน่ “หนังจับระบํา”
คือการแสดงเลยี นแบบละครใน แต่ใช้ตัวหนังแสดงแทน เช่น
เมขลา-รามสูร ประกอบการร้องเพลงระบําสีบท ดงั นัน
การเชิดหนังกลางวันจะต้องเชิดตัวหนังทีหน้าจอ ตัวหนังจะมสี ีสัน
เพือเพิมความสวยงามในการชมมากขึน
2.หนังกลางคืน
เปนการแสดงทีจะมพี ิธรี ีตอง เริมด้วยการโหมโรงเย็น จากนันเปน
พิธไี หว้ครู เมอื ทําพิธเี บิกหน้าพระเสร็จ จึงเปนการแสดงเบิกโรง
ทีนิยมแสดง คือ ชุดจับลงิ หัวคา แล้วจึงแสดงหนังใหญเ่ รืองที
เตรียมไว้
อยา่ ลืมทาํ ใบงาน
เรอื งหนังใหญ่นะคะนักเรียน
อยากรูเ้ นื อหาเพิมเตมิ สแกนคิวอารโ์ ค้ดดไู ดเ้ ลยจา้