ก
บทนำ
หนังสือเห็ดปา่ สนเล่มน้ีเรียบเรียงจากข้อมูลโดยตรงจากป่าสนในตาบลบ้านจันทร์ จัดทาข้ึนเพือ่ ให้ผู้ท่ี
อยากรู้ และสนใจข้อมูลในเรื่องของเห็ด และความหลากหลายของเห็ดในพนื้ ท่ีป่าสนตาบลบ้านจันทร์ เป็นการ
เสนอในเชิงความรู้ และใช้ความสวยงามของภาพเปน็ ส่ือประกอบ และบรรยายข้อมูลของเห็ดส้ันๆ ใต้ภาพถ่าย
ภาพท้ังหมดเป็นการถ่ายจากระบบนิเวศของป่าสนในตาบลบ้านจันทร์ ภาพถ่ายทั้งหมดมาจากผู้เขียนโดยใช้
เวลาในวันหยุดสดุ สปั ดาห์ และเมือ่ เวลาวา่ ง หรอื หลังจากทเ่ี ห็ดออก ข้อมูลที่นาเสนอเป็นการเดนิ ป่าในชว่ งหน้า
ฝนเพ่ือศึกษาเนอ้ื หาเห็ดเก็บภาพในขอ้ มลู ระบบนิเวศรอบข้างของเหด็
หนงั สือเล่มนี้นาเสนอมุมมองใหมๆ่ เกี่ยวกบั เหด็ โดยใช้ภาพเพ่อื ให้ผ้ทู ส่ี นใจเมอ่ื เรยี กชอ่ื เห็ดแลว้ สามารถ
มองเห็นภาพได้แบบหยาบๆหรือใกล้เคียงกับลักษณะบางประการของเห็ดน้ันๆว่าควรมีลักษณะอย่างไร รูปร่าง
แบบไหน สีอะไร เพ่ือให้ผู้อ่านรู้จักเห็ดง่ายขึ้น อีกท้ัง ผู้เขียนได้พยายามยึดหลักต้ังชื่อตามที่ท้องถิ่นนั้นๆเรียก
ช่ือกลางกับช่ือทางวิทยาศาสตร์ด้วยการค้นหาข้อมูลและรายละเอียดจาก “หนังสือเห็ดป่าเมืองไทย”และ
บางส่วนก็ค้นหาในอนิ เทอร์เนต็ และสอบถามผรู้ ้เู รือ่ งเห็ดในชุมชนตาบลบ้านจันทร์
การนาเสนอของผู้เขียนได้เรียบเรียงลาดับลักษณะโครงสร้างใหญ่ๆตามกลุ่มเห็ดเช่น เห็ดโคน บน
ตน้ ไม้ บนดิน เห็ดที่กนิ ได้ และกนิ ไม่ไดใ้ นพ้นื ที่ปา่ สน ตาบลบ้านจันทร์ เห็ดในป่าสนยังมีความหลากหลาย และ
ความสวยงามของเห็ดในป่าสน ตาบลบา้ นจนั ทร์ อาเภอกลั ยาณิวัฒนา
สำรบญั ข
ระบบนิเวศของเห็ด 1
เหด็ ดระโงกเหลอื ง 2
เหด็ ดระโงกเหลืองนวล 3
เห็ดระโงกขาว 4
เห็ดระโงกดอกกระถนิ 5
เหด็ หาด 6
เหด็ น้าหมาก 7
เหด็ ปลวกจิก 8
เหด็ โคมพษิ 9
เหด็ ขมิ้นหลวง 10
เหด็ กระโถน 11
เห็ดปะการงั อ่อนเหลือง 12
เห็ดปะการังอ่อนปลายแดง 13
เห็ดปะการังออ่ นเป้อื นเลอื ด 14
เหด็ พดั ชอ้ นสนี ้าตาล 15
เหด็ หลินจอื ขอบเหลอื ง 16
เหด็ หลนิ จือดาด้าน เหด็ จวกั งู 17
เหด็ หง้ิ พดั เหลอื ง 18
เห็ดทงิ้ เขาวงกตบาง 19
เหด็ ทิง้ สนแตกระแหง 20
เห็ดทง้ิ หลากสี 21
เห็ดผง้ึ จนั ทร์เสยี้ ว 22
เหด็ นา้ หมึกซมึ ค
เหด็ น้าหมกึ
เหด็ นา้ หมกึ ผิวบาง 23
เห็ดรม่ ชมพูม่วง 24
เห็ดร่มวุ้น 25
เห็ดข่า 26
เห็ดหน้ามว่ ง 27
เหด็ ห้ิงกรวย 28
เหด็ กอ้ นฝ่นุ เหลืองทอง 29
เหด็ ดาวดินไม้ 30
เหด็ ห้งิ สีส้ม 31
เหด็ หไู มเ้ หลือง 32
เหด็ ตับเต่า 33
เห็ดผ้ึงนกยูงแดง เหด็ ปอดม้า 34
เหด็ ผึ้งผงเหลืองอมสม้ 35
เห็ดผึ้งพระ 36
เห็ดไส้เดอื น 37
เห็ดหมวกขาวขาสนั้ 38
เห็ดขอนขาว,เหด็ มนั มะมว่ ง,เห็ดมนั 39
เห็ดฟางหลง 40
เห็ดเผาะฝ้าย 41
เห็ดเผาะหนงั เห็ดถอบหอม 42
เหด็ หาพระ หรือ เห็ดขลาหมา 43
44
45
เห็ดผึ้งเหลืองยาจุด ง
เห็ดหัวหญ้า เหด็ หญา้ หวั แตก
เห็ดท่ียังไม่มขี อ้ มูล 46
แหลง่ อ้างอิง 47
48-54
55
1
ระบบนิเวศของเหด็
ตำบลบำ้ นจนั ทร์ โดยท่ัวไปมีสภำพพื้นท่ีประกอบ ด้วยเนินเขำสลับซับซ้อน มีควำมลำดชนั สูง กว่ำ 35
เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป มีท่ีรำบแคบๆ ตำม หุบเขำ มีห้วย และทำงน้ำขนำดเล็กไหลผ่ำนบ ริเวรทรำบ อยู่สูงกว่ำ
ระดับทะเล 900– 1,400 เมตร เปน็ พ้ืนท่รี ำบสูง ลกั ษณะพชื พรรณสว่ นใหญเ่ ป็นปำ่ สน
สภำพภูมิอำกำศโดยท่วั ไปของต.บ้ำนจันทร์ มสี ภำพอำกำศร้อนช้นื ในช่วงเดอื นมีนำ จนถึงเดือตลุ ำคม
เนื่องจำกอิทธิพลของลม มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และมีสภำพหนำวเย็น ในช่วงเดือนพฤศจิกำยนจนถึงเดือน
มนี ำคม อันเน่ืองมำจำกอิทธพิ ลของลมมรสุมตะวัน ออกเฉียงเหนือ อุณหภมู ติ ำ่ สุดเฉลี่ยตลอด ทง้ั ไป อยู่ท่ี 15.2
องศำเซลเซยี ส โดยมี อณุ หภูมิต่ำท่สี ุดในเดือนมกรำคมที่ 3.5 องศำ เชลเซียส และอณุ หภมู สิ งู สุดเฉลี่ยตลอดท้ัง
ปอี ยู่ท่ี 26.7 องศำเซลเซียส โดยมีอุณหภมู ิ สูงสุดในเดือนเมษำยนท่ี 33องศำเซลเซียส ปริมำณน้ำฝนในรอบปี
วัดได้ 1706.2
2
เห็ดดระโงกเหลือง
ช่ือทางวิทยาศาสตร์ Amanita hemibapha subsp. Hemibapha cor.&bas.
ชอ่ื ปาก่อญอ กอื งอ
ข้ึนดอกเดียวขนำด 5-12 เซนติเมตร ดอกออ่ น คล้ำยไข่ ดอกมีสีแดงอมส้ม หรือสีเหลือง อมส้ม เม่ือ
ดอกบำนจะมีร่องเล็กๆ ท่ีริมขอบ ครีบสีขำวครีม หรือสีเหลืองอ่อน ครีบ ครีบห่ำงก้ำน ก้ำนทรง กระบอกสี
เหลอื งอ่อน ผวิ มีขนสสี ม้ เปน็ ริ้วเรยี งเป็น วงรอบบ้ำน และมเี ยือ่ หุ้มสขี ำวรปู ถ้วยที่โคนกำ้ น กำ้ นกลวง มีวงแหวน
เป็นแผ่นบำงสีน้ำตำลส้ม อยู่ ด้ำนบนของก้ำน สปอร์ กลมรี สีขำว ผิวเรียบ ขนำด 5-6 x 7-8 ไมโครเมตร พบ
บนพน้ื ดินใน ปำ่ ก่อ ทั่วไปทกุ อทุ ยำน กินได้
3
เหด็ ระโงกเหลอื งนวล
ชอ่ื ทางวิทยาศาสตร์ Amanita hemibapha subsp. javanica cor.&bas.
ช่อื ปากอ่ ญอ กอื บอ
ขน้ึ ดอกเดยี วขนำด 5-12 เซนตเิ มตร ดอกออ่ น คลำ้ ยไข่ ดอกมีสีเหลืองจำงหรือเหลือง ครีบ สีขำวหรือ
ขำวครีม ครีบ ครีบห่ำงก้ำน ก้ำนทรง กระบอกสีเหลืองอ่อน ผิวมีขนสีส้มเป็นร้ิวเรียงเป็น วงรอบบ้ำน และมี
เย่อื หมุ้ สขี ำวรูปถ้วยท่โี คนก้ำน ก้ำนกลวง มีวงแหวนเป็นแผ่นบำงสีเหลืองนวลอยู่ ด้ำนบนของก้ำน สปอร์กลมรี
สีขำวผิวเรียบ ขนำด 5-7 x 7-9 ไมโครเมตร พบบนพื้นดินป่ำสนทว่ั ไปในตำบลบ้ำนจนั ทร์ อำเภอกลั ยำณิวฒั นำ
กินได้
4
เห็ดระโงกขาว
ชื่อทางวทิ ยาศาสตร์ Amanita princeps Corner & Bas.
ชอื่ ปาก่อญอ กือวา
ดอกขนำดใหญ่ ออกดอกเดียว ขนำด 9.5-20 เซนติเมตร ดอกอ่อนคล้ำยไข่สีขำวภำยในสีขำว ดอกมีสี
ขำวหรือครีม เม่ือดอกบำนจะมีร่องเล็กๆ ที่ ริมขอบ ครีบสีขำวครีม ครีบ ครีบห่ำงก้ำน ก้ำน ทรงกระบอกสี
เหลืองอ่อน ก้ำนตรงยำว ผวิ มรี ิ้วรอบ ก้ำน ถว้ ยท่โี คนกำ้ นสีขำวขนำดใหญ่ กำ้ นกลวง มี วงแหวนเป็นแผ่นบำงสี
ขำวอยู่ด้ำนบนของก้ำน สปอร์ กลมรี สีขำว ผิวเรียบ ขนำด 8-10 x 9-11ไมโครเมตร พบบนพื้นดินในป่ำก่อ
และป่ำสนท่วั ไปในพืน้ ท่ตี ำบลบ้ำนจนั ทร์ อำเภอกลั ยำณิวฒั นำ กนิ ได้
5
เห็ดระโงกดอกกระถิน
ชอ่ื ทางวิทยาศาสตร์ Amanita virginea Mass.
ชอื่ ปากอ่ ญอ กือวาเค๊อ
ดอกมีขนำด 5-15 เซนติเมตร ดอกอ่อนมีหนำม คล้ำยดอกกระถิน สีขำว ผิวมีสะเก็ดสีขำว เป็นรูป
สำมเหล่ียม สะเก็ดมีขนำดเล็กลงบริเวณขอบดอก และหลุดง่ำย ครีบสีขำวนวล ห่ำงก้ำน ก้ำนสีขำว มีสะเก็ด
เล็กๆ โคนก้ำนเป็นกระเปำะกลมๆ คล้ำย หัวหอม มีสะเก็ดสีขำวเป็นรูปเหลี่ยม เรียงกันเปน็ ช้นั ตำมขวำงรอบ
โคนกำ้ น มวี งแหวนสีขำวเปน็ แผ่น บำงห้อยลง หลุดง่ำย สปอรค์ อ่ นขำ้ งกลมหรือรปู ไข่ สขี ำวใส ขนำด 6-7 x 7-
10 ไมโครเมตร พบบนพ้ืนดินในป่ำเบญจพรรณ และป่ำสนในพ้ืนที่ตำบลบ้ำนจันทร อำเภอกัลป์ยำณิวัฒนำ
เปน็ พิษ
6
เหด็ หาด
ชอื่ ทางวทิ ยาศาสตร์ Lactarius volemus (Fr.) Fr.
ชอ่ื ปากอ่ ญอ กอื แฉ่ว
ดอกมีขนำด 3-10 เซนตเิ มตร ดอกอ่อนมีรูปทรง คล้ำยกระจกนูน หรือรูปทรงกระทะควำ่ ริมขอบโค้ง
ลงเล็กน้อย สีเหลืองส้ม สีน้ำตำลเหลือง หรือสี น้ำตำลแดง ดอกบำนจะแผ่แบนออก ตรงกลำงเว้ำ ตื้น ผิวแห้ง
คล้ำยกำมะหยี่ เม่ือกรีดหรือหักจะมีน้ำ ยำงสีขำวไหลออกมำ ครีบสีขำว หรือสีขำวนวล บำงเรียงชิดกัน ยึดติด
กับก้ำนลู่ลงเล็กน้อย สปอร์ ค่อนข้ำงกลม สีขำว ผิวขรุขระมีสันนูนเชื่อมกันเป็น ตำข่ำย ขนำด 8-9 x 9-10
ไมโครเมตร ก้ำ นกว้ำง 1-3 เซนติเมตร ยำว 2-6 เซนติเมตร ก้ำนทรงกระบอก สีน้ำตำลเหลือง หรือสีน้ำตำล
ส้ม คล้ำยกับสีของดอก แต่สีก้ำนจะอ่อนกว่ำ พบบนดิน ในป่ำก่อ และป่ำสน ข้ึนเป็นดอกเดียว หรือกระจำย
ใกลก้ ัน กนิ ได้
7
เห็ดนา้ หาาก
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Russula emitica(Schaeff. ex Fr.) Pers. ex S.F.Gray
ชื่อปาก่อญอ กือเส่เบะที
ดอกมีขนำด 3-8 เซนติเมตร ดอกอ่อนมีรูปทรง คล้ำยกระจกนูนหรือรูปทรงกระทะคว่ำ ริมขอบโค้ง
ลง ตรงกลำงเว้ำตื้น ผิวเรียบ สีแดงอมชมพู สปอร์ กลมรูปไข่ สีขำว ผิวขรุขระ มีสันนั้นเป็นตำข่ำย รอบสปอร์
ขนำด 6-9 x 7.5-12.5 ไมโครเมตร ก้ำนกว้ำง 1-2.5 เซนติเมตร ยำว 5-10 เซนติ เมตร ก้ำนสีขำว รูป
ทรงกระบอกไม่สม่ำเสมอ ผิว เรียบ เมือ่ ดอกบำนภำยในบ้ำนมกั จะเป็นโพรง กิน ได้ พบบนดนิ ในป่ำสน และป่ำ
เบญจพรรณท่วั ไป ขนึ้ ดอกเดยี วหรอื กระจำยเป็นกลมุ่ กินได้
8
เห็ดปลวกจิก
ช่ือทางวิทยาศาสตร์ Termitomyces cypeatus Heim.
ชือ่ ปาก่อญอ กอื โถพ่ ิ
พบบนพ้ืนดิน ขึ้นดอกเดียวกระจำยอยู่เป็นกลุ่ม ดอกมีขนำด 2.5 - 5 เซนติเมตร ดอกเห็ดเป็นรูป
ระฆังคว่ำ สีขำวนวล หรือเทำดำ ผิวเรียบ น่ิม และกรุบกรอบ มีรอยแตกเป็นแนวยำวอำจถึงกลำง หมวก ตรง
กลำงดอกสีน้ำตำลเข้ม นูนแหลมเล็ก น้อย ครีบสีขำว ไม่ยึดติดกับก้ำน สปอร์กลมหรือ รี สีขำวผิวเรียบ ขนำด
3.5 x 4-7.5 ไมโคร เมตร ก้ำนตรง ทรงกระบอก เรียบ สีขำวนวล ไม่มีวงแหวน กินได้ อร่อย มักพบเก่ียวข้อง
กบั ปลวก พบในป่ำสนตำบลบ้ำนจนั ทร์
9
เห็ดโคาพษิ
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Conocybe filaris (Fr.) Kohner
ดอกเห็ดขนำดเล็ก 5-15 มิลลเิ มตร ทรงกระทะ คว่ำ ผิวเรียบ สีครีมเหลืองหรือน้ำตำลเหลือง ที่ ขอบ
หมวกมีขนสีขำว อัดตัวแน่นคล้ำยก่ำมะหย่ี ขอบหมวกมีลำยทำง ครีบใต้หมวกเกิดชิดก้ำน สี น้ำตำลจำงถึงอม
ชมพู ก้ำนมีขนสีขำวเล็กละเอียด ติดอยู่ตลอดก้ำน สีเช่นเดียวกับหมวกดอก พิมพ์ สปอร์สีน้ำตำลสนิม พบอยู่
ตำมสนำมหญ้ำท่มี ปี ุ๋ย หมกั หรือเศษใบไม้ทับถม เป็นพษิ ถงึ ชวี ิตได้ พบใน
10
เห็ดขาินหลวง
ชื่อทางวทิ ยาศาสตร์ Cantharellus cinnabarinus Schweinitz
ช่ือปาก่อญอ กอื เส่อยอบอ
ดอกเห็ด ขนำดกว้ำง 1.5-4.5 เซนตเิ มตร น ทรงกรวยหรือแบนรำบ กลำงดอกนูนหรือนุ่ม ผิว เรียบ สี
เหลืองอมส้มถึงส้มแดง ขอบม้วนลงอยู่นำน แล้วแผ่บำนออกเมื่อแก่ ครีบเกยก้ำน ชัดเจนหรือ คล้ำยเส้นเอ็น
หรือเป็นเพียงรอยย่น ขอบย่นเมื่อแก่ เนื้อดอกนิ่ม พิมพ์สปอร์สีครีมอมชมพู สปอร์ขนำด 4.5-6 x 6-10
ไมโครเมตร ใส รูปไข่ยำว ผิว เรียบ เป็นนำยคอไรซำกับพืช พบได้ทุกแหล่งท้ัง ในป่ำตำบลบ้ำนจันทร์ อำเภอ
กลั ยำณวิ ฒั นำ ชว่ งกลำงฤดูฝนเป็นต้นไป กนิ ได้
11
เห็ดกระโถน
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Gomphus floccopus (Schweinitz) Singer
ชอ่ื ปากอ่ ญอ กือหน่าดิ
ดอกเหด็ ขนำดกวำ้ ง 4-15 เซนตเิ มตร สูง 7-20 เซนตเิ มตร ทรงกรวยลึกเหมือนแตร หรือเหมือน ดอก
ลำโพง ขอบย่นเป็นคล่ืน กรวยสีเหลืองอมส้ม ถึงส้มแดง มีแผ่นสะเก็ดแบนรำบกับผิวหมวก ด้ำน นอกสีครีม
หรอื สเี หลือง เม่อื ทำให้เปลี่ยนเป็นสี น้ำตำล กลิ่นและรสไม่ชดั เจน ดอกเกิดเด่ียวหรือ เป็นกลุ่ม 2-3 ดอก พิมพ์
สปอร์สีครีมอมส้มหรือ เหลืองขุ่น สปอร์ขนำด 6-7.5 x 12-15 ไมโคร เมตร ใส รูปไข่กว้ำง ผิวเรียบ เป็นมำย
คอไรซำ กับพืชโดยเฉพำะพืชวงศ์สน พบได้ทุกแหล่งในป่ำตำบลบ้ำนทร์ อำเภอกัลยำณิวัฒนำ ช่วงกลำง ถึง
ปลำยฤดฝู น (แหล่งข้อมูลว่ำเป็นพษิ ) แต่ที่ตำบลบ้ำนจนั ทรก์ ินได้
12
เหด็ ปะการงั ออ่ นเหลอื ง
ช่ือทางวทิ ยาศาสตร์ Ramaria flava (Schaeff.) Quél.
ชื่อปากอ่ ญอ กือโชว
ดอกเห็ดขนำดกลำงแผ่กว้ำงถึง 5-15 เซนติเมตร สูงถึง 10 เซนติเมตร แตกมำจำกบ้ำนท่ีมีลักษณะ
อ้วน สเี หลืองจำงถึงขำว แตกแขนงหลำยแฉก เป็นสี เหลืองสดหรือเหลอื งกำมะถัน เน้ือสีขำวอมเหลือง มีเมือก
ล่ืน พิมพ์สปอร์สีนวล สปอร์ขนำด 4-6.5 x 11-18.5 ไมโครเมตร รูปไข่ยำว ผิวไม่มีรอยย่น พบช่วงกลำงถึง
ปลำยฤดฝู น บนพน้ื ดนิ กุ้มขำ้ ว และในป่ำไม้ยนื ตน้ ปำ่ สนในตำบลบ้ำนจนั ทร์ อำเภอกัลยำณวิ ัฒนำ กินได้
13
เหด็ ปะการังออ่ นปลายแดง
ช่ือทางวทิ ยาศาสตร์ Ramaria rubripermanens Marr & Stuntz.
ชื่อปาก่อญอ กือโชว
ดอกเห็ดขนำดกลำงถึงขนำดใหญ่ ทรงดอกคล้ำย ปะกำรังอ่อนหรือบร็อกโคลี เจริญข้ึนมำจำกก้ำน
ขนำดใหญ่เพียงด้ำนเดียว แต่เปน็ ก้ำนขนำดใหญ่ สีชมพูอมแดงเม่ือยังสด แล้วซีดลงเป็นสีขำวหรือสี ชมพอู ่อน
แขนงที่แตกออกมีลักษณะเรียวเล็กลงไป ทำงปลำย ปลำยก่ิงมีสีแดงเร่ือๆ หรือแดงอมชมพู ก้ำนดอกสีจำงกว่ำ
มำก ปลำยกงิ่ สีเทำแดง เมื่อยงั ออ่ นสีแดงซดี เนือ้ ดอกสีขำว กล่นิ หอมหวำน มี รสจืด สปอร์รูปกลมรี ขนำด 4-
6 x 9.5 - 12.5 ไมโครเมตร พบช่วงกลำงฤดูฝน บนดินในปำ่ สนใน เขตป่ำสนตำบลบ้ำนทร์จันทร์ อำเภอกัลป์
ยำณิวัฒนำ กนิ ได้
14
เหด็ ปะการังออ่ นเปอ้ื นเลอื ด
ช่ือทางวทิ ยาศาสตร์ Ramaria sanguinipes R.H. Petersen & M. Zang
ช่อื ปาก่อญอ กอื โชว
ดอกเห็ดเป็นพุ่มสูง 7-12.5 เซนติเมตร กว้ำง 2.3-10 เซนติเมตร ผิวเรียบ เหนียว เมื่อทำให้
เปลี่ยนเป็นสีแดง หรือน้ำตำลแดง โคนเดียว อวบหนำ สีขำวอมเหลืองอ่อน หรือแต้มสีแดง แตก แขนงชุดแรก
กิ่งจำกโคน 2-3 กิ่ง แลว้ แตกก่งิ แขนง เป็นคๆู่ หลำยครงั้ จนเปน็ ทรงพมุ่ ก่งิ ที่แตกมีขนำด เท่ำๆ กัน ตงั้ ตรง เป็น
ทรงกระบอก ก่ิงสีขำวอม เหลืองออ่ น ปลำยก่ิง แตกเปน็ แฉกๆ ปลำยทู่ ส้ัน ดอกเล็กสีเหลือง ดอกใหญ่สีเหลือ
งอมขำว เนื้อด้ำน ใน เนื้อแน่น ผิวแห้ง สีขำวสปอร์รูปร่ำงกลม ปลำยมีส่ิงเล็กๆ ผิวเป็นตุ่มนูน ขนำดกว้ำง 3-5
x 7-11.5 ไมโครเมตร พบท่ีป่ำทว่ั ไปในตำบลบำ้ นจันทร์ กนิ ได้
15
เห็ดพดั ชอ้ นสนี ้าตาล
ช่ือทางวิทยาศาสตร์ Thelephora vialis Schweinitz
ดอกเหด็ กวำ้ ง 2-10 เซนตเิ มตร ดอกแผแ่ บนคล้ำย พัดซ้อนกนั ข้ึนมำตำมกิ่งไม้ ผวิ ดอกสีน้ำตำลอมม่วง
เป็นวงแหวนซ้อนกันเนื่องจำกมีขนอ่อนบนผิวหมวก ด้ำนใต้ดอกมีสีเทำขำว มีหนำมแหลมมำกมำย ก้ำนส้ัน
เรียวเล็กลงมำทำงโคน เน้ือหนำ เหนียว และหยำบ พิมพ์สปอร์สีน้ำตำลอ่อนอมเขียวหม่น สปอร์ขนำด 4-6 x
4-8 ไมโครเมตร เกือบกลม ผิวสปอร์มีหนำม มีกล่ินแรง ไม่มีข้อมูลว่ำกินได้ พบที่ปำ่ สนและป่ำรกร้ำง หรือบน
ไมท้ ่ีตำยแลว้
16
เห็ดหลินจอื ขอบเหลือง
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Ganoderma calidophilumJ.D. Zhao, L.W. Hsu et X.Q. Zhang
ดอกเห็ดเกิดดอกเดี่ยว ขนำด 3-3.7 เซนติเมตร ดอกรูปไต หรือพัด หมวกดอกผิวมันวำว สีน้ำตำล
แดงถงึ สนี ำ้ ตำลแกมสม้ ขอบดอกมีสอี ่อน กำ้ น ดอกตดิ ด้ำนขำ้ ง ผิวกำ้ นสีนำ้ ตำลมันวำว เนื้อดอก สีน้ำตำลอ่อน
สีนำ้ ตำลเขม้ ผวิ สีขำวถึงสเี หลือง ออ่ น เม่ือถูกสัมผัสเปล่ียนสีเป็นสีน้ำตำลเข้ม สปอร์ กลมรี ขนำด 6-7 x 8-11
ไมโครเมตร เกิด บนพื้นดิน พบที่ป่ำสนตำบลบ้ำนจันทร์ กินได้ มีคุณสมบัติเป็นยำ แตค่ นท่ีตำบลบ้ำนจันทร์ไม่
นิยมกนิ
17
เหด็ หลินจอื ดา้ ดา้ น เหด็ จวกั งู
ช่อื ทางวทิ ยาศาสตร์ Amauroderma rugosum
(Blume et Nees) Bres.
ดอกเห็ดเกิดดอกเดี่ยวหรอื เป็นกลุ่ม ขนำด 4-4.5 x 4-4.5 เซนตเิ มตร ดอกทรงจวก ผวิ หมวก ดอกปก
คลมุ ดว้ ยขนเลก็ ละเอียดคล้ำยกำมะหย่ี สี น้ำตำลดำสลบั จำงมองดเู ป็นวงซ้อนกนั กำ้ นดอก ติดตรงกลำงหรือ
ดำ้ นข้ำง เน้อื ดอกสเี หลอื งถงึ สเี นอื้ ดำ้ นใต้หมวกสขี ำวถึงเทำ ผวิ ของงูสีขำวถึงสีครีม เมื่อถกู สัมผสั เปลยี่ นเป็นสี
แดงสดแลว้ เปลย่ี นเป็นสี ดำ สปอรก์ ลมขนำด 8-10 x 8-12 ไมโครเมตร เกิดบนพ้ืนดิน กินได้ มีคุณสมบตั ิ เป็น
ยำ
18
เหด็ หิงพัดเหลอื ง
ชื่อทางวทิ ยาศาสตร์ Lenzites betulina (L.: Fries) Fries
ดอกเห็ดกว้ำง 3-10 เซนติเมตร ดอกรูปพัดหรือ ไต แผ่แบน ไม่มีก้ำน สีหลำกหลำยต้ังแต่ขำว ชมพู
เทำ เหลืองหรือส้ม ผิวหมวกมีขน บำงคร้ัง ปกคลุมด้วยสำหร่ำยสีเขียว เน้ือหนำ สีขำว ใต้ ดอกสีครีม รูยำว
คล้ำยครีบ ชัดเจนท่ีขอบดอก พมิ พส์ ปอร์สีขำว สปอร์รูปรียำว โค้งคล้ำยไส้กรอก ขนำด 2-3 x 4-6 ไมโรเมตร
พบบนไม้ทต่ี ำยแลว้ ในปำ่ โปรง่ ทว่ั ไป และป่ำสนตำบลบำ้ นจันทร์
19
เหด็ ทิงเขาวงกตบาง
ช่อื ทางวิทยาศาสตร์ Daedaleopsis confragosa (Bolton: Fries) Schroeter
ดอกเห็ดขนำด 3-15.5 เซนติเมตร รูปร่ำงแบนบำงคล้ำยพัด คร่ึงวงกลม ไม่ มีก้ำน แข็ง ผิวดอกไม่
เรียบ มีวงแหวนสีเข้มอ่อนซ้อนกัน สีฟำงข้ำว เหลืองอม น้ำตำลถึงน้ำตำลอมส้ม ดำคล้ำ ขอบหมวกบำง เนื้อ
ดอกสีขำวหรอื น้ำตำลจำง ดำ้ นใตด้ อกมรี ยู ำว คลำ้ ยครีบ พิมพ์สปอรส์ ีขำว สปอร์กลมรียำวขนำด 2-3.5 x 7-11
ไมโครเมตร พบเปน็ กล่มุ หรอื เด่ยี วบนไมเ้ นอื้ แข็งทตี่ ำยแล้ว
20
เห็ดทิงสนแตกระแหง
ชือ่ ทางวทิ ยาศาสตร์ Fomitopsis rhodophaeus (Lev.) Imaz.
ดอกเห็ดรูปพัดหรือครึ่งวงกลมควำมกว้ำงมำกกว่ำ ควำมยำว ไม่มีก้ำน คงทนข้ำมปี ผิวดอกสีน้ำตำล
จำงคลำ้ ยฟำง แตกระแหง มีวงที่เจรญิ ใหม่เปน็ สี ขำวคล้ำยฟองน้ำสำมำรถดึงหลุดออกได้ระหวำ่ งเนื้อ ดอกเดิม
กับเนื้อดอกใหม่ เน้ือดอกประสำนกันได้แต่ มีวงสำมำรถบอกได้คล้ำยวงปี ด้ำนล่ำงมีลักษณะ เป็นรูเล็กๆ บน
เนื้อเยื่อสีขำว เนื้อแข็ง หนำ หยำบ สีน้ำตำลอมเหลือง พิมพ์สปอร์สีขำว สปอร์ยำว เรียบ ขนำด 1.5-2 x 3-4
ไมโครเมตร พบอยู่ บนไมส้ นทีต่ ำยแล้ว
21
เห็ดทงิ หลากสี
ช่อื ทางวิทยาศาสตร์ Trametes versicolor (L.: Fr) Pilát.
ดอกออกซ้อนกันเป็นกลุ่มตั้งแต่เดือนพฤษภำคม ตุลำคม อำจพบได้ตลอดปี ขนำดดอกกว้ำง 4-10
เซนตเิ มตร หนำ 1-3 มิลลิเมตร ผิวด้ำนบน หมวกหลำกสีเชน่ เหลือง เทำอมส้ม น้ำเงิน ดำ และน้ำตำลแดง มี
ขนสีต่ำงๆ ทำให้เห็นเป็นวงสีซ้อน กันชัดเจนสลับกับวงเรียบ ด้ำนใต้ดอกสีขำวถึงเหลือง จำนวน 3-5 ต่อ
มิลลิเมตร สร้ำงสปอร์สีเหลือง ฟำงข้ำว รูปไข่ ขนำด 1.5-2 x 5.5-6 ไมโครเมตร เป็นซำโปรไฟต์หรือปรสิต
เล็กน้อยกบั ไม้เบญจพรรณ และไม้ยนื ตน้
22
เหด็ ผงึ จนั ทร์เสยี ว
ชอ่ื ทางวทิ ยาศาสตร์ Xerocomus subtomentosus (L.: Fr.) Quél.
หมวกเห็ด ขนำด 4.5-7.7 เซนติเมตร หมวก สีน้ำตำลอมเขียวมะกอกถึงน้ำตำลอมเหลือง เนื้อ สีขำว
ถึงขำวอมเหลือง ไม่เปล่ียนสีหรือเปล่ียนเป็น สีน้ำเงินจำงเม่ือ งูเหลี่ยมใหญ่ สีเหลืองมีร่อง ขวำงหรือเกยก้ำน
เปล่ียนเป็นสีน้ำเงินอมเขียวเม่ือ ฉีกขำด ส่วนบนของก้ำนขนำดหนำกว่ำโคน ผิว ก้ำนลำยสีอิฐตำมยำว หรือปก
คลมุ ดว้ ยกลุม่ ผง ขนำดเลก็ ท่ไี ม่ชัดเจน เส้นใยที่โคนกำ้ นสีครีมถึง เหลือง ก้ำนตัน สปอรร์ ียำว ผิวเรยี บ ขนำด 4-
5 x 9.5-15 ไมโครเมตร พบท่ีตำบลบำ้ นจันทร์ อำเภอกลั ยำณิวฒั นำ ชว่ งกลำง ฤดูฝน
23
เห็ดนา้ หากึ ซึา
ช่อื ทางวิทยาศาสตร์ Coprinus narcoticus (Schaeff. ex Fries) S.F. Gray
ชือ่ ปาก่อญอ กอื ต่าเตา๊ ะเอะ
ดอกเหด็ กว้ำง 1-3 เซนตเิ มตร รูประฆังแลว้ บำนออกจนขอบหมวกโค้งขึ้น และมักขำดเป็นร้ิวเนื่องจำก
กำร ย่อยตัวเอง ดอกสขี ำวปลอดแล้วเปลี่ยนเปน็ สีเทำและเน่ำดำ แก่ กลำงหมวกสีเขม้ หมวกลักษณะตรงกลำง
โค้งนูนมำกกว่ำปกติ ครีบชิดก้ำน สีน้ำตำลจำง ก้ำนสีขำว กลม กลวง มีขนคล้ำยกำมะหย่ีปกคลุม เนื้อ ดอก
บำง สร้ำงสปอร์ผิวเรียบ ขนำด 4.5-6 x 9-10 ไมโครเมตร พบท่ีตำบลบ้ำนจันทร์ เป็นพิษ เม่ือรวมกับ
แอลกอฮอล์
24
เหด็ นา้ หาึก
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Coprinus quadrifidus Peck.
ชอื่ ปาก่อญอ กือตา่ เตา๊ ะเอะ
ดอกเห็ดขนำด 2-8 เซนติเมตร รูประฆังคว่ำ เม่ือแก่บำนออกคล้ำยหมวก เม็กซิกัน ขอบโค้งข้ึน
เร่ิมแรกสีขำวอมเหลือง มีขนเป็นสะเก็ด เมื่อแก่สะเก็ด หลุดเหลือแตห่ มวกบำง ใตห้ มวกเป็นสีดำ พิมพ์สปอร์สี
ดำ ร่วงหลน่ ลงส่พู ้นื ด้ำนล่ำง กำ้ นสขี ำว โคนกำ้ นใหญ่กวำ่ ปลำยก้ำน ท่ีฐำนมีลักษณะคล้ำยปลอก สปอร์ ขนำด
4-5 x 7-10 ไมโครเมตร มีสำรโคปน เป็นพษิ เมอื่ ไดร้ ับ แอลกอฮอรร์ ว่ มดว้ ย สปอร์ก่อใหเ้ กดิ ภูมแิ พไ้ ด้ พบบนไม้
หรอื เกดิ ตำมมลู วัว
25
เห็ดนา้ หากึ ผิวบาง
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Coprinus plicatilis (W.Curtis: Fries) Fries
ดอกเห็ดกว้ำง 1-3 เซนติเมตร สีขำวหรือขำวเทำ ตรงกลำงเข้มกว่ำปกติ ดอกเริ่มแรกโค้งลงเล็กน้อย
แลว้ บำน แผแ่ บน ขอบยกเลก็ น้อย ผวิ หมวกเป็น รอ่ งตำมแนวครีบ ผิวเรียบ ขอบหมวกเหลวเป็น หมึกสีดำเม่ือ
แก่ เน้ือดอกบำงมำก พมิ พส์ ปอร์สีดำ สปอร์สีดำ ผิวเรียบ ขนำด 8-9 x 10-12 ไมโคร เมตร พบได้ท่ัวไปตำม
สนำมหญ้ำ ไม่มขี อ้ มลู ว่ำกนิ ได้
26
เห็ดรา่ ชาพูา่วง
ชอ่ื ทางวทิ ยาศาสตร์ Marasmius araneocephalusWannathes, Desjardin & Lumyong
ดอกเห็ดขนำด 2.0-4.2 เซนตเิ มตร ดอกโค้งเล็กน้อยเกือบแผ่แบบ กลำง หมวกปมุ่ เล็กน้อย ผิวเรียบ
สีขำวอมชมพจู ำง มลี ำยตำมแนวครบี ครบี ชิดก้ำน แตล่ ะครีบหำ่ งกนั เน้อื ดอกบำง กำ้ นตดิ กลำงดอก ก้ำนบดิ ตัว
เล็กน้อย พิมพ์ สปอร์สีขำว ขนำด 3.5-4 x 6-8 ไมโครเมตร รูปร่ำงกลมหรือรูปไข่ กลิ่น และรสไม่ชัดเจน ไม่มี
ข้อมูลวำ่ กนิ ได้
27
เห็ดรา่ วุ้น
ชอ่ื ทางวทิ ยาศาสตร์ Mycena stylobates (Pers.: Fr.) Kumm.
ดอกเห็ดขึ้นเป็นกลุ่ม หลำยดอก ขนำดกว้ำง 0.3-1.5 เซนติเมตร รูป กระทะคว่ำ แผ่แบนเมื่อ โต
เต็มที่ ขอบดอกสี ขำว มีลำย ผิวดอกมัน วำว มีเมือกเมื่อข้ึน ครีบชิดก้ำน แล้วแยก ออกห่ำงก้ำนเมื่อแก่
ก้ำนยำวไดถ้ ึง 5 - 6 เซนติเมตร ก้ำนใสสี น้ำตำลอมเหลือง ติด อยู่กับไม้ด้วยเส้นใยท่ี สำนกันเป็นจำนหรือ
ฐำนรองดอก พิมพ์ สปอร์สขี ำว พบไดท้ ว่ั ไปในป่ำรกรำ้ งป่ำสน ตำบลบ้ำนจนั ทร์
28
เห็ดข่า
ช่ือทางวิทยาศาสตร์ Lactarius flavidulus Imai.
ชื่อปากอ่ ญอ กอื แฉ่ววา
ดอกมีขนำด 5-10 เซนติเมตร ทรงร่ม ดอกบำนแผ่ออกตรงกลำงเว้ำตื้น ริม ขอบโค้งลงเล็กน้อย มีสี
ขำวนวล หรือสเี นื้ออ่อน ผิวเรียบ เมื่อกรีดหรือตัดจะมี น้ำยำงสีเทำอมฟำ้ ขำวไหลออกมำ ครีบสีขำว ถี่ ชิดก้ำน
ก้ำนทรงกระบอก สี ขำวนวล คล้ำยกับสีของดอก โคนก้ำนจะเล็กกว่ำดำ้ นบนเล็กน้อย กินได้ ดอก สดมีรสเผ็ด
สปอรก์ ลม สีขำว ผวิ ขรขุ ระมีสนั นูนเชือ่ มกนั เป็นตำขำ่ ย ขนำด 7 x 8 ไมโครเมตร พบบนพื้นดนิ ปำ่ เบญจพรรณ
ทว่ั ไป ขึ้นดอกเดยี ว หรือ กระจำยท่ัวไป กินได้
29
เห็ดหนา้ า่วง
ชอื่ ทางวิทยาศาสตร์ Russula cyanoxantha (Schaeff.) Fr.
ดอกมขี นำด 5-15 เซนตเิ มตร ดอกมีรูปทรงคล้ำย กระทะคว่ำ ดอกออ่ นริมขอบม้วนเข้ำ เม่ือดอกบำน
จะแผ่แบนออกตรงกลำงจะเวำ้ และยุบลง มีสีม่วง ขำว สีชมพูอมม่วง สีเหลืองอ่อนอมม่วง สีเขียวอ่อน อมม่วง
สมี ่วงและสมี ่วงแก่ ริมขอบมีร่องละเอยี ด ผิวเรียบบำงคร้ังผิวจะแตกเป็นแผ่นสะเก็ดบำงๆ เห็น เน้ือภำยในเป็น
สขี ำว ถ้ำอำกำศชน้ื ผวิ กจ็ ะเปียกและ ลื่น เน้ืออ่อนและกรุบ ครีบเรียวบำง เรียงกัน มี สีขำวหรือสีขำวนวล บำง
ครีบเชื่อมติดกัน ยึดติดกับ ก้ำน ก้ำนกว้ำง 1-4 เซนติเมตร ยำว 3-10 เซนติเมตร ก้ำนสีขำว ผิวค่อนข้ำงเรียบ
ดอกอ่อน ก้ำนตัน เม่ือดอกบำนก้ำนมักจะพรุน กินได้ พบ บนดินในป่ำก่อ ป่ำท่ัวไป และป่ำสน ขึ้นดอกเดียว
หรอื กระจำยเป็นกลมุ่ สปอรก์ ลมรี สีขำวใส ผิว ขรุขระ มีขนำด 6-7 x 7-9 ไมโครเมตร
30
เห็ดหิงกรวย
ชอ่ื ทางวทิ ยาศาสตร์ Microporus xanthopus (Fries) Kuntze
ดอกเห็ดเม่ือโตเต็มที่มีรูปทรงคล้ำยกรวย ผิวด้ำนบนมีสีส้มแดง เม่ืออำยุมำกขึ้น สีซีดจำงลงได้จนสี
คล้ำยฟำงขำ้ ว ผวิ มนั วำว เน้ือดอกเปน็ คลืน่ มวี งสซี ้อนกัน สลบั ซดี จำง เป็นลำยสวยงำมในตวั ดำ้ นใตม้ ีสีจำง มี
รูตื้นเล็กๆมำกมำยแต่ มีขนำดเล็กมำกยำกท่ีจะมองเห็น ก้ำนแข็ง สั้น เมื่อเทียบกับขนำดดอก ติด อยู่กับหมวก
ดอก โดยปกตอิ ยู่กึ่งกลำงของหมวก สปอร์ทรงรียำว ขนำด 2-2.5 x 5.5-7 ไมโครเมตร พบไดช้ ่วงปลำยฤดูฝน
บนก่งิ ไม้ ท่วั ไปในปำ่ ตำบลบำ้ นจนั ทร์
31
เห็ดกอ้ นฝุน่ เหลืองทอง
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Scleroderma sinnamariense Mont.
ดอกเห็ดเกิดเด่ียวหรือเป็นกลุ่มบนดินมักฝังตัว 1 ใน 4 ถึงคร่ึงดอก ขนำดกว้ำง 1-10 เซนติเมตรสูง
1.5-5 เซนติเมตร รูปร่ำงค่อนข้ำงกลม มีรอยเว้ำ มีลอนลึก ทำให้เห็นเป็นพู ผนังหนำ 3-5 มิลลิเมตร ผนัง
โดยรอบมีจุดหรือตุ่มนูน สีเหลืองทอง ถึงเหลืองอมส้ม แตกเม่ือแก่ ผิวด้ำนบนแตกออก2-3 แฉก ไม่เป็น
ระเบียบ ภำยในมีกลุ่มสปอร์มำกมำยเป็นผงสีม่วงจำง ม่วงเข้มถึงม่วงน้ำตำลเข้มในท่ีสุด สปอร์มีขนำด 7-9
ไมโครเมตร รปู รำ่ งกลม ผิวสปอรม์ ีหนำมแหลมโดยรอบสีน้ำตำลอมมว่ ง พบทต่ี ำบลบ้ำนจนั ทร์ช่วงกลำงฤดฝู น
32
เหด็ ดาวดนิ ไา้
ชอื่ ทางวทิ ยาศาสตร์ Geastrum mirabile (Mont.) Fischer.
ช่ือปาก่อญอ กือแบคลี
ดอกเห็ดเกิดเด่ยี ว กระจดั กระจำยบนไม้ ดอก ขนำดกว้ำง 2-3 เซนตเิ มตร สงู 1-2.5 เซนติ เมตร เมอ่ื
โตเต็มท่ี รปู ร่ำงของดอกกลมหรือรปู ไข่ ประกอบด้วยถุงลมใส่สปอรแ์ ละผนงั ช้ันนอกท่ีแตก ออกเป็นแฉก 5-7
แฉก แฉกสขี ำวนวลดูดซบั น้ำ ไดม้ ีควำมหนำ ทำหน้ำทย่ี กใหถ้ ุงใส่สปอรล์ อยตวั สงู ขนึ้ ถงุ ลมใส่สปอรม์ ีลักษณะ
เป็นถุงกลม กวำ้ ง 3-15 มิลลิเมตร สีนำ้ ตำลเทำ ผิวเรยี บ มรี เู ปิด ตรงส่วนยอดสดุ ยุบตวั ไดเ้ มือ่ มแี รงมำกระทบ
ภำย ในบรรจุผงสปอร์สีนำ้ ตำลอมเหลอื ง ขนำด 3.5-5 ไมโครเมตร สปอรร์ ปู ร่ำงกลม ผวิ มตี ุ่มรอบสปอร์ พบ
เปน็ ซำโปรไฟต์กับไมผ้ ุ และทว่ั ไปชว่ งกลำงฤดฝู น
33
เหด็ ทิงสสี า้
ชอ่ื ทางวทิ ยาศาสตร์ Pycnoporus sanguineus (Fr.) Murr.
ดอกเห็ด คล้ำยพัด ขนำด 5-10 เซนติ เมตร รูปร่ำงเปน็ ครึง่ วงกลม แผแ่ บน เน้ือ เหมอื นเนือ้ ไมแ้ หง้ สี
สม้ แดง ซดี จำงลงเม่ือ อำยมุ ำกขึน้ ด้ำนใตลำยมำกขน้ึ ดำ้ นใต้สเี ดยี วกบั ผิวหรอื ปรำกฏในเนือ้ ไม้ พมิ พ์ สปอร์ สี
ขำว สร้ำงสปอร์ รปู ทรงกระบอก ขนำด 2-2.5 x 3-5.5 ไมโครเมตร เปน็ ชำ โปรไฟต์ อยกู่ บั กง่ิ ไม่ ขนำดกลำง
ทั้งในปำ่ ใบและป่ำท่ีแหง้ แลง้
34
เห็ดหูไา้เหลือง
ชอื่ ทางวทิ ยาศาสตร์ Stereum ostrea (Blume & Nees: Fries) Fries
เห็ดชนิดนี้มักข้ึนอยู่บนขอนไม้หรือก่ิงไม้ทำให้ไม้เน่ำขำว เปื่อยยุ่ย ดอกเห็ดขึ้นเป็นกลุ่มเต็มทั้งตอไม้
หรือท่อนไม้ ดอกเห็ดไม่มีก้ำน ครึ่งวงกลมถึงเกือบกลม ขนำดใหญ่ได้ถึง 10 เซนติเมตร เน้ือดอกบำงมำก
เหนียวและแข็ง ผิวหมวกมีสีเหลืองสดใสเหลืองอมส้ม หรือสีเข้ม มีวงซ้อนกัน ผิวเรียบ ใต้หมวกลักษณะเป็น
รอยย่น สีเหลืองจำงกว่ำสีผิวพิมพส์ ปอร์สีขำว สร้ำงสปอร์รูปยำว ผิวเรียบ ขนำด2-3.5 x 4.5-7.5 ไมโครเมตร
พบได้ทัว่ ไปในปำ่ ตำบลบำ้ นจนั ทร์ ช่วงเดอื นสิงหำคมถงึ เดือนพฤศจกิ ำยน
35
เห็ดตบั เตา่
ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Thaeogyroporus porentosus (berk. ET. Broome)
ช่ือปาก่อญอ กือเถอะซู่
อยู่ในวงศ์ Boletaceae ทำงภำคเหนือจะเรียกกันว่ำ เห็ดห้ำ เพรำะจะข้ึนบริเวณใต้ต้นหว้ำ ซึ่งชำว
เหนือเรียกต้นหว้ำว่ำ ต้นห้ำ ส่วนในภำคอีสำนเรียกว่ำ เห็ดน้ำผึ้ง ค่ะ ถ่ินกำเนิดของเห็ดตับเต่ำจะพบในแถบ
ประเทศทีมีอำกำศชื้น พบได้ในปำ่ ทั่วไปตำมภำคเหนือ ภำคอีสำน และภำคใต้ หรือจะพบในชว่ งต้นฤดฝู นและ
ปลำยฤดฝู น ลักษณะทำงพฤกษศำตร์ของเห็ดตับเต่ำคือ หมวกเห็ดเป็นรูปกระทะควำ่ เส้นผ่ำศูนย์กลำง 12-30
ซม. ดอกอ่อนมีขนละเอียดคล้ำยกำมะหยี่สีน้ำตำลเม่ือบำนเต็มท่ีกลำงหมวกเว้ำเล็กน้อย ผิวสีน้ำตำลเข้มอม
เหลืองอ่อนปริแตกเป็นแห่งๆ ดำ้ นล่ำงของหมวกมีรูกลมเล็กๆ สีเหลืองปำกรูเชื่อมติดเป็นเนื้อเดยี วกันเมื่อบำน
เต็มท่ีเน้ือจะเปลี่ยนเป้นสีเหลืองอมเขียวหม่นและเขียวหม่นอมน้ำตำล ก้ำนอวบใหญ่สีน้ำตำลอมเหลือง โคน
ก้ำนโป่งเป็นกระเปำะบำงส่วนนูนและเว้ำเป็นร่องลึกเม่ือตัดหรือหั่นถูกอำกำศ เน้ือเห็ดตับเต่ำจะสีน้ำเงินอม
เขียว
36
เหด็ ผึงนกยงู แดง เหด็ ปอดา้า
ชอื่ วทิ ยาศาสตร์คือ Heimiella japonica Hongo
หมวกดอกขนำด 1.8-15 เซนติเมตร สีแดงถึง แดงเข้ม เน้ือสีเหลืองสวำ่ ง ไม่เปลี่ยนสีเม่ือหมวกดอก สี
เหลืองสวำ่ ง แบบชดิ ก้ำน กลม โคนก้ำนขนำดใหญ่กว่ำส่วนบนเล็กน้อย ผิวก้ำน ลักษณะเป็นลำยตำข่ำยสีแดง
และพบกลมุ่ ผงสี แดงขนำดเล็กร่วมอยดู่ ว้ ย ก้ำนสีแดงเหมือนส่วน หมวกดอก ส่วนบนสุดของก้ำนสีเหลือง เน้ือ
ใน ก้ำนตนั สีเหลืองสว่ำง สปอร์รูปกลมรี ผิวสปอร์ เป็นร่องหลุมคล้ำยรำ่ งแห ขนำด 6-8.5 x 9-15 ไมโครเมตร
พบทป่ี ำ่ สนทวั่ ไปในตำบลบำ้ นจันทร์ ตลอดชว่ งฤดูฝน กนิ ได้
37
เหด็ ผงึ ผงเหลืองอาสา้
ช่ือวทิ ยาศาสตรค์ ือ Pulveroboletus ravenelii(Berk. & M.A. Curtis) Murrill
หมวกเห็ดขนำด 1.7.6.2 เซนตเิ มตร เย่อื หมุ้ เช่ือมติดกบั ก้ำน ฉีกขำดเม่ือดอกบำน มเี ศษเย่อื ตดิ กำ้ น
หมวกสีเหลืองถงึ เหลอื งเข้มถึง ำตำลอม แดง ผิวหมวกเรียบ เนอื้ สีขำวอมเหลืองถงึ เหลือง อ่อน เปล่ยี นเปน็ สี
น้ำเงินเม่ือ สีเหลอื งอ่อนถึง เหลอื ง ชดิ ก้ำน กลมถึงเหลย่ี ม ก้ำนเรียวเล็กลง จำกสว่ นบนลงไปโคนกำ้ น ผวิ ก้ำน
ปกคลมุ ด้วยกล่มุ ขนละเอียด สปอร์รปู กลมรี ขนำด 4 - 6.5 x 7.5-11 ไมโครเมตรออก ชว่ งต้นถึงกลำงฤดฝู น
38
เหด็ ผงึ พระ
ช่อื วิทยาศาสตร์คือ Leccinum extremiorientale (L. Vass) Sing.
หมวกเห็ดขนำด 8.7-14 เซนติเมตร ผิวหมวกเป็นร่อง แตกเป็นร่องลึกจนเห็นเน้ือใน สีน้ำตำลอม
เหลือง เหลืองอมส้ม เนื้อสีขำวครีมถึงเหลืองอ่อนสีเหลืองถึงเหลืองคล้ำ แบบชิดก้ำน เหลี่ยมถึงค่อนข้ำงกลม
โคนก้ำนใหญ่กวำ่ ส่วนบนของก้ำนเล็กน้อย ผิวก้ำนปกคลุมดว้ ยกลุ่มสะเก็ด ลักษณะขรุขระและหยำบ สีน้ำตำล
อมส้ม พื้นผิวก้ำนสีเหลืองอมน้ำตำลอ่อน เน้ือในก้ำนตันสีขำวครีมสปอร์รูปร่ำงเรียวยำว ผิวสปอร์เรียบ ขนำด
3.55.5 x 10.5-19.5 ไมโครเมตร พบได้ทีป่ ำ่ สนท่วั ไปตำบลบ้ำนจันทร์ เกือบตลอดฤดฝู น
39
เหด็ ไสเ้ ดอื น
ชื่อวทิ ยาศาสตร์คอื Amanita vaginata var. vaginata (Bull. ex Fr.) Vitt.
ดอกเด่ียวขนำดกว้ำง 5-10 เซนติเมตร สีเทำดำท่ีกลำงหมวกแล้วค่อยจำงลง มำทำงขอบหมวก เห็น
ลำยตำมร่องครีบเล็กๆ ท่ีริมขอบ ครีบสีขำวครีม ครีบ ครีบห่ำงก้ำน ก้ำนทรงกระบอกเท่ำกันตลอด สีขำวนวล
มีริ้ว ถ้วยที่โคน ก้ำนสีขำวขนำดเล็ก ก้ำนกลวง มีวงแหวนเป็นแผ่นบำงสีขำว หลุดง่ำย อยู่ ด้ำนบนของก้ำน
สปอรก์ ลมรี สีขำวผิวเรียบ ขนำด 9-11 x 9-12 ไมโครเมตร พบ X บนพื้นดนิ ในป่ำก่อ กนิ ได้
40
เหด็ หาวกขาวขาสนั
ชอ่ื วิทยาศาสตร์คือ Russula brevipes Peck
ชื่อปากอ่ ญอ กือวาโพ
ดอกเห็ดเกิดเป็นกลุ่มหรือกระจำย ขนำดดอก เซนติเมตร ดอกแบบ ปุ่มกลำงคล้ำยกรวย ขอบ ยกข้ึน
ผิวแห้ง สีขำว ครีบ ชิดก้ำน สีขำวหรือ ครีม เมื่อขำดเปล่ียนเป็นสีน้ำตำลแดง ก้ำนตั้งตรง ขนำดเท่ำกันตลอด
ส้ัน พิมพส์ ปอร์สีขำวหรือขำว ครีม สปอร์ขนำด 6 - 8 x 8 -1] ไมโครเมตร เป็นมำยคอไรซำกับพืชหลำยชนิด
กินได้
41
เห็ดขอนขาว,เห็ดานั าะา่วง,เห็ดาัน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lentinus squarrosulas Mont.
ช่ือปาก่อญอ กอื เหส่โข่, กอื เก่อชอเอะ
ลักษณะโดยทั่วไปของเห็ดขอนขำวและเห็ดขอนดำโดยท่ัวไปแล้วลักษณะก้ำนจะชูออกมำ และหมวก
เห็ดจะมีรอยปุ๋มตรงกลำงเล็กน้อย โดยท่ีขนำดของหมวกเห็ดจะไม่ใหญ่มำกและถ้ำหำกสีของเห็ดเป็นสีขำวทั้ง
ต้นจะถูกเรียกว่ำเห็ดขอนขำวแต่ถ้ำที่หมวกเห็ดออกสีคล้ำๆหน่อยจะเรียกว่ำเห็ดขอนดำส่วนมำกจะข้ึนบนไม้
เน้ือแข็งและก้อนเช้ือเห็ดท่ีชำวไร่เพำะข้ึนมำ พบในบริเวณท่ีช้ืนแฉะหรืองอกบนไม้เนื้อแข็ง จะข้ึนมำกในชว่ งท่ี
มีอำกำศร้อนอบอำ้ ว อุณหภูมิประมำณ 31ºC และสำมำรถพบได้บอ่ ยในฤดูฝนลักษณะรูปร่ำงมีลักษณะดอก
คล้ำยเห็ดนำงฟ้ำแต่หมวกเห็ดจะหลมมีขนำดไม่ใหญ่มำก เนื้อบำงและเหนียวเล็กน้อย บนหมวกเห็ดจะมี
ลักษณะเป็นหลุมลงไปเล็กน้อย ถ้ำดอกเห็ดมีสีขอวจะเรียกเห็ดขอนขำว ถ้ำหมวกเห็ดมีสีน้ำตำลหรือดำจะ
เรียกว่ำเหด็ ขอนดำ กินได้
42
เห็ดฟางหลง
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Pluteus cervinus (Schaeff. & Fr.) Kum.
ดอกเดี่ยวขนำดปำนกลำง กว้ำง 3-7 เซนติเมตรดอกเห็ดรูประฆังคว่ำ กลำงหมวกมีตุ่มนูน ผิวหมวก
เรียบ สีม่วง หรือสีน้ำตำลอมแดง หนืดมือเม่ือเปียกช้ืน ครีบห่ำงก้ำน เมื่อยังอ่อนสีขำวแต่เมื่อแก่แล้ว
เปลี่ยนเปน็ สีชมพอู มส้ม โคนกำ้ นใหญก่ ว่ำด้ำนปลำยก้ำนเล็กน้อย พิมพ์สปอร์สีชมพอู มส้มสปอร์กลมรี ผิวเรียบ
ขนำด 5 x 7.5 ไมโครเมตรพบท่ตี อไมใ้ นปำ่ สนตำบลบ้ำนจันทร์
43
เห็ดเผาะฝ้าย
ชอื่ วิทยาศาสตร์ Astraeus asiaticus C. Phosri,M.P. Martin & R. Watling
ชอื่ ปาก่อญอ กือลา่ เทอ
ดอกเหด็ เกิดเดย่ี ว กระจดั กระจำยหรือเกิดเป็นกลุ่มในดนิ ทรำย ดอกขนำดกว้ำง 4-9 เซนตเิ มตร สูง 1-
2.5 เซนติเมตร เมื่อโตเต็มที่ รูปร่ำงของดอกประ กอบด้วยถุงลมใส่สปอร์และผนังช้ันนอกที่แตกออกเป็นแฉก
6-12 แฉก ถุงใส่ สปอร์มีลักษณะเป็นถุงกลม สีเขียวข้ีม้ำหรือเทำอ่อน ยืดหยุ่น ยุบตัวได้เม่ือมี แรงมำกระทบ
ภำยในบรรจุผงสปอร์สีน้ำตำล สปอร์ขนำด 8.75-15.2 ไมโคร เมตร รูปร่ำงกลม ผิวมีหนำมรอบสปอร์ พบเป็น
มำยคอไรซำกบั พชื เชน่ พะยอม เหยี ง พลวง พบไดท้ ่ัวไป กินได้
44
เห็ดเผาะหนงั เห็ดถอบหอา
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Astraeus odoratus C. Phosri, R. Watling, M.P. Martin & A.J.S Whalley
ชอ่ื ปาก่อญอ กอื ลา่ เทอ
ดอกเหด็ เกดิ เดย่ี ว กระจัดกระจำยหรอื เกดิ เป็นกลุ่มในดนิ ทรำย ดอกขนำดกวำ้ ง 4-9 เซนตเิ มตร สูง 1-
2.5 เซนตเิ มตร เมือ่ โตเต็มที่ รปู รำ่ งของดอกประกอบดว้ ยถุงใส่สปอร์และผนังชั้นนอกที่แตกออกเป็นแฉก 6-12
แฉก ถงุ ใสส่ ปอรม์ ีลกั ษณะเปน็ ถุงกลม กว้ำง 1-2.5 เซนติเมตร สีเขียวข้ีม้ำหรือเทำอ่อน ยืดหยุ่น ยุบตัวได้เม่ือมี
แรงมำกระทบ ภำยในบรรจุผงสปอร์สีน้ำตำล ขนำด 7-11 ไมโครเมตร สปอร์รูปร่ำงกลม ผิวมีตุ่มรอบสปอร์
พบเป็นมำยคอไรซำกบั พืช เชน่ พะยอม เพยี ง พลวง กนิ ได้ มรี ำคำแพง
45
เหด็ ห้าพระ หรือ เห็ดขลา้ หาา
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Mycoamaranthus cambodgensispat.) S. Lumyong, R. Sunmee, P.
Lumyong, Z.L. Yuang & M. Trappe
ชอ่ื ปากอ่ ญอ กือขอ่ เหล่โา่
ดอกเห็ดเกดิ เดย่ี วหรอื เป็นกลุม่ กลม ไมม่ กี ้ำน ผนังบำงมำก ผวิ เรียบหรือมีจุดดำละเอียด สเี หลืองเขม้
ลกู จันทร์สุก เนอื้ เยือ่ ภำยในสีขำว ยืดหยุน่ คลำ้ ยยำง เปลย่ี นเป็นสนี ้ำตำลยำงเมื่อแก่ สรำ้ งสปอร์ขนำด 8-10 x
11-14 ไมโครเมตร รูปผลฝรง่ั หวั ท้ำยไม่เทำ่ กนั สนี ำ้ ตำลอยใู่ นเมือก ผวิ สปอร์มหี นำมแหลมรอบ พบในป่ำเบญจ
พรรณทั่วไป และป่ำสนตำบลบำ้ นจันทร์ อำเภอกลั ยำณวิ ัฒนำ ไมน่ ิยมกิน